bloggang.com mainmenu search


ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 1 ปีก่อนที่หลงดีอกดีใจเป็นนักหนา ด้วยคิดว่า
One pound gospel คือละครที่สร้างมาจาการ์ตูนเรื่อง "ก้าวแรกสู่สังเวียน"
ที่เคยอ่านและชอบมากเมื่อครั้งยังเด็ก (ชื่อญี่ปุ่น:Hajime no Ippo
ชื่ออังกฤษ: Fighting Spirit)




ดูไปดูมา อ้าว ไม่ใช่แฮะ เป็นเรื่องที่ไม่เคยอ่านเรื่องนี้ต่างหาก
Ichi-Pound No Fukuin "ฤทธิ์หมัดเสือหิว"



แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็เป็นเรื่องมวยๆ ซึ่งนอกจากเรื่อง "นายขนมต้ม" และหนัง
"แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า" ของไทยเราแล้ว ก็ไม่เคยดูเรื่องมวยๆ จากที่ไหนอีก น่าสนใจเหมือนกันนะ

แต่คนที่รับบทพระเอกนักมวยดันเป็น Kamenashi Kazuya หรือ คาเมะ นี่สิ

ถึงจะเป็นคาเมะที่ทั้งหล่อและน่ารัก แต่ก็ไม่อาจชนะความคิดปรามาส

หุ่นเพรียวบางอย่างคาเมะ แสดงเป็นนักมวยเนี่ยนะ มันจะไม่ดูก๊องแก๊งไปเหรอ

เท่านั้นยังไม่พอ เห็นนางเอกสวมชุดนางชีฝรั่ง ความคิดคือ
คงเป็นละครสู้เพื่อฝันทั่วไป ที่ไม่ได้ถือเอาความรักของพระเอกนางเอกเป็นหลัก
หรือต่อให้พระ-นาง เค้ามีใจให้กัน เป็นนางชีแบบนี้ คงรันทดแย่เลย
เผลอ ๆ มีความเป็นไปได้สูงจะ unhappy ending

ต่อให้วนเวียนพิจารณา อยู่หลายหนพราะอยากจะดูคาเมะ แต่นางเอกเป็นชี มันทำใจไม่ได้

ดังนั้น จึงตัดใจ อย่าดูเลยดีกว่า

แต่ด้วยอานิสงค์ที่ให้เพื่อนๆ หยิบยืมซีรีย์ไปดูอยู่เสมอ บางครั้งคราวก็นัด "แลกของ"
ดั่งคนลอบซื้อขายยาบ้ากันก็ไม่ปาน หลังๆ มานี้ จึงได้พบคอซีรีย์คนใหม่
และได้รับการแบ่งปัน ให้มีโอกาสได้ดูฟรีแบบมิต้องเสียตังค์บ้าง ซาบซึ้งจริงๆ
(พูดกันตรงๆ เลยคือ งกของฟรี )

ดูแล้วก็ผิดคาดอีก เพราะเห็นเป็นละครแนว sport man
ยังไงๆ ก็ต้องออกแนวสู้เพื่อฝัน ที่ไหนได้ เรื่องนี้ความฝันเป็นรอง
เพราะหลักชัยของพระเอก คือ สู้เพื่อรักเธอ (และจะรักเสมอเรื่อยๆ ไป)



เรื่องมวยๆ

ฮาทานะกะ โคซากุ ( รับบทโดย Kamenashi Kazuya / คาเมะ) เป็นนักมวยรุ่นฟลายเวท (Flyweight) ซึ่งนักมวยในรุ่นนี้พิกัดขึ้นชกจะต้องไม่เกิน 112 ปอนด์ หรือ 50.8 กิโลกรัม

โคซากุ เป็นนักมวยมีพรสวรรค์และเป็นความหวังอันเรืองรอง (และริบหรี่ในเวลาเดียวกัน)
ของค่ายมวยคุโมดะซึ่งเป็นชมรมมวยเล็กๆ และหวังจะปั้น แชมป์เปี้ยนแห่งประเทศญี่ปุ่น
และความฝันอันสูงสุดคือนำนักมวยของโมคุดะไปสู่สังเวียนโลก
และเป็นแชมป์โลก (เอ่อ ฝันสูงไปนิดหรือเปล่า)

แต่ปัญหาคือ โคซากุเป็นสุดยอดจอมตะกละ รักการกินและกินทุกอย่างที่ขวางหน้า

5 โล 8 โล 11 โล หรือมากกระทั่ง 12 โล คือปริมาณน้ำหนักเกินพิกัดรุ่นฟลายเวทอยู่เสมอ
งานหลักของโคซากุที่ดูเหมือนจะเป็น theme ของค่ายมวย
คือมีผลกระทบต่ออารมณ์และความเป็นอยู่ของทุกคนในค่าย
ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า ครูฝึก หรือเพื่อนนักมวยด้วยกัน ก็คือ การลดน้ำหนัก

ลูกผู้หญิงที่เป็นกังวลกับรูปร่างทุกคน คงจะรู้ดีว่า คำว่าลดน้ำหนักนั้นมันเป็นความทรมานอย่างไร
ดังนั้น เห็นโคซากุแล้ว สุดสงสาร เพราะการลดน้ำหนักของนักมวยมันโหดร้ายกว่าหลายเท่า
แต่ว่ามันสร้างความฮาตลอดทั้งเรื่อง ก็เพราะการลดน้ำหนักนี่แหละ

ลดสุดกำลัง แต่วันชั่ง น้ำหนักดันเกินอยู่ 2 ปอนด์
เพิ่งรู้นี้แหละว่าการชั่งพิกัดมวยก่อนวันขึ้นชกนั้น มีการให้โอกาสชั่งใหม่
ภายในเวลาสองชั่วโมงหลังจากนั้น โคซากุจึงต้องทำทุกวิถีทาง
ออกแรงหลั่งเหงื่อ สุดชีวิต แต่ชั่งใหม่ก็ยังเกินอยู่อีก 1 ปอนด์

แค่ 1 ปอนด์เองนะ แต่เมื่อเกินก็คือเกิน การชกต้องถูกยกเลิก
สร้างความเสียหายกับผู้จัด สร้างความเสียอารมณ์กับทางด้านคู่แข่ง
และสร้างความเสียชื่อให้กับค่าย เพราะการที่นักมวยชั่งพิกัดไม่ผ่าน
นั่นแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ

บทเรียนนี้ โคซากุเรียนรู้และสำนึกผิด แต่ว่านะ การกินมันเป็นเรื่องห้ามใจไม่ได้
และทุกครั้งที่เข้าสู่โหมดการลดน้ำหนัก มันเป็นความทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพราะ

ต้องกินข้าวเปล่าๆ ถ้วยกระจิ๋ว
ต้องออกกำลังอย่างหนักให้เสียเหงื่อ
และต้องถูกงดน้ำภายใต้การควบคุมอย่างเคร่งครัดด้วย

ความหิวจัดอาจทำให้ถึงขั้นเสียสติ และเมื่อพบอาหาร
หากหัวหน้าเผลอให้โคซากุหลุดสายตาไปจากการควบคุม
หากเพื่อนๆ เผลอไม่คอยห้ามปรามเมื่อไหร่ โคซากุจะต้องกระโจนใส่ของกิน
และเมื่อนั้นหายนะก็มาเยือนเพราะน้ำหนักจะพุ่งกระฉูดเพียงชั่วข้ามคืน

เป็นนักมวยมันทรมาน แต่โคซากุก็ยังคงชกมวย
เพราะไม่อยากทรมาน โคซากุจึงอยากจะเปลี่ยนไปชกรุ่นเฮฟวีเวท

เฮฟวี่เวทซะเลยดีมั้ย (200 ปอนด์หรือ 91 กิโลกรัม )



กินอย่างบ้าบอ และลดน้ำหนักอย่างบ้าคลั่ง
โคซากุจึงเป็นทั้ง "จอมตะกละ" และ "เจ้าแห่งการลดน้ำหนัก"
เรียกว่าเป็นคนสุดโต่งมันทั้งสองอย่าง

เพราะการลดน้ำหนักนี่แหละ วันหนึ่งขณะที่กำลังวิ่งออกกำลัง
โคซากุผู้หิวโหยจนหน้ามืดตาลายก็เป็นลมล้มฟุบไป

เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นพระแม่มารีมาโปรด
"น้ำ ขอน้ำ" โคซากุพึมพำปานจะขาดใจ

จากความลางเลือน ใบหน้าของพระแม่มารี ชัดขึ้น ชัดขึ้น

เธอผู้นั้นคือ ซิสเตอร์แองเจล่า ผู้เมตตาให้หัวของซากุได้หนุนตัก
และหยอดน้ำช่วยชีวิตให้รอด

เพราะรักไร้พรมแดน ไร้สถานะ และขีดจำกัด
ชุดนางชีจึงมิเป็นอุปสรรค โคซากุตกหลุมรักซิสเตอร์แองเจล่าแสนสวยทันที

และการต่อสู้บนสังเวียน เพื่อความรักของโคซากุจึงเริ่มต้นขึ้น

****//////***********//////************

5555 ขอฮาก่อนนะ

ทั้งที่เป็นเรื่อง "รักต้องห้าม" แต่ไม่ได้ทำให้เครียดเลยสักนิด
ขำตลอด ไม่ได้ขำถึงขั้นฮาแตกแตน เสียงหัวเราะอย่างเดียวดังไม่พอ
ต้องนั่งตบเข่าฉาดๆ ไปด้วยเพราะมันขำได้ใจ เรื่องนี้ไม่ถึงขั้นนั้น
แต่การได้ดูละครที่ทำให้ต้องยิ้มกว้าง และไม่ขาดเสียงหัวเราะเบาๆ
คิกคักอยู่ตลอด มันมีความสุขดีนะ

ความเห็นส่วนตัวที่มีต่อคาเมะ คือ เป็นนักแสดงที่มีหน้าตาแปลกดี
เห็นหน้าแล้ว ทำไมนึกถึงนกแก้วก็ไม่รู้ บอกเหตุผลไม่ได้เหมือนกัน
ที่ว่าแปลก คือ เค้าเป็นคนหน้าสวย คิ้วโก่งบางกว่าผู้หญิงซะอีก ปากก็สวย
ปกติน่าจะดูหน่อมแน้ม และทำให้ไม่ค่อยชอบพระเอกสไตล์หน้าสวยสักเท่าไหร่
แต่กับคาเมะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเค้าดูแมนๆ ยิ่งถ้าแต่งตัวเซอร์ๆ
จะดูเป็นเด็กร้าย หุ่นขี้ยามาก

เวลาดูหน้า เหมือนไม่เห็นหน้าค่ะ

เหตุผลคือ คาเมะเป็นคนตาสวย ดวงตามันโดดเข้าตา
เวลาดูเค้าเล่นละคร เลยรู้สึกเหมือนเห็นหน้าแค่ลอยๆ
เพราะมองเห็นแต่ลูกตา

ทวงท่าชกมวยก็ออกมาดีกว่าที่คิด ดูแข็งแรง ว่องไว
เวลาซ้อมหมัด ออกหมัดรัว หรือฟุตเวิร์ค เท่ห์มาก และจะเป็นช่วงแป๊บๆ
ที่คาเมะมีสีหน้าจริงจัง เพราะหลังจากนั้นอาจจะกระโดดตัวปลิว
เอาแขนขาเข้าหนีบกระสอบทราย หายเท่ห์เป็นปลิดทิ้ง
แต่ก็ยังเป็นไอ้บ้าผู้น่ารักอยู่ดีนั่นแหละนะ

ลองนึกภาพทาคุยะ หรือยามะพี มาทำหน้าปัญญาอ่อน
ทำตาปลิ้นตาเหลือก ลิ้นห้อยดูสิคะ นึกภาพไม่ออกเลย
แต่หน้าคาเมะทำแล้วน่ารักดี โดยเฉพาะการแอ๊บแบ๊ว
ที่มิควรทำกันโดยทั่วไป เพราะการแบ๊วจะเหมาะเฉพาะกับหน้าของคนบางคนเท่านั้น

เพื่อนเคยบอกว่า ละครที่โทโมยะ นางาเสะเล่น ตลกดี สุดจะฮา
แต่ดูได้ไม่เคยจบ เพราะทนดูคนหน้าแก่อย่างโทโมยะ แอ๊บแบ๊วไม่ได้
คงต้องลองเอาคาเมะเรื่องนี้ไปให้ดู คราวนี้คงได้ฮาจากคนหน้าอ่อน (และหล่อ) สมใจ

One pound gospel เป็นละครแนว sport และ love comedy ฮาๆ ที่ไม่ได้มีสาระอะไรนัก

จึงไม่แนะนำสำหรับคนที่ต้องการสาระ
แต่สำหรับคนที่ต้องการความเบาสมอง เรื่องนี้ถือว่าโอเค



พระเอก - โคซากุ
เป็นนักมวยที่ไม่ค่อยมีความคิดอะไรดีๆ เท่าไหร่ เพราะเป็นคนไม่ค่อยคิด
นิสัยร่าเริงเปิดเผย แบ๊วได้ใสซื่อบริสุทธิ์ และเพราะไม่รู้จักคิด จึงหลงรัก
ซิสเตอร์แบบไม่มียั้งใจ ทำตัวแบบคนถือคติ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก

รักเอง พูดเอง เออเอง

นางเอก - ซิสเตอร์แองเจล่า (รับบทโดย Kuroki Meisa )
เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้ริมรั้วหน้าคอนแวนต์ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กทารก
จึงเป็นคนที่ไม่รู้วันเกิดของตัวเอง ความฝันของเธอคือ "เชื่อมั่นในพระเจ้า
และนำสันติสุขมาสู่โลก" ซิสเตอร์อยู่อาศัยและเติบโตมาในคอนแวนต์
หรือพูดง่ายๆ คือ "สำนักนางชี" ย่อมเป็นคนที่ซื่อบริสุทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เคยข้องแวะผู้ชาย ไม่เคยมีความรัก แต่เพราะลูกตื๊อของโคซากุ
ที่มีความสุขเริงร่าเหลือเกินกับการพูดเองเออเองและทำตัวเป็นตุ๊กแกหนัง(เท้า)เหนียว

คือสลัดเท่าไรก็ไม่ออก

ซิสเตอร์สาวสวย ก็ชักจะหวั่นไหว และสับสนในตัวเอง
เป็นทุกข์กับความขัดแย้งภายในใจ ระหว่าง ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชาย
และความศรัทธาที่จะรับใช้ในพระเจ้า

ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราว รักต้องห้าม ที่ไม่เศร้า
นอกจากไม่เศร้าแล้วยังฮาด้วยค่ะ

เพราะในสำนักนางชี หรือ เซนต์อลิเซ่คอนแวนต์
มี ซิสเตอร์มิลลี่ ผู้เคร่งครัดในกฏระเบียบคอยควบคุมซิสเตอร์แองเจล่าอยู่
และคอยขัดขวางการปรากฏตัวของโคซากุด้วย โชคดีที่แม่ชีผู้เป็นท่านอธิการเป็นคนที่ใจดี
และเข้าอกเข้าใจ (เข้าใจโลกว่างั้นเถอะ) ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องผิด
แต่เป็นเรื่องที่ซิสเตอร์แองเจล่าต้องชั่งใจและตัดสินใจเอง

ทางด้าน ค่ายมวยมุโคดะ
ก็มีเพื่อนนักมวยทั้งสี่คือ ที่มีบุคลิกนิสัยไปคนละแบบทำให้บรรยากาศ
ในค่ายมวยมีความสนุกสนาน คำพูดขำๆ และเหตุการณ์ตลกๆ


โอริกุชิ (Ishiguro Hideo)



โคชิมะ (Namioka Kazuki)




อุเอดะ (Okada Yoshinori) นักมวยรุ่นพี่ผู้อาวุโสสุด
เป็นคนคอยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ของเพื่อนรุ่นน้องในค่ายมวย
แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไร


อิชิซากะ (Takahashi Issei) เพื่อนนักมวยรุ่นพี่ผู้มีบุคลิกเย็นชา
และมักพูดจาแง่ลบๆ ออกมาซะตรงเผง พูดทีไรเหมือนชักใบให้เรือเสียน่ะค่ะ
แต่ความจริงเป็นคนใส่ใจเพื่อนๆ กว่าใคร คนนี้เล่นอยู่หลายเรื่องนะ
ที่ชอบเค้ามากคือการแสดงเป็นคุณหมอเจ้าปัญหาในเรื่อง IRYU 2



หัวหน้าค่ายมวยเซย์โกะ (รับบทโดย Kobayashi Satomi)
ถึงจะเป็นผู้หญิงแก่วัยกลางคน แต่เธอก็เป็นสาวสุดห้าว
และเป็นหัวหน้าค่ายมวยจอมบงการ ที่จัดการกับนักมวยในสังกัดได้อยู่หมัด

ครูฝึกมิทากะ (รับบทโดย Mitsuishi Ken)
เป็นทั้งครูฝึกและเป็นเหมือนผู้ช่วยฯ ของหัวหน้าค่าย แอบรักเธออยู่ด้วยอีกต่างหาก
แต่ว่าหัวหน้าเป็นสาวสุดห้าว ครูฝึกจอมหงอ มีหรือจะกล้าเปิดเผยความรู้สึก
รักนี้ของครูฝึกจึงเป็นรักหลบใน

คาซึมิ (Yamada Ryosuke)
เด็กนักเรียนมัธยม ลูกชายหัวหน้าค่าย อยู่ในค่ายมวย
แต่พยายามต่อต้านการชกมวย อยู่โรงเรียนก็ยอมเป็นเด็กถูกแกล้ง
ไม่เคยกำมือเป็นกำปั้นขึ้นชกใคร แม่ที่ไม่ได้เป็นเหมือนแม่โดยทั่วไป
เพราะสนใจแต่เรื่องมวย และยุ่งอยู่แต่กับการฝึกนักมวย
จึงไม่ได้ใส่ใจ กับลูกชายมากพอ และไม่รู้ปัญหาที่โรงเรียนของคาซึมิ



เป็นเรื่องง่ายที่จะตอบว่า ทำไมจึงชอบดูซีรีย์ญี่ปุ่นเป็นพิเศษกว่าซีรีย์ชาติไหนๆ
ก็เพราะซีรีย์ญี่ปุ่นมีสาระ

ถ้างั้น เรื่องที่ไม่ค่อยมีสาระอย่างเรื่องนี้ล่ะ ทำไมยังชอบอีก
เคยสงสัยประเด็นนี้อยู่เหมือนกัน

จึงพยายามหาคำตอบว่าเป็นเพราะอะไร
กลิ่นไอของซีรีย์ญี่ปุ่นจึงหอมหวน และชวนติดใจ

คำตอบ คงเป็นเพราะมิตรภาพและความมุ่งมั่นนะคะ
ซีรีย์ญี่ปุ่นจะไม่ค่อยขาดเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัว
หรือมิตรภาพระหว่างเพื่อนและการอยู่ร่วมกัน ซึ่งในเรื่องนี้
ค่ายมวยโมคุดะ ก็อยู่กันเหมือนเป็นครอบครัว ความรักความเข้าใจ
ไม่ได้ส่งออกมาเป็นคำพูดดีๆ สวยหรู แต่ก็เห็นๆ ความสัมพันธ์กันอยู่
ในพฤติกรรมของตัวละคร

และความมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่งของตัวละครก็จะมีให้เห็นอยู่เสมอ
เมื่อตัวละครมีหน้าที่การงานอะไร เราจะเห็นเค้าทำสิ่งนั้นอยู่ตลอดในขณะที่
เรื่องก็ดำเนินไป ความจริงเรื่องนี้ไม่เคยนึกว่ามันสำคัญอะไร จนกระทั่งเคย
ถูกท่านบิดาซึ่งนั่งดูละครหลังข่าวเรื่องหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว หันมาถามว่า

"พระเอกเรื่องนี้ไม่ทำงานทำการเหรอ
พ่อดูมาตั้งนานพ่อยังไม่รู้เลยว่าพระเอกทำอาชีพอะไร"

จำได้ ตอนนั้นคิดนิดหนึ่งก่อนตอบไปว่า พระเอกเป็นเจ้าของบริษัทไง
แต่ไม่แน่ใจนะว่าบริษัทเค้าทำอะไรนะ (เพราะไม่ได้ดูทุกวัน) เป็นเจ้าของ
ก็รวยไง ไม่ต้องเข้าออฟฟิศทำงานก็ได้ มีเวลาตามนางเอกได้ทุกเวลา

อ้อ เพิ่งรู้ ดูละครเนี่ย พระเอกนางเอกทำงานอะไร
มันก็เป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจเหมือนกันแฮะ

เรื่องนี้ พระเอกเป็นนักมวยค่ะ จะได้เห็นวิถีชีวิตของนักมวยอยู่พอสมควร
และเข้าใจเลยว่า เป็นอาชีพที่ไม่ง่ายอีกเหมือนกัน เหนื่อย หนัก และมี
ความกดดันพอสมควร ก็ไม่ต่างกับการงานในทุกอาชีพ คือต้องรับผิดชอบ

ชอบแนวคิดที่ว่า นักมวยต้องพร้อมจะแบกรับความฝันของคนอื่นๆไว้บนบ่า
เพราะแชมป์เปี้ยน ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ และไม่ใช่เรื่องที่เป็นได้พร้อมกัน
หลายๆ คน แต่ถึงจะต้องแบกความฝันและสู้เพื่อคนอื่นยังไงก็ตามแต่
สำคัญที่สุดนักมวยต้องมีจุดหมายในการต่อสู้เพื่อตัวเอง

โคซากุ เป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรลึกซึ้ง คำถามที่ว่า
ทำไมถึงมาเป็นนักมวย และทำไมยังชกมวย เป็นเรื่องที่ตอบไม่ได้ในทันที

แต่เมื่อตกหลุมรัก ความรักเป็นหลักชัย เป็นเงื่อนไขการต่อรองเพื่อต่อสู้

สู้เพื่อความรัก เพื่อซิสเตอร์แองเจล่า (เป็นการต่อสู้แบบ คิดเอง เออเอง
เงื่อนไขก็ตั้งเอง พยายามเอง ฝันหวานกับผลลัพธ์ในอนาคตเอาเอง
ไม่ได้มีการตอบรับหรือเออออรับปากจากซิสเตอร์ด้วยสักนิด)

เช่นว่า

"ถ้าผมชนะ ออกเดทกับผมนะ"
แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาพยายามทั้งที่ซิสเตอร์ก็บอกแล้วว่าเป็นซิสเตอร์
ออกเดทไม่ได้ โคซากุ เข้าใจไปเองว่าชนะแล้วจะได้เดทกับซิสเตอร์

"ถ้าผมชนะ เป็นแฟนผมนะ"
คิดเอง เออเอง ว่าชนะแล้วซิสเตอร์จะตกลงเป็นแฟนด้วย

"ถ้าผมชนะ แต่งงานกับผมนะ"
คิดเอง เออเองอีก ว่าชนะแล้วซิสเตอร์จะออกจากคอนแวนต์มาอยู่ด้วยกัน

เฮ้อ ... ฝันเฟื่อง และติงต๊องสุดๆ

"เพราะผมชอบซิสเตอร์"
"ผมชอบซิสเตอร์มากๆ"
"ผมรักซิสเตอร์"

โคซากุเป็นคนประเภทสุขใจที่ได้รัก ไม่คิดอะไรอีก ไม่สนพระเจ้าองค์ไหน
ความคิด เหตุผล หรือสายตาใครไม่แคร์ (เพราะหมอนี่ไม่ได้ใช้ความคิดอยู่แล้ว)

ในขณะที่ซิสเตอร์แองเจล่า กังวลกับความผิดบาปที่มีต่อความศรัทธาในพระเจ้า
และต่อต้านความรู้สึกที่มีต่อโคซากุ

ภาพซิสเตอปั่นจักรยานหนี และภาพโคซากุปั่นฝีเท้าวิ่งตาม
ต่างคนต่างปั่นกันหน้าตั้ง เพื่อหลบหนีและติดตาม
จึงเป็นความฮาสุดน่ารักที่ต้องขอกรอดู

การปั่นหนีและวิ่งตามนี่แหละ
ถือเป็นฉากกุ๊กกิ๊กของพระเอกนางเอกในเรื่องนี้เค้าเลยค่ะ

บุคลิกของคาเมะในเรื่องเป็นเหมือนจังหวะดนตรีคีย์สูงต่ำ
สลับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา บางจังหวะลีลาก็เริงร่าเป็นปลากระดี่ได้น้ำ
ฟุตเวิร์คแทบจะกลายเป็นแดนซ์ปลิวลม บางจังหวะก็สโลว์ซบแน่นิ่ง
ไร้จิตวิญญาณ มีความสุขหน้าตาสว่างโร่อยู่ดีๆ สามารถพลิกผลันกลายเป็น
ความมืดมนได้ชั่วอึดใจ ซึ่งมันตลก! หรือเราจะเส้นตื้นจนเกินไป 555

แนวความรักของเรื่องก็ชอบนะ



มันเหมือนเป็นจังหวะของความรักไง โคซากุที่ตื๊อสุดชีวิต เพราะไม่คิดอะไร
นอกจากขอแค่ได้รักก็พอแล้ว แต่เมื่อ ณ จุดหนึ่งที่คิดได้ ว่าความรักของตัวเอง
ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจและเป็นทุกข์ยังไง

คนที่คอยตื๊อรักและนำความทุ่มเทขึ้นสู่สังเวียนเพื่อรักมาตลอด
แต่เมื่อรับรู้ เข้าใจถึง ความทุกข์ใจของอีกฝ่าย ก็ตัดสินใจเอ่ยลา

มันซึ้ง

หรือการเป็นคนที่ดูเหมือนเด็กไม่รู้จักโต และรักซิสเตอร์แองเจล่าด้วยความ
นอบน้อมมาตลอด ครั้งเดียวที่โคซากุตะโกนใส่ซิสเตอร์แองเจล่า ทำเอา
อึ้งไปเลย เป็นซีน "ซื้อใจ" ที่แมนมาก

เช่นเดียวกับตอนท้ายเรื่อง โคซากุที่ดูเหลาะแหละ เพราะความมุ่งมั่นกับ
ความท้อแท้กวดฝีเท้าตีคู่กันมา ผลัดแซงหน้าขึ้นลงอยู่ในลู่อารมณ์เสมอ
ลุกขึ้นมาทำเรื่องจริงจังอย่างจริงใจ

คำพูดที่บอกว่า

"ผม จะอยู่ข้างๆ ซิสเตอร์ และปกป้องซิสเตอร์ตลอดไป"

ซึ้งจังเลย แต่ที่ซึ้งกว่า คือการหักมุมด้วยคำพูดต่อมา

"แต่ ผมทำแบบนั้นไม่ได้"

โคซากุในเรื่อง ก็เหมือนกับพระเอกทั่วไปในซีรีย์ญี่ปุ่น
คือ ยอมวางความรักเพื่อความฝัน เลิกคิดถึงแต่ตัวเอง
และลุกขึ้นมารับผิดชอบต่อความหวังของคนส่วนใหญ่

"ผมต้องแบกความฝันของทุกคนเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องอยู่ที่นั่น"
"ดังนั้น ผมจะรอ ผมจะรออยู่ที่นั่น ผมจะรอต่อไป"

เมื่อคนเคยสู้สุดใจเพื่อความรักมา หันทำในสิ่งผิดวิสัยที่เคยเป็นมาตลอด
ยอมวางมือจากความรักด้วยตัวเอง ตัดสินใจหยุดเพราะมันสุดทาง

คนที่เคยตามตื๊อ จะไม่เป็นฝ่ายคอยตามอีกต่อไป ตัดสินใจหยุดแล้ว
ขึ้นอยู่กับว่า คนที่เป็นฝ่ายหนีอยู่ตลอด จะตัดสินใจก้าวมาหาหรือไม่
เพราะทำอะไรไม่ได้อีก นอกจากรอ

มันซึ้ง(อีกแล้วท่าน) เท่ห์สุดๆ ไปเลยค่ะ

พระเอกในซีรีย์ญี่ปุ่นเค้าเท่ห์กันแบบนี้นี่เอง

แต่อย่าหลงเข้าใจผิดว่ากำลังพูดถึงละครรักซึ้งๆ นะคะ ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่
ยังยืนยันคำเดิมว่านี่เป็นละครรักต้องห้ามแบบฮาๆ ฟันธง!

แต่ละครความรัก ก็ต้องมีซีนอารมณ์ซึ้งๆ อยู่แล้ว ช่วงเวลาที่โคซากุ
ตัดใจจากความรัก
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตอนโคซากุอยู่ในโหมดลดน้ำหนัก
และต้องงดน้ำ กำลังนั่งมองน้ำไหลจากก๊อกตรงหน้า อย่างคนวัดใจ
คนที่ไม่เคยอดใจได้เมื่อมีโอกาส กลับนั่งมองน้ำเฉยๆ โดยไม่ดื่ม
อารมณ์ที่ดูซีนนี้ ทำให้นึกถึงตอนดูเรื่อง Nodame In Europe
ท่านจิอากิกลับมาเจอห้องที่คิดว่าจะรกรุงรังตามปกติวิสัยของโนดาเมะ
แต่พอเปิดประตูเข้ามา ห้องที่เห็นคือเรียบร้อยสนิท

อารมณ์ประมาณนั้นเลย

แต่ Happy แน่นอน เหมือนตัวละครในเรื่องรำพันถึงความ Happy Ending ว่า

"โห....เรื่องอย่างนี้ก็มีด้วย"


ชื่อหนัง (เกาหลี/จีน/ญี่ปุ่น) : 1ポンドの福音 / 1 Pound no Fukuin
ชื่อหนังอื่นๆ : One-Pound Gospel
กำกับโดย : Sato Toya, Otsuka Kyoji (大塚恭司)
จำนวนตอน : 9 ประเภท : Romance and Comedy
ผลิตโดย : Kono Hidehiro
ปี : 2008Written By : Takahashi Rumiko,
1 Pound no Fukuin (manga), Fukuda Yuichi (福田雄一)



ภาพและข้อมูล : Blike.net
: //www.me2dvd.com

Create Date :31 มกราคม 2553 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:45:55 น. Counter : Pageviews. Comments :23