bloggang.com mainmenu search
by merveillesxx


Wheat Harvest (2008, Xu Tong, A++++++++++++)

หนังเรื่องนี้เป็นสารคดีตามติดหญิงสาวนาม หงเหมี่ยว (นามสมมติ)

หงเหมี่ยวกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อที่ป่วย เธอเอาเงินเก็บทั้งหมดให้กับทางบ้าน เหลือเงินติดตัวเพียงเล็กน้อย พ่อของหงเหมี่ยวสัมภาษณ์หน้ากล้องว่าลูกสาวตนเป็นคนเก่ง แต่เสียดายที่ไม่ได้เรียนสูงๆ เธอเป็นคนที่ถ้าตั้งใจทำอะไรจริงแล้วย่อมทำได้

ตัดภาพมาที่กรุงปักกิ่ง หงเหมี่ยวกำลังคุยโทรศัพท์ต่อรองกับลูกค้า จากนั้นเดินเข้าที่ทำงานนั่นคือซ่อง แหล่งทำงานที่เธอหาเงินไปรักษาพ่อ เธอนั่งเม้ามอยกับเพื่อนๆ โสเภณีสาวร่วมอาชีพ

เพื่อน 1 : ไอ้บ้านั่นโคตรเฮงซวย มันเอาชั้นทั้งคืนเลย

เพื่อน 2 : โอ๊ย ตอนมันเอากับชั้น มันก็เอาทั้งคืนเหมือนกันนั่นแหละ

เพื่อน 1 : หล่อนยังดี หล่อนยังได้หลับบ้างไง ซ่องที่นี่ฟังเสียงก็รู้หมดแล้วล่ะย่ะ ว่าใครทำอะไรท่าไหน แต่ชั้นเนี่ยไม่ได้นอนเลย มันกวนชั้นทั้งคืน!

ห่งเหมี่ยวไม่ได้ขายตัวด้วยความรัดทน หรือความดราม่าประการใด เธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่ควบคุมร่างกายและจิตของตัวเองได้แน่วแน่ที่สุดคนหนึ่งบนโลกใบนี้ ตลอดหนังทั้งเรื่องเธอดูไม่ยี่หระหวาดหวั่นต่อสิ่งใดทั้งสิ้น (กระทั่งถูกเพื่อนสนิทตีท้ายครัว) สิ่งเดียวที่สร้างความสะเทือนต่อเธอได้คืออาการป่วยของพ่อ

หงเหมี่ยวมีแฟนหนุ่มที่อยู่ห่างไกลกัน เขาทำงานเป็นหัวหน้าคนงาน นานๆ จะได้เจอกันสักที เขาโทรหาเธอบ่อย เพียงเพื่อแค่อยากได้ยินเสียงเธอ แต่บทสนทนาของทั้งคู่มักกลายเป็นการทะเลาะถกเถียงกัน หงเหมี่ยวบอกว่าเธอไม่อยากจริงจังกับความสัมพันธ์ใดๆ เพราะเธอเป็นคนจำพวก 'มีความสุขจากความเจ็บปวดของคนอื่น' แล้วท้ายสุดความสัมพันธ์ก็จบลงด้วยประโยคของแฟนหนุ่มที่ว่า "ขอโทษนะ ฉันเป็นได้แค่เพียงส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ เท่านั้นแหละ"

มีฉากหนึ่งที่ชอบมาก หงเหมี่ยว, เพื่อน และแม่เล้า ยกพวกกันทั้งซ่องไปเที่ยวบาร์ออฟหนุ่ม หนุ่มหล่อหน้าตาดีนั่งแนบข้างกายพวกเธอ หงเหมี่ยวบอกว่ามาที่นี่แล้วสนุกดี พวกเขาไม่รู้หรอกว่าเธอทำงานอะไร พวกเขาปฏิบัติกับเราเหมือนลูกค้าทั่วไป นี่ไม่ใ่ช่ความสัมพันธ์จริงจัง เป็นแค่เรื่องสนุก

่ช่วงหลังของหนังแสดงชีวิตอีกด้านของหงเหมี่ยว พ่อป่วยล้มป่วยหนักขึ้น เธอจึงอยู่ที่บ้านเกิดนานกว่าปกติ ซึ่งบังเอิญตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวพอดี แต่ฝนก็ตกหนักอย่างไม่หยุดหย่อน การเก็บพืชผลเป็นไปอย่างยากลำบาก

หลายฉากของ Wheat Harvest เราแทบลืมตัวตนของกล้องหรือผู้กำกับ ประหนึ่งเหมือนกล้องแทรกตัวอยู่ท่ามกลางสถานการณ์หรือวงสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ น่าสงสัยเหลือเกินว่าผู้กำกับ Xu Tong ใช้วิธีการอย่างไร ถึงทำให้ หงเหมี่ยว เปิดเผยตัวตนและเป็นธรรมชาติถึงขนาดนี้

ความรู้สึกถึงกล้อง และการตระหนักว่าคือ 'การถ่ายหนัง' กลับปรากฏขึ้นอย่างจงใจในฉากสุดท้าย ฉากอารมณ์ตึงเครียดของหงเหมี่ยวกับความเป็นความตายของพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นหนังยังตัดจบด้วยไร้บทสรุปใดๆ ไม่มีการขึ้นตัวหนังสือบอกความเป็นไปของหงเหมี่ยวหรือผู้อื่นๆ อีกทั้งไม่มีผู้กำกับมานั่ง Q&A ให้เราถามเพื่อสอดรู้สอดเห็นชีวิตของหงเหมี่ยว

หากเชื่อว่าหนังที่ปรากฏบนจอคือทั้งหมดทั้งมวลที่ผู้สร้างนำเสนอ มันก็คือช่วงชีวิตส่วนหนึ่งของหงเหมี่ยวและผู้คนหลากหลาย เป็นเศษเสี้ยวของเหตุการณ์หลากหลายบนโลกใบนี้ แต่เมื่อหนังจบ เราจะยังคงคิดถึงเรื่อวราวของพวกเขาต่อไป

ป.ล. ดูหนังเรื่องนี้จากงาน Salaya Doc Fest ดูรายละเอียดที่ //salayadoc.blog.com/

Create Date :25 มีนาคม 2555 Last Update :25 มีนาคม 2555 4:35:50 น. Counter : Pageviews. Comments :0