bloggang.com mainmenu search


คิดอยู่นานครับว่าจะเริ่มเขียนยังไงดี แล้วก็ตัดสินใจได้ครับ คือ เขียนตามอารมณ์ครับ ขอเขียนไปเรื่อยๆ ถ้าเหนื่อยก็ขอพักก่อนแล้วค่อยเขียนใหม่นะครับ


สรพงศ์ ชาตรี พี่เอกของน้องๆ
อาเอก ลุงเอกของหลานๆ
พิทยา เทียมเสวก ของคุณดวงเดือน
พี่คร้าบ ของเสธต้น (เรียกด้วยความคารวะในฝีมือ...)

และไอ้เอก ของท่าน Cinephile (ถ้าท่านเรียกใครว่า 'ไอ้' นั่นคือความเอ็นดูในระดับสุดยอด ผมเองยังไม่มีวาสนาถึงขั้นนั้นเลยครับ หวังไว้ว่าสักวันท่านจะเรียกผมว่า 'ไอ้' บ้าง)

สรพงศ์ หนึ่งเดียวคนนี้ ที่ผมกล้าฟันธงเอาหัว (ใครดีหว่า) เป็นประกันว่า ต้องได้เล่นในภาพยนตร์ PPU อย่างแน่นอน คนอื่นนอกนั้น ยังไม่แน่ครับ

และบทที่ท่าน Cinephile มอบหมายให้พี่เอกเล่นนั้น ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร ที่ขอโทษครับ ผมเชื่อว่าพี่เอก จะทำให้มัน มีอะไร ขึ้นมาจนได้ บทนั้นก็คือ 'มันตรัย'!!!

มัยตรัน เอ๊ย มันตรัย ปุโรหิตจอมขมังเวทย์แห่งนิทรานคร ผีดิบเจ้าอารมณ์ผู้เหงาหงอย เฝ้ารอคอยคนที่ตนรักอย่างยาวนานมิรู้จุดหมาย เรียกว่าเป็นคน รักเดียวใจเดียว คนหนึ่งในใต้หล้า...


...แวบไปฟัง Hotel California การประสานเสียงกีต้าร์ระดับเทพมาครับ กลับมาเขียนต่อ...


ช้าก่อน หลายคนคงคิดในใจว่า พี่เอก นี่นะ จะมาเล่นเป็นผีดิบมันตรัย หล่อ เซ็กส์(ซี่) และล่ำไปรึเปล่า!?!

ลองดูแนวคิดของท่าน Cinephile ดูครับ ท่านบอกว่าต้องการนักแสดงที่มีพลังในสายตาสามารถดึงดูดคนได้

มีไม่กี่คนในประเทศไทยหรอกครับ ที่ทำได้ในระดับนี้ แต่พี่เอกทำได้ เพราะเป็นธรรมชาติของแกอยู่แล้ว

อีกทั้ง มันตรัย ในภาพยนตร์ จะปรากฎตัวทั้งในภาพของปุโรหิตจอมขมังเวทย์ และผีดิบ ซึ่งในภาพของปุโรหิต ก็คงจะคล้ายๆ กับ อิมโฮเทป แห่ง The Mummy แหละครับ คือหล่อๆแบบนั้น แต่ผมคิดว่าเมื่อเทียบกันกิโลต่อกิโลแล้ว พี่เอกหล่อกว่า สายตาดึงดูดกว่า ส่วนผีดิบนั้น จะใช้เทคนิคประมาณ กอลลัม แห่ง The Lord of the Ring น่ะครับ ถึงตรงนั้นพี่เอกก็จะแสดงในด้านอารมณ์ของสีหน้าเป็นหลัก


จำได้ว่าตอนวันเปิดตัวภาพยนตร์ ตำนานฯ ๒ ซึ่งผมและสมาชิก PPU ส่วนหนึ่ง ได้รับความเมตตาจากท่าน Cinephile ให้บัตรเข้างานมา ซึ่งงานนั้นจัดขึ้นที่สยามพารากอน ผมก็ได้มีโอกาสได้เจอกับพระเอกในดวงใจของผมคนนี้อีกครั้ง (ก่อนหน้านั้น ก็ไปเจอที่วัดหลวงพ่อโต สีคิ้ว แต่ก็ไม่ได้คุยกับพี่เอกมากนักเพราะพี่เขาบอกบุญอยู่) พี่เอกก็ถามผมว่าคาแรคเตอร์ของ มันตรัย เป็นยังไง ผมก็ได้อธิบายไปพอได้คร่าวๆ เพราะงานวันนั้นชุลมุนมาก (แล้วก็มันส์มาก)

...เอ๊ะเพิ่งสังเกต ลองดูคนมีหนวดในรูปที่อยู่ไกลๆสิครับ คุ้นหน้าจัง...



แล้วก็มีอยู่วันนึงครับ พี่เอกกับคุณดวงเดือนมาที่บริษัทพร้อมมิตร มาให้ข้อมูลท่าน Cinephile เรื่องจิ๊ปดอร์ด พอดีวันนั้นผมอยู่ด้วย

ท่าน Cinephile ก็อธิบายคาแรคเตอร์ของมันตรัยให้พี่เอกฟัง มีอยู่ตอนนึงท่านอธิบายประมาณว่า ที่จริงมันตรัยนี่น่าสงสาร รักเดียวใจเดียวรอคอยนางอันเป็นที่รักมายาวนาน

พี่เอกก็ตั้งใจฟัง ผมตอนนั้นนึกสนุกเลยบอกพี่เอกไปว่า เอ...ถ้าอย่างนั้นพี่เอกเล่นบทนี้ได้หรือครับ

พี่เอกมองหน้าผมแล้วทำท่าทางอึกอักๆ เหมือนกับจะพูดอะไรซักอย่างนึง คือ พี่เอกนี่ปกติแกเล่นได้ทุกบท ผมเคยเห็นแกให้สัมภาษณ์ว่าบทที่เล่นยากสำหรับแกคือ บทนอน กับ บทคนตาย คือ บทนอน ถ้ากล้องโคลสเข้ามาที่หน้า แสงไฟที่สาดมามันจะจ้า ลูกตาก็มักจะเคลื่อนไหวโดยธรรมชาติทำให้ไม่ค่อยคล้ายคนนอน แล้วบทคนตาย ถ้ากล้องโคลสไปที่คอก็จะเห็นเส้นเลือดเคลื่อนไหว ไม่เหมือนคนตาย (ว่าไปนั่นพี่เอก) คือพูดง่ายๆ แกมั่นใจในฝีมือการแสดงมาก

ทีนี้ผมเป็นใครก็ไม่รู้มาบอกแกว่าจะเล่นได้รึกับบทนี้ ท่าทางแกก็คงอยากจะเถียงแต่ก็อึกอักๆ อยู่

ปรากฎว่าคุณดวงเดือนที่อยู่ด้านหลัง หัวเราะคิกคักๆ พี่เอกยิ่งงงใหญ่เลยครับ หันไปถามว่าหัวเราะอะไร
พอคุณดวงเดือนกระซิบบอกพี่เอก ว่าผมน่ะแซวแก พี่เอกแกก็ยิ้มเขินๆ ครับ ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ซึ่งเป็นที่มาของเพลงประกอบบล็อกหัวข้อนี้แหละครับ



เรื่องก็เป็นเช่นนี้แหละครับเสธ





ขอขอบคุณบล็อกของคุณ Nilz สำหรับบทเพลงประกอบบทความที่บดใจ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=nilz&month=03-05-2007&group=30&gblog=9



Create Date :01 ธันวาคม 2550 Last Update :2 ธันวาคม 2550 2:02:55 น. Counter : Pageviews. Comments :22