bloggang.com mainmenu search


T O K Y O   D O G S



พล็อตเรื่อง...เด่น
บทบาทตัวละคร...โดน
หน้าตานักแสดง...ดี
และมีความรัก...ได้ดังใจ


ในการมองหาซีรีย์สนุกๆ สักเรื่องหนึ่งเพื่อความบันเทิง จะต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีก



Smiley พล็อตเรื่องเด่น Smiley

ทาคาคุระ โช นายตำรวจมาดเข้มสังกัดหน่วยงาน NYPD แห่ง New York หลังจากปฏิบัติภารกิจล้มเหลวในการตามจับ "จินโนะ" หัวหน้าแก๊งมาเฟียข้ามชาติ จึงถูกโยนออกจากอเมริกากลับมาญี่ปุ่น

โอโทโมะ ไคโซ หัวหน้าหน่วยสอบสวนพิเศษของโตเกียว จึงรับโชเข้ามาไว้ในสังกัด จะด้วยเชื่อมั่นในความสามารถหรือด้วยมิตรภาพจากเพื่อนถึงเพื่อนผู้ล่วงลับที่เป็นพ่อของโชก็ตามแต่ โชภายใต้การบังคับบัญชาของโอโทโมะ จึงได้รับความไว้วางใจในแง่ฝีมือ รวมถึงได้รับความเอ็นดูในฐานะลูกชายของเพื่อนรักด้วย

เลือดของพ่อที่สาดกระเซ็นกระทบหน้าเพราะถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา ถือเป็นความแค้นฝังหุ่นที่ทำให้โชเลือกเส้นทางสายตำรวจ และเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาสถานที่ที่เขาจะได้รับการฝึกฝนอย่างดีที่สุด และกลายเป็นตำรวจผู้จริงจังสุดชีวิต

มือปืนที่ยิงพ่อของโชในอดีต ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ จินโนะ ที่กลายมาเป็นหัวหน้าแกงค์มาเฟีย และโชฝักใฝ่ในตามล่าตัวมาโดยตลอด

หน่วยสอบสวนพิเศษก็หมายหัวจินโนะด้วยเช่นกัน หลังจากเปลี่ยนสังกัด ความมุ่งมั่นของโชจึงยังไม่ถูกเบี่ยงเบนไปไหน การสืบเสาะตามล่าตัวจินโนะยังคงเป็นหน้าที่สำคัญอยู่

โชไม่ได้กลับมาญี่ปุ่นแต่ตัว เพราะเขาได้หอบหิ้วเอาผู้หญิงที่เก็บตกมาจากภารกิจล้มเหลวครั้งนั้นมาด้วย เธอคือ มัตสึนากะ ยูกิ สาวน้อยแสนสวยซึ่งถูกคาดหวังให้เป็นพยานปากสำคัญในการแกะรอยสาวไปถึงตัวจินโนะ แต่ว่า .. มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิ

เพราะเธอสูญเสียความทรงจำ

เมื่อกลับมาญี่ปุ่น โชต้องทำงานร่วมกับ คุโด มารุโอะ นายตำรวจหนุ่มที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้ว

ความสนุกจึงอยู่ที่ความแตกต่างของตำรวจหนุ่มผู้จริงจังกับคู่หูคนใหม่ในมุมที่แตกต่าง

การรักษาความปลอดภัยให้ยูกิที่ตกเป็นเป้าหมายของการถูกตามล่า เธอจึงต้องได้รับการคุ้มครองจากพวกตำรวจแบบไม่ให้คลาดสายตา

ปริศนาเธอคือใคร และเกี่ยวข้องอย่างไรกับหัวหน้าแก๊งมาเฟียข้ามชาติที่ไม่มีใครสามารถยืนยันได้แน่ชัดว่ามีหน้าตาอย่างไร

ปริศนาความทรงจำของยูกิที่ค่อยๆ ฟื้นคืน

ความรักที่เริ่มก่อตัวทีละเล็กละน้อย

และการแกะรอยเพื่อตามล่าตัวจินโนะ

*****


Tokyo Dogs เป็นละครแนวสืบสวนสอบสวนที่ไม่ได้มีความลึกลับซับซ้อนอะไรนัก ดูแล้วเข้าใจโดยไม่ทำให้รู้สึกหงุดหงิด เพราะละครแนวนี้หากพยายามสร้างปมให้ยากๆ แล้วดันไขปมหรือหักมุมหักออกมาไม่ดีพอในแง่ของความแนบเนียนและความสมเหตุสมผล ก็จะทำให้รู้สึกเหม็นเบื่อเอาได้ง่ายๆ

เป็นพล็อตเรื่องเบาๆ ที่อาศัยเอาหลายๆ องค์ประกอบมาทำให้เรื่องน่าสนใจและดูสนุก

Smiley บทบาทตัวละครโดน Smiley




"ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์" คำเท่ห์ๆ คำนี้ ไม่ได้เท่ห์แต่คำ แต่เท่ห์รวมถึงบุคคลผู้เป็นตำรวจของประชาชนซึ่งทำหน้าที่นี้ด้วย แม้จากประสบการณ์รับรู้ในแง่ร้ายที่สั่งสม หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่พบเจอกับตัวเอง ตำรวจในโลกของความเป็นจริงอาจยังห่างไกลจากความหมายนั้นนักในโลกของอุดมคติ ดังนั้น เมื่อพระเอกในละครมีบทบาทเป็นตำรวจ จึงเท่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงพร้อมด้วยคุณสมบัติ หล่อ เก่ง ฉลาด เอาจริงเอาจังกับการทำหน้าที่ สุขุมรอบคอบ คอยระแวดระวังในทุกเสต็บย่างก้าวอย่างใจเย็น มีแผนหนึ่งแผนสองเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ และยังมีสัญชาตญาณการมองคนได้แม่นยำเป็นเลิศ แล้วอย่างนี้จะใช้คำไหนบรรยายได้อีกล่ะคะนอกจากคำว่า "เท่ห์สุดใจ"
(ถ้าไม่เท่ห์ก็ไม่ใช่พระเอกน่ะสิ)

แต่หมายถึงเฉพาะ ทาคาคุระ โช (Oguri Shun) เท่านั้นหรอกนะ

เพราะ คุโด มารุโอะ (Mizushima Hiro) เป็นอะไรที่แตกต่างกันสุดขั้ว ความตั้งใจนั้นมีอยู่ แต่เพราะความเป็นคนมุทะลุ ไร้ระเบียบวินัย ทำอะไรไม่เคยคิดหน้าคิดหลัง ประสิทธิภาพการทำงานจึงไม่ต้องถามถึง เรียกได้ว่าไม่เป็นโล้เป็นพายสักเท่าไร

เมื่อสองหนุ่มกลายมาเป็นคู่หูด้วยความไม่เต็มใจนัก เพราะโชถนัดทำงานคนเดียวและไม่ต้องการคู่หู (ที่ดูแล้วไม่น่าได้เรื่องอะไรในสายตาของโช) ส่วนมารุโอะก็ไม่สามารถรับความเป็นคนเจ้าหลักการที่สุดแสนซีเครียด(ซีเรียส+เครียดขรึม) (ในสายตาของมารุโอะ...โชจริงจังมากเกินไป )


ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ .............

โช ผู้จริงจัง จึงไม่สามารถละเลยพฤติกรรมของมารุโอะซึ่งเป็นข้อผิดพลาด หรืออะไรก็ตามที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความผิดพลาด จะกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานแค่ไหน โชไม่เคยปล่อยให้มันผ่านไป ต้องสอนสั่งกันขึ้นมาในยามนั้นเวลานั้นทันที

มารุโอะ อดีตเป็นถึงหัวหน้าแก๊งมอเตอร์ไซด์ ปัจจุบันมาเป็นตำรวจก็ยังเรียกใช้สมาชิกแก๊งที่เป็นอดีตลูกน้องอยู่ เขามองโลกในแง่ดีเสมอ สิ่งต่างๆ ที่โชคิดว่า "อาจจะเกิดขึ้น" จะไม่เกิดขึ้นหรอกน่า เพราะที่นี่คือญี่ปุ่นไม่ใช่อเมริกานะ ผู้รงผู้ร้ายไม่ได้ซับซ้อนหรือรุนแรงอะไรนักหรอก ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างโน้นอย่างนี้ขึ้น (หลังจากเข้าจู่โจมคนร้ายแบบไม่เคยมีแผน)
จะทำอย่างไร

คำตอบน่ะเหรอ .. ก็รอให้มันเกิดก่อนสิ ถึงตอนนั้นก็รู้เองแหละว่าต้องทำยังไงต่อ

คนนึงอดไม่ได้เห็นอะไรไม่เข้าท่า ต้องสอน ต้องบอกและอธิบายให้แจ่มแจ้ง

"หยุดพูดเพ้อเจ้อระหว่างเฝ้าสังเกตการณ์ซะที มันเป็นพื้นฐานของนักสืบนะ"

ส่วนอีกคน ...ทำไงได้ ก็คนมันเป็นแบบนี้จึงมีแต่เรื่องให้ถูกสอนและสอน

แม้ว่า ..

"เลิกอธิบายอะไรแบบนั้นซะที มันทำให้ฉันหงุดหงิด!"

แต่หลายๆ เหตุการณ์ที่มารุโอะ ต้องร้อง.."โอ้ อเมริกัน"เพราะอะไรที่คิดว่ามันไม่เกิดได้เกิดขึ้นแล้วที่นี่ (ที่ไม่ใช่อเมริกา) ทำให้มารุโอะต้องยอมรับความสามารถของโชในการเข้าจัดการหรือรับมือกับปัญหาต่างๆ

ทั้งยังตั้งฉายาให้โชว่า "อาจารย์อเมริกัน"

ถ้าเอ่ยถึงอาจารย์อเมริกัน เป็นอันรู้กันว่าคือโช และถ้าฉุกเฉินโชยังมีนิคเนมสำหรับเรียกสั้นๆ "คุณครู"


ตำรวจหนุ่มทั้งสองนอกจากจะเป็นคู่หูแล้ว ยังเป็น คู่(อย่าง)ฮาอีกด้วย ทำให้หัวเราะอยู่ตลอด เพราะเถียงกันได้ทุกเรื่อง และเป็นทุกเรื่องที่ไม่เคยเลือกเวลา

"มีข้อห้ามที่ต้องไม่ละเลยระหว่างเฝ้าสังเกตการณ์
มือนายต้องว่างอยู่ข้างนึง แล้วมือจะว่างได้ยังไง
ถ้านายใช้ตะเกียบกินโอเด้ง"

"ขนมปังกับนมน่ะมีแต่ในหนังนักสืบหรอกน่า
นักสืบจริงๆ ก็กินโอเด้งกันทั้งนั้น"

"นายโกหกแล้ว ถ้าเกิดผู้ต้องสงสัยมีการเคลื่อนไหว
นายจะเอาไอ้ถ้วยนั้นไปไว้ที่ไหน จะจัดการกับมันยังไง"

"ก็แค่ถือถ้วยไว้แล้วก็วิ่งไปด้วย"

"มันก็หกน่ะสิ แล้วมันก็ร้อนด้วย"

นี่แค่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งค่ะ ยังมีเรื่องไร้สาระที่สองคนนี้เถียงกันระหว่างปฏิบัติหน้าที่ วิ่งหน้าตั้งตามคนร้ายก็ยังต่อปากต่อคำกัน สู้กับคนร้ายอยู่ปากก็ยังเถียงกันไม่หยุด ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ

ทั้งที่พูดจากันเรื่องงานอยู่ดีๆ อยู่ๆ ก็เกิดเป็นประเด็นไร้สาระถกเถียงกันขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

เอ่อ ...มาได้ยังไง?

เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเถียงกันหน้าดำหน้าแดงได้อย่างเหลือเชื่อ

โอ้ อเมริกัน กับ อาจารย์อเมริกัน พากันฮาผิดคาด

เพราะตอนที่ซีรีย์ออกมาใหม่ๆ นั้น ภาพของคู่หู Tokyo Dogs ไม่เคยคิดว่าจะมีความฮาอยู่ในนั้นเลย
คิดว่าจะเป็น Drama เครียดๆ ซะอีก



มัตสึนากะ ยูกิ (Yoshitaka Yuriko) กุญแจสำคัญของหน่วยสอบสวนพิเศษที่จะสาวไปถึงจินโนะ ถึงสูญเสียความทรงจำแต่เธอก็ยังเป็นสาวน้อยธรรมดาที่อยากมีชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป เมื่อต้องมาติดแหงกอยู่กับตำรวจทั้งสอง ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ถูกชิ้นส่วนความทรงจำลางเลือนที่ถูกกระตุ้นและปรากฏขึ้นเป็นระยะคอยรบกวนจิตใจ ต้องรับแรงกดดันที่ว่าความทรงจำของเธอสำคัญอย่างยิ่งต่อการตามล่าตัวหัวหน้าแกงค์มาเฟียใหญ่ ทั้งยังกังวลที่ไม่รู้ว่าตัวเองเกี่ยวข้องด้วยอย่างไร โดยเฉพาะแรงกดดันจากโช ที่แสดงออกชัดว่าต้องการให้เธอฟื้นความทรงจำให้เร็วที่สุด

ที่แย่กว่านั้น เธอกำลังถูกฝ่ายคนร้ายควานหาตัวด้วยเช่นกัน

นอกจากตัวละครหลักทั้งสาม ยังมีตัวประกอบอื่นที่ล้วนแล้วแต่มีบุคลิกลักษณะของตัวเอง



โอโทโมะ ไคโซ (Miura Tomokazu) ผู้บังคับบัญชาของหน่วยสอบสวนพิเศษ เป็นเพื่อนกับพ่อของโชที่เสียชีวิตไป มีความเอื้อเอ็นดูให้กับโชเป็นพิเศษ คอยให้ข้อมูลและคำแนะนำ ซึ่งถ้าโชจะเป็นกันเองกับผู้คนสักหน่อยก็คงจะกลายเป็นความสนิทสนมเหมือนพ่อดูแลลูก แต่โชวางตัวเป็นลูกน้องที่รับเอาแต่ความหวังดี ไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องบาดแผลในใจ เพราะทางเดียวที่จะเยียวยาคือเขาต้องจับจินโนะด้วยตัวเองให้ได้ ไคโซจึงได้เฝ้าดูการทำงานของโชอยู่ห่างๆ (อย่างห่วงๆ )

ชอบฉากที่ไคโซถามโชเกี่ยวกับคดีที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับพ่อลูกคู่หนึ่ง
และได้สัมผัสถึงสายใยความผูกพันพ่อลูกคู่นั้น

"รู้สึกอิจฉาใช่มั้ยล่ะ"

"ถ้างั้น ฉันจะปลอบใจนายให้เอามั้ย"

แล้วไคโซก็กางแขนออก สองหนุ่มต่างวัยมองตากันและกันชั่วขณะหนึ่ง แต่โชก็แค่มองนิ่งอยู่

ความรักของไคโซจึงเก้อ หุบแขนลงและบอกว่า "ล้อเล่นน่ะ"

ในใจแอบลุ้นอยู่พอดี อย่านะโช อย่ากอดนะ
เพราะถ้าโผเข้าไปกอดลุงจะทำให้ดูอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก จะดูไม่สมกับเป็นโชเลย



ความที่เรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนสอบสวน แนวนี้มักทำให้ระแวงการหักมุม ลุงมิอุระแสดงหลายเรื่องมาก
ดีบ้าง เลวบ้าง แต่เหตุที่ลุงเคยทำมุมหักเสียความรู้สึกมาแล้วในเรื่อง Ryusei no Kizuna
พอเห็นหน้าลุงครั้งนี้เลยระแวงอยู่ตลอด เป็นลุงหรือเปล่า ฆาตกรตัวจริง ???

มาอิจิม่า มิสะ (Otsuka Nene) เป็นหัวหน้าหน่วยฯ สาวขึ้นคานที่ยังรอคอยเนื้อคู่และใฝ่ฝันถึงการแต่งงาน อดีตเป็นตำรวจสาวที่เก่งกาจ แต่ดคีในอดีตก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจไปด้วย ถ้าความเห็นถูกขัดจะหน้าแห้งเล็กน้อย แต่ถ้าใครๆ เห็นด้วย (โดยเฉพาะไคโซ) มิสะก็จะดีใจ ความมั่นใจมีมาทันที

เนเน่จังแสดงเรื่องนี้ตลกดีค่ะ แต่แปลกใจเธอทำไมดูเปลี่ยนไปจากตอนที่แสดงบททนายสาว จากเรื่อง HERO และคุณหมอเจ้าปัญหาใน IRYU 2 จนแทบจำไม่ได้ ผอมบางแก้มตอบลงไปเยอะมากเลย

มาชิโกะ เรจิ (Azuma Mikihisa) หนึ่งในบุคคลที่มีแต่เรื่องของครอบครัวติดปาก พร่ำบ่นแต่ปัญหาครอบครัวให้คนอื่นๆ (ทน)ฟังอยู่เสมอ ไม่ว่างไม่เว้นที่จะบ่นแม้ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจ




นอกจากนี้ยังมี โอริคาวะ (Katsuji Ryo) เพื่อนตำรวจที่เป็นอดีตคู่หูของมารุโอะมาก่อน แต่ฝีมือยังไม่โอเคนัก เมื่อโชเข้ามาจึงตกจากสถานะคู่หูไปเป็นลูกไล่ของมารุโอะแทน และดูกรายๆ ในทางปฏิบัติก็เป็นลูกน้องคอยรับคำสั่งของคนที่เจ๋งกว่าอย่างโชไปโดยปริยาย

ยังมีคุณลุงตำรวจซูซูซัง ( Shiga Kotaro ) อีกหนึ่งคนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านข้อมูลข่าวกรอง และช่วยเหลือตำรวจหนุ่มสาวให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น และคอยเป็นคนรับฟังปัญหาครอบครัวของมาชิโกะ

เป็นสำนักงานตำรวจที่เต็มไปด้วย Diversity ความหลากหลายที่ผสมลงตัว

ความฮาไม่ได้มาจากการเป็นคู่หูแตกต่างของโชและมารุโอะเท่านั้น



ยังมี "ฮาตัวแม่" ที่เป็นแม่ของโช (Tanaka Yoshiko) ถ้านับเป็นกลุ่มสามช่าก็มีน้องสาว (Kawaguchi Haruna) และแฟนของน้องสาว (Yoshimura Takuya) สามคนนี้เป็นตัวฮาได้ดีจริงๆ โดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องเรียกว่าตัวฮากลิ้ง

นับถือคนเขียนบท ในการใส่มุข "สายเรียกเข้า" มาได้จังหวะมาก เธอมักจะโทรมาช่วงที่กำลังจะเข้าสู่จุดไคลแมกซ์ในการปฏิบัติหน้าที่ของโชอยู่ทุกครั้ง และแต่ละเรื่องที่เธอโทรมาหาลูกชายในเวลานั้น ฮ่าฮ่าฮ่า ขอหัวเราะอีกหน่อยเถอะ มุขอย่างนี้ก็มีด้วย คิดได้ยังไงกัน มันฮาจริงๆ

แต่ในความฮานั้น มีบางสิ่งชวนคิดให้กระทบใจ กับภาพที่โชไม่เคยปฏิเสธสายเรียกเข้าไม่ว่ากำลังอยู่ในภาวะคับขันแค่ไหน เขามักยินยอมตกหลุมพรางของคุณแม่ที่โอดครวญเรื่องเดือดร้อนอยู่เสมอ และถ้าคุยไม่ได้จริงๆ เขาจะบอกอย่างสุภาพ

"อีกสิบนาทีผมจะโทรกลับนะครับ"

เรื่องของเวลาที่สัญญาจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่โชประเมิน บางทีก็เป็น 5 นาที 15 นาที มีครั้งหนึ่งที่คุณแม่โทรมารอบสอง "ไหนลูกบอกว่าจะโทรกลับไง" ชุนมองนาฬิกา "แม่ครับ นี่ยังไม่ครบสิบนาที ช่วยรออีกสองสามนาทีนะครับ" กดวางสายแล้วตามติดคนร้ายต่อ

สายเรียกเข้าแต่ละครั้งของคุณแม่น่ะนะ โทรมาเมื่อไหร่ทำเอาขำดิ้นเลยทีเดียว บางครั้งชุนก็โมโหกับการโทรขัดจังหวะของคุณแม่อยู่เหมือนกัน แต่เขาข่มอกข่มใจเอาไว้ ให้ความสำคัญและรับทุกสายเรียกเข้าของแม่ แม้จำเป็นต้องตัดบทและกดวางสาย

"อีกสิบนาทีผมจะโทรกลับนะครับ"

คนโทรกลับบ้านน้อยอย่างผู้เขียนเห็นแล้วอยากปรับปรุงตัวด้วยการโทรกลับบ้านให้บ่อยขึ้นกว่าที่เป็น และกำลังพยายามทำเช่นนั้นอยู่ ต้องขอบคุณโชจริงๆ


Smiley นักแสดงหน้าตาดี Smiley

เมื่อครั้งเห็น Tokyo Dogs ออกมาใหม่ๆ นั้น สิ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจ คือ โยชิทากะ ยูริโกะ หรือ น้องหนูไคริจาก Love Shuffle เพราะเธอเป็นสาวน้อยที่น่ารัก สวยเก๋ และยิ้มสวยมากจริงๆ อ่านเรื่องย่อเห็นตัวละครสำคัญเป็น 1 หญิง 2 ชาย ซึ่งเรื่องแนวนี้อาจทำให้ลำบากใจในการดู จึงยังไม่สนใจเท่าไร จนกระทั่งอ่าน review ของคุณ MamLCH ใน Bloggang นี่แหละค่ะ ทำให้รู้สึกว่าน่าจะสนุก เห็นหน้าหนูไคริ อีกที เลยตัดสินใจ ดูก็ดู


โอกุริ ชุน เป็นนักแสดงหนุ่มที่โชคดีเพราะได้แสดงคู่กับนางเอกที่สวยน่ารักขนาดนี้ ตอนแสดงบทไคริใน Love Shuffle เธอน่ารักมากๆ (แม้จะดูมีปัญหาทางจิตมากไปสักหน่อย) บทของยูกิใน Tokyo Dogs ก็ไม่มีอะไรให้ต้องผิดหวังเช่นกัน หน้าขาวใส ผมยาวเป็นลอนและสไตล์การแต่งตัวเก๋ไก๋ น่ารักจริงๆ



ส่วนตัวของชุนเอง อาจไม่เคยชอบพอกันมาก่อน และไม่เคยรับชมผลงานกันจริงๆ จังๆ แต่ที่จำหน้าได้แม่นยำ เพราะทำความชิงชังฝังใจไว้ไม่น้อยกับเรื่อง Smile อันธพาลสุดโฉดที่มองหน้าแล้วให้นึกสงสัยว่าตาคนนี้แสดงเป็นคนเลวได้ราวกับมันอยู่ในสายเลือด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขนาดว่าเกลียดยังอดชื่นชมไม่ได้ ชุนเป็นผู้ชายที่ผ่านตาในรูปลักษณ์ที่ไม่น่าจะแสดงเป็นคนแสนดีอยู่เสมอ เห็นจากปก DVD เรื่อง อีกา เห็นแค่นั้นยังจำได้ติดตา ยังนึกเลยว่าหมอนี่เล่นเรื่องนี้คงสวมบทบาทได้ดีแน่ เพราะหน้าตาดูเป็นเด็กเกเรเหลือเกิน



เมื่อคนหน้าตาเกเร มาแสดงเป็นตำรวจ ?

หน้าตาก็ยังดูเกเรอยู่นั่นเอง แต่เมื่อเป็นตำรวจและไปเกเรกับผู้ร้ายจึงกลายเป็นเท่ห์ซะงั้น และเหมาะกันอย่างมากแล้วกับบทที่ไม่ยิ้ม เพราะถ้าชุนจะยิ้ม ต้องเป็นแค่นยิ้มแบบเย้ยหยันดูแล้วออกแนวชั่วร้ายถึงจะเป็นยิ้มละลายใจ ชอบสายตาของชุนยามมองตาขวางด้วย เพราะมันดูแรงจัดจนดูเป็นคนน่ากลัว

นี่จะเป็นการ "ติดภาพ" ซะอย่างแรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะแม้แต่ Tokyo Dogs ที่ชุนเป็นตำรวจเคร่งสุดจริงจังและทำให้หลงรัก แต่ก็ยังรักชุนมากกว่า เมื่อต้องเป็นนักเลงแฝงตัวเข้าไปในแก๊งยากูซ่า และถูกเรียกว่า "เด็กเลวไม่รู้จักอาย"



ตอนเป็นตำรวจสวมสูทผูกไทน์เต็มยศ เวลาถอดสูทโชว์เสื้อเชิ๊ตขาวและกั๊กเหน็บปืนสีดำทีไรเท่ห์ได้ใจมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปชอบ (มากกว่า) กับเสื้อสูทและเชิ๊ตแบะหน้าอกตอนไปเป็นนักเลงตบตายากูซ่า ทำหน้าทำตาบอกยี่ห้อคนเลว (again) เป็นชุนในแบบที่ถูกใจ ใช่เลย! (นี่เป็นคู่แข่งยากูซ่าที่โทโมยะ นางาเสะ ต้องหวาดกลัว) ตัดผมสั้นเกรียนอีกต่างหาก มากับทรงหล่อนี้ และความสูงจัดที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน จนกระทั่งยืนอยู่ท่ามกลางผู้ชายคนอื่นๆ ด้วยกัน ชุนจึงได้รับไปเลยหนึ่งร้อยคะแนนเต็ม

ชอบชุนใน Tokyo Dogs จึงตามต่อไปดูกันที่ Hanazakari no Kimitachi (สลับขั้วมาลุ้นรัก) พลังของบทส่งคนใน Tokyo Dogs ทำให้ยังชอบชุนอยู่ แต่ด้วยอาถรรพ์ของหนูมากินั้นแรงจัด จึงไม่รู้สึกชื่นชอบซีรีย์ที่เธอแสดงเป็นนางเอกแต่อย่างใด หลังจากดูคุโรซากิที่อาศัยกล้ามน้อยๆ ของยามะพีทำให้พอมองข้ามมากิไปได้จนจบเรื่อง ก็ไม่เคยหยิบเรื่องไหนของเธอมาดูอีก แต่ที่ดู Hanazakari ก็เพื่อชุน ปกติดูซีรีย์แล้วไม่ชอบก็ไม่เคยยอมแพ้ต้องดูจนจบให้ได้ ในเรื่องนี้มีพลังของหนุ่มน้อยจำนวนมากมาย คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอีกด้วย การได้เห็นพวกเขาในวัยที่เยาว์กว่าเคยเห็นในซีรีย์เรื่องอื่นๆ เป็นความอิ่มเอมในใจอย่างยิ่ง แต่ก็อย่างที่บอกคือของเค้าแรงจริง จึงดูได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง แม้จะเป็น โอกุริ ชุน , โทมะ หรือ ฮิโระ หรือ ชิโรตะ ยู หรือใครหน้าไหนก็ตาม



อีกคนคือ มัตสึชิมะ ฮิโระ ชื่อคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน

"ฮิโระ?"

อ้อ.. คนที่ "คุณมะนาวเพคะ" เพื่อนบล็อกแกงค์ มาคอมเมนท์ไว้ในเรื่อง Yamato Nadeshiko Shichi Henge เกี่ยวกับประเด็นคนหล่อในบรรดานักแสดงชายญี่ปุ่นนั่นเอง ใน Tokyo Dogs ก็ดูไม่ออกหรอกนะคะเพราะชอบบทของชุนมากกว่าอยู่แล้ว แต่บทของรุ่นพี่นัมบะ ใน Hanazakari ฮิโระน่ารักมาก ที่ดูเรื่องนี้ได้ไปถึง episode 6 ก็เพราะพลังความน่ารักความฮาของฮิโระ โทมะ และบรรดาผองเพื่อนชาวหอที่อยู่รายล้อมนั่นเอง แต่ผู้เขียนก็ยังไม่คิดว่าออร่าใดๆ ของฮิโระ จะข่มคาเมะลงได้ ( อิอิ ความหล่อเป็นเรื่องของตาใครตาท่าน คุณมะนาวอย่าแอบเคืองกันนะคะ :) ตอนพิมพ์ประโยคเหล่านี้อยู่ prysang ไม่ได้เอามือไขว้หลังด้วยสิ Smiley)

Smiley มีความรักได้ดั่งใจ Smiley

การวางตัวละครหลัก "เราสามคน" ในซีรีย์แต่ละเรื่องที่เจอนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร MAOU , Orthros No Inu ต่างเป็นเรื่องที่สนุก แต่หัวใจแห้งเหี่ยวขณะดู ความชอบพอน้อยนิดจนแทบมองไม่เห็น การแคร์กันนิดหน่อยจะเรียกว่าความรักก็กระไรอยู่ เพราะภาพของเราสามคนนี่แหละ Tokyo Dogs จึงหลุดโผไปจากซีรีย์น่าสนใจอยู่นาน จนกระทั่งไม่เหลือซีรีย์อะไรให้ดู จึงหันไปมองเห็นคุณค่า




ถ้าเปรียบสองหนุ่มเป็นคู่แข่งความรัก การปรากฏตัวครั้งแรกของยูกิ และคนที่เข้าไปถึงตัวเธอเป็นคนแรก ทำให้ดูเหมือนว่าบทถูกเขียนให้ชัยชนะเป็นของ ทาคาคุระ โช ตั้งแต่แรกด้วยเช่นกัน
(ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจของผู้เขียนบทหรือไม่ตั้งใจก็ตาม)



ภายใต้การคุ้มครอง โชเป็นคนที่ดูเหมือนไม่แยแส สิ่งเดียวที่ต้องการคือความทรงจำของยูกิ และระหว่างรอคอยเขาต้องวางแผนคุ้มกันและคอยระวังอย่างดีที่สุด เรื่องที่จะแสดงความสนิทสนมเป็นเพื่อนคอยพูดคุยเหมือนที่มารุโอะเอาใจใส่ต่อยูกิ โชไม่ทำ

"ทั้งหมดก็เพราะนักสืบทาคาคุระ ไม่รู้วิธีเข้าใจจิตใจเด็กผู้หญิง"

"เขาถูกฝึกมาแบบทหาร เรื่องเข้าใจผู้หญิงสำหรับเขามันเป็นไปไม่ได้หรอก"

โชเป็นโชในแบบนั้น ส่วนมารุโอะแม้จะเป็นหนุ่มขี่หลี แต่ก็เป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกคอยตามใจและอยู่ใกล้ชิดยูกิเสมอ ขณะที่อาจารย์อเมริกันโช .. นอกจากจะไม่พูดไม่จา ยังเป็นคนเข้มงวดกับทุกสิ่งโดยไม่สนใจความรู้สึกของใคร ไม่ว่าใครจะเห็นใจยูกิอย่างไร ก็ยากที่จะทำให้โชอ่อนข้อลงได้
(เด็ดขาดมากค่ะเพ่)

"คนหัวรั้น" คือคำที่ยูกิ มารุโอะ และคนอื่นๆ รวมหัวกันเรียกขานโช

"อย่าไปกังวลกับคำพูดของโชเลย
เขาเป็นคนไม่มีหัวใจเหมือนคนทั่วไป
บางที เลือดเขาอาจจะเป็นสีเขียว"

โชเป็นคนเดียวแวดล้อมที่ปฏิบัติต่อยูกิอย่างห่างเหินแต่ขณะเดียวกันก็เข้มงวดอย่างไม่ปล่อยวาง

"ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น ห้ามทำตามใจตัวเองเด็ดขาด"

ยูกิจึงมีปฏิกิริยาต่อต้านโช มันเป็นธรรมชาติของตัวละครที่เห็นกันอยู่ทั่วไป
เมื่อรู้สึกเป็นปรปักษ์ความรักจะไปไหนเสีย

"ถึงแม้เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้
แต่ฉันก็ยังเป็นแค่เครื่องมือชั้นหนึ่ง
เพื่อให้นายเข้าถึงตัวจินโนะสินะ"




มีกันเราสามคน

แต่เมื่อตกอยู่ในอันตราย ใครคือคนที่มาให้เห็นก่อน
เมื่อเดือดร้อนใครคือคนที่เธอนึกถึงและเรียกหา
และเมื่อทั้งสองคนปรากฏพร้อมกันอยู่ตรงหน้า
ชื่อของใครคนแรกที่เอ่ยออกมาจากปากของเธอ

ความรักจึงชัดเจนตั้งแต่ตอน 4 ตอน 5

"อย่าห่วงเลย ฉันจะปกป้องเธอเอง"

แอบออกแนวผู้หญิงข้าใครอย่าแตะเล็กน้อยด้วยเช่นนี้
ทำให้ผู้เขียน Happy in love กับการดูซีรีย์เรื่องนี้อย่างมาก



แต่ความจริงจังของโชทำให้ครั้งหนึ่งเขาเลือก "โอกาส" (ที่จะจับจินโนะ)
โดยทิ้ง "ยูกิ" ไว้ในมือของคนร้ายเบื้องหลัง

เหตุผลพอเข้าใจได้ เพราะมารุโอะอยู่ที่นั่น และโชแน่ใจได้ว่ายูกิเป็นที่ต้องการตัวเป็นๆ มากกว่าจะถูกฆ่าให้ตาย แต่ก็เป็นฉากที่ทำเอาหัวใจแทบสลายตามสายตาของยูกิที่มองตามหลังโชไปเลยทีเดียว

คนตายด้านก็มีหัวใจเหมือนกัน เมื่อยูกิถูกพรากไปจากความคุ้มครอง ตำรวจที่เคยเก่งกาจอย่างโช ก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลังเล และผิดพลาด เอ๋ออีกต่างหาก

"ผิดตรงไหนที่จะเป็นห่วง!"

ในที่สุดความในใจของคนหัวรั้นก็หลุดออกมาจากปากของคนหัวรั้นด้วยความโมโห ทำให้ใครต่อใครที่เห็นโชเป็นคนไร้หัวใจพากันอึ้งกิมกี่ คำเดียวก็เกินพอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าโชรู้สึกอย่างไร (คนปากแข็งที่น่ารัก)

** มีอีกฉากหนึ่งที่ชอบมากคือ ฉากที่ยูกิจ้องมองแผ่นหลังของโช
ในคืนก่อนที่จะแฝงตัวไปเข้าแก๊งยากูซ่า แสงไฟที่สาดกระทบไหล่ของโช
สะท้อนความรู้สึกของยูกิ เป็นภาพที่สื่อได้ดีที่สุดโดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ **

*****




มีทั้งบู๊แอคชั่น ทั้งสืบสวนสอบสวนเล็กน้อย มีความฮามากมาย และมีความรักให้พอชื่นใจแบบนี้ แถมยังมี Tsukamoto Takashi รับเชิญมาแสดงเป็นรางวัลตบท้ายให้ด้วย (คนนี้ผู้เขียนปลื้ม)



แล้ว Tokyo Dogs จะไม่กลายเป็นซีรีย์ที่รักอีกเรื่องหนึ่งได้อย่างไร


***

อ่านพบข้อมูลผู้กำกับ นาริตะ ทาคาชิ
ดูจากรายชื่อผลงานน่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ขายได้สำหรับซีรีย์เรื่องนี้
ที่เคยดูก็มี Last Christmas , Suppli , Proposal Daisakusen (Operation Love ยามะพี มาซามิ)
ส่วนที่ยังไม่เคยดู Slow dance , Voice , Boss
และที่ใครๆ พูดถึงจนรู้สึกว่าเป็นซีรีย์โด่งดังแต่ยังไม่เคยดูคือ Galileo






ข้อมูลอื่นๆ จาก Blike.net

ชื่อซีรีย์ : TOKYO DOGS
กำกับโดย : Narita Takeshi, Ishii Yusuke (石井祐介)
จำนวนตอน : 10 ประเภท : Police
ผลิตโดย : Shikanai Tsugi
Written By : Fukuda Yuichi (福田雄一)
ปี : 2009 ออกอากาศ : 19 ต.ค. 2009 - 19 ธ.ค. 2009
ออกอากาศช่อง Fuji TV ทุกวันจันทร์ เวลา 21:00 น.

ขอขอบคุณ

1. //series-8.blogspot.com
(ทั้งภาพ ข้อมูล และซีรีย์ออนไลน์ให้รับชม)
2. //www.fujitv.co.jp
Create Date :04 กรกฎาคม 2553 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:49:28 น. Counter : Pageviews. Comments :13