bloggang.com mainmenu search



หากยังจำกันได้เมื่อวันสุดท้ายของปีที่แล้ว
ผมเขียนถึงหนังเรื่อง ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู
ปีนี้หนัง GTH ที่น่าสนใจก็คงไม่พ้น freelance
แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าโรง ผมก็เปลี่ยนใจเดินกลับออกมา

ความคิดแวบนั้นในหัวสมองก็คือ จะโดนหลอกอีกไหมเนี่ย
ว่าแล้วก็ชักเท้าเดินกลับออกมา หลังจากนั้นก็มาอ่าน pantip
ก็เป็นไปดังคาด กระแสวิจารณ์ออกไปในทางลบ
ว่าตลกเท่าที่มีใน trailor โชคดีนะเราที่ไม่ได้เสียตังค์เข้าไปดู

13 พ.ย. 2558 บุษบา ดาวเรือง บ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)
นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ น.ส.จินา โอสถศิลป์, นายจิระ มะลิกุล
และ นายยงยุทธ ทองกองทุน ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อชี้แจง
รายละเอียดของกระแสข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการยุบค่ายหนังชื่อดัง

ประมาณช่วงกลางปีที่ผ่านมาเราทั้งห้าคนได้มีการพูดคุยปรึกษา
เกี่ยวกับทิศทางการเติบโตของบริษัท ซึ่งทางไทเอนเตอ์เทนเม้นท์
มีความเห็นว่าต้องการที่จำนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
แต่ขณะเดียวกันทาง หับ โห้หิ้น บางกอก ก็เห็นว่าบริษัทยังไม่พร้อม
จีเอ็มเอ็มแกรมมี่มองเห็นข้อดีของการพัฒนาบริษัทไปในสองทิศทาง

เมื่อผู้ถือหุ้นมีเป้าหมายที่ไม่ตรงกันเราก็มองว่าอาจจะนำมาซึ่งปัญหา
ในการบริหารจัดการ และก็จะส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต
ดังนั้นพอเรามองเห็นว่าความเห็นเป็นเช่นนี้เราก็น่าจะที่จะตัดสินใจยุติ
การดำเนินงานของบริษัทจีทีเอช โดยจะมีผลในวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้

และนั่นคือถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการของทั้งสามหุ้นส่วน
แต่ข่าวงในที่เขียนโดย ฟ้า พูลวรลักษณ์ ในประชาชาตินั้นต่างออกไป



ใจความสำคัญคือ จุดกำเนิดของ GTH มาจากการที่
แกรมมี่ มีเงิน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำหนัง
หับโหหิ้นมีบุคลากร ในการสร้างภาพยนตร์ แต่ไม่มีคนรู้จัก
คนที่มีชื่อทำหนังจนประสบความสำเร็จคือไท เอนเตอร์เทนเม้นท์
พวกเค้าจึงมารวมตัวกันในอัตราส่วน 51: 19: 30

ระยะเวลาผ่านไป GTH เริ่มทำหนังอย่างประสบความสำเร็จ
โดยหนังที่ทำเงินมักจะมาจากกลุ่มที่มีหุ้นน้อยที่สุด คือหับ
นอกจากนั้นบุคลากรเองก็อยากจะเข้ามามีส่วนแบ่งจากหุ้น
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการยกเลิกการทำหนังในนาม GTH

ไม่มีใครรู้ว่าข้อเท็จจริงนอกจากพวกเค้าเองทั้งหมด
แต่สิ่งที่ดูจะเป็นการยืนยันข่าวเบื้องลึกเบื้องหลังนี้ก็คือ
การแถลงข่าวเปิดตัวบริษัทใหม่เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558
ในนาม GDH559 ที่ไม่มีไท เอนเอตร์เทนเมนท์อีกต่อไป

โดยมีอัตราส่วนการถือหุ้น 51% โดย บ. แกรมมีเช่นเดิม
อีก 49% นั้นเป็นของหับโหหิ้น 49% โดยถือในนามบริษัท 15%
และเป็นผู้บริหาร ผู้กำกับ ดารา 34%

ไม่ว่าเรื่องจริงนั้นจะเป็นอย่างไร GTH ก็ยังคงต้องปิดตัวไปอยู่ดี
น่าเสียดายถ้าเราจะไม่ได้ดูหนังที่เกือบจะเป็นเรื่องสุดท้ายในนาม GTH



ก็อย่างที่คำวิจารณ์ว่า มุกตลกก็มีแค่ในตัวอย่าง แถมนางเอกก็ออกน้อยมาก
หนังเน้นไปที่ชีวิตหมาไล่เนื้อของฟรีแลนซ์ซึ่งก็คือพระเอกของเรื่อง
ที่ต้องพยายามรักษามาตรฐานเพื่อที่จะได้มีงานให้ทำไปตลอดเวลา
ซึ่งแตกต่างไปจากชีวิตเช้าชามเย็นชามในแบบของมนุษย์เงินเดือน

ผู้กำกับที่เรียกได้ว่าเป็นคนทำหนังอินดี้ใช้มุมกล้องที่น่าเบื่อ
เหมือนกับใช้กล้องตัวเดียวเดินถ่าย โยกไปมาเหมือน reality
แต่ผมมองข้ามสองเรื่องนี้ไป โดยจับไปที่บทและการดำเนินเรื่อง
หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ตามาตรฐานที่ควรจะเป็นของ GTH

แน่นอนว่าเป็นหนังสูตรสำเร็จที่คาดเดาเนื้อหาและตอนจบได้
แต่มันก็ให้แง่คิดมากมายในระหว่างที่ดู ชีวิตคนเรามันก็เป็นเช่นนี้
ดูเหมือนอย่างที่คนเก่าเล่าว่า เราทุกคนล้วนเกิดมาใช้กรรม
ความสุขเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ล่อลวง

แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเราได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้เสียแล้ว
การหาสมดุลระหว่างการทำงานเพื่อหาเงินและการใช้เงินเพื่อหาความสุข
เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องหามันให้พบเจอ เพราะเราไม่สามารถจะละทิ้งสิ่งใดไป
ในหนังมีประโยคหนึ่งซึ่งโดนใจมาก คือคำพูดจากหมออิมกับพระเอกที่ว่า

ทำไมนายถึงบอกว่าไม่กลัวตาย นายไม่มีคนที่นายที่รักเลยหรือ

สำหรับผมหนังเรื่องนี้ดูสนุกดีนะ
Create Date :04 มกราคม 2559 Last Update :5 มกราคม 2559 15:08:19 น. Counter : 1099 Pageviews. Comments :5