Nankyoku Tairiku : Kami no Ryouiki ni Idomunda Otoko to Inu no Monogatari
10 ปีหลังการพ่ายแพ้ในสงครามโลก ประชาชนญี่ปุ่นยังคงยากลำบาก
ภายใต้ร่มเงาของสหรัฐอเมริกาในการทำให้ชีวิตนั้นอยู่รอด
ผู้คนต่างทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้กลับมารุ่งเรือง
หวังที่จะลบภาพพจน์ของประเทศที่พ่ายแพ้ให้ออกไปจากความทรงจำให้ได้
Kuromochi Takeshi นักธรณีวิทยาผู้นำทีมปีนเขาเพื่อการสำรวจมาหลายครั้ง
เป็นตัวเทนเข้าร่วมประชุมนานาชาติวาระพิเศษเพื่อสำรวจทวีปแอนตาร์กติกา
ญี่ปุ่นเป็นชาติเดียวในเอเชีย และก็เป็นประเทศที่พ่ายแพ้สงครามที่ประกาศว่า
ต้องการจะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวท่ามกลางความกังขาของประเทศอื่น ๆ
เขตพื้นที่ที่ญี่ปุ่นได้รับมอบหมายให้สำรวจนั้นเป็นพื้นที่อันเรียกว่า
Inaccessible เพราะต้องเผชิญทั้งอุณหภูมิที่ติดลบกว่า 50 องศา
และพายุหิมะกระหน่ำด้วยความเร็ว 100 เมตรต่อวินาที
แต่อย่างไรก็ตามไม่มีที่ให้ถอยหลังกลับ เพราะนี่คือโอกาสที่จะแสดงให้
นานาอารยะประเทศเห็นว่าญี่ปุ่นมีศักยภาพที่เท่าเทียมกับชาติอื่นในโลก
เมื่อกลับมาที่ญี่ปุ่น ทาเคชิเสนอโครงการมูลค่า 500 ล้านเยนนี้ต่อรัฐบาล
แต่ไม่มีใครสนใจเนื่องจากไม่ใช่เรื่องที่ควรทำในเวลาที่มีสิ่งอื่นที่สำคัญมากกว่า
ประชาชนจำนวนมากยังคงดิ้นรนเพียงเพื่อให้มีข้าวพอที่จะประทังชีวิตไปวันๆ
แต่ทาเคชิไม่ย่อท้อ เค้าติดต่อรุ่นพี่ที่เป็นนักข่าวเพื่อขอรับบริจาคในหนังสือพิมพ์
อีกครั้งที่ทาเคชิพยายามติดต่อกระทรวงการคลังเพื่อขออนุมัติโครงการสำรวจ
แต่คำตอบที่ได้นั้นยังเป็นเช่นเดิม ในเวลาที่เค้าคิดที่จะล้มเลิกความตั้งใจ
ได้มีมือน้อยๆ ขะมุกขะมอมยื่นเหรียญเงินบริจาคเหรียญแรกใส่มือทาเคชิ
และนั่นคือกำลังใจที่สำคัญที่จะทำให้เค้ามุ่งมั่นโครงการนี้ต่อไป
Karafuto Sled Dogs - Tokyo, Japan
//www.waymarking.com/waymarks/WMAE45_Karafuto_Sled_Dogs__Tokyo_Japan
โครงการนี้กลายเป็นความฝันของเด็กทั่วประเทศ (ขอเช็ดน้ำตาหน่อยนึงก่อน)
มีการตั้งกล่องรับบริจาคในโรงเรียนเพื่อนำเงินไปใช้ในการสำรวจครั้งนี้
ท้ายที่สุดก็ได้รับความสำคัญจากรัฐสภาจนกลายเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติ
อันจะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้นานาชาติเห็นการฟื้นตัวของประเทศญี่ปุ่นหลังสงคราม
สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาเรือตัดน้ำแข็งที่จะพาทีมสำรวจไปให้ถึงทวีปน้ำแข็ง
แต่เรือทุกลำถูกเช่าไปใช้งานจนหมดสิ้น ประเทศญี่ปุ่นเหลือทางเลือกเดียว
คือการนำเรือตัดน้ำแข็งเก่าที่ถูกดัดแปลงไปเป็นเรือขนส่งในสมัยสงครามมาใช้
Soya หรือเรือแห่งปาฏิหาริย์
สิ่งต่อไปที่ต้องจัดหาคือพาหนะที่จะใช้ในการสำรวจ ซึ่งเทคโนโลยี่ที่มีก็ไม่อาจไว้ใจ
ดังนั้นพวกเค้าจึงเลือกที่จะย้อนกลับไปในการสำรวจครั้งแรกๆ ที่ใช้สุนัขลากเลื่อน
สายพันธุ์ที่สามารถทนทานต่อสภาพภูมิอากาศสุดขั้วได้ก็คือ Sakhalin Husky
ทาเคชิต้องมุ่งสู่เกาะฮอกไกโดเพื่อรวบรวมสุนัขสายพันธ์หายากนี้ให้ครบตามที่ต้องการ
หลังจากเตรียมการ 10 เดือน ผ่านอุปสรรคนานานัปการ เดือนกุมภาพันธ์ 1957
เรือตัดน้ำแข็ง Soya นักสำรวจ 11 คน และสุนัข 15 ตัว ก็ออกเดินทางเพื่อทำภารกิจอันยิ่งใหญ่
คำเตือน
Nankyoku Tairiku เป็นซีรี่ย์ฟอร์มยักษ์สร้างในวาระที่ TBS ครบรอบ 60 ปี
เป็นการสร้างจากเรื่องจริง ที่เคยสร้างเป็นหนังฮออลีวูดในชื่อ eight below
เนื้อเรื่องมีความโศกนาฏกรรมที่เกี่ยวกับสุนัข คนที่ใจอ่อนไม่แนะนำให้ดูเป็นอย่างยิ่งSōya is opened for visitors, exhibited at the Museum of Maritime Science at Odaiba.
//muza-chan.net/japan/index.php/blog/soya
เรือ Volochaevets เป็นเรือสินค้าตัดน้ำแข็ง ถูกสร้างขึ้นในปี 1936 หนึ่งในเรือชุด
จำนวนสามลำที่ถูกต่อขึ้นเพื่อใช้แลกกับทางรถไฟสายแมนจูเรียใต้ของโซเวียต
ที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองในช่วงทำสงครามกับประเทศจีน จากอู่ Matsuo shipyard
เกาะ Koyagi เมือง Nagasaki แต่เนื่องจากความตึงเครียดก่อนสงครามโลกได้ก่อตัว
เรือลำสุดท้ายจึงไม่ถูกส่งมอบให้โซเวียต
กุมภาพันธ์ 1938 บริษัท Tatsunan Kisen ได้ซื้อเรือนี้ไป โดยถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Chiryō Maru
พฤศจิกายน 1939 ใกล้เข้าสู่สงครามโลก เรือลำนี้ถูกเรียกใช้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรือ
กุมภาพันธ์ 1940 หลังสงครามได้เกิดขึ้นได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Soya ใช้เป็นเรือลำเลียงสัมภาระ
มกราคม 1943 ถูกยิงด้วยตอร์ปิโดจากเรือ USS Greenling
กุมภาพันธ์ 1944 ถูกโจมตีจากเครื่องบินของกองกำลังเฉพาะกิจที่ 58
ครั้งนี้มีลูกเรือเสียชีวิต 10 คน แต่มันก็สามารถกลับญี่ปุ่นจนได้
แต่ก็เสียหายมากจนต้องถูกระงับการใช้งาน
หลังสงครามมันถูกเปลี่ยนมาเป็นเรือบรรทุกสินค้าอีกครั้ง
และได้รับชื่อเล่นว่า Santa Claus of the Sea
ในปี 1956 ได้รับการซ่อมแซมและเพิ่มส่วนดาดฟ้าเก็บเฮลิคอปเตอร์
เพื่อนำมาใช้ในภารกิจสำรวจทวีปแอนตาร์กติกาจนถึงปี 1962
หลังจากนั้นก็กลับไปทำหน้าที่เรือช่วยชีวิตของหน่วยชายฝั่งที่ฮอกไกโด
1978 ถูกปลดระวางและนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล กรุงโตเกียวจนถึงปัจจุบัน
ดีจัง ได้อ่านอะไรอย่างนี้
สิงคโปร์นี่...เค้าเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ จริงๆ ค่ะ ถมที่และสร้างโน่นนี่ไปเรื่อยๆ เหอๆ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 5 มีนาคม 2555 17:27:34 น.
เรื่องสงสารคนขับอ่านให้เขาฟัง เขาก็หัวเราะหึหึค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat 5 มีนาคม 2555 20:46:47 น.
เข้าใจนำมาฝากอ่านได้ความรู้เพียบค่ะ
โดย: อุ้มสี 5 มีนาคม 2555 23:11:17 น.
แต่ญี่ปุ่นก็สามารถทำได้^^
ดูได้ถึงกลางเรื่องแล้วค่ะ สารภาพว่าดูเพราะเป็นแฟนคลับ ทาคุยะ (หลงรักรอยยิ้มและท่าเดินตรูดบิด)
กำลังคิดอยู่ว่าจะรีวิวซัรีย์เรื่องนี้ค่ะ
เข้าๆมาอัพเดทดูว่ามีใครอัพซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องใหม่อะไรบ้าง ดีใจที่มีคนอัพเรื่องนี้ และชอบเรื่องนี้
ทีมงานคัดตัวนักแสดงได้ค่อนข้างเหมาะสมเลยทีเดียวว่ามั้ยคะ ^^
ชอบที่สุดก็น้องหมาทั้งหลาย แล้วก็เด็กๆนักเรียนที่โรงเรียนของนางเอก
ถึงแม้จะเป็นซีรีย์ที่อิงมาจากเรื่องจริงและหนักไปทางดราม่า แต่ก็ยังมีฉากฮาเล็กๆซ่อนอยู่
ตอนที่ทุกคนต่อคิวเข้าห้องน้ำ(นึกออกมั้ยคะ555)
ทีแรกไม่ชอบเพื่อนพระเอกคนที่มาสังเกตการณ์จากรัฐน่ะค่ะ แต่พอดูๆไป ก็เริ่มเข้าใจในเหตุผลได้
น้องหมาแสนรู้และน่ารักมาก
ริกิ Go Go Go !!!
โดย: nobuta wo produce 6 มีนาคม 2555 14:05:52 น.
แล้วค่อยๆ ยิ้ม
มันเป็นสเน่ห์ หรือตลก
อืม....นั่นน่ะสิคะ^^
มีหลายกระแสในหลายโพสเกี่ยวกับทาคุยะ
บ้างก็บอกว่าแสดงได้ดีชื่นชมอย่างนู้นอย่างนี้(อันรวมเราด้วยในนั้น^^)
บ้างก็บอกว่าป๋าแกเล่นตามบุคลิกของตัวเอง
จะบทไหนๆก็บุคลิกเดิม ไม่ได้แสดงความสามารถอะไรมากมายเล้ยยย
ก็นานาจิตตังล่ะค่ะ
เราก็ยอมรับความคิดที่ต่าง
สำหรับเราแล้ว เราคิดว่า ผู้กำกับที่จะคัดตัวนักแสดงในแต่ละเรื่องให้มารับบทบาทใดบทบาทหนึ่งก็คงจะต้องคิดแล้วว่า "มันเหมาะกับทาคุยะ"
สำหรับเรา ทุกเรื่องที่เค้าแสดง
เรารักทุกตัวละครของทาคุยะค่ะ
ปล. ถึงแม้ในเรื่อง Nankyoku Tairiku (รวมถึงซีรีย์ในยุคหลังๆมานี่ป๋าแกจะดูแก่ลงมากก็ตาม555)
โดย: nobuta wo produce 6 มีนาคม 2555 22:43:11 น.
ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะไปเดือนไหนดี
โดย: addsiripun 8 มีนาคม 2555 12:09:27 น.