bloggang.com mainmenu search






สวัสดีค่ะ




เอนทรี่ล่าุสุด รีวิวร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงในวัดจันทร์ฯ ถูก อร่อยค่ะ






อะแฮ่มๆ สำหรับเอนทรี่นี้สาวไกด์ฯ จะพาไปเที่ยวยังเวียงเจียงใหม่ พักที่โรงแรมที่เรียกว่าเป็นโรงแรมระดับห้าดาว ที่เจ้าของพยายามจะให้เป็นระดับ World Class อะนะคะ นั่นก็คือ โรงแรม Mandarin Oriental Dhara Dhevi ณ เชียงใหม่นั่นเองค่ะ


สำหรับการไปทริปนี้นั้นก็เนื่องด้วยมีเมล์จากเอเจนซี่ Branded มาเชิญให้เราไปร่วมงานเปิดตัว Colonial Wing ของโรงแรมนี้ค่ะ ซึ่งเราก็รีบตอบตกลงไปโดยพลัน แต่ที่จริงแล้วที่นี่ก็มีโคโลเนียลวิงนี้มานานแล้วหละค่ะ เพียงแต่ปรากฏว่า ที่ปรากฏๆ กันในรีวิวตามเว็บต่างๆ นั้น จะพูดถึงแต่ตัววิลล่าของดาราเทวีเท่านั้น (ที่นี่มีวิลล่าทั้งหมด 123 วิลล่าอะนะคะ) ซึ่ง..คนไทยก็ไม่ได้จะชอบสไตล์แนวนี้กันเท่าไหร่อะนะคะ ทางดาราเทวีก็เลยอยากเปิดตัววิงนี้ให้เป็นที่รู้จักกันในหมู่คนไทยมากขึ้นน่ะแหละค่ะ เพราะที่นี่ก็เปิดมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2549 แต่กลับไม่มีรีวิวห้องไทพ์นี้ให้ดูกันเท่าไหร่ ก็ถือโอกาสมารีวิวเป็นข้อมูลรวมทั้งเป็นการเปิดหูเปิดตาตัวเองด้วยหละค่ะ เพราะไม่เคยไปพักที่นี่เลย เคยแต่ไปหม่ำมากาฮงอันขึ้นชื่อของเค้าเท่านั้นเอง แหะๆ



อ้อๆ แล้วก็ทริปนี้เป็นการถ่ายภาพทั้งหมดด้วย DSLR เป็นครั้งแรกนะคะ เนื่องด้วยกล้องข้าพเจ้าหายที่บาหลี เลยต้องยืมกล้องนิกรของน้องไปค่ะ เพราะงั้นอาจจะไม่ค่อยคล่องมือเท่าไหร่ แต่ด้วยประสิทธิภาพของกล้อง ก็เลยทำให้ภาพออกมาดูดีกว่าที่เคยซะงั้น เหอๆ



เริ่มต้นการเดินทางกันเลยแล้วกันเนาะคะ บินไปโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์สค่ะ มีสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และอื่นๆ ไปทั้งสิ้น 25 ท่านค่ะ


พอเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบินเสร็จปุ๊บ เราก็ตรงไปที่เล้าจน์ของบางกอกแอร์เวยส์ทันทีอะนะคะ เลยไม่ได้เจอเจ้าของและลูกสะใภ้ที่มาส่งที่สนามบินเลยค่ะ (มารู้ทีหลังที่เจ้าหน้าที่ทางแบรนด์เด็ดบอก) เสียดายมากๆ เลยหละค่ะ แหะๆ



ป.ล. เอ่อ..เราทำลายน้ำตรง Dhara ผิดง่ะ พิมพ์ a เกินมาตัวหนึ่งนะคะ เดี๋ยวจะแก้ไขในรูปหลังๆ แล้วกันค่ะ ขออภัย


















เวลาที่ใช้ในการบินก็ราวๆ ชั่วโมงนิดหน่อยเองค่ะ ก็ถึงสนามบินเชียงใหม่แล้ว ไปถึงสนามบินก็มีเจ้าหน้าที่ของทางดาราเทวีมาต้อนรับ แล้วก็พาไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่หลายคันค่ะ โดยใครจะขึ้นคันไหนก็ได้นะคะ























ขึ้นบนรถก็มีน้ำดื่มเย็นๆ ตราดาราเทวีมาบริการค่ะ






















รถใช้เวลาเดินทางจากสนามบินราวๆ 15 นาทีค่ะ ก็จะถึงดาราเทวีแล้ว

พอวิ่งผ่านทางเข้าไปแล้วก็เลี้ยวซ้ายเพื่อวิ่งขึ้นเนินไปทางล็อบบี้ซึ่งอยู่ด้านบนค่ะ (อันนี้เป็นภาพที่เก็บมาตอนเค้าพาเดินชมโรงแรมค่ะ อันจะรีวิวในกาลต่อไปนะฮับ) ดูอลังการยังกะเข้าไปในนครอะไรสักอย่างเลยเนาะคะ























พอรถตู้ไปถึงหน้าล็อบบี้ดาราเทวีก็มีพนักงานมามอบมาลัยมะลิให้ค่ะ





















เดินตัวเปล่าเข้าล็อบบี้กันค่ะ ส่วนกระเป๋าสัมภาระทั้งหลายของพวกเราเจ้าหน้าที่จะเอาลงให้แล้วก็รวมไว้ให้ก่อนค่ะ





















พนักงานมาบริการผ้าเย็นค่ะ เป็นผ้าเย็นแบบดีอย่างที่รร.ห้าดาวทั่วไปบริการหละนะคะ

ต้องเซนเซอร์หน้าน้องเค้า เพราะน้องเค้ากะพริบตาพอดีค่ะ เง่อ...





















ตามต่อด้วย Welcome Drink นะคะ ถ้าจำไม่ผิดเป็นน้ำมะตูมหละค่ะ

ข้างหลังพนักงานคือ Horn Bar ซึ่งปกติจะเปิดตอน 18:00 - 24:00 น. ค่ะ ไว้สำหรับดื่มดริ๊งค์พวกค็อกเทลและไวน์อะค่ะ

แต่ว่า...วันนั้นเค้าเปิดรับกรุ๊ปนี้โดยเฉพาะ ให้นั่งพักก่อนเข้าห้องพักค่ะ





















ภายใน Horn Bar ค่ะ ที่จริงผนังจะมีพวกเขาสัตว์ หัวสัตว์ประดับอยู่ด้วย แล้วก็มีพวกหน้ากากจากพม่า รวมทั้งภาพวาดตัวละครในตำนานด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้ถ่ายเจาะๆ มานะคะ เพราะที่นี่ค่อนข้างมืด ถ่ายยาก กล้องก็ไม่คุ้นมือ แหะๆ























น้ำมะตูมที่เอามาบริการค่ะ เย็น หอมดีค่ะ





















จากนั้นก็ลงทะเบียนเช็คอินในห้องนั้นหละค่ะ

เซ็นแค่ลายเซ็นหละค่ะ ไม่ต้องกรอกอะไรมากมาย (แต่ถ้าแขกทั่วไปอาจจะต้องให้รายละเอียดมากกว่านี้นะคะ)





















เอกสารที่มาพร้อมกุญแจค่ะ จะเห็นว่าตอนแรกเราได้ C67 นะคะ





















สำหรับแขกที่พักที่นี่ มีรถบริการส่งเข้าเมืองฟรีนะคะ มีวันละสามรอบ ออกจากรร.เวลา 10.00 14.00 และ 19.30 น. ค่ะ โดยออกจากล็อบบี้หละนะคะ ส่วนกลับมาจากเมืองก็มีรอบ 14.30 17.30 22.30 น. ค่ะ โดยออกจากไนท์มาร์เก็ต (น่าจะไนท์บาซาร์เราหละมั้งนะ) ซึ่งจะต้องทำการจองก่อน และจะต้องมาก่อนเวลาออกราวๆ 5-10 นาทีนะฮับ สงสัยอะไรก็ 8401 เลยค่ะ





















กุญแจพร้อมแผนที่ (แผนผัง) ของโรงแรมค่ะ เดี๋ยวคลี่ให้ดูแล้วจะเข้าใจว่าทำไมต้องทำแผนที่ เหอๆ





















พร้อมเอกสารอีกสองฉบับค่ะ เป็นพาสเวิร์ดสำหรับเข้าเล่น wifi ของโรงแรมนะคะ ใส่รหัสครั้งแรกครั้งเดียวค่ะ

แต่ถ้าเข้าแล้วเดินๆ เปลี่ยนจุดไป ก็ต้องคอยคอนเน็คใหม่ค่ะ แต่ไม่ต้องใส่พาสเวิร์ดใหม่





















ขอต้อนรับสู่อาณาจักรดาราเทวีค่ะ เฮือกกก มันใหญ่ขนาดนี้เลยเรอะ

มารู้ทีหลังว่าพื้นที่ทั้งหมดก็ราวๆ 168 ไร่อะค่ะ เหอๆ

ส่วนโคโลเนียลวิงที่เราจะพัก อยู่มุมซ้ายบนนะคะ เป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือของที่นี่หละค่ะ





















จากแผนที่จะเห็นว่าโคโลเนียลวิงจะมีทั้งหมด 6 อาคารนะคะ แบ่งเป็นเลขห้องตามภาพเลย

อาคาร 1 ห้อง 1-12 / อาคาร 2 ห้อง 15-28 / อาคาร 3 ห้อง 29-39 อาคาร 4 ห้อง 50-62 และอาคารสุดท้าย ห้อง 63-78 ค่ะ (จะเห็นว่าเลขห้องบางเลขไม่มีนะคะ แต่ไม่ได้สอบถามรายละเอียดมาว่า เลขห้องที่หายไปคืออะไรยังไงค่ะ)





















ระหว่างนั้นก็เก็บภาพที่นั่งบริเวณล็อบบี้มาด้วยค่ะ เพราะห้องซี 67 ของเรายังไม่เรียบร้อย (ก็ไปถึงตั้งแต่ยังไม่เที่ยงอะนะคะ) ก็เลยนั่งรอไปก่อน





























จากนั้นพนักงานก็ขอเอาห้องมาเปลี่ยนให้ค่ะ เพราะไม่อยากให้รอนาน เลยเปลี่ยนเป็นห้อง C65 แทนนะคะ

จากนั้นก็พาไปขึ้นรถกอล์ฟเพื่อจะพาเราไปที่ห้องพักค่ะ





















หน้าตาของตึกที่เราจะพักค่ะ ตึกนี้บันไดขึ้นชั้นบนออกแนวโค้งๆ น่าจะเป็นตึกที่ใช้ถ่ายทำเอ็มวีของโทนี่ผีหละค่ะ

แต่อาคารอื่น เท่าที่เห็น มีแบบบันไดไม่โค้งด้วยนะคะ

กระเป๋าของพวกเราก็มารออยู่แว้วว























อาคารนี้เป็นอาคารสุดท้ายในแผนที่หละนะคะ ชื่ออาคารเมืองแพร่ค่ะ เป็นอาคารสำหรับห้อง 63-78 นั่นเอง





















ส่วนนี่เป็นเอ็มวีที่ว่าค่ะ ถ่ายที่นี่เป็นหลักหละนะคะ

เป็นเอ็มวีที่อลังการงานสร้างมากๆ ฮาคอมเม้นท์แต่ละคอมเม้นท์ด้วยค่ะ





















จากนั้นก็เดินไปที่ห้องพักค่ะ ของเราอยู่ชั้นล่าง ทางเดินนี่ตอนกลางคืนสวยดีค่ะ





















ถึงห้องพักเราแว้วว พอดีว่า น้องเจ้าหน้าที่เค้าเปิดให้เลยนะคะ แต่บอกวิธีไว้หน่อยแล้วกันเนาะ เผื่อใครจะไปพักอ้ะ ประตูของที่นี่เวลาเปิด ให้ไขกุญแจโดยหมุนตามเข็มนาฬิกาค่ะ หมุนจนสุดแล้วบิดกุญแจอีกนิดหนึ่งพร้อมดันประตูนะคะ ส่วนเวลาจะล็อกก็หมุนทวนเข็มนาฬิกาหละค่ะ





















เปิดเข้าไปก็เจอตามภาพก่อนเลยค่ะ ซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำที่เป็นห้องสุขานะคะ ตลอดสองวันหนึ่งคืนนี่ไม่ได้ใช้เลยหละค่ะ แหะๆ

ถัดไปเป็นตู้ ซึ่งข้างในจะมีตู้เย็น (เดี๋ยวให้ดูภาพพร้อมรายละเอียดอีกทีค่ะ) ขวามือจะเห็นว่ามีร่มกระดาษสาให้ด้วยสองคันค่ะ (แต่ไปรอบนี้ไม่เจอฝนนะคะ โชคดีอ้ะ แดดจ้า ฟ้าใสมาก อิอิ) ส่วนที่ลึกเข้าไปนั่นเป็นส่วนของห้องรับแขกนะคะ (เดี๋ยวพาไปดูกันเนาะ)





















โถเครื่องเขินข้างบนตู้นี่ มีน้ำแข็งอยู่ด้วยนะคะ แต่เราก็ไม่ได้ใช้เลยแหละ แหะๆ มาคนเดียวจะดริ๊งค์กะใครเนาะ






















มาดูที่ใต้ตู้กันบ้างค่ะ ฝั่งซ้ายจะเป็นน้ำดื่มและชากาแฟ ฟรีนะคะ





















ฝั่งขวาเป็นตู้เย็นและมินิบาร์ค่ะ






















ของที่มีให้ในตู้เย็นค่ะ เต็มตู้เยย





















ที่จริงห้องนี้เป็นห้อง connecting room กับห้องข้างๆ ด้วยหละ่ค่ะ แต่เราไม่ได้ใช้อะนะ แฮ่...





















ส่วนของห้องรับแขกค่ะ คือ...ห้องที่ Mandarin Oriental Dhara Dhevi เนี่ย ห้องไทพ์ต่ำสุดคือห้อง Suite น่ะค่ะ ซึ่งโคโลเนียลวิงก็เป็นหนึ่งในนั้นหละนะคะ ก็เลย...อย่างที่เห็น แหะๆ

พื้นที่ห้องไทพ์นี้ กะประมาณคร่าวๆ ก็ราวๆ 3-4 เท่าของห้องพักรร.ทั่วไปอะค่ะ ใหญ่เมิ่ก

นี่คือส่วนของห้องรับแขกค่ะ ที่อยู่ในตู้นั่นคือ ทีวีนะคะ ข้างๆ ตู้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็มีเก้าอี้รับแขกพร้อมเดย์เบดค่ะ





















ถัดจากห้องรับแขกไปก็จะเป็นประตูเปิดเข้าสู่ห้องนอนแล้วหละค่ะ





















ผลไม้ Welcome fruit ที่เค้ามีให้ค่ะ























ใกล้ๆ ตะกร้าผลไม้ ก็มีจดหมายต้อนรับจาก GM ด้วยค่ะ




















ทีวีที่ห้องรับแขกค่ะ ข้างล่างก็มีเครื่องเล่นดีวีดีนะคะ ซึ่งเราสามารถไปยืมแผ่นที่ห้องสมุดของโรงแรมได้ด้วยค่ะ




















โต๊ะเครื่องแป้งค่ะ เอ่อ..ขอบอกว่า เมื่อข้าพเจ้านั่งเก้าอี้แล้ว หน้ามันไม่ถึงกระจกอ้ะ

กระจกมันตั้งสูงไปหรือข้าพเจ้าเตี้ยคะ? (คนอ่าน - ป้ายังจะกล้าถามอีกเหรอฮะ??)





















นิตยสารที่มีให้อ่านที่ห้องรับแขกค่ะ แต่ไม่มีเวลาแตะเลยง่า...




















มามะ ไปเข้าห้องนอน เอ๊ย...ไปดูห้องนอนกันดีกว่าค่ะ แถ่นแท้...





















เตียงเป็นแบบ Double อะนะคะ นอนคนเดียว เฟ้งฟ้าง เอ๊ย เคว้งคว้างมากมาย

แต่เตียงดูดวิญญาณมากค่ะ นอนแล้วหลับสนิท สบายตลอดทั้งคืน (เวิร์ดดิ้งคุ้นๆ นะยะ)

























จากห้องนอน เปิดไปก็จะเจอระเบียงและสวนนะคะ

มีเก้าอี้และเดย์เบดให้นั่งและนอนอ่านหนังสือเล่นได้ชิลล์ๆ ค่ะ

























กลับเข้าไปข้างในกันค่ะ นี่เปิดไฟอ่านหนังสือหัวเตียงแล้วนะคะ (ติดที่บนเพดาน มีสองจุด แยกเตียงฝั่งซ้ายขวาค่ะ) จะเห็นว่าสว่างขึ้นอีกหน่อยหนึ่งเนาะ ตรงนี้ให้คะแนนค่ะ (เจ้าของบล็อกชอบให้มีไฟอ่านหนังสือ แหะๆ) ถัดไปก็คือห้องน้ำแล้วนะฮับ























เข้าไปในห้องน้ำ มองตรงไปจะเจอ bathtub ก่อนเลยค่ะ ซึ่งที่นี่เป็นแบบจากุชชี่ ออนเซ็นได้ด้วยนะคะ หุๆ อ้อๆ แต่ไม่ต้องกลัวประเจิดประเจ้อนะคะ เพราะระหว่างห้องนอนกับโซนห้องน้ำนี่ ประตูปิดได้ค่ะ เป็นประตูเลื่อนอะค่ะ





















ผ่านประตูไป หันขวาก็จะเจออ่างล้างหน้าซึ่งแยกให้สองอ่าง กระจกก็คนละบานเลยค่ะ

อ่างใหญ่ดีค่ะ น้ำไม่กระเซ็นออกมานอกอ่างเหมือนหลายๆ ที่ค่ะ























ส่วนทางซ้ายมือเป็น Walk-in Closet นะคะ ซึ่งก็จะมีเสื้อคลุม (เนื้อผ้าไม่เหมือนกัน คนละแบบ) 2 ตัว แล้วก็ตู้เซฟค่ะ





















ตรงซ้ายมือ ก่อนเข้า Walk-in Closet มีตะกร้าสำหรับใส่เสื้อผ้าที่จะส่งซักด้วยนะคะ






















ในลิ้นชักมีถุงลอนดรี้กับที่อยู่ในถุงนั่นคือไดร์เป่าผมนะคะ






















รองเท้าแตะ (เอากลับไม่ได้ฮับ ให้ใส่ในห้องอย่างเดียว) ที่อยู่ในถุงสีเนื้อๆ ทองๆ ข้างเครื่องชั่งน้ำหนักอยู่ที่พื้นแบบนี้นะฮับ






















ส่วนทางซ้ายมือเป็นที่วางกระเป๋า มียาฉีดยุงและอุปกรณ์ดับเพลิงด้วยค่ะ อุปกรณ์ดับเพลิงสีเขียวด้วยนะ อิอิ

แล้วก็มีไฟฉาย เผื่อไฟดับ หรือจะไปเดินข้างนอกมืดๆ ค่ำๆ ส่วนอีกอันนั่นเป็นอุปกรณ์กันยุงค่ะ

เดี๋ยวจะมีภาพให้ดูว่าแม่บ้านเค้าเอามาทำยังไงนะคะ





















หันไปมองที่อีกฝั่งหนึ่ง (ทางขวา ฝั่งเดียวกับอ่างล้างหน้าอะค่ะ) ก็จะเป็นส่วนของห้องสุขภัณฑ์

ซึ่งสามารถปิดประตูแบบที่เห็นในภาพได้ด้วยนะคะ โอเคเลยค่ะ เป็นสัดส่วนดี ณ จุดนี้อิฉันปลื้มค่ะ





















ห้องสุขภัณฑ์ที่นี่ ไม่แคบนะคะ แล้วก็มีสายชำระ ทิชชู่และโทรศัพท์ให้เรียบร้อยค่ะ





















ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็น shower room นะคะ























ในห้องก็จะมีทั้งครีมอาบน้ำ (ที่ใส่ในขวดเขียว) และสบู่ก้อน รวมทั้งแชมพูและคอนดิชันเนอร์ด้วยค่ะ


ฝักบัวจะมีทั้งแบบสายถอดถือได้ และเรนชาวเวอร์นะคะ ส่วนตัวลูกบิดสามลูกข้างฝักบัวนั้น มีการใช้งานดังนี้ค่ะ (โอ้...แม่คุณ อธิบายยังกะการสาธิตการใช้งานของขายทางทีวีไดเร็คท์นิ )

อันบนสุด ถ้าปัดตัวติ่ง (เอ่อ..หาศัพท์อื่นไม่ออก) ที่เป็นก้านอันเล็กๆ อะค่ะ ไปที่ 12 นาฬิกา จะเป็นการใช้ฝักบัวปกติที่ถอดถือได้เนี่ยค่ะ แต่ถ้าหมุนไปที่ 6 นาฬิกา จะเป็นการใช้งานเรนชาวเวอร์นะคะ

ส่วนลูกบิดอันกลาง ถ้าหมุนตามเข็มนาฬิกาจะเป็นการปิดน้ำค่ะ ส่วนทวนเข็มนาฬิกาจะเป็นการเปิดน้ำ

และลูกบิดอันล่างสุด คือการปรับอุณหภูมิน้ำให้ร้อนเย็นตามใจชอบค่ะ จะเอาขนาดลวกกินได้ หรือจะเย็นฉ่ำชื่นใจก็แล้วแต่ความชอบเลยฮับ





















นอกจากนั้นที่อ่างก็มีฝักบัวให้ต่างหากนะคะ มีที่หนุนคอ นอนหลับไปได้เลย (เย้ยย ไม่ใ่ช่แล้วเจ๊ ) มีเกล็ดสบู่สำหรับโรยในอ่าง แล้วก็จะเห็นว่าเป็นอ่างแบบจากุชชี่ด้วยค่ะ แต่แน่นอนว่า ข้าพเจ้าไม่มีเวลาลองฮะ เหอๆ เอาไว้ถ้าไปเที่ยวแบบเสียเงินเองเมื่อไหร่ คงได้ลองอะไรหลายๆ อย่างที่อยากลองหละ่นะ
























ดูห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับออกมาห้องนอนกันอีกทีนะคะ

สำหรับตู้ปลายเตียง ก็มีทีวีและเครื่องเล่นดีวีดีอีกเช่นกันค่ะ ตามภาพเลย เพราะงั้นถ้ามากันสองคน ชอบคนละแนวก็แบ่งกันได้เลยนะคะ ใครจะดูที่ห้องนอน ใครจะดูที่ห้องนั่งเล่น อิอิ





















กลับออกไปที่ห้องน้ำที่อยู่ใกล้ประตูเข้าออกนะคะ มีอ่างอาบน้ำ-ล้างมือให้แบบนี้ด้วย

แต่อย่างที่บอกค่ะ ไม่ได้ใช้บริการแต่อย่างใด แหะๆ























ตัดฉับมาตอนเย็นนะคะ เจอการ์ดเชิญเข้างานปาร์ตี้ (อันจะรีวิวในเอนทรี่ถัดไปค่ะ) พร้อมพัดเพื่อให้เข้ากับธีมงาน Colonial night คืนนี้นะคะ แต่เนื่องด้วยชุดที่ข้าพเจ้าเตรียมไปออกโทนเขียว เลยมิอาจถือพัดไปได้ค่ะ มันจะตัดกันเกิ๊น แหะๆ

























หลังปาร์ตี้กลับเข้ามา คุณแม่บ้านก็ทำการเทิร์นดาวน์ให้แล้วค่ะ

เอารองเท้าแตะมาวางไว้ข้างๆ เตียงให้เรียบร้อยเลย





















ส่วนบนเตียง คุณแม่บ้านเอาถุงลอนดรี้มาวางให้ด้วยค่ะ เผื่อเราจะอยากส่งเสื้อผ้าซักอะนะคะ





















ใกล้ๆ หมอน ก็วางของที่ระลึกจากดาราเทวีให้พร้อมกล้วยไม้ค่ะ น่ารักเชียว





















แล้วก็ยังเอาเจ้ายากันยุงเสียบให้แบบนี้ด้วยหละค่ะ

แล้วอย่างนี้จะไม่ทิปได้ไงอะนะคะ น่ารักเกิ๊น



















สำหรับในส่วนของห้องพักก็มีแต่เพียงเท่านี้นะคะ ตอนหน้าจะพาไปหม่ำอาหารเหนือซึ่งเป็นมื้อกลางวันกันค่ะ ส่วนเกรดและข้อดี-ข้อเสีย จะให้ในเอนทรี่ที่รีวิวอาหารเช้านะคะ











ปฏิทินธรรม








วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2555

1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)





วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555

1. ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)
เวลา 06.30-10.30 น.


ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447




2.ร่วมสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา เฉลิมฉลอง ๒๖ สัมพุทธศตวรรษ : ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า (กิจกรรมทุกวันอาทิตย์ตลอดทั้งปี)

เวลา ๑๕.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น. ณ ห้องพระบรมสารีริกธาตุ ชั้น ๔ อาคารบุญยง ว่องวานิช ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ซ.เพชรเกษม ๕๔

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ โทร. ๐๒ ๔๕๕ ๒๕๒๕

หน้าเว็บรายละเอียดกิจกรรม
//www.ybat.org/v4/activity_view.asp?id=229








วันเสาร์ที่ 1 - อาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 (กิจกรรมทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมแบบเนสัชชิก เจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ณ มูลนิธิบ้านอารีย์

เช้าวันเสาร์ เวลา ๐๙.๓๐ - เย็นวันอาทิตย์ เวลา ๑๖.๐๐ น.
เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมแบบเนสัชชิก (ไม่นอน ทานอาหารมื้อเดียว และภาชนะเดียว) การปฏิบัติเจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ นำปฏิบัติโดย พระอาจารย์โกศิล ปริปุณฺโณ วัดปลายนา จ. ปทุมธานี และ พระอาจารย์วรวิทย์ วรธมฺโม สำนักปฏิบัติธรรมอู่ตะเภา จ. เพชรบุรี

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php





วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2555 (ทุกวันจันทร์)

1. เรียนอภิธรรมเบื้องต้น บรรยายโดยพระครูสมุห์ทวี เกตุธมฺโม
ณ บ้านอารีย์ เวลา ๑๗.๓๐-๑๙.๓๐ น.

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net









วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม 2555 (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน)

1. ขอเชิญร่วมฝึกสมาธิวิปัสสนาเบื้องต้น โดยพระครูปลัดมงคลวัฒน์ (พระมหาสุพล ขันติพโล) ผู้อำนวยการสถาบันพลังจิตตานุภาพ มูลนิธิหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ
เวลา 13:00 น. – 15:00 น. ณ มูลนิธิบ้านอารีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php






วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2555

1. ตักบาตรพระกรรมฐาน (นิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น) ที่วัดบรมนิวาส (ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นค่ะ) (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน)







วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2555 (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร และสดับธรรม เมตตารับบาตร โดย พระพิศาลศาสนกิจ (หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล) วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ. สุรินทร์

เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php






















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+357980=1827676/8179/738
Create Date :03 ธันวาคม 2555 Last Update :3 ธันวาคม 2555 9:10:16 น. Counter : 12412 Pageviews. Comments :49