bloggang.com mainmenu search


   ณ สวนสัตว์เขาดินที่เรากำลังยืนอยู่ในเวลานี้

 

เราเดินผ่านประตูกาลเวลาไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองปีพ.ศ. 2475 คณะรัฐบาลในสมัยนั้น ซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานที่บริเวณสวนดุสิต จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เพื่อให้เทศบาลนครกรุงเทพฯดำเนินการจัดทำเป็นสวนสัตว์ และเป็นที่พักผ่อนของประชาชน

เทศบาลนครกรุงเทพฯจึงได้ย้ายกวางดาว จากพระที่นั่งอัมพรสถานมาไว้ที่สวนดุสิต และรวบรวมสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาเลี้ยงไว้เพื่อให้ ประชาชนเข้าชม อีกทั้งตกแต่งสถานที่เพื่อให้เป็นที่พักผ่อน หย่อนใจของประชาชน และให้สถานที่แห่งนี้ใช้ชื่อว่า “สวนสัตว์ดุสิต” อันเป็นสวนสัตว์แห่งแรกในประเทศไทย

 

            สวนสัตว์แห่งแรกของไทยจึงเริ่มขึ้น ณ เวลานั้น

เทศบาลนครกรุงเทพจึงรับบริเวณสวนดุสิต หรือ เขาดินวนา สนามเสือป่า และสวนอัมพร มาจัดเป็นสวนสาธารณะได้ และ ย้ายสัตว์บางชนิด เช่น จระเข้ ลิง จากสวนสราญรมย์ มาไว้ที่เขาดินวนา และได้ขอให้ทางสำนักพระราชวัง ส่งช้างหลวงมาให้ประชาชนได้ชมในวันอาทิตย์และเมื่อปรับปรุงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เรียบร้อยแล้วทางเทศบาลนครกรุงเทพจึงเปิดสวนดุสิตให้ประชาชนเที่ยวชม และพักผ่อนหย่อนใจได้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2481 และเรียกสวนดุสิตนี้ว่า สวนสัตว์ดุสิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนสัตว์แห่งแรกในประเทศไทย

          ใครจะเชื่อว่า จากอดีตจนปัจจุบัน นี่จะกลายเป็น “ป่าเมืองกรุง” โซนสีเขียว ซึ่งหากได้น้อยที่จะตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง

 

            บนพื้นที่ 118 ไร่ แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เด็ก นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มครอบครัว พากันมาชมสัตว์ป่าหายากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์คู่ควรแก่การอนุรักษ์ ได้แก่ ละมั่งพันธุ์ไทย, ค่างห้าสี, นกกระเรียนพันธุ์ไทย และสัตว์ที่เป็นขวัญใจเด็ก ๆ ฮิปโปแม่มะลิ และนกเพนกวิน  ชมการแสดงแมวน้ำ ชมสวนสัตว์ในมุมสูงได้จากทางเดินลอยฟ้า(สกาย วอล์ค)

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เช่น รถพ่วงนำชมสวนสัตว์  เรือจักรยานนาวา  มีบริการห้องจัดประชุมสัมมนา หรืองานจัดเลี้ยง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เป็นห้องประชุมใหม่ที่ทันสมัย แถมด้วยโรงอาหารติดแอร์ขนาดใหญ่ริมกรงนก ว้าว วิวแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วในกรุงเทพฯ

 

เราอาจใช้เวลาเดินเล่นเอื่อยๆทั้งวัน ชมความน่ารักของสัตว์ต่างๆอย่างทั่วถึง ใช้ชีวิตเนิบช้าแบบ “Slow Life“ ไปชมสวนสัตว์เปิดใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งภายในสวนสัตว์ประกอบไปด้วยสัตว์ป่า นานาชนิด จำนวนสัตว์ทั้งหมดรวมไม่ต่ำกว่า  1,300 ตัว มีทั้งสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ปีก สัตว์น้ำ ฯลฯ

โน่นไงเรามองไปเจออีเห็นข้างลาย นอนหลับพักผ่อนในโพรงไม้ เสือลายเมฆที่น่าเกรงขาม ตัวมีสีน้ำตาลแกมเขียว และมีลายเป็นวงใหญ่คล้ายก้อนเมฆ เสือปลาที่สามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้ ปีนต้นไม้ได้ เช่นเดียวกับแมวป่าชนิดอื่นๆ สมเสร็จที่มีลักษณะคล้ายหมู มีจมูกคล้ายกับงวงของช้าง แต่ญาติสนิทของมันคือม้าและแรด พวกมันเป็นสัตว์กินพืชอาศัยอยู่ในป่ารกทึบ

เดินต่อไปชมวอมแบท ลำตัวอ้วนป้อมสั้น มี

กล้ามเนื้อที่ขาคู่หน้าและเล็บที่แข็งแรงเพื่อใช้ใน การขุดโพรงดิน ลิงกระรอก อาศัยอยู่บนต้นไม้สูง จะกระโดดไปพร้อม ๆ กันทั้ง 4 ขา เหมือนกับกระรอก

 

น่ารักมากๆกับละมั่งพันธุ์ไทย อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดเล็ก ฝูงละประมาณ 5-15 ตัว ประกอบด้วยตัวเมียหลายตัวและลูกๆ ส่วนตัวผู้ที่โตเต็มวัยมักแยกอยู่ตามลำพัง

เดินเข้าไปยังเกาะนก ชมนกหลายๆพันธุ์ที่น่ารักอยู่ตรงหน้า

 

สารพัดสัตว์ที่สุดแสนน่ารัก

 

เดินต่อไปชมการแสดงแมวน้ำ สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 400 เมตร ฉลาดและแสนรู้มาก แทบไม่น่าเชื่อว่าจะฝึกได้เก่งขนาดนี้ เมืองไทยนี่ต้องยอมรับว่าฝึกการแสดงของสัตว์ได้ดีมากๆไปต่อกันที่ม้าแคระ เป็นม้าที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์ม้า ในประเทศอาร์เจนติน่า สามารถฝึกได้เช่นกัน

เจ้าตัวที่ช่างขี้อาย หรือนางอายเล็ก หากินตามลำพังในเวลากลางคืน โดยเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างยอดไม้แบบเนิบช้า คาราเคิล สัตว์รักสันโดษ สามารถกระโดดได้สูงถึง 3  เมตร เพื่อล่าเหยื่อเป็นอาหาร ค่างห้าสี อาศัยอยู่เป็นฝูงๆละ 10-50 ตัว บนต้นไม้สูง คอมมอนมาร์โมเส็ท ลิงที่มีขนาดเล็กมาก มีหางยาวเมื่อเทียบกับขนาดลำตัว เพศผู้จะขนาดใหญ่กว่าเพศเมียเล็กน้อย ขนบนลำตัวมีสีออกน้ำตาลปนเทาและเหลือง

 

เก้งหม้อ เก้งเผือก กวางดาว ก็เป็นสัตว์ที่พลาดไม่ได้ที่เราต้องไปชม จากนั้นไปชมสัตว์ตัวน้อยกันทั้งเต่าดำ ตะพาบน้ำเผือก ตะโขง งูเห่าไทย งูหลามปากเป็ด

            พลาดไม่ได้กับฮิปโปโปเตมัส ยีราฟ ช้าง  บ้านชาวกูยผู้เลี้ยงช้าง นกคาสโซวารี ลิงแสมทรงเลี้ยง รัฟฟ์ลีเมอร์ ชิมแปนซี อุรังอุตัง แพะ ฯลฯ เรียกได้ว่าเที่ยวกันได้เรื่อยๆ ชมกันได้ทั้งวัน

อันซีนไทยแลนด์หลุมหลบภัยที่สมบูรณ์แห่งเดียวในกทม.

 

ก่อนอำลาสวนสัตว์ดุสิต ต้องแวะชมหลุมหลบภัยสาธารณะ ที่สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 เพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่หลบภัยของประชาชน ที่มาเที่ยวสวนสัตว์เขาดินวนา และประชาชนในบริเวณใกล้เคียงในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตร (สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ) บินเข้ามาโจมตีทิ้งระเบิดในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา

            สวนสัตว์ดุสิต หลงรักเธอตั้งแต่แรกพบ

           ขอขอบคุณ องค์การสวนสัตว์เอื้อเฟื้อภาพ

 

Facebook/travelista นักเดินทาง (สาธิตา โสรัสสะ นักข่าวสาวสายท่องเที่ยวกว่า 30 ปี)

 

 

Create Date :22 พฤษภาคม 2559 Last Update :22 พฤษภาคม 2559 9:39:42 น. Counter : 2393 Pageviews. Comments :0