หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ

40301 Broken Bed Natalee and Paradon


ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง
00ขัดใจก็อยากขวาง.....ขวางไม่ได้ก็ขว้างไข่
หุบเขาคนโฉด, ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง, นาตาลี-ภราดร เลิกกัน
zOOmzerO, Violent Valley, Broken Bed Natalee and Paradon

เตียงหัก รักร้าวของบอล-นาตาลี





สัปดาห์นี้ มีข่าวรักร้าวของคนดังคู่หนึ่งของเมืองไทย เป็นหัวข้อข่าวว่า เตียงหัก
ฝ่ายชายเป็นคนไทย เป็นนักกีฬาขวัญใจชาวไทย เขาคือ "ซุปเปอร์บอล"
ฝ่ายหญิงเป็นชาวต่างชาติ มีดีกรีความสวยระดับนางงามจักรวาล เธอคือ "น้องฟ้า นาตาลี"

เรื่องราวความรักของคนคู่นี้ ตั้งแต่เริ่มต้น ก็มีข่าวให้ติดตามอยู่เรื่อยมา
ตั้งแต่ข่าวของฝ่ายชาย ซึ่งกำลังรุ่งในวิชาชีพ มาพร้อมๆกับข่าวสาวๆที่เข้าแถวมาให้ภราดรจีบ
ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชื่อเสียงหลังการประกวดนางงามจักรวาลปี 2005 จัดกันที่ประเทศไทย
แล้วเธอก็ติดใจประเทศไทย หรือไม่ก็ประเทศไทยติดใจเธอ จ้างเธอไปเผยแพร่วัฒนธรรมการไหว้ของไทย
คงจะจำกันได้ว่า นาตาลี เป็นสาวสวยต่างชาติที่ไหว้ได้สวย(กว่าคนไทยบางคน)
หลังหมดวาระนางงาม เธอก็ทำงานหลายอย่างในเมืองไทย
เช่น เป็นทูตรักษาภาพลักษณ์(brand embassador) ของ สิงห์ คอร์ปฯ ในปี 2006
ซึ่งทำให้เธอได้ใกล้ชิดภราดร เพราะฝ่ายชายก็เป็น brand embassador ของ สิงห์ฯ เช่นกัน
ในเดือนเมษาฯ ปี49 ก็หมั้นกัน และแต่งงานในวันที่ 29 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน
และในเดือนมีนาคม 2554 ทั้งคู่ก็จะไปจดทะเบียนหย่า

สำหรับคนไทย พวกเรามักจะรู้จักภราดรมากกว่านาตาลี
ภราดรนั้นนอกจากเป็นขวัญใจคนไทยแล้ว ยังถือว่าเป็นนักกีฬายอดเยี่ยมของเอเชียคนหนึ่งอีกด้วย
ลูกเสิร์ฟที่เร็วและรุนแรงของเขาทำคะแนนมานับครั้งไม่ถ้วน
ส่วนการหวดแบ็คแฮนด์แขนเดียวของภราดร ก็ปราบแชมป์มาแล้วหลายคน
มีคนมากมายบอกว่า คู่รักสองคนนี้เหมาะสมกันมาก เพราะเป็นฮีโร่กับควีนในวงการของตนเอง
ซึ่งในทางกลับกัน ก็มีผู้รู้หลายคนบอกว่า สองคนนี้ไม่น่าจะแต่งงานกันได้ เพราะเติบโตมาคนละวิถีชีวิต
แน่นอนครับ คนไทยไม่ค่อยอยากด่าคนไทยออกสื่อ (แต่ด่าผ่านเน็ทตรึม)
สามสี่ปีมานี้ วงการนินทาบนโลกไซเบอร์ขย้ำภราดรไปหลายระลอก
ในInternet ภราดร มีภาพของผู้ชายเจ้าชู้ (คงไม่ถึงระดับไทเกอร์ วู๊ด)
และมองว่า ไม่เรียน ไม่หล่อ แต่รวย และไม่ช่วยคนจน
ภราดรเป็นคนไทยคนเดียวที่บริจาคเงินช่วยสึนามิ 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,110,000 บาท
ตอนนั้นจำได้ว่า ครั้งแรกบริจาค 10,000 บาท แล้วเกิดกระแสยี้ภราดรทั่วประเทศ
จนทำให้ต้องออกมาบริจาคอีก 100,000 บาท แต่ก็ยังมีคนนินทาว่ารายได้ของเขาแต่ละปีนั้นคนละเรื่อง
เขาจึงบริจาคครั้งที่สามด้วยเงินหนึ่งล้านบาท และให้สัมภาษณ์ว่าทำด้วยความเต็มใจไม่ใช่โดนกระแสด่า
เมื่อนักกีฬามีภรรยา คนมักจะคาดเดาเอาว่า เวลาที่พวกเขาโมโห เขาจะทำสิ่งที่รุนแรงกับผู้หญิงขนาดไหน นี่ก็น่าคิด
สำหรับเรื่องเทนนิส คนในวงการกีฬามองว่า เขาได้ผ่านพ้นช่วงท๊อปฟอร์มมาแล้ว
เรียกว่า เป็นช่วงขาลง จนทำให้ภราดรต้องประกาศแขวนไม้เทนนิส
ครั้นหันไปวุ่นกับกีฬาด้านความเร็ว ก็ประสบอุบัติเหตุ แขนขาหัก แฟนเทนนิสแทบไม่อยากลุ้นอะไรอีกแล้ว
หรือหันไปแสดงหนัง ก็เงียบกริบ แถมภาพยนตร์ที่เล่นนั้น ก็เป็นหนังที่มีความวุ่นวาย ระดับเล่ากันสามวันสามคืนกันเลย
ภราดรเองเป็นนักกีฬาอาชีพจริงๆ ว่ากันว่า เขาเพิ่งจะว่างมาเรียนจนจบปริญญาในปีที่เขาแยกทางกับภรรยานี่แหละ
คนที่เห็นภราดรเป็นไอดอล ถ้าจะโกรธผม คิดว่าผมด่าภราดรซะป่นปี้
ผมก็ไม่ว่า เพราะผมยืนยันได้ว่า ผมก็รักภราดรไม่แพ้พวกคุณ

ส่วนนาตาลีเป็นนางงาม ชื่อเป็นรัสเซีย เกิดรัสเซีย โตที่แคนาดา เป็นนางงามแคนาดา แล้วก็นางงามจักรวาล
เรียนจบปริญญาตรีสาขา Commerce in Information Technology Management and Marketing จากมหาวิทยาลัยในโตรอนโต
ก่อนหน้านั้นเธอทำงานเป็นนักพูดให้กำลังใจ หรือแบบที่เราเรียกว่า ครูแนะแนว ให้เด็กที่เรียนไฮสกูล
งานส่วนใหญ่ของเธอก็เป็นนางแบบอาชีพ หรือถ่ายโฆษณา จึงมีภาพถ่ายของเธอเยอะแยะไปหมด
และมักจะดูอย่างไรก็สวยเซ็กส์ซี่เกือบทั้งนั้น มีช่วงหนึ่งที่มีเอาคนเอาภาพผู้ชายจูบนาตาลี
แถมลือกันไปว่าคนนี้แหละคือแฟนเก่าของเธอ แล้วก็พยายามเล่นเรื่องสาวบริสุทธิ์กับความเป็นสาวฝรั่งที่สวย ว่าจะซิงๆหรือ?
อยากจะบอกว่า เรื่องจริงหรือไม่ ต้องไปถามนาตาลีดู แต่เธอมีภาพลักษณ์อีกด้านที่โลกสากลรับรู้ว่า เธอเป็นนางฟ้า
เพราะเธอได้เข้าร่วมงานที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ภาษาฝรั่งเรียกว่า Advocate เช่น HIV/AIDS
นาตาลีเคยเข้าร่วมประชุม G8 Summit และได้พูดให้มีการช่วยเหลือคนยากจนในประเทศที่ด้อยพัฒนา
หลายปีมานี้ นาตาลีได้มีโอกาสเดินทางไปในหลายๆประเทศ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้คนที่ยากลำบาก
การเดินทางบ่อยๆนี้หรือเปล่าที่ทำให้ความรักเกิดรอยร้าว

งานแต่งงานของภราดรและนาตาลี จัดวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550
เป็นวันเดียวกับ นีโน่และจอย แต่งงานกันเหมือนกัน
วันนั้นภราดรและนาตาลีโดนนักข่าวด่ากันขรม
ดูได้จาก //dara.hunsa.com/detail.php?id=5084
เพราะตอนแรกบอกว่ายอมให้ทำข่าวหน้างาน ห้ามเข้าไปเกะกะในห้อง
แล้วก็นัดว่าจะออกมาแถลงข่าวตอนห้าโมงเย็น
แต่แล้วก็มีคนออกมาบอกว่า write CD แจก ให้รอตอนสามทุ่มครึ่ง
ที่ไหนได้ คนของโรงแรมออกมาไล่นักข่าวออกจากตัวโรงแรม
ขนาดส้วมยังไม่ให้เข้าไปใช้ในโรงแรม
พวกนักข่าวสาวๆเลยถ่ายรูปห้องน้ำตรงลานจอดรถมาประจาน
พอวันรุ่งขึ้นก็สอบถามกัน โรงแรมก็บอกว่าทำตามการ์ดของนาตาลี
นาตาลีก็บอกว่าไอไม่ได้สั่งพวกมัน ใครไม่รู้สั่ง
ที่แน่ CD นั้นทำไม่เสร็จเมื่อวาน ต้องเอามาให้อีกวัน
สรุปว่า ไม่มีใครออกมาขอโทษนักข่าว เจือกไปทำข่าวกันเอง เฮ้อ...

วันนี้ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 ภราดรและนาตาลี ได้มาอัดรายการตีสิบ
เปิดเผยเรื่องราวและปัญหาต่าง โดยมี ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล
สาเหตุที่เป็นฮาร์ทเพราะว่าวิทวัสไม่ว่าง ติดภาระกิจเดินทางไปเยี่ยมลูกสาวที่ออสเตรเลีย

ผมว่าสองคนนี้เขาเตรียมตัวมาก่อน เวลาตอบคำถามถึงออกมาดูดี
และแน่นอน พวกเขามีคำตอบให้สังคม คือ ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ไม่มีเวลาให้กัน
พวกเขาปฏิเสธเรื่องเจ้าชู้ มือที่สาม การตบตีทำร้ายร่างกาย
แต่เชื่อเถอะถ้ามีอะไรมากกว่านี้ นักรบไซเบอร์ได้เอามาเมาท์กันแน่

เรื่องนี้เป็น talk of the town
แล้วเราได้อะไร
เฮ้ย...อย่าบอกว่าไม่ได้
อย่างน้อยเราก็ได้เห็นว่า เงินไม่ได้ทำให้ความรักยืนยาวเลย
มารักคนจนเงินแต่รวยหัวใจอย่างจอมมารคนนี้ดีฝ่า 555





zOOmzERo2009


ไปอ่านของใหม่ถัดไป
Link ไปที่ blog 40314 ไปดวงจันทร์

ย้อนกลับไปอ่านของเก่า
Link ไปที่ blog 40214 ความรักในวันแห่งความรัก
Link ไปที่ blog 40129 ไท้ส่วยเอี้ย เทพแก้ไขเคราะห์กรรม
Link ไปที่ blog 40108 วัดเก่าบนเขาบางทราย
Link ไปที่ blog 31231 สิ้นปี ๒๕๕๓ ทิ้งความทุกข์
Link ไปที่ blog 31218 ผัดหมี่โคราช
Link ไปที่ blog 31130 อยากเป็นตัวนิ่ม
Link ไปที่ blog 31021 อย่าห้ามฉันกินหอยนางรม
Link ไปที่ blog 31013 ไม่ทานเจได้ไหม?




 

Create Date : 01 มีนาคม 2554
43 comments
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:34:11 น.
Counter : 10378 Pageviews.

 

ว่าแร้ว ว่าคู่นี้ต้องเกิดเหตุนี้ขึ้น ^^

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.143.231 1 มีนาคม 2554 14:20:15 น.  

 

ซาหวัดดีค่ะพี่ชาย ไม่ได้แวะมานานเลย วุ่นวายชีวิตมาก *_* เฮ้อ

ไปแก้ชงที่วัดเล่งเน่ยยี่มาแล้วค่ะ ^_^ แต่บีก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าการซื้อชุกระดาษมาไหว้ ๆ ปัด ๆ ใส่ตัว 12 ครั้งแล้วชีวิตมันจะดีขึ้นหรือแย่ลงยางไงเนี่ยะ แล้วทำมาแล้วก้อไม่เห็นจะรู้สึกว่าชีวิตมานจะดีขึ้น หรือยางไงเรย หดหู่เหมือนเดิม ปรกติ 555

การที่อยู่กับอะไรเดิม ๆ มาก ๆ นาน ๆ มานก้อน่าเบื่อเน๊อะค่ะ เดี๋ยวต้องจัดทริปทัวร์เที่ยวต่างจังหวัดซะแล้ว เบื่อกรุงเทพฯ เต็มที *_* อยากไปทะเล ภูเขา น้ำตก ไม่ได้ไปลั่นล้าต่างจังหวัดนานมาแล้ว

คิดถึงนะคะพี่ชาย จุ๊ฟ ๆ ๆ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.143.231 1 มีนาคม 2554 14:28:10 น.  

 

ภราดร ศรีชาพันธุ์ ปัจจุบันอายุ 32 ปี สูง 185 ซม.

ประวัติเท่าที่ทราบ
เกิด 14 มิถุนายน 2522 ขอนแก่น ประเทศไทย
เริ่มหัดเล่นเทนนิสตั้งแต่อายุ 5 ขวบ
เทิร์นโปร ในปี พ.ศ. 2540 เริ่มเข้าแข่ง ATP ในปี 2541
ได้รับการสนับสนุนจาก Adidas, Yonex และ การบินไทย (Thai Airways International)

ภาพติดตาของคนทั่วโลกเกี่ยวกับภราดร คือ การไหว้ขอบคุณคนดูหลังการแข่งขันทุกครั้ง
ภราดรได้รับคำชมจากสื่อทุกมุมโลกว่า เป็นนักกีฬาเทนนิสที่สุภาพน่ารักที่สุดในสนามแข่ง
เขาไม่เคยลืมที่จะปรบมือให้คนดู ก้มศีรษะ ยกมือไหว้ ทั้ง 4 ด้านของสนามเทนนิส
เขาเป็นคนขยัน อดทน พยายามฝึกฝีมือ จนสามารถไต่ถึงต้นๆ
เช่น ประเภทชายเดี่ยว ได้ขึ้นถึงอันดับที่ 9 ของโลก (12 พฤษภาคม 2546)
ประเภทคู่ ขึ้นสูงสุดในอันดับที่ 79 (8 กันยายน 2546)

ภราดรเคยได้ตำแหน่งชนะเลิศของ ATP ถึง 5 ครั้ง
เขาประกาศลาวงการ พ.ศ. 2553 เรียกว่า แขวนไม้(เทนนิส)
แต่ยังเป็นโคชให้กับทีม Thailand's Davis Cup
หลังจากนั้นได้หันมาทำงานหลายๆด้าน แม้แต่พิธีกรข่าวกีฬาก็ยังเคยทำ (เช้านี้ที่หมอชิต)

หลายคนเพิ่งจะรู้จักชื่อเสียงของภราดรในยุคที่เขาเล่นเทนนิสเป็นอาชีพ
ในปี 2004 เขาเคยได้มีโอกาสถือธงชาติไทย ในการแข่งขันโอลิมปิค ณ กรุงเอเธน ประเทศกรีซ
แต่ก่อนหน้านั้นภราดรเคยได้เหรียญทอง จากการแข่งขันในเอเชียหลายรายการ
เช่น พ.ศ. 2540 ซีเกมส์ครั้งที่ 19 จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย,
พ.ศ. 2541 เหรียญทองชายคู่ เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
พ.ศ. 2542 ซีเกมส์ครั้งที่ 20 บันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน
และ พ.ศ. 2544 เหรียญทองชายเดี่ยว เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้

หลังจากเป็นนักกีฬาอาชีพ ภราดรได้พัฒนาฝีมืออย่างมานะ และดีขึ้นเรื่อยๆ
โดยร่วมแข่งขันในรายการต่างๆ เช่น
2004 ออสเตรเลียนโอเพน เข้ารอบ 4R,
2002 เฟรนช์โอเพน เข้ารอบ 3R,
2003 วิมเบิลดัน เข้ารอบ 4R,
2003 ยูเอสโอเพน เข้ารอบ 4R
บางครั้งไม่ได้เป็นแชมป์ แต่ก็เข้ารอบลึกๆ ไปเจอนักเทนนิสมือฉมังของโลก
ในวงการเทนนิสอาชีพ จะมีรายการแข่งดังๆ อยู่ประมาณ 4 รายการ
ได้แก่ Grand Slam, Tennis Masters Cup, ATP Master Series,
Indian Wells Master และ ATP Tour
ซึ่งภราดรเข้าแข่งในรายการ ATP Tour เป็นประจำ และชนะเลิศถึง 5 ครั้ง
ในปี 2002 ในเดือน สิงหาคม(USA), ตุลาคม(Sweden), และ ธันวาคม(India)
ในปี 2003 ในเดือน สิงหาคม(USA)
ในปี 2004 ในเดือน มิถุนายน(UK)

ภราดร หรือ ซุปเปอร์บอล ได้รับการยกย่องจากหนังสือพิมพ์ The Nation
ในปี 2545 ว่า Thai of the Year (ไม่รู้ว่าภาษาไทยจะแปลว่าอะไรดี)
ต่อมาในปี 2546 วารสาร Time ก็ได้ยกย่องและเรียกเขาว่า Asian Heroes
นับได้ว่าเป็นคนไทยที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในวงการเทนนิสเมืองไทย
และยังเก่งที่สุดในเอเชียอีกด้วย

ในปี 2546 มีข่าวในวงการบันเทิงว่า ทาทายัง จะได้เป็นสะใภ้ของตระกูลศรีชาพันธ์
ทาทา ยัง เป็นคนออกมาแถลงข่าว และต่อมาภราดรก็โทรมาบอกว่าเป็นแฟนกันจริงๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ายชายก็ออกมาให้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว ด้วยเหตุที่สื่อเชื่อว่า แม่ไม่ปลื้ม
ในปี 2548 ภราดรได้บรรพชา เป็น พระมหาวิโร

ในงานบวชมีสาวสวย ชื่อ โอเด็ต (Odette Henriette Jacqmin) ไปร่วมงานด้วย (แต่ไม่ได้ถือหมอน)
คุณโอเด็ต ตอนนั้นดังมากเพราะเป็นหนึ่งในสาวๆที่ โอ๊ค(ลูกอดีตนายก)เคยจีบอยู่

ต่อมาภราดรได้พบกับ นาตาลี (Natalie Glebova) นางงามจักรวาล ปี 2005
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้แต่งงานกันในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550
และเรื่องราวความรักของคนทั้งสองก็มาสิ้นสุดในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2554
ด้วยเหตุผลเรื่องเวลาและการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน


ในปี 2553 ภราดรได้ประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์คว่ำ แขนหัก ขาหัก
กระดูกข้อมือเคลื่อน เท้าซ้ายฉีก ทำให้ต้องประกาศแขวนไม้เทนนิส
ในรายการ พีทีที ไทยแลนด์ โอเพน 2010

หลังจากปี 2010 ภราดรได้ทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ไม่เคยทิ้งไม้เทนนิส
เพราะเขาได้เปิดศูนย์ฝึกสอนเทนนิสให้ Thailand's Davis Cup

ภราดร เคยเล่นหนังเรื่อง บางระจัน2 เล่นเป็น นายมั่น
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีประวัติการสร้างที่ถูกวิจารณ์มากเรื่องหนึ่ง
เป็นแนวด้านไม่ค่อยดี เช่น จอห์น อิสรัมย์ ก็มาเสียชีวิตในช่วงถ่ายทำภาพยตร์เรื่องนี้
หรือในวันที่ฉายก็เป็นช่วงที่ประเทศไทยเกิดปัญหาทางการเมืองอย่างรุนแรง
และภราดรเองก็เหมือนจะไม่ใช่จุดขายของหนังเรื่องนี้เลย

ปัจจุบัน ภราดร เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง เช่น
ศูนย์ฝึกสอนเทนนิส, ร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน,
และบริษัทยาสมุนไพรบำรุงกำลัง(ทางเพศ)ให้ผู้ชาย ชื่อ แมจิก ไอริส

 

โดย: zoomzero 1 มีนาคม 2554 16:15:26 น.  

 

BeeeBU

เขาเลิกชงกันไปเป็นเดือนแล้วนะ ยังจะมาคอมเมนท์เรื่องนี้อีก

พี่ชายก็เห็นด้วยนะ การทำพิธี การขอร้องเทพเจ้า มันจะพิสูจน์ได้อย่างไร
แต่สำหรับมนุษย์ที่หาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ได้
ไอ้การกระทำแบบนี้แหละ ที่ทำให้สบายใจ อย่างน้อยก็คิดว่าตัวเองรอดไปได้อีก 1 ปี
อย่างน้อยมันก็ทำให้ครอบครัวได้มีกิจกรรมร่วมกัน
อย่างน้อยก็มีเรื่องได้คุยกับคนข้างบ้านว่า ไปวัดจีน ไปแก้ชงมาแล้ว 555

พี่ชายเองเคยมีคนเขามาแนะนำให้ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวง
เขาเป็นพวกที่สนใจเรื่องแบบนี้มาก ที่แน่ๆ ชื่อแซ่ที่พ่อแม่ตั้งให้ เขาก็เปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว
พี่ชายก็ได้บอกปฏิเสธเขาไป เขาก็ยังชักแม่น้ำห้าหกสายมาหว่านล้อมอีก
จนต้องบอกว่า อยากเคลียร์กับเจ้ากรรมแบบแฟร์ เราเคยเลวร้ายกับเขา
ถ้าเขาอยากล้างแค้น ก็ไม่ได้ว่าอะไร และคิดว่าอยากจะจบวงจรล้างแค้นกันในชาตินี้แหละ
ขืนผ่อนผันหรือขอเลื่อนๆไป วันหลังเขาก็มาเอาคืนอยู่ดี
ดูอย่างพระโมคัลลานะ ท่านยังไม่ยอมหนีกรรมเก่าของท่านเลย

ช่วงนี้ คิดเรื่องเที่ยว นั้นก็ดีแล้วหละ
เพราะเข้าหน้าร้อนพอดี
ขืนรอให้เลยไปถึงมิถุนายน ฝนจะมาเยือนแล้วนะ
ตอนนี้ภาคเหนือยังเย็นๆอยู่นะ พี่ว่ายังไปได้
เอ้..หรือว่าจะไปช๊อปปิ้งเมืองนอกดีหละ?

ref: fuchsia BeeeBU

 

โดย: zoomzero 1 มีนาคม 2554 16:30:24 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณจขบ. วันนี้ออยเอาลิงก์มาฝากค่ะ
รบกวนชวนกรอกแบบสอบถามให้หน่อยนะค่ะ แบบสอบถามนี้เป็นงานวิจัยเรื่อง คนไทยกับwebblog ของออยเองค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะhttps://spreadsheets.google.com/viewform?formkey=dGtsbnRod1ZUbEVDU3U4UzhGM09mOHc6MQ


 

โดย: โอ้ทะเล 1 มีนาคม 2554 16:54:58 น.  

 




หวัดดีค่ะเฮีย
อิอิ บีจี ลายลูกตาดีแท้อ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
วันนี้หมดแรงเม๊าท์ งานตรึมค่ะ
พรุ่งนี้ค่อยมาเม๊าท์แล้วกันเน๊อะ..
ปล. นอนหลับฝันดีนะคร๊า....

 

โดย: มินทิวา 1 มีนาคม 2554 20:03:19 น.  

 

Mintiva

แหม...มาว่า BG เค้าไม่สวย
นี่เหมือนลายวอลเปเปอร์ในห้องนอนของเฮียเลยนะ

วันนี้ไม่อยากเม้าท์(ทูเมาท์) ก็ตามใจ
เหนื่อย...ไม่ว่ากันหรอกคะ
แต่ถ้า หน่าย...ก็บอกกันบ้าง (จะได้ทำใจเสียแต่เนิ้นๆ ฮือๆๆ)

วันนี้ เฮียไม่เหงาหรอก
มีคุณออยมาให้คุยด้วย
เพิ่งเข้าใจคำว่า เก่าๆมันเป็นสนิม ใหม่กว่าท่าทางจุ๋มจิ๋ม ก็วันนี้นี่เอง 555

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 1 มีนาคม 2554 21:25:35 น.  

 


เมื่อสองวันก่อนยังเห็นลงรูปคู่กันใน นสพ. แต่เป็นการ
ลงโฆษณาเกี่ยวกับธุรกิจของทั่งคู่ จำพวกยาอาหารเสริมอะไร
ประมาณนี้แระ....ไปซะอีกหนึ่งคู่ ขนุนว่าเกี่ยวกับเรื่องชีวิตคู่
นี่ถ้ามีการทำสำรวจกันในปัจจุบัน การหย่าร้าง เลิกรา กับ การดำรงชีวิตคู่ร่วมกัน นี่ อย่างแรกน่าจะมีสถิติสูงมากกว่าอย่างหลัง ช่วงไม่กี่ปีมานี่ข้อมูลสังคมไทยพบว่ามีการหย่าร้างมาก
กว่าก่่อนมาก...ก็ไม่อยากไปค้นหาสาเหตุให้เหนื่อยหัวใจ ร้อยแปดพันอย่างสุดจะอ้างกันไป...เมื่อวันที่หมดรักกัน...เฮ้อ..คิดไป
คิดมาคนสู้นกไม่ได้ คุณซูมเคยเห็นรูปภาพเขียนจีนไม๊ จะมีรูปนกคู่ สีเขียวปนน้ำเงิน ไม่แน่ใจว่านกเป็ดน้ำจีนหรือเปล่า เค้าว่ากันว่านกชนิดนี้เมื่อจับคู่กันแล้วจะอยู่เป็นคู่กันจนตาย จึงมักนำเอารูปนกคู่นี้มาสื่อเป็นความหมายเชิงอวยพร ถ้าคนไทยพูดก็ต้องบอกว่า ถือไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร

วันก่อนคุณซูมพูดถึงเรื่องปวดหลัง เกีี่่ยวกับหมอนรองกระดูกเคลื่อน เคยผ่านตาเรื่อง วารีบำบัด ซึ่งเค้าให้ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อกระดูก ไปออกกำลังกายในน้ำ เช่นที่ปราจีนบุรี จะมีกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีปัญหาเรื่องข้อกระดูก ไปร่วมกันออกกำลังกายในน้ำ แ้ล้วพบว่าอาการปวดต่าง ๆ ทุิเลาลง เนื่องจากการออกกำลังในน้ำทำให้ น้ำพยุงน้ำหนัก การเคลื่อนไหวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อก่อนที่ ม.มหิดล เปิดให้มีวารีบำบัด แต่ไม่ทราบเดี๋ยวนี้จะยังมีอยู่หรือไม่ และการรักษาข้อกระดูกยังมีอีกหนึ่งวิธีโดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นการจัดกระดูกแบบไคโรแพคติก คนรุ้จักกันเคยบอกว่ารักษาด้วยวิธีนี้แล้วอาการที่เป็นอยู่ดีขึ้นมาก มีคลีนิคแถวสุขุมวิท ไม่รู้ว่าคุณซูมรักษาด้วยวิธีไหน เผื่อจะหาข้อมูลเเพิ่มเติมลองเข้าไปดูที่ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูก็ได้ค่ะ

ฟังเพลงของฮอทเปปเปอร์ ทำให้่นึกถึงเพลงนี้ของอีกคน
www.youtube.com/watch?v=pm0fpLS7KbM

 

โดย: jampada IP: 58.9.145.251 1 มีนาคม 2554 22:17:41 น.  

 




หวัดดีตอน 11 โมงค่ะเฮีย
ได้เวลาเกือบทานกลางวันแล้วนะคะ
วันนี้ว่าจะไปฉุยฉายที่โรบินสันค่ะ
นัดเพื่อนไว้ แต่ ยังไม่รู้ว่าจะทานไรดีอ่ะ
สงสัยไม่พ้นอาหารญี่ปุ่นอีกแล้วมั๊งคะ อิอิ
เดี๋ยวทานเผื่อนะ จะทานเผื่อเยอะ ๆ เลย
เพราะเดี๋ยวนี้มินทานน้อยลงเยอะเลยค่ะ อิอิ

 

โดย: มินทิวา 2 มีนาคม 2554 10:54:48 น.  

 

Jampada

เรื่องหย่าร้าง
เมื่อ มีรัก ...ก็ต้องวันที่ ไม่รัก เป็นเรื่องธรรมดา
คนในปัจจุบันนี้ ชักจะ ขาดความอดทน และชอบทำอะไรอย่างอิสระ
ยิ่งมายุคสมัยที่ผู้หญิงไม่ได้นอนอยู่บ้านไกวเปลอย่างสมัยก่อน
เฮ้ย....ผู้หญิงเริ่มกล้ามากขึ้น ดูกางเกงขาสั้นที่ใส่ซิ ไม่แคร์สายตาเฒ่าหัวงูกันเลยนะหล่อน
เท่าที่เห็น สังคมไทยวันนี้ ก็มีอัตราการหย่าร้างมากขึ้นเรื่อยๆ
คงเป็นเพราะว่าการดำรงชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกคนต้องต่อสู้เพื่ออยู่รอดตลอดเวลา
มีอาชีพเพิ่มมาใหม่หลากหลาย อาชีพที่ท้าทาย ต้องดิ้นรนต่อสู้ มากกว่าก่อนเก่า
มีการเปลี่ยนแนวคิด เช่น อาชีพดาราหรือศิลปิน ไม่ได้โดดกดเหยียบเหมือนแต่ก่อน

คนธรรมดาหย่ากันก็ไม่ค่อยมีคนทราบ
แต่พวกไฮโซ ดารา เซเล็บ คนดัง ทำอะไรก็โฉ่งฉ่างเปรี้ยงปร้างแน่นอน
ที่พวกเราเห็นบ่อยๆคงเป็นข่าวดาราเตียงหัก มากกว่าเศรษฐีหย่าร้าง
เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวของ มาช่า-กฤษณ์
ถ้านานหน่อยก็โน้น ชาย ชาตโยดม กับ ออม นวดี โมกขะเวส
จั๊กจั่น อคัมสิริ กับ ชาคริต แย้มนาม,
นุ่น วรนุช กับ เขตต์ ฐานทัพ
หรือ พลอยกับโดม, เวียร์กับแพนเค้ก, ...

ตัวอย่างข้างบน อาจจะเป็นแบบคู่รักที่ไม่เป็นคู่สมรส
หากจะเอาแบบคู่สามีภรรยาที่หย่ากัน เท่าที่จำได้ ก็มี
บิลลี่กับสิเรียม มีทายาท ๑ คน
ส่วนสิเรียมกับราจิต ก็เลิกกันไปแล้ว ไม่มีทายาทเพิ่ม
จุ๋ม อุทุมพร ศิลาพันธ์ กับ เที่ยรี่ สุทธิยงศ์ เมฆวัฒนา มีทายาท ๒ คน
มาช่า วัฒนพานิช กับ หนุ่ย อำพล ลำพูน มีทายาท ๑ คน
ฟลุ๊กกับโบ มีทายาท ๑ คน
เต๋า สมชาย กับ นัท มีเรีย อเล็กซานดรา เบเนเด็ดตี้ ไม่มีทายาท
แมวกับนิโคล มีทายาท ๑ คน
บุ๋ม ปนัดดา กับ วีรพงศ์ พิพิธสุขสันต์ มีทายาท ๑ คน
วรรณษา กับ เป้ ไฮร๊อค (สุรัช ทับวัง) มีทายาท ๑ คน (เป้ เคยเป็นพ่อหม้ายลูกสองมาก่อน)
ยู่ยี่ อลิสา กับ ครูสอนเทนนิส แฟรงค์ เกวสต้า มีทายาท ๒ คน
นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา กับ ป้อ บุญสิทธิ์ (ลูกชาย ป ประตูน้ำ) มีทายาท ๒ คน
คลาวเดีย จักรพันธ์ กับ อรรคพร วิจิตรานนท์ ไม่มีทายาท
ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี กับ หลุยส์ ราชันย์ มาลัยวงศ์ ไม่มีทายาท
ต้อม รชนีกร พันธุ์มณี กับ ผู้กองต่อ นิติ ติณสูลานนท์ ไม่มีทายาท
(แต่เมื่อไม่นานมานี้ ต้อมก็ได้สามีใหม่เป็นหนุ่มอเมริกันอิหร่าน และแยกกันอยู่ มีทายาท ๑ คน)
นุ่น รุ้งทอง ร่วมทอง กับ แชฟท์ เจิมจิตต์ ภูมิจิตร (อาจจะไม่ได้หย่าทางกฏหมายนะ) มีทายาท ๒ คน
แก้ว อภิรดี กับ อ๊อด โอภาส ทศพร มีทายาท ๓ คน ฝ่ายหญิงมีแฟนใหม่ (เป็นคนที่เล่นหนังเป็นพระเอกาทศรถ)
ปุ๊กกี้ ชาลาล่า ปริศนา พรายแสง กับ ต๋อง สุรพันธ์ จำลองกุล (สามีคนที่ ๑)
ปุ๊กกี้ ชาลาล่า ปริศนา พรายแสง กับ เอ้ ปาณสาร (สามีคนที่ ๒)


สมัยก่อนดาราก็มีหย่าร้างนะ แต่ข่าวจะเงียบๆ เช่น
จิ๊ก เนาวรัตน์ กับเต็ก แสงอุไรพร มีทายาท ๒ คน เจเจ และ ทีเจ

สำหรับคู่ที่กองเชียร์บอกว่า แยกกันไปแล้ว แต่กฏหมายยังบอกว่า ไม่ใช่ๆ
ก็เห็นจะมี ตู่ นันทิดา, ธัญญ่า ธัญญเรศ

แหม...คงด่าผมว่า...ทำไมรู้เยอะ? นี่มันเรื่องของคนอื่น?
ก็คนมันเตรียมข้อมูลสำหรับหัวข้อนี้มาเรียบร้อยตั้งนานแล้วนี่ครับ


เรื่องเป็ดจีน


เป็ดแมนดาริน (Mandarin) ไม่ได้เป็นเป็ด
แต่เป็นนก แบบว่า นกน้ำ (มันก็คือเป็ดนั่นแหละ)
เชื่อว่าเป็นนกน้ำที่สวยงามที่สุดในโลก พบได้ในแถบเอเชีย
ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย พม่า และไทย (เอ้ามีกับเขาด้วย)
ในฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้จะแปลงกายเปลี่ยนเป็นนกสีฉูดฉาด มีทั้ง ม่วง เชียว ส้ม และสีทองแดง
นิสัยของ เป็ดแมนดาริน จะมีคู่เพียงตัวเดียวและรักเดียวใจเดียวตลอดชีวิต
เป็ดแมนดาริน เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและการครองคู่ (ที่คนทั่วไปคงทำได้ยากยิ่ง)
คุณขนุนเข้าใจถูกแล้วครับ หมายถึง รักกันยืนนาน ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร
ปัจจุบันเป็ดแมนดารินใกล้จะสูญพันธุ์เพราะโดนจับไปขาย
ดังนั้นจึงได้มีการประกาศให้เป็ดแมนดารินเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
นานมาแล้ว เป็ดแมนดารินเคยบินมาเมืองไทย แถวๆ บึงบอระเพ็ด หรือ ห้วยตึงเฒ่า
สมัยนั้นมนุษย์ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับพื้นที่หากินของมัน
แต่วันนี้ตรงไหนหละที่ไม่มีคนเข้าไปยุ่ง

เรื่องหมอนรองกระดูก
เรื่องกระดูกนี่ คงต้องคุยกันยาว เพราะต้องเรียบเรียงข้อความที่จะคุยกันให้ดี
เดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
แต่ความจริง เราก็ต่างคน ต่างมีสิทธิ์คิดหรือเชื่อ จิงป่าว?

แต่ถ้าเอาแบบคุยกันรวดเร็ว ลวกๆ ในตอนนี้
ผมจะเล่าแบบนี้ครับ

ผมมีคำถามที่ถามตัวเองเอาไว้นานแล้วว่า
ฝังเข็ม ดีหรือไม่? ผมก็ว่าดี
มีหลักฐาน มีบันทึก มีคนยืนยัน หรือไม่? มี
แล้วทำไมโรงพยาบาลต่างๆ ไม่เปิดแผนกดีๆแบบนี้

นวดแผนโบราณ ดีหรือไม่? ผมก็ว่าดี
มีหลักฐาน มีบันทึก มีคนยืนยัน หรือไม่? มี
แล้วทำไมโรงพยาบาลต่างๆ ไม่เปิดแผนกดีๆแบบนี้

ล้างพิษ ดีท๊อกซ์ ดีหรือไม่? ผมก็ว่าดี
มีหลักฐาน มีบันทึก มีคนยืนยัน หรือไม่? มี
แล้วทำไมโรงพยาบาลต่างๆ ไม่เปิดแผนกดีๆแบบนี้

วารีบำบัด ดีหรือไม่? ผมก็ว่าดี
มีหลักฐาน มีบันทึก มีคนยืนยัน หรือไม่? มี
แล้วทำไมโรงพยาบาลต่างๆ ไม่เปิดแผนกดีๆแบบนี้

จัดกระดูก ไครโรแพคติก ดีหรือไม่? ดี
มีหลักฐาน มีบันทึก มีคนยืนยัน หรือไม่? มี
แล้วทำไมโรงพยาบาลต่างๆ ไม่เปิดแผนกดีๆแบบนี้

ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมสงสัย ว่า การรักษาดีๆที่หลายคนคุยกันอยู่ในวันนี้
ทำไมโรงพยาบาล ไม่ว่าในประเทศเรา หรือต่างประเทศ ถึงไม่นิยมจัดการให้บริการรักษาแบบนั้น
ถ้าจะอ้างว่า มันมีต้นทุนสูง ผมว่าเรื่องของเงิน เรื่องของกำไร เอกชนย่อมอยากทำ และทำได้

ผมมีคำตอบก่อนที่คุณขนุนจะฉุนเพราะอ่านสิ่งที่ผมเขียนคอมเมนท์แบบนี้
ผมเชื่อว่า การรักษาแต่ละอย่าง ที่เรียกว่า แพทย์ทางเลือกนั้น มันมีดีของมันในตัว
แต่การรักษาย่อมแตกต่างแยกย่อยกรรมวิธี หลากหลายไปตามอาการป่วยของคนไข้
ตลอดจนกายภาพและสภาพพยาธิของคนไข้ก็เป็นปัจจัยในการวิเคราะห์หาทางรักษา
อย่างเมื่อก่อนตอนผมปวดหลังใหม่ๆ มีคนแนะนำให้ไปว่ายน้ำ
โอ้ย..เกือบจมน้ำตาย ขามันล๊อก เหมือนโดนถอดแบ็ตเตอรี่
ครั้นไปเดินหรือวิ่งออกกำลังกาย ก็เกิดอาการหกล้มบ่อยๆเพราะกล้ามเนื้อขามันงอแงฉับพลัน

ผมรักษา แล้วพอใจกับแพทย์โรงพยาบาล รักษากับหมอชำนาญทางด้านกระดูก
สิ่งที่จำเป็นในการรักษาคือการไป xRay และทำ MRI
สำหรับ MRI แพงมาก แต่ต้องทำ และต้องทำทุกปี ถ้ารักษาต่อเนื่องหลายปี
อย่ามั่วทำอย่างอื่น หากไม่ได้ทำการศึกษาปัญหาด้วย MRI

กระดูกสันหลังของคนเหมือนกระบอกไม้ไผ่ ตรงข้อต่อจะมีหมอนรองกระดูกอยู่
ในใจกลางกระบอกไม้ไผ่ จะมีเส้นใยสายไฟเปลือยหลายร้อนเส้น
สายไฟนี้ สำหรับคนเรียกว่า เส้นประสาท ทำหน้าที่ควบคุมอวัยวะส่วนที่ต่ำกว่าลงไป
การบีบนวดไม่ว่าจะพิศดารแค่ไหน ก็ไม่มีปัญญาไปซ่อมสายไฟที่ร้อยอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ได้หรอกครับ
ส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัด แต่แปลกตรงที่หมอๆจะบอกก่อนผ่าตัด
ว่า อาจจะไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์ บ๊ะ...ไม่ให้ความหวังกันเลย

อาการปวดหลัง ปวดเอว เป็นอาการเดียวกับอาการกล้ามเนื้ออักเสบ
อาการปวดหลัง ปวดเอว เป็นอาการเดียวกับอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อน
หมอนรองกระดูกเคลื่อน มีหลายระดับ เช่น ปูด ปลิ้น แตก ฉีกขาด ฝ่อ
เสี้ยนหรือเศษชิ้นส่วนของหมอนรองกระดูก อาจจะเขี่ย ชน เบียด กดทับ เส้นประสาท
ซึ่งจะส่งผลหนักหนาสาหัสต่างกัน อาจจะเจ็บตลอดเวลา หรือเจ็บเป็นบางจังหวะ
สำหรับอาการกล้ามเนื้ออักเสบ แค่ทานยาคลายกล้ามเนื้อก็หายภายใน 2 วัน
ถ้าเป็นน้อยๆ อย่างเช่น นอนตกหมอน หรือข้อเท้าเคล็ด อยู่เฉยๆแค่วันเดียวก็หายแล้ว
ดังนั้นถ้าเป็นอาการทางกล้ามเนื้อ แล้วไปรักษาทางด้านกระดูก
ทำอย่างไร มันก็หาย เพราะร่างกายมันพยายามรักษาตัวมันเอง
แต่ถ้าอักเสบแล้วมีบวม แบบนี้อาจจะต้องฉีดยา หรือทานยาลดอาการบวม
สำหรับโรคปวดที่เกิดจากกระดูกถูกกระแทก หรือใช้ท่าทางที่ทำให้กระดูกเคลื่อนผิดตำแหน่ง
แบบนี้ต้องไปหาหมอจัดกระดูก แต่ถ้าเป็นมากๆจะรักษาได้หรือเปล่า
ผมไม่เคยเห็นคนหลังโก่ง หรือเอวเบี้ยว รักษาด้วยการจัดกระดูกแล้วหายเลยซักราย

ช่วงแรกๆผมไปหามาหลายหมอ ใครแนะนำอะไร ก็มีคนลาก เอ้ย พาผมไปหาหมด
ไม่ว่าฝังเข็ม กดจุด จัดกระดูกแบบจีน กินยาสมุนไพร
จนสุดท้ายต้องกลับมารักษาแบบปกติ ซึ่งคิดว่าดีที่สุด เสี่ยงน้อยที่สุด และประหยัดที่สุด
เรื่องนี้ เอาไว้เรามาคุยกันยาวๆอีกที


เพลง รักที่อยากลืม ของ แซม ยุระนันท์
เพราะมากครับ
จำได้ว่าน่าจะอยู่ในภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง แต่จำชื่อไม่ได้
และที่จำได้เพราะว่าได้ไปดูกับซัมวันในวัยทีน เป็นการดูหนังกับสาวสวยซะด้วย
เอ้อ...ทำไมจำชื่อหนังไม่ได้
แต่ไม่เคยลืมชื่อคนที่ไปดูด้วยกัน 555

ref: Sienna Jampada A0 52 2D

 

โดย: zoomzero 2 มีนาคม 2554 22:00:59 น.  

 

Mintiva

วันนี้เฮียก็ทานเผื่ออาหมวยเหมือนกัน
เมื่อเช้าไปแมคโคร ซื้อผัก กับ หมู กุ้ง ปลาหมึก ลูกชิ้นกุ้ง เต้าหู้ วุ้นเส้น
ตอนเที่ยง ทำสุกี้หรือหม้อไฟ ทานกันที่บ้าน
ผักไม่ค่อยทานกันเลย เน้นแต่หมูหมักกับลูกชิ้น
ทานอาหารร้อนๆเสร็จ ก็ตามด้วยไอศกรีมกล่องของวอลล์
หมดไปไม่ถึงพัน ถูกกว่าไปทานที่เอ็มเคเยอะเลย

เมื่อวานไปจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตโลตัส
แมร่งจะบ้า เครื่องคอมฯไม่สามารถรับชำระหนี้ ถ้าไม่เอาสลิปกระดาษใบแจ้งหนี้มาด้วย
ทุกครั้งแค่เอาบัตรเครดิตไปสแกน ก็รู้ว่าเป็นหนี้เท่าไหร่ ก็จ่ายเงินได้เลย
แต่นี่ เขาบอกว่า เครื่องไม่สามารถจ่ายจากบัตร แต่รับชำระแบบกดเลขใบแจ้งหนี้ได้
เขาบอกให้เรากลับไปเอากระดาษมาจากบ้าน
ไอ้จดหมายก็ดันอยู่ที่รถอีกคัน แถมรถคันนั้นก็ไม่อยู่ที่บ้าน ต้องรอตอนเย็นซึ่งไม่ทันการแน่ๆ
ระหว่างนั้นก็มีคนมาโวยว่า เครื่องเจ๊งมา 3 วัน เขามา 3 รอบแล้ว
คนอื่นๆก็มาโวย ทางห้างฯต้องวิทยุแจ้งรปภ. เข้ามาดูแล เพราะเสียงเริ่มดังกันแล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่งเก่งมาก โทรฯมือถือเข้าห้าง โวยกับผู้จัดการห้าง
ผู้จัดการก็ออกมาคุยด้วย คนก็เริ่มมุงกันจำนวนมากขึ้นๆ พวก รปภ.เริ่มวิทยุคุยกัน (ฟังไม่ได้ยิน)
เฮียก็เลยเดินกลับเข้าไปหาพวกเขาอีก ทำหน้าเหมือนพวกสอดรู้
เฮียยืนฟังจนเข้าใจปัญหาของพวกเขาทั้งสองฝ่าย
เฮียก็ออกความเห็นว่า ให้ใช้คอมฯทั้ง 2 ตัว (เขามี 2 แต่ใช้แค่ 1)
คอมฯตัวแรกอ่านหมายเลขบัตรเครดิต แล้วตรวจหมายเลขใบแจ้งหนี้จากเบอร์สมาชิก จดระหัสเอกสารอ้างอิงมา
คอมฯตัวที่สอง ก็ป้อนหมายเลขเอกสารอ้างอิง แล้วรับชำระเงินเหมือนคนเอาเอกสารมาแจ้งจ่ายเงิน
พวกเขาทำอย่างไรก็ไม่รู้นะ แต่เหมือนๆว่าจะทำอย่างที่เฮียบอก คนอื่นเลยจ่ายเงินได้
นี่ถ้าเลยไปวันหนึ่งก็ต้องโดนปรับ ถ้ากลับไปขอเอกสารจากเจ้ เจ้ก็ต้องรู้ว่ามาจ่ายเงินวันนั้น
นี่ ถ้าเจ้รู้ ก็ซวยเลยหละ เจ้ด่าแน่ๆ เพราะดันมาจ่ายวันสุดท้าย

เมื่อวานไม่มีน้ำมันปาล์มที่โลตัสเลย บอกว่าขายหมด
ทั้งๆที่นายกบอกว่า มีขายแล้ว ไม่มีใครกักตุนแล้ว
วันนี้ไปแมคโคร มีน้ำมันปาล์มเยอะแยะ
ไม่มีคนแย่งซื้ออีกด้วย ราคาก็ 47 บาท
สงสัยว่า โลตัส จะมีปัญหากับน้ำมันปาล์มทำพิษอยู่ในช่วงนี้ หุหุ

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 2 มีนาคม 2554 22:30:11 น.  

 

เมื่อคืนถ่างตาดูรายการที่มาช่าไปออก ช่อง 3
คงมาโปรโมทผลงานใหม่
ตัดผมซะ เป็นสาวแรกรุ่นเลย
อายุก็ไม่ใช่สาวรุ่นๆ แต่หุ่นดีชะมัดเลย
สัมภาษณ์ไปๆมาๆก็มาที่คุยกันที่เรื่องความรัก
แน่นอน คนในวงการรู้ดีว่า มาช่าได้เคยออกมาแถลงข่าวร่วมกับอดีตแฟนหนุ่ม(อายุน้อยกว่า)
ตอนแรกๆในตอนที่นักข่าวเริ่มแตกฮือ เมื่อหลายเดือนก่อนโน้น
ฝ่ายหญิงก็ออกมาบอกว่า ช้ำใจ โดนหลอก
ฝ่ายชายก็ออกมาโต้ว่า ไม่เคยปอกลอก
แล้วก่อนที่มันจะไปกันใหญ่ เพราะนักข่าวช่วยเชียร์
สองคนก็ออกมาแถลงข่าว ราวกับว่า ไม่มีเรื่องบาดหมางใจอะไร

แต่เมื่อคืน เมื่อโดนถามว่า เข็ดหรือไม่เรื่องความรัก
ฝ่ายหญิงได้ตอบว่า เข็ด
ที่นี่เข้าทางพวกพิธีกรที่จ้องจะให้เข้าประเด็น
คนถามเลยถามว่า เข็ดผู้ชายแบบไหน
เท่านั้นแหละ การบอกว่า ไม่ชอบผู้ชายแบบนั้น ๆๆๆๆ
มันก็คือการว่า แฟนเก่า อย่างไม่ต้องอุปมาอุปมัย

นี่แหละที่ทำให้ต้องเขียนหัวข้อหย่าร้าง
ไม่ใช่เพราะว่าบ้าภราดรหรือหลงรักน้องฟ้า แต่อย่างใด
มันอยู่ที่ว่า พอคนเราหมดรัก คนเราจะพูดอะไร จะทำตัวอย่างไร
เรื่องแบบนี้ไม่มีใครผิด หรือถูก
แต่เรามองเห็นแล้ว ก็ไม่อยากเป็นอย่างพวกเขา
ใครนะ บอกว่า ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม

 

โดย: zoomzero 3 มีนาคม 2554 10:51:58 น.  

 


Natalie Glebova

ปัจจุบันอายุ 30 ปี เป็นคนแคนาดา เชื้อสายรัสเซีย
สูง 177 ซ.ม.
ผมสีน้ำตาล
ตาสีฟ้า
ใบหน้าสวยงาม
สัดส่วน...ไม่รู้ซิ แต่หุ่นดีนะ
ยิ้มหวาน ละลายหัวใจชาย
เกิดวันที่ 11 พฤศจิกายน 1981 ในเมืองTuapse ประเทศรัสเซีย
ชื่อของเธอก็เป็นภาษารัสเซีย
เติบโตและเรียนหนังสือในเมืองโทรอนโต้ ประเทศแคนาดา
ทำให้เป็นคนที่มี 2 วัฒนธรรม(รัสเซีย-แคนาดา) ทำอาหารรัสเซียอร่อย(มั๊ง)
จบการศึกษาปริญญาตรีพาณิชยศาสตร์ (Bachelor of Commerce) มหาวิทยาลัย Ryerson
ในสาขา Information Technology Management and Marketing
มีความสามารถพิเศษในการเล่นเปียนโน
เก่งในการเล่นยิมนาสติก ได้เป็นแชมป์เยาวชน
ชอบว่ายน้ำ เล่นโยคะ ขี่จักรยาน โรลเลอร์เบลด กีฬากลางแจ้ง
แต่ไม่ชอบซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์คันใหญ่(ของสามี) คงไม่อยากตายก่อนวัยอันสมควร

เมื่อเรียนจบใหม่ๆ ได้ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบ ตามประสาคนสวย นิสัยดี
ลองเข้า google ค้นด้วยคำว่า Natalie Glebova in commercial จะพบว่าเธอมีงานด้านนี้เยอะพอสมควร
ด้วยบุคลิคสดใส ทันสมัย เป็นกันเอง ทำให้มีคนชักชวนเข้าสู่เวทีการประกวดนางงาม
ต้องรอให้นาตาลีอายุประมาณ 50 เราอาจจะได้อ่านอัตชีวประวัติของเธอ เขียนโดยเธอเอง
เราก็ได้รู้ว่า คนรัสเซียคนไหน หรือใครกันแน่ ที่ดูแล คุ้มครอง และช่วย ให้คนธรรมดาอย่างเธอ
สามารถดำเนินชีวิตที่เหมือนฝันได้อย่างนี้

ปี 2004 นาตาลีเข้าประกวด Miss Universe Canada ตอนนั้นได้รองอันดับ 3
ปี 2005 เข้าประกวด Miss Universe Canada อีกครั้ง คราวนี้ได้ที่ 1 ได้เป็นนางงามจักรวาลแคนาดา
และในปีเดียวกันก็ได้เป็น Miss Universe 2005
เป็นคนแคนาดาคนที่ 4 ที่ได้เป็นนางงาม และเป็นในรอบ 10 ปีต่อเนื่องเสียด้วย
นาตาลีต้องย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์คเพื่อทำหน้าที่นางงามจักรวาล ชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
เธอเริ่มมีบทบาทในเรื่องการทำกิจกรรมช่วยเหลือคนเป็นโรคเอดส์ และคนยากจนในประเทศด้อยการพัฒนา
อันนี้ก็เป็นคอนเซ็บของกิจกรรมที่พวกนางงามเขาทำกัน แต่นาตาลีทำได้ดี และยังทำต่อเนื่องในปีหลังๆอีกด้วย
อาจจะเป็นเพราะงานประกวดนางงามได้จัดขึ้นที่ประเทศไทย ชีวิตของเธอหลังการทำหน้าที่นางงามในอเมริกา
จึงได้ทำให้ชีวตของเธอได้มาวนเวียนอยู่กับประเทศไทย และคนไทยก็ชื่นชอบเธอ ไม่ได้มองว่าเป็นฝรั่งต่างด้าว
ปีต่อมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จ้างนาตาลีให้เป็นตัวแทนเผยแพร่วัฒนธรรมไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
มีการถ่ายภาพยนตร์โฆษณาพร้อมคนในครอบครัวของนาตาลี เช่นคุณพ่อวลาเดเมียร์ และคุณแม่แอนนา
เป็นการพูดคุยว่า เธอชอบประเทศไทยเพราะอะไร
เป็นความคิดที่แปลกดี ที่เอานางงามจักรวาล ที่ได้มาประกวดในประเทศไทย แล้วกลับมาแนะนำประเทศไทยให้โลกได้รู้จัก

ภาพที่คนไทยจำนาตาลีได้ คือ การไหว้ของสาวฝรั่งที่ไหว้ได้สวยงามมาก
ช่วงนั้น นาตาลีเคยถ่ายภาพยนตร์โฆษณาบะหมี่มาม่า และมีการพิมพ์หน้าเธอบนซองบะหมี่ด้วย
ปี 2006 นาตาลีก็ได้เป็น Brand Ambassador ของ Singha Corp ตอนนี้แหละที่เธอถูกเรียกว่า "น้องฟ้า"
ด้วยชื่อนี้ นาตาลีจึงถือโอกาสเปิดบริษัทด้านความงาม ชื่อ บ.ฟ้า เกลโบวา อินเตอร์เนชั่นแนล จก.
ปี 2007 นาตาลีเริ่มกลับมาทำงานด้านโฆษณาเมื่อตอนปลายปี 2006 และได้เป็น Best Actress ของ
The 13th Annual Most Popular TV Commercial Awards 2007
อย่างทีเคยบอก ลองเข้าไปดูใน google ได้


ปี 2007 ช่วงปลายปี นาตาลี สมรสกับหนุ่มไทย ชื่อ ภราดร ศรีชาพันธุ์
ซึ่งภราดรเป็นนักเทนนิสชื่อดังของประเทศไทยและเอเชีย (ในขณะนั้น)
ภราดรให้แหวนหมั้นกับนาตาลี เมื่อเดือนเมษายน 2007 ที่บาหลี ด้วยแหวนเพชร 3 กะรัต

ส่วนงานมงคลสมรสจัดที่โรงแรมโอเรียลเต็ล แหวนแต่งงานเป็นเพชร 10 กะรัต

งานนี้ใช้ดอกไม้ถึง 70,000 ดอก แถมยังมีของตกแต่งที่เป็นคริสตัลสวารอฟสกี้ เน้นโทนสีฟ้า-น้ำเงิน
ว่ากันว่าอีกแล้วว่า เป็นคริสตัลสั่งจากเมืองนอก จำนวน 90,000 เม็ด ใช้เวลาร้อยนานถึงหนึ่งเดือน
ถ้าใครว่า zoomzero โกหก ก็ลองไปถามคุณ ไพฑูรย์ อุปัติศฤงค์ ไดเร็กเตอร์ออฟโซเชี่ยลอีเว็นต์ ได้เลย
สำหรับเค้กในงานแต่ง จำได้ว่าเป็น ฟรุ๊ตเค้ก สูง 9 ชั้น เน้นไอซิ่งสีขาวราวกับเค้กมาจากเมืองหิมะก็ไม่ปาน
เรื่องอาหารการกินนั้นใช้พ่อครัวและผู้ช่วยประมาณ 100 คน ทำงานต่อเนื่องตลอด 48 ชั่วโมง
คืนนั้นคู่บ่าวสาวได้จึ๊กกระดื๋ยเขี่ยขากันในห้องพักชั้น 16 ราคาคืนละ 200,000 บาท
ส่วนชุดแต่งกายเจ้าสาวมีทั้งหมด 3 ชุด
ผลงานออกแบบของ คุณภคมน ทวีสาย ดีไซเนอร์จากห้องเสื้ออามอเร่
คุณภคมนบอกว่าเจ้าสาวเป็นคนให้แนวคิดเรื่องชุดต่างด้วย
เอ้... ทั้งๆที่มีชุดไทยบรมพิมาน รวมอยู่ด้วยนี่นะ เหลือเชื่อจริงๆ

นาตาลีเคยให้สัมภาษณ์จากคำถามว่าทำไมต้องแต่งงานอย่างสายฟ้าแล็บ
เธอบอกว่าคบหาดูใจมานาน 8 เดือน จึงตกลงใจแต่งงานกับแฟนหนุ่ม
สาเหตุที่แต่งงานเพราะว่าฝ่ายชายมีนิสัยเหมือนเธอหลายอย่าง
เข้าใจกันแทบทุกเรื่อง เลยไม่ต้องดูใจกันนาน

หลังการแต่งงาน มีแต่ข่าวลือเรื่องเตียงหัก จนต้นปี 2011
ทั้งสองจึงออกมายอมรับว่าได้แยกกันอยู่มาระยะหนึ่ง
ในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการตีสิบ
ว่าจะ หย่า กันแน่นอน ในเดือนมีนาคม
มันก็อาจจะมีปาฏิหาริย์ในโลกแห่งความรักก็ได้ ใครจะไปรู้


ส่วนหนึ่งในการให้สัมภาษณ์ของนาตาลี
"สำหรับตำแหน่งนางงามจักรวาล คิดว่าเป็นงานที่ต้อง
ค้นหาสิ่งท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต เพื่อปรับปรุงตัวเอง
ให้ดียิ่งขึ้น และตั้งใจจะหาทางปรับเปลี่ยนทัศนคติขอ
งคนทั่วไปเกี่ยวกับการประกวดความสวยความ
งามว่าคนเราไม่ได้มีดีแค่ความสวยอย่างเดียว
ส่วนการปฏิบัติภารกิจจะเป็นไปตามแผนงานของ
กองประกวด แต่สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษคืองานสนับ
สนุนองค์กรด้านโรคเอดส์"


ตอนที่นาตาลีเป็นคู่หมั้นใหม่ๆนั้น
เธอเคยไปทำบุญที่วัดพระบาทน้ำพุ
เพราะเธอสนใจเรื่องการช่วยคนเป็นโรคเอดส์
นักข่าวตามไปทำข่าวราวกับงานช้าง
ว่ากันว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2550 ภราดรได้ทำบุญที่วัดนี้เป็นจำนวน 112,000 บาท
ทำไมมีเศษหมื่นสอง คงเป็นเพราะมีคนฝากมาทำบุญ แล้วเจ้าตัวจึงออกเงินสมทบกระมัง

 

โดย: zoomzero 3 มีนาคม 2554 14:14:28 น.  

 

วันนี้ขับรถชนรถชาวบ้านอีกแล้ว
แถมเป็นคนในซอยเดียวกัน
ทีแรกก็วางท่า ตีหน้ายักษ์ใส่เรา
รถเบียดกันในทางโค้งแคบๆ
ที่แคบเพราะบ้านแถวนั้นเอากระถางต้นไม้ออกมาวางล้ำพื้นที่ถนน
เรามีประกันชั้นหนึ่ง เลยบอกว่า เราเรียกประกันให้เอง
แค่นี้เขาก็ทำหน้าเป็นมนุษย์ได้
เขาบอกว่า เขาไม่อยากได้ประกัน
อยากได้เงินสดๆมากกว่า ขอแค่หนึ่งพัน
เราว่ามันไม่มาก แต่เราให้ไม่ได้
เพราะถ้าให้เขาไป เราก็ไม่มีคู่กรณี
เวลาเอารถเข้าซ่อม เราก็ต้องจ่ายค่า accept
เออ...ใครฟระ คิดคำว่า เอ็กเซ็พ มาให้พวกประกันใช้
คนๆนี้แมร่งเลวโคดๆ ทำให้ลูกค้าต้องเสียเงินสองเด้ง
เบี้ยประกันก็ต้องจ่าย
ค่าปรับ ถ้าไม่มีคู่กรณี หาคู่ร่วมชนไม่ได้ ก็โดนมันไถ
เรื่องนี้จบลงอย่างไร ขี้เกียจบอก
เอาว่า จบคือจบ

 

โดย: zoomzero 3 มีนาคม 2554 17:57:00 น.  

 



สะวัดดี..วันสุข ค่ะ คุณซูม แบบที่คุณซูมเล่านี่เีรียกว่า
ต้องเสียเงินเพราะความเห็นแก่ตัวของคนเป็นสาเหตุส่วน
หนึ่ง ต้องการเขตพื้นที่โดยไม่สนว่าทางแคบรถไปยาก
ซอยที่ขับผ่านก็เป็นเหมือนกันเดิมก็ขับสวนกันสบาย ๆ
แต่พอมีบ้านมาสร้างที่ส่วนมุมเลี้ยวก็ไม่ยอมสละเอาเสา
มาปักซะงั้น กลายเป็นว่ารถต้องสลับทางกันไป ถ้าเจอ
คนเห็นแก่ตัวไม่ไปสลับทีละหนึ่ง กลายเป็นว่าจังหวะใคร
ช้าก็รอไปเถอะต่อคิวกันเป็นหางว่าว

รถขนุนตั้งแต่ซื้อมา 7 ปี ไม่ได้ทำประกัน ในความคิด
โฉบเฉี่ยวชนนิดหน่อยเกิดเรื่องซ่อมเองดีกว่า ปลายปี
ที่แล้ว จอดรถสนามหลวง 2 ด้วยความอยากกินไก่ย่าง
ส้มตำ น้ำตก เจ้าอร่อย เสร็จสรรพขึ้นรถปั๊บก็มีกระบะ
ขับมารอเข้าจอด ด้วยความใจดีกลัวจะช้าก็รีบขยับ
ถอยให้ โดยมี รปภ.สนาม 2 คนขนาบซ้ายขวาดูรถให้
ถอย เราก็เชื่อใจว่ามีตั้ง 2 คน (บังตามองหลังไม่เห็น)
ไงถ้ารถชิดเกินไปคงตบท้ายเคาะรถบอก ขยับนิดเดียว
เสียงโครม ลงไปดูพบท้ายขวากระแทกกันชนหน้าคัน
กระบะ เจ๊คนขับลงมาทำหน้ายักษ์ใส่ " โอ๊ย...แนี๊ยะ
ต้องเปลี่ยนกันชนใหม่ "(มีแผลถลอกแค่ 2 ซม.)
ขนุนก็ขี้รำคาญบอก เอาค่าซ่อมไป เพราะขี้เกียจให้
ถึงตำรวจต้องทำเรื่องบันทึกที่โรงพักเสียเวลา เอาไป
สองพัน แลัวกัน เจ๊ไม่ยอมเรียก 3500 ก็เลยบอกไปว่า
รอยนิดเดียวของเราตั้งเยอะ งั้นเรียกอู่มาตีราคา เค้าก็
ลดเป็น 3000 (ก็ยังแพงเกินอยู่ดี) ขนุนคิดในใจช่างมัน
จะได้จบ ๆ รีบไปยอมจ่าย.....สรุปงวดนี้กลายเป็นว่าขนุน
กินไก่ย่างราคาแพงที่สุดในโลกตัวละ 3000 อิ..อิ..

สรุปได้บทเีรียนว่า..อย่าไว้ใจเชื่อคนอื่นเด็ดขาด ยังไง
สองลูกตาของเราแน่นอน กว่าสี่ลูกตาของคนอื่น จำเอา
ไว้อย่าชะล่าใจไว้ใจคนอื่นให้ดูรถให้เด็ดขาด ดูให้ชัด
ดูให้แน่ใจ....จะได้ไม่ต้องมานั่งเจ็บใจตัวเองอีก


 

โดย: jampada IP: 58.11.51.34 4 มีนาคม 2554 6:28:35 น.  

 

Jampada

หวาดดี วันศุกร์ สนุกสนาน ครับ

แหม...แบบนี้ซิรักกันจริง
blog หุบเขาโฉด ต้องคุยกันเรื่องคนโฉดๆแบบนี้

อย่าโกรธกันเลยนะ ไม่ได้อยากว่าเพื่อนนะ แค่ออกความเห็น
ผมว่าทำประกันชั้น3 เอาไว้ก็ดีนะ ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย
เหตุผลก็คือ ไม่ต้องมาถกเถียงกับใครที่เราไม่รู้จัก
รถเรา เราซ่อมเอง หาอู่ที่เราชอบ หาวันที่เราว่าง อิสระดี
ส่วนรถคู่กรณี ไม่ต้องไปฟังมันแหกปากอะไร
บอกเขาไปเลยว่าเดี๋ยวประกันมา คุยกันเอง
ถ้าไปชนกันกลางค่ำกลางคืน
ก็ให้ตามกันไปที่โรงพัก หรือที่สว่างๆแล้วตามประกันมาเป็นเพื่อนเรา

เรื่องเมื่อวานความจริง ฝ่ายเขานั่นแหละผิดที่ตีวงเข้ามาล้ำทางของผม
แต่บังเอิญเขาเบรคคาทางโค้ง ผมเป็นฝ่ายขับถูไถผ่านรถเขาไป
แต่คุณขนุนเชื่อมั๊ย ว่ามุมกันชนเขาถลอกนิดเดียว
แถมมันเป็นยาง แทบไม่ต้องทำอะไรเลย
ผมว่าแค่เอาสเปรย์สีดำ กระป๋องละ 35 พ่นครึ่งกระป๋องก็เรียบร้อย
ของผมนี่ซิ ประตูหลังด้านคนขับ ล้อแม็กซ์ บังโคลน คิ้วยาง แก้มท้าย
เป็นแผลยาว ขนาดกว้าง 2 ซ.ม. ยาวเป็นทางเลย

ทีแรกเขาจะเอาเงินสดตรงนั้น
ผมก็บอกว่า ผมมีประกันชั้นหนึ่ง เดี๋ยวประกันเคลียร์ให้ ใจเย็นๆ
เขาก็โวยว่า ไม่ใช่รถเขา เขาต้องคุยกับอีกคน
แล้วก็นั่งเอามือลูบกันชนราวกับว่ามันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเขา

เมื่อวานผมต้องรีบไปส่งคุณหนูนายอดยาหยีที่มอแอร์แบ็คบางนา
ผมเลยขอเขาว่า ตอนบ่ายจะพาประกันมาบ้านเขาเลย ให้เขาคอย
ก็บ้านเขาก็อยู่เลยบ้านผมไปหน่อยเดียวเอง (คนละซอยนะ เลยไม่สนิทหน้ากัน)
เขาก็ทำหน้าเซ็ง ผมขอเบอร์เขา แล้วต่างคนก็ต่างไป

พอส่งลูกสาวเข้าห้องสอบเสร็จ
ผมก็โทรคุยกับเขา เขาก็ยืนยันว่าอยากซ่อมเอง
รถเขาต้องใช้งานทุกวัน
ผมก็บอกว่าประกันเขาให้เวลาตั้ง 1 ปี วันไหนว่างก็เอาไปซ่อมได้เลย
แผลนิดเดียวแบบนี้ แค่วันหรือสองวันก็เสร็จแล้ว

เขาก็งอแง จะเอาเงินไปซ่อมเองให้ได้
ผมก็เลยบอกว่า ถ้าผมให้เงินคุณไป
ผมก็เบิกเอาจากประกันไม่ได้
แถมผมไม่มีคู่กรณี
เวลาผมเอารถเข้าซ่อม ผมก็ต้องจ่ายค่าปรับอีก 2,000 บาท
ผมจ่ายประกันปีละสองสามหมื่น จะให้ผมจ่ายอีกสองสามพันไปทำไม
ถ้าเขาไม่ยอม ผมก็ว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่นะ เรื่องนี้มันขี้ประติ๋วจะตายไป

เขาก็ยอม
ผมก็เลยโทรนัดประกัน เล่าอุบัติเหตุ
และบอกเหตุผลที่ต้องเลื่อนเวลามาเป็นตอนเย็น
ประกันก็ไม่ว่าอะไร เขาก็จัดคนให้มาตอนสี่โมงเย็น

สรุปว่ารถชนกัน ไม่จำเป็นต้องตามประกันเดี๋ยวนั้น
และก็ไม่ต้องจอดรถแช่เอาไว้ขวางถนน
แต่เขาจะให้เราพาไปตรงที่เกิดเหตุเพื่อถ่ายรูปสถานที่
ผมจำได้ว่าประกันชอบด่า ถ้าเราไปยอมรับผิดก่อน
แต่นั่นเป็นปัญหาของประกันชั้น 3 เพราะเขาไม่ค่อยอยากจ่ายเงินให้ใคร

เรื่องนี้ ผมก็ว่าเขาไม่ซีเรียสนะ เพราะผมนัดเจอกันบ้านผม
แล้วผมก็พาประกันไปบ้านคู่กรณี
โอ้ว..ในบ้านมีรถเบนซ์ 300 รุ่นประมาณสิบปีอยู่คันหนึ่งอีกด้วย

ส่วนประกันพอทำเรื่องเสร็จ
เขาก็ขับมอเตอร์ไซด์ไปถ่ายสถานที่เกิดเหตุของเขาเอง

ไอ้คนที่ผมชนรถมันนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ
พอประกันไปบ้านมัน มันกลับบอกว่า รถเป็นของมัน
แต่ตอนที่ชนกัน มันบอกว่ารถเป็นของคนอื่น
เป้าหมายก็เพื่อจะเอาเงินสดจากเรา

ตอนไปที่บ้านเขา ภรรยาเขาก็ออกมาดูเรา
และก็พูดคล้ายๆสามีเขา สงสัยอยากได้เงินสดจริงๆ แค่ 500 นี่นะ
อือ..แต่มองในมุมเขา เขาก็ไม่อยากเอารถไปจอดในอู่วันหรือสองวัน
เป็นเราก็คงไม่อยากเสียรถไป แล้วต้องนั่งแท็กซี่ไปทำธุระ
เอ้ย...ทำไมเราเป็นคนใจอ่อนไปได้
เรื่องนี้ ตอนแรกผมก็ว่าจะยอมเสียเงิน เพราะคิดว่าเราเป็นคนสร้างกรรมเอง
เราทำให้เขาเดือดร้อน เออ...แล้วเราจะทำประกันไปทำไม
แต่ยายคุณนายกิมลั๊งดันนั่งรถไปด้วยกัน
เขาไม่ยอมให้ผมเสียเงินเลอะเทอะแบบนั้นหรอก

ถ้าผมไม่มีประกัน คงโดนเขารีดเงินมากกว่านี้
จริงๆแล้วผมยังคิดว่า ถ้าเอารถเขาเข้าอู่ก็ต้องจ่ายอย่างน้อยสองพันกว่าบาทแน่ๆ
ดีแล้วหละทีผมยอมเสียเงินค่าประกันแพงหน่อย
โลกนี้ใช่ว่าจะมีแค่เราที่โฉด
พวกที่โฉดกว่าเราก็มีอยู่อีกเยอะเหมือนกัน

ref: Sienna Jampada A0 52 2D

 

โดย: zoomzero 4 มีนาคม 2554 10:45:07 น.  

 




หวัดดีวันศุกร์ค่ะเฮีย
เมื่อกี๊มินก็เกือบเฉ่งกันเหมือนกันค่ะ
ไปจอดรถที่ปั๊ม ปตท. แวะลงไปซื้อมอคค่าเย็น
พอกลับมาที่รถ เนื่องจากมีรถมาจอดเบียด ๆ กันไปหมด
เปิดประตูขึ้นรถแทบไม่ได้ ประตูมันเลยไปโดนไอ้รถข้าง ๆ นิ๊ดเดียว
มินเองก็ระวังอยู่แล้ว เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันแคบมาก ๆ
พอมินเข้าไปนั่งในรถ ไอ้รถคันนั้นมันก็กดกระจกลงมา
โผล่มามองด้านข้าง ๆ ของรถเค้า มินก็อุตส่าห์กดกระจกลงเพื่อจะถามว่า เป็นไรหรือป่าวคะ
เพราะมองไปแล้ว ไม่เห็นมันจะเป็นรอยไรเลย
นอกจากจะทำหน้างอใส่มินแล้ว ยังไม่พูดไรกับมินซักคำ... Eบ้าเอ๊ย...
มันก็ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งคงด่ามินในรถด้วยมั๊ง
เพราะมินเห็นมันมองแล้วก็พูด ๆ ๆ ไรกันก็ไม่รู้...
แต่ เห็นหน้าตาท่าทางที่มันสะบัดหน้าใส่แล้ว รู้แต่ว่ามันคงไม่สรรเสริญมินแน่ ๆ อ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
ชั้นก็อุตส่าห์ถามคุณดี ๆ แล้วว่าเป็นไรหรือป่าวคะ
ก็คุณไม่พูด ไม่บอก แล้วตรูจะตรัสรู้ได้ไงว่าเมิงจะเอายังไง...
แหม..ถ้าไม่กลัวว่าจะเสียเวลานะ จะทิ่ม tood มันซักทีนึง...
กะอีแค่โดนนิด ๆ หน่อย ๆ ทำเป็นสะดิ้งไปได้ หมั่นไส้ค่ะเฮีย...

โชคดีของมันนะ 2 วันนี้ มินยุ่ง ๆ นายจะไปกวางเจาคืนวันอาทิตย์นี้ 3 - 4 วัน
กลับมาอยู่อีก 2 อาทิตย์ไปญี่ปุ่นอีกเดือนนึง ลูกเค้าก็จะไปอินเดียปลายเดือน
เมษาไปเมกาอีก ...โหย..ตรูจะบ้า ..นี่ก็ยังไม่ได้แลกเงินให้เค้าเลยค่ะ

วันนี้ขออยู่ในบทโฉดมั่งนะ ฮ่า ๆ ๆ
ที่ไปเม๊นท์ไว้ที่บล๊อคมินหน่ะ ...
ว่าใคร หมายถึงใครเหรอคะ ฮ่า ๆ ๆ
ว่าจะเย๊ ๆ ๆ พรุ่งนี้วันเสาร์ซะหน่อย
ก็มีเหตุให้ต้องออกจากบ้านไปสยามเอ๊กซ์แลกเงินซะอีก
สงสัยได้ไปลันล๊าแถว ๆ ร้าน loft สยามแหง ๆ
เสียกะตังค์อีกแล้วค่ะ เพราะมีแต่ของน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย
ไม่ว่าจะท่องคาถาไว้ยังไง ก็เอาไม่อยู่ค่ะ
เวลาเห็นอาไรคิขุ ๆ น่ารัก ๆ อ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

 

โดย: มินทิวา 4 มีนาคม 2554 16:28:43 น.  

 

Mintiva

555 ถะ ถะ ถู ถู ถูก ถูกต้องนะครับ
คนมันต้องมีอารมณ์โฉดกันบ้าง
ดีกับมัน มันไม่ดีด้วย ก็ด่ามัน(ในใจ) ใส่ไปเลย

เฮียว่าทุกวันนี้ คนเรามันจะไม่เหลือ EQ กันแล้วหละ
มันเจอคนแปลกหน้า แทนที่มันจะยิ้มให้กัน มันก็ทำเป็นเต๊ะท่า
อะไรผิดใจกันนิด มันก็โกรธ ยิ่งอ้ายพวกช่างกลเดนสังคมพวกนั้น
เห็นมันตีกัน แทงกัน ยิงกัน ยังกับว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาห้าร้อยชาติ (ฟายเอ้ย)
ทั้งๆที่ก็คนไทยด้วยกัน ต้นตระกูลย้อนไปร้อยๆพันๆปีก็คนพื้นที่นี้ทั้งนั้น
ว่าไปแล้วก็ยากเหมือนกันนะ ที่จะให้คนเรายิ้มให้คนทั่วไปหมด
แต่เขาว่าถ้าข้างในมีความสุข
คนๆนั้นก็อยากจะแบ่งความสุขออกมาให้คนรอยบตัว
ก็เหมือนใครคนหนึ่งที่เฮียเป็นห่วงนี่ไง
เพราะข้างในของเขาเหี่ยว ก็กลายเป็นคนหงอย
เอาแต่นอนมองเพดาน นอนหลับมันตั้งแต่พระจันทร์ยังไม่ขึ้นเลย

ครั้งหนึ่ง เฮียเคยเฉี่ยวชนกับรถคันหนึ่ง
พอลงรถมาเฮียก็ทักว่า ขอโทษนะครับ คงต้องเสียเวลากันหน่อย
แล้วเราก็ให้ตำรวจแถวนั้น ฉีดสเปรย์สีขาวที่ล้อทั้งสี่
จากนั้นก็เลื่อนรถไปจอดในซอย
พอประกันทั้งสองฝ่ายมา คู่กรณีก็บอกว่า เฮียยอมรับผิดไปแล้ว
เฮียก็งงว่า รับผิดตอนไหนหว่า
เขาก็บอกว่า พอชนกันปุ๊บ เฮียก็ลงมาบอกว่า ขอรับผิด
เฮ้ย...เราขอโทษ เพราะเราคิดว่ามันเป็นคำที่เราพูดติดปาก เพื่อแสดงความเกรงใจกัน
แล้วจะได้มาตกลงกันดีๆว่า ให้ตำรวจขีดเส้นล้อ แล้วเราเอารถออกจากผิวการจราจร
ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อนเพราะเรา
แต่แมร่งหาว่าเราสารภาพยอมจำนนกับมันซะแล้ว
แต่พวกพนักงานประกันเขาไม่ยอมกันง่ายๆหรอก
เขาต้องไปดูที่เกิดเหตุ ใครโกหกไป คนพวกนี้จับผิดได้ทันที
ก็อย่างว่านะ เขาเจอเหตุการณ์รถชนกันมาทุกๆวัน จนสามารถเดาว่าอะไรเป็นอะไร
บางคนเก่งมาก แค่ดูสีที่ถลอกหรือรอยไฟที่แตกเกลื่อนถนน
เขาก็บอกได้เลยว่า ใครล้ำเลนใคร ใครเข้าเลนได้ก่อนใคร
แต่บางที ก็เหมือนว่าเขาเถียงได้เพราะเขาชำนาญการใช้คำพูดมากกว่า

กลับมาที่เรื่อง ชอบพูดขอโทษ
อันนี้มันเป็นโรคประจำตัวของเฮียจริงๆ เพื่อนๆมันก็เคยว่า เดี๋ยวกรูยิงลูกโทษเลย
อย่างเช่น ไปพบลูกค้า พอเจอเลขาฯหน้าห้อง
เฮียก็จะบอกว่า ขอโทษครับ ผมชื่อ...มาจากบริษัท....นัดไว้กับคุณ....
พอเจอลูกค้า ก็พูดขอโทษกับเขาก่อนเลย ขอโทษครับที่มาช้า (ทั้งๆที่มาตรงเวลา)
หรือไม่ก็ขอโทษที่ทำให้ต้องคอย ขอโทษมันเรื่อยเปื่อยไปหมด
คงเป็นเพราะทำงานด้านเซอร์วิสอาฟเตอร์เซลมากไปหน่อย
พอลูกค้าโทรมาด่า ก็ขอโทษเขาก่อนเลย แล้วค่อยถามว่ามีปัญหาอะไร

แหม...เจ้านายอาหมวยจะไม่อยู่หลายวัน
มิน่า...มีหนุ่มๆมาชวนไปเที่ยวเกาหลี
เอ้..เฮียไปได้ยินจากที่ไหนมานะ ว่าอาหมวยจะไปเที่ยว
สงสัยฝันถึงอาหมวยมากไป 555

เสาร์อาทิตย์นี้ไม่มีโปรแกรมไปไหน
พรุ่งนี้คงเอารถเข้าอู่ซ่อมสี
แล้วคงเลยไปบ้านน้องสาวเจ้กิมลั๊ง เพราะเขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว
เห็นว่าต้องใส่เฝือกเป็นเดือนๆ ไมรู้ว่าจะทันวันเชงเม้งหรือเปล่า


วันนี้ไปทานดินเนอร์กับครอบครัวที่ร้านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
เขาว่ามีดาราช่อง3 เป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้น
ร้านชื่อ เทิร์นอิทอัพ อยู่ตรงข้ามกับโลตัสสาขาเลียบทางด่วน
ดาราคนนั้นคือ โฬม พัชฏะ แต่อย่าฝันว่าจะได้เจอตัวจริงเลยนะ
ร้านนี้มีทั้งห้องกระจกและโอเพ่นแอร์
แต่เห็นคนเขามานั่งด้านมีดนตรี ซึ่งเป็นโอเพ่นแอร์
โซนห้องแอร์ เห็นเปิดไฟ แต่ไม่มีคนเดินไป สงสัยจะไม่ได้อาหาร แต่อาจจะเป็นผับ
ขนาดของร้านไม่ใหญ่มาก มีบาร์เหล้า บาร์เบียร์ อยู่ด้านใน
สาวประชาสัมพันธ์ หน้าตาดี รูปร่างดี นุ่งกางเกงขาสั้นแบบว่า สั้นไม่ได้กว่านี้อีกแล้ว
ขาสวยมาก แต่สูงได้กว่านี้ คงเป็นนางแบบ หรือไม่ก็ พริตตี้

อาหารก็อร่อยดี ก็สมคำเล่าลือ วันนี้สั่งอาหารมาได้แก่
ปลาแซลมอนพันร๊อกเก็ต (ผักชื่อ ร๊อกเก็ต)
หมูบาร์บีคิว ไม้ละ 55 บาท อร่อยเพราะซอสรสชาดดีมาก
ปลากระพงทอดน้ำปลา ทำมาเป็นชิ้นๆ ทานง่าย
ไก่มะนาว
สลัดกุ้งสด น้ำสลัดเหนียวๆไม่น่าทาน
ต้มยำกุ้ง อร่อย แต่ออกหวานไปหน่อย
เสียดาย มองเห็นเขาสั่งไก่ย่างกันหลายโต๊ะ ท่าทางจะอร่อย คราวหน้าต้องลองสั่งมาทานดู

โซนร้านอาหารข้างถนนริมทางด่วนรามอินทรา
มียุงมาก ต้องใช้พัดลมเป่าไล่ยุง เสียค่าไฟฟ้ากันอ่วมแทบทุกร้าน
ทำไมพวกเขาไม่คิดจะปลูกต้นไม้ที่มันไล่ยุงได้ก็ไม่รู้ซิ
พวกตะไคร้หอม(Citronella) ก็ยังดี ปลูกก็ง่าย ได้ผลชัวร์
ต้น African Geranium ก็ไล่ยุงได้
เห็นว่าเดี๋ยวนี้ที่ตลาดนัดต้นไม้ที่จตุจักร มีคนเอาต้น มอสซี่ บัสเตอร์ มาขาย
เขาบอกว่าไล่ยุงได้ดีกว่าต้นไม้ชนิดอื่นๆอีกด้วย ไม่รู้จิรงหรือเปล่า?

อ้อ..โต๊ะใกล้กัน มีสาวสวย อายุประมาณ 22-25
ผมยาว ผิวขาว หน้ารูปไข่ ใส่เสื้อเป็นเดรสกระโปรงสั้นแขนกุดสีเสื้อบาดใจ
ทีแรกเห็นว่ามาคนเดียว แต่สั่งอาหารมาเยอะแยะ คงมีคนตามมาแน่ๆ
แต่ไม่ได้น่าตกใจเท่า การสูบบุหรี่ของเธอ พอเห็นสูบพ่นควันออกปั๊บ
ความสวยก็หมดไปเลย ยิ่งเห็นการกระดกเบียร์สดรวดเดียวหมดแก้ว
โห...สาวไทย ทำไมเป็นไปได้เพียงนี้ นึกว่าเราอยู่ในฝรั่งเศสเสียอีก
คงคิดว่าโตแล้ว ทำงานแล้ว หาเงินได้แล้ว หาแฟนได้แล้ว
บางทีคำว่า คู่นอน กับ ศรีภรรยา มันอาจจะไม่ใช่คนๆเดียวกันก็ได้นะ น้องจ๋า

ร้าน Loft หน้าตาเป็นยังไง ไม่เคยรู้จักเลย
เชื่อหรือไม่ว่า ไม่เคยเดินห้างใหญ่ๆมาเกือบสิบปีแล้ว
สาเหตุไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน
แต่ไม่อยากไปแย่งที่จอดรถ
จำได้ว่า ห้างดิสโคเวอรี่ มีป้ายไฟบอกว่า แต่ละชั้นมีที่ว่างกี่ที่
วันนั้นแวะไปรับคนเฉยๆ วนรถอยู่นาน 20 นาที ไม่มีที่จอด
นี่มันเกินพันคันแล้วนะ ที่ฝั่งสยามลิโด้ ก็ไม่มีที่จอดรถ
ปวดฉี่ก็ปวด ปั๊มน้ำมันก็ไม่มีเลย กลัวห้างกลางเมืองจริงๆ

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 4 มีนาคม 2554 23:01:58 น.  

 

พรุ่งนี้ สี่โมงเย็นกว่าๆ
จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงตาบัว
หลายคนคงเห็นจากข่าวทีวี
หรืออ่านจากหนังสือพิมพ์

(อยากคุยกับคนอื่นๆเรื่องนี้ แต่หาคนคุยไม่ได้)

คือว่าได้ยินคำใหม่ๆ เป็น ภาษาไทย นี่แหละ
แต่แปลกที่ว่า ทำไมเราค่อยได้ยินเลย
เช่นคำว่า

จิตกาธาน
คำนี้แปลว่า เชิงตะกอนเผาศพ
แทบไม่เคยได้ยินเลย
คำนี้ใช้กับสถานที่เตรียมเพื่อเผาศพ

อีกคำ คือ
ไม้จิก
คำนี้ หมายถึง ไม้ที่หาง่ายในพื้นที่ภาคอีสาน
เมื่อเผาไฟแล้วจะได้ไฟที่แรง
ไม้จิก เป็นไม้เนื้อแกร่ง
คนไทยสมัยก่อน ถ้าอยากจะเก็บกระดูกญาติผู้ใหญ่ก็จะระบุให้ใช้ไม้จิก
ไม้จิกนี้ คนภาคกลางเรียกว่า ไม้เต็ง
เขาว่ากันว่า ไฟแรงๆจะได้กระดูกสีขาว
และอาจจะหมายถึง พระธาตุ ตามความคาดเดาของเหล่าผู้รู้

 

โดย: zoomzero 4 มีนาคม 2554 23:22:13 น.  

 




อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮีย
ดื่มแล้วนะ น้ำอ่ะ เมื่อกี๊ไป 2 อึกแล้วค่ะ
ข้างในห่อเหี่ยวจนกลายเป็นหงอยเนี่ย
เป็นบางเวลา เป็นบางอารมณ์ค่ะ ไม่ได้เป็นตลอดวันหรอก ฮ่า ๆ ๆ
ที่นอนตั้งแต่พระจันทร์ยังไม่ขึ้นเนี่ย
เพราะมินเป็นคนตื่นเช้ามาก ๆ ไงคะ
ตี 3 ตื่นแล้ว ประหลาดคนชะมัดเลยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ตื่นมาก็เปิดเพลงฟัง เปิดหนังดูมั่ง ติ๊งต๊อง ไปตามเรื่องตามราว

เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาปีนี้
มินไม่ได้รับดอกไม้จากหนุ่มคนนั้นแล้ว
จริง ๆ ก็ดีแล้วค่ะ เพราะไม่ได้ต้องการแบบนั้น
ข้อความที่เคยวันละ 3-4 เวลา เดี๋ยวนี้ก็หลาย ๆ วันครั้ง
ก็น่าอยู่หรอก เพราะไม่เคยตอบกลับเลย...
มีครั้งนึง ช่วงก่อนนั้น เอ๊ะ..เคยเล่าให้เฮียฟังไปยัง
ที่ได้รับข้อความว่า ป้าเค้าเสีย เลยโทรไปถามเพื่อนว่าจริงป่าว
เพื่อนบอกว่าจริง มินเลยส่งหรีดไป แต่ไม่ได้ไปงานหรอกค่ะ
ไม่กล้าไป ไม่รู้ว่าเค้าจะทำอาไรห่าม ๆ ออกมาอีกหรือป่าว...
รู้สึกว่าตั้งแต่นั้น ค่อยยังชั่วหน่อย ค่อยซา ๆ ไป

อันที่จริง มินเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของคนอยู่มากนะคะ
โดยเฉพาะคนที่รู้สึกดี ๆ กับเราเนี่ยอ่ะ ไม่อยากให้เค้าเสียใจหรอก
คือไม่ได้ห่วงว่าเค้าจะยังชอบเราอยู่อีกหรือไม่
แต่ห่วงว่า ความรู้สึกเค้าจะเศร้า เสียใจ คิดมาก อาไรแบบนั้นมากกว่า
และไม่ได้เป็นกับคน ๆ นี้ คนเดียว เป็นกับทุก ๆ คนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายหรือเพศไหนก็แล้วแต่อ่ะนะ
เพราะมินรู้ซึ้งดีว่า เวลาที่เราเศร้า เหงา โดดเดี่ยว
หรือรู้สึกว่าตัวเองคงไม่มีค่าพอเนี่ย มันเป็นยังไง
ถึงได้ไม่อยากให้ใคร ต้องเกิดความรู้สึกแบบนั้นอ่ะนะ
he might not like me anymore ..

ร้าน loft อ่ะ อยู่ที่สยามดิสคัพเวอรี่ค่ะ
คิดว่าน้องคงรู้จักอ่ะ มินจะไปแลกเงินแถว ๆ ปทุมวัน
ก็เลยว่าจะแวะไปที่นี่ เพราะมีแต่ของน่ารัก ๆ ทั้งนั้น
เป็นพวกเครื่องเขียนก็มี โอ๊ย ของเยอะมาก ๆ ค่ะ
มีแต่วัยรุ่นเดินเข้าร้านทั้งนั้น มีอิป้าคนเนี๊ยอ่ะหลงเข้าไปปนกับเด็ก ๆ อ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
ช่วยไม่ได้ค่ะ ก็ใจมันยังไม่ป้านี่นา ยังชอบของคิขุ ๆเหมือนกันนี่ ฮ่า ๆ ๆ
วันหลังไปแถว ๆ นั้น ถ้าปวดฉี่ ก็เลี้ยวเข้าไปโนโวเทลเลยนะคะ
ไปจอดรถชั้นใต้ดิน จอดได้ค่ะ เอาบัตรมาให้เคาน์เตอร์สแต๊มให้ เค้าไม่กล้าถามหรอกว่ามาติดต่ออาไร
เพราะเป็นมารยาทของโรงแรมระดับนี้ ต้องไม่ถามลูกค้าเด็ดขาด เอามาให้สแต๊มก็ต้องรีบประทับให้ค่ะ
ถ้าเขิน ๆ ก็เดินไปตรงข้ามเยื้องเคาน์เตอร์ เป็นห้องเบเกอรี่ ซื้อซักชิ้นสองชิ้นก็ได้ค่ะ แดนิสผลไม้เค้าอร่อยนะคะมินว่า

เดี๋ยวนี้ ผู้หญิงสูบบุหรี่เรื่องปกติค่ะ
ตามตึกสำนักงานแทบทุกที่จะเห็นเยอะมาก ๆ
เป็นห่วงสุขภาพพวกเธอจังเลย
เค้าว่านิโครตินจะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส เหี่ยวเร็ว
แล้วไหนยังจะปอดอีก ปอดผู้หญิงไม่แข็งแรงเหมือนปอดผู้ชายหรอกนะ..
เฮ๊อ..ก็คงได้แค่ห่วง ทำอาไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ค่ะ

ปล. ถึงไม่ได้ออกไปไหน เสาร์ อาทิตย์ ก็มีความสุขมาก ๆ นะคะ
อยู่กับบ้านก็มีความสุขนะมินว่า เปิดเพลงฟังมั่ง ดูหนังมั่ง ยกเว้นทำงานบ้านอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
ดูความขยันของมินสิ เอามาเล่าหน้าตาเฉยเลยอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ

 

โดย: มินทิวา 5 มีนาคม 2554 7:08:18 น.  

 

Mintiva

ฮาโหล สุขสันต์วันเสาร์ และเผื่อวันอาทิตย์ไปเลย

ขอบคุณมากที่(อุตส่าห์)แนะนำสถานที่ปล่อยฉี่ให้
เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน เข้าโรงแรม (คุ้นเคยแต่ม่านรูดปรื๊ด รูดปรื๊ด)
ตอนไปเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ก็เหมือนกัน เดินเที่ยวอยู่ดีๆริมแม่น้ำอะไรก็จำไม่ได้
ไกด์ทัวร์เขาเอาเรามาทิ้งให้เดินดูตึกเก่าๆสไตล์ยุโรป ตอนกลางคืนมีฉายไฟให้ตึกด้วยนะ
เดินไปเดินมาปวดฉี่กัน แล้วเมืองจีนนี่มันหาส้วมยากชะมัด ห้างใหญ่ๆบางทีมีส้วมแค่ห้องเดียว
พอดีผ่านโรงแรม เออเดินเข้าไปฉี่กันเลย
แหม...มันสะอาดกว่าห้องน้ำในร้านอาหารที่เขาพาไปทานเสียอีก
แต่เมืองไทย ปัญหามันอยู่ที่บางถนนรถติดนานสิบนาทียังไม่ขยับเลย ฮ้วย
คนบ้านนอกคอกนาอย่างเฮียก็เป็นแบบนี้แหละ กลัวการเข้าเมืองหลวง

ที่มหาวิทยาลัยแอร์แบ็ค นักศึกษาสาวๆก็นั่ง สี่บุหรูบ สูบบุหรี่ อยู่ข้างๆตึกกันหลายนาง
ขนาดมหาวิทยาลัยเขาประกาศห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษา
พวกผู้ชายก็ไปสูบที่ลานจอดรถบ้าง มุมตึกบ้าง
แต่มีวันหนึ่งเห็นนักศึกษาสาวๆนั่งเป็นกลุ่มตรงซุ้มต้นไม้ข้างตึก พ่นควันปุ๋ยเลย
เฮียว่าบุหรี่นี่มันยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่

ของที่น่ากลัวกว่า คือ การกินเหล้า กินเบียร์ ของผู้หญิงในวันนี้
นานมาแล้ว มีอยู่คืนหนึ่งเฮียต้องไปรับหลานชายที่ RCA ตอนตีหนึ่ง
รถติดมากๆ Taxi จอดกัน 2 ช่องถนนเลย
เฮียเอารถแล่นเข้าไปด้านในสุดเท่าที่รถจะเข้าไปได้
มองเห็นสาวๆหน้าตาเด็กๆ เดินเมาแอ๋ มีผู้ชายประคองหิ้วปีก เดินมาโบกTaxi
ก็ไม่รู้ว่าจะส่งกันถึงบ้านหรือหอพักหรือเปล่านะ เรื่องของเขา ทำไมเราต้องห่วงด้วย
ผู้หญิงเมาไปกับผู้ชายไม่เมา อะไรจะเกิดขึ้น
เพื่อนผู้หญิงของเฮียคนหนึ่งมันโดนแฟนทิ้ง
มันเล่าว่า แฟนมันขอเลิกก็ไม่เสียใจเท่าคำพูดที่ว่า
ฉันได้เธอก็เพราะเหล้า (อ้าว...โทษเหล้านี่หว่า)

อ่านที่บอกว่าอาหมวยอยู่บ้านแล้วทำอะไร
ชีวิตเหมือนคนเมืองมากเลยนะ ตึก ตึก ตึก แล้วก็ ตึกระฟ้า
อยู่ในห้อง ฟังเพลง ดูหนัง (ทานอาหารไมโครเวฟ ด้วยหรือเปล่า)
ถ้าได้บ้านอยู่ชานเมือง อากาศดีๆ
แค่นอนอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ นี่ก็สุขได้เหมือนกันนะ

อากาศหายหนาวแล้วนะ
ตอนกลางวัน ถ้าวันไหนฝนจะตก เดินข้างถนนนี่ เหงื่อไหลซิ๊กๆเลย
ไม่รู้เป็นบ้าอะไร พอจะเข้าหน้าร้อน ก็เริ่มเป็นห่วงต้นไม้ในบ้าน หน้าบ้าน
และก็ลามไปถึงต้นอื่นๆในซอยอีกด้วย
อยากปลูกป่าล้อมบ้าน
อาหมวยเคยได้ยินบ้านชื่อ บ้านสวนสงบ หรือเปล่า?

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 5 มีนาคม 2554 21:55:56 น.  

 




หวัดดีวันอาทิตย์ค่ะเฮีย
ฮือ ๆ ๆ น้ำหนักมินขึ้นมาโลนึงแล้วค่ะ
เมื่อวานไปข้างนอกมา ไปลองชั่งกิโลดิจิตอล
ชะอุ๋ย มันเพิ่มมาโลนึงอ่ะ เลยพาลไม่ซื้อเลยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
อยากพาลอยู่แล้ว เพราะมันตั้ง 2 พันกว่าอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ

เวลามินอยู่บ้านเหรอ ทำอาไรอ่ะ
พูดจริง ๆ นะคะ ถ้าไม่นั่งเล่นคอมพ์อย่างตอนนี้
เวลาส่วนใหญ่แล้ว นอนอยู่บนเตียงค่ะ
ดูหนังที่ชอบมั่ง นอนฟังเพลงอ่านหนังสือมั่ง
มินมันบ้าค่ะ ถ้าชอบอาไรก็จะชอบอยู่แบบนั้นไปพักใหญ่ ๆ เลยค่ะ
หนังก็เหมือนกัน บางทีดูซ้ำมันอยู่นั่นแหละ 3-4 ครั้ง
ทั้ง ๆ ที่มีเรื่องใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้ดูกองอยู่เป็น 10 เรื่อง
ก็ไม่หยิบมาดู มีความสุขที่จะดูเรื่องเดิมทั้ง ๆ ที่จำคำพูดหรือเนื้อเรื่องได้หมดแล้วอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ

เรื่องทำความสะอาดบ้านอ่ะ ลืมได้เลยค่ะ
มินทำเฉพาะในห้องนอนของมินเท่านั้นเอง
เพราะทั้งบ้าน มินจ้างแม่บ้านข้าง ๆ บ้าน
เค้าจะมาทำอาทิตย์ละครั้ง 2 ครั้ง แล้วแต่เค้า
มินให้กุญแจเค้าไว้ เค้าจะเข้ามาเมื่อไรก็ได้
แต่เค้าเข้าห้องนอนมินไม่ได้ เพราะมินล๊อคไว้
แต่ขนาดว่า ทำห้องตัวเองแค่ห้องเดียว
บางทีเค้ามาทำตอนมินอยู่บ้าน มินก็บอกให้
เค้าทำห้องนอนมินก่อนเลยอ่ะค่ะ ประจำแหละ ฮ่า ๆ ๆ

ส่วนสนามหญ้าและต้นไม้ก็จ้างเค้ามาตัดตกแต่งค่ะ
หน้านี้เดือนนึงก็ครั้งเดียว บางทีเดือนกว่าด้วยซ้ำ
ถ้าหน้าฝนมาทุก ๆ 2 อาทิตย์ค่ะ หญ้ามันขึ้นเร็วมาก






เมื่อกี๊ เข้าไปดูในบล๊อคเก่า ๆ ที่มินเคยเอารูปบ้านมาลงไว้
ตอนที่ปีก่อนโน๊น ดอกกล้วยไม้มันพากันออกดอกจนหน้าตกใจอ่ะค่ะ
ปรากฏว่าไอ้โฟโต้บั๊คมันดีลีทรูปของเราไปเฉยเลยอ่ะ
จะเอารูปบ้านมินให้ดูค่ะ ..มินไม่กล้านอนอ่านหนังสือใต้ต้นไม้หรอก
กลัวงูเขียวค่ะ เคยเห็นด้วยที่ต้นปีปกับต้นสัตตบรรณอ่ะ
ช่วงนั้นกลัวงูแบบหลอนไปหลายวันเลยค่ะ...

บ้านสวนสงบ มินไม่เคยได้ยินค่ะ
เคยได้ยินแต่พวก บ้านสวนปาล์ม เพราะเพื่อนมินมันซื้อไว้เป็นคอนโดค่ะ
วันนี้ไม่ได้ไปไหนค่ะ ว่าจะออกไปทำเล็บทำผม
แล้วเลยไปบ้านแม่ ไปเอาผ้าค่ะ...
ปล. สดชื่น มีความสุขทั้งวัน นะคะเฮีย

 

โดย: มินทิวา 6 มีนาคม 2554 8:55:07 น.  

 

Mintiva

บ้านสวนสงบ มีป้ายเขียนเอาไว้ที่รั้วหน้าบ้านว่า Aboretum

เป็นบ้านของคนไทยนี่แหละ เป็นบ้านของคนๆเดียว
เจ้าของชื่อ คุณเล็ก หรือ ประภากร วทานยกุล
คุณเล็กเป็นอดีตนายกสมาคมสถาปนิก
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเรียนจบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เขาเป็นรุ่นพี่ของคุณดู๋ สัญญา คุณากร ซึ่งเคยเอามาออกรายกานเจาะใจมาครั้งหนึ่ง

บ้านหลังนี้อยู่ใกล้ๆ เดอะมอลล์บางกะปิ
มีเนื้อที่ 9 ไร่ หรือประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของห้างเดอะมอลล์
ตัวบ้านขนาดไม่เท่าไหร่ มีอยู่หลังหรือสองหลังเท่านั้น
แต่รอบบริเวณที่ดินทั้งหมด ได้ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ทั้ง 9 ไร่

สำหรับที่ดินเปล่าๆ 9-10 ไร่ แถวนอกๆกรุงเทพฯ เมื่อ 20 ปีก่อน คงหาได้ยาก
มหาเศรษฐีสมัยก่อน ถ้ามีที่ดินกว้างใหญ่แล้วคงจะขายทำหมู่บ้านจัดสรร
อย่างแถวมหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือ ม.อัสสัมชัน หัวหมาก
เมื่อก่อนที่ดินไม่มีราคา แถมหน้าฝนก็จมน้ำจมเลน ยกให้ฟรีๆ ยังต้องคิดกันก่อนเลย
แต่เดี๋ยวนี้ ที่รอบๆนั้นราคาขยับสูงลิ้ว สร้างเศรษฐีใหม่ไปแล้วไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยคน
เฮียว่า คงจะมีเพียงน้อยคน ที่จะยอมเสียโอกาสเงินกำไรเป็นร้อยล้านบาท
แต่คุณเล็กเขาไม่ใช่คนที่เห็นแก่เงินเหมือนคนมีฐานะคนอื่นๆ
เขาปลูกบ้านหลังเล็กในป่าใหญ่กลางกรุงเทพมหานครได้

มี link ให้ ถ้าสนใจ //www.oknation.net/blog/kan-anek/2009/09/12/entry-1
แต่ดูเหมือนว่า อาหมวยจะไม่ใช่คนที่รักต้นหมากรากไม้
จนถึงขั้นไปนอนเล่นกับพวกมัน 555
สำหรับบ้านสวนสงบแล้ว หลายคนกลับชอบที่ตัวบ้านของคุณเล็ก
เพราะมีไอเดียด้านเครื่องบินอยู่ในทุกส่วนของบ้าน
แถมเป็นคนคิดนอกกรอบ เช่น ทำอ่างหรือบ่อน้ำบนหลังคาบ้าน
เป็นการเอาน้ำไปคลุมหลังคาอีกที และปลูกพวกไม้น้ำด้วย
ทำให้หลังคาบ้านไม่ร้อน แหมน่าจะเลี้ยงปลาดุกปลานิลเอาไว้ซะเลยนะ
กำแพงตัวบ้านส่วนใหญ่เป็นกระจก เพราะมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ
ประเด็นแรกไม่ร้อน ไม่ต้องติดแอร์ เงาไม้ใหญ่ปกป้องได้
ประเด็นที่สอง เดินโป้ในบ้านได้ ไม่มีใครมอง นอกจากคนในบ้านมองกันเอง
เรื่องสัตว์เลื้อยคลาน คิดว่ายุคแรกๆคงมีเยอะ ป่านนี้จับส่งสวนสัตว์ไปหมดแล้ว
ถ้าจะเหลือ ก็คงจะเป็นพวกนกหลากหลายพันธุ์
ที่ดินแปลงนี้ด้านหน้าติดถนน ด้านหลังติดคลอง
คลองที่มีชื่อน่าเกลียด นั่นคือ คลองแสนแสบ

อาหมวยเล่าเรื่องกิจวัตรในบ้านแล้ว เหมือนนั่งคุยกันอยู่ข้างเลย
รู้มั๊ยว่าบังเอิญอีกแล้วที่บ้านเฮียก็มีต้นปีบกับพระยาสัตตบรรณเหมือนกัน
และเป็นปัญหาระดับชาติของเฮียเสียด้วย
เพราะว่าดันเอาต้นไม้ 2 กระถางนี้ไปวางใกล้กัน
และก็เอาต้นไม้พวกที่มันเลื้อยๆไปวางเอาไว้
พอผ่านไปครึ่งปี เจ้าต้นพลูด่าง ต้นฟักข้าว และต้นอะไรต่อมีอะไร
มันขึ้นรกเป็นป่าดงดิบ รกจนไม่อยากไปยุ่งกับตรงนั้น
พอผ่านไปอีกครึ่งปี มองอีกที มันรกมาก
แต่เรื่องสัตว์มีพิษ คงไม่มีเพราะพวกที่มาฉีดปลวกเขาชอบเอาน้ำยาไปเททิ้งตรงนั้น
ปีก่อนโน้น พอเทน้ำยาปั๊บ พวกตะขาบออกมาดิ้นชักแง๊กๆตายทันทีทันใด
ตัวอะไรที่เลื้อยผ่านมาโดนน้ำยามันคงจะไม่มีชีวิตรอดไปได้
แต่เมื่อมันรกก็เลยต้องเข้าไปสะสาง
เฮียสามารถเอากระถางต้นไม้อื่นออกมาจัดใหม่ได้
ยกเว้นเจ้า 2 ต้นที่ว่ามานี้ ซึ่งมันอยู่ห่างกันแค่ฟุตเดียว
รากของมันแทงทะลุกระถาง แถมระเบิดกระถางแตกออกมานานแล้วด้วย
ทีนี้เจ้าต้นปีบกับสัตตบรรณเลยขึ้นแข่งกัน
เฮียเป็นคนชอบสัตตบรรณ แต่เจ้กิมลั๊งเขาชอบปีบ
เลยตัดสินใจถอนหรือโค่นต้นอะไรก็ไม่ได้
คิดว่าจะไปหาคนมาขุดย้ายไปปลูกที่อื่น
แต่ด้วยว่าจะ ว่าจะ เวลามันผ่านไปสามสี่ปี
ไม้ใหญ่สองต้นนี้ขึ้นเบียดกิ่งก้านกัน ไม่สวยงามเลย
นิสัยของพระยาสัตตบรรณจะทิ้งใบปีละครั้งหรือสองครั้ง
ทิ้งใบแบบที่ว่าเหมือนตายซาก ไปไม่รอดเลยนะ
แต่สองวันเท่านั้น ผลิใบใหม่สีสดเข้มขลังกว่าเก่าเสียอีก
แล้วก็มักจะแย่งแสงกับเจ้าต้นปี๊บ
ตามธรรมชาติต้นปีบจะขึ้นเป็นลำตรงๆแล้วไปแผ่กิ่งหาแสงแดดในพื้นที่สูง
แต่งานนี้ สัตตบรรณแย่งพื้นที่ไปได้มาก ต้นปีบเลยเหมือนต้นไม้ป่วย
ออกกิ่งก้านเบี้ยวๆ ใบก็หร่อยๆ กิ่งเล็กกิ่งน้อยก็คดไปคดมา ไม่น่าดูเลย
ตอนนี้ก็คิดไม่ตกเหมือนกันว่า จะเอาอะไรออกไปดี
เมื่อคิดไม่ออก ก็ปล่อยมันเอาไว้แบบนั้นไปก่อน
เวลาพายุมาแรงๆ รู้ได้เลยว่ารากของไม้ใหญ่ 2 ต้นนี้เหนียวแน่นมาก
ต้นมะม่วงพันธุ์ฟ้าลั่นที่เป็นกิ่งตอน ล้มไปแล้วเมื่อเจอลมฝนฤดูร้อนเมื่อหลายปีก่อนโน้น
เออ...มีเรื่องแปลกอีกเรื่อง คือ คุณพ่อของเฮียก็ชอบปลูกต้นไม้ใหญ่
พอท่านเสีย ต้นไม้ใหญ่ก็ล้มตายไปสองสามต้น
ท่านแม่ก็บอกว่า ไม่มีคนรดน้ำใส่ปุ๋ยมันก็ตาย
แต่เอ้...ต้นไม้มันต้นเบ่อเริ่ม รากมันหาอาหารได้เองไปสิบๆเมตรใต้ดิน
มันจะม่องเท่งง่ายๆได้ยังไง เรื่องนี้บังเอิญหรือเปล่าน้า?

ขอให้อาหมวยมีความสุขตลอดวันเหมือนกันครับ
วันนี้เฮียก็มีความสุขครับ ที่บ้านทำอาหารทานกันเอง ไม่อยากออกไปไหน อากาศร้อนจัง
ได้ทานหม้อไฟร้อนกันอีกแล้ว แต่ต้องเปิดแอร์แรงๆหน่อย
เนื้อหมูสดขึ้นราคาไปมาก สินค้าแอบขึ้นกันสนุกสนาน
ไข่ไก่ยังซื้อเป็นฟองกันได้อยู่
ไม่รู้ว่าใครคิดเรื่องชั่งไข่ขาย
เอาออกจากถาดมาวางชั่ง
ชั่งเสร็จเอาใส่ถาดกระดาษคืน
แล้วมัดด้านบนล่าง ให้ลูกค้าเอากลับไป
มันเสียเวลา แต่เขาคิดเรื่องนี้ได้ มันก็น่าจะมีเหตุผลดีๆบ้างซินะ
ช่วงนี้ คงต้องรีบกินๆอาหารต่างๆ ก่อนที่จะต้องเจอสภาพข้าวยากหมากแพงยิ่งกว่านี้

หวังว่าโทนสีของรูปที่อาหมวยเอามาลง
คงไม่ได้สื่อถึงสภาพของอาหมวยหรอกนะ

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 6 มีนาคม 2554 17:38:09 น.  

 

หลังการหย่าร้าง มักจะมีเรื่องเงินทอง หรือทรัพย์สิน

ปกติเรามักจะคิดว่า หย่า ก็คือ ต่างคนต่างอยู่
แต่ในกรณีที่อีกฝ่ายมีความร่ำรวยแบบเหนือสามัญชนคนกินข้าวแกงริมถนน
เรื่องนี้ บางครั้งก็กลายเป็นเรื่อง Talk of The Town ไปจนได้
คนทีรักร้าวแล้วต้องจ่ายเงินเพื่ออิสรภาพมันเป็นเรื่องปวดร้าวมาก ซิบอกไห่
ผมมีข้อมูลที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินของพวกคนดังกับดาราฮอลิวู๊ดบางคนมาเล่าให้ฟัง

คู่แรกนี้ไม่ใช่ดารานักแสดง แต่เป็นคนดังนักกีฬา
เขาก็คือ Michael Jordan อดีตนักบาสเก็ตบอลอาชีพ ทีมชิคาโก บูลส์
จอร์แดนขอหย่ากับ Juanita Vanoy โดยมีทายาท 3 คน
ไมเคิลต้องจ่ายเงินให้อดีตภรรยาเป็นเงิน 168 ล้านเหรียญ (ประมาณ 5,829 ล้านบาท)
เขาว่ามันเป็นเงินมากที่สุดในโลก!!!!
ที่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถจ่ายให้ผู้หญิงที่เขาเคยรักได้
นี่แหละกระมังที่เขาว่า ความรักมีค่ามากมายเหลือเกิน

คู่ที่ 2 Niel Diamond นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังชาวอเมริกัน
ขอหย่ากับศรีภรรยา Marcia Murphey มีทายาทด้วยกัน 2 คน
นีล ต้องจ่ายเงินไป 150 ล้านเหรียญ (ประมาณ 5,100 ล้านบาท)
งานนี้ลือกันว่าเพราะนีลไปเจอกิ๊กชื่อ Rachel Farley สวยสเน่ห์แรง
อ้อ...มีของแถม
ฟาร์เลย์ นั้นต่อมา เธอปวดหลังมาก ไปให้หมอผ่าตัด แต่ไม่ดีขี้น
หาหมอ เปลี่ยนหมอ ก็ไม่ดีขึ้นเลย คนรวยมีเงินแต่เจ็บป่วยทรมาน ไม่ดีเลย
นี่ขนาดหมอฝรั่งเก่งๆยังไม่มีปัญญารักษาโรคปวดหลังได้เลย โธ่...

คู่ที่ 3 Steven Spielberg ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน ผู้สร้างหนังได้รางวัลออสการ์ 3 ครั้ง
ย้อนรอยประวัติเขาซะหน่อยก็ได้
สปิลเบิร์ก เคยร่วมหรือทำหนังดังๆหลายเรื่อง เช่น จอว์ส (Jaws 1975)
อินเดียน่า โจนส์ (Indiane Jones)
Star Wars
อี. ที. (E.T.The Extra-Terrestrial)
The Color Purple
Empire of the Sun
Jurassic Park (1993)
Schindler's List (1993)
Saving Private Ryan (1998)
ลุงสปีลเบิร์กนี่ แกมีภรรยาถึง 2 คน
คนแรกชื่อ Amy Irving ซึ่งเป็นภรรยาที่สปีลเบิร์กต้องจ่ายเงิน
หลังการหย่าร้างเป็นมูลค่า 100 ล้านเหรียญ หรือ 3,460 ล้านบาท

คู่ที่ 4 Harrison Ford นักแสดงมาดวีรบุรุษนักโบราณคดี อินเดียนน่า โจนส์
หรือบางคนอาจจะจำได้ว่าเขาคือ ฮัน โซโล จากเรื่อง สตาร์วอส์
หรือ พันเอกลูคัส จากเรื่อง Apocalypse Now
แล้วก็ บทบาทประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเรื่อง Air Force One
ป๋าแฮรี่นี่เขามีภรรยาอย่างน้อย 3 คนที่จดทะเบียน (ว่าไปนั่น)
เรื่องมาหนักอกตกใจก็ตอนหย่ากับภริยาหมายเลข 2
ชื่อว่า Melissa Mathison ซึ่งได้เงินค่าหย่าไป 85 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,941 ล้านบาท)

คู่ที่ 5 Kevin Costner พระเอกชาวอเมริกัน และเคยเป็นผู้กำกับหนังระดับออสก้าร์ด้วย
หนังที่กำกับได้รางวัล เป็นเรื่อง Dances with Wolves
ส่วนภาพยนตร์ที่เล่นแล้วผมจำได้ ก็มีเรื่อง The Untouchable (1987),
Dances with Wolves (1990),
Robin Hood (1991),
The Bodyguard (1992),
Wyatt Earp (1994),
WaterWorld (1995),
Tin Cup (1996),
The Postman (1997)
นอกจากแสดงหนัง กำกับหนัง เขายังเป็นนักร้องเสียงดีอีกด้วย
คอสเนอร์มีภรรยา 2 คน
คนแรกชื่อ Cindy Silva ได้รับสินสมรสเป็นเงิน 80 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,776 ล้านบาท)

นอกจากนี้ก็มีผู้หญิงทีจ่ายให้ผู้ชายเป็นค่าหย่า
นั่นคือ มาดอนน่า ตัวเลขไม่แน่นอน แต่อย่างน้อยก็ 76 ล้านเหรียญ

ไม่ทราบเหมือนกันว่า...
พวกอดีตคู่สมรสที่ได้ร่วมชีวิตมากับสามีหรือภรรยาในช่วงเวลาหนึ่ง
จะรู้สึกว่าโชคดี สะใจ หรือเศร้าใจ กับการที่ได้เงินมาแทนสามี ภายหลังการหย่า
แบบนี้หรือยังจะบอกว่า เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร

 

โดย: zoomzero 6 มีนาคม 2554 23:25:32 น.  

 




หวัดดีค่ะเฮีย
จ๊าก..เย็นแล้วนิ..
นายไม่อยู่ นึกว่าจะสบาย
ที่ไหนได้ เพิ่งได้เงยหน้าเนี่ยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เว่อร์ไปแล้วมินอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ...

วาว..ต้นไม้ 2 ต้น นั่นอ่ะ ปลูกในกระถางได้ไงคะ
มันเป็นต้นไม้ใหญ่มาก ๆ นะคะ โดยเฉพาะสัตตบรรณอ่ะ
อืม..จริง ๆ ด้วย พอเฮียพูด มินก็เพิ่งสังเกตุต้นไม้ที่บ้านเหมือนกันค่ะ
ต้นสัตตบรรณมันโตเอา ๆ ในขณะที่ปีป 2 ต้น มันแห้ง ๆ แกรน ๆ ไม่ค่อยโตเอาเสียเลย
แต่มันก็สูงเลยหลังคาบ้าน (2ชั้น) ไปตั้งไกลแล้วอ่ะ
แล้วปลายปีมันก็มีดอกขาวเต็มต้นทุกปีแหละ
ส่วนต้นสัตตบรรณอ่ะ ดอกมันเขียว ๆ ออกเป็นช่อ ๆ กลุ่ม ๆ
ตอนใหม่ ๆ มันก็หอม ๆ เย็น ๆ ดีหรอก แต่พอมันมากเต็มต้น มันก็กลายเป็นฉุนไปเลยค่ะ
ตอนมินย้ายมาอยู่ใหม่ ๆ ซื้อปีปใหญ่มา 2 สัตตบรรณมา 2
ทั้งค่าต้นไม้ ค่าให้ร้านเขามาปลูก 4 ต้นเนี่ยโดนไปเกือบ 2 หมื่น เมื่อปี 40 นะคะ
แล้วหลังจากนั้นผ่านไปอีก 10 ปี โดนค่าตัดอีก สัตตบรรณหลังบ้านต้นเดียวล่อไป 5 พัน
เพราะมันใหญ่สุด ๆ เอาเป็นว่ามินโอบไม่ได้ก็แล้วกันค่ะ
เข็ดเลย แต่ ไม่รู้จะทำไง เพราะถ้าให้เค้ามาถอนรากถอนโคนไม่รู้นู๋จะอ่วมไปอีกแค่ไหนอ่ะ
ตอนที่ตัดเมื่อตอนนั้น ก็วุ่นวายกันไปทั้งซอยเพราะต้องเอารถกระเช้ามาอ่ะค่ะ เฮ๊อ...

บ้านสวนสงบ หลังจากวันนั้นที่คุยกัน
มินก็ไปเซิ๊ทหาข้อมูลดูเหมือนกันค่ะ
แล้วก็ทราบแล้ว ว่าคือที่ไหน ใครเป็นเจ้าของ
เฮีย รู้ป่าวคะ บางครั้งมินก็เบื่อ ๆ บ้าน
เพราะว่ามันกว้างใหญ่มากเกินความจำเป็นไป
อย่างที่บอกว่า มินใช้เนื้อที่นิดเดียว คือในห้องนอนเอง
เวลาที่จะไปเดินชื่นชมสนาม ต้นไม้ใบหญ้าอ่ะ
มันก็เห่อตอนใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้ลงรถปั๊บก็เดินขึ้นบ้านเลย
หลังบ้านเนี่ย ถ้าไม่ใช่วันหยุด มินไม่เคยเดินไปด้วยซ้ำอ่ะนะ

บางทีก็คิดอยากไปซื้อคอนโดอยู่
แต่ ก็อีกอ่ะ อยู่กันเยอะ ๆ กลัวจะมีปัญหา
เพราะถึงยังไง มินก็มีเพื่อนบ้านที่ดีมาก ๆ ที่นี่
ทั้งหน้าบ้าน ข้าง ๆ บ้าน และหลังบ้านอ่ะค่ะ
ไม่เหมือนบ้านน้องสาวมิน ก็มีปัญหากับเพื่อนข้างบ้าน
บ้านแม่มินก็เป็นทาวเฮ๊าวส์เล็ก ๆ รถแม่จอดในบ้าน
แต่ รถบ้านอื่นมาจอดหน้าบ้านเราเกือบทุกวัน
บ้านเค้าก็มี แต่เค้าไม่จอด เค้าเอาราวผ้ามาตากหน้าบ้าน
แม่มิน บางครั้งเค้าก็รำคาญ เพราะใครไปใครมาไม่เห็น
แต่เค้าไม่ชอบมีเรื่อง แต่พวกนี้รู้ เสาร์ อาทิตย์ไม่มาจอด เพราะมินไป

อุ๊ย..คุยไป คุยมา 6 โมงกว่าแล้ว ทานข้าวยังคะ
มินยังไม่มีไรทานเลยอ่ะค่ะ มีแต่ขนุน เมื่อวานเอามาจากบ้านโน๊น
มันหวานเกินค่ะ พรุ่งนี้เอาไปให้ที่ทำงานดีกว่า
ไม่มีไร ก็ไม่ทานค่ะ ทานป๊อกกี้เล่น ๆ ก็ได้..
นอนหลับฝันดี นะคะ

 

โดย: มินทิวา 7 มีนาคม 2554 18:20:27 น.  

 




หายไปไหนหนอ
นางฟ้าคิดถึงแล้วค่ะ...

 

โดย: มินทิวา 8 มีนาคม 2554 16:56:09 น.  

 

Mintiva

ฮาหวัดดีฮ้าอาหมวย

เอ้...บรรยากาศในหุบเขาฯชักจะเหงาๆยังไงก็ไม่รู้
เหลือแต่คนหน้าเดิม พุงแฟบๆ นอนแต่หัววัน เฮ้อ...เป็ดเซ็ง
สงสัยคงต้อง update หัวข้อใหม่ เรียกลูกค้า (สาวๆ) ซะแล้ว

(หะแรก คิดว่าจะได้น้องใหม่ ชื่อ น้องออย โอ้ทะเล มาเพิ่มซะแล้ว
มะแหม..มาหลอกให้เราตอบ questionnaire แล้วหายจ๋อยไปเลย)

เรื่องต้นไม้ในบ้าน
ทีแรกซื้อมาเป็นกระถางครับ
ได้มา ก็ยังหาที่ปลูกไม่ได้ เพราะเดิมมีต้นมะม่วงปลูกไว้อยู่ต้นหนึ่ง
ท่าทางมันจะไม่โต เพราะมันโดนต้นกาฝากเจาะลำต้นซะใบหร่อมแหรม
กะว่าจะรอให้มันตายแล้วจ้างเขามาถอนรากถอนโคน
พวกต้นไม้กระถางเล็กๆเลยต้องเอาไปกองๆไว้มุมเดียวกันก่อน
อ้อ... 2 ต้นที่ว่า ต้นแรกคือปีบ อีกต้นคือสาละ ไม่ใช่สัตตบรรณ
ต้นสัตตบรรณซื้อมาแล้วดันตายเพราะสุนัขที่บ้านมันไปซนจนกระถางล้ม
ต้นมันก็หัก กว่าจะเห็นมันก็หงอยไปแล้ว ดันลืมไปสนิทเลย
ขอโทษด้วยที่โม้ผิดเอาไว้ เมื่อเช้าไปถามเจ้กิมลั๊ง ว่ามันชื่อต้นอะไร
เลยโดนด่าว่า สมองเสื่อม อิอิ

ก็จะไม่โดนด่าได้อย่างไร ต้นไม้ซื้อมาเองแท้ๆ สับสนเรื่องชื่อไปได้
ต้นสัตตบรรณกับต้นสาละ นี่หน้าตามันต่างกันมาก

เรื่องต้นไม้นี่ บางทีก็เบลอๆ เพราะใครก็ไม่ทราบ
ดันตั้งชื่อเอาไว้ซะไพเราะเพราะพริ้ง เรียกก็ยาก ใครจะไปจำได้
อย่างเมื่อสิบกว่าปีก่อน มีคนชี้ให้ดูว่าเขาซื้อต้นลีลาวดีมาปลูกราคาค่อนข้างแพง
เฮียดูแล้วก็คิดตงิด เอ้..มันเหมือนต้นอะไรหว่า แต่ตอนนั้นมันยังเป็นต้นเล็กเลยดูไม่ออก
แหม...ผ่านไปไม่กี่ปี พอออกดอก อ้าว...นี่มันต้นคุณนายลั่นทม นี่หว่า
พอไปเล่าให้คนอื่นฟัง เขากลับย้อนว่า ทำไมลื้อโง่อย่างนี้ ชื่อใหม่นี่คนเขารู้กันมาตั้งนานแล้ว
อ้าว...ก็บ้านอั้วอยู่หลังเขานี่หว่า หุหุ

เรื่องชอบอยู่ในห้อง
เฮียเองก็เป็นเหมือนกัน ในบ้าน เฮียก็มีห้องโปรดของเฮียอยู่ห้องหนึ่ง
ก็คือ ห้องนอนเหมือนกัน 555
เพราะว่า มันมีทั้งที่นอน ทีวี ดีวีดี วิทยุ เครื่องเสียง ตู้เย็น(เล็ก) ห้องน้ำ ห้องส้วม
และก็กองหนังสือ นั่งอ่าน นอนอ่าน ดูหนัง ฟังเพลง
แต่นานๆจะได้มีวันที่เป็นของตัวเองซะวันหรือสองวัน
เพราะเป็นคนชอบตากแดด สงสัยชาติก่อนคงเกิดเป็นราวตากผ้ากระมัง อิอิ
ชอบอยู่ในที่โล่งๆ เพราะเป็นคนแพ้อากาศง่าย แพ้แล้วก็จาม และก็พาลจะเป็นหวัดเอาอีกด้วย

ส่วนเรื่องต้นไม้ อันนี้มันเป็นความเคยชิน
ต้องเป็นเพราะคุณพ่อแน่ๆ ที่สอนให้รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ทำสวน มาตั้งแต่เด็กๆ
เลยติดนิสัยที่จะต้องไปวุ่นวายกับพวกมัน
สมัยที่น้องหนูเขาเรียนที่ศาลายา
วันไหนถ้าท้ายรถว่างๆ เฮียก็จะไปหาร้านขายกล้วยไม้ (แถวนั้นมีเยอะ)
แต่จะไม่ซื้อต้นกล้วยไม้สวยๆนะ มันแพง
เฮียจะซื้อแบบที่เขาทำเป็นกระถางจิ๋วๆเล็กๆ ราคา 10-20 บาท
แล้วก็ซื้อกระบะไม้ขนาด 6" และกาบมะพร้าว ลวดแขวน
พอมาถึงบ้านก็ทำการย้ายมาปลูกในกระบะให้หมด
รดน้ำใส่ปุ๋ย รอไปประมาณ 3-4 เดือน ก็ได้ต้นกล้วยไม้ต้นใหญ่ๆ และก็ออกดอกด้วย
เอาไว้วันหลังจะเอารูปมาโชว์ ตอนนี้เริ่มออกดอกอีกแล้ว

เรื่องเพื่อนบ้าน
แหม....อาหมวยเป็นคนโชคดีนะ ที่มีเพื่อนบ้านนิสัยดี
ของบ้านเฮีย เอ้...ต้องบอกอย่างไรดี
ต้องบอกว่า เพื่อนบ้าน มันคงบ่นเรื่องเฮียมากกว่า 555
อย่างบ้านฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกัน เขาไม่ชอบเอารถจอดในบ้าน ทั้งๆที่มีที่ว่างนะ
เขาจะกลับมาบ้านประมาณสี่ห้าทุ่ม เบิ้ลเครื่องดังกระหึม แล้วก็จอดตรงรั้วบ้านเฮีย
พอตอนเช้า เฮียตื่นมาเจอ เฮียก็รดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน สาดรถมันเลย ทำแบบเป็นฝอยๆ
ทีนี้พอสายๆ แดดออก รถเขาจะด่างๆไปทั้งคันเลย เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดก็หายยาก
ต้องโน้น ล้างรถแบบใช้แชมพูล้างรถ หรือไม่ก็ไปให้ร้านเขาล้าง ขัดเงา เสียตังค์
คนบ้านนั้น พอมันเจอหน้าท่านแม่ของเฮีย มันก็ฟ้อง ว่ามันต้องเอารถไปเสียเงินค่าล้างเพราะเฮีย
ท่านแม่ก็น่ารักมาก รีบเดินมาเฉ่งเฮียทันทีทันใด แหม..ตกลงใครเป็นลูกจริงๆของแม่กันแน่

ส่วนรั้วหน้าบ้านอีกด้าน ก็มักจะมีรถกระบะของใครก็ไม่รู้ชอบมาจอด
พอวันไหน มันไม่มาจอด เฮียก็จะตัดกิ่งไม้(ต้นมะม่วง)ตรงบริเวณนั้นแหละ
คือด้านในบ้านเรา เราปลูกต้นมะม่วงเอาไว้ริมรั้ว กิ่งมันก็เลยยื่นออกไปนอกบ้าน
เฮียก็ตัดๆๆๆ(ใช้มีดแบบไม้กระตุก) ใบไม้ กิ่งไม้ บางส่วนก็ร่วงออกไปนอนบ้าน
แต่เฮียไม่เก็บ ไม่กวาด ไม่เอาไปทิ้ง ปล่อยให้กิ่งไม้ใบไม้ร่วงสกปรก เละเต็มถนนอย่างนั้น
พอเจ้ารถคันนั้นแอบมาจอดตอนกลางคืน เขาก็จะต้องแล่นทับกิ่งไม้
ได้ยินเสียงดัง กึกๆแกร๊กๆ เฮียเดาว่าเจ้าของรถมันคงตกใจน่าดูว่า รถเขาเหยียบโดนอะไร
หรือไม่อาจจะมีบางกิ่งมันทิ่มเข้าไปติดขัดใต้ท้องรถก็ได้
รู้แต่ว่า ตอนเช้าในวันต่อมาจะไม่มีรถคันไหนมาจอด
แล้วเฮียค่อยเอาถุงดำใบใหญ่ ออกไปเก็บกิ่งไม้ใบไม้ แล้วกวาดให้สะอาด
ถ้ารถคันนั้นกลับมาดูตอนสายๆ อาจจะตกใจว่า เมื่อคืนผีหลอกเขาหรือเปล่า
เพราะตรงนั้นไม่เห็นมีอะไรเลย

ถ้าถามว่าแล้วพวกเขาจะเลิกมาวุ่นวายหรือเปล่า
คำตอบ คือ เปล่าเลย พวกเขาก็ยังมาบ้างไม่มาบ้าง
คงเป็นกรรมเวรกันแต่ชาติก่อนที่ต้องมาเจอคนกวนๆอย่างเฮีย

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 8 มีนาคม 2554 21:00:39 น.  

 




เข้ามา goodnight ค่ะ
นอนหลับฝันดีนะคะ
เรื่องชอบมาจอดรถหน้าบ้านคนอื่นเนี่ย
วันหลังจะเล่าให้ฟังมั่งค่ะ
มินเองเวลาจะกวน ๆ ก็ใช่ย่อยเหมือนกันแหละ ฮ่า ๆ ๆ
วันนี้เหนื่อยจังเลยค่ะ ....
ขอพักก่อนนะ ...

 

โดย: มินทิวา 10 มีนาคม 2554 20:31:01 น.  

 

Goo Nig ขอรับ (ภาษาคนโฉด 555)
ขอให้หลับให้สบายเถอะประชา
ตัวข้าจะคุ้มภัย
ปิดไฟ ปิดน้ำ ปิดประตูหน้าต่างให้ดี

อ้อ...คำขวัญของแขกยาม เป๊ก ๆ ๆ

 

โดย: zoomzero 10 มีนาคม 2554 20:59:08 น.  

 



www.youtube.com/watch?v=GYMLWulUOYs&playnext=1&list=PL6C4F5D9ADCFF274B

เอาเสียงใส ๆ ของหนู ๆ เด็กชาย เด็กหญิง บ้านห้วยบง
มาทักทาย และก็เพื่อจะโยงเข้ากับหัวข้อเตียงหัก (ได้ยิน
บ่นว่าเซ็งเป็ด) ก่อนที่จะเลยไปถึง เซ็งไก่ ...เซ็งห่าน...จึง
เข้ามาช่วยเซ็งง...เอ๊ย..ม่ายช่าย มาคุยถึงสิ่งที่ตามมาหลัง
จากเตียงหักสะบั้น ขนุนขอพูดถึงสองสิ่ง

อย่างแรกของที่กระเด็นตกอยู่ใต้เตียง...ใฃ่แล้วค่ะเด็ก ๆ งานปฏิมากรรมชิ้นเอกที่ ร่วมกันสรรค์สร้าง บางคู่ก็เจรจาต้าอ่วย
กันได้ จ.-ศ. เธอดู วันอาทิตย์ หน้าที่ชั้น บางคู่ก็ลูกอยู่กับชั้น
เธออยากไปก็ไปห้ามเอาลูกไป ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องฟ้องร้องกัน ซึ่งก็ล้วนแต่เอาตามใจตัวเองทั้งนั้น น้อยครั้งที่จะสมมติตัวเองว่าเป็นลูกคิดดูว่าใจลูกเค้าคิดอย่างไร (กรณีลูกเล็ก) เค้าคงไม่อยากเห็นหน้าพ่อแม่อยู่พร้อมกันมากกว่า
ก่อนจะถึงจุดที่เตียงหัก พ่อแม่ได้พยายามกันบ้างหรือไม่ที่จะ
ประคับประคองสิ่งที่พวกเค้าร่วมกันสร้าง.....แต่ถ้าอยู่ด้วยกัน
ทะเลาะกันตีกันให้ลูกเห็นทุกวันแก้ไขไม่ได้...แบบนี้ก็แยกกัน
ไปดีกว่า บั่นทอนกันและกัน ที่สำคัญคือสุขภาพจิตของลูก

อย่างที่สอง กับคำที่ว่า แม่เลี้ยงเดี่ยว (หมายถึงผู้หญิงเลี้ยง
ดูแลลูกเพียงลำพังคนเดียว..จะไม่ขอพูดถึงพ่อเลี้ยงเดี่ยว
เพราะเท่าที่เห็นส่วนมากจะเป็นฝ่ายแม่ที่เลี้ยงดูลูกเมื่อแยกทางกัน) ต้องคิด ต้องตัดสินใจ และดิ้นรนกับชีวิตที่ต้องรับ
บทหนักโดยไม่มีฝ่ายชายมาช่วยดูแล วิถีชีวิตจริงที่ต้อง
เผชิญ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้ได้

.........ใคร่ครวญ และครุ่นคิด ...ให้มาก ๆ ก่อนจะทำ
เตียงหัก.......ส่วนสาเหตุ ที่ทำให้เตียงหัก...ก็ต้องให้คน
ที่รวยกิ๊ก ๆ มาคุยต่อ ให้ท่านด๊อกเตอร์ซูม มาว่าต่อน่าจะ
วิเคราะห์ได้เจาะลึก 555 ...

บ๊าย...บาย ด้วยเพลงในอดีต ย้อนวัย เหลก เหลก ค่ะ

www.youtube.com/watch?v=VCD6UyMc7fw&feature=related

 

โดย: ่่jampada IP: 58.9.50.232 11 มีนาคม 2554 0:44:28 น.  

 

Jampada

ฮาโหล...ซาวัดดีวันสึนามิ ครับ

เมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีข่าวแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์
มีคนไทยเสียชีวิตที่เมืองไครส์เชิร์ชหลายคน
อ่านข่าวนี้แล้ว ก็เศร้าใจ
สงสารทุกครอบครัวไม่ว่าไทยหรือต่างประเทศ
ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดกับใครทีผมรู้จัก

เมื่อวานอ่านข่าวแผ่นดินไหวที่ประเทศจีน ระดับ 5.4 ริกเตอร์ ที่มณฑลยูนนาน
ก็เห็นว่ามีบ้านพังไปประมาณพันกว่าหลัง คนบาดเจ็บสองร้อยกว่าคน
และมีคนตายไม่ถึงห้าสิบคน
ก็ยังคิดว่า เฮ้อ...เพราะโลกร้อนหรือเปล่านะ
แล้วก็ทำให้นึกถึงข่าวน้ำแข็งขั้วโลกละลาย
และการพยากรณ์ของนักวิชาการว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ

พอบ่ายนี้ก็เจอข่าวแผ่นดินไหวอีก (แผ่นดินไหวตอนเที่ยงกว่าๆตามเวลาของไทย)
แต่เป็นที่ญี่ปุ่น ฟังว่าญี่ปุ่น ก็รู้สึกว่า เอ้อ...คงงั้นๆ
ที่ไหนได้ แรงขนาด 8.9 ริกเตอร์
เฮ้ยซ์....มันเกิดตรงทะเลด้วย แบบนี้ก็ต้องมีคลื่นสึนามินะซิ
และแล้วก็จริงๆด้วย เขาว่าคลื่นสูงตั้ง 10 เมตร
เมื่อดูข่าวทีวีตอนเย็นเห็นแล้วเหมือนหนังเรื่องยอดมนุษย์
พอบอกตัวเองว่า เฮ้ย...ไอ้ฟาย นี่มันเรื่องจริง อุลตร้าแมนยุ่นปี่ที่ไหนฟระ?
มีภาพคลื่นน้ำที่กวาดรถยนต์มากมายไถลไปตามท้องนา
รถเหล่านี้มีเป็นร้อยๆคันที่ลอยมาจากลานจอดรถในเมืองเซนได
ภัยร้ายนี้ยังก่อให้เกิดไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันที่เมืองชิบะ(ใกล้โตเกียว) และสถานที่อื่นๆ
ที่น่ากลัวคือในญี่ปุ่นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างน้อย 5 แห่งที่ได้รับผลกระทบ

พรุ่งนี้เราอาจจะไม่ได้อ่านข่าวของพวกเขา เราอาจจะไปวิ่งเล่นบนสวรรค์ก็ได้
เพราะอะไรหรือครับ?
คุณขนุนครับ ผมได้ยินมาว่าสึนามิลูกนี้มันจะมาถึงนราธิวาสประมาณตีสาม
และถ้าทฤษฎีการรีบาวด์ของดอกเตอร์ท่านหนึ่งเป็นจริง
ตอนเช้าๆหกโมงกว่าๆจะมีคลื่นกระดอนมาถึงกรุงเทพฯ
เอ้...แต่เห็นข่าวช่องสามบอกว่า คาดว่าไม่มีผลกระทบกับไทย
เอ้า...เชื่อ ก็เชื่อ

เจ้กิมลั้งบอกว่า ดีนะที่พวกเราไปเที่ยวมาเมื่อ 3 ปีก่อน
ไม่อย่างนั้นเสียดายเงินแย่เลย เพราะทัวร์คงส่งพวกเรากลับด่วน
อ้าว...ไม่ได้กลัวตาย แต่กลับเป็นเรื่องเสียเงิน ว้า..

กลับมาที่เรื่องการหย่า
ขอบคุณครับที่ช่วยคอมเหม็นเรื่องนี้
ผมก็เห็นตามข้อความของคุณขนุนครับ
ผมก็แปลกใจนะที่ ไม่ค่อยมีคนเขียนเรื่องการหย่าร้างใน bloggang
ผมเลยลองเขียนดู อ๋อ...เข้าใจแล้ว เรื่องมันไม่ฮานี่เอง 555 (ขำทำไมฟระ?)

ผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลยนะ ผมว่าการหย่าร้างมันอยู่รอบๆตัวเรา
คนที่ทำงานในบริษัทขนาดกลาง หรือโรงงานเล็กๆ คงจะมีเพื่อนที่เป็นหม้ายสักคนหรือสองคน
อย่างผมเองก็มีเพื่อนที่เป็นหม้าย หรือแต่งงานครั้งที่สอง อยู่หลายคน
คงต้องบอกว่ามันเริ่มทำให้ผมชักจะเคยชินแล้วหละ

ครับ...ผลิตผลของการแต่งงาน ที่น่าห่วงใยก็คือ เด็กๆ
ผมไม่เคยเชื่อเลยว่า เด็กกำพร้าจะสามารถเติบโตมาได้โดยไม่มีปัญหาชีวิต
ไม่ใช่ว่าผมจะคิดดูหมิ่นความสามารถของพ่อเดี๋ยว หรือ ซิงเกิลมัมม์
หากว่าคนที่ขาดพ่อหรือแม่ ต่อให้ฉลาดหรือเก่งแค่ไหน หัวใจย่อมเป็นแผล
ผมมีหลานอย่างน้อย 5 คนที่เป็นกำพร้า (มีทั้งขาดพ่อ และขาดแม่)
พวกเขาดูจากภายนอกแล้วก็โอเค แต่ถ้าอยู่ใกล้ชิดพวกเขา ผมเห็นความเก็บกดของพวกเขา

พูดถึง single mom ผมว่าอีกหน่อย บ้านเราก็คงจะมีคนแบบนี้มากขึ้น
ไม่ใช่เพราะหญิงไทยขาดความรักนวลสงวนตัว หรือพูดหยาบๆคือ ไร้ยางอาย แต่อย่างไร
ผมว่าผู้ชายต่างหากที่มีอาวุธและยุทธปัจจัยในการที่จะหลอกเจาะไข่แดงสาวๆ
และยิ่งผู้ชายพวกนี้ได้เจอผู้หญิงที่เคยผ่านชายอื่นมาแล้ว พวกนี้ยิ่งไม่เกรงใจใครๆ
ผมหนะ สงสารฝ่ายหญิงมากกว่า ซึ่งคนมักจะประณามว่าอยากยอมแฟนเองทำไม
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า single mom นี่เขาอยากจะมีเด็กหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ เขาไม่เอาเด็กไปฆ่าก่อนที่พวกเขาจะเกิดมา ผมว่าจิตใจเขาสูงมากนะ
เพียงแต่ว่าเขาเปลี่ยนสิ่งที่ผ่านมาในอดีตไม่ได้ เมื่อท้องก็ต้องคลอดเด็กออกมา
เมื่อฝ่ายชายบอกว่าไม่พร้อม หรือไม่เอาด้วย ก็ช่างหัวมันเถอะ
เฮ้อ..อย่างไรก็เห็นใจคุณแม่ และสงสารคุณลูก
อย่างว่านะ ชีวิต ถ้าลมหายใจยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นต่อไป


ฟัง 2 เพลงแล้วครับ โหลดช้ามากๆ สงสัย internet มีปัญหา
ชอบเพลง เรียงความเรื่องแม่
และเพลง รักหนอรัก - ชัยรัตน์ เทียบเทียม
ขอบคุณที่ฝากเพลงมา แต่เล่นเอาน้ำตาปริ่มๆเลยนะ

ref: Sienna Jampada A0 52 2D

 

โดย: zoomzero 11 มีนาคม 2554 23:24:44 น.  

 




อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮีย
เมื่อวานเห็นข่าวสึนามิที่ญี่ปุ่นแล้วเศร้าสุด ๆ เลยค่ะ
ใจหาย และไม่สบายใจเพราะนึกถึงตอนที่เกิดในไทยคราวนั้นอ่ะ
กับภัยธรรมชาติเนี่ย เราคงทำอาไรไม่ได้มากนักอ่ะนะมินว่า
เฮ๊อ..อาไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดอ่ะนะคะ ว่าไม๊
ถ้าเกิดมันไป earthquake แถว ๆ พวกโรงงานนิวเคลียร์ทั้งหลายทั้งปวงเนี่ย ไม่อยากคิดเลยค่ะ..
เมื่อวานก็เมล์ไปหาเพื่อนที่โน่น อยู่ที่เซนไดก็มีคนนึง
เช้ามารีบเปิดเมล์ก็ยังไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลย
สิ้นเดือนนี้นายมินก็จะไปญี่ปุ่นด้วยค่ะ
ไม่รู้จะยกเลิกหรือป่าว รอ ๆ ดูอีกซักอาทิตย์นึงก่อน

วันนี้ยังไม่มีโปรแกรมไปไหนค่ะ
เมื่อวานคุย ๆ กับเพื่อนว่าจะไปเดินดูของกัน ก็ยังไม่คอนเฟริม
ปล.มินก็ไม่ชอบคุยเรื่องเตียงหักค่ะ เพราะเป็นเด็ก broken home (alone) โตมาแบบนั้นเหมือนกัน
แถมตัวเองก็ยัง....เลยไม่กล้าสะเออะไปคุยกับใคร ๆ
ฟังอย่างเดียวดีกว่าค่ะ....รู้กัน 2 คนนะ อิอิ

 

โดย: มินทิวา 12 มีนาคม 2554 7:07:01 น.  

 

Mintiva

อือ...เหมียนกัล
เสาร์อาทิตย์นี้ เค้าก็ไม่มีโปรแกรมไปเสียตังค์ที่ไหนเหมือนกันจ้า
สมาชิกในครอบครัวลงความเห็นว่า ไอ้เจ้าวงล้อแห่งไฟ
หรือเส้นทางธรณีพิโรธนี่มันอาจจะเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องอีกก็ได้
ดังนั้นอยู่บ้านนอนดูข่าวทีวีไปก่อนดีกว่า

แต่ว่าเมื่อวานพฤหัสก็ได้พากันไปไหว้พระที่อยุธยามาแล้ว
เพิ่งจะรู้ว่าที่วัดพนัญเชิญเขามีการปรับเส้นทางเข้ากราบไหว้หลวงพ่อโตกันใหม่
โดยให้เข้าทางด้านประตูทิศใต้ จุดธูปกันนอกพระวิหาร แบบนี้ควันจะได้น้อยลง
แต่ว่าบรรยากาศชักแปลกๆมีการเข้าคิวกันเพื่อถวายผ้าห่มองค์พระ
เหมือนกับว่ามีการบังคับให้ต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เสรีเหมือนแต่ก่อน
ก็ไม่เป็นไร ยืนไหว้พระด้านนอกก็ได้ (เขาไม่ได้ห้ามเราเข้าไปข้างในนะครับ)
เสียดายด้านหน้ามีอีก 2 วิหาร มีพระพุทธรูปสวยงามทั้ง 2 ห้อง
แต่คนไม่ค่อยทราบ เลยไม่มีใครเข้ามาไหว้พระ นอกจากคนที่ชอบเดินชมทั่วๆ ถึงจะเข้ามา

เรื่องสึนามินี่เห็นข่าวแล้วน่ากลัวจริงๆ
มันเริ่มจากแผ่นดินไหวแล้วมาจบที่น้ำท่วมฉับพลัน
ตึกถล่ม มันยังรู้ว่าศพต้องอยู่ตรงนั้น
แต่สึนามิ ต้องไปเที่ยวหาว่าโคลนมันพาเอาร่างไปอยู่ตรงไหน
ญี่ปุ่นนี่เขามีระบบเตือนภัยดีมากเหมือนกันนะ
แค่ยี่สิบกว่านาทีคนก็หนีไปได้ตั้งหลายกิโลเมตร
อยากให้เมืองไทยมีระบบดีๆแบบเขาบ้างจังเลย
ตอนที่มีสึนามิด้านฝั่งอันดามันเมื่อ 26 ธันวา 47
ระบบการช่วยเหลือของเราค่อนข้างแย่ คือเฮียว่ามันช่วยกันตามความคิดของใครของมัน
ใครมีอะไร ใครเก่งอะไร ก็ระดมกันมาช่วย แต่มันช้าและวุ่นวายมาก
แถมยังมีลีลาของพวกนักการเมืองที่กล้าเล่นเกมกับน้ำตาประชาราษฎร์อีกด้วย
สุดท้ายกลายเป็นว่าข่าวที่ดังต่อเนื่อง คือ ข่าวคุณหญิงหมอมีเรื่องกับพวกตำรวจ เย้ย...ปะเท็ดไท

โห...เป็นคอมเมนท์เรื่องเตียงหักที่แรงจัง
อ่านแล้ว ตกเก้าอี้พับเลย
ทำให้รู้สึกผิดที่ยังไม่เปลี่ยนหัวเรื่องใหม่เสียที
ตัวละครในหนังชีวิตจริงเรื่องเตียงหัก มีหลายตัว ว่ามั๊ย
ตัวที่น่าห่วงคือตัวคนที่ต้องมารับบทเป็นลูก
การคุยเรื่องนี้อาจจะเหมือนการแกว่งไม้แกว่งมือในอากาศก็ได้นะ
มันอาจจะไม่ได้อะไรดีขึ้น
หรืออาจจะเอาไม้ไปโดนหัวคนข้างๆ เลยกลายเป็นเรื่องวิวาทไป
แต่ในใจเฮีย เฮียไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องของใครคนไหนเป็นพิเศษ
เฮียคิดว่าถ้ามีคนที่เขาต้องอยู่ในเหตุการณ์นี้
เฮียอยากให้เขารู้ว่าคนนอก มองและเห็นใจพวกเขา หรือไม่? อย่างไร? แค่ไหน?
เขา(บางคน)อาจจะอยากเล่า หรือบอกให้คนรุ่นหลังที่ต้องมาเจอเรื่องแบบเดียวกันหรือคล้ายๆแบบนี้
เพื่อจะได้มีอะไรมาสะท้อนภาพล่วงหน้า หรือเป็นไกด์ไลน์ให้คนอื่นที่ต้องมาเล่นภาค2 ในอนาคต
ก่อนที่เขาจะระเบิดความน้อยใจใส่โลกใสๆใบนี้ ด้วยความรุนแรง
อย่างข่าวเด็กช่าง(ชั่ว)เที่ยวไล่ตีไล่ฆ่านักเรียนสถาบันอื่นๆ
เด็กพวกนี้เกินกว่าครึ่งที่เป็นเด็กที่มาจากหนังชีวิตเรื่องเตียงหัก

โลกใบนี้มีเพียงใบเดียว ลอยเคว้งแต่ไม่คว้างอยู่ในระบบสุริยจักรวาล
แต่โลกของแต่ละคนในแต่ละวัน มันกลับมีหลากหลายลีลาแตกต่างกันไป
เมื่อวานนี้อาจจะมีครอบครัวใหม่ที่เกิดจากการแต่งงาน หรือจดทะเบียนสมรสกัน
และในวันเดียวกันอาจจะเกิดการแตกแยกของอีกครอบครัวหนึ่งในห่วงเวลาเดียวกัน
วันนี้เด็กคนหนึ่งได้ลืมตาดูโลก ได้พบพ่อ ได้พบแม่
ส่วนเด็กอีกคนต้องเสียพ่อ หรือ เสียแม่ ทั้งๆที่พวกเขาก็ไม่ได้ตาย แต่ได้หย่าขาดกัน
เด็กกลุ่มหลังนี่แหละ ต้องอยู่ให้ได้ ทั้งๆที่พวกเขา ไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับมันได้อย่างไร
เรื่องราวชีวิต ใครเป็นคนลิขิต คนข้างบนฟ้าหรือว่าเราเอง หุหุ

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 12 มีนาคม 2554 15:32:53 น.  

 



เม้นท์ก่อนว่าจะแทรกเรื่องครอบตัวขนุนเองสักนิดแต่ก็ลืมอีกเพราะว่าง่วง ขนุนเกิดวันซาตานเดย์ แบบที่คุณซูมเรียก ในตอนที่ขนุน เกิดป๊ะป๋าก็ทำอะเมซิ่งเซอร์ไพร์สม่าม้า ไปอยู่กับสาวอื่น กลับมาอีกครั้งก็มีน้องสาว(ที่เคยเล่าให้ฟังขึ้นสวรรค์ไปแล้ว) ฝ่ายหญิงตามอ้อนจะฆ่าตัวตาย ตรงหน้าก็กลับไปอีก คราวนี้ ไม่มีตั๋วกลับ ยาวเลยมีทายาทกับฝ่ายโน้น 7 คน แถมยังตั้งชื่อให้เหมือนลูกทางนี้อีก จดทะเบียนกับแม่ขนุน วันที่ 14 กพ. ก็ไปจดซ้อนกับทางโน้น 15 ก.พ. (เค้ามาบอกเหตุผลหลังจากที่ขนุนเสียแม่ว่า เพื่่อเป็นการยืนยันว่ารักและให้เกีรยติ..อิอิสุดดดยอดดดมากไม่รุคิดได้งัย) แม่ขนุนต้องเลี้ยงลูกเอง 4 คนเป็นหญิงเหล็ก และก็โตมาแบบไม่รู้สึกว่าขาด หรือมีปัญหา อย่างไร เข้าใจเพราะว่าญาติของแม่และผู้ที่แวดล้อมเป็นกำลังใจที่ดี และหัวใจที่สู้ฃีวิตของแม่ จะมีบ้างในตอนที่พวกเรายังเล็ก ๆ จำได้ ว่าป๊ะป๋ากลับมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว มีอยู่ครั้งหนึ่งพอจะกลับขนุนก็เอามือจับท้ายรถเหมือนจะเกาะติดไปด้วย(คิดว่าเป็นเพราะความอยากนั่งรถให้พาไปเที่ยวด้วยมากกว่า ลางเลือนแล้วเพราะรู้สึกว่าตอนนั้นยังไม่ไ้ด้เข้า รร.) แต่เมื่อไปไม่ได้ ก้ไม่ได้โหย
หาแต่อย่างใด สรุปว่าแม่ขนุนเลี้ยงลูกได้ดีไม่มีปัญหาเพราะ
เลี้ยงแบบเป็นทั้งแม่และพ่อ มีครั้งหนึ่งมีคนแปลกหน้ามาด้อม
ด้อมมองข้างบ้านแบบมีพิรุธ แม่ตะโกนเสียงดังบอกพี่ ๆ ว่า
"ไปหยิบปืนมาซิลูก" เท่านั้นล่ะ เจ้านั่นเผ่นไปเลย อีกครั้งหนึ่ง
แม่ได้ยินเสียงร้องที่กรงนกพิราบ เสียงเหมือนแมวขู่ เข้าไปดู
ใกล้ ๆ ปรากฏว่างูเห่าตัวใหญ่แผ่แม่เบี้ยคอตั้ง เท่านั้นล่ะแม่
คว้าท่อนไม้มาทุบตั๊บ ๆ พี่ ๆ เข้ามาช่วยกันยำใหญ่ เรียบร้อย
รร.แม่ แม่บอกว่าเรื่องอะไรจะปล่อยไว้ให้มันมากัดลูก บ้านขนุนเหมือนบ้านเล็กในป่าใหญ่ค่ะ อยู่ชานเมือง
ขนุนว่าครอบครัวแตกเนี่ยจะไปได้สวยหรือไม่มันประกอบด้วย
หลายปัจจัยไม่มีข้อสรุป ยกให้เป็นเรื่องของโชคชะตา....

ณ วันนี้ทุกคนตื่นตะลีังกับข่าวสึนามิ และก็ยังคงหวาดผวาเป็นระยะ ๆ เห็นข่าวตั้งแต่ ที่นิวซีแลนด์ และมาญี่ปุ่นนี่ ทำให้
ขนุนนึกถึงหนัง 2012 ดูว่ามันคล้าย ๆ นะั หรือว่ามันจะใกล้
เข้ามาแล้วจริง ในระยะ 2 ปีนี่ ถ้าไปดูสถิติโลกใบนี้มันสั่นไหว
มากกว่าเดิมเกือบจะทุกเดือนในรอบปีแล้ว...เอ้าใครอยากทำ
อะไร..คิดไว้แล้วอยากทำก็รีบ ๆ ทำซะ(ทำสิ่งที่ไม่เดือดร้อน
คนอื่น) ญาติที่อยู่โตเกียวซึ่งเมื่อก่อนบอกว่าไหวเป็นเรื่อง
ปกติ แต่ครั้งนี้บอกว่า "มันน่ากลัวมาก" ขนาดว่าโตเกียวอยู่
ห่างจากจุดไหว 300 กม. หนนี้อาจจะมีคนไทยคืนสู่เหย้า
กันบ้างล่ะค่ะ
www.youtube.com/watch?v=dxi52wJBqT8
เอาเพลงแห่งขุนเขาไปฟังดูค่ะ

 

โดย: jampada IP: 58.9.42.92 12 มีนาคม 2554 16:25:29 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่ซูม ไม่ได้แวะมาซะนานเลย คุณพี่สบายดีนะคะ

ข่าวเตียงหักของคู่นี้ดังไม่แพ้ตอนแต่งกันเลยเนาะ คนดังก็งี้แหละ ขยับตัวนิดเดียวก็เป็นข่าวแล้ว ที่จริง ตอนที่สองคนแต่งงานกันก็แอบคิดว่าจะไปกันรอดหรือเปล่า เพราะคบกันไม่ทันไรก็แต่งกันแล้ว แต่ก็เอาใจช่วยให้รักกันนาน ๆ เสียดายที่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด

สึนามิที่ญี่ปุ่นน่ากลัวมากเลยค่ะ ได้เห็นน้ำกวาดทั้งคนและบ้านเรือนแบบน่าตกใจ หนนี้มีภาพข่าวออกมาเยอะมาก คนตายกันเยอะ จำนวนศพก็ยังไม่นิ่ง เห็นใจคนญี่ปุ่นจริง ๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ เมืองถึงจะคืนกลับมาสภาพเดิมได้ ขอไว้อาลัยให้กับผู้ตายและขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียด้วยค่ะ

 

โดย: haiku 12 มีนาคม 2554 22:13:52 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่ซูม

คิดถึง

เหนื่อยบ้างไรบ้าง

ปลงๆก่ะเหตุการณ์ของโลก

จะไปเมื่อไหร่ก็พร้อม

วันนี้เพียงแต่ทำให้ดีที่สุด

และหัวใจก็ยังมีพี่ชายเป็นกำลังใจ

ให้ในความรู้สึกเสมอ

เพลีย...ง่วง...อิ่ม...นอนหลับ

เตรียมลุกขึ้น ต่อสู้กับวันใหม่ อีกวัน

 

โดย: นกสีขาว IP: 188.28.134.203 13 มีนาคม 2554 7:45:33 น.  

 




หวัดดีค่ะเฮีย
เพื่อนมินที่ญี่ปุ่น ยังไม่มีใครตอบเมล์มาซักคนเลยค่ะ
ไม่รู้ระบบอินเตอร์เน็ทใช้ได้หรือป่าวอ่ะ
เป็นห่วงเพื่อนที่อยู่เซ็นไดมากที่สุด
เพิ่งจะย้ายจากฟูกูโอกะไปได้ไม่ถึงปีมั๊งคะ

อ้าว การคอมเม๊นท์เรื่องเตียงหัก
มินก็พูดไปตามความรู้สึกจริง ๆ อ่ะค่ะ
I didn't mean to hurt you นะคะ
ถ้ายูรู้สึกแบบนั้น มินก็ขอโทษนะคะ
ตอนเด็ก ๆ ก่อนที่จะถูกส่งไปอยู่ รร.ประจำ
มินจะมานั่งรอแม่ที่หัวบันไดทุกวัน
คิดว่าแม่จะกลับมา บางวันก็รอไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
พี่สาวน้องสาวก็ทำแบบนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ
ส่วนน้องชายตอนแรกแม่เอาไปด้วย
ตอนหลังฟ้องร้องกันพ่อชนะ น้องชายเลยกลับมาอยู่ด้วย
แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเลยพี่น้อง
เพราะทุกคนถูกส่งไปอยู่ รร.ประจำกันหมด
มาเจอกันแบบทุกวันตอนโต ๆ แล้วค่ะ

โตเป็นผู้ใหญ่แล้วถึงได้เข้าใจทั้งพ่อและแม่
เค้าอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกค่ะ และอาจไม่ใช่เนื้อคู่ด้วย
พ่อมินอยู่กับแม่ไม่ถึง 6 ปีมั๊ง หลังจากนั้น
พ่อก็เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เพิ่งมาหยุดเอาตอน
สิบปีหลังเองมั๊ง แต่ ก็ไม่เคยพาใครมาค้างที่บ้านนะคะ
ส่วนแม่หลังจากเลิกกันไม่กี่ปี ก็แต่งงานใหม่
และอยู่ด้วยกันมาจนถึงบัดนี้เกือบ 30 ปีแล้วค่ะ
อายุก็อ่อนกว่าแม่มิน ไม่มีลูกด้วยกันซักคน
มีแต่พวกมิน 4 คน ซึ่งก็เหมือนลูกลุงไปแล้วอ่ะนะ

เหมือนมินเลย มินจะมองเด็กพวกนี้
ด้วยความสงสารและเห็นใจที่สุด
แต่ บางครั้งยอมรับว่า ไม่เข้าใจเด็กบางคน
ที่ก้าวร้าว รุนแรง และทำเรื่องที่น่าตกใจ
ว่า ทำไมเค้าถึงได้สุดกู่ไปแบบนั้นอ่ะ
จริงอยู่ ว่าพวกเราไม่สามารถที่จะเลือกเกิดได้
แต่ ถ้าโตพอรู้ความแล้ว พวกเราก็น่าที่จะสามารถ
เลือกเป็น หรือ เลือกทำสิ่งที่มันปกติเหมือนคนอื่น ๆ ได้นี่นา มินว่า
เอ หรือว่า ฟ้าได้ลิขิตเอาไว้แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนั้น
อืม..น่าคิดเหมือนกันนะคะ ว่าไม๊

วันนี้ ว่าจะล้างรถ เช็ดข้างในรถให้สะอาดเองค่ะ
ให้เค้าล้าง ดูดฝุ่น มันก็สะอาดได้ระดับนึงนะมินว่า
แต่ การเช็ดนู่น เช็ดนี่ แบบละเอียดอ่ะ เราต้องทำเอง
ตอนนี้ยังเหมือนว่าง ก็โม้ได้อ่ะนะ เดี๋ยวถ้าเผื่อ
มีใครโทรมาชวนไปโน่น ไปนี่ สงสัยปรู๊ดไปเลยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

ปล. อยากชวนเฮียไปฟังเพลงญี่ปุ่นที่บล๊อคจังค่ะ
มินชอบเพลงนี้จังเลยอ่ะ ลองฟังดูนะว่าชอบไม๊

 

โดย: มินทิวา 13 มีนาคม 2554 8:11:53 น.  

 

Jampada

อ่านเรื่องส่วนตัวของคุณขนุนแล้ว รู้สึกเห็นใจ
แต่มีอีกความรู้สึกซ้อนขึ้นมาอีกอันคือ ปลื้มใจกับคุณแม่ของคุณ
ผมว่าหัวใจที่สู้ชีวิตของแม่สามารถส่งผ่านมายังลูก
และผมก็คิดว่าคุณขนุนก็คงเป็นเช่นนั้น

เรามาตกลงปลงใจกันก่อนดีกว่า
คือว่าต่อแต่นี้ไปถ้าผมเขียนถึงผู้ชายสายพันธุ์หัวงูเฉกเช่นเดียวกับผมนี้
คุณขนุนห้ามคิดว่า ผมเอาผู้มีพระคุณของคุณมากระแนะกระแหนเป็นอันขาดนะคะ
ผมรับรองว่าคนละเคส คนละประเด็น และผมคงจะว่าในแบบภาพรวมๆมั่วๆมากกว่าครับ
ที่บอกกันก่อน เพราะว่าผมชอบนินทาผู้คน เดี๋ยวจะกลายเป็นชนวนให้ไม่พอใจกัน
ผมเข้าใจนะว่า คุณขนุนเล่าอะไรมา ก็เพื่อแชร์ข้อมูลกัน

ผมเคยเล่าในบล๊อกไปแล้วครั้งหนึ่ง ขอเล่าอีกที
เรื่องเพื่อนผู้หญิงของผม เขาแต่งงานแล้วสามีก็มีบ้านเล็ก
แต่เขาใจเด็ดไม่ยอมหย่าให้ผู้หญิงหมายเลขสองของสามีคนนั้นง่ายๆ
สามีก็พยายามแชร์ตัวเองในตอนแรกๆ แต่อย่างว่า เรื่องมันแดงออกมาแบบนี้
มีหรือภรรยาหลวงจะยอมนอนเขี่ยขาหรือหาอาหารให้ทานเหมือนเมื่อตอนรักกันใหม่ๆ
ยิ่งนังหญิงร้ายหมายเลขสองนี่ หล่อนก็แสบน่าดู โทรมาจิกตามสามีเค้าได้ทุกวัน
วันดีคืนร้าย ชีขับรถมาบีบแตรหน้าบ้าน(ยามดึกเลยนะ) บอกว่ามีเรื่องด่วน
พอสามีกระโดดออกจากบ้านไปกับยายเบอร์สอง ทีนี้บ้านร้อนเป็นไฟราวกับภูเขาไฟระเบิด
พ่อตัวดีเลยต้องไปสิงสถิตย์อยู่ที่บ้านหลังที่สองกับภรรยาน้อยอย่างถาวร
แล้วนานๆก็จะกลับมาเยี่ยมลูกสาว(เพียงคนเดียว)
ผู้ชายนี่เป็นเพศที่ถ้าหน้ามืดแล้วมันตามัวกันทุกคน
ผมไม่เชื่อเรื่องเสน่ห์ยาแฝดอะไรพรรณนั้นเลย ผมว่าตัณหาของเขาล้วนๆ
ลูกสาวตัวเล็กๆ มันยังทิ้งได้ลงคอ แต่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด มันเลยมีวิธีที่จะหลอกเด็กน้อยได้เรื่อยๆ
เพื่อนเล่าพร้อมน้ำตาว่า สามี(ที่เธอไม่ยอมเซ็นใบหย่า) แวะมาหาลูกสาว ชวนกันไปซื้อขนม ซื้อของเล่นที่ห้างสรรพสินค้า
พอยอดชายนายนั้นเอาลูกสาวขึ้นรถ ขับออกไปได้ประมาณ 5 นาทีกว่า
สาวสวยบ้านที่สองก็โทรมาตามล่าหาสามีของเธอ เธอก็บอกว่าไม่อยู่ ออกไปซื้อของกับลูกสาว
เธอก็ไม่ได้พูดจาหยาบคายอะไร แค่นั้นก็วางหูไป
อีก 10 นาทีต่อมา สามีมาจอดรถหน้าบ้าน
แถมมาแบบถอยหลังเข้าซอยมาเลย (เพื่อไม่ให้เสียเวลากลับรถ)
เขาเอาลูกสาวกลับมาส่ง (โดยที่ยังไม่ได้ซื้อของให้ลูกเลย) พอพ่ออุ้มลูกสาว(อายุ 5 ขวบ) ลงปั๊บ
พ่อก็ปิดประตูขึ้นรถ ขับปรื๋อออกไปเลย ทิ้งเด็กตัวเล็กๆไว้หน้าบ้าน กริ่งก็ไม่กดเรียกคนในบ้าน
ลูกสาวตกใจยืนร้องไห้หน้าบ้าน เธอและคนในบ้านได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ก็ออกมาดูกัน
มองไม่เห็นรถของคุณพ่อที่เคยใจดีคนนั้น (คงเหยียบ 120 กม ออกไปเลยกระมัง)

ตอนที่ได้ฟังเพื่อนเล่าตอนนั้น เพื่อนก็ถามผมว่าทำไมเขาทำกับลูกได้อย่างนั้น
ผมก็คิดอย่างคนเจ้าชู้ที่มีคำตอบแบบถูไถ แล้วบอกเขาไปว่า อาจจะเป็นเพราะถ้ากดกริ่ง
ภรรยาคงออกมาถาม แล้วก็คงต้องทะเลาะกันต่อหน้าลูก เขาเลยใช้วิธีหนีปัญหาไปแบบนั้น
โหย..ปากหนอปาก ไม่น่าไปตอบแทน "ผัวชาวบ้าน" เลย
น่าจะนั่งพยักหน้าเป็นหมาน่ารักจะดีซะกว่า
เพื่อนของผม มันด่าผมจนน้ำในหูของผมกระฉอกไปหมดเลย
หาว่าเข้าข้างคนชั่ว (แรงได้อีก) เพราะเป็นเพศเดียวกัน
รักที่จะมากรัก แต่ไหงเล่นหนีปัญหา
แถมยังไม่ตรึกตรองให้ดี เอาแต่สุขใส่ตัว โฉดได้ใจจอมมารจริงๆ

พอคุณขนุนเล่าว่า "เคยเอามือจับท้ายรถเหมือนจะเกาะติดไปด้วย"
ใจผมก็นึกถึงหลานสาวของผมคนนั้นทันที
ตอนที่พ่อเขาแล่นรถออกไปโดยไม่กล่าวลา หลานผมคงจะเอามือน้อยๆเกาะท้ายรถแล้วร้องไห้จ้าก็ได้
ไม่น่าเชื่อเลยนะว่า เรื่องราวของคน 2 ครอบครัวจะมีนาทีชีวิตที่คล้ายกันได้มากขนาดนี้
อยากจะบอกคุณขนุนว่า หลานสาวของผมคนนั้นตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว
และก็เป็นคนไม่ปกติ แต่ไม่ได้บ้านะครับ แค่ชอบอยู่คนเดียว โมโหร้าย และก็ไม่ได้ทำตัวเป็นผู้หญิง
อาจจะเป็นเพราะแม่ของเขา(ก็คือเพื่อนของผม) เขาเป็นคนเข้มแข็ง และคงสอนลูกให้เป็นคนสู้ชีวิต
รู้จักการป้องกันตัวเอง และคนในครอบครัว

มาที่เรื่องงู
บ้านผมหนะ คุณพ่อมาซื้อเอานอกเมือง อ้อ..เขาเรียกว่า ชานเมือง เพราะอยากจะผ่อนให้หมดก่อนตาย
ทีนี้มันก็ออกจะน่ากลัวมากๆ สองข้างทางของถนนหรือซอยเข้าบ้านผม
พวกเจ้าของที่ดินเขาขุดเอาดินขึ้นมาโปะให้เป็นถนนตรงกลาง สองข้างทางเลยกลายเป็นคลองเล็กๆคู่ขนานกันไป
พอมีน้ำ ก็มีกุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด มีสัตว์ต่างๆมากมาย รวมทั้ง พี่งู ก็ชุกชุม
ผมเองก็เข้าสู่วัยเรียนจบใหม่ๆ พอทำงานได้ ก็เสียคน กลับบ้านมืดๆค่ำๆเกือบทุกวัน
เงินเดือนระดับประถม แต่รสนิยมระดับดอกเตอร์ เที่ยวกลางคืนกับพี่ๆที่ทำงาน
สนุกสนานจนลืมไปเลยว่าที่บ้านหนะยากจนข้นแค้น
พอรายได้น้อย การกลับบ้านก็เลยไม่มีปัญญาจ้างรถแท็กซี่ อย่างดีก็แค่รถเมล์แอร์
ตอนดึกเดินเข้าซอย ตามพงหญ้าก็มีเสียงดังสวบๆ ตรงโน้นบ้าง ตรงนั้นบ้าง
ไฟฉายก็ไม่มี แสงไฟในซอยก็ไม่ค่อยสว่าง เขาติดโคมไฟตามเสาไฟแบบต้นเว้นต้น
มีวันหนึ่ง มีเงาดำคล้ายเชือกวางขวางถนน จะเดินข้ามก็ไม่ได้ กลัวว่าเป็นงู
ยืนฉี่จะราดมาดแม้นอยู่ตรงนั้นเป็นนาทีๆ พอดีมีคนรู้จักกันแถวบ้านเดินผ่านเข้ามาในซอยพอดี
เมื่อมีตัวช่วยก็เลยกล้าเดินไปพร้อมเขา พอมองตรงพื้นอีกที เงาดำๆเป็นเส้นๆหายไปแล้ว
ว๊าย...มันต้องเป็นงูแน่ๆ โหย...เหงื่อแตกพลักๆเลย
เหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมหัดสวดมนต์แบบสะกดบาลีถูกๆได้เสียที
(เมื่อก่อนผมสวดมนต์ไม่เป็นเลยนะ สวดไปสวดมา
ทำไมมีแค่กล่าวถึงพระพุทธ กับพระสงฆ์ หายไปหนึ่งทุกที)
เบื่อแล้ว วันนี้ไม่เล่าเรื่องความห่วยของตัวเองต่ออีกแล้วหละ

สำหรับญี่ปุ่น
นอกจากเจอภัยแผ่นดินไหว
เจอภัยสึนามิ
ตอนนี้ยังมีภัยนิวเคลียร์รั่วมาอีกเรื่อง
บ้านเรากำลังจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คงเล่นเอาแหยงๆกันไปเลยกระมังครับ
ตรงนี้ต้องมองว่าโรงงานหมายเลข 3 ที่เขาว่ารั่วนั้น มันสร้างตั้งแต่เรายังเป็นเด็กน้อย
มันถึงไม่ค่อยไฮเทคเท่าไหร่ รุ่นใหม่นี่ปลอดภัยมากกว่า
โห..ญี่ปุ่นนี้เขามีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิน 50 แห่งเสียอีก
มิน่าประเทศเขาถึงพัฒนาได้มากขนาดนั้น
ห่วงแต่เมืองจีน ถ้ามีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เยอะๆ แล้วปิดข่าวแบบเรื่องไข้หวัดนก
มีหวังชาวเอเชียคงเดือดร้อนกันหลายล้านคน
ธรรมดาผมไม่ค่อยเชื่อใจรัฐบาลจีน เพราะเขาชอบปิดข่าว และไม่ค่อยประสานกับประเทศอื่นๆ
พอมาคิดเรื่องภัยจากโรงงานนิวเคลียร์นี่ เล่นเอาผมหนาวสั่น หงิกๆๆ
วันนี้คนไทยก็กลับมาตุภูมิมากแล้วนี่ครับ แต่คงกลับมาไม่หมดประเทศเขาหรอก จิงป่าวคับ
ส่วนพวกไปเที่ยวหรือทำงานพิเศษนี้ เห็นว่า น้าเน็ก นี่มีคนอยากสัมภาษณ์มาก
เพราะได้ถ่ายวีดีโอตอนแผ่นดินไหวที่สนามบินนาริตะเอาไว้
ไม่รู้ว่า หลังจากวันนี้ไป จะมีคนอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมากๆกันอีกหรือเปล่า
สงสัยบุญจะหล่นใส่เกาหลี การท่องเที่ยวของเกาหลีคงเติบโตแบบก้าวกระโดดแน่ๆเลย

เพลงเพราะมากครับ ขอบคุณ

ขอบพระคุณในเจตนาดีทีมอบให้จอมมารทุกอย่างครับ

ref: Sienna Jampada A0 52 2D

 

โดย: zoomzero 13 มีนาคม 2554 22:35:57 น.  

 

haiku

เรื่องความรักของคนดัง
แต่งก็เป็นข่าว
หย่าก็เป็นข่าว
คนเขารักกัน ก็มีคนอยากให้เลิก
พอเขาเลิก ก็มีคนเชียร์ให้รีเทิร์น
ถ้าเป็นดารา มีแฟนคลับ พอมีข่าวเลิก ก็จะมีการกล่าวหามือที่สาม
เอาหนะ เขาอยากขายรูปขายเสียง เขาอยู่ได้เพราะมีคนชื่นชมติดตามผลงาน
ชีวิตคนสาธารณะก็น่าเหนื่อยหน่ายแบบนี้ ว่ามั๊ย

พี่ก็ขอร่วมไว้อาลัยให้คนญี่ปุ่นร่วมกับน้องไฮกุด้วยคนครับ

haiku DarkGreen 006400

 

โดย: zoomzero 13 มีนาคม 2554 22:43:28 น.  

 

Mintiva

ขอให้เพื่อนน้องมินท์ปลอดภัยกันทุกคนนะครับ

อาหมวยไม่ได้ทำอะไรเฮียหรอก never hurt me
เนื้อหนังของเฮียแกร่งยิ่งกว่าแรดแอฟริกาเสียอีกจ๊ะ
แค่บ่น เพราะอยากเปลี่ยนเรื่องใหม่ แต่เขียนๆแล้วก็เปลี่ยนหัวเรื่องไปเรื่อย

แต่อย่างน้อยคอมเมนท์ของเฮียก็ทำให้อาหมวยเขียนเล่าอะไรตั้งเยอะ

ชีวิตคู่ของแต่ละคนนั้น เฮียก็ว่า ฟ้าลิขิตและคนเองก็ลิขิตร่วมด้วยช่วยกันไป
แต่เรื่องดวงชะตานี่ก็พิกลยิ่งนัก
มีผู้หญิงบางคน มีแฟน 5-6 คน เป็นคนลักษณะเดียวกันหมด
ไม่ว่ารูปร่างหน้าตา การศึกษา นิสัยใจคอ และแรงๆสุดหลอกเงินเธอได้ทุกคน
อีกคนที่รู้จัก เป็นผู้ชาย มีแฟนแล้ว แฟนหนีไปมีคนใหม่ตลอด แล้วก็มีคนใหม่เข้ามาแทน
เรียกว่า อกหักซ้ำซาก แล้วเขาก็ยังคิดจะมีแฟนอีกต่อไปเรื่อยๆ เฮ้ย...งง

เด็กนี่ ไม่ว่า จะเป็นลูกใคร
เฮียว่าเขาน่ารักทั้งนั้น
เฮียเป็นโรคจิต เวลาไปโรงพยาบาล ชอบแอบขึ้นไปห้องเด็ก
ชอบไปยืนดูทารกในตู้ ตัวแดงๆ ห่อผ้าหนาๆ อยู่ในอ่างแก้ว น่าเอ็นดู
ถ้าลูกเขาหาย เขาดูเทปจากกล้อง รปภ มีหวังตำรวจมาที่บ้านเฮียแน่ๆเลย
บางคนบอกว่าอยากเห็นอะไรที่บริสุทธิ์ ไร้การปรุงแต่ง ไม่มีการเสแสร้ง
เฮ้ย...มาดูเด็กเกิดใหม่ซิเฟ้ย ไร้มลพิษทางจิตแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
อ้อ...เวลานั่งสมาธิ เฮียใช้ภาพเด็กทารกนี่แหละ เป็นตัวสตาร์ทจิตให้ไม่วอกแวก
ก็เขาให้เริ่มจาก เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป แล้ววนไปเรื่อยๆ เป็นอนิจจัง
เฮียก็เลย เอาเจ้าทารกนี่แหละมานับหนึ่งในจังหวะแรกที่นั่งสงบจิตใจ

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 13 มีนาคม 2554 23:03:39 น.  

 

Mintiva

เรื่องเด็กเกเร นักเรียนนักเลง ช่างกลช่างกวน
เฮียคิดว่า พวกเขาไม่ได้มาจากบ้านเตียงหักกันทุกคน
แต่ส่วนใหญ่มันมีเปอร์เซ็นต์สูงที่พวกเขาจะมาจากบ้านแบบนั้น
ปัจจัยเสริมความดุร้ายน่าจะมาจากเพื่อนร่วมนรก เอ้ย...ร่วมสถาบัน ซะมากกว่า
เรื่องเก็บกดนั้นน่าจะต้องมีกันเกือบทุกคน
แต่นักเลงเสื้อฉ๊อบพวกนี้ มันมีการเสี้ยมสอนให้เกลียดคนอื่น
ซึ่งคนที่มันต้องเกลียดมากๆ ก็คือ คนที่เรียนคนละสถานศึกษากับพวกมัน
โดยที่ไม่รู้จักกัน ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวบาดหมางกัน
แต่พอหมาจ่าฝูงสั่งให้ไปตีกับพวกโน้้น
เด็กโข่งพวกนี้ก็ยินดีออกไปเสี่ยงตาย ไม่รู้ว่าแลกกับอะไรมันถึงคิดว่าคุ้ม

ส่วนที่น่ามองอีกมุมก็คือ แม่ของพวกบ้านเตียงหัก
พอลูกโดนจับเพราะไปไล่ตีกับชาวบ้าน
คุณแม่พวกนี้มักออกมาปกป้องลูกๆอย่างเห็นได้ชัดว่าพวกเขารักลูกมาก
พออ่านข่าวหรือดูทีวีเมื่อไหร่ คุณแม่พวกนี้จะบอกว่าลูกไม่ใช่คนแบบนั้น
หลังๆมามีกล้องวงจรปิด มีคนเอามือถือถ่ายคลิ๊ป บันทึกเป็นหลักฐานมัดตัวว่ามันพยายามฆ่าเขา
แม่เหล่านี้ถึงได้เงียบเสียงลงไป เพราะจนด้วยหลักฐานความเลวของลูกๆ

ศีลธรรม ต่างหากที่จางหายไปจากสังคม หายไปจากครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น
การที่เด็กรุ่นใหม่สามารถทำร้ายหรือสังหารคนที่ไม่เคยรู้จักกันได้
มันก็แสดงว่า พวกนั้นไม่มีความเมตตาปราณีติดเนื้อติดตัวมาจากบ้านเอาเสียเลย
อย่าไปโทษที่ว่า พ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน หรือเพราะการเล่นเกมส์รุนแรงเลย
เฮียก็ชอบเล่นเกมส์โซนี่ ฆ่าๆยิงๆ ก็ไม่เห็นจะเคยคิดออกไปฆ่าใคร

เรื่องภัยธรรมชาติที่ญี่ปุ่น
เห็นพวกทีวีช่องสามไปถึงเชนไดแล้ว
เขาบอกว่าญี่ปุ่นยังมีปัญหาเรื่องระบบสื่อสาร โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ท
ข่าวเพื่อนๆของอาหมวยคงต้องรออีกหลายวัน
อย่างไรก็ขอให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย
ตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังเริ่มหนาว เป็นช่วงน่าเที่ยวของทุกๆปี
แต่เพียงแต่เข้าช่วงเริ่มต้นนะ ถ้าสึนามิมาตอนวันสงกรานต์
คงมีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะประเทศเราไปเสียชีวิตหลายคนแน่ๆ
เฮียไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เดือนเมษานี่แหละ ดอกซากุระยังมีให้เห็น
แต่ปลายมีนาคมคือช่วงดีที่สุดของปี
นึกถึงละครทีวีเรื่อง โอชิน
มีฉากตอนที่โตเกียวเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ไฟไหม้บ้านเมืองเขา
กลายเป็นยุคข้าวยากหมากแพงไปทันที
แต่คนญี่ปุ่นนี้ยอดอดทน แม้มีอุลตร้าแมนคอยมาช่วย พวกเขาก็ฟื้นตัวได้เร็ว
เฮียเชื่อว่า เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีวินัยและความขยันสูงมาก
ที่แน่ๆสูงกว่าเฮียเยอะเลย

อ้อ...จะมาบอกว่าไปฟังเพลงมาแล้วนะที่บ้านอาหมวย
BOKU NO SOBA NI ของ Hideaki Tokunaga
เสียงคนร้องเศร้าจัง
เฮียไม่รู้จักภาษาญี่ปุ่นเท่าไหร่
รู้แต่ว่า SOBA นี่ใช่บะหมี่หรือเปล่านะ 555
อือ...ภาพประกอบใน Youtube ของเพลงนี้
เหมือนแนวที่อาหมวยชอบเอามาโพสต์เลย ฮิ

โลกนี่ไม่ได้น่าอยู่เพราะว่ามันงดงาม
แต่มันน่าอยู่เพราะมีคนที่จิตใจงดงามอยู่ด้วย


Royalblue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 14 มีนาคม 2554 6:32:55 น.  

 




หวัดดีค่ะเฮีย
มินยังติดต่อเพื่อนที่อยู่เซนไดไม่ได้เลยค่ะ
แต่เพื่อนอีก 2 คน ติดต่อได้แล้ว
ตอนนี้ก็ยังโกลาหลกันอยู่ ต้องปันน้ำ ปันไฟ
และดับไฟเป็นบางพื้นที่ ระบบโทรคมนาคมก็ยังไม่เรียบร้อย
เค้าอยู่ระหว่างยามากาตะกับมิยากิอ่ะ
แต่มินก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนแน่ มีแต่อีเมล์ไม่มีโทรศัพท์ค่ะ
ได้แต่ภาวนาอย่าให้เป็นไรเลย ใจคอไม่ค่อยดีไงไม่รู้ค่ะ

มินเป็นคนที่ชอบเพลงเศร้า ๆ มากค่ะ
ไม่ว่าจะร้องเป็นภาษาไหนก็ชอบหมด
ขนาดแปลไม่ออก ยังรู้ว่ามันเศร้าเลยอ่ะนะ
โรคจิตอีกแล้ว มันทำให้เราเศร้าพร้อมทั้ง
ทำให้เรามีความสุขลึก ๆ อยู่ด้วยค่ะ แปลกดีไม๊...
สำหรับคนที่มีโลกส่วนตัวเองสูงเนี่ย
มินว่าเป็นกันทุกคนแหละค่ะ
ภาพต่าง ๆ เหมือนกัน ไม่รู้เป็นไงสิ
ถ้ามันหม่น ๆ หมอง ๆ เศร้า ๆ ซึ้ง ๆ เนี่ย
ชอบที่สุดเลย นั่งมองได้เป็นวัน ๆ คืน ๆ ค่ะ
ยิ่งเศร้า ยิ่งเหงายิ่งชอบ...
เฮีย ชักกลัวมินแล้วสิ..มั๊ง... ฮ่า ๆ ๆ
ไม่ต้องกลัวนะคะ มินไม่ทำร้ายคนที่มินชอบหรอกค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. ไปก่อนดีกว่า ก่อนที่จะเผยอีกด้านนึงที่โรคจิต
ให้เฮียรู้มากไปกว่านี้อ่ะนะ

 

โดย: มินทิวา 14 มีนาคม 2554 18:58:08 น.  

 

Mintiva

เรื่อง Japan
ดีใจด้วยนะที่อย่างน้อยก็ทราบข่าวจากเพื่อนบ้าง
สงสารที่ต้องแบ่งน้ำ แบ่งไฟ และน้ำมัน ในวันที่อากาศหนาวเหน็บแบบนี้
เอ้...ญี่ปุ่นตอนนี้เป็นฤดูอะไรน้าาา
วันนี้ก็มีข่าวไม่ฮา เพราะโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ของเขาท่าทางมันจะสร้างปัญหามากกว่าที่เราคิด
มีหลายคนเดาว่า ถ้าเตาปฏิกรณ์มันระเบิดตูม มันจะส่งผลให้เตาในตึกติดๆกันระเบิดตามกันเป็นลูกโซ่หรือเปล่า
แล้วในญี่ปุ่นมีโรงงานแบบนี้อยู่มากกว่า 50 แห่ง
ก็เท่ากับว่าเขามีระเบิดปรมาณูมากถึง 55 ลูก
สมัยก่อนเขาโดนอเมริกาทิ้งปรมาณูแค่ 2 ลูก คนตายเป็นแสน
ญี่ปุ่นหนอญี่ปุ่น ไม่ถูกโฉลกกับนิวเคลียร์เลยนะเพื่อน

หลังมหาภัยแบบนี้ คนที่ไม่ตายนี่แหละที่ต้องลำบาก โดยเฉพาะเด็กๆ
น่าแปลกใจนะ พวกพลังงานทดแทนนี้มนุษย์พัฒนาไปไม่ถึงไหนซะที
วันนี้บนหลังคาบ้านพวกเราน่าจะมีแผงเครื่องเก็บไฟได้แล้ว
อย่างน้ำฝน เราก็น่าจะสามารถเอามาผ่านการทำอะไรซะอย่างแล้วก็ทานได้โดยไม่ต้องต้มให้เปลืองฟืน

เฮียเคยดูหนังสารคดีเรื่องหนึ่ง เขากล่าวถึงวันที่เกิดสงครามแบบล้างโลกกันเลย
แล้วเขาก็มาคิดว่า คนเราต้องการอะไรบ้างนะที่ไฮเทคในวันที่ต้องอยู่คนเดียวบนโลก
มาทำเป็นแนวละครทีวีเกี่ยวกับพวกทหาร ว่าจะกินจะอยู่อย่างไร ถ้าต้องไปทำภารกิจคนเดียวในป่าในเขา
เช่น ต้องมีอุปกรณ์พวกโซล่าเซลล์ขนาดเล็ก เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เอามาสะสมไว้
ก็เอาไว้จ่ายพลังงานไฟฟ้า สร้างแสงไฟ สร้างความร้อน ชาร์จแบ็ตฯ
เขาต้องมีเครื่องทำน้ำให้สะอาดด้วยรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต
หน้าตาเหมือนท่อพีวีซีขนาดกว้างเท่าแขน และยาวเมตรกว่าๆ
แค่เอาน้ำจากแหล่งธรรมชาติใส่กระบอกพลาสติกใสๆแล้วใช้กระแสไฟฟ้าไม่กี่โวลท์
ฉายรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตเทียม(จากหลอดไฟชนิดหนึ่ง) เดี๋ยวเดียวก็ได้น้ำสะอาดไร้เชื้อโรคดื่มได้แล้ว
เสื้อผ้าของทหารคนนั้น เขาก็มี 2 แบบ แบบใส่แล้วไม่ร้อน ระบายอากาศ ไม่มีเหงือ ซักง่าย
อีกแบบเป็นเสื้อกันหนาว แต่ผ้าบางเบา ม้วนๆยัดใส่เป้
แล้วก็ยังมีอุปกรณ์แปลกๆเหมือนเจมส์ บอนด์ ใช้ในหนัง
เอ้...แล้วนี่เฮียจะมาโม้อะไร เปลี่ยนซับเจ็คดีฝ่า 555

เมื่อตอนเย็น อยู่บ้านคนเดียว
ทีแรกว่าจะต้มบะหมี่กระป๋อง
แต่เปลี่ยนใจ ออกไปซื้อปลาเผามาทานดีกว่า
เป็นปลาทับทิม ราคาตัวละ 170 บาท แถมผักกับน้ำจิ้ม
และก็ลาบหมู บวกข้าวเหนียวอีกถุง
ทานคนเดียวไม่คิดถึงหน้าตาใครเลย
อาหย่อยมากกกกกก

เรื่องนิสัยพิลึกๆ
เผยมาเลยด้านมืดของอาหมวย ไม่กะ กะ กัว หรอกยะ
ไว้เจอด้านสีเทาสีม่วงของเฮียแล้ว น้องจะหนาวววว
เฮียเป็นพวก 2 บุคลิก ชอบทั้งอยู่คนเดียว และก็รวมกลุ่ม
ตามทฤษฎีเขาว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ต้องอยู่เป็นกลุ่ม อยู่ตัวเดียว เอ้ย..คนเดียวไม่ได้
ครั้นพออยู่เป็นกลุ่ม มันก็แสนจะวุ่นวาย
เพราะมนุษย์มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือ เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองมากกว่าอย่างอื่น
แถมขี้อิจฉา มากกว่าคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆดีๆ
สรุปว่าอยู่คนเดียวก็เหงา อยู่หลายคนก็รำคาญ อุ้ย..เซ็งเป็ด

ภาพที่เฮียชอบก็ไม่เชิงมืดๆหม่นๆ เหมือนหนูมินทิวาแสนสวยหรอกครับ
แต่เป็นช่วงพระอาทิตย์ตก มันออกดำๆส้มๆ เย็นๆตาดีแท้
ท่าทางอาหมวยจะเป็นคนชอบความเศร้าเอามากๆ
ความจริงความเศร้านี่ มันก็มีประโยชน์นะ ถ้าเอามาใช้ในเวลาที่เหมาะ
อย่างเช่นเวลาเฮียจะอ้อนสาวๆ เฮียก็ชอบทำหน้าเศร้าๆ
อย่างทุกวันนี้ เห็นคนไปงานศพ ทำไมมันเหมือนงานปาร์ตี้เลี้ยงรุ่นก็ไม่ปาน
มีแต่ไอ้คนที่เจ้าของงานที่หน้าจ๋อยๆ ก็ญาติของเขานอนอยู่ในโลงนี้หว่า
ส่วนเพื่อนที่มาร่วมงานหัวเราะร่วนตลอดเวลา แซวกันสนุกสนาน
แถมมีบางคนคุยกันยังกับนกกระจอกแตกรัง
บางคนตอนพระสวด มันยังหัวเราะเสียงดังกว่าพระเสียอีก
ตกลงคนพวกนี้ เขาลืมคำว่า เศร้า ไปแล้วหรือไง

เอาเป็นว่า ไม่ต้องมาคิดว่า เฮียจะกลัวความลึกลับของอาหมวย
เพราะคนเราต่างคนก็ต่างนิสัยใจคอ
แหม...ขนาดโจรผู้ร้ายใจโหด ยังมีแฟนมีครอบครัว
แต่เฮียเชื่ออย่างหนึ่งว่า อย่าไว้ใจคนในโลกอินเตอร์เน็ท(ให้มากนัก)
ดังนั้นไม่ใช่กลัว แต่ขอไม่ไว้วางใจต่างหาก หุหุ ห้าห้า (ย้อเย่น)

ที่ว่า มินไม่ทำร้ายคนที่มินชอบ
อันนี้ไม่COOL เพราะบังเอิญเฮียไม่รักที่จะเป็นคนที่ถูกชอบ
แต่ชอบเป็นคนที่ถูกรักมากกว่า 555

RoyalBlue Mintiva 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 14 มีนาคม 2554 21:42:13 น.  


zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.