bloggang.com mainmenu search
.



"ทรีนีตี้" คาด SET Index ยังมีแนวโน้มแกว่งขึ้นจากระดับ 1080 - 1100 จุด ชี้แม้สภาพแวดล้อมไม่แน่นอน แต่ยังมีปัจจัยดีจากต่างประเทศมาเสริมตลาดให้น่าลงทุน

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนีตี้ จำกัด คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน 2555 จะมีลักษณะค่อยๆปรับตัวขึ้น(Sideways Up)จากระดับ 1080 - 1100 จุด ซึ่งเป็นระดับที่เป็นแนวรับเหมาะสมสำหรับการเข้าลงทุน แม้ว่าสภาพแวดล้อมยังไม่แน่นอนทั้งจากปัจจัยการเมืองในประเทศ และต่างประเทศที่กดดันตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

"แม้ว่าสภาพแวดล้อมการลงทุนไม่สู้ดีนัก แต่เรามองว่ายังคงมีปัจจัยบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่บ้าง โดยเฉพาะปัจจัยต่างประเทศ เช่น ยังมีเงินทุนต่างชาติจากตลาดทุนประเทศอินโดนีเซียเข้าสู่ตราสารหนี้ไทยในเดือนนี้ รวมถึงปัจจัยด้านการเมืองต่างประเทศในเรื่องผลการเลือกตั้งกรีซน่าจะออกมาในรูปแบบที่ดี กล่าวคือพรรค Pro-bailout มีโอกาสสูงที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ หรืออย่างน้อยทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ Pro-bailout Anti-bailoutและ Troika น่าจะเจรจาต่อรองกันได้ในท้ายที่สุด ส่วนในเรื่องการที่กรีซต้องออกจากกลุ่มประเทศยูโรหรือไม่นั้น เรามองว่าไม่น่าเกิดในช่วงนี้ แต่อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในอนาคต อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนของไทยที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอีกด้วย" นายวิศิษฐ์กล่าว

สำหรับปัจจัยในประเทศ มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะเติบโต 5% เพราะได้แรงหนุนจากภาคการผลิตที่ฟื้นตัวเร็ว และยังคงมีความต้องการที่แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากใช้งบประมาณจำนวนมากในการลงทุนเพื่อบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล บริษัทจึงประเมินไว้ต่ำกว่าสภาพัฒน์ที่ประเมินว่าจะโต 5.5-6.5% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังประเมินโต 5.5% และธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินโต 6%

ในส่วนของเงินเฟ้อมองว่าอยู่ในระดับที่ทรงตัว คือเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม 2555 เพิ่มขึ้น 2.53% จากเดือนเมษายน 2555 ที่มีเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.47% คาดว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2555 น่าจะอยูที่ระดับ 3.5% เทียบกับปี 2554 มีเงินเฟ้อเท่ากับ 3.53%

ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรม มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว 0.5% จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยเดือนมิถุนายนถือเป็นเดือนแรกที่มีการขยายตัวเป็นบวก หลังจากที่หดตัวติดต่อกันมา 5 เดือนนับตั้งแต่เกิดอุทกภัยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเลียม และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในแง่การบริโภคของประชาชนแสดงทิศทางที่ขยายตัว คือ ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งพุ่งขึ้น 23.4% รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น 4.9%

ส่วนยอดนำเข้าสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น 2.9% การลงทุนภาคเอกชนมีการขยายตัว 12.5% จะเห็นได้ว่ามีการลงทุนซื้อรถยนต์เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 35.2% การนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้น 25.2% และยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่ม 6.2%

อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยลบทางการเมืองในประเทศที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลในเรื่องความขัดแย้งหลังจากมีการหยิบยกพ.ร.บ.ปรองดองขึ้นมาพิจารณา ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิดแต่ไม่ต้องตื่นตระหนก ทั้งนี้คาดว่าหากไม่มีเหตุการณ์ใดที่รุนแรงเกิดขึ้นเกินขอบเขต นักลงทุนต่างชาติจะยังคงให้ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยต่อไป

กลยุทธ์ในการลงทุนช่วงเดือนมิถุนายน 2555 ทรีนีตี้เน้นให้นักลงทุนเลือกหุ้นที่มีแรงเทขายจาก NVDR และมียอด Short sales มากที่สุดในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้แก่ KBANK PTT PTTGC นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจได้แก่ BGH ADVANC LH หุ้นที่มีแนวโน้มถูกคัดเลือกเข้า SET50 ได้แก่ INTUCH HEMREJ และหุ้นกลุ่ม High alpha, Low beta ได้แก่ EGCO RATCH

ทั้งนี้หากนักลงทุนท่านใดต้องการลงทุนโดยแยกตามพอร์ตการลงทุนที่ตนเองถนัด เช่น พอร์ตการลงทุนแบบตั้งรับ (ลงทุนในหุ้น 45% ตราสารหนี้ 30% ถือเงินสด 25%)ได้แก่ BGH CPF HMPRO พอร์ตการลงทุนเชิงรุก (ลงทุนในหุ้น 65% ตราสารหนี้ 20% ทองคำ 10% ถือเงินสด 10%) ได้แก่ AMATA INTUCH PTTGC พอร์ตการลงทุนแบบผสม (ลงทุนในหุ้น 55% ตราสารหนี้ 25% ทองคำ 5% ถือเงินสด 15%) ได้แก่ BGH CPF PTTGC” นายวิศิษฐ์ กล่าวในที่สุด



ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
Create Date :08 มิถุนายน 2555 Last Update :8 มิถุนายน 2555 8:27:23 น. Counter : 1382 Pageviews. Comments :0