bloggang.com mainmenu search
เช้าวันที่สี่ในตุรกี ผมอยู่ที่เมืองคัปปาโดเกีย วันนี้มีรายการที่น่าสนใจหลายอย่างสำหรับนักท่องเที่ยว ไปชมกันครับ




เริ่มกันตั้งแต่เช้ามืด (ประมาณ 05.00 น.) สำหรับผู้ที่สนใจจะขึ้นบอลลูนชมดวงอาทิตย์ขึ้นและทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย (ต้องซื้อบริการนี้เพิ่ม คนละ 200 USD) จะมีรถยนต์มารับจากโรงแรมที่พักไปขึ้นบอลลูนและพากลับมาส่ง ให้ทันเวลาที่กลุ่มใหญ่จะออกเดินทางกัน ผมเป็นโรคกลัวความสูง (ที่จริงเสียดายเงิน) จึงไม่ได้ร่วมกิจกรรมนี้ แต่ก็มีภาพสวยงามเมื่ออยู่บนบอลลูนมาฝาก (ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ)




สำหรับผู้ที่กล้าไปขึ้นบอลลูนจนกลับมาได้อย่างปลอดภัย จะมีประกาศนียบัตรรับรองด้วย ลักษณะนี้ครับ




และเมื่อทุกคนพร้อมกันที่โรงแรมแล้วก็ออกเดินทางไปชมธรรมชาติกันต่อ จุดแรกคือเมืองใต้ดินที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก (Underground City of Derinkuyu or Kaymakli)




เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกัน เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ สำหรับที่เราไปชมวันนี้เป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ มีถึง 10 ชั้น




แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัว ห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำ และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึก และทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้ ต้องรอกัน




ออกจากนครใต้ดินเราเดินทางไปชมภูมิประเทศของเมืองคัปปาโดเกีย ระหว่างทางแวะชมโรงงานพรมทอมือ ซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพอีกอย่างหนึ่งของตุรกีที่นิยมซื้อเป็นของใช้




นักท่องเที่ยวจะได้เข้าไปชมห้องทอพรมที่มีช่างทอกำลังทำงานกันตลอดเวลา




พรมทอมือมีวิธีการทอหลายแบบ ทั้งแบบด้ายเส้นเดียว สองเส้น และสามเส้น




ออกจากห้องทอ ผู้จัดการโรงงานพาพวกเราเข้าไปชมผลิตภัณฑ์ที่ทอเสร็จแล้วพร้อมจำหน่าย โดยคลี่ให้ดูทีละผืน สนใจผืนไหนต่อรองราคากันได้ และยังเสิร์ฟชาแอปเปิลอุ่น ๆ ให้นักท่องเที่ยวดื่มคลายหนาวด้วย




ออกจากโรงงานพรม รถพาไปยังจุดสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โดยจอดที่จุดชมวิวบนภูเขา ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ไปได้กว้างไกลแบบพาโนรามา ภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์นี้ เกิดจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่ เมื่อเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน เป็นตัวแปรที่ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสา รูปทรงต่าง ๆ ทำให้เกิดความงามตามธรรมชาติ และบริเวณนี้เองที่เราได้ชิมไอศกรีมตุรกีที่เลื่องชื่อ มีขายที่ตุรกีเท่านั้น เป็นบริการพิเศษของทัวร์ อร่อยจริง ๆ (ที่สนามบินอิสตันบูลขายอันละ 10 ลีร่า ประมาณ 170 บาท)









มีภาพแบบพาโนรามามาฝากด้วยครับ




ถึงเวลาอาหารกลางวัน วันนี้เป็นอาหารพื้นเมืองเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนวันก่อน ๆ คือภัตตาคาร สวยมาก เพราะเจาะภูเขาทั้งลูกเข้าไป สวยตั้งแต่ภายนอกและตกแต่งภายในอย่างสวยงาม ชมเองก็แล้วกันนะครับ










เสร็จจากอาหารกลางวัน เราเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่เมืองเกอเรเม (Goreme) ซึ่งยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก




พิพิธภัณฑ์นี้เดิมเคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง คศ.9 เป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนา โดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วย















และภาพแบบพาโนรามา




รายการสุดท้ายในวันนี้เป็นการไปชมโรงงานเซรามิค ได้ชมช่างเซรามิคกำลังทำงาน ส่วนราคาเซรามิคขึ้นอยู่กับคุณภาพ ถ้าเป็นฝีมือของช่างระดับต้น(นักเรียนฝึกหัด) ราคาก็จะถูกหน่อย แต่ถ้าเป็นระดับอาจารย์ฝีมือประณีตสวยงาม ราคาก็จะสูง เซรามิคเป็นสินค้าที่นิยมซื้อเป็นของฝากจากตุรกีอีกอย่างหนึ่ง










หลังจากรับประทานอาหารเย็น รถโค้ชพาคณะไปส่งที่สนามบินเมืองเนฟเชียร์ เพื่อเดินทางกลับไปเมืองอิสตันบูล วันนี้อากาศหนาวเย็นมาก ช่วงที่เดินไปขึ้นเครื่องบนลานจอดได้สัมผัสหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมา รู้สึกตื่นเต้นดีจัง !!!




เครื่องเทคออฟแล้ว พบกันอีกครั้งที่อิสตันบูลนะครับ.
Create Date :20 เมษายน 2555 Last Update :21 เมษายน 2555 7:42:20 น. Counter : Pageviews. Comments :10