bloggang.com mainmenu search
โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง




(คำเตือน : บทความนี้เปิดเผยเนื้อเรื่องและตอนจบของภาพยนตร์ โปรดหาหนังมาดูก่อน หนังมีแผ่นลิขสิทธิ์หาซื้อ/เช่าได้ทั่วไปจ้ะ)



ช่วงปลายปี 2548 ประเทศไทยมีหนังสยองขวัญที่เกี่ยวกับ “ถ้ำ” เข้าฉายในเวลาไร่เลี่ยกัน นั่นคือ The Cave (2005, บรูซ ฮันต์) และ The Descent (2005, นีล มาร์แชล) ต่างกันที่ว่าเรื่องแรกเป็นผลผลิตจากฮอลลีวู้ด ส่วนเรื่องหลังเป็นหนังสัญชาติอังกฤษ (ถ้าจะมีอะไรที่เหมือนกันก็คงเป็นชื่อไทยที่เว่อร์พอๆกัน อย่าง “ถ้ำอสูรสังหาร” และ “หวีด มฤตยูขย้ำโลก” ตามลำดับ)

ตัวผมนั้นไม่ได้ดู The Cave แต่เท่าที่ฟังจากเสียงคนรอบข้างหรือตามอ่านเอาจากบทวิจารณ์ ผลออกมากลางๆ จนถึงค่อนไปทางลบ ส่วนใหญ่บอกว่ามันเป็นหนังที่ไม่มีอะไร เดินออกจากโรงก็ลืมไปหมดแล้ว กลับกันกับ The Descent ที่หลายคนบอกว่ามีประเด็นอะไรให้คิดมากมาย และการที่นิตยสารอย่าง Film Comment ยังมีบทความถึงหนังเรื่องนี้ ย่อมแสดงว่า The Descent คงไม่ใช่หนังดาดๆ แน่นอน

หนังเปิดเรื่องด้วยหญิงสาว 3 คน ซาร่าห์ จูโน่ และเบธ ล่องเรือท้าเสียวกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสามีและลูกสาวของซาร่าห์รอรับอยู่ที่ปลายทาง ฉากเปิดนี้ถือเป็นฉากที่บอกอะไรกับคนดูอย่างดีเยี่ยม เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ กับพฤติกรรมบางอย่างของตัวละคร เราสามารถเห็นภาพความสัมพันธ์ของสามสาวได้อย่างชัดเจน และยังรู้ด้วยว่าจูโน่เป็นชู้กับสามีของซาร่าห์

ระหว่างขับรถกลับซาร่าห์เองก็รู้สึกได้ถึงท่าทีแปลกๆ ของสามี แต่ยังไม่ทันจะถามไถ่อะไรกันชัดเจน รถของพวกเขาก็ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ซาร่าห์รอดตายหวุดหวิด แต่สามีกับลูกของเธอเสียชีวิต




หนังตัดมายังเหตุการณ์ใน 1 ปีถัดมา กลุ่มสาวๆ นัดรวมตัวกันอีกครั้ง (โดยมีสมาชิกเพิ่มมาอีกรวมทั้งสิ้นเป็น 6 คน) เพื่อจะไปออกทริปสำรวจถ้ำด้วยกัน ทุกคนพยายามทำตัวร่าเริงเพื่อให้ซาร่าห์สบายใจ แต่เราก็ยังเห็นว่าเธอยังไม่อาจลืมเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ เธอเปราะบางและหวั่นไหวต่อสิ่งรอบข้างได้ง่ายมากๆ อย่างไรก็ดี อารมณ์ของหนังในช่วงนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่น ทั้งหกสาวหลอกล้อกันอย่างสนุกสนาน บ้านพักเจือไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก

ในขณะซาร่าห์ดูอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม จูโน่ก็ดูจะแข็งแกร่งที่สุด บุคลิกของเธอออกจะเป็นผู้หญิงลุยๆ ไม่กลัวอะไรง่ายๆ ดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่เชี่ยวชาญการสำรวจถ้ำมากที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอทำตัวเป็นผู้นำตลอดการเดินทาง และที่สำคัญก็คือเธอเป็นตัวตั้งตัวตีของทริปครั้งนี้ด้วย

การผจญภัยในถ้ำดูจะเป็นไปด้วยดี ทั้ง 6 คนต่างตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามอันลึกลับของถ้ำแห่งนี้ จะมีปัญหานิดหน่อยตรงที่ซาร่าห์มองเห็น “บางสิ่ง” ที่ดูผิดแปลกประหลาดเป็นพักๆ แต่นั่นก็ดูจะไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมาย พวกเธอยังคงมุ่งหน้าลงลึกสู่ชั้นล่างของถ้ำต่อไป

จุดเริ่มต้นของความหายนะเริ่มขึ้น เมื่อซาร่าห์ดันไปติดกับช่องหินเข้า(ตรงนี้ก็เป็นการตอกน้ำความอ่อนแอของเธออีกครั้ง) ซาร่าห์รอดจากการถูกถ้ำถล่มทับอย่างหวุดหวิด แต่ซากหินก็ได้ปิดทางออกจนมิดสนิท พวกเธอทั้งหกจึงถูกขังในถ้ำไปโดยปริยาย …สมาชิกคนหนึ่งพูดด้วยความหวังว่าเดี๋ยวก็มีเจ้าหน้าที่มาช่วยพวกเธอแน่นอน แต่จูโน่ก็เปิดเผยความจริงอันน่าสะพรึงกลัวว่า ถ้ำแห่งนี้ไม่ใช่ถ้ำที่จูโน่เคยบอกเพื่อนๆ ไว้ แต่มันเป็นถ้าที่ยังไม่เคยมีใครมาสำรวจต่างหาก!

ช่วงกลางเรื่องของ The Descent ยังคงเป็นหนังแนวที่ให้คนดูลุ้นระทึกว่าพวกสาวๆ จะเอาชีวิตรอดออกจากถ้ำนี้ได้หรือไม่ สถานที่ปิดอันคับแคบ แสงเงามืดสลัวยิ่งสร้างความกดดันให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสถานการณ์ก็ยิ่งแย่หนักลงไปอีก เมื่อหนึ่งสมาชิกในกลุ่มเกิดขาหักขึ้นมา ในขณะเดียวกันซาร่าห์ก็พยายามบอกกับเพื่อนๆ ว่าเธอเห็นบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับ “คน”

ไม่กี่นาทีถัดมา เหล่าตัวละครและคนดูก็ได้ทราบพร้อมกันว่า สิ่งนั้นไม่ใช่คน แต่มันตัวประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว ที่บุกโจมตีพวกเธอโดยไม่รู้ตัว




จากจุดนี้ไป หนังเปลี่ยนแนวเป็นหนังสยองขวัญทันที สัตว์ประหลาดที่ว่าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปลิดชีพเหยื่อด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยม สภาพการณ์ในถ้ำเป็นพื้นที่จำกัด แถมยังมืดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้อารมณ์ระทึกของหนังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความสนุกของหนังยังอยู่ที่ลูกเล่นฉลาดๆ เช่น การที่ตัวประหลาดตาบอด แต่จับการเคลื่อนไหวของเหยื่อจากเสียง หรือฉากที่ตัวละครมองผ่านกล้องไนท์โหมดที่ทำเอาคนดูหายใจไม่ทั่วท้อง นอกจากนั้นการได้เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ขึ้นมาสู้อย่างไม่คิดชีวิตก็เป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ทีเดียว

อย่างไรก็ดี หาก The Descent มีความโดดเด่นเพียงด้านนี้ มันก็คงเป็นเพียง “หนังสัตว์ประหลาด” อีกเรื่องหนึ่งที่จะหลุดพ้นจากห้วงสำนึกของผู้ชมไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่น่าสนใจมากก็คือ หนังมีประเด็นที่เข้มแข็งมากกับการสำรวจ “ผู้หญิง”

การเดินเข้าถ้ำลึกเข้าไปเรื่อยๆ ก็เปรียบเหมือนการที่หนังเริ่มลงลึกสำรวจถึงจิตใจของตัวละครมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงในใจของซาร่าห์

จุดพลิกผันของเรื่องอยู่ที่ตอนที่จูโน่ทำร้ายเบธอย่างไม่ตั้งใจ เธอปล่อยเบธทิ้งไว้ (โดยอาจจะตั้งใจ หรือเข้าใจว่าเบธตายแล้ว) ภายหลังซาร่าห์มาพบกับเบธเข้า เบธบอกซาร่าห์ว่าอย่าไว้ใจจูโน่ (เราสังเกตได้ว่า เบธกับจูโน่ไม่ค่อยจะลงรอยกันนัก) ทั้งยังบอกความจริงเรื่องที่จูโน่เป็นชู้กับสามีของเธอด้วย สิ่งที่น่าตกใจก็คือ เบธขอร้องให้ซาร่าห์ทำ “การุณยฆาต” แก่เธอ

หลังจากนั้น ซาร่าห์เริ่มบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่หนีหัวซุกหัวซุน เธอเริ่มหันมาสู้กับพวกตัวประหลาด วีธีการต่อสู้ของเธอไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่า ราวกับว่าสัญชาตญาณดิบของเธอได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ส่วนทางด้านจูโน่นั้นก็ยืนยันกับเพื่อนว่าเธอจะไม่ออกจากถ้ำนี้เด็ดขาด ถ้าไม่มีซาร่าห์ไปด้วย ราวกับว่าเธอเริ่มจะสำนึกผิดที่พาเพื่อนๆ มาตายที่ถ้ำนี้ และอาจรวมถึงเรื่องที่เป็นชู้กับสามีของซาร่าห์ด้วย

การเปลี่ยนแปลงของซาร่าห์กับจูโน่ดูจะเป็นการสลับขั้วกันอย่างสิ้นเชิง โดยซาร่าห์จากเดิมที่ดูเป็นผู้หญิงอ่อนแอ พึ่งพาตัวเองไม่ได้ แต่ท้ายสุดเธอกลับดูน่ากลัวไม่ต่างอะไรกับสัตว์ประหลาดพวกนั้น ในขณะที่จูโน่ที่คนดูมองว่าเธอเป็นตัวร้าย ภายหลังเธอกลับพยายามช่วยเหลือเพื่อนและไม่ยอมทอดทิ้งซาร่าห์

มีอยู่ฉากหนึ่งที่อุปมาถึงการเปลี่ยนแปลงของทั้งสองคนได้อย่างน่าสนใจ นั่นคือ ฉากที่ทั้งคู่ตกลงไปในน้ำ ในขณะที่ซาร่าห์ตกลงไปบ่อน้ำสีแดงสด (เหมือนเลือด) จูโน่นั้นตกลงไปในน้ำใส (ซึ่งชวนให้นึกถึงพิธีศีลจุ่มล้างบาป) หรือถ้าสังเกตดูในช่วงท้ายของหนัง เราจะเห็นว่าซาร่าห์ถือคบไฟสีแดง (โทนร้อน) ส่วนจูโน่ถือไฟนีออนสีเขียว (โทนเย็น) ทั้งสองสียังเป็นสีที่ตรงข้ามกันด้วย



แผนภาพการกลับขั้วของ ซาร่าห์ และ จูโน่



ในที่สุด ถ้ำแห่งนี้ก็เหลือเพียงซาร่าห์กับจูโน่ที่ยังรอดชีวิต ทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง จูโน่ตกตะลึงกับสภาพของอีกฝ่าย จนหลุดปากออกมาว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ” เนื้อตัวของซาร่าเปรอะไปด้วยสีแดงฉานดั่งเลือด แต่อะไรก็ไม่เท่ากับสายตาของเธอ เพราะมันคือสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง (ต้องขอชื่นชม ชอว์น่า แม็กโดนัลด์ ที่ทำสีหน้าได้น่ากลัวมาก)

ทั้งสองร่วมกันต่อสู้กับเหล่ากองทัพตัวประหลาดอย่างดุเดือด แต่เมื่อเป้าหมายตายสิ้นไปหมดแล้ว ซาร่าห์กลับยังไม่หยุดแค่นั้น เธอจ้องมองจูโน่ด้วยสายตาที่ยากจะบรรยาย ฉากนี้เป็นฉากที่น่ากลัวเอามากๆ เพราะในขณะนั้น พวกสัตว์ประหลาดเข้ามารายล้อมซาร่าห์อีกระลอก แต่สำหรับตอนนี้ศัตรูของเธอคือ จูโน่ เท่านั้น

ซาร่าห์แผลงความอำมหิตที่ช็อคคนดูด้วยการทำร้ายเข้าที่ขาของจูโน่ ราวกับมุ่งหมายว่าจะไม่ให้หนีไปไหนได้ จากนั้นเธอก็วิ่งจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ซึ่งแท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น เพราะในฉากเปิดเรื่อง เราได้เห็นซาร่าห์แกล้งผลักจูโน่ตกน้ำ แต่เธอก็ไม่คิดจะหันกลับไปช่วยเพื่อนสักนิด ซาร่าห์เดินขึ้นฝั่งอย่างหน้าตาเฉย ส่วนคนที่ไปช่วยจูโน่กลับเป็นสามีของซาร่าห์

การกระทำของซาร่าห์ทำให้เราต้องนิยามคำว่า “สัตว์ประหลาด” กันใหม่อีกครั้ง เพราะหากลองนึกดีๆ ตัวประหลาดในหนังก็ล่าเหยื่อไปตามสัญชาตญาณของมัน พวกมนุษย์ด้วยซ้ำที่ไปบุกรุกพื้นที่ของมันเข้า แต่สิ่งที่ซาร่าห์ทำคือการทำลายเส้นแบ่งของมนุษย์กับสัตว์ประหลาด ความแค้นและความเกลียดชังทำให้หญิงสาวที่น่าทะนุถนอมราวกับนางฟ้าเปลี่ยนแปลงเป็นปิศาจเลือดเย็นได้ในที่สุด




หนังยังมีโมทีฟ (Motif - ภาพที่ปรากฏบ่อยครั้ง) ที่น่าสนใจคือ ภาพเค้กในงานวันเกิดลูกสาวของซาร่าห์ เพราะหนังพูดถึงการตายของจิตวิญญาณมนุษย์ และการเกิดใหม่ในคราบปิศาจของซาร่าห์ โพรงถ้ำยังชวนให้นึกถึงมดลูกของเพศหญิง โดยเฉพาะฉากที่ซาร่าห์หนีออกมาจากถ้ำพร้อมด้วยเลือดเปรอะไปทั้งร่าง ก็เหมือนเด็กเกิดใหม่ไม่มีผิด

ตอนจบของหนัง เราเห็นซาร่าห์เป็นผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวจากถ้ำแห่งนั้น แต่สภาพของเธอก็น่าสมเพชจนเกินพรรณนา และเมื่อกลับสู่โลกบนดินอีกครั้ง สิ่งที่รอเธออยู่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเอาเสียเลย อย่างไรก็ดี หนังเฉลยให้เราทราบว่านั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน ซาร่าห์ยังคงติดอยู่ถ้ำต่อไป ภาพลูกสาวที่เธอเห็นตรงหน้าเป็นเพียงภาพหลอน ทุกสิ่งทุกอย่างว่างเปล่า มีเพียงเสียงกรีดร้องชวนสยองของสิ่งมีชีวิตปริศนา

ราวกับว่าหนังต้องการฉายภาพให้เห็นว่าหลังจากนี้ไปไม่ว่าซาร่าห์จะอยู่เหนือพื้นดิน หรือใต้พื้นโลก เธอก็จะพบเพียงแต่นรกเท่านั้น

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะแท้จริงแล้วนรกอยู่ในใจของเธอต่างหาก




Create Date :19 กันยายน 2550 Last Update :19 กันยายน 2550 1:44:49 น. Counter : Pageviews. Comments :63