bloggang.com mainmenu search


Title: 木更津キャッツアイ / Kisarazu Cat's Eye
Genre: Comedy Episodes: 9
Viewership ratings: 10.09
Broadcast period: Jan-18 to Mar-15/ 2002 / TBS
Screenwriter: Kudo Kankuro
Producer: Isoyama Aki
Directors: Kaneko Fuminori, Katayama Osamu, Kudo Kankuro




Kisarazu Cat's eye


Song : A day in our life by Arashi



สมกับที่เป็นผลงานของผู้เขียนบทคนเดียวกันที่เขียนเรื่อง IWGP และ Tiger & Dragon เพราะ Kisarazu Cat's eye เป็นอีกหนึ่งซีรีย์ติสท์แตกแหวกแนวของผู้เขียนบทที่มีชื่อว่า คุโดะ คังกุโร่ (Kudo Kankuro) ซึ่งนานๆ ครั้งๆ ชื่อของผู้เขียนบทถึงจะติดอยู่ในความจดจำนำมากล่าวนิยมชมกันได้เต็มปากเต็มชื่อสักที ก็เพราะติดใจในรูปแบบการนำเสนอที่แปลกที่ไม่เหมือนใคร แม้บางคนอาจรู้สึกว่ามันน่าเบื่อแต่ส่วนตัวแล้วชอบของแปลก






Kisarazu Cat's eye เป็นเรื่องราวของเพื่อนห้าคน บุซซัง, แบมบี้, มาสเตอร์, อานิ,และ อุจจี้ หนุ่มซ่าสุดเซี้ยวของย่านถิ่นคิซาราสึ พวกเขาผูกพันกับกีฬาเบสบอลและตั้งทีมเล่นกันเป็นกิจวัตรโดยใช้ชื่อทีมว่าแคทส์ ทั้งยังมีความหลงใหลในการ์ตูนชื่อดัง ที่ชื่อเข้ากันพอดีกับชื่อทีมเบสบอล ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งชื่อกลุ่มโดยเรียกตัวเองว่า "แคทส์อาย"

"แคทส์อายแห่งคิซาราสึ"

เป็นความเข้าใจผิดไปไกลอย่างมหันต์ที่คิดว่าเนื้อหาซีรีย์เรื่องนี้จะซึ้ง เศร้า เคล้าน้ำตา ตามประสาเพื่อนรักผูกพันที่ดันมีคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งและใช้ชีวิตรอวันตายในช่วงเวลาสุดท้าย 6 เดือนที่เหลืออยู่ เพราะที่จริงแล้วไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย







ตามเรื่องแล้วทุกคนมีชื่อตัวละครตามที่เห็นในภาพแนะนำนะคะ แต่ขอเขียนโดยใช้ชื่อเล่นในระดับสนิทสนมที่ตัวละครใช้เรียกกันในหมู่เพื่อนดีกว่า (น่ารักดี)

บุซซัง - หนุ่มแสบหัวโจกทีมแคทส์อาย เป็นลูกชายเจ้าของร้านตัดผม และบุซซังเองก็เป็นช่างตัดผมด้วย

มาสเตอร์ - หนุ่มซ่า บ้าๆบอๆ (แต่ก็ดูบ้าน้อยที่สุดแล้วในกลุ่ม) เป็นเจ้าของบาร์เหล้า แหล่งสุมหัวของทั้งห้าหนุ่ม มีภรรยาและมีลูกสาม

อานิ - หนุ่มเสเพลที่ตกงานซ้ำซาก

อุจจี้ - หนุ่มซื่อบื้อแต่ลึกลับซับซ้อน

แบมบี้ - หนุ่มใสซื่อ และบริสุทธิ์ (ยังเวอร์จิ้นอยู่) คนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย



เพราะหมอบอกว่าบุซซังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 6 เดือน ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิท เกิดในคิซาราสึเหมือนกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน คบหากันมาตลอด ด้วยความเคารพในความเป็นเพื่อนบุซซังจำต้องบอกกล่าวเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ แต่กับโคสุเกะผู้เป็นพ่อบุซซังกลับจงใจปกปิดความจริงเอาไว้

ตามเนื้อหาแล้วซีรีย์เรื่องนี้ควรจะเศร้า คือถ้าจะคิดให้เศร้าก็เศร้าอยู่หรอกนะ แต่ด้วยความที่ตัวละครแต่ละตัวล้วนแล้วแต่เป็นพวกเพี้ยน อาการแสดงออกทั้งคำพูดและการกระทำ จึงไม่ได้สื่อความซึ้งความเศร้าออกมาชัดเจนโดยตรงแต่ก็มีเค้ารางความเหงาของคนใกล้ตายให้เห็นเป็นระยะ บุซซังที่รู้สึกแปลกแยกและโดดเดี่ยวเพราะเขาเป็นคนเดียวที่กำลังจะจากไป จึงไม่มีอนาคตอะไรให้ต้องคิดถึง ฉากที่บุซซังบอกอาการป่วยของตัวเองให้เพื่อนรับรู้จึงเป็นฉากหนึ่งที่ชอบมาก ทั้งที่หวั่นๆ กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ทั้งที่เอนเอียงในความจริงจังที่น่าเชื่อถือของบุซซัง แต่เพื่อนๆ ก็ยังพยายามสรุปว่า "มันโกหกชัวร์!" (เล่นแบบนี้ไม่ขำนะโว้ย)





ดูจากสภาพการณ์ทั้งการออกความคิดการตัดสินใจ บุซซังถือได้ว่าเป็นหัวโจกของทีมแคทส์อายอยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังจะตายยิ่งมีเรื่องมากมายที่อยากจะทำเป็นวีรกรรมสุดเหวี่ยงทิ้งท้าย และสิ่งเดียวที่เพื่อนๆ พอจะทำให้บุซซังได้ก็คือการร่วมก่อวีรกรรมสุดแสบแบบถึงไหนถึงกันนี่แหละ หนึ่งในนั้นก็คือการเป็น หัวโขมยแห่งคิซาราสึ งานอดิเรกของแคทส์อายก็คือการโขมย อะไรก็ได้ที่โขมยแล้วมันให้ความรู้สึกสนุกสุโค่ย และเงินที่ได้จากการโขมยมาพวกเขาจะนำไปทำประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งให้กับคิซาราสึ จะโดยตั้งใจหรือบังเอิญสถานการณ์มันเป็นไป ก็ล้วนแต่กลายเป็นประโยชน์ให้คิซาราสึได้ในที่สุด (หรือนี่จะเป็นอิทธิพลของฮีโร่นามโรบินฮู้ด)



ความโดดเด่นในใจสำหรับซีรีย์เรื่องนี้คือ "ความสัมพันธ์" ที่ไม่ได้ดูเป็นความจริงจัง (เพราะมีแต่คนเพี้ยน) แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ (จากใจของคนเพี้ยนๆ นั่นแหละ)

บุซซัง-แบมบี้ ที่มีเรื่องหมางใจกันมาก่อนเมื่อครั้งจบมัธยมปลาย ดูต่างคนต่างก็คงเสียใจกับเรื่องที่ในอดีตผ่านมา ทั้งที่ใจยอมรับว่าตนมีส่วนผิด แต่ไม่มีใครยอมรับออกมาว่าตัวเองผิดและขอโทษ ต่างไม่ยอมรับและเอ่ยปากโทษอีกฝ่าย ตั้งแต่จบมัธยมปลายบุซซังกับแบมบี้จึงเข้าหน้ากันไม่ค่อยติด แต่เพราะบุซซังกำลังจะตาย แบมบี้ที่ห่างหายจึงหันกลับมาเข้ากลุ่ม

บุซซัง-กับชื่อจริงๆ ของอานิ ที่ไม่เคยมีใครจำได้ชัดและเรียกถูก แต่บุซซังทำให้อานิมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ทั้งที่มันก็แค่การจำชื่อ (ชื่อ ซาซากิ คิซาชิ คนคงจะจำกิๆ คิๆ ชิๆ สับหน้าสับหลังกันกระมัง แม้แต่ชื่อเล่นในเรื่องมักจะมีมุขที่คนเรียกชื่อเล่นด้วยชื่ออานิ แต่ก็ยังเติม อานิคิ อานิกิ แล้วอานิก็มักตระโกนแก้ไขชื่อของเขาออกมาว่า "ไม่มี 'กิ'โว้ย"

บุซซัง-กับมาสเตอร์ บุซซัง-กับอุจจี้ และบุซซัง-กับโมโกะ ไม่ว่าจะกับใครในความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดูยุกยิกวุ่นวาย แต่ดูแล้วมันเป็นความสนุกและเป็นความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ก็คงเหมือนตอนเราอยู่กับเพื่อนแก๊งสนิทล่ะค่ะ ไม่รู้เอาเรี่ยวแรง เอาเรื่องราวจากไหนมาพูดกันได้ทั้งวัน หัวเราะไปด้วยได้อีกทั้งวันเมื่ออยู่กับเพื่อนตัวฮา บางครั้งบางคราก็มีลูกบ้าฮึดฮัดขึ้นมาทำโน่นทำนี่กันให้จดจำนำมาหัวเราะระลึกความหลังในเวลาต่อมาแบบไม่รู้จบ



โมโกะ สาวอาโนเนะที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนกับหนุ่มๆ ทั้งห้า โมโกะชอบบุซซังแต่ก็สามารถควงผู้ชายได้ทุกคนที่เสนอตัวมาทอดสะพานให้ และยังมี'ของตาย' เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทุ่มเทรักเพื่อโมโกะสุดหัวใจ ดูจะเป็นรักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาแต่ชาติปางไหน นั่นก็คือ แบมบี้ ใครจะว่าโมโกะเป็นอิสาวบ้าบอปัญญาอ่อนขนาดไหน แบมบี้ไม่เคยสนใจ (ก็ผมรักของผมนี่นา) นี่จึงเป็นหนึ่งในความลุ้นที่ไม่ค่อยมีให้ลุ้นนักในซีรีย์เรื่องนี้ แบมบี้จะเอาชนะใจโมโกะได้หรือไม่และอย่างไร

บุซซัง-แบมบี้-อานิ-อุจจี้-มาสเตอร์ พวกเขาหล่านี้มีความสัมพันธ์อันดี (ที่แม้จะลุ่มๆ ดอน) กับคนเหล่านี้

ออสซี่ (หรือ โอซุ Osu) ชายผู้นี้ความจำเสื่อม แต่เขาเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของคิซาราสึ เป็นเหมือนเทวดาประจำเมือง ออสซี่ไม่มีบ้านแต่อาศัยนอนในรถตู้ของเขาเองและเพ่นพ่านไปตามถนนหนทาง สถานที่โปรดปรานของออสซี่ก็คือบาร์เหล้าของมาสเตอร์ เพราะออสซี่จะได้ดื่มเบียร์ฟรีโดยที่มาสเตอร์ไม่เคยคิดตังค์ มันน่าสนใจที่ว่าอดีตเป็นมาอย่างไรกันนะ ใครๆ ถึงได้รู้จักและรักออสซี่ราวกับเป็นคนสนิทคุ้นเคย แม้แต่การที่เขาลงสนามเล่นเบสบอล คนทั้งย่านก็แห่กันมาเพื่อดูและเป็นกำลังใจแก่ออสซี่ที่ความจำเสื่อมและไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร



เนโกตะ โค้ชทีมเบสบอลจอมงกที่เพี้ยนไม่น้อยหน้าไปกว่าคนอื่นๆ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้จักเนโกตะดีนั่นคือ เมื่อเขาโกหกหน้าเขาจะเหมือนหนู (ฮ่าฮ่า)

รุ่นพี่ยามางุจิ ยากูซ่าหน้าหยกที่เป็นขาใหญ่ของคิซาราสึและเป็นที่นับถือเป็นที่พึ่งพาได้(ในบางครั้ง) ของพวกแคทส์อายด้วย แต่ว่า ... อีกเช่นกันคือ ...เพี้ยนนนนน




โรส ผู้มีฉายาว่า The Second Generation Kisarazu Rose เธอเป็นสาวนักเต้นในบาร์รุ่น สว. (สูงวัย) สำหรับโรสแล้ว อายุเป็นเพียงตัวเลข เพราะเธอยังคงเป็นสาวสูงวัยใจหัวใจเด็ก โรสจะคอยดักหน้าดักหลังหนุ่มๆ ชักชวนให้แวะเข้าผับไปชมการแสดงโชว์ ยามหนุ่มๆ เดินผ่าน แต่มักจะได้ผลกับแค่คนๆ เดียวที่หลงคารมนั่นก็คือ อุจจี้

โคสุเกะ พ่อของบุซซัง เป็นช่างตัดผมที่หลงใหลศิลปะการแสดงเป็นชีวิตจิตใจ งานอดิเรกของพ่อโคสุเกะก็คือการออกไปเรียนการแสดง และมักจะแสดงบทบาทที่เรียนมาให้บุซซังได้เห็นอยู่เสมอ บุซซังไม่เคยเรียกโคสุเกะว่า "พ่อ" ( โอโต้ซัง ) แต่เรียกด้วยชื่อเฉยๆ ว่าโคสุเกะ จะด้วยพื้นฐานเป็นมาอย่างไรไม่อาจทราบได้ แต่เท่าที่เห็นไม่ใช่คู่พ่อลูกที่จะพูดจากันมากนัก จะว่าสนิทก็ไม่ใช่จะว่าห่างเหินก็ไม่เชิง เป็นความสัมพันธ์แบบรักนะแต่ไม่แสดงออกมากกว่า




ครูมิเร เป็นคุณครูประจำชั้นของบุซซังและเพื่อนๆ ในสมัยเรียน และยังเป็นครูที่โรงเรียนอยู่ เธอถูกครูใหญ่ตามรักตามตื๊อเหมือนพวกสตอล์คเกอร์จนสติแตกและกลายเป็นครูเพี้ยนๆ ไปด้วยอีกคน บุซซังแอบปลื้มครูมิเรมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเรียนหนังสือและครูกับลูกศิษย์เหล่านี้ก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอยู่ แม้ว่าจะออกจากโรงเรียนมาแล้ว

ครูมิเรและบุซซังต่างก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก บุซซังที่ต้องบอกกล่าวกับเพื่อนๆ ว่าเขากำลังจะตาย และครูมิเรที่เพี้ยนจนทำเรื่องป่วนโรงเรียนก็ถูกพักงานการสอน อดีตครูกับลูกศิษย์จึงผลัดกันให้กำลังใจกันและกันในยามที่อีกคนประสบปัญหา

จุน น้องชายของอานิ ลูกเอาถ่านที่ตรงกันข้ามกับพี่ชาย จุนเป็นนักเบสบอลฝีมือดีและเป็นความหวังของโรงเรียนในการพาทีมมุ่งหน้าสู่การแข่งขันที่โคชิเอ็ง อานิที่ตกงานซ้ำซากจึงเป็นลูกที่ไม่ได้รับความเอ็นดูจากพ่อแม่เท่าไรนัก (ลูกผู้ไม่อยู่ในความคาดหวัง)

พักนี้ เห็นหน้ากันบ่อยนะคะ สำหรับนาริมิยะ ฮิโรกิ ใน Kisarazu cat's eye ยังดูละอ่อนเอ๊าะอยู่เลย อ่อนไม่อ่อนก็เล่นเป็นน้องชายของทาเคชิได้ (อานิ) แต่ถ้าให้เทียบกันตอนนี้คิดว่าหน้าตาของฮิโรกิแก่เลยหน้าทาเคชิไปแล้วนะคะ



ยังมี แขกรับเชิญมากหน้าหลายตาที่โผล่มาในแต่ละตอนให้เนื้อหาของเรื่องสนุกและน่าสนใจมากขึ้น ที่รู้จักแม่นยำก็คือหนุ่มหล่อซาโตชิที่แสดงเป็น Little Yamada อดีตเพื่อนนักเบสบอลที่ก้าวนำไปสู่ชั้นมือโปร Aikawa Sho แสดงเป็นตัวเขาเอง คือเป็นนักแสดงที่พวกแคทส์อายปลื้มและสำหรับบุซซังต้องใช้คำว่า "สุดคลั่ง" ถ้าเป็นแฟนคลับคงเป็นประเภทที่เรียกว่ายอมตายถวายหัว การที่พวกแคทส์ได้พบกับซุปเปอร์สตาร์ตัวจริงที่พวกเขาคลั่งไคล้ก็เป็นอีกหนึ่งความตลกที่ไม่ถึงกับฮาก๊ากแต่มุขของคุณคุโดะก็ไม่ฝืดเลยมีเรื่องให้หัวเราะตลอด ส่วนนักแสดงรับเชิญคนอื่นๆ ก็พอคุ้นหน้าอยู่บ้างแต่ไม่รู้จักชื่อแล้วล่ะค่ะ





และถ้าถามหาแขกรับเชิญที่ถูกใจที่สุดคงต้องเป็น Kishidan (วง J-pop จริงๆในวงการนักร้องญี่ปุ่น ) ที่มาแสดงเป็นตัวพวกเขาเอง คือ วง Kishidan โดยบทบาทคือสมาชิกในวงโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกันของเมืองคิซาราสึ ร่วมกันก่อตั้งวงดนตรีจนมีชื่อเสียงและเป็นสุดยอดความนิยมของชาวคิซาราสึเองด้วย Kishidan มีเหตุให้ต้องมาเกี่ยวพันกันกับพวกหนุ่มๆ ทั้งห้าที่กำลังคิดตั้งวงดนตรีขึ้นมาเล่นกันขำๆ ( เป็นอีกหนึ่งเรื่องท้าทายสุดขั้วที่พวกแคทส์คิดทำ) วง Kishidan นี้เองที่ทำให้ Eppisode 7 และ the movie มีสีสันเพิ่มขึ้นไม่น้อย เพราะมีพวกเขาแล้วมันฮา แต่งตัวเหมือนแก๊งนักเรียนนักเลงที่เดินหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น แล้วยังชอบการแสดงบนเวทีของพวกเขาด้วย (ดูสนุกสนานและมันส์ดี)



ไม่ใช่แค่การตั้งวงดนตรีแล้วมีอะไรๆ ไปเกี่ยวข้องกับวง Kishidan หรอกนะคะที่มันสนุก เพราะตอนไหนๆ มันก็มีเรื่องให้ตลกและดูแล้วก็สนุกดี สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วไม่ได้ถูกละทิ้งให้หายไปแค่จบในตอน แต่จะมีมาเกี่ยวข้องอยู่เป็นระยะๆ อย่างการเต้น ยัตไซ มตไซ ที่เริ่มขึ้นในตอนประกวด MR.KISARAZU CONTEST เพราะการเต้นนี้ถือเป็นสุดยอดความฮิตและความภาคภูมิใจของท้องถิ่น ยัตไซมตไซจึงเป็นหนึ่งในหัวข้อการประกวดนั่นคือ "การทดสอบจังหวะ" หนุ่มๆ ผู้เข้าประกวดทุกคนจะต้องเต้นยัตไซมตไซ เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาให้คะแนน ใครๆ ก็ขยับตามจังหวะเมื่อได้ยินเสียงยัตไซมตไซ โมโกะก็ชอบยัตไซมตไซ แม้แต่คนความจำเสื่อมอย่างออสซี่ก็ยังเต้นยัตไซมตไซ (Episode 4 Mr.Kisarazu Contest มันฮาได้ใจจริงๆ) จากนั้นก็จะมียัตไซ มตไซโผล่เข้ามาให้เห็นกันอีกแบบผูกใจไว้ไม่ให้ห่างหาย ก็คงเป็นความรู้สึกคุ้นเคยอย่างเดียวกันกับที่ใช้คำว่า "ผูกพันกับตัวละคร" นั่นแหละค่ะ และเพราะยัตไซมตไซกับการประกวดมิสเตอร์คิซาราสึนี่แหละมั้งที่ทำให้ตกหลุมรักตัวละครสุดซื่อบื้ออย่างอุจจี้และแบมบี้ผู้ซื่อใสไร้เดียงสา


แล้วตอนที่พวก Kishidan เต้นยัตไซมตไซนะ โอ้โห ..... สุดฮา





Kisarazu cat's eye ดำเนินเรื่องแบบย้อนไปย้อนมา คนละอย่างกับการวกไปวนมานะคะ เพราะไม่ได้วกวนในเนื้อหาแต่ย้อนกลับไปและดึงกลับมาไปในการตัดต่อภาพและเชื่อมต่อเหตุการณ์ เป็นช่วง "ต่อเวลา" (ที่หายไป) ที่ทำได้อย่างฮาๆ แบบแยบคาย รับรองว่า ..ไม่มีทางเดาทางถูก และแม้จะคุ้นเคยกับช่วงต่อเวลาในทุกๆ ตอนที่ว่านั้นแล้วก็ยังไม่มีเบื่อราวกับว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่รอคอยว่าเกิดอะไรขึ้นในอีกด้านหนึ่งระหว่างนั้น (อธิบายยากซะจริง) บางครั้งเรื่องก็ดำเนินไปจนถึงสุดตอนของมันแล้ว เพลินจนลืมไปว่ายังมีช่วงต่อเวลาที่จะย้อนสิ่งเล็กสิ่งน้อยที่หายไปแต่มีผลกระทบไม่น้อยต่อความเป็นไปที่ดำเนินมา Kisarazu Cat's eye สนุกตรงช่วงต่อเวลานี้อย่างหนึ่ง ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญจะเป็นสิ่งอื่นใดไปไม่ได้เลย นอกจาก "ตัวละคร" ซึ่งก็ไม่ได้มีคนไหนหล่อลากไส้ลากดิน ก็หน้าตาธรรมดาพื้นๆ นักแสดงญี่ปุ่นนี่แหละ แต่ว่าชอบทุกคน



โอคาดะ จุนอิจิ เริ่มต้นชอบหนุ่มคนนี้จาก Tiger & Dragon มาเจอกันอีกทีในหนังสุดเงียบอย่าง Otonari คู่กับนางเอก อาโซะ และเพราะถูกใจหนังเงียบเรื่องนั้นจึงได้ซีรีย์เรื่องนี้มาในฐานะที่เป็น ผลงานของจุนอิจิ

ซาโต้ เรียวตะ จะจดจำเค้าตลอดไปในบทบาทของอาจารย์คาวาโต้เจ้าคำคมแห่ง Rookies จากนั้นมาไม่ว่าเรียวตะจะแสดงเรื่องไหนก็ชอบไปซะหมด

ซึคาโมโต้ ทาคาชิ ชอบหนุ่มคนนี้จริงๆ เลยนะกับบทบาทของเออิจิ หนุ่มช่างเมาท์ในเรื่อง Kekkon Dekinai Otoko จากนั้นโผล่หน้าให้เห็นแว่บๆ ในเรื่องไหนเป็นได้ดีอกดีใจทุกครั้งไป เพราะเรียวตะ กับทาคาชินี่แหละ ทำให้ซีรีย์ Kisarazu Cat's eye แซงคิวซีรีย์ในสต๊อกเรื่องอื่นๆ มาได้เร็วกว่าปกติทั้งที่ไม่ใช่ซีรีย์แนวรักโรแมนติก

ซากุไร โช แห่งวงอาราชิ เคยได้ยินชื่อคุ้นหูมานานแต่เพิ่งจะเคยเพ่งพิศหน้าตาจริงๆ นี่แหละ ก็ไม่หล่ออย่างที่เคยเห็นนั่นแหละ (อ้าว!) (แฟนๆ อาราชิอย่าเคืองนะ) แต่ว่าบทของแบมบี้ในเรื่องนี้ โชเล่นเป็นคนสุดซื่อได้อย่างน่ารักสมบทบาทไม่เสียสง่าในความเป็นสมาชิกของวงอาราชิแม้แต่น้อย

โอคาดะ โยชิโนริ เคยเห็นหน้าอุจจี้จากซีรีย์เรื่องอื่นแน่ๆ แต่จำไม่ได้เลย บุคลิกของอุจจี้ในเรื่องนี้มีแค่เส้นบางๆ ขีดขั้นระหว่าง 'แค่เอ๋อเหรอ' กับ 'ปัญญาอ่อนจริงๆ' เขาเคยแสดง Oh! my girl กับ Utahime ด้วย แต่ไหงจำบทของเขาไม่ได้เลยหว่า เว้ากันซื่อๆ เลยคืออุจจี้ดูจะโง่ที่สุดในกลุ่ม แต่มักจะมีส่วนเกี่ยวข้องในสถานการณ์พลิกผันให้เหตุการณ์มีอันเป็นไปอยู่บ่อยๆ เพราะเขาคืออุจจี้ผู้ลึกลับที่ใครๆ คาดไม่ถึง






ตัวละครแต่ละตัวบทบาทไม่น้อยหน้ากันนัก นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ชอบในความเป็นซีรีย์ญี่ปุ่นคือกระจายความสำคัญไปยังตัวละครต่างๆ ที่ไม่ได้มีไว้แค่ให้พระเอกนางเอกมีคนพูดคุยด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาในความรู้สึกก็ตรงที่ตัวละครเหล่านี้ดูไปก็รู้สึกผูกพันไปกับพวกเขา ในความบ้าบวมแบบเพี้ยนๆ ที่กลายเป็นความตลกน่ารักและหลงรักตัวละครเหล่านี้ในที่สุด รักไม่รักก็ดูครบทั้งสามภาค คือ ซีรีย์ปี 2002 , the movie ในปี 2003 และพิเศษสุดท้ายในปี 2006 สงสัยกันใช่ไหมล่ะคะว่าทำไมบุซซังที่เป็นมะเร็งถึงยังมีชีวิตอยู่และมีอะไรให้เล่นอีกใน The movie ปี 2003 และมีอีกทีในปี 2006 ซึ่งตามความยาวแล้วไม่รู้ว่าเป็นหนังหรือเป็นมินิซีรีย์ออนแอร์ทางโทรทัศน์ และความบ้าก็พุ่งดีกรีสูงขึ้นตามลำดับด้วย ซีรีย์ปี 2002 นั้นทำดีมาก The movie ปี 2003 ก็ยังโอเค แต่ว่า the final ในปี 2006 รู้สึกจะบ้าตกขอบโลกเกินไปหน่อย



แต่อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าเป็นการฉลาดสร้างเรื่องและเขียนบท เพราะความจริงที่ว่าบุซซังจะต้องเสียชีวิตไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ที่ยังมีอะไรให้เล่นก็เพราะการตัดต่อและเชื่อมโยงช่วงต่อเวลาที่กล่าวมานั้นแหละ ทำให้บุซซังยังอยู่มายาวถึงตอนจบสุดท้ายในปี 2006 และก็กลายเป็นอีกหนึ่งซีรีย์ที่ดูจนครบจบสมบูรณ์แบบไร้ข้อกังขา เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ในเรื่องที่หมดปัญหาเรื่องค้างคาใจ



ชอบเนื้อหาตรงจุดหนึ่งที่ว่า ทั้งที่มีเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันร่วมกันทำอะไรๆ มาตั้งมากมาย แต่สุดท้ายทำไมบุซซังถึงต้องตายไปอย่างเดียวดายไร้เพื่อนสักคนอยู่เคียงข้าง อีกทั้งที่เหลืออยู่ก็วงแตก แยกกันไป "ตกต่ำ" คนละทิศละทาง แล้วก็เพราะบุซซังนี่แหละพวกเขาถึงได้กลับมารวมตัวกันที่คิซาราสึอีกครั้ง ฉากหน้าดำเนินไปในลักษณะคอมมาดี้เฮฮาแต่ก็แฝงเรื่องน่าคิดเอาไว้บ้างไม่ถือว่าโบ๋เบ๋ว่างเปล่าจนเกินไป


ยัตไซ มตไซ (เรียกถูกหรือเปล่าไม่รู้นะคะ) เป็นเพลงโฟล์คโบราณประจำเมืองคิซาราสึ ชาวคิซาราสึล้วนแต่มีจังหวะยัตไซมตไซอยู่ในสายเลือดทุกคน และยัตไซมตไซนี่แหละ ที่ผลักดันเข้าไปสู่โลกของคิซาราสึและเทใจให้กับซีรีย์แปลกๆ เรื่องนี้....อย่างแรงงงง





เพลงประกอบละคร ชื่อเพลง "A Day in Our Life" ชอบเพลงอยู่ก่อนแล้วถึงเพิ่งมารู้ว่าเป็นบทเพลงของวงอาราชิ วงบอยแบนด์ของญี่ปุ่นที่แม้ไม่เคยฟังเองแต่ก็รู้ได้ว่า วงอาราชิเป็นวงที่มีชื่อเสียงดังไกลไม่น้อย เพลงที่ว่านี้จึงถือว่าสมราคาอาราชิ


Award

32nd Television Drama Academy Awards: Best Screenwriter: Kudo Kankuro
32nd Television Drama Academy Awards: Best Director: Kudo Kankuro
32nd Television Drama Academy Awards: Best Opening
32nd Television Drama Academy Awards: Best Cast











ภาพและข้อมูล :

//wiki.d-addicts.com/Kisarazu_Cat's_Eye
//www.tbs.co.jp/catseye/
Search pictures from google.com

Create Date :30 มกราคม 2554 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:43:17 น. Counter : Pageviews. Comments :3