bloggang.com mainmenu search




สวัสดีค่ะ



หลังจากปล่อยรีวิวทริปเหนือไปแล้วกับที่พักที่แรก น่านบูติคโฮเต็ลที่ ลิงค์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)





วันนี้จะมาปล่อยรีวิวที่พักอีกที่หนึ่งก็คือ Le Meridien เชียงใหม่นะคะ (เสร็จจากรีวิวนี้ ที่จะรีวิวที่ห้องนี้ก็จะเป็นรีิวิวที่เที่ยวของเชียงใหม่ แพร่ น่าน น่ะค่ะ) dHเป็นที่พักอีกแห่งของเชียงใหม่น่ะนะคะ ซึ่งอย่างที่บอกไว้ในรีวิวที่แล้วว่าข้าพเจ้าได้ voucher พักฟรีมา เนื่องจากพาเพื่อนไปเลี้ยงใช้หนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า โดยจะต้องใช้ภายใน 31 ต.ค. 52 ก็เลยไปใช้มันซะวันสุดท้ายค่ะ ซึ่งก็จองล่วงหน้าราวๆ เอ่อ..5 เดือนได้มั้งนะ (ได้มาปุ๊บ โทร.จองปั๊บแหละค่า)


เริ่มจากตอนแรกคุณแฟนผู้ทำหน้าที่สารถีก็ถามว่า มันอยู่ตรงไหนหละ(คนถามนี่เป็นคนเชียงใหม่นะคะ ) เราก็เลยบอกไปว่าอยู่แถวๆ ไนท์บาซาร์ ตึกเหลืองๆ สูงๆ อ้ะ คุณแฟนก็เลยขับเข้าไนท์บาซาร์ไปค่ะ ตามนี้





















ทว่า..เว้ยเฮ้ย..หาทางเข้าไม่เจอ - -"

เลยต้องขับเลยไป มองตึกอย่างเว้าวอน



















ก่อนจะไปถึงสี่แยก แล้วก็วนไปทางขวา เลี้ยวขวาเลาะเลียบไปอีกทีก็เจอทางเข้าค่ะ เมอฯ จ๋า เจอกันจนได้ รถจอดเรียบร้อยปุ๊บ ก็เก็บภาพด้านหน้าโรงแรมมาก่อนเลย


เอิ่ม..เป็นอะไรกะเบียร์ยี่ห้อหนึ่งหรือเปล่าเนี่ย? (มีผู้รู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เลอฯ สาขานี่เจ้าของเดียวกับเีบียร์ช้างฮ่ะ รวมทั้งโรงแรมพลาซ่าเอทธินีที่กรุงเทพฯ ด้วย - ความรู้ใหม่เราเลยเนี่ย)




















ระหว่างที่ให้เจ้าหน้าที่ดูแลกระเป๋าสัมภารกทั้งหลาย คุณแฟนก็เอารถไปเก็บ

ส่วนข้าพเจ้านั้น ก็เดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อทำการเช็คอินค่ะ
























เช็คอินด้วยความราบรื่นเรียบร้อยดี ก็เก็บภาพบรรยากาศระหว่างรอคุณแฟนค่ะ

อืมม์...เกลียวได้อีก


























บาร์ใกล้ๆ ล็อบบี้ค่ะ ไม่ได้จดมาว่าชื่ออะไรแฮะ เง่อ...






















ได้เวลาอันควรแล้ว ก็ขึ้นลิฟท์ไปกันค่ะ

ลิฟท์ที่นี่ต้องใช้คีย์การ์ดห้องพักเสียบก่อนกดชั้นที่เราพักนะคะ




















ทางเดินไปสู่ห้องพักค่ะ





















ห้องที่เราได้คือห้องเบอร์นี้นะคะ (ไม่แทงหวย เพราะไม่เคยถูก 555+)























การ์ดห้องใบแรกนี้เป็นลวดลายออกสีชมพูฮ่ะ

เวลาเข้าห้องก็เสียบบัตรเข้าไป เจอไฟเขียวก็เอาบัตรออก เปิดเข้าห้องได้ค่ะ



















ส่วนบัตรอีกใบ (เค้าให้ห้องละ 2 ใบนะคะ) บัตรลายออกสีดำๆ ค่ะ

เราใช้เสียบเพื่อให้ระบบไฟทำงาน (ที่นี่ไม่มีการ์ดเสียบระบบไฟต่างหากเหมือนที่อนันตรา ตรังค่ะ)
























เจ้าหน้าที่ที่มาส่ง หลังจากทำการเปิดประตู เรียบร้อยแล้ว

ก็เอาขาตั้งมาจัดการกางออก วางกระเป๋าให้ด้วยความรวดเร็วฉับไว ปานกามนิตหนุ่ม

เร็วจนเหมือนกระเป๋าข้าพเจ้าไม่หนักเลยแม้แต่น้อย หุๆ






















เอิ่ม..ลืมให้ดูค่ะ ตอนเช็คอินเค้าจะให้เอกสารมาอย่างนี้นะคะ (ให้บัตรเครดิตเพื่อรูดประกันค่าเสียหายด้วยนะคะ)


















เปิดออกมาก็จะเจอเช่นนี้





















มาดูห้องพักกันดีกว่า แท้แด...





















ไม่กว้างมากนักนะคะ แต่ก็ไม่เล็กขนาดฮ่องกงค่ะ

ใกล้ๆ กับหน้าต่าง (ที่เปิดไม่ได้ บ่มีระเบียงเด้อ) มีเดย์เบด (ใช่เปล่าหว่า เหอๆ) ให้นั่งนอนเล่นด้วยค่ะ




















ปลายเตียงฮ่ะ

ทีวีจอแบนแบบติดผนัง เพื่อไม่ให้เปลืองเนื้อที่ (ซึ่งไม่ได้มีเยอะนัก )

โต๊ะทำงานก็เป็นโต๊ะเครื่องแป้งไปด้วยในตัวฮ่ะ




















ที่โต๊ะข้างเตียงนอน มีสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ โทรศัพท์ และนาฬิกาที่ตั้งปลุกได้
(แต่ไม่ได้ใช้ค่ะ เลยไม่รู้ว่าตั้งปลุกยังไง แหะๆ)















ส่วนกระดาษยาวๆ ลายสวยๆ ในรูปคห.บนนั้น

เมื่อพลิกออกมา ก็จะเจอข้อความอย่างนี้ (อ่านกันเองนะคะ)





















น้ำดื่ม Evian ที่อยู่ตรงติดๆ กับเดย์เบด ไม่ฟรีนะคะ





















ส่วนนี่สิคะ คุณค่าที่ดิฉันคู่ควร

ฟรีฮ่ะ มี 2 ขวด ตราช้างอีกแล้วแฮะ (ก็เจ้าของเค้าคนเดียวกันน่ะนะ) พร้อมกับกระติกใส่น้ำแข็งนะคะ






















ชา กาแฟ กระติกน้ำร้อน และกาสำหรับชงกาแฟค่ะ (ซึ่งเกิดอาการชำรุดเล็กน้อย ตัวกรองมันหลวมค่ะ ต้องโทร.ไปแจ้งให้เขามาเปลี่ยนให้ แหะๆ)
















กาแฟยี่ห้อ Bon Cafe ส่วนชาที่นี่เป็น Dilmah ค่ะ ซ่อนอยู่ในกล่องดำๆ ตามรูปข้างบนน่ะนะคะ



















ดูรายละเอียดของชาและกาแฟที่มีให้นะคะ

ชาจะมีอูหลง เพียวคาโมไมล์ เอิร์ลเกรย์แล้วก็เซนชะค่ะ

กาแฟก็แพ็คเก็จตามนี้นะคะ




















มาดูในตู้เสื้อผ้ากันบ้างดีกั่ว

มีที่รองรีดให้ (เป็นที่ดีใจแก่ฝาละมีข้าพเจ้ายิ่งนัก) เสื้อคลุม และไฟฉายย่อส่วน (มุขคนแก่อีกแระ)























มีที่รองรีดก็ต้องมีเตารีดสิเนาะ เป็นเตารีดไอน้ำค่ะ และ Safe Box





















slippers ฮ่ะ อ่านด้วยนะฮะ เอากลับไม่ได้ค่ะ 200 บาทต่อคู่เด้อ

ที่นี่ถ้าต้องการอะไร ก็กดโทรศัพท์ที่ปุ่ม service เป็นหลักนะคะ (การขอน้ำแข็งก็ด้วยมั้งคะ ถ้าจำไม่ผิดนะ)



















ถุง laundry ค่ะ ข้างล่างนี่รู้สึกว่าจะเป็นที่ขัดรองเท้านะคะ





















ไปสำรวจห้องน้ำกันบ้างดีกว่า

ประตูห้องน้ำของที่นี่ทำเป็นกระจกเต็มตัวค่ะ เหมาะกับการส่องดูความเรียบร้อยทั้งตัวก่อนออกไปปรากฏโฉมเป็นอันมาก





















มองไปทางซ้ายมือก็จะเจอตู้ shower อยู่ติดกับอ่างอาบน้ำเลย (ซึ่งทำให้อ่างเล็กกว่าที่ควรเป็นอันมาก แต่ก็เหมาะกับหุ่นสเมิร์ฟอย่างข้าพเจ้าอีกเช่นกัน) จะเห็นว่าห้องน้ำกับห้องนอนมองทะลุกระจกเห็นกันได้นะคะ สยิวกิ้วกันเรยทีเดียว


แต่ข้างบนก็จะเห็นว่ามีม่านปิดให้ด้วยฮ่ะ แหะๆ




















เอาไว้อาบน้ำยั่ว (โมโห) คนข้างนอกได้อยู่ค่ะ























อ่างล้างหน้าค่ะ ตื้นไปหน่อยง่ะ น้ำกระเซ็นออกมากันเรยทีเดียว

อีกอย่างก็คือ ด้วยความที่พื้นรอบนอกอ่าง มันคือที่วางของด้วยใช่มั้ยคะ? แล้วเวลาเราทำสบู่เปื้อนตรงก็อกน้ำของอ่างล้างหน้า แล้วเอาน้ำรดเพื่อล้างเนี่ย น้ำก็ไหลเจิ่งเปียกของที่วางอยู่ด้วยกันเรยทีเดียวฮ่ะ (เราว่าควรแก้ไขนะคะ แต่ไม่รู้จะแก้ไขยังไงได้แค่ไหนเหมือนกัน แหะๆ)


ข้างๆ ก็มีน้ำเปล่าฟรีอีก 2 ขวดนะคะ



















amenities kit ค่ะ

Body Lotion Sanitary bag แล้วก็อีกกล่องหนึ่ง เดี๋ยวจะเปิดให้ดูนะคะ



















ก็มี shower cap ค่ะ (มีให้อันเดียวอีกแล้วง่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงทั้งคู่ทำไงเนี่ย) คัตตอนบัด ที่ตะไบเล็บและสำลีแผ่นค่ะ





















ส่วนด้านล่างของอ่างอาบน้ำจะมีแผ่นกันลื่นกับถุงใส่ไดร์เป่าผมอยู่ค่ะ





















กล้องแพนไปทางขวา จะเจอโถสุขภัณฑ์ (เอ..จากรูป ดูเหมือนไม่มีสายชำระฤา?)

โทรศัพท์อีกเครื่อง เืผื่อใครโทร.มาขณะทำธุระอยู่น่ะนะคะ





















ในตู้ shower ก็มีทั้ง rian shower และ shower ปกตินะคะ

การเปลี่ยนระหว่าง 2 แบบนี้ก็กดตรงปุ่มที่ยื่นๆ ออกมาเหนือที่เปิดน้ำในภาพซ้ายมือน่ะค่ะ



















amenities ที่วางอยู่บนชั้นในตู้ shower ค่ะ

























เอ่อ...ลืมให้ดูความกว้าง (แคบ) ของห้องน้ำว่า..ประมาณนี้นะคะ


















อ้อๆ เสน่ห์อีกอย่างของที่นี่ก็คือ ในห้องน้ำจะมีตัวให้เปิดลำโพงฟังด้วยค่ะ

ถ้าเกิดกำลังดูบอลติดพัน แล้วเกิดอยากทำธุระอันสำคัญยิ่งขึ้นมา ก็ยังพอฟังเสียงพากย์ได้นะคะ






















ออกมาสำรวจข้างนอกต่อดีกว่า แน่นอนว่าที่จะหาต่อไปก็ตู้เย็นสิคะ

นี่เอง..จุดต้องสงสัย ตรงดิ่งไปทันใด


















ก็..ไม่มากไม่น้อยนะคะ



















ส่วนตู้เล็กๆ ข้างๆ ตู้ที่มีตู้เย็นก็จะมีของมึนเมาฮ่ะ

























และแก้วต่างๆ (เอิ่ม...เบลอได้อีก เบลอได้อีก)



















มาซุกซนหาข้อมูลอย่างอื่นต่อกันดีกว่าค่ะ มามะ




















เปิดออกมา เผื่อใครจะเขียนจดหมายหาผู้ใดนะคะ (ว่าแล้วก็..ได้รับจดหมายที่เป็นกระดาษจากเพื่อนกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันคะ?)



















นอกจากนั้น บนเตียงก็มีเจ้านี่อยู่ด้วยค่ะ






















เอกสารชุดแรก


















ตัวที่พิมพ์ว่าไร้ขีดจำกัดนี่คือการบริการต่างๆ ที่ทางโรงแรมจัดให้นะคะ (ตรู ลืมกดมาโครหรือฟระนี่)




















อ้ะ..ถ่ายแบบประชิดให้เห็นชัดๆ






















ถ่ายห้องพักกลับไปให้ดูภาพโดยรวมอีกทีค่ะ






















เสน่ห์อีกอย่างคือ ตัวคีย์การ์ดที่ให้นี่เป็นผลงานการออกแบบของศิลปินด้วยนะคะ

มีรายละเอียดบอกไว้ด้วยน่ะ
























ส่วนตัวเอกสารที่มีเครื่องหมายคำถามนั้น...





















ข้้างในจะมีบอกว่า ส่วนบริการต่างๆ ของโรงแรมมีอะไรบ้าง อยู่ที่ไหนน่ะค่ะ













แถมยังมีแผนที่เชียงใหม่ และจุดท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆ ด้วยค่ะ





















ลิฟท์ที่นี่มี 5 ตัวนะคะ แต่เร็วดีค่ะ ไม่ค่อยต้องรอนานเท่าไหร่






















ด้านล่างจะเป็นห้องอาหารเช้าด้วยนะคะ (ชั้นล็อบบี้) ชื่อเหมือนห้องอาหารที่เลอฯ กรุงเทพฯ หละค่ะ

Latest Recipe





























ตื่นมายามเช้าก็ไปเก็บภาพที่สระว่ายน้ำมาให้ค่ะ

กดลิฟท์ไปชั้นสี่ค่ะ





















ก่อนจะเดินออกไปสระว่ายน้ำ มองไปทางขวามือ จะเป็นฟิตเนสค่ะ





















ส่วนฝั่งซ้ายเป็นสปานะคะ





















ไปดูสระว่ายน้ำกันดีกว่าค่ะ ฝั่งซ้ายมือนี่ถ้าจำไม่ผิด เป็นสระเด็กค่ะ




















ฝั่งขวาเป็นสระผู้ใหญ่






















เป็นสระที่วิวสวยค่ะ ว่ายไปดูภูเขาไป เห็นที่วงๆ ไว้มะคะ