ปีหน้า ชะตา เป็นอย่างไร ใครๆก็อยากรู้
ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจในปี2557
ยิ่งต้องการอยากรู้ว่าจะ คึกคักดังม้าศึกในปีนักษัตรหรือไม่
เนื่องเพราะเศรษฐกิจปี2556 ออกอาการ หืดจับ ให้เห็น หลังเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทรวงพาณิชย์จำต้องลดเป้าส่งออกเดิม 4% เหลือเพียง 1 % หดตัววูบจนภาคเอกชนแทบตั้งตัวไม่ติด
แต่ภาครัฐก็ยังได้พยายามสร้างความหวัง เพื่อกระตุ้นกำลังใจด้วยการประเมินแนวโน้มปี 2557 ประกอบกับกำหนดยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการในการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกของไทย จึงเชื่อมั่นว่า ส่งออกจะขยายตัวได้ดีขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 5 จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการปรับฟื้นตัวดีขึ้น
จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ มาฟังนักธุรกิจไทย วิเคราะห์มุมมองเศรษฐกิจไทยปีหน้ากันว่า จะเฟื่อง หรือ ฟุบ จะเป็นม้าศึก หรือ หมาหงอย กันแน่ เริ่มที่
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จุดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มองว่า ปีหน้าเศรษฐกิจไทยยังทรงตัวอยู่ เพราะประเทศหลักที่ไทยพึ่งพาการส่งออกมากแม้ฟื้นตัว แต่ก็ยังขยายตัวไม่มาก ซึ่งในปีนี้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุด และจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นในปีหน้าตามวงรอบเวลาของเศรษฐกิจ
ประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญกับอาเซียน โดยเฉพาะ 5 ประเทศบนผืนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ พม่า สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย เชื่อมระบบขนส่งทางบกให้สะดวกรวดเร็ว ก็จะทำให้ไทยขยายตลาดจาก 60 ล้านคน เป็นกว่า 600 ล้านคนได้ทันที ซึ่งในภูมิภาคนี้ต่างยอมรับสินค้าไทยเป็นอย่างมาก หากไทยเข้าไปลงทุนก็จะช่วยขยายเศรษฐกิจของไทยไปได้อีกนาน
ขณะที่ตลาดในอาเซียน ยังคงเป็นตลาดที่ไทยสามารถพึ่งพาได้เพราะเศรษฐกิจยังเติบโต ทุกวันนี้กลุ่มปตท.เข้าไปทำธุรกิจครบทุกประเทศในอาเซียน เช่น พม่า กลุ่มปตท.เข้าไปลงทุนมากที่สุด รองลงมา อินโดนีเซีย เวียดนาม ใน 5 ประเทศนี้ ถ้าการขนส่งทางบกสะดวก 5 ประเทศนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจเราดีมาก เมื่อ AEC ไทยจะได้ประโยชน์เพราะไทยเป็นตัวเชื่อมโยงธุรกิจ นายไพรินทร์ กล่าว
ด้าน นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการประเมินในขณะนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 3% แต่จากความวุ่นวายทางการเมืองอาจทำให้การขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยผลจากความขัดแย้งทางการเมืองได้ส่งผลกระทบไปยังธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก ถ้าเหตุการณ์ยังยืดเยื้อบานปลายก็จะกระทบไปถึงการลงทุน
แต่ทั้งนี้เป็นห่วงเศรษฐกิจไทยในปี 2557 เพราะมองว่ายอดส่งออกอาจกระเตื้องไม่มากเท่าที่คาด แต่ขณะนี้เริ่มการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากกรณีที่รัฐบาลจีนออกมาตรการเข้มงวดกับนักท่องเที่ยว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศพม่า และเวียดนามได้แย่งนักลงทุนไปจากไทยเป็นจำนวนมาก ดังนั้นอมตะจะมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนขยายนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ และจะลดสัดส่วนการขยายพื้นที่ในไทยลง ด้วยเพื่อนบ้านต้นทุนที่ถูก ทั้งต้นทุนที่ดิน และการขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเร็วกว่า รวมทั้งประเทศไทย ยังไม่มีปัญหาเอ็นจีโอ เข้ามาขัดขวางโครงการมีขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ค่อนข้างมาก
แต่ก็คาดว่านักลงทุนญี่ปุ่นจะเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น จากเหตุความชัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ป่น จะทำให้ไทยและอาเซียนจะได้ประโยชน์จากการลงทุนเพิ่มขึ้น ดังนั้นไทยจะต้องเร่งปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์การลงทุน และทำให้บรรยากาศของประเทศน่าลงทุน ซึ่งถ้าหากไทยมัวแต่ทะเลาะกันเงินทุนก้อนใหญ่นี้ก็จะไหลไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่น่าลงทุนกว่า เช่น เวียดนาม และพม่า นายวิกรม กล่าว
ขณะที่นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ มองว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะไม่ดีไปกว่าปีนี้ เพราะเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ปี2557 ต่อจากนี้มีการผันผวนของค่าเงิน ทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติไหลกลับไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว
โดยเฉพาะญี่ปุ่น กับเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 1 ของปี2557 ทำให้ภาวะการเงินไทยเกิดการตึงตัว รวมทั้งเศรษฐไทยยังมีปัญหาสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มากจนเกินไป ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้โครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ก็อาจจะไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอันเนื่องจากปัญหาคอรัปชั่น
ทั้งนี้อาเซียนจะป็นตัวดึงดูดเงินลงทุนเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ไทยจะต้องปรับปรุงเรื่องการคอรัปชั่น เพื่อให้ต่างชาติหันเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นรวมทั้งปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
และปัจจัยที่สำคัญอีกหนึ่ง
คือการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ โครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ที่จะเป็นตัวช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัว
แต่ถ้าหากถูกเตะตัดขา ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ ต้องสะดุด รับรองได้เศรษฐกิจไทยปี2557 หืดจับ อีกแน่นอน!!
MThai News