ยอดคําสอน หลวงปุ่ชา สุภทโท ยอดคำสอน หลวงปู่ชา สุภทฺโท ยอดคำสอนหลวงปู่ชา สุภทฺโทวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ยอดคำสอน เป็นคำสอน เป็นคติ เป็นปรัชญาสั้นๆ ที่คมลึกซึ้ง ใครได้ฟังแล้วจะเกิดความรู้สึกซาบซึ้ง และบางครั้งอาจจะถึงกับอุทาน ออกมาว่า ท่านคิดและกลั่นกรองคำเหล่านี้ออกมาจากจิตได้อย่างไร ถ้าจิตนั้นไม่บริสุทธิ์แจ่มใสเยี่ยงผู้บรรลุธรรม ขอท่านได้สังเกตคำสอน ต่อไปนี้ ธรรมดาๆ ตามความเป็นจริงแล้ว โลกที่เราอยู่นี้ไม่มีอะไรทำไมใครเลยไม่มีอะไรจะเป็นที่วิตกวิจารย์เลยไม่มีอะไรที่น่าจะร้องไห้หรือหัวเราะเพราะมันเป็นเรื่องอย่างนั้นธรรมดาๆแต่เราพูดธรรมดาได้ แต่มองไม่เห็นธรรมดาแต่ถ้าเรารู้ธรรมะสม่ำเสมอไม่มีอะไรเป็นอะไรแล้วมันเกิดมันดับของมันอยู่อย่างนั้นเราก็สงบ การปฏิบัติคืออำนาจ พระพุทธศาสนาไม่มีอำนาจอะไรเลยแม้ก้อนทองคำก็ไม่มีราคา ถ้าเราไม่มารวมกันว่ามันเป็นโลหะที่ดีมีราคาทองคำมันก็ถูกทิ้งเหมือนก้อนตะกั่วเท่านั้นแหละพระพุทธศาสนาตั้งไว้มีอยู่แต่ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ จะไปมีอำนาจอะไรเล่าอย่างธรรมะเรื่องขันติมีอยู่แต่เราไม่อดทนกันมันจะมีอำนาจอะไรไหม? ชนะตนเอง ถ้าเราเอาชนะตัวเองมันก็จะชนะทั้งตัวเองชนะทั้งคนอื่นชนะทั้งอารมณ์ ชนะทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่นทั้งรส ทั้งโผฎัฐพพะเป็นอันว่าชนะทั้งหมด สุขทุกข์ คนที่ไม่รู้จักสุข ไม่รู้จักทุกข์นั้นก็จะเห็นว่า สุขกับทุกข์นั้นมันคนละระดับมันคนละราคากันถ้าผู้รู้ทั้งหลายแล้วท่าน จะเห็นว่าสุขเวทนา กับทุกขเวทนามันมีราคาเท่าๆ กัน เกิดตาย เมื่อเราเกิดมาแล้วโยม ก็คือเราตายแล้วนั่นเองความแก่กับความตายมันก็คืออันเดียวกันนั่นแหละเหมือนกับต้นไม้ อันหนึ่งต้น อันหนึ่งปลายเมื่อมีโคนมันก็มีปลายเมื่อมีปลายมันก็มีโคนไม่มีโคนปลายก็ไม่มีมีปลายก็ต้องมีโคนมีแต่ปลายโคนไม่มีก็ไม่ได้มันเป็นอย่างนั้น งูเห่า อารมณ์นี้ก็เหมือนกับงูเห่าที่มีพิษร้ายนั้นอารมณ์ที่พอใจก็มีพิษมากอารมณ์ที่ไม่พอใจก็มีพิษมากมันทำให้จิตใจของเราไม่เป็นเสรีทำให้จิตใจไขว้เขวจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ของจริง ธรรมของจริงของแท้ที่ทำให้บุคคลเป็นอริยะได้มิใช่เพียงศึกษาตามตำราและนึกคิดคาดคะเนเอาเท่านั้นแต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นจริงๆของจริงจึงจะเป็นของจริงขึ้นมาได้ ได้เสีย ทุกอย่างที่เรามีอยู่เป็นอยู่นั้นมันเป็นสักแต่ว่า "อาศัย" เท่านั้นถ้ารู้ได้เช่นนี้ ท่านว่ารู้เท่าตามสังขารที่นี้แม้จะมีอะไรอยู่ก็เหมือนไม่มีได้ก็เหมือนเสียเสียก็เหมือนได้ พิการ เด็กทั้ง 2 พิการ เดินทางได้จะเข้ารกเข้าป่าก็รู้แต่เราพิการใจ (ใจมีกิเลส)จะพาเข้ารกเข้าป่าหรือเปล่าคนพิการกายอย่างเด็กนี้ มิได้เป็นพิษเป็นภัยกับใครแต่ถ้าคนพิการใจมากๆย่อมสร้างความวุ่นวายยุ่งยากแก่มนุษย์และสัตว์ให้ได้รับความเดือดร้อนมากทีเดียวคนดีอยู่ไหน คนดีอยู่ที่เรานี่แหละถ้าเราไม่ดีแล้วเราจะอยู่ที่ไหนกับใครมันก็ไม่ดีทั้งนั้นชีวิต เมื่อเราทอดอาลัยในชีวิตวางวันเสีย ไม่เสียดายไม่กลัวตายก็ทำให้เราเกิดความสบาย และเบาใจจริงๆ นั่งที่ไหนดี จะนั่งหัวแถวหรือหางแถวก็ไม่แปลกเหมือนเพชรนิลจินดาจะวางไว้ที่ไหนก็มีราคาเท่าเดิมและจะได้เป็นการลดทิฐิมานะให้น้อยลงไปด้วย ไม่กลัวตาย กลัวอะไร?กลัวตายความตายมันอยู่ที่ไหน?อยู่ที่ตัวเราเองจะหนีพ้นมันได้ไหม?ไม่พ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในที่ มืด หรือในที่แจ้ง ก็ตายทั้งนั้น หนีไม่พ้นเลยจะกลัวหรือไม่กลัวก็ไม่มีทางพ้นเมื่อรู้อย่างนี้ความกลัวไม่รู้หายไปไหนเลยหยุดกลัวเหมือนกับที่เราออกจากที่มืดสู่ที่สว่างนั่นแหละ สอนคนอย่างไร ทำตนให้ตั้งอยู่ในคุณอันสมควรเสียก่อนแล้วจึงสอนคนอื่นทีหลังจึงจักไม่เป็นบัณฑิตสกปรกสอนคนด้วยการทำให้ดู ทำเหมือนพูดพูดเหมือนทำมนุษย์ศาสตร์ มนุษยศาสตร์ทั้งหลาย มีแต่ศาสตร์ที่ไม่มีคมทั้งนั้นไม่สามารถจะตัดทุกข์ได้มีแต่ก่อให้เกิดทุกข์ศาสตร์เหล่านั้น ถ้าไม่มาขึ้นกับพุทธศาสตร์แล้วมันจะไปไม่รอดทั้งนั้น หลับ - ไม่หลับ ถ้าหลับมันก็ไม่รู้ถ้ารู้มันก็ไม่หลับมรรคผล มรรคผลยังไม่พ้นสมัยคนโง่เท่านั้นที่ปฏิเสธว่าในพื้นดินไม่มีน้ำแล้วไม่ยอมขุดบ่อไม้คดคนงอ ต้นไม้เถาวัลย์ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครคนคดคนงอนั้น ร้ายนักเป็นพิษเป็นภัยทั้งอยู่บ้านและอยู่วัดหลง คนหลงโลกคือคนหลงอารมณ์คนหลงอารมณ์คือคนหลงโลกนักปฏิบัติ กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย คือนักปฏิบัติกินมาก นอนมาก พูดมาก คือ คนโง่แสดงอาการ การหัวเราะเป็นอาการของคนบ้าการร้องไห้เป็นอาการของทารกฉะนั้นท่านผู้ถึงสงบจะไม่หัวเราะไม่ร้องไห้ความอาย เมืองนี้ยังไม่เคยมีพระบิณฑบาตเลยเพราะเขามีความอายกันเป็นส่วนมากแต่ตรงกันข้ามกับเราเราเห็นว่าคำที่ว่าอายนี้เราเห็นว่า อายต่อบาปอายต่อความผิดท่านั้นเมืองนอก เราได้เดินทางไปเมืองนอกและเมืองในนอกและเมืองในในและเมืองนอกนอกรวมสี่เมืองด้วยกันที่รวมสมาธิ เมื่อนั่งหลับตาให้ยกความรู้สึกขึ้นเฉพาะลมหายใจเอาลมหายใจเป็นประธานน้อมความรู้สึกตามลมหายใจเราจึงจะรู้ว่าสติมันรวมอยู่ตรงนี้ความรู้มันจะมารวมอยู่ตรงนี้เกาะสีชัง เรามาอาศัยอยู่ที่เกาะนี้ คือที่พึ่งทางในซึ่งเป็นที่อันน้ำคือกิเลสตัณหาท่วมไม่ถึงแม้เราจะอยู่บนเกาะสีชังแต่ก็ยังค้นหาเกาะภายในอีกต่อไปผู้ที่ท่านได้พบ และอาศัยเกาะอยู่ได้นั้นท่านย่อมอยู่เป็นสุขต่างจากคนที่ลอยคออยู่ในทะเล คือความทุกข์กินแบบไหน ฉันอาหารไม่พิจารณาจะเป็นเหมือนปลากินเหยื่อย่อมติดเบ็ด Create Date :22 สิงหาคม 2554 Last Update :22 สิงหาคม 2554 20:00:08 น. Counter : Pageviews. Comments :3 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก สาธุครับ โดย: อนุโมทนา (Theratham ) 22 สิงหาคม 2554 23:25:49 น.anumothana sathu sathu sathu โดย: pinky IP: 183.89.197.136 23 สิงหาคม 2554 11:40:27 น.ปัญญาเกิดได้ ขอบคุณค่ะ โดย: mamadoosi IP: 124.121.230.108 2 กันยายน 2554 10:21:24 น.
โดย: อนุโมทนา (Theratham ) 22 สิงหาคม 2554 23:25:49 น.
โดย: pinky IP: 183.89.197.136 23 สิงหาคม 2554 11:40:27 น.
โดย: mamadoosi IP: 124.121.230.108 2 กันยายน 2554 10:21:24 น.