bloggang.com mainmenu search


คามิยะ นาโอกิ (Yamashita Tomohisa..ยามะพี)นักบาสเกตบอลอาชีพของทีม JC Arcs ผู้ชายที่ใจดีกับทุกๆ คน เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่มีแต่ผู้หญิง คือ แม่ พี่สาว และน้องสาว มีความมุ่งมั่นที่จะทำตามความฝันของตัวเองคือการเป็นนักบาสมืออาชีพ แล้วก็แต่งงานสร้างครอบครัวที่มั่นคงและมีความสุขกับแฟนสาวที่คบกันอยู่คือ นัตสึกิ แต่นาโอกิก็ยังไม่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านบาสเกตบอลที่เป็นงานอาชีพและความรักที่เริ่มจะมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป




นาโอกิเป็นคนมีความสามารถ แต่ขาดความมั่นใจในตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ผู้หญิงดีๆ อย่างนัตสึกิมาคบหาเป็นคนรัก นาโอกิยิ่งกดดันตัวเองเพื่อหวังจะเป็นผู้ชายดีๆ ที่คู่ควรกับเธอ แต่เพราะผู้หญิงคนนึง "ริโกะ" มาประกาศตัวเป็น "แฟนคลับคนแรก" คอยให้กำลังใจ และสามารถพูดคุยด้วยได้ทุกๆ เรื่อง ผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ และเป็นคนที่ทำให้นาโอกิมีความกล้าและเกิดความรู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมา



ชิราคาว่า ริโกะ ( Kitagawa Keiko)นักไวโอลิน ที่ใฝ่ฝันจะเป็น "มืออาชีพ" ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ต่างกันนักกับนาโอกิ นั่นคือ ยังไม่ประสบความสำเร็จ เหตุนี้การเป็นนักดนตรีจึงไม่ค่อยมีจะกิน ริโกะจึงต้องทำงานพาร์ทไทน์ที่ร้านหนังสือในตอนกลางวัน และเล่นไวโอลินในร้านอาหารตอนกลางคืน เธอเป็นคนร่าเริงสดใสและมองโลกในแง่ดี



นานามิ นัตสึกิ (Aibu Saki )สาวสวย หัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ ที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชมในความเป็นคนดี แต่ลึกลงไปภายในใจเธอมีความทะเยอะทะยานอยู่ในส่วนลึก การคบกันกับนาโอกิที่เป็นคนเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ และมองไม่เห็นอนาคต ทำให้เธอไม่มีความสุขเท่าที่ควร นัตสึกิมองว่าการวิ่งไล่ตามความฝันอย่างที่นาโอกิพยายามทำเป็นแค่ความเพ้อฝันของเด็กๆ แต่การปรากฏตัวของริโกะ ผู้หญิงที่ต่างออกไป นั่นคือ ริโกะเชื่อมั่นในตัวนาโอกิ เชื่อในความฝันและคอยเป็นกำลังใจให้เขา ทำให้นัตสึกิรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง และพยายามทำทุกทางที่จะยื้อความรักของนาโอกิเอาไว้






เรื่องนี้แล้ว ต้องร้อง..วะฮู้ .... วู้....วู้ ดีใจเหลือเกิน ก็นานนานที จะได้ดูละครรักๆ สัญชาติญี่ปุ่น แบบที่ยกเอาความรักมาเป็นแกนหลักของเรื่องจริงๆจังๆ ซักที Buzzer Beat จึงเป็นเรื่องราวของความรักที่ถูกใจใช่เลยค่า ลองคิดดูสิคะเรื่องราวความรักที่มี ยามะพี เป็นพระเอก และนางเอก เคโกะ ก็ขาวใส สวยน่ารักซะจนแม้แต่ระดับหน้าตาอย่างยามะพีก็เกือบจะดูไม่คู่ควรกับเธอ นิสัยของนางเอกในเรื่องก็น่ารัก มากด้วย คิดดูอีกทีนะคะเรื่องราวความรักที่ตัวละครหลักมาจากพระเอกเป็นนักบาสอาชีพส่วนนางเอกเป็นนักดนตรีสีไวโอลิน พระเอกนั้นอาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงขาลง ค่าตัวตกต่ำ ส่วนนางเอกเป็นพวกขาทะยานไม่ขึ้น คือสีไวโอลินไม่เก่งแต่ใจรัก

พูดง่ายๆ คือ คนไม่ประสบความสำเร็จสองคนมาเจอกัน






แต่ปัญหาคือ พระเอกดันมีแฟน มีแหวนเตรียมขอแต่งงานอยู่แล้วแม้ในเรื่องจะอายุแค่ 24 แต่เพราะเรื่องบาสยังไม่รุ่ง ก็เลยยังรีๆ รอๆ เพราะไม่มั่นใจว่าจะเลี้ยงดูผู้หญิงไหว (ยามะพีเล่นเรื่องนี้เป็นผู้ชายใจดีมาก ชอบทำกับข้าวให้แฟนกิน อยู่บ้านก็ทำให้แม่ พี่สาว น้องสาว พี่สาวกิน กรี๊ด น่ารัก) แฟนของพระเอกเนี่ย ในสายตาของใครๆ ต่างก็ว่าพระเอกเป็นคนโชคดีเพราชีเป็นผู้หญิงแสนดีที่เพอร์เฟ็ค แต่มีนักบาสดาวรุ่งคนใหม่ที่เข้ามาในทีม เห็นแววร้อนแรงและความร้ายลึกของหล่อน ประกอบกับความแสนดีของพระเอกที่มัวรอคอยแต่ความมั่นคงของชีวิตเพื่อหวังให้ชีวิตแต่งงานมีความสุข แฟนก็เลยสวมเขาให้ซะ






กว่าจะรอให้พระเอกรู้ตัวว่าถูกนอกใจ และกว่าจะลุ้นให้พระเอกยอมแพ้เหตุผลที่ทำให้รักนางเอกไม่ได้ และยอมรับซะทีว่ามีนางเอกแทรกซึมเข้ามาอยู่พักใหญ่แล้ว ก็นั่งดูแบบตามองจ้องติดอยู่อยู่จนตีสองตีสาม



ชอบเรื่องแนวนี้และชอบเรื่องนี้มากๆ เลยล่ะค่ะ นักบาสขาลงกับนักดนตรีไส้แห้ง และสถานที่แห่งรักก็คือ ลานบาสเก็ตบอลที่อยู่ติดกับอพาร์ทเมนท์นางเอกและอยู่ใกล้บ้านพระเอก นางเอกก็จะมาซ้อมสีไวโอลิน พระเอกมาซ้อมบาส และจากหน้าต่างห้องนอนนางเอกก็จะคอยแอบมองและหลับตาฟังเสียง แท็บๆ แท็บๆ ของลูกบาสที่พระเอกเลี้ยงบอลกระทบพื้น (กรี๊ดโรแมนติกมากมายค่า)



พระเอกก็มีแฟน นางเอกก็มีผู้ชายแสนดีมารัก แต่คนแปลกหน้าสองคนมาเจอกันและเพราะมีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกันก็เลยพูดคุยกันได้อย่างเปิดอก ต่อมาก็เลยใช้คำว่าเพื่อนเป็นข้ออ้างที่จะห่วงใยใส่ใจกัน (กรี๊ด..น่ารัก)

ถ้าหากละครเป็นเรื่องรัก ๆ มักจะมีเนื้อหาอยู่สองขยัก นั่นคือ กว่าพระเอกนางเอกจะรักกัน ซึ่งถ้าดูไม่ต่อเนื่องมาถึงตรงนี้จะคาใจมาก(และอาจนอนไม่หลับ) ต่อไปอีกครึ่งก็จะเป็นเรื่องของการนำพาความรักฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค นั่นก็คือยัยแฟนเก่าจะต้องย้อนกลับมาคอยจุดถ่านไฟเก่า และเหตุผลที่พระเอกไม่สมควรรักนางเอก ก็เพราะผู้ชายแสนดีที่รักนางเอกคนนั้นดันเป็นผู้ชายที่พระเอกให้ความนับถือในฐานะโค้ชบาสในทีมของตัวเอง เขาคือ โค้ชคาวาซากิ โทโมยะ ที่คอยดูแลให้ปรึกษาและการสนับสนุนมาโดยตลอด ผู้ชายหน้าตาดี นิสัยดี เป็นผู้ใหญ่ที่ดูดีและทำให้นาโอกิรู้สึกด้อยกว่า

เรื่องนี้ รับประกันความชอบค่ะ สำหรับคนที่ชอบดูละครแนวความรักซึ้งๆ โรแมนติก แม้ว่าในความเห็นเรายามะพีเรื่องนี้จะแต่งตัวบ้าบออะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้คนหล่อๆ หล่อน้อยลงไปมากมายก่ายกอง แต่ก็เอาเถอะเพราะยังไงเรื่องนี้ยามะพีก็น่ารัก แต่ชุดน่ะนะคะ สีสันแสบตามาก ม่วงเหลือง เขียวส้ม ชมพู แจ๊ดสุดๆ แต่ขัดใจอยู่อย่างนึง เวลาใส่ชุดบาสดูสูงน้อยจังค่ะ และมาดนักกีฬาก็ขัดหูขัดตาชอบกล เห็นแล้วอยากให้พระเอกเบสบอลเรื่อง Rookies มาเล่นแทนซะจริงๆ ถึงจะหล่อไม่เท่า แต่มาดนักกีฬา รับรองกินขาด ( อิอิ แอบนอกใจอีกละ)




ด้วยเหตุดังนั้น จึงขอกล่าวดังนี้ว่า Buzzer Beat เป็นละครความรักที่เยี่ยมมาก เป็นละครที่ดูแล้วมีความสุข มันอิ่มเอมใจในองค์ประกอบของละคร คือนักแสดงหน้าตาดี พระเอกหล่อ นางเอกสวย อาชีพนักกีฬาและนักดนตรีที่แสนจะดูดีมีเสน่ห์ เนื้อเรื่องดี ไม่เยิ่นเย้อ รักสามสี่เส้าไม่น่ารันทดหดหู่และพาลไม่อยากดูเหมือนเวลาดูละครเกาหลีบางเรื่องที่จะต้องคอยสงสารพระรองผู้แสนดีและเป็นคนที่สมควรถูกรัก แต่พอนางเอกไม่รัก (ก็นางเอกต้องคู่กับพระเอก) แล้วมันเริ่มเกิดอาการทนไมได้ หรือพระรองบางเรื่องก็ทำให้การดูละครเป็นไปอย่างอึดอัด เพราะการเป็นนายแสนดีที่ไม่ยอมปล่อยมือ ทำให้เกิดการกระอักกระอ่วน เกรงใจ ลำบากใจกันทุกฝ่าย ฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักของพระเอกกับนางเอกก็เยอะ มันมีสถานที่และการการกระทำที่ผลักดันความฝันของกันและกัน มีคำสัญญาว่าต่างคนต่างจะทำความฝันของตัวเองให้ถึงที่สุด และพระเอกนางเอกในเรื่องต่างก็รักกันมาก เหตุนี้จึงได้เห็นสายตาแห่งความรักและสีหน้าอันอ่อนโยนของยามะพี ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน และปลื้มใจสุดๆ เพราะเล่นเรื่องไหนก็ไม่ค่อยเห็นมีปฏิสัมพันธ์กับนางเอกลักษณะนี้มาก่อน หน้าตาบึ้งตึง เครียดตลอดค่ะ


สำหรับฉากจบจำได้ว่าเคยประทับใจตอนจบของละครเกาหลี Coffe prince ที่พระเอกยอมตัดใจส่งนางเอกไปเรียนการทำกาแฟที่เมืองนอก เหมือนกันกับ Pride ที่พระเอกต้องมุ่งหน้าไปเพื่อความฝันของนักฮอกกี้มืออาชีพ และทิ้งนางเอกไว้ข้างหลัง ทำให้นึกถึงคำพูดจากเรื่องนึงที่ยามะพีแสดงเป็นยุวชนทหาร เป็นคำที่คนแก่คนเฒ่าใช้สอนคนหนุ่มคนสาวในเรื่องว่า “สิ่งที่ต้องทำ ก็คือต้องทำ” ตอนจบของเรื่องนี้ก็ให้ความรู้สึกอย่างนั้นเลย



ตอนพระเอกบอกกับนางเอกว่า

“ไปเถอะ”

”ถึงเราจะจากกัน แต่มัน..จะไม่เป็นไร”

“ทุกครั้งที่เราคิดถึงกัน ความคิดถึงจะทำให้เราแข้มแข็งขึ้น”

อ๊ากก มันเป็นซีรีย์ที่ทำให้มีความสุขจริงๆ เป็นแนว Love & Sport ที่ชอบมากมายไม่น้อยหน้าไปกว่า Pride ที่มีทาคุยะแสดงเลย อาจจะชอบเนื้อเรื่องมากกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่า ชุดฮอกกี้ของนักแสดงรุ่นพี่ทาคุยะนั้น เท่ห์กว่าชุดบาสเล็กน้อย หุหุ เรื่อง Pride ไม่ได้บอกว่าจะรอ และไม่ได้สัญญาว่าจะกลับมาใช่มั้ยคะ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ไม่ได้บอกว่าจะรอ และไม่ได้สัญญาว่าจะกลับมาหากัน แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ มัน Happy Ending อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้น มีหรือที่จะมานั่งเขียน blog อย่างดี๊ด๊า มีความสุขเช่นนี้ ทั้งที่จบผ่านไปแล้วครึ่งเดือน



ส่วนที่ประทับใจคือ นางเอก Kitagawa Keiko เรียกว่าหลังจากดูเรื่องนี้จบ ขอยกเธอขึ้นหิ้ง เป็น my most favorite actress กันเลยทีเดียว ถ้ามีใครถามว่าเรื่องนี้ชอบใครมากที่สุด คำตอบไม่ใช่ยามะพี แต่เป็นเคโกะนี่ล่ะคะ เธอสวยน่ารักจริงๆ



Create Date :08 พฤศจิกายน 2552 Last Update :27 พฤษภาคม 2556 22:27:51 น. Counter : Pageviews. Comments :10