bloggang.com mainmenu search
.
.
.


=======================================
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
4 March 2021
=======================================
.
.
ผมสรุปไฮไลท์สำคัญจากจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ปี 2020 ที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เขียนถึงผู้ถือหุ้นของตนเอง แม้จะสั้นลงกว่าปีที่ผ่านๆ มาตามเรี่ยวแรงของปู่ แต่ก็มีประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ดังนี้ครับ

1. ไม่เคยแทรกแซงการดำเนินงานของบริษัท

ปู่ยืนยันเหมือนเดิมว่า แกและมังเกอร์มองหุ้นที่เบิร์กเชียร์ถือ ซึ่งวันนี้มีมูลค่ารวมกันประมาณ 281,000 ล้านเหรียญ เป็นคอลเลคชั่นของสารพัดธุรกิจ โดย “เราไม่ได้เข้าไปควบคุมการดำเนินงานของบริษัทเหล่านั้น แต่เรามีส่วนในความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขาตามสัดส่วนหุ้นของเรา”

2. “บิ๊กโฟร์” ของเบิร์กเชียร์

ปู่บอกว่า สินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของเบิร์กเชียร์มีสี่กลุ่ม

หนึ่ง คือ ธุรกิจประกันในเครือทั้งหมด

สอง คือ บริษัทรถไฟ BNSF ซึ่งเบิร์กเชียร์เป็นเจ้าของ 100%

สาม คือ หุ้น 5.4% ใน Apple

สี่ คือ บริษัท เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เอ็นเนอร์จี ธุรกิจน้ำมัน ซึ่งเบิร์กเชียร์ถือหุ้นอยู่ 91%

(ปู่บอกว่าอันดับที่ 2 และ 3 สำคัญพอๆ กัน จนแทบจะต้องโยนหัวก้อย)

3. สภาพคล่อง 138,000 ล้านเหรียญ

ปัจจุบัน เบิร์กเชียร์สบายใจกับ “สภาพคล่อง” (float) 138,000 ล้านเหรียญ ซึ่งมาจากธุรกิจประกัน เป็น “เงินทุนซึ่งไม่ใช่ของเรา แต่เป็นเงินที่เราเอาไปใช้ได้” จะเอาไปซื้อหุ้นกู้ หุ้น สินทรัพย์ที่เทียบเท่าเงินสด หรือพันธบัตรรัฐบาลก็ได้ทั้งนั้น และคาดว่าสภาพคล่องดังกล่าวจะอยู่ในระดับนี้ไปอีกหลายปี ด้วยเหตุนี้ ปู่จึงยกธุรกิจประกันเป็นสินทรัพย์สำคัญที่สุดของเบิร์กเชียร์

4. พันธบัตรไม่ใช่คำตอบ

ปู่บอกว่า “ทุกวันนี้พันธบัตรไม่ใช่คำตอบ” โดยพันธบัตร 10 ปีของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทน 0.93% ลดลงถึง 94% จากเมื่อเดือนกันยายนปี 1981 ซึ่งให้ผลตอบแทน 15.8% ในประเทศสำคัญๆ อย่างเยอรมนีและญี่ปุ่น คนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลได้ผลตอบแทนติดลบด้วยซ้ำไป

“นักลงทุนที่ลงทุนเพื่อผลตอบแทนคงที่ ต่างเผชิญกับอนาคตที่มืดมน” ปู่อธิบาย โดยมองว่าการซื้อหุ้นสหรัฐฯ แล้วถือไว้เป็นการลงทุนที่ดีกว่าเยอะ

5. ซื้อหุ้นคืนเยอะมาก

ณ ราคาปิด 364580 เหรียญ (ณ วันที่ 26 ก.พ.) หุ้นเบิร์กเชียร์ซื้อขายกันอยู่ที่ระดับราคา 1.26 เท่าของมูลค่าทางบัญชี ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 1.4 ถึง 1.5 เท่าในหลายปีที่ผ่านมา ปู่จึงซื้อหุ้นคืนถึง 5% ในปี 2020 เป็นเงิน 24700 ล้านเหรียญ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าโดยเนื้อแท้ (intrinsic value) ให้กับหุ้นของบริษัท

“เบิร์กเชียร์ได้ซื้อหุ้นคืนมากกว่านั้นอีกนับจากสิ้นปีที่ผ่านมา และน่าจะลดจำนวนหุ้นในตลาดลงไปอีกในอนาคต”

6. ย้ายไปประชุมที่แอลเอ

การประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของเบิร์กเชียร์ปีนี้จะจัดที่ลอส แอนเจลิส (ปกติจะจัดที่โอมาฮา) และชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริษัทจะกลับมาขึ้นเวทีคู่กับบัฟเฟตต์เพื่อตอบคำถามของนักลงทุนอีกครั้ง หลังจากปีที่แล้วมังเกอร์ไม่ได้มา จึงเป็น เกร็ก อาเบล (รองประธานฝ่าย non-insurance) มานั่งคู่กับบัฟเฟตต์แทน

“เห็นได้ชัดเลยว่าพวกคุณคิดถึงเขา” ปู่บอก (ข้อสังเกตคือ มังเกอร์อาศัยอยู่ที่ลอสแอนเจลิส การไปจัดที่แอลเอ อาจจะเป็นการย้ายเพื่อความสะดวกของมังเกอร์ที่อายุเกือบ 100 แล้วหรือไม่?)

7. ปีที่แล้วกำไร 42,500 ล้านเหรียญ

เบิร์กเชียร์ทำกำไรได้ 42,500 ล้านเหรียญในปี 2020 ตามหลักการบัญชีที่ได้รับการยอมรับกันทั่วไป (ที่มักเรียกกันว่า “GAAP”)

ตัวเลขดังกล่าวประกอบด้วย กำไรจากการดำเนินงาน 21,900 ล้านเหรียญ กำไรส่วนต่างเงินทุนที่ realize แล้ว (กำไรจากหุ้นที่ซื้อแล้วขายทิ้งในราคาสูงกว่าตอนซื้อมา) 4,900 ล้านเหรียญ กำไรส่วนต่างเงินทุนที่ยังไม่ realize (กำไรจากหุ้นที่ซื้อแล้วราคาขึ้น แต่ยังไม่ได้ขายหุ้นนั้นทิ้ง) และสุดท้าย ผลขาดทุน 11,000 ล้านเหรียญจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทในเครือ

อย่างไรก็ตาม ปู่ไม่ค่อยชอบสัดส่วนนี้เท่าไรนัก ปู่บอกว่า “กำไรจากการดำเนินงาน คือส่วนที่สำคัญที่สุด” เพราะมันคือกำไรจากการดำเนินธุรกิจจริงๆ (ไม่ใช่กำไรจากการที่หุ้นขึ้น)

ปู่เคยบอกด้วยว่าจะทำให้กำไรส่วนนี้เป็นสัดส่วนที่สูงที่สุด แต่ถึงตอนนี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ โดยในปี 2020 กำไรจากการดำเนินงานลดลง 9%

8. ชื่นชมบริษัทรถไฟกับพลังงาน

ปู่บอกว่า BNSF บริษัทรถไฟลูกรักที่ซื้อมาตั้งแต่ประมาณสิบปีก่อน กับ BHE หรือเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เอ็นเนอร์จี บริษัทพลังงาน ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำให้เบิร์กเชียร์ตลอดมา โดยในปี 2011 สองบริษัททำกำไรรวมกันได้ 4200 ล้านเหรียญ พอถึงปี 2020 แม้จะเจอโควิด แต่ยังทำกำไรรวมกันได้ 8300 ล้านเหรียญ

ปู่บอกว่า บริษัท asset-heavy อย่างนี้ ก็สามารถเป็นการลงทุนที่ดีได้

9. Apple คือสุดยอดการลงทุน

ปู่บอกว่า ตั้งแต่เข้าเก็บหุ้น Apple เมื่อช่วงปลายปี 2016 และเก็บได้ประมาณ 1000 ล้านหุ้นในช่วงต้นปี 2018 จนมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 5.2% ใช้ทุนไป 36,000 ล้านเหรียญ ได้ปันผลมาปีละประมาณ 775 ล้านเหรียญ และได้เงินสดมาอีก 11,000 ล้านเหรียญจากการตัดขายบางส่วนออกไปในปี 2020

“ทว่าแม้จะขายหุ้นทิ้ง ฮูเร่! ตอนนี้เบิร์กเชียร์กลับมีหุ้น 5.4% ใน Apple ส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นแทบประเมินมูลค่าไม่ได้เลยสำหรับเรา ที่เราได้มันมา ก็เพราะ Apple ซื้อหุ้นคืนอย่างต่อเนื่อง และลดจำนวนหุ้นที่มีอยู่ลงเยอะมาก”

บัฟเฟตต์ยังบอกด้วยว่า ด้วยความที่เบิร์กเชียร์เองก็ซื้อหุ้นคืนด้วย ปัจจุบันผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์จึงมีหุ้น Apple เพิ่มขึ้นถึง 10% นับจากกลางปี 2018 และทั้งเบิร์กเชียร์รวมทั้ง Apple ก็จะซื้อหุ้นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์ถือหุ้นโดยอ้อมใน Apple เพิ่มขึ้นไปอีก

“สิ่งดีๆ ที่มีมากเกินมันช่าง ... ยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร” ปู่อ้างคำพูดของเม เวสต์

10. ยอมรับผิดจากการซื้อ Precision Castparts

ปู่บอกว่า ตนเองตัดสินใจผิดพลาดที่เข้าซื้อ Precision Castparts (PCC) บริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินด้วยเงินที่มากเกินไปเมื่อปี 2016 พอถึงปีที่แล้ว บริษัทก็แย่ลงจากการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอวกาศ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ PCC

ปู่บอกว่า แม้ตนเองจะมองถูกต้องแล้ว ว่าบริษัทจะใช้สินทรัพย์ที่มีตัวตนสร้างผลตอบแทนให้เบิร์กเชียร์ แต่จุดที่มองผิดก็คือ ประเมินกำไรในอนาคตที่บริษัทจะทำได้มากเกินไป ทำให้จ่ายแพงเกินไปเพื่อซื้อบริษัท PCC ส่งผลให้ในปีที่แล้วต้องตัดมูลค่าสินทรัพย์ลงไปถึง 11,000 ล้านเหรียญ
.
.
.
======================================
.
.
สำหรับผู้สนใจ
.
.
.
Create Date :05 มีนาคม 2564 Last Update :5 มีนาคม 2564 7:01:20 น. Counter : 255 Pageviews. Comments :0