bloggang.com mainmenu search
สวัสดีครับ วันนี้จะพาไปชมพระราชวังที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนี ซึ่งในปีที่แล้วเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไปชม มากสุดเป็นอันดับที่ 13 ใน 100 อันดับ พร้อมแล้วเชิญติดตามได้เลยครับ



พระราชวังซ็องซูซี (Sanssouci) เป็นอดีตพระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 แห่ง ปรัสเซีย ตั้งอยู่ที่เมืองพอทสดัม(Potsdam)ในประเทศเยอรมนี สร้างโดยพระราชประสงค์ของพระเจ้า ฟรีดริช ระหว่างปี ค.ศ. 1745 ถึงปี ค.ศ. 1747 โดยมีจอร์จ เวนซเลาส์ ฟอน คโนเบิลสดอร์ฟฟ์ (Georg Wenzeslaus von Knobelsdorff) เป็นสถาปนิก สถาปัตยกรรมเป็นแบบโรโคโค



พระราชวังซ็องซูซีมักได้รับการเปรียบให้เป็นคู่แข่งของพระราชวังแวร์ซายส์ในประเทศฝรั่งเศส แต่ซ็องซูซีมีลักษณะที่เป็นส่วนตัวแบบโรโคโคและเล็กกว่าพระราชวังแวร์ซายส์ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรกมาก นอกจากนั้นยังประกอบด้วยวัดและสิ่งก่อสร้างตกแต่ง(follies)มากมาย ในสวนแบบภูมิทัศน์ คโนเบิลสดอร์ฟฟ์ออกแบบวังเพื่อให้เป็นที่ประทับพักผ่อนส่วนพระองค์ของพระเจ้าฟรีดริช เป็นที่หลบจากราชสำนักเบอร์ลิน ที่เต็มไปด้วยพิธีรีตองต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้จากชื่อของวังที่แปลว่า “ไกลกังวล” (บางคนแปลว่า "ไร้กังวล")ชื่อที่เป็นการเน้นว่าเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อน มิใช่สถานที่สำหรับการใช้อำนาจ ตัวพระราชวังไม่ใหญ่ไปกว่าคฤหาสน์ชั้นเดียว ห้องหลักของซ็องซูซีมีเพียงสิบห้อง ตัววังสร้างบนเนินกลางอุทยาน เพราะความที่ทรงมีอิทธิพลต่อการตกแต่งมากจนเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกกันว่า “โรโคโคแบบเฟรดริค” พระเจ้าฟรีดริชทรงมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทรงสร้างซ็องซูซีเพื่อเป็น “ที่ที่จะตายกับพระองค์” คโนเบิลสดอร์ฟฟ์ถูกปลดเมื่อปี ค.ศ. 1746 เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่ตั้งของวังเมื่อมองจากอุทยาน ต่อมา ฟาน โบมัน (Jan Bouman) สถาปนิกชาวดัทช์สร้างต่อจนเสร็จ



ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 พระราชวังซ็องซูซีเป็นที่ประทับของพระเจ้าฟรีดริช วิลเลียมที่ 4 ซึ่งทรงจ้างสถาปนิกลุดวิก เพอเซียส (Ludwig Persius) ให้บูรณะและขยายพระราชวัง ขณะที่เฟอร์ดินานด์ ฟอน อาร์นิม (Ferdinand von Arnim) เป็นผู้รับผิดชอบในการปรับปรุงพื้นที่และทิวทัศน์จากพระราชวัง เมืองพอทสดัมและพระราชวังซ็องซูซีเป็นที่โปรดปรานของเจ้านายเยอรมันจนเมื่อราชวงศ์โฮเฮ็นซอลเล็นมาสิ้นสุดลงเมื่อปี ค.ศ. 1918



หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พระราชวังนี้กลายเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนีตะวันออก หลังจากการรวมตัวระหว่างเยอรมนีตะวันออกและตะวันตกในปี ค.ศ. 1990 ร่างของพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ก็ถูกนำกลับมาฝังบนเนินที่ซ็องซูซีตามพระราชประสงค์เดิมของพระองค์ก่อนที่จะเสด็จสวรรคต พระราชวังซ็องซูซีและอุทยานได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1990 ภายใต้ชื่อว่า "พระราชวังและสวนแห่งพอทสดัมและเบอร์ลิน"

(ขอบคุณแหล่งข้อมูล : th.wikipedia.org)

การไปชมพระราชวังซ็องซูซีของทัวร์คณะผม จะเริ่มที่พระราชวังใหม่ แล้วจึงต่อไปที่พระราชวังเดิม รวมทั้งมีโอกาสเข้าไปชมภายในพระราชวังด้วย ผมจะเล่าให้ฟังตามลำดับนะครับ

รถโค้ชเข้ามาจอดในที่จอดรถแล้ว มีป้ายบอกทางไปยังอาคารจำหน่ายตั๋วเข้าชมพระราชวังและร้านจำหน่ายของที่ระลึก




เดินตรงเข้าไปเลย เข้าประตูกระจกอาคารสีดำตรงกลางภายในจะมีประตูเข้าไปยังร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่อยู่ทางด้านขวา และสามารถเดินทะลุออกไปอีกด้านหนึ่งได้




ออกมาก็จะพบส่วนของพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่




ด้านขวามืออีกอาคารหนึ่ง




กำลังปรับปรุงบูรณะอยู่




บนหลังคาของพระราชวังมีงานประติมากรรมมากมาย




ด้านหน้ามุข




ยอดโดมบนหลังคาเป็นรูปมงกุฎ




อีกอาคารหนึ่งที่อยู่ตรงข้าม








มีงานประติมากรรมงดงามบนยอดโดมเช่นเดียวกัน






ออกจากพระราชวังใหม่มาถึงพระราชวังเดิมแล้วครับ บริเวณที่รถจอดส่งพวกเราจะพบกังหันลมสวยงามหลังนี้ ยังสามารถใช้งานได้ ภายในเป็นร้านขายเครื่องดื่มและอาหารว่าง แต่ดูท้องฟ้าสิครับมีเมฆครึ้มไปหมด ดูท่าจะไม่รอดจากฝนเป็นแน่




ทางเดินผ่านเข้าไปยังสวนของพระราชวัง พบศิลปินคนนี้ พอเห็นพวกเราเขาเล่นเพลง “บัวขาว” ให้ฟังทันที (คงจะสังเกตว่าคณะของเรามี สว. อยู่หลายคน 555)




ผมขอนำแผนผังสวนและพระราชวังมาให้ชมก่อน เราจะเริ่มที่หมายเลข 1 เดินลงไปจากเนินเขาด้านบนตามเส้นสีแดง ผ่านลานน้ำพุด้านล่าง แล้วเดินย้อนกลับขึ้นมาทางด้านหน้าพระราชวัง เดินอ้อมไปทางขวาจนถึงหมายเลข 2 ที่อยู่ด้านหลัง เพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ภายในพระราชวัง




ผ่านแปลงดอกไม้สวยงามข้างทางเดิน




จนมาถึงลานน้ำพุ




ทิวทัศน์รอบ ๆ ลานน้ำพุ






รูปปั้นหินอ่อนสวยงามตั้งอยู่รอบ ๆ ลานน้ำพุ ส่วนหนึ่งจากทั้งหมด 12 ชิ้น






เราจะเดินขึ้นบันไดตรงกลาง เพื่อขึ้นไปยังด้านบน






เมื่อเข้ามาใกล้ ๆ จะสังเกตเห็นรั้วที่ทำเป็นลูกกรงเหล็ก อยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของบันได ที่ทาสีเขียวเป็นประตู ซึ่งมีตำนานเล่าว่ามีบางประตูเป็นประตูลับสำหรับเข้า-ออกจากวัง




ซี่ลูกกรงใช้เป็นค้างสำหรับต้นองุ่นนั่นเอง




เมื่อต้นองุ่นเติบโตเต็มที่ ทั้งสวนจะดูสวยงามแบบนี้ครับ (ภาพจากอินเทอร์เน็ต)




เดินสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง




เข้าใกล้ส่วนที่เป็นโดมของพระราชวังจนเห็นชื่อ SANC SOUCI ชัดเจนขึ้น






พระราชวังตั้งอยู่บนเนินเขา ภาพนี้ถ่ายเมื่อเดินมาทางขวามือก่อนที่จะอ้อมไปยังด้านหลัง




มีซุ้มตาข่ายทาสีเขียวทอดยาวไปยังพาวิลเลี่ยนทางขวามือ




เป็นพาวิลเลี่ยนที่ทำเป็นลูกกรงตาข่าย (Trellised Pavilion)




ใกล้ ๆ กัน เป็นที่ฝังพระศพของพระเจ้าฟรีดริช




เราเดินอ้อมมาทางด้านหลังพระราชวังแล้ว




ทางเดินด้านหลังพระราชวังในส่วนนี้มีลักษณะเป็นเสาคอลัมน์งดงาม ทำเป็นรูปครึ่งวงกลม






อ่างน้ำพุที่อยู่ในสวนด้านหลัง




ภาพด้านหลังพระราชวังซ็องซูซี




บริเวณทางเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ของพระราชวัง ต้องรอคิวเข้าชมภายในครับ




ค่าเข้าชมภายในพระราชวังไม่รวมค่าถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ถ้าต้องการบันทึกภาพจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม(คนละ 3 ยูโร แต่ถ้าเป็นหมู่คณะคิดเหมา 30 ยูโร) และไม่อนุญาตให้ใช้แฟลช มีไกด์ท้องถิ่นเข้าไปชมกับเราและอธิบายให้ฟัง(เป็นภาษาอังกฤษ)ด้วย ว่าแต่ละห้องเป็นอะไร แต่ขออภัยที่จำรายละเอียดไม่ได้จริง ๆ ขอนำภาพมาให้ชมก็แล้วกันนะครับ






















ขอปิดท้ายด้วยงานประติมากรรมหินอ่อนที่สวยงามภายในพระราชวังซ็องซูซี ภาพนี้



ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ.
Create Date :30 มิถุนายน 2557 Last Update :2 กรกฎาคม 2557 8:32:13 น. Counter : 5704 Pageviews. Comments :20