bloggang.com mainmenu search


Title : Nagareboshi ( Shooting Star )
Genre: Romance Episodes: 10
Broadcast network : Fuji TV
Screenwriters: Usuda Motoko , Akiyama Ryuhei
Producer: Nakano Toshiyuki
Director: Miyamoto Rieko



Smiley Nagareboshi / Shooting Star อธิษฐานรักจากดวงดาว Smiley


ตั้งชื่อภาษาไทยให้เก๋ไปอย่างงั้นเองแหละค่ะ เพราะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับดาวตกและการขอพรในเนื้อเรื่องนั้นก็มีอยู่เพียงนิดเดียว เพราะคิดหลายตลบแล้วไม่รู้จะตั้งชื่อยังไงดี พิจารณาจากเนื้อหาแล้วจะตั้งว่า "แมงกะพรุนสื่อรัก" หรือ "รักนี้เกิดจากตับ" ก็กระไรอยู่ แม้จริงๆ จะใช่ แต่ว่ามันไม่เท่



เข้ามาเป็นตัวเลือกเพราะอยากดูซีรีย์แนวความรักโรแมนติก ประจวบกับนางเอกคือ อายะ อุเอโตะ ( Attention Please, Minamoto Yoshisune , Hoteiler , Marriage Hunting ) ก็มีใจให้ไปค่อนทางแล้ว เห็นทาเคโนะอุจิ ยูทากะ รับบทเป็นพระเอก ต้องรีบเทใจให้เลย ไม่ใช่เพราะเป็นพระเอกในดวงใจหรอกนะคะ ไม่ได้ชอบพอกันมากมายกับยูทากะ แต่เพราะผลงานเรื่อง Shotgun Marriage เป็นหนึ่งในซีรีย์ความรักที่ประทับใจ และเรื่องรักอื่นๆ ที่ยูทากะแสดงก็ได้รับการกล่าวถึงไม่น้อย แม้ตัวเองจะไม่เคยดูแต่ก็คาดหวังว่าเรื่องที่เขาคนนี้แสดงจะต้องน่าดูแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ

หากนำ Nagareboshi ที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Shooting Star (ดาวตก) ไปเปรียบเทียบกับ คนรักของพระจันทร์ Moon lovers ที่มีป๋าใหญ่ทาคุยะเป็นพระเอก ผลงานนี้บนเส้นทางสายซีรีย์โรแมนติกแห่งปี 2010 ป๋ารองยูทากะได้หน้าเข้าเส้นชัยไปเต็มๆ แบบทิ้งระยะห่างเป็นโยชน์ ยิ่งถ้าวัดกันที่ความรู้สึกนี่คืออีกหนึ่งผลงานของ ยูทากะ และ อายะ ที่น่าจดจำ (อายะจัง สุดที่รักSmiley)

คู่เหมือนที่แตกต่าง

พี่น้องคู่หนึ่ง เป็นคู่พี่น้องที่รักกัน พี่ชายยินดีและพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของน้องสาว ในขณะที่พี่น้องอีกคู่หนึ่ง คนเป็นพี่ชายพร้อมจะพรากทุกอย่างที่เป็นความสุขของน้องสาวไป ทั้งสองคู่เหมือนกันตรงที่ ต่างก็เป็นคู่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่ในความสัมพันธ์สุดต่างกันราวฟ้ากับเหว



โอคาดะ เคนโงะ (Takenouchi Yutaka ) และ โอคาดะ มาริเอะ (Kitano Kii นางเอกภาพยนต์เรื่อง Half way คู่กับ โอคาดะ มาซากิ) คือคู่พี่น้องกลมเกลียวเป็นน้องนางฟ้ากับพี่ชายที่แสนดี ครอบครัวที่มีกันสามคน 'แม่ พี่ชาย น้องสาว' ฉากหน้าดูเป็นครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข แต่ฉากหลังฝังตรึงด้วยความทุกข์ใหญ่ยิ่ง เป็นเพราะชะตาฟ้าเปี่ยมยุติธรรมจึงไม่อนุญาตให้มนุษย์หน้าไหนมีความสุขสมบูรณ์พร้อมเกินไป ก่อนครอบครัวจะเหลือกันสามคน นั่นคือการผ่านมาซึ่งอดีตอันแตกแยกและร้าวราน ทั้งมาริเอะยังป่วยเป็นโรคตับและเวลาแห่งการรอคอยผู้บริจาคตับเพื่อทำการปลูกถ่ายก็เหลือน้อยลงทุกที "Hopeless face" ใบหน้าหม่นหมองของคนที่ดูราวกับชีวิตนี้ไร้ความหวังจึงเป็นใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของเคนโงะที่ไร้อารมณ์สนุกสนานเอาแต่ขยันทำงานเก็บเงินเพื่อทำหน้าที่ของพี่ชายอย่างไม่ให้มีขาดตกบกพร่อง เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมเงินเพื่อรักษาน้องสาวของตัวเองตลอดมา



มากิฮาระ ชูอิจิ (Inagaki Goro) และ มากิฮาระ ริสะ (Ueto Aya) คือ อีกหนึ่งคู่พี่น้อง แต่ความสัมพันธ์คล้ายดั่งเจ้ากรรมนายเวร คือมันเป็นเวรกรรมอะไรก็มิทราบได้ ที่ชูอิจิจะต้องเป็นพี่ชายที่แสนเลว สร้างแต่ปัญหา สร้างหนี้สิน และยังเป็นจอมรีดไถที่คอยขูดรีดเอาเงินจากน้องสาวไม่ต่างกับตัวแมงดาหน้าไม่นิ่มที่คอยเกาะผู้หญิงกิน (และผู้หญิงที่ว่าก็คือน้องสาวของตัวเอง) เพราะชีวิตเต็มไปด้วยหนี้ คิดจะหนีก็หนีไปไม่พ้น ริสะจึงต้องกลายเป็นผู้หญิงขายตัวเพื่อปลดหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ



'การปลูกถ่ายตับ' ไม่ใช่สิ่งที่หาความเข้ากันได้ยากเย็นแบบการปลูกถ่ายไขกระดูกของผู้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่แม่กับเคนโงะะต่างก็มีสาเหตุที่ทำให้ตับของทั้งคู่ไร้ประโยชน์ต่อมาริเอะ บริจาคไม่ได้เพราะความไม่เข้ากัน หนทางเดียวที่มีอยู่คือต้องรอผู้บริจาค ซึ่งก็เป็นการคอยที่ไร้จุดหมายเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีคนบริจาคให้ ในขณะที่อาการป่วยของมาริเอะกำลังแย่ลงทุกที เคนโงะกลัดกลุ้มและวิตกกังวล ทั้งที่ขณะนั้นเขากำลังเตรียมงานแต่งงานกับ เออิซาว่า มินาโกะ ( Itaya Yuka) หญิงสาวผู้เป็นคู่หมั้นและรักกันมานานหลายปี



การปลูกถ่ายอวัยวะนั้น ตามกฏหมายของญี่ปุ่นกำหนดไว้ว่าจะต้องได้รับการบริจาคมาจากครอบครัว เครือญาติและ "brain death donor" เท่านั้น ตอนแรกก็ไม่เข้าใจค่ะว่าทำไมต้องเป็นผู้บริจาคที่สมองตาย ถามกูรูอย่างกูเกิ้ลจึงได้รู้ว่า "...เพราะผู้ป่วยที่อยู่ในสภาพสมองตายใหม่ ๆ อวัยวะอย่างอื่นยังทำงานได้ดี ปอดสามารถฟอกอากาศได้ หัวใจสูบฉีดโลหิตได้ ไตล้างของเสียในเลือดได้ ตับยังทำงานอยู่ กระจกตายังไม่ขุ่นมัว ตับอ่อนทำงานตามปกติ ทำให้ผู้ป่วยที่สมองตาย (ซึ่งได้ตายจากเราไปแล้ว) มีสภาพเหมาะที่จะเป็นผู้บริจาคอวัยวะอย่างอื่นที่ยังปกติดี (Donor) ให้ กับผู้รอคอบการปลูกถ่ายได้ (Recipient) แพทยสภาและสมาคมแพทย์ระบบประสาทจึงมีการกำหนดกฎเกณฑ์ในการบริจาคอวัยวะ เพื่อป้องกันการซื้อขาย หรือ ทำผิดจรรยาแพทย์.." (ที่มา : หมอก้อนหิน แห่ง Bloggang.com)





เมื่อตับนำความรักจากไป

แม่ที่รักลูก ยามหมดความหวังสิ้นกำลังใจ ก็พร้อมจะทำทุกอย่าง ลงทุนคุกเข่าขอร้องว่าที่ลูกสะใภ้ ช่วยไปตรวจเลือด ตรวจสภาพตับ และถ้าหากเข้ากันได้ ได้โปรดช่วยบริจาคตับให้มาริเอะด้วย มินาโกะรักหนุ่มคู่หมั้นเคนโงะ และรักมาริเอะเหมือนน้องสาวของตัวเองคนหนึ่งก็จริง แต่การเฉือนอวัยวะของตัวเองไปให้ใครสักคนมันเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการให้ที่มากเกินไป หวั่นกลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพของตัวเองในอนาคต นำไปสู่ความลังเลใจ และสุดท้ายเธอก็ตัดสินใจปฏิเสธ

การที่แม่ขอร้อง ขอร้องในฐานะของคนที่กำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกัน ในเมื่องานแต่งงานก็จับจองสถานที่กำหนดวันขึ้นแล้วก่อนที่อาการป่วยของมาริเอะจะทรุดลง ดังนั้น คำปฏิเสธการให้ตับ จึงเหมือนเป็นการปฏิเสธการเป็นครอบครัวเดียวกันด้วย รักนี้จึงพังเพราะตับ การแต่งงานถูกยกเลิก

น้องสาวกำลังจะตาย คนรักก็เลิกราจากไป (เพราะเห็นตับมีค่ามากกว่าผู้ชายดีๆ คนหนึ่ง) เคนโงะะจึงตกอยู่ในสภาพของคนสิ้นหวังด้วยใบหน้า Hopeless face หนักยิ่งกว่าเดิม



ทางด้านริสะ เธอมีคนรักเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี และท่าทางจะนิสัยดีด้วย (เห็นหน้าวับๆ แวมๆ ให้เพ่งพิศแล้วก็รู้สึกคุ้นๆ ก็เอ๊ะ ! ดีใจวาบเลยเพราะนักแสดงหนุ่มรับเชิญคนนี้คือ สุดหล่อ ไดโตะ ชุนสุเกะ หวานใจหน้าใหม่จาก Tumbling และ Rescue นั่นเอง) แผนในอนาคตของแฟนหนุ่มมีเธออยู่ในนั้นด้วย แต่ถึงอย่างนั้นริสะก็ไม่ได้มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอมีความลับปิดบังไว้เกี่ยวกับงานพิเศษในสถานที่ที่ประกอบกิจการ Sex Trade "งาน" ที่ไม่อยากทำแต่ต้องทำเพื่อปลดหนี้ ความทุกข์ที่ทับถมอยู่ภายในใจทำให้เธอมีบุคลิกแบบร่างที่ไร้วิญญาณ ซังกะตาย ที่จะมีพอให้เห็นอารมณ์อยู่บ้างก็คือร่องรอยความเหงา เศร้า และเงียบเย็นจนให้ความรู้สึก "วังเวง"

แต่ในที่สุดเธอก็ทำงานพิเศษนั่นจนหลุดหนี้ หวังว่าชีวิตนี้ต่อไปจะดีขึ้นลืมอดีตที่ขื่นขมแล้วก้าวไปมีชีวิตใหม่ในวันข้างหน้า แต่มันดันไม่จบแค่นั้น เพราะคุณพี่ชายที่หายไปพักใหญ่หลังจากทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้ มันกลับมาหาอีกแล้ว ถึงริสะจะพยายามปกปิดการมีแฟนและชื่อเสียงเรียงนามของแฟนหนุ่มยังไง ไอ้คุณพี่ชายก็ยังอุตส่าห์ดมกลิ่นจนค้นพบ และยังแอบไปหลอกยืมเงินแฟนของริสะ แถมยังปากบอนเรื่องงานพิเศษของเธออีกด้วย

ความผิดของการเป็นคนรักมันไม่ใช่แค่การปิดบังความจริง แต่การที่เป็นผู้หญิงขายเซ็กส์ ผู้ชายหน้าไหนมันจะรับได้ เว้นแต่ว่าเป็นพ่อพระ มองเห็นเนื้อหนังมังสาเป็นของนอกกายจะเอาไปกระทบเนื้อใครจะผ่านอะไรมาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เพราะแฟนของริสะไม่ใช่พ่อพระจึงรับไม่ได้ รักนี้จึงพังตามระเบียบ ความรักที่ไม่เหลืออะไรไว้ให้นอกจากหนี้ก้อนใหม่ก้อนใหญ่ที่พี่ชายของเธอยืม 'อดีตแฟน' ไป

นิยามคำว่าพี่ชายสำหรับริสะ จึงหมายถึง คนที่ไม่เคยให้อะไรมาแต่เป็นคนที่เอาทุกอย่างไป



เมื่อตับนำความรักผ่านเข้ามา

สิ่งที่เรียกว่าบุพเพสันนิวาสคงอยู่ในภาวะปั่นป่วนกระมัง ถึงได้ดลบันดาลให้ชายสิ้นหวังคนหนึ่ง ได้มาพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นยิ่งกว่าคนสิ้นหวังแต่หมดแล้วซึ่งพลังในการมีชีวิตอยู่ เคนโงะและริสะ เคยพบกันก่อนหน้านั้น เพราะแมงกะพรุนเป็นเหตุ ( Jellyfish) ยามเสียใจไร้ทางออกริสะไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเพื่อไปดูแมงกะพรุนและเคนโงะก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์อยู่ที่นั่น แมงกะพรุนที่ล่องลอย บางเบา ดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยวแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางแมงกะพรุนตัวอื่นๆ "มันเหงาไหม" นั่นแหละคือคำถามที่ริสะถามเคนโงะและเขาอธิบายให้เธอฟังว่าแมงกะพรุนไม่มีสมองมันจึงไม่มีอารมณ์ความรู้สึกและริสะก็บอกว่าเธออยากเป็นเหมือนแมงกะพรุน



เขาและเธอเคยพบกันอีกหลังจากนั้น หน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำริมทะเลที่ริสะนั่งดื่มอย่างเดียวดายและเฝ้ามองดาวบนท้องฟ้าขณะที่เคนโงะออกมาเดินผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียดเรื่องอาการป่วยของมาริเอะ ริสะเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าหน้าตาอมทุกข์ท่าทางจะมีปัญหาชีวิตมาเหมือนกัน จึงชวนมาดื่มด้วยกันให้คลายความทุกข์ เธอยังให้นามบัตรแก่เขาเชิญชวนไปเป็นลูกค้าในงานพิเศษของเธอ ใครฉลาดดูก็รู้ได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีความสุข และกับงานพิเศษแบบนั้นก็คงเพราะมีเรื่องจำใจให้ต้องทำ และสายตาของเคนโงะที่มองริสะก็บอกได้ว่าเขาเป็นคนฉลาด

เคนโงะช่วยชีวิตริสะไว้ในตอนที่เธอกำลังจะฆ่าตัวตาย และไอ้หนุ่มสิ้นหวังก็มีความหวังขึ้นมาจากตับของคนที่ไม่ต้องการจะมีชีวิต (ก็ถ้าชีวิตยังไม่สำคัญ นับประสาอะไรกับตับเล่า) "ผมอยากให้คุณแต่งงานกับผม" จึงเอ่ยปากขอเธอแต่งงานแลกกับการปลดหนี้ให้ เงินสามล้านเยนที่ไม่ได้ให้ไปเปล่าๆ แต่ขอให้เธอตอบแทนคืนมาด้วยตับของเธอ

คนที่กำลังจะตายไปแล้วแต่ดันกลับมาชีวิต เงินสามล้านเยนทำให้ดูเป็นผู้หญิงหิวเงินที่ขายได้แม้กระทั่งตับของตัวเอง แต่ลึกๆ ลงไปใครจะเห็นถึงใจที่รู้สำนึกในบุญคุณคน อีกอย่างคนที่ทิ้งศักดิ์ศรีเอาเนื้อหนังมังสาแลกเงินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจะมาเสียดายอะไรกับแค่เสี้ยวตับที่ต้องเสียไป

"my body's not all that valuable"

ริสะตัดสินใจเรื่องตับ ตั้งใจตัดขาดจากพี่ชาย เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วหลบหนีไปอยู่ร่วมบ้านกับเคนโงะในฐานะภรรยา (กำมะลอ) ด้วยความรับผิดชอบดีเยี่ยมกับการที่ต้องเล่นละครตบตาคุณหมอเจ้าของไข้ในการนำเรื่องเสนอคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะซึ่งต้องมีการตรวจสอบที่มาของผู้บริจาคอย่างเข้มงวด



คามิยะ เรียว (Matsuda Shota) คือ คุณหมอคนดังกล่าว บังเอิญเขาได้พบความจริงว่าเจ้าสาวที่เคนโงะพามาแนะนำตัวในฐานะภรรยา 'โอคาดะ ริสะ' เป็นคนละคนกับ 'มินาโกะจัง' ว่าที่พี่สะใภ้ที่มาริเอะพร่ำพูดถึงด้วยความรักความสนิทสนม การแต่งงานของเคนโงะจึงมีที่มาน่าสงสัย แต่จะคาดคั้นถามเอาความจริงก็เกรงว่าจะเป็นการหยาบคาย ได้แต่เลียบๆ เคียงๆ ถามย้ำ ถามซ้ำ แต่เคนโงะก็ยืนกรานกระต่ายขาเดียว เขาเลิกกับมินาโกะและตกลงใจแต่งงานกับริสะภายในช่วงเวลาที่มาริเอะต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล







ตอนไม่มีตับ ก็รอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ แต่พอมีคนเอาตับมาให้ตรวจสภาพความเข้ากันได้ ทุกอย่างพร้อมแต่กลับทำการผ่าตัดไม่ได้ เพราะในที่สุดความจริงก็คือความจริง คุณหมอคามิยะจะต้องเลือกเองระหว่างการดึงดันช่วยเหลือชีวิตคนไข้ หรือยืนหยัดไว้ซึ่งความถูกต้องภายใต้กฏหมายที่ห้ามไม่ให้มีการซื้อขายอวัยวะ

นั่นไม่ใช่แค่อุปสรรคเดียวที่เคนโงะและริสะต้องฝ่าฟัน เพราะต่อให้คุณหมอคามิยะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปการผ่าตัดก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เนื่องจากตัวผู้ป่วยเองไม่ยอมเซ็นใบยินยอมเข้ารับการผ่าตัด



เพราะครอบครัวต้องแบกรับภาระอาการป่วยของเธอมานาน ความจริงยิ่งกว่านั้นพวกเขาต้องทนรับความเจ็บปวดมามากพอแล้วที่มีเธอลืมตาเกิดมาบนโลกใบนี้ การปลูกถ่ายตับที่ทำให้พี่ชายต้องยกเลิกการแต่งงานและเลิกรากับคนรักไป การจะมีชีวิตยืนยาวต่อไปเพราะชิ้นส่วนอวัยวะที่ได้มาจากผู้หญิงหิวเงินคนนั้นคนที่ขายได้แม้กระทั่งตับของตัวเอง เป็นสิ่งที่มาริเอะยอมรับไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใดเธอไม่อาจยอมรับการผ่าตัด ที่เห็นอยู่แล้วว่าเป็นการผลักดันพี่ชายของเธอให้ตกอยู่ในฐานะผู้กระทำความผิดกฏหมาย เงินที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่ามันคืออาชญากรรม



ลองคิดดูนะคะ ริสะคือลูกกำพร้า เพราะพ่อแม่ตายจากไปแล้วตั้งแต่ยังเด็ก มีพี่ชายก็เป็นคนสารเลวที่มีแต่ทอดทิ้งและกลับมาเมื่อไหร่นั่นหมายถึงเงินและความรู้สึกที่เธอต้องสูญเสีย ได้เข้ามาอยู่ในบ้านของคุณพระเอก ที่มีคุณแม่แสนดี และตัวคุณพระเอกเองก็เป็นพี่ชายที่แสนดีให้เห็นอยู่ตำตาตำใจ คิดแทนตัวละครแล้วสุดเศร้า "บ้านหลังนั้น" "ผู้ชายคนนั้น" และ "ครอบครัวนั้น" จึงเป็นสิ่งดีๆ ที่ริสะอยากช่วยเหลือด้วยใจจริง

ต่อให้ภายนอกจะดูเป็นผู้หญิงหยาบคายไร้หัวใจยังไง แต่ความจริงใจย่อมเป็นสิ่งสัมผัสได้ เหมือนที่เคนโงะและแม่ของเขาเข้าใจเจตนาของริสะดี เธออาจเริ่มต้นมาด้วยเงิน แต่ที่กำลังดำเนินต่อไปคือด้วยใจล้วนๆ



นางโอคาดะ ริสะนี่แหละ (หุหุ ใช้นามสกุลของพระเอกดีกว่า) ที่จะจัดการกับทุกคน ทั้งหมอ ทั้งคนป่วย และคนบริจาคที่ทุกฝ่ายจะยอมรับได้ นั่นก็คือ มินาโกะ เพื่อให้มาริเอะได้มีชีวิตยืนยาวต่อไป สำหรับริสะแล้วไม่ต้องเป็นตับของเธอก็ได้ หากมินาโกะเปลี่ยนใจกลับมาแต่งแบ่งตับให้กับมาริเอะ เธอก็ยินดีจะหาเงิน(ค่าตับ)สามล้านเยนมาทยอยคืนให้ หรือหากจะยอมรับตับของเธอไว้ ก็ยินดีจะให้ฟรีๆ เพราะเมื่อคืนเงินกลับไป นั่นก็ไม่ใช่การซื้อขายอีกต่อไป (แม่พระของฉ้านนน) จัดการดีเกินไป มินาโกะก็เลยกลับมา ขอเปลี่ยนใจให้บริจาค เอาตับของฉันไปแล้วเราจะได้กลับมารักกันใหม่ดังเดิม



มันเป็นความจริงของชีวิตอย่างหนึ่งเลยนะคะ ทำให้นึกถึงประโยคที่ว่า

People will forget what you said
People will forget what you did

But .... People will never forget how you made them feel


ต่อให้เคนโงะเข้าใจความรู้สึกของมินาโกะและเคารพในสิทธิเสรีภาพที่เธอเลือกจะปกป้องตับของเธอ ไม่นึกตำหนิสักคำที่มินาโกะปฏิเสธการบริจาคแถมยังรู้สึกเสียใจที่ทำให้เธอต้องถูกกดดันให้ตัดสินใจเพราะคำขอร้องของแม่ แต่ว่า ..ต่อให้ยังรักและเข้าใจเหตุผลการปฏิเสธของเธอแค่ไหน การจะลืมเรื่องวันนั้นไปแล้วกลับมารักกันใหม่มันจะเป็นไปได้หรือคะ คิดดูนะคะ การที่จู่ๆ คนที่เรารักที่สุดก็หันหลังจากไปในยามที่เรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาและตกอยู่ในภาวะทุกข์หนักที่สุด จะอ้าแขนรับให้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง ในเมื่อเหตุการณ์ครั้งนั้นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มินาโกะไม่ใช่คู่ทุกข์คู่ยากที่จะมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน (อินจัด)

"ฉันต้องการเธอ" (คงหมายถึง ฉันเลือกตับของเธอ) จึงเป็นประโยคที่เคนโงะเลือกบอกได้ถูกคนแล้ว



เรื่องไม่ได้ยุ่งยากอยู่เพียงแค่นั้น เพราะพี่ชายของริสะที่หิวเงินดั่งปลิงดูดเลือดที่หิวโซก็ตามดมกลิ่นควานหาตัวน้องสาวอย่างไม่ลดละ แถมยังจมูกดีเสียด้วย ในที่สุดก็หาริสะพบและสืบจนล่วงรู้เรื่องการแต่งงานของริสะกับเคนโงะที่มีเงื่อนไขอยู่ที่การเฉือนตับ พี่ชายหน้าหน้าเงินไม่ได้ห่วงน้องแต่ห่วงเงิน ทำอย่างไรจึงจะได้เงินจากตับของริสะด้วย จึงก่อปัญหายุ่งยากพัวพันตั้งแต่ต้นจนจบ



Nagareboshi เป็นซีรีย์ เหงา เศร้า เย็น พล็อตละครที่ พระเอก นางเอก แต่งงานกันด้วยเงื่อนไขบางอย่างแล้วจำต้องอยู่อาศัยภายในบ้านหลังเดียวกัน เราอย่าได้หลงคิดว่าจะมีอะไรกุ๊กกิ๊กน่ารักถูกเนื้อต้องตัวโดยบังเอิญให้วี้ดวิ้วเล่น



Nagareboshi ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะพระเอกของเราเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วหาใช่พระเอกแนวโกรธนิดเคืองหน่อยกระชากจูบตบจูบไม่ ทุกอย่างในบ้านหลังนั้นจะสื่อสารถึงความเหงาเศร้าลึกของนางเอกได้เป็นอย่างดี แม่แสนดีที่ทำอาหารให้ลูกๆ กิน ริสะที่ไม่มีแม่และไม่เคยกินอาหารทำเองบนโต๊ะกินข้าวของครอบครัว ห้องที่เธอได้พักนอนแม้จะเป็นห้องนอนของมาริเอะแต่ก็ทำให้ริสะรู้สึกถึงความอบอุ่นปลอดภัยและหลับตาลงได้สนิทใจที่ได้อยู่กับครอบครัวนั้น ยังมีแมงกะพรุนที่เคนโงะเลี้ยงไว้ในตู้กระจกในห้องนอนที่ริสะจะแวะเข้าไปนั่งเหม่อมองมันเมื่อไหร่ก็ได้ สำคัญสุดคือมีผู้ชายดีๆ ที่เป็นแบบอย่างของพี่ชายแสนดี (แตกต่างกันสุดขั้วกับพี่ชายของตัวเอง) ให้เห็นหน้าและซึมซับความดีของเขาอยู่ทุกวัน



เป็นซีรีย์แนวความรักที่ทำได้ค่อนข้างประณีต พล็อตเรื่องไม่ได้ถึงกับดีเยี่ยมอะไรแต่ก็สนุกดี การสื่ออารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ได้ใช้บทพูดมากนัก ฉากสถานที่ แสงสีของบรรยากาศ และเสียงของธีมดนตรี รวมกันแล้วถ่ายทอดความเหงาเศร้า ความทุกข์ของตัวละครได้ดีมาก บรรยากาศทุกฉากทุกตอน เข้ากันกับเนื้อหาอารมณ์ของเรื่องราวและตัวละคร ความสวยงามของสถานที่ถ่ายทำในเรื่องนี้ รวมๆ กันในภาพรวมแล้วขอบอกเลยว่า สวยได้โล่ห์

ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้คะแนนน้อยไปสักหน่อย ก็คือ 'จุดเปลี่ยนใจ' ของตัวละครแต่ละคนในเรื่องนี้ คิดว่ายังไม่แรงพอ การที่มินาโกะเปลี่ยนใจกลับมาหาเคนโงะ หรือหมอคิยามะเปลี่ยนใจยอมยื่นเรื่องขออนุมัติการปลูกถ่ายตับต่อคณะกรรมการการแพทย์ มาริเอะเปลี่ยนใจยอมรับริสะ หรือแม้แต่กระทั่งจุดเปลี่ยนใจของพี่ชายริสะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นจุดที่ใช่สำหรับการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ดูแล้วรู้สึกว่าความใช่นั้นมันยังดูไม่หนักแน่นพอที่จะทำให้ความคิดความตั้งใจของคนๆ หนึ่ง เปลี่ยนแปลงไปในอีกทางหนึ่ง




นักแสดง

อายะ อุเอโตะ เรื่องก่อนดู Marriage Hunting เธอน่ารักสดใจ แต่มาเรื่องนี้เธอสวยเศร้าทึมๆ สไตล์การแต่งตัวเท่ถูกใจ ขัดใจนิดหน่อยก็ตอนใส่เดนิมขาสั้นแค่โคนขาเท่านั้นแหละ (สั้นครึ่งขากำลังน่ารัก แต่ถ้าสั้นติดโคนขามันสั้นไปไม่ค่อยชอบค่ะ) บุคลิกวังเวงของเธอในเรื่องนี้ ชอบพอๆ กับความเป็นคนใจร้อนวู่วามและดูร้ายๆ ในสไตล์ของแอร์โฮสเตทขาร็อคใน Attention Please เลยล่ะค่ะ



ทาเคโนะอุจิ ยูทากะ หน้าตาก็หล่อไม่ใช่แนวหรอกค่ะ แถมเรื่องนี้ยังทั้งแก่ ทั้งผอม แล้วก็ทั้งดำ แต่ชอบการแสดงของพระเอกคนนี้มาก ทั้งที่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรโดดเด่นไม่ว่าจะสายตาหรืออากัปกริยา แต่ไม่รู้ทำไม รวมๆ แล้วเขาสื่ออารมณ์และเข้ากับบทบาทที่ได้รับแบบไม่มีที่ติ แม้เพิ่งจะเคยดูเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง แต่ถ้าเทียบกับชื่อเสียงของซีรีย์ที่เป็นผลงานของยูทากะแล้วคงจะต้องถือว่าเป็นฝีมือระดับแนวหน้ากระมังคะ สิ่งที่ชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือ อายะ มีน้ำเสียงที่เพราะ (เข้าใจว่าเป็นนักร้อง) ส่วนยูทากะก็มีเสียงทุ้มใหญ่อันเป็นสำเนียงเสียงพูดที่ถูกใจใช่เลย ชอบมั่กๆ ทั้งสองคน

ฮาราดะ มิเอโกะ แสดงเป็นแม่ของเคนโงะและมาริเอะ สำหรับเธอคนนี้บทแม่คนสำคัญของเรื่องคงเป็นของกล้วยๆ สำหรับเธออยู่แล้วล่ะ

มัตสึดะ โชตะ ได้เล่นเป็นหมอกับเขาด้วย ดูสุภาพนุ่มนวล ทรงผมทรงนี้เข้ากับหน้า แต่ว่าผิวพรรณขาวผ่องนี่สิ ดูผิดไปจาก Liar game เยอะเลย โชตะเรื่องนี้ก็จะรับบทเครียดสักหน่อยกับบทผู้สนับสนุนหลักที่จะต้องพิจารณาตัดสินใจเกี่ยวกับการปลูกถ่ายตับ





คิริยามะ อากิโตะ Kiriyama Akito as Sawamura Ryota เด็กป่วยที่เป็นโรคเดียวกันกับมาริเอะ และเป็นเพื่อนรู้จักกันที่โรงพยาบาล มีส่วนสำคัญกับความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอื่นๆ ในเรื่องไม่น้อยเลยทีเดียว แต่พลังความสำคัญที่มีต่อใจของผู้เขียนหามีไม่ ก็เลยละไว้ให้ไปดูกันเอาเอง ( ความหล่อเท่ถูกใจอยู่ที่ไหน ความลำเอียงอยู่ที่นั่น)

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ อินากาอิ โกโระ (Inagaki Goro as Makihara Shuichi) ที่แสดงเป็นพี่ชายของริสะ เขาแสดงได้กำกวมดีแท้ สีหน้าขยับนิดเดียวแต่บอกได้ชัดหมอนี่กำลังรู้สึกอะไรบางสิ่งและคิดอะไรบางอย่าง แต่ว่าคิดอะไรนั้นเราจะต้องอยู่ในความสงสัยและหวาดระแวง (เอ่อ ..ตกลงว่าครั้งนี้แกจะมาดี หรือมาร้าย ตอนนี้กลับใจได้หรือยัง?) สำหรับคนที่มองโลกในแง่ดีคิดในทางบวกไว้ก่อน อิตานี่อาจจะทำให้คุณต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก หน้าตาดูเป็นคนสุภาพใจดีนะคะ ดูตอนแรกเหมือนจะไม่เข้ากันกับบทปลิงดูดเลือด แต่เอาเข้าจริงก็เหมาะเลยแหละ


ฉากสุดอินของ Nagareboshi


*** "ฉันหันกลังกลับไปไม่ได้อีกแล้ว คุณเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่" ประโยคนี้ตอนริสะมาทำข้อตกลงกับเคนโงะเรื่องการแต่งงาน เคนโงะย้ำถามถึงความแน่ใจของริสะเพราะตับเป็นอวัยวะสำคัญที่เขาไม่อยากให้เธอมานึกเสียใจทีหลัง แต่ริสะคิดว่าเคนโงะลังเลและอยากจะเปลี่ยนใจ ในขณะที่เธอได้หนีทุกอย่างมาและหวังจะตั้งต้นใหม่โดยฝากชีวิตช่วงนี้ไว้กับเขา



*** ชูอิจิพี่ชายไปตามหาริสะน้องสาวที่สถานที่ทำงานพิเศษด้วยการทำตัวเป็นแขกไปใช้บริการ เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องริสะจึงร้องบอกบอส (ผู้ดูแลกิจการ) ขอให้ช่วยเพราะเธอกำลังถูกบังคับขืนใจ บอสจึงเรียกนักเลงคุมกิจการ (เฮ้อ หาศัพท์เรียกยากแท้) มารุมกระทืบชูอิจิ ด้วยยึดถือจรรยาบรรณแห่งการประกอบอาชีพว่าต้องเป็นไปด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย พี่ชายถูกรุมซ้อมสะบักสะบอมทิ้งไว้ในซอกตึก ริสะตามมาดูและตัดสินใจหันหลังเดินจากไป แต่เพียงไม่กี่ก้าวเธอก็หยุดเดินและหันกลับมา

น้ำตามาเลย ฮือ มันเป็นจุดที่ว่า พี่น้อง สายเลือด ยังไงก็ตัดกันไม่ขาด ทั้งที่ทำเหมือนจะตัดเป็นตัดตายแต่สุดท้ายริสะก็หอบหิ้วพี่ชายกลับไปเยียวยา เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว เกลียดพี่ชายแค่ไหนแต่เมื่อเขาถึงขั้นเข้าตาจนจริงๆ ริสะก็ยังอุตส่าห์อยู่ตรงนั้น มันน่าโมโหตรงที่ว่าความลำบากของเขามีสาเหตุมาจากการพยายามทำให้เธอลำบากนั่นเอง และสุดท้ายคนที่ลำบากจริงๆ ก็คือริสะ



***ชูอิจิตามรังควานครอบครัวของเคนโงะ และไปไถเงินจากแม่ของเคนโงะมาด้วย ตอนริสะพูดกับพี่ชายของเธอทำนองว่า
"อย่ายุ่งกับครอบครัวนั้น พวกเขาไม่เหมือนเราหรอกนะ" มันบอกถึงความรู้สึกแตกต่างในสถานะของตัวเองและคนในบ้านหลังนั้นชัดเจน ฟังแล้วรู้สึกเศร้าจัง



**"นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา" ความหมายของประโยคนี้คือ มันไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่ต้องมายุ่ง "ตอนมาริเอะกลับมา เธอช่วย... ปล่อยให้ครอบครัวเราได้ทำความเข้าใจกันเอง" และความหมายของประโยคนี้คือริสะช่วยไม่อยู่บ้านสักพักก่อนนะ ตอนที่มาริเอะกลับมา เคนโงะอาจไม่เจตนา แต่ฟังแล้วมันเป็นคำพูดที่ออกจะบาดหูมากเพราะมันโหดร้ายกับนางเอกของเราไม่น้อย ตอกย้ำความจริงที่ว่าเธอไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้จริงๆ ซะหน่อย (ก็แค่คนขายตับล่ะว้า)

***"ริสะเป็นภรรยาของผม" เด็ดมากประโยคนี้ เคนโงะพูดกับชูอิจิตอนที่เขาพยายามจะพาริสะไป แต่เคนโงะไม่ยอมและดึงตัวเธอไว้เพื่อจะพากลับบ้าน

*** "ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่า ผมไม่ต้องการให้น้องสาวของผมมีชีวิตที่ลำบาก และผมเชื่อย่างเต็มที่ว่าริสะไม่เคยมีความสุขได้เลยเมื่ออยู่กับคุณ" แม้ไม่เคยพูดกันเป็นเรื่องเป็นราวอยู่กันแบบเงียบๆ เหงาๆ ริสะเองก็ไม่เคยปริปากอุทธรณ์ความทุกข์ความเป็นมาของเธอให้ใครฟัง แต่คุณพระเอกก็ฉลาดรู้ ดูออกและเข้าใจอะไรได้ตรงจุด ประโยคที่พูดกับพี่ชายของริสะประโยคนี้จึง เป๊ะโชะ!




ฉากเคนโงะสอนริสะขี่จักรยาน นี่ไม่ใช่ฉากกุ๊กกิ๊กหวานฉ่ำ แต่เป็นฉากเศร้าฉากหนึ่งของเรื่อง ริสะกับสาเหตุที่โตป่านนี้แต่ขี่จักรยานไม่เป็น มันเกี่ยวข้องกับที่ระลึก น้ำใจ คำสัญญา และยังเป็นการ 'พยายาม' ปลดปล่อยภาระทางใจจากกันและกัน เคนโงะที่ปล่อยมือจากจักรยานและปล่อยเธอให้ปั่นไปด้วยตัวเองข้างหน้า ริสะที่ห่างไปแล้วหันหลังกลับมามองทั้งน้ำตา (มันคือการหัดขี่จักรยานนะคะ แต่สะท้อนอารมณ์ของอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการขี่จักรยาน)



รักนี้เกิดจากตับ และเพราะตับรักจึงต้องแยกจาก มีแต่งก็มีหย่า


"คุณกำลังจะกลับบ้านใช่ไหม"
"ตอบฉันสิ"


ริสะถามเคนโงะด้วยความหวั่นใจอยู่ลึกๆ เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่ก็ยังอยากถามเพื่อความแน่ใจ บางทีมันอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ แต่เคนโงะก็เอาแต่เงียบ ริสะจึงถามย้ำอีกครั้งด้วยประโยคที่แผ่วกว่าเดิม

"แล้ว..ฉันควรจะกลับบ้านด้วยหรือเปล่า"

คำตอบคือความเงียบแต่สุดท้ายเคนโงะก็จำต้องตอบ

"แย่หน่อยนะ"

คำตอบไม่ตรงคำถามแต่ความหมายชัดเจนตรงความต้องการแน่นอน

"งั้น ...ฉันคงต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วสินะ"......

ฉากนี้ของยูทากะและอายะเป็นฉากอินที่สุดในซีรีย์เรื่องนี้ ทั้งสองคนแสดงได้ดีทีเดียว ภายนอกเหมือนไม่เป็นอะไรมาก พูดกันเรียบๆ ง่ายๆ แต่ความหมายคือ ริสะไม่ต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว คนถามก็เสียใจ คนตอบก็เสียใจ สีหน้าของยูทากะที่นิ่งไปอึดใจก่อนจะกัดฟันเอ่ยคำนี้ออกมา

"ริสะ... ผมขอโทษ"

มันสุโค้ยจริงๆ กลับไปดูเฉพาะฉากนี้อีกทีก็ยังอยากร้องไห้อีกสักครั้ง






ชอบมากที่สุดก็ต้องเป็นฉากจบ การบอกรักที่ไม่ได้บอกด้วยคำว่า "รัก" แต่ซาบซึ้งกว่าคำรักตั้งหลายเท่า และเพราะฉากจบนี่แหละที่ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้อยู่ในหมวดซีรีย์ความรักที่ 'จบประทับใจ'



สิ่งที่เห็นเป็นความแปลกอย่างหนึ่งจากซีรีย์เรื่องนี้คือการพูดคุยของตัวละคร เพราะมักจะพูดเรื่องเครียด เรื่องถนอมน้ำใจ ใช้คำพูดอ้อมๆ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะพูดความจริงออกมาให้เข้าใจชัดๆ บ่อยครั้งที่ตัวละครพูดคุยโดยไม่มองหน้ากัน แต่รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังจ้องหน้าจ้องตากันอย่างถึงแก่น แปลกดี

เพลงประกอบละครสุดเพราะพริ้ง ฟังไม่รู้เรื่องแต่ให้อารมณ์เหงาเศร้าเข้ากับเนื้อหา อารมณ์ซึ้งเดียวกันกับยามที่เพลง Fox Rain (OST. My girl friend is a Gumiho) และเพลง Tsubomi (OST. Tokyo Tower) ดนตรีบรรเลงส่งเสียงเพลงขึ้นมาเมื่อใด พาอารมณ์เข้าข่าย 'พอเพลงมาน้ำตาจะไหล' และการได้รู้ว่า เพลง Ryuusei OST. Nagareboshi และ Tsubomi OST. Tokyo Tower เป็นผลงานของศิลปินเดียวกันคือ Kobukuro ยิ่งน่าชมเปาะเป็นสองเท่า ร้องเพลงได้ใจได้อารมณ์จริงๆ 'Kobukuro สุโค่ย' Smiley
























































*** เป็นฉากที่สวยงามมากฉากหนึ่งในเรื่อง



*** ภาพน่ารักๆ จาก website



ภาพและข้อมูลจาก

//wiki.d-addicts.com/Nagareboshi

//www.fujitv.co.jp/nagareboshi/index.html
Create Date :09 มกราคม 2554 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:43:39 น. Counter : Pageviews. Comments :11