bloggang.com mainmenu search






สวัสดีค่ะ



หลังจากคราวที่แล้วพาไปดูห้องพักของเรารวมทั้งอิ่มหนำสำราญกับอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วที่ลิงก์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)





วันนี้จะพาไปดูห้องพักแบบอื่นๆ บ้างนะคะ


ซึ่งห้องพักโซนแรกที่จะไปดูก็คือ ชั้นบนของอาคารเรือนแม่กลองนี่แหละค่ะ ที่เห็นเป็นกระจกใสๆ แบบนี้อะค่ะ






















ขึ้นบันได (ที่ค่อนข้างชัน) ไปค่ะ (ผู้สูงอายุไ่ม่ควรเลือกห้องชั้นบนนะคะ ถึงจะ river view ก็ตาม)

ก็จะเจอลานหน้าห้องแบบนี้ก่อน ฝั่งซ้ายมือจะเป็นแม่กลอง 1-2-3 ค่ะ




















ส่วนฝั่งขวามือ (ซึ่งจะต้องเดินลงไปอีกระดับหนึ่งนะคะ)
จะเป็นห้องแม่กลอง 4 ซึ่งก็จะมีห้องน้ำ 2 ห้องซึ่งคนที่พักข้างบนนี่จะต้องใช้รวมกันด้วยค่ะ


จากภาพ ซ้ายมือคือห้องแม่กลอง 4 ส่วนขวามือเป็นห้องน้ำ 2 ห้องนะคะ




















เนื่องจากห้องแม่กลอง 1 มีคนพักนะคะ เราก็ได้ไปดูห้องแม่กลอง 3 กันค่ะ

ข้อดีคือเป็น river view กระจกใสบานกว้าง เห็นวิวได้ถนัดค่ะ


แต่...จะเห็นว่าเป็นเตียง twin นะคะ เพราะฉะนั้นถ้ามากับคนที่อยากให้นอนหนุนแขนกัน (แอร๊ยส์ ) ก็ไม่น่าจะเหมาะกับห้องนี้เท่าไหร่ (แล้วก็อย่างที่บอกค่ะ ต้องใช้ห้องน้ำรวมด้วย) เพราะฉะนั้น ที่จริง 4 ห้องนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มากันเป็นก๊วน เป็นกลุ่มก้อน เหมา 4 ห้องไปเลยอะไรอย่างนี้จะเหมาะมาก (เพราะเหมือนบ้านทั้งบ้านเป็นของตัวเองเลยทีเดียว)





















ส่วนที่ติดกับประตูทางเข้า-ออก ก็จะเป็นที่ตั้งของโทรทัศน์ค่ะ

ส่วนที่ติดกับเตียงจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ





















โต๊ะเครื่องแป้ง เข้ากับห้องมากค่ะ นึกถึงนิยายเรื่องทวิภพเลย




















ใต้โทรทัศน์ก็ยังคงเป็นตู้เย็นและชากาแฟเช่นเดิมนะคะ

แต่ทีวีห้องนี้ จอไม่เป็นพลาสมาเหมือนข้างล่างนิ



















ซึ่งถ้าเกิดฉุกเฉินต้องการเข้าห้องน้ำอย่างเร่งด่วนพร้อมกัน แต่ห้องน้ำมี 2 ห้องทำไงดี

ไม่ต้องห่วงค่ะ ที่ชั้นล่างตรงโซนด้านหลังข้างๆ บันได มีห้้องน้ำให้ท่านอีกสองห้องนะคะ



















เอาหละค่ะ ไปดูห้องแบบอื่นๆ กันบ้าง


อ้อๆ เดินเลาะข้างตึกย้อนกลับไปทางล็อบบี้นะคะ (คือสมัยก่อนหน้าบ้านก็หันเข้าหาน้ำอันเป็นเส้นทางสัญจรหลักน่ะนะคะ เพราะฉะนั้น การดัดแปลงบ้านเดิมสมัยเก่าให้เป็นที่พัก ก็อาจจะทำให้ผังของที่พัก ดูกลับไปกลับมาได้อะค่ะ) เดินเลาะข้างตึกไปเีียี่ยงนี้ (ถ่ายย้อนหลังไปทางแม่น้ำค่ะ)



















ก็จะผ่านห้องพักอีกสองห้อง ซึ่งจะเป็นวิวสวนค่ะ เป็นแนวปั้นหยาหน่อย จะอยู่ติดกับล็อบบี้เลยนะคะ ชื่อห้องแม่กลอง 6 กับ 7 ค่ะ (ตัวเบอร์ 7 จะติดกับทางเดินนะคะ)






















จากนั้นก็ไปดูส่วนของเรือนไทยกันบ้างค่ะ

ซึ่งทั้งสองหลังนี่สร้างใหม่ทั้งคู่นะคะ ไม่ใช่บ้านเก่าดั้งเดิมค่ะ

แต่เนื่องจากเรือนบางคนทีมีผู้ัพักอยู่ เราก็จะไปดูเรือนไทยที่ติดกับล็อบบี้หลังนี้ค่ะ


เรือนอัมพวา
ค่ะ



















ขึ้นบันไดไปชั้นบนก่อน ฝั่งขวามือของชานเรือนจะเป็นอีกห้องหนึ่ง ชื่อห้องอัมพวา 1 ซึ่งจะเป็นห้องเดียวของเรือนไทยที่เป็นเตียง double (เดี๋ยวจะพาไปดูนะคะ) แต่เราไปดูห้องอัมพวา 2 กับ 3 กันก่อนค่ะ


ตรงระหว่างห้องอัมพวา 2 กับ 3 ก็จะมีที่ให้สังสรรค์นั่งคุยกันเยี่ยงนี้ด้วยนะคะ





















เราไปดูห้องฝั่งขวานะคะ (จำไม่ได้ว่า 2 หรือ 3 อ้ะ ) เข้าไปก็จะเจอเตียงทางขวามืออย่างนี้



















ส่วนทางซ้ายมือ ก็จะเป็นห้องน้ำ ทีวี ตู้เย็น ตามรูปเลยค่ะ



















ห้องน้ำในห้องนี้ อ่างล้างหน้าจะอยู่ข้างในนะคะ แล้วก็มีกำแพงกั้นระหว่างโถสุขภัณฑ์กับส่วน shower ค่ะ (แถมมีผ้าม่านอีกทีด้วย เพื่อกันน้ำกระเซ็นค่ะ)























ส่วนห้องที่อยู่ใกล้กันนั่นก็ไม่่ต่างกันนะคะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ

ไปถ่ายรูปอีกห้องคือ อัมพวา 1 ซึ่งเป็นห้องเดียวของเรือนนี้ที่เป็นเตียง double
(คุณต้องให้ข้อมูลว่า เป็นห้องราคาถูกสุดของที่นี่ด้วยค่ะ เพราะห้องจะเล็กสุด)


เปิดประตูเข้าไป จะเจอที่นอน ถัดไปด้านในก็จะเป็นทีวี ตู้เย็น ส่วนประตูที่ปิดอยู่คือห้องน้ำค่ะ























รูปนี้ถ่ายย้อนกลับมาทางประตูเข้า-ออกนะคะ

จะเห็นว่า หน้าต่างสองด้านเลยหละค่ะ




















ภายในห้องน้ำค่ะ เรียงจากซ้ายไปขวาจะเป็นโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และฝักบัว

มีกำแพงและม่านกั้นระหว่างส่วน shower กับส่วนอื่นๆ เช่นเคย



















ตัดฉับมาที่อาหารเช้าเลยนะคะ อาหารเช้าเริ่มตั้งแต่ 7.00 น.ค่ะ ส่วนถึงเวลาเท่าไหร่ คุณต้องบอกว่า ไม่ได้กำหนดค่ะ อยากตื่นมากินเวลาไหนก็ตามสะดวกเลย (ถูกใจคนตื่นสายหละเนาะ อิอิ)


ก็ไปนั่งกันชิลๆ ริมน้ำค่ะ ดูชาวบ้านเขาพายเรือขายของกันบ้าง (เสียดาย มาตอนแกไปแล้ว ไม่ทันถามว่าขายอะไร ไม่งั้นจะอุดหนุนซะหน่อยอะค่ะ)



















ดูเรือเมล์เดินทางไปมาบ้าง



















ชมวิวฝั่งตรงกันข้าม ที่กำลังสร้างอะไรไม่รู้บ้าง (แต่น้ำปริ่มมากเลยอ้ะ สร้างสูงน้อยไปเปล่าคะนี่?)

ว่าจะถามน้องๆ ว่าเค้าสร้างอะไรกันอยู่ ข้าพเจ้าก็ลืมถามซะงั้น



















คนอ่านเริ่มรำคาญ แกจะเข้าของกินได้หรือยังยะ?

ก็เริ่มประเดิมด้วยน้ำส้ม น้ำเปล่า และข้าวเหนียวเืผือกปิ้งค่ะ อร่อยเีชียวแหละ






















จากนั้นน้องก็มาถามว่าต้องการชาหรือกาแฟ เรารับชาค่ะ แต่คุณแฟนรับกาแฟ



















จากนั้นก็ตามมาด้วยข้าวต้มทะเลค่ะ

ตัวเม็ดข้าว เขาไม่ได้ต้มแบบข้าวต้มน่ะค่ะ หุงข้าวแล้วเอาน้ำซุปใส่

ทำให้ตัวเม็ดข้าวไม่นิ่มเท่าที่ควร แต่ตัวน้ำซุปชนะเลิศ กลมกล่อม เข้มข้น หอมหวน

ตัวกุ้ง ปลาหมึก ก็สดดีค่ะ เห็ดหอมก็เนื้อหนาอร่อยดี























สรุปสำหรับที่นี่นะคะ



เป็นที่พักเล็ก-เล็ก ที่มีเพียงแค่ 7+3+2 = 12 ห้องพักค่ะ


จุดเด่นอยู่ที่ประวัติศาสตร์อันยาวนานของตัวตึกเรือนแม่กลอง บรรยากาศริมน้ำที่สงบงามยามเย็นจนถึงเช้า (จะมีเสียงเครื่องเรือบางลำบ้าง ก็ไม่มากค่ะ)

พนักงานก็อัธยาศัยดี ข้อมูลแน่น มีจิตใจในการให้บริการค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณต้อง (ขออภัยที่ไม่ได้สอบถามชื่อ-นามสกุลจริงมานะคะ)


การเดินทางค่อนข้างสะดวกค่ะ แม้ว่าจะไม่มีรถส่วนตัว ก็สามารถเลือกนั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปลงตลาดแม่กลอง นั่งมอเตอร์ไซค์หรือเดินมาที่ท่าน้ำวัดบ้านแหลม ข้ามเรือมา แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์ (หรือเดิน) มาอีกทีหนึ่ง

นอกจากนั้นที่นี่ก็ยังมีบริการนั่งเรือไปอัมพวา ในราคาลำละ 900 บาทนั่งได้ 15 คน ออกตอน 16.00 น. ไปจอดที่ตลาดอัมพวาให้เดินเล่นช็อปปิ้ง จากนั้นก็นัดเวลากลับมาลงเรือ ไปชมหิ่งห้อยแล้วก้มาส่งที่ที่พักเวลา 20.00 น.ด้วยค่ะ (ซึ่งเราว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่พักที่นี่แล้วอยากเที่ยวอัมพวา แต่ขี้เกียจไปหาที่จอดรถ (อันโคตะระหายาก) น่ะนะคะ)

หรือถ้าใครอยากให้เรือพาไปไหว้พระ ก็สามารถค่ะ เพิ่มเงินเป็น 1500 บาท โดยเรือจะออกตั้งแต่ 13.00 น.เลยค่ะ แล้วก็ยังคงไปตลาดอัมพวาและชมหิ่งห้อยได้เหมือนเดิมด้วยนะคะ


และข่าวดีสำหรับผู้ที่ไปพักตั้งแต่ตุลาคมเป็นต้นไป จะมีแพ็คเก็จนั่งเรือให้ฟรีนะคะ (ซึ่งจะมีให้ยาวไปเลยค่ะ คุณต้องบอกว่ายังไม่ได้กำหนดว่าโปรนี้จะให้ถึงเมื่อไหร่ค่ะ) โดยต้องลงชื่อจองไว้ก่อนค่ะ แต่ที่ไปดูจากเฟซบุ๊คของเค้า เค้าบอกว่าใ้ห้สำหรับคนที่ไปพักวันเสาร์แฮะ ยังไงก็ลองสอบถามจากทางที่พักอีกทีเพื่อความแน่นอนแล้วกันนะคะ




ส่วนถ้าท่านใดขี้เมื่อย ก็มีบริการนวดแผนไทย ซึ่งคุณต้องเธอการันตีว่า นวดดีมาก (เสียดาย สามีติดงาน ไม่งั้นจะค้าง 3 วัน 2 คืนครบตามที่ทางเดอะเลจเจนด์เสนอให้ค่ะ) ก็ตกคอร์สละ 400 บาทค่ะ นวดราวๆ 2 ชั่วโมง








ข้อด้อย



ความแตกต่างระหว่างห้องพักในส่วนที่บางห้องมีห้องน้ำในตัว บางห้องไม่มี แต่นั่นก็เป็นด้วยโครงสร้างเดิม ที่คนโบราณจะไม่นิยมสร้างห้องน้ำในห้องนอน เนื่องด้วยความชื้นค่ะ ซึ่งก็พอรับได้ในเหตุผล แต่คนที่ไปพักต้องทำความเข้าใจตรงนี้ด้วยน่ะนะคะ

แล้วก็..ห้องไม่ค่อยเก็บเสียงนักค่ะ ทั้งเสียงจากภายนอกที่จะเข้ามาในห้อง และเสียงจากในห้องที่ออกไปข้างนอก เพราะงั้นถ้าใครที่ชอบคุยเสียงดังๆ เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ถ้ามาพักที่นี่ก็ต้องเพลาๆ เสียงหน่อยนะคะ แหะๆ


การบริการบางอย่าง ยังมีตกหล่นบ้าง เช่น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ยกกระเป๋า ที่ตอนเช็คอิน แฟนเราต้องหิ้วมาเองจนถึงอาคารเรือนแม่กลอง ส่วนตอนขาออก แฟนเราก็หิ้วไปจนถึงล็อบบี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ทำงานแถวนั้นจึงได้กุลีกุจอมาช่วยค่ะ หรือตอนกินข้าว ก็มีต้องทำมือไม้เรียกหลายครั้ง พนักงานจึงจะเห็น

ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะพนักงานน้อยด้วยค่ะ เพราะมีพนักงานประจำแค่ 8 คน และจ้างรายวันอีก 1 คนแค่นั้นเองน่ะนะคะ ซึ่งในเรื่องนี้ถ้ามองว่าเป็นที่พักเล็กๆ สไตล์กันเอง แล้วไม่คิดมากอะไรก็ไม่ใชุ่จุดเสียอะไรมากมายนะคะ

แล้วก็ตัวอาหารเช้า คือ ไม่แน่ใจว่าสั่งเพิ่มได้มั้ยนะคะ เพราะโดยปริมาณถ้าแค่นี้ สำหรับบางคนอาจจะไม่ค่อยอิ่มนักอะค่ะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่กินจุๆ คาดว่าคงมีบ่นกันบ้างเป็นแน่แท้ แหะๆ


แล้วก็ในส่วนของน้ำก็อกที่อ่างล้างหน้าที่ห้องเรา ตอนเปิดใหม่ๆ จะมีกลิ่นเหมือนคลอรีนค่อนข้างแรงมากๆ ค่ะ (จนคุณชายเธอต้องเอาน้ำดื่มมาแปรงฟันแทนน่ะ) แต่พอตอนเช้า ก็เริ่มดีขึ้น หายไปค่ะ














ก็หวังว่ารีวิวนี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่คิดจะไปพักแถวๆ แม่กลองหรือกำลังหาที่พักสำหรับการไปเที่ยวอัมพวาบ้างนะคะ




















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

731724/5963/498
Create Date :06 ตุลาคม 2553 Last Update :6 ตุลาคม 2553 7:53:47 น. Counter : Pageviews. Comments :34