เสน่ห์ตุรกี : 7-พระราชวังทอปกาปิ เช้าวันที่ห้าในตุรกี วันนี้ผมอยู่ที่เมืองอิสตันบูลแล้ว มีกำหนดอยู่ที่เมืองนี้ 2 วัน อิสตันบูลเป็นอดีตเมืองหลวงของตุรกี (ปัจจุบันคือเมืองอังการา) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจึงมีสิ่งที่น่าสนใจและสวยงามมากมาย ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพดี ไม่เป็นซากปรักหักพังอย่างที่พบเห็นในเมืองที่ผ่าน ๆ มา และเช้าวันนี้เราจะไปชมพระราชวังทอปกาปิ เชิญติดตามไปด้วยกันครับ พระราชวังทอปกาปิ (Topkapi Palace) เป็นที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดยสุลต่านเมห์เม็ตที่ 2 แห่งอาณาจักรออตโตมัน เมื่อปี ค.ศ. 1478 พระองค์ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังทอปกาปิขึ้นบนพื้นที่ที่สามารถเห็นช่องแคบบอสฟอรัส โกลเด้นฮอร์น และทะเลมาร์มาราได้อย่างชัดเจน ในสมัยสุลต่านสุไลมาน ได้มีการต่อเติมพระราชวังแห่งนี้โดย ซีนาน (Sinan) สถาปนิกนามอุโฆษแห่งตุรกี อันเป็นที่มาของงานสถาปัตยกรรมแบบ ออตโตมันคลาสสิก จำนวนมากพระราชวังทอปกาปิ เคยเป็นที่ประทับของสุลต่านแห่งราชวงศ์ออตโตมันหลายพระองค์ เมื่อจักรพรรดิมาห์มุที่ 2 (ค.ศ.1808-1839) สิ้นพระชนม์ลง นับเป็นสุลต่านองค์สุดท้ายที่ทรงประทับอยู่ที่นี่ เพราะหลังจากนั้นสุลต่านองค์อื่น ๆ ก็นิยมที่จะประทับอยู่ที่พระราชวังสไตล์ ยุโรปที่โดลมาบาชเช่ ด้วยกันทั้งสิ้น (มีโปรแกรมจะไปชมกันในวันสุดท้าย) ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปิ กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1924 แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก, พระราชวังชั้นใน และฮาเร็มพิพิธภัณฑ์จัดแบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกัน อาทิ ส่วนโรงครัว มีเครื่องครัวโบราณมากมาย ทั้งที่เป็นเครื่องปั้นดินเผา เครื่องกระเบื้อง เครื่องโลหะ ฯลฯ รวมไปถึงภาพวาดเกี่ยวกับการทำอาหารสมัยโบราณ เดินผ่านประตูเข้าไปจะพบกับส่วนนี้อยู่ทางซ้ายมือเมื่อเดินตรงเข้าไปจะผ่านส่วนที่เป็นฮาเร็ม การเข้าชมฮาเร็มจะต้องซื้อตั๋วอีกครั้ง คนละ 15 ลีร่า และเราจะเข้าไปชมส่วนนี้กันฮาเร็ม มาจากคำภาษาอารบิกว่า ฮาริม (Harem) มีความหมายว่า ถูกห้ามโดยศาสนา ซึ่งเป็นคำที่บรรยายถึงสถานที่ซึ่งสุลต่านและครอบครัวของพระองค์ประทับอยู่ ฮาเร็มเป็นเขตต้องห้ามที่ซึ่งพระมารดา เหล่าชายา นางระบำ และโอรสธิดาของสุลต่าน ใช้ชีวิตอยู่โดยตัดขาดจาดโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ภายในฮาเร็มมีห้องทั้งหมดกว่า 300 ห้องฮาเร็มแห่งทอปกาปิ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1550 สมัยสุลต่านสุไลมาน เพื่อเป็นที่พำนักของรอกเซลานา (Roxelana) ทาสสาวคนสวยคนเก่งชาวรัสเซียอันเป็นที่โปรดปรานของสุลต่านสุไลมาน ซึ่งรอกเซลานาได้ใช้ฮาเร็มเป็นฐานที่มั่นในการยึดครองราชบัลลังก์ จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระมเหสีคนโปรดของสุลต่านสุไลมานในเวลาต่อมา จากนั้นนางได้แผ่อิทธิพลจนกลายเป็นผู้ตัดสินพระทัยสำคัญแทนสุลต่านสุไลมานหลายต่อหลายเรื่องหลังสุลต่านสุไลมานสิ้นพระชนม์ พระโอรสของนางรอกเซลานาขึ้นครองราชย์ บทบาทของนางยิ่งโดดเด่นและทรงอิทธิพลมากขึ้นในฐานะพระราชชนนีที่กุมอำนาจทั้งหมดในราชสำนัก อันเป็นต้นแบบของพระราชชนนีในยุคต่อๆมาถึงประตูทางเข้าไปสู่ภายในฮาเร็มแล้วภายในห้องต่าง ๆ จะเห็นสิ่งของเครื่องใช้ที่ทำด้วยวัตถุมีค่า เช่น หินอ่อน ด้วยสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบเฉพาะ และตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงามด้วยทองคำและเซรามิคนักท่องเที่ยวจะได้รับอนุญาตให้เดินไปตามทางเดินที่จัดไว้ให้ และสามารถถ่ายภาพได้ จึงได้ภาพสวยงามบริเวณนี้มาค่อนข้างมากหน้าต่างทุกบานได้รับการตกแต่งด้วยกระจกสี มีลวดลายและสีสรรสวยงาม ลองชมสักบานหนึ่งออกมาจากส่วนของฮาเร็ม ก็ถึงส่วนของพระราชวังชั้นนอก มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างอาคารที่โด่งดังและเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวอย่างมากก็คือ อาคารท้องพระคลังอันเป็นที่เก็บสมบัติและวัตถุล้ำค่า ซึ่งแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ห้องคือห้องแรก เก็บพวกเสื้อผ้าชุดโบราณของกษัตริย์อันสวยงาม เก็บอาวุธโบราณต่างๆ ที่ไม่ใช่อาวุธแบบยุคหิน แต่เป็นอาวุธแบบอาหรับที่สวยงามและมีสีสันยิ่งนักห้องที่สอง เก็บพวกเครื่องประดับ สร้อย กำไล ต่างหู และเพชรนิลจินดามากมาย และที่สำคัญที่สุดคือ กริชแห่งทอปกาปิ (Topkapi Dagger) โบราณวัตถุชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งแห่งตุรกี ด้ามกริชประดับด้วยมรกตน้ำงาม ฝักทำด้วยทองคำประดับเพชร ตรงกลางฝังอัญมณีและไข่มุกทำเป็นรูปกระเช้าดอกไม้ กริชแห่งทอปกาปิ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นของกำนัลแก่อาณาจักรออตโตมัน โดยต้องการจะมอบให้กับนาดีร์ ซาร์ แห่งเปอร์เซีย แต่ว่านาดี ซาร์ ถูกโค่นอำนาจลงเสียก่อนที่จะได้ครอบครองกริชเล่มนี้ ห้องที่สาม จัดแสดงเครื่องประดับ เพชรพลอยมากมาย ที่น่าสนใจสำหรับคนไทย คือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพอัญเชิญมาถวายแก่สุลต่านอับดุลฮามิดที่ 2 ในการเสด็จฯ เจริญสัมพันธไมตรีระหว่างไทย-ตุรกี เมื่อปี ค.ศ. 1891สิ่งที่น่าสนใจในห้องจัดแสดงที่ 3 คือ เพชรของช่างทำช้อน (The Spoon Makers Diamond) ที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งพระราชวังทอปกาปิ เพชรของช่างทำช้อนมีขนาด 86 กะรัต เจียระไนเป็นรูปกุหลาบ 49 เหลี่ยม มีตำนานเกี่ยวกับ เพชรของช่างทำช้อนว่า เพชรเม็ดนี้ นายทหารฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ ปิโกต์ (Pigot) ซื้อมาจากเจ้าเมืองรัฐปัญจาบในอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 1774 แล้วนำกลับสู่ฝรั่งเศส ก่อนจะเปลี่ยนมือผู้ครอบครองไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมาตกอยู่ในการครอบครองของพระมารดาพระเจ้านโปเลียน โบนาปาร์ต กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝรั่งเศส พระนางได้ขายเพชรให้แก่นายพลเทเปเดเลนลิ อาลี (Tepedelenli Ali Pasha) แห่งอาณาจักรออตโตมัน แต่หลังจากนั้น นายพลท่านนี้กลับต้องโทษประหารในปี ค.ศ. 1840 เพชรเม็ดนี้จึงถูกริบให้เป็นสมบัติของราชสำนักออตโตมันไปโดยปริยายภาพอาคารท้องพระคลังอาคารต่าง ๆ ในบริเวณพระราชวังชั้นนอก ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์บริเวณระเบียงหลังห้องท้องพระคลังเป็นจุดชมวิวชั้นดี ที่มองออกไปเห็นทิวทัศน์เมืองอิสตันบูลใน 2 ฝั่งทวีป คือฝั่งยุโรปและฝั่งเอเชีย ได้อย่างชัดเจน ด้านขวามือเป็นทะเลมาร์มารา ทิวทัศน์ตรงหน้าเป็นบริเวณช่องแคบบอสฟอรัสและด้านซ้ายมือเป็นโกลเดนฮอร์น (Golden Horn)เราเดินมาถึงทางออกจากพระราชวังทอปกาปิแล้ว คงยุติรายการทัวร์ภาคเช้าไว้เพียงเท่านี้ ตอนต่อไปจะพาไปชมสุเหร่าสีน้ำเงิน โบสถ์เซนต์โซเฟีย และอ่างเก็บน้ำใต้ดิน โปรดติดตามนะครับ. Create Date :23 เมษายน 2555 Last Update :23 เมษายน 2555 11:07:32 น. Counter : Pageviews. Comments :8 twitter google Comment * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก แวะมาทักทายและมาขอตามไปเที่ยวด้วยคนครับ โดย: กัปตันลูกชุบ 23 เมษายน 2555 13:22:57 น.ขอบคุณสำหรับเพชรเม็ดโตที่เอาไปฝากด้วยค่ะ แหะ ๆ ถ้าเป็นของจริงคงดี ^^ประวัติยืดยาว น่าสนใจนะคะ ฮาเร็มก็น่าสนใจ ได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้วแต่ดูไม่ค่อยเหมือนที่จินตนาการไว้เท่าไหร่ อิอิชอบตัวหนังสืออาหรับ มองดูเหมือนภาพวาดศิลปะอะไรสักอย่าง ขอบคุณอีกครั้ง โหวตให้ด้วยค่ะ โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 23 เมษายน 2555 14:09:18 น.งานว่าราชการก็มาจากฮาเร็มนั่นเอง โดย: tuk-tuk@korat 23 เมษายน 2555 15:26:56 น.มาเที่ยวด้วยค่ะ มาช้าหน่อยเพราะติดงาน ..ในใจคิดไว้ว่า ต้องไปให้ได้ค่ะ คงไปเป้นอาทิตยืแหละเพราะชอบบรรยากาศมาก โดย: Maeboon 23 เมษายน 2555 19:03:05 น.สวัสดีค่ะตามไปเที่ยวด้วยตอนที่7แระไม่ค่อยได้แวะมา net ไม่เป็นใจให้ค่ะเล่าเรื่องพร้อมดูภาพละเอียดมากๆเอาของชอบมาฝาก...ทองม้วนสด... โดย: pantawan 23 เมษายน 2555 20:48:55 น.More Flowers Wishes Comments----------------------------สวัสดียามสายๆของวันอังคารค่ะ อากาศร้อนแต่ใจร่มๆนะคะ ขอบคุณที่ไปมาหาสู่กันนะคะคุณทองกาญจนา โดย: เกศสุริยง 24 เมษายน 2555 9:35:13 น.เพชรเม็ดงามมากค่ะ ...และรอชมตอนต่อไปอยู่นะคะ =^_^= โดย: ishi_imp 24 เมษายน 2555 9:44:45 น.ภายในพระราชวัง ฮาเร็มงามมากเลยค่ะ ชอบลวดลายผนัง พื้น เพดาน โชคดีที่สามารถถ่ายภาพได้นะคะ โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 4 มกราคม 2556 13:54:36 น.
โดย: กัปตันลูกชุบ 23 เมษายน 2555 13:22:57 น.
ถ้าเป็นของจริงคงดี ^^
ประวัติยืดยาว น่าสนใจนะคะ
ฮาเร็มก็น่าสนใจ ได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้ว
แต่ดูไม่ค่อยเหมือนที่จินตนาการไว้เท่าไหร่ อิอิ
ชอบตัวหนังสืออาหรับ มองดูเหมือนภาพวาดศิลปะอะไรสักอย่าง
ขอบคุณอีกครั้ง โหวตให้ด้วยค่ะ
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 23 เมษายน 2555 14:09:18 น.
โดย: tuk-tuk@korat 23 เมษายน 2555 15:26:56 น.
โดย: Maeboon 23 เมษายน 2555 19:03:05 น.
ตามไปเที่ยวด้วยตอนที่7แระไม่ค่อยได้แวะมา net ไม่เป็นใจให้ค่ะ
เล่าเรื่องพร้อมดูภาพละเอียดมากๆ
เอาของชอบมาฝาก...ทองม้วนสด...
โดย: pantawan 23 เมษายน 2555 20:48:55 น.
More Flowers Wishes Comments
----------------------------
สวัสดียามสายๆของวันอังคารค่ะ อากาศร้อนแต่ใจร่มๆนะคะ ขอบคุณที่ไปมาหาสู่กันนะคะคุณทองกาญจนา
โดย: เกศสุริยง 24 เมษายน 2555 9:35:13 น.
โดย: ishi_imp 24 เมษายน 2555 9:44:45 น.
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 4 มกราคม 2556 13:54:36 น.