พยายามจะทำ blog ให้สั้นๆ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
ทั้งหมดเป็นเพราะความชอบ ถ้าได้ชอบแล้วล่ะก็ จบไม่ลงซักที
เรื่องนี้ก็อดไม่ได้ต้องร่ายยาวอีกแล้ว
ต้องยาว เพราะเป็นละครสุดประทับใจที่สำคัญกว่าเรื่องไหนๆ คือเรื่องที่จะเล่ายาวๆ ต่อไปนี้ไม่ได้เขียนเอง
เพราะมีเนื้อหาที่อยากจะนำมาเสนออยู่แล้ว ด้วยความเป็นตัวตนของละครเอง
ที่มีทั้งบทในละคร บทบรรยายจากเบื้องหลังเพื่อแนะนำละคร ครอบคลุม ถูกใจ ใช่เลย
การจะเขียนถึงละครดีๆ ก็ต้องเขียนถึงสิ่งดีๆ มีสาระ
และการเขียนอะไรที่เป็นสาระ มันเขียนยาก
จึงดีใจที่ได้เบาแรง โดยไม่ต้องเขียนเอง
และในฐานะที่เป็นคนชอบดูเบื้องหลังละครมาก
ต้องขอขอบคุณคนทำซับไทยจริงๆ ที่อุตส่าห์ทำซับเบื้องหลังไว้ด้วย ขอบคุณจริงๆ
จากเรียงความเรื่อง "ครอบครัวกับความฝันในอนาคต"ปี 1993 ตอนผมเกิด
ผมไม่ร้องไห้เลยสักแอะ คุณหมอจึงจับผมยกขึ้นตีก้น
ว้าว.. หนึ่งครั้ง สองครั้ง
แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไร ผมก็ไม่ยอมร้องไห้ออกมาเลย
พ่อผมเป็นคนขับรถแท็กซี่
พ่อเป็นห่วงกลัวว่าผมจะลำบาก พ่อจึงเลิกดื่มเหล้าตั้งแต่วันที่ผมเกิด
คุณแม่เป็นคนที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอ
ผมถามว่าทำไมถึงยิ้มล่ะ คุณแม่ก็บอกว่า
เพราะแม่มีความสุขยังไงล่ะ คนเราจะหัวเราะในยามที่มีความสุข
แต่แล้วคุณแม่ก็ล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล
ตอนที่พวกเราไปเยี่ยมคุณแม่ คุณแม่ก็ยังคงยิ้มให้พวกเราอยู่เสมอ
ในระหว่างที่คุณแม่เข้าโรงพยาบาล พี่สาวผมเป็นคนรับผิดชอบงานบ้าน
ถึงจะซุ่มซ่ามไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
บางครั้งพี่ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่เอาไหน และรู้สึกท้อแท้
พี่ชายของผมเป็นคนเอาจริงเอาจัง
พี่เป็นคนหาเงินค่ารักษาพยาบาลของคุณแม่ หลังเลิกเรียนก็เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จริงจังไปซะหมด ... เอาจริง เอาจัง
บางครั้ง น้องสาวผมก็นั่งเหม่ออย่างไร้จุดหมาย ดูลึกลับ ... ลึกลับจริงๆ
คุณปู่ผมนอนกลางวันเป็นประจำ
เพราะคุณปู่เป็นคนดูแลหอดูดาวประจำหมู่บ้านของเรา
พอผมถามว่า คุณปู่ไม่เหงาบ้างเหรอครับ คุณปู่บอกว่า
ปู่ได้เจอคุณย่าที่เสียไปแล้วและกลายเป็นดาวอยู่บนท้องฟ้าทุกคืน แล้วปู่จะเหงาได้ยังไงล่ะ
เพราะคุณปู่เป็นคนที่โรแมนติกแบบนี้ ผมถึงชอบคุณปู่มากๆ ครับ
ผมชื่อโฮโรครับ โฮโรคือผ้าคลุมสีเขียว ใช้คลุมรถบรรทุกหรือรถม้า
เพื่อให้ผมเป็นคนที่คอยปกป้องสิ่งสำคัญจากลมและฝน จึงตั้งชื่อนี้ให้ครับ
<<<<<<<<>>>>>>>>
เด็กชายโฮโรอ่านเรียงความ ครอบครัวกับความฝันในอนาคต จบ
คุณครูถามว่า แล้วความฝันในอนาคตล่ะ
โอ๊ะ นั่นสิ โฮโรเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ารึยงความของตัวเองขาดประเด็นเรื่องความฝันในอนาคตไป
เพื่อนๆ พากันหัวเราะ ขณะที่โฮโรพยายามใช้ความคิด อืม..ความฝันในอนาคตหรือ
"ความฝันของผมคือ ผมอยากปกป้องโลกใบนี้ครับ
เพื่อนๆ ร่วมชั้นต่างฮาครืน
ปีนี้ปี 2005 แล้ว แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า ผมยังไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง
<<<<<<<<>>>>>>>>
จากบทบรรยายเบื้องหลังละคร -(ให้เสียงบรรยายโดยเด็กชายโฮโร)
ยามที่คนเรามีความสุขจนเปี่ยมล้น จะต้องหัวเราะออกมา
บ้านเราครึกครื้นจังเลยน้า
.......
น้องชายหน้าหล่อเหมือนฉันแต่ชอบทำหน้าเศร้าๆ น่ะ
.............
เงียบๆ กันหน่อยได้มั้ย!
......................
ขอโทษนะคะ
........
คนเราพอตายไปแล้วจะไปเกิดเป็นดาวบนท้องฟ้าหรือครับ
ใช่แล้วล่ะ
.................
คุณแม่จะตายมั้ย
พี่ไม่รู้ พี่จะไปรู้ได้ยังไง
.........
ครอบครัวอยู่ในใจคุณหรือหรือเปล่าครับ
ครอบครัวที่ทำให้เรายิ้มแย้มขึ้นได้อีก 2-3 เท่า
ครอบครัวที่คอยช่วยแบ่งเบาความเศร้าเสียใจ
ครอบครัวที่ถึงแม้จะอยู่ห่างกัน แต่ก็ยังคอยค้ำจุนจิตใจ
พวกคุณอยากจะเห็นความผูกพันที่แสนวิเศษนั่นสักครั้งมั้ยครับ
<<<<<<<<>>>>>>>>
นี่คือเรื่องราวความเป็นอยู่ของครอบครัวในชนบทที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป
แต่ว่าที่นั่น ความผูกพันระหว่างผู้คนไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา
นั่นเป็นความผูกพันอย่างหนึ่ง ความผูกพันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า ครอบครัว
เรื่องราวความผูกพันระหว่างผู้คน เป็นเรื่องราวที่แสนอบอุ่น
ต่อไปขอแนะนำสมาชิกในบ้านมาชิบะทั้ง 7 คนนะครับ
บทลูกชายคนโต พี่โค รับบทโดย "อิชิฮาระ ฮายาโตะ-ซัง" ซึ่งปกติผมจะเรียกว่า อุเน่จัง (พี่)
คนที่รับบทพี่มิจิรุ ที่เคยแสดงเรื่อง อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก
เล่นเป็นนักแสดงนำ อายาเสะ ฮารุกะ ใจดีมากๆ เลยครับ
ลูกชายคนต่อมา โฮโร ก็คือผม "คามิกิ ริวโนสุเกะ"
รู้สึกประหม่าจังเลย
คนที่รับบทเป็นมาชิบะ อุตะ น้องสาวผมคือ "มัตสึโมโตะ รีน่า-จัง"
คุณแม่คือ "ฮาราดะ มิเอโกะ-ซัง"
คุณพ่อซึ่งเป็นเสาเหล็กของบ้าน รับบทโดย ทาเคนากะ นาโอโตะ-ซัง
และคนที่รับบทคุณปู่ สุงิอุระ นาโอกิ-ซัง
ครอบครัวมาชิบะในละครเรื่องนี้ ต่างผูกพันกันด้วยสายสัมพันธ์ของครอบครัวที่เหนียวแน่น
สถานที่ถ่ายทำในเรื่องนี้ ก็คือหมู่บ้านในชนบท ที่ได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงนกร้อง
ในหมู่บ้านที่ยังหลงเหลือธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ พวกเราครอบครัวมาชิบะอยู่ที่นี่
คุณพ่อของผมเป็นคนขับแท็กซี่ (มาชิบะ เท็ตสึโอะ - 46 ปี)
เป็นคนที่เกลียดการโกหก แต่ในความเข้มงวดก็แฝงความรักไว้ด้วย
ต่อมาคุณแม่ที่สดใส และใจดีเหมือนกับดวงอาทิตย์ (มาชิบะ ยูมิ - 46 ปี)
เพียงแค่มีคุณแม่อยู่ บ้านหลังนี้ก็มีความสุขแล้ว แต่คุณแม่กลับล้มป่วย
จนต้องเข้าโรงพยาบาล คุณแม่ครับ หายป่วยเร็วๆ นะครับ
ตอนที่คุณแม่ป่วยเข้าโรงพยาบาล งานบ้านในบ้านมาชิบะเป็นหน้าที่ของพี่สาว
ที่เป็นนักเรียนชั้น ม.6 (มาชิบะ มิจิรุ - 18 ปี-พี่สาวคนโต) ถึงจะพยายามทำเต็มที่แล้ว
แต่ก็ซุ่มซ่ามหกล้มอยู่บ่อยๆ
ต่อมาเป็นลูกชายคนโตของบ้าน (มาชิบะ โค - 17 ปี ) "พี่โค" ที่ผมแอบปลื้ม
เป็นนักเรียนชั้น ม.5 นิสัยค่อนข้างแปลก พี่เป็นคนหนุ่มไฟแรงมากๆ
พูดเบาๆ ไม่เป็น พี่บอกว่าจะหาค่ารักษาพยาบาลของแม่เอง จึงไปทำงานที่ปั๊มน้ำมันทุกวัน
ต่อไปน้องสาวของผม อุตะ (มาชิบะ อุตะ - 7 ปี) เป็นคนขี้อ้อนและขี้แย
มักจะติดแจกับทุกคนในบ้าน ส่วนนิสัยก็ค่อนข้างแปลก
แล้วนี่ก็คุณปู่ที่ผมรัก (มาชิบะ เมจิ ) คุณปู่เป็นคนดูแลหอดูดาวของหมู่บ้าน
ทำงานตอนกลางคืนและกลับมาตอนเช้า จึงมีชีวิตต่างกับพวกผมโดยสิ้นเชิง
เวลาผมถูกดุ คุณปุ่ก็มักจะออกมาช่วยปกป้อง เป็นคุณปู่ที่ใจดีมากๆ เลยครับ
คนสุดท้ายคือผม (มาชิบะ โฮโร- 11 ปี ครับ ) ความหมายของโฮโรก็คือ
ผ้าคลุมรถบรรทุก หรือรถม้าที่ปกป้องสิ่งสำคัญจากลมและฝน ผมจึงได้ชื่อนี้มาครับ
ผมเป็นคนหัวอ่อน แวดล้อมไปด้วยครับครัวและเพื่อนๆ ที่ผมรัก
ทั้ง 7 คนนี้ เป็นครอบครัวที่สำคัญของผม
มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ
เพียงแค่มีความรัก และความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน
คงเป็นเพราะพวกเราเติบโตมาท่ามกลางความงามของธรรมชาติ
ชีวิตประจำวันของบ้านมาชิบะ จึงมีเสียงหัวเราะและปัญหาคละเคล้ากันไป
เป็นครอบครัวที่รู้สึกอบอุ่นจริงๆ
แต่
ความทุกข์ก็ถาโถมเข้าสู่บ้านมาชิบะของพวกเรา
อยู่ๆ คุณแม่ก็ล้มป่วยลง ครอบครัวของผมที่คุณแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล
เมื่อไหร่กันนะ รอยยิ้มที่แท้จริงจะกลับคืนมาสู่ครอบครัวของพวกเรา
บ้านมาชิบะของเราไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีกัน 7 คน เปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่น
เป็นครอบครัวที่มีสายสัมพันธ์เข้มแข็ง ที่ไม่อาจหาอะไรมาทดแทนได้
เนื้อหาหลักของ Aikurushii คือความผูกพันในครอบครัว
ความผูกพันของพ่อแม่ลูก
บ้านมาชิบะที่อยู่กันอย่างมีความสุข ถูกความทุกข์ถาโถมเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว
ครอบครัวที่ผมรัก คุณแม่ที่ผมรัก ต้องมาล้มป่วยลง
คุณแม่เป็นห่วงพวกเราที่ยังต้องอยู่ต่อไป
ในขณะที่คุณแม่กำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วย ก็ยังเป็นห่วงพวกเราพี่น้อง
เพื่อพวกเราแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ และเพื่อพ่อแม่ พวกเราทั้งสี่
ชีวิตในบ้านมาชิบะของพวกเรา ต่างก็คอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
และเรียงร้อยด้วยสายใยครอบครัวที่เข้มแข็งและมั่นคง
สายสัมพันธ์พี่น้อง
ตั้งแต่คุณแม่เข้าโรงพยาบาลพวกเราสี่คนก็ต้องช่วยเหลือกันและกัน
และพยายามที่จะไม่กังวล เรื่องที่คุณแม่ไม่อยู่อย่างเต็มที่
การช่วยเหลือซึ่งกันและกันนี้ คือสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่แน่นแฟ้น
ไม่ว่าที่ไหน คงจะมีครอบครัวที่มีความสัมพันธ์อย่างบ้านมาชิบะของเราอยู่
ความสัมพันธ์ของคุณพ่อคุณแม่ กับพวกผมที่เป็นลูกๆ
แล้วก็ความสัมพันธ์ของพี่น้องที่คอยช่วยเหลือกัน
ความสัมพันธ์ของสามีภรรยา
พอคุณแม่ล้มป่วยลง คนที่ช็อคที่สุดกลับไม่ใช่คุณพ่อ
คุณพ่อเข้มแข็งถึงขนาดที่ว่า ไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้เห็น
คุณพ่อถึงกับยอมตายแทนคุณแม่ที่ล้มป่วยลงได้
ทั้งสองคนมีสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกว่าพวกผมเสียอีก
ในครอบครัวของเรา คุณพ่อเป็นคนที่เหนื่อยและท้อแท้มากที่สุด
สิ่งที่พวกเราพี่น้องจะทำให้กับคุณพ่อตอนนี้ได้ คือการทำตัวสดใสยิ้มแย้มกันต่อไป
ความสัมพันธ์ของปู่กับหลาน
คุณปู่ที่ใจดีและคอยดูแลพวกผมอยู่ห่างๆ
คุณปู่เปรียบเสมือนแสงจันทร์ที่ส่องประกายในยามค่ำคืน
เพื่อคอยชี้แนะทางสว่างไม่ให้พวกเราเดินหลงทาง
คุณปู่เป็นคนใจดีมากครับ เป็นคนเดียวที่สามารถปรึกษาหารือเรื่องทุกข์ใจได้
เป็นคนสำคัญที่โฮโรรักมากที่สุดเลยครับ
เมื่อไหร่กันนะที่น้ำตาของผมจะไหลออกมา
ตอนที่น้ำตาไหลออกมา ผมจะรู้สึกยังไงนะ ขอยืมพลังจากครอบครัวที่ผมรัก
เวลาที่ผมน้ำตาไหลออกมาเหมือนกับทุกคน จะต้องมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปแน่ๆ
Aikurushii เรื่องราวของหมู่บ้านในบ้านนอกแห่งหนึ่ง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์
ทั้งความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูก ความสัมพันธ์ของคุณปู่กับหลานๆ
แล้วก็ความสัมพันธ์ของพี่น้องที่ต่างช่วยเหลือกันและกัน
แต่ว่าเรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่ความสัมพันธ์ในครอบครัวเท่านั้น
ยังมีความสัมพันธ์ของผู้คนต่างๆ ที่อาศัยในหมู่บ้านเดียวกันอีก
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ที่เติบโตขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ
แต่กับบางคน ที่มาจากในเมือง มาอาศัยอยู่ในบ้านนอกแบบนี้
ก็เกิดความรู้สึกมีปมด้อยขึ้นมา
มีอะไรอีกหลายอย่างที่ตัวเองก็ยังไม่รู้
<<<<<<
เพราะเห็นถึงความตั้งใจที่มีต่อซีรีย์เรื่องหนึ่ง
ถ้าเราไม่เขียนขึ้น มันก็จะตายไปพร้อมกับเรา
ซีรีย์เรื่องนี้เลืองลือมานาน ไม่มีใครที่ดู
แล้วจะไม่ชอบ (แถมภาพเยอะอีกต่างหาก)
ตามแบบฉบับ จขบ. ที่ชอบความสัมพันธ์เกี่ยวกับเด็กๆ
โดยเฉพาะลุงนาโอโตะ ครั้งนี้เป็นตัวนำ
ซึ่งน้อยครั้งจะรับเล่น ตามประสาไปรับเชิญ
เรื่องนั้นเรื่องนี้เยอะแยะ ตัวละครอื่นๆ
ก็หาได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย เคยเล่น
เรื่องไหน ก็เป็นอย่างนั้นมาตลอด ก่อนจะค่อยๆ
ฉีกแนวกันไป
ชอบฮายาโตะ แนะนำ water boys สิ
เขาเกิดจากเรื่องนี้เลยละท่าน หุ่นนี้เพรียวสลิมเชียว
โดย: Mr.Chanpanakrit 17 มกราคม 2553 14:31:17 น.
อยากจะแลซีรีย์หมอโคโตะมากขึ้น
เพราะเจ้าหนูเรียวโนะสุเกะ ที่เล่นเป็นเจ้าโฮโร
ไปโผล่ในหมอโคโตะ ตอนที่ ห้า หกและเจ็ดด้วย
ต่อจากนั้นสองปี ถึงไปเล่นเรื่อง Aikurushii
ที่ท่านเล่านี้แหละ แต่รับรองว่าเจอเจ้าทักเกฮาชิ
ลูกคนหาปลา จะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ออก
ว่าจะปลื้มใครดี
โดย: Mr.Chanpanakrit 17 มกราคม 2553 15:27:41 น.
และไม่ใช่ใครอื่น ไมเคิล แจคสัน ที่ร้องเพลงนี้เอาไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กนั่นเอง เพลงนี้เจ้าตัวแต่งให้ Ben หนูขาวสุดที่รัก เนื่องจากไมเคิล ต้องทำมาหากิน เป็นนักร้องตามคำสั่งพ่อตั้งแต่เด็ก
ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ตลอดจนไม่มีวัยเด็กที่สมบูรณ์เต็มอิ่ม จึงต้องมาชดเชยตอนโตด้วยการสร้าง Never land ตอนโตนั่นเอง
การคัดเลือกเพลงนี้มาประกอบเรื่อง Aikurushii จึงเข้ากับเรื่องราวของเรื่องพอสมควร คือ การที่โฮโร (หรือ โปโร นั่นแหละ) เด็กชายตัวเอกของเรื่องต้องสูญเสียแม่ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ประถมปลาย และด้วยปณิธานที่แรงกล้าในความต้องการที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ผู้ช่วยโลก
ซึ่งมีแนวคิดที่ได้รับการซึมซับถ่ายทอดมาจากความอ่อนโยนอบอุ่นของแม่ และปรัชญาแง่คิดการใช้ชีวิตที่ดี ที่มีซี้กับคุณปู่ หรือเกิดมาเพื่อเป็นลุกคุณปู่ก็ว่าได้ ทำให้โฮโรสามารถเป็นผู้ให้ที่ดีกับเพื่อนๆ
จนสามารถดึงหัวใจเพื่อนที่ไม่ต้องการเป็นเพื่อน ให้กลายมาเป็นเพื่อนของเขาจนได้ ไม่ว่าเพื่อนคนนั้นจะร้ายแค่ไหน มีปมในใจยังไง สุดท้ายโฮโร ก็จะสามารถตีประเด็นในใจของเพื่อนจนแตก
ทั้งนี้ด้วยความช่วยเหลือของคุณปู่ ที่คอยให้กำลังใจ และคอยให้แง่คิดอย่างง่ายๆ แต่เราดูแล้วรู้สึกว่าให้คุณค่าทางปรัชญาที่มีประโยชน์กับผู้ดูมากๆ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคนญี่ปุ่นในวันนี้ถึงได้เป็นหนึ่งในประเทศที่เจริญแล้ว
เพราะยิ่งดูละครญี่ปุ่น นับวันเราก็ยิ่งเห็นการแทรกแง่คิดทางปรัชญาไว้ตลอดเรื่อง รวมถึงวัฒนธรรม การวางตัว ในเรื่องการเชื่อฟังผู้ใหญ่ แม้บางฉากจะไม่เหมาะสม เช่นการที่ลูกจะตบหัวพ่อ ซึ่งไม่สมควรในวัฒนธรรมไทย แต่เราคิดว่าในละครเรื่องนี้ ต้องการสื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันระหว่างพ่อลูกมากกว่า
คำพูดที่ให้ข้อคิดในเรื่องมีอยู่หลายจุด จนเราไม่รู้จะยกตรงไหนมาฝากดี ที่โดนใจและเห็นจะเอามาต่อยอดในความคิดเดิมของเราคือ "เรื่องความเข้าใจคนอื่นผิด" หากไม่เอามานั่งคิดดีๆ ก็อาจทำให้เราน้อยใจได้
เช่น ตอนที่โฮโรซื้อรองเท้าให้มิกะ เด็กหญิงผู้ไม่กล้าลงจากรถเข็นให้เป็นของขวัญ
มิกะปารองเท้าคู่นั้นใส่หน้าโฮโร เพื่อนๆ ลงความเห็นว่า แม้โฮโรจะหวังดี อยากกระตุ้นให้มิกะอยากเดินเพื่อรองเท้าสวยๆ คู่นั้น แต่ดูเหมือนว่าโฮโรจะเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมิกะมากเกินไป ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้เอ่ยขอ ถ้าพูดเป็นภาษาไทยก็คือให้ผิดกาลเทศะนั่นเอง
ยังดีที่คุณปู่ได้ให้กำลังใจ บอกโฮโรว่า บางทีมิกะอาจไม่ได้โกรธโฮโรหรอกจริงๆ หรอกนะ เพียงแต่เธอไม่รู้วิธีการตอบสนองกลับที่ดี ว่าหากมีใครมาทำดีด้วย แล้วควรตอบสนองกลับกับคนๆ นั้นยังไง น่าจะเป็นอย่างนั้น
คำพูดนี้ทำให้เราคิดถึงสารคดีต่างประเทศรายการหนึ่ง ที่พาเด็กกลุ่มหนึ่งไปใช้ชีวิตในป่า พวกเขาต้องลองทำอาหารจากกบที่หาได้ในป่า แต่ไม่มีใครกล้าฆ่ากบ มีเด็กหญิงคนหนึ่ง ตัดสินใจลองทำดู เพื่อให้เพื่อนๆ ทุกคนได้กิน ทั้งๆ ที่ใจเธอไม่ได้อยากฆ่ากบเลย เพื่อนๆ บางคนตกใจตาค้าง หลายคนหัวเราะออกมา
หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้ใหญ่ได้เรียกเด็กแต่ละคนเข้ามาคุย ปรากฏว่า เด็กที่ฆ่ากบเสียใจมาก ที่เพื่อนหัวเราะเยาะเธอ แต่เมื่อถามถึงความรู้สึกของเด็กที่หัวเราะเพื่อน พวกเขาบอกว่า เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถึงได้หัวเราะออกไป
นั้นแสดงว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะหัวเราะเยอะเพื่อน แต่เพราะไม่รู้จะทำยังไงดีนั่นเอง
นี่จึงเป็นข้อสอนใจได้ดี ในการในชีวิตกับคนอื่นๆ การตัดสินคนด้วยการกระทำของเขา บางทีอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ "จิตวิทยาคน" นี้มันช่างน่าสนใจจริงๆ ใช่ไหมคะ?
สรุป Aikurushii เป็นละครแนวครอบครัว น่ารัก อบอุ่น ให้แง่คิดที่ดี ขอบคุณคุณ prysang ที่แนะนำให้ดูค่ะ
โดย: อาตี้เจ้าเก่ามาบุกแล้ว IP: 119.46.167.30 4 พฤศจิกายน 2554 11:50:17 น.
เรื่องเพลงของ ไมเคิล แจ็คสันไม่รู้เรื่องเลยค่ะ แต่ซีรีย์ญี่ปุ่นนั้นสังเกตได้ว่า มักจะพิถีพิถัน ในการเลือกเพลงประกอบนะคะ อ่านจากที่คุณอาตี้แสดงความเห็นแล้ว ก็ได้อีกหนึ่งมุมมองที่ตัวเองมองไม่เห็นมาก่อน อย่างเรื่อง Change นายกมือใหม่หัวใจประชาชน ก็ได้เพลงของมาดอนน่า ซึ่งก็คงจะสื่อความหมายที่ดีด้วยเหมือนกัน เพลงประกอบของ Good luck ก็ด้วย
ในแง่ของ "จิตวิทยา" พอคุณอาตี้เล่าอย่างนี้แล้ว ก็เพิ่งสังเกตว่า เออ ... จริงแฮะ เพราะบ่อยครั้งที่ตัวเราเองก็ไม่รู้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเรื่องที่ได้รับการบอกเล่ายังไง ไม่รู้ว่าจะบอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยดี ก็จะมีที่หัวเราะแหะ ไป อย่างไร้ความหมาย
การตัดสินคนด้วยการกระทำของเขา บางทีอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้
เห็นด้วยว่าจริงค่ะ
โดย: prysang 21 พฤศจิกายน 2554 15:52:57 น.
ดังนั้นหากเราไม่รู้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนทำ ขอให้ตั้งสติก่อนสรรหาปฏิกิริยาที่ดีกว่าการหัวเราะออกไป น่าท้าทายดีใช่ไหมคะ?
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดไม่เกิดปัญญา (ทั้งยังเสียเพื่อนและเสียความรู้สึกกันอีกด้วย)
ขอบคุณคุณ prysang สำหรับการนำคลิปเพลง Ben เพลงประกอบละครในเรื่ิอง ที่อาตี้แนะนำไป นำมาแปะไว้ในบล็อกค่ะ
โดย: อาตี้มาบุกซ้ำค่ะ IP: 124.120.192.80 21 พฤศจิกายน 2554 22:33:00 น.