หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ
30212 (เยื่อ)พรหมจรรย์สำคัญด้วยหรือ?





ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง
00ขัดใจก็อยากขวาง.....ขวางไม่ได้ก็ขว้างไข่
หุบเขาคนโฉด, ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง, พรหมจรรย์
zOOmzerO, Violent Valley, Virgin





พรหมจรรย์สำคัญด้วยหรือ?


เรื่องคันๆ พรหมจรรย์ มันดียังไง
กุมภาพันธ์ คือ เดือนแห่งความรัก
ต้องมีคนเสียพรหมจรรย์กันหรือไม่?

ใกล้วันวาเลนไทน์
วันแห่งความต้องคุยเรื่องอะไร
ผมว่าน่าจะคุยเรื่องเสียสาวดีมั๊ย เรามารณรงค์ให้รีบๆประเคนความสาวให้แฟนดีมั๊ย
หาเรื่องเขียนนอกกรอบแบบนี้ มีหวังโดนลบ login
....
หนุ่มๆมักจะวางแผนว่าจะได้เป็นคนแรกของคนรัก
ตอบเราได้หรือไม่ว่า ทำเพราะความรัก หรือทำเพราะความใคร่ สัดส่วนเท่ากันหรือเปล่า?
ส่วนสาวๆจะวางแผนว่าเมื่อถึงคืนนั้นฉันจะใส่พานให้แฟนเลยหรือไม่ ให้ไปเพื่ออะไร?

ปัจจุบันสาววัยรุ่นไทยมีเรื่องน่าเป็นห่วง (ในสายตาของคนที่เป็นพ่อแม่) อยู่ 3 เรื่องใหญ่
เรื่องแรก ไม่เรียนหนังสือ
เรื่องที่สอง ติดคอมฯ ติดมือถือ หรือเรียกว่า บ้าวัตถุไฮเทค
เรื่องที่สาม เสียตัวก่อนวัยอันควร

เรื่องที่สามนี้ พอมองนอกกรอบแล้ว ก็วาบๆใจหวิวๆว่า
ถ้ามีใครกำหนดได้ หรือกฎหมายระบุได้ ว่าผู้หญิงอายุเท่านั้นเท่านี้
ต้องหัดร่วมเพศได้แล้ว เพราะถึงวัยอันควร
โลกเราจะเป็นอย่างไรนะ เช่น พออายุ 25 ปี
ผู้หญิงสาวก็ลงประกาศ นสพ.ว่า ฉันพร้อมแล้ว โทรฯมานัดวัน เวลา สถานที่ได้เลย
ใช่หรือ?

สมัยก่อนเรื่องการถือพรหมจรรย์ของผู้หญิงนั้นสำคัญมาก
ในบางประเทศ เมื่อฝ่ายชายได้แต่งงานกับฝ่ายหญิงไปแล้ว
และทราบว่าไม่ได้สาวบริสุทธิ์มาเป็นภรรยา โดยที่เขาเป็นคนคิดว่าไม่บริสุทธิ์นะ
เพราะหมอนั้นมักจะนอนกับเจ้าสาวไปก่อน แล้วตอนเช้าค่อยออกมาโวย
เรียกว่าผู้หญิงหมดสิทธิ์หาทางโต้แย้งได้เลย (เก่งจริงๆ ผู้ชายพวกนั้น)
ในบันทึกบอกว่า เขามีสิทธิ์ฆ่าหญิงคนนั้นได้ ใครๆก็ไม่ห้ามอีกด้วย
หรือไม่อย่างนั้น สามีมือใหม่ที่แสร้งทำเป็นไม่อยากมือเปื้อนเลือด
ก็จะบังคับให้หญิงคนนั้นไปฆ่าตัวตายซะเอง เรียกว่า "การตายเพื่อรักษาเกียรติของวงตระกูล"
แต่เป็นเกียรติของครอบครัวฝ่ายชายนะจ๊ะ
ประเทศแถบไหนหรือ ก็แถบที่เขาให้ผู้หญิงปิดหน้าปิดตานั่นแหละ
และก็พวกประเทศที่มีกษัตริย์โฉดๆปกครอง
อันนี้แน่นอน นางสนม หรือพระมเหสี โดนเอาไปตัดศีรษะแน่นอน ถ้าไม่ใหม่จริงๆ
เว้นแต่พวกกษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ต่อจากพ่อ อย่างในเรื่อง สามก๊ก ฯ
ฮ่องเต้บางพระองค์ (หรือส่วนใหญ่)ได้ไปเอานางสนม หรือเมียพ่อ
หรือแม้แต่มเหสีเอกของพ่อของตนเอง
เอามาทำเป็นภรรยาของตน อย่างนี้ก็มีให้เห็น

ผู้หญิง(ถูกบังคับให้)เก็บพรหมจรรย์เอาไว้ให้ชายที่จะมาเป็นสามี
(ถ้า)ทำได้ผู้หญิงคนนั้นได้รับการยกย่อง
แต่... ฝ่ายชาย...ไม่ต้องเก็บพรหมจรรย์เอาไว้ฝ่ายหญิง
แถมสนับสนุนให้ไปขึ้นครู
อย่างในเพลงของครูจรัล ยังมีเนื้อร้องเกี่ยวกับคนที่ชื่อ มิดะ
ช่างเป็นความเท่าเทียมกันของชายและหญิงในอดีตเสียเหลือเกิน

ผมว่า หญิงไม่มีพรหมจรรย์ไม่ใช่คนเลวเสียหน่อย
เขาก็คนเหมือนเราๆท่านๆ มีรัก โลภ โกระ หลง โง่ ฉลาด ฯ
บางคนเป็นเหยื่อด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ แต่ไม่ทันเล่ห์ของฝ่ายชาย
ใครอยากรักษาหรือไม่รักษา นั่นเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมไม่ว่าดีหรือไม่ดีหรอก
ผู้ชายมักชอบของดีๆ ของใหม่ๆ ของบริสุทธิ์ๆ
โดยไม่ดูตัวเองว่าตัวเองบริสุทธิ์หรือเปล่า
ปากก็ว่าชอบของบริสุทธิ์ แต่ก็ออกไปหาอะไรคาวๆแถวสถานบันเทิงรับประทานบ่อยๆ

มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งของจอมมาร บอกว่า
เราไม่อยากเป็นสาวพรหมจรรย์หรอก
ผมก็ถามว่า ทำไม?
เขาบอกว่า ไม่อยากเป็นเมียคิงคอง
ผมก็ทำหน้าเป็นงง
เขาเลยเฉลยว่า พวกคนป่าชอบจับสาวบริสุทธิ์ไปให้คิงคองยักษ์ไง
คนสมัยก่อนไม่มีอะไรทำ ก็เอาสาวพรหมจรรย์ไปให้ปีศาจ เทพเจ้า หรือตัวอะไรต่อมิอะไร บูชายันต์
เป็นสาวพรหมจรรย์ก็เลยซวยไง
อ๋อ....ความคิดมาจากหนังเรื่อง KingKong นีเอง
ไอ้เราก็นึกว่าเขาจะส่งรหัสลับอะไรให้เรา
โธ่...เราก็พวกนักล่า(เยื่อ)พรหมจรรย์เหมือนกันนะยะหล่อน



โลกมนุษย์ในวันนี้เลยวุ่นวายเรื่องบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์
หาใช่ให้ความสำคัญกับคำว่า "ความรัก"
ผู้หญิงบริสุทธิ์ ไม่ได้แปลว่า คนดีที่สุด สำหรับจอมมารฯ
หากแต่ว่า หญิงที่ดีที่สุด น่าจะเป็นคนที่มีความงามทั้งภายในและภายนอก
มีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ
หายาก (หนึ่งในล้าน)
ทนทาน (ศรีทนได้)
สวยงาม (งามกิริยา วาจา ใจ)

เออ....แถวนี้มีบ้างมั๊ย


Link ไปที่ blog ก่อนหน้านี้ ดอกไม้หายไปไหน?


zOOmzERo2009




My Valentine, I love myself, But I'm not selfish.



Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:36:54 น. 71 comments
Counter : 3043 Pageviews.

 
ว๊าววว A Time For Us ซะด้วย เพราะเน๊อะ โรมิโอกับจูเลียต

แวะมาสวัสดีวันจ่ายเจ้าค่ะ กะลังทำกิจการพับกระดาษไหว้เจ้าอยู่ อุอุ มีหลายตั้งเหลือเกิน ทั้งพับเป็นเงิน เป็นเรือ พับใบผ่านทาง พับหม้อพับไห *-* ไปดีฝ่า แว๊บบบ

วันนี้คุยเรื่องพรหมจรรย์เหย๋อ ง้านไม่มีจะคุย แบร่

คิดถึงเหมือนเดิมนะคะ จุ๊ฟ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ IP: 125.24.137.118 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:19:30 น.  

 
สมัยเป็นหนุ่มวัยละอ่อน
มีเรื่องหนึ่งที่อยากรู้มากๆ
นั้นก็คือเรื่องเยื่อพรหมจรรย์

ผมอุตสาห์ไปซื้อหนังสือโป้มาดูรูป
ปัดโธ่...นางแบบในนั้น มันไม่มีของอย่างที่เราอยากเห็น
เราอยากดูม่าน แต่มีแต่รูปอุโมงค์
แต่ก็ว่าไม่ได้ มันก็มีอย่างอื่นที่เราอยากเห็นเหมือนกันจริงๆ
ตกลงที่ซื้อและเก็บสะสมมาทุกวันนี้ ก็เพราะอยากรู้แบบเชิงวิชาการเท่านั้น
ไม่ได้มีจิตใจลามกเลย เชื่อหรือเปล่าหละ 555

มีเรื่องที่ผู้คนไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเยื่อพรหมจรรย์อยู่อีกเยอะ
เอาเป็นว่าผมจะใช้คำว่า VG ซึ่งมาจาก Virgin แทนคำนี้ก็แล้วกัน
มันจะได้ลดความคิดเรื่องใต้สะดือของผมลงได้บ้าง

เรื่องแรก VG หน้าเป็นอย่างไร
ในที่สุดก็วนมาว่าอยากเห็นของสงวนของนารีจนได้
เอาเป็นว่าทางวิชาการบอกว่า VG เป็นเนื้อเยื่อบางๆ กันช่องของสงวนเอาไว้ อยู่ตื้นๆ มองเห็นได้
มีลักษณะไม่เฉพาะ ซึ่งก็หมายความว่า บางคนเป็นช่องเล็กๆพรุนเต็มไปหมด
บางคนทีแค่ 1-2 ช่อง
ซึ่งจะทำให้ของเสียจากข้างในไหลออกมาได้ยาก
ของเสียที่ว่าก็คือ เลือดเสียในแต่ละเดือน

และที่คนไม่รู้ ทั้งๆที่หลักการงอกหดของอวัยวะคนเรามีกันเป็นพันๆหมื่นๆปี
นั้นก็คือ เด็กสาวทุกคน ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดมาแล้วมีเยื่อพรหมจรรย์
ก็คนเรายังแขนด้วน ขาด้วน นิ้วด้วน ได้เลย
แล้วคนไม่มี VG มันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นของธรรมชาติ
เสียดายที่มีคนสมองควายหลายคนในประวัติศาสตร์ไม่ทราบเรื่องแบบนี้
จึงมีสาวๆถูกประนามว่าไปมีอะไรกับผู้ชายมา พ่อแม่ก็เชื่อ ก็รังเกียจลูกสาว
ทั้งๆที่เธอเองไม่เคยไม่ข้องแวะเรื่องแบบนั้นมาเลย

ส่วนอีกกรณีก็คือ เกิดมามีVG แต่พอถึงวันแต่งงาน ไม่มีVG
เรื่องนี้เป็นเพราะเธอได้ไปทำกิจกรรมรุนแรงมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเพศสัมพันธ์หรอกน่า
ตัวอย่างเช่น เล่นกีฬา ขี่จักรยาน ขี่ม้า กระโดดแยกขา ก้าวขาผิดพลาด ฯ
ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ หากแต่ว่าวิทยาศาสตร์ด้านสูตินารียังไม่ทันสมัย
พวกเธอก็ต้องโดนประนามไปในสมัยนั้นว่า ไม่บริสุทธิ์

ในปัจจุบันมีสาเหตุเพิ่มมาอีก เพราะมีเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ๆ มีของใช้ใหม่ๆ
เช่น การใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ซึ่งผู้ใช้ขาดความรู้ความเข้าใจ
จึงเกิดการกดทับและทำลายVG ของตนเอง

ในพื้นที่เอเชียของเรา ในยุคขอม ยุคจามปา ยุคเจนละ อาณาจักรฟูนัน ฯ
ประมาณพุทธศตวรรษที่ 11
มีการบันทึกของพวกฝรั่งนักเดินเรือว่าพวกคนพื้นเมืองแถวๆลุ่มแม่น้ำโขง
เชื่อว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองด้านการแพทย์ยุคหนึ่ง
เรื่องอนามัยเหล่านี้ก็ได้มีผลต่อชีวิตของสตรีเพศด้วย
ว่ากันว่าจะมีพวกนักบวช(ไม่ใช่พระสงฆ์)จะทำพิธีเปลี่ยนเด็กสาวให้เป็นสาว
เพราะถ้าใครไม่ผ่านพิธีกรรมนี้ก็จะถือว่าไม่ใช่สาว ไม่ใช่คนของที่นั้น และจะโดนเหยียดหยาม
เรื่องนี้รายละเอียดที่มาที่ไปยาวเหยียด เหตุผลง่ายๆคือนักบวชต้องการรายได้
มีผู้คนในสมัยก่อนหลายคนเบื่อพวกนักบวชที่คิดค่าจ้างในการทำพิธีเหลือเกิน
ทำให้ฟรีๆก็ไม่ได้ หาว่าครูอาจารย์สอนมาว่าต้องมีค่าไหว้ครู

แต่มุมมองที่ผมมองเอาไว้นั้น ผมว่าแปลกดี
ก็คือ ในพิธีกรรมนั้น เด็กสาวจะต้องค้างคืนกับนักบวช 1 คืน
แน่นอนนักบวชต้องทำอะไรตรงVG แน่ๆ แต่ข่มขืนหรือเปล่า?
ซึ่งเจ้าคนเขียนไม่มีทางรู้เพราะไม่ได้เกิดมาเป็นเด็กสาวชาวเอเชียในสมัยนั้น
ถ้าไม่มองอย่างอคติเกินไปก็น่าจะคิดว่านักบวชคงใช้ไม้ที่ทำเป็นรูปของสำคัญของผู้ชาย
ทำการเจาะช่องผ่านVG
เจ้าขิก เลยกลายเป็นแท่งไม้ศักดิ์สิทธิ์
แถมยังกลายเป็นเครื่องลางของขลังจนถึงทุกวันนี้

ใครจะมองอย่างไรก็ตาม ผมมองว่ามีส่วนดีในเรื่องอนามัยเรื่องหนึ่งหละ
เด็กหญิงเหล่านั้นจะได้ไม่ปวดท้องมากมายตอนมีเมนท์
เพราะช่องทางระบาย ปลดปล่อยเลือดเสียได้ดีขึ้น
หลายท่านคงจะคิดว่าผมลามกน่าดู เอาไว้ค่อยคุยกันคราวต่อไปนะ
ผมว่าการทำความสะอาด ทำได้ง่ายขึ้น
เมื่อพวกเธอได้เสียสาวจากพิธีกรรมนั้นผ่านไปแล้ว
เพราะถ้าอนามัยไม่ดี พวกเธอนั่นแหละจะเจ็บป่วยจากการติดเชื้อทางช่องสงวน
คิดดูซิว่า ยุคนั้นไม่มีผ้าอนามัยสะอาดๆขายกันนะ

เพื่อนของผมเป็นหมอสูติอยู่ที่รพ.นพรัตน์
ได้เคยอธิบายเรื่องนี้กับผมว่า
VG ในสาวบริสุทธิ์ มันจะเป็นตัวปิดกั้นทางไหลของเมนท์
ในสาวบางคนช่องVG หรือรูพรุนๆนี้ ปิดค่อนข้างสนิท หรือมีแค่รูเล็กๆจี๊ดเดียว
นั่นคืออาการเมนท์ตกค้างข้างใน ของเสียหาทางไหลออกมาไม่ได้
สาวๆกลุ่มนั้นเลยปวดท้องตอนที่มีประจำเดือนมากผิดปกติ
จึงมีคนบอกว่า พอมีสามีแล้ว ไม่เคยปวดประจำเดือนเลย
เรื่องนี้ก็น่าจะมาจากช่องทางมันเปิดโล่ง
แต่ในทางการแพทย์การปวดท้องเมนท์ยังมีเรื่องกล้ามเนื้อมดลูกหดเกร็ง
และเรื่องชีววิทยาอีกเป็นร้อยๆเรื่องประกอบกัน
เอาเป็นว่าผมมองมุมที่ว่าทำไมเป็นสาวแล้วปอดท้องเมนท์แทบตาย
แต่พอมีสามีกลับหายเป็นปลิดทิ้ง
เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร คนเป็นผู้หญิงถึงจะทราบดีกว่าผม

ย้อนกลับมาเรื่องพิธีเป็นสาวหรือเสียสาวของชาวเอเชียโบราณ
ผมก็เลยมองว่ามันทำให้ไม่ต้องมานอนปวดท้องกันทุกเดือนหรือเปล่า
คำตอบมันคงลึกซึ้งกว่านั้นแน่นอน แต่ผมคิดได้แค่นี่แหละ
หรือไม่ก็...
นักบวชใช้เรื่องนี้เป็นการควบคุมมวลชน เป็นการสร้างฐานบารีของตนเอง
ใครไม่พอใจก็ออกจากหมู่บ้าน ออกจากเมืองไป

มีอีกเรื่องก็เล่าขานกันมานานว่า
พวกแม้วหรือชาวเขาบางเผ่าในภาคเหนือนอกประเทศของเราขึ้นไป
ใครจะแต่งงานก็ต้องเอาลูกสาวไปนอนบ้านหัวหน้าเผ่า 1 คืน
และก็ต้องเสียความสาวให้หัวหน้าเผ่ากันทุกคนนั่นแหละ
พวกขี้เมาเวลาเล่าเรื่องนี้กันก็จะคุยกันว่า เขาสอนเทคนิคให้สาวๆกัน
จะได้รู้วิธีเอาใจสามี โถ่..ไอ้บ้า เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติเฟ้ย 555
ทีนี้ ลูกออกมาเป็นลูกใครก็ไม่รู้ ลุ้นหน้าตากันเอาเอง
แต่อาจจะเป็นวิธีการดำรงสายพันธุ์ของเจ้าหัวหน้าเผ่าแบบหนึ่ง
ก็ด้วย DNA ของพ่อแบบนั้น
ก็คนที่เป็นหัวหน้าเผ่าได้ก็ต้องแข็งแรงที่สุดอยู่แล้ว
ลูกออกมาก็น่าจะสูงใหญ่เป็นนักรบอย่างหัวหน้าเผาได้
แต่เฮ้อ...เรื่องจริงหรือโม้กันแน่
อีกอย่างพวกเด็กก็คงไม่กล้าฆ่าหัวหน้าเผ่า เพราะอาจจะเป็นพ่อเราตัวจริงก็ได้
โห...คิดได้ไงนี่


โดย: zoomzero วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:13:58 น.  

 
เป็นพรหมเลยเหรอครับ


โดย: jejeeppe วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:56:35 น.  

 



หวัดดีค่ะพี่ชาย...
วาว..มีเวลาอัพบล๊อคแล้วเหรอ
เห็นยุ่ง ๆ อยู่เหมือนกันนิ..
มิน 2 วันนี้ ไม่มีเวลาที่จะคุยเล่นเลยค่ะ
ช่วงนี้งานราชการเยอะ หมายถึงงานประมูลราชการอ่ะ
แค่เตรียมเอกสารแต่ละที่ มินก็งงไปหมดแล้วอ่ะ
ไล่กันไปติด ๆ 4 ที่ แต่เอกสารที่จะใช้เป็นร้อย ๆ แผ่นค่ะ
วาเลนไทน์ เฮียเขียนถึงเรื่อง VG เนี่ย โห...
ถึงจะอ่านแล้วเขิน แต่ก็ต้องยอมรับในข้อมูลอ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ
เห็นเฮียเข้าอก เข้าใจผู้หญิงขนาดนี้แล้ว
มินเกิดคำถามเล็ก ๆ ในใจว่า ตกลงเฮียของมินนี่
เป็นผู้ชายจริง ๆ หรือป่าวคะนี่..ค่าที่เข้าใจผู้หญิงจริง ๆ เลย
แต่มินอาจมีความเห็นที่ไม่ตรงกับพี่ชายข้อนึง คือ
สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว มินว่าผู้ชายสมัยนี้
ไม่ค่อยแคร์หรือสนใจเรื่อง VG ของผู้หญิงกันเท่าไร
ดูจากเด็ก ๆ สมัยนี้อ่ะ มินเคยคุยกับหลานชายมินเอง
คือ เคยเตือนเค้าเรื่องเพื่อนผู้หญิงที่เค้าคบ
เพราะเห็นว่าผู้หญิงป๊อปเหลือเกิน เค้าก็ว่า
สมัยนี้ ไม่มีใครคิดแบบนั้นแล้วครับ ก่อนหน้านี้เป็นมายังไงไม่สนใจ
สนใจแค่ปัจจุบันของผู้หญิงเค้าเท่านั้น..อืม..ยุคมันเปลี่ยนไปนะ แต่ก็ยังนึกดีใจแทนผู้หญิงที่เค้าได้แฟนที่มีความคิดแบบนี้อ่ะ
เมื่อเย็นนี้ ไปหาซื้อดอกไม้ให้เพื่อนสาวของหลานชาย เขารับปริญญาพรุ่งนี้
โห...กุหลาบดอกละร้อยค่ะ ช่อนึง 10 ดอก แซมลิลลี่ดอกนึงโดนไปพันสอง...
คือ ฝากไปแสดงความยินดีกับเค้า เพราะมินคงไม่ได้ไป ยังไม่รู้ว่าตอนเย็นจะไปทานเลี้ยงกับเค้าด้วยหรือป่าว
พ่อแม่ ผู้หญิงโทรมาชวนครอบครัวฝ่ายเรา พี่สาวก็อยากให้ไปเป็นเพื่อน เขาจะทานกันที่แหลมเจริญซีฟู๊ดตรงรามอินทราอ่ะค่ะ
แต่ มินก็มีนัดแล้ว นายกึ่งบังคับให้ไปทานข้าวกับเค้า เพราะเค้าจะเลี้ยงอัยการ ญาติฝ่ายไหนของสามีเค้าก็ไม่รู้อ่ะ เซ็งเลยมินอ่ะ...
จะไปไหนก็มาติดตอนเย็นซะงั๊น..เฮ๊อ...ยังมีคุณแม่เพื่อนเสียอีก เพิ่งรู้วันนี้เหมือนกัน..อต่ คงำแอาทิตย์หน้าเลยวันที่พวกเพื่อน ๆ เป็นเจ้าภาพอ่ะค่ะ..
เฮ๊อ..รุ่นนี้แล้ว ชักไม่ค่อยได้ไปงานแต่งงานแล้วอ่ะนะคะ มีไปแต่งานศพอ่ะนะ เฮ๊อ...
ที่บ้านเฮียไหว้หรือป่าวคะ แม่มินโทรมาเล่าให้ฟังว่า เป็ดตัวละ 360 ไก่ตัวละ 240 ปีนี้มินห้ามเขาต้มยำทำแกงอาไรทั้งสิ้น
ให้ซื้ออย่างเดียว ไม่งั๊นเดี๋ยวเค้าเหนื่อยแย่ค่ะ เพราะมินไม่เคยช่วยเลย ไปถึงก็เตรียมจุดธูปไหว้อย่างเดียวอ่ะ อิอิ
เฮีย ไม่ต้องพูดก็ได้ เพราะถึงเฮียไม่ได้พูด มินก็รู้สึกได้อยู่แล้วค่ะ ...
ปล. goodnight นะคะพี่ชาย...


โดย: มินทิวา วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:05:23 น.  

 

คุณ jejeeppe
คุณถามผมเหรอ?
comment ของคุณ ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจ
รูปประโยคภาษาไทยมันขาดประธานไปนะ

ผมไปดูที blog ของคุณมาแล้ว
แต่ไม่ได้เขียน comment อะไรไว้ให้คุณขุ่นข้องใจหรอก
เพราะผม no idea จริงๆ

ผมจะรอคุณเข้ามาถามผมใหม่อีกทีดีกว่า
อยากได้ความรู้้ก็ถามมาดีๆ
อยากได้อย่างอื่นก็ถามแบบเดิมอีกทีก็ได้
คนอายุ 30 อย่างคุณ
นี่น่าจะมีมุมมองอะไรใหม่ๆให้ผมได้เรียนรู้บ้างนะ


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:21:33 น.  

 
To Beee Number One
น้องบี
แหม...รีบบอกว่าไม่มีเรื่องจะคุยกับหัวข้อนี้
พี่ชายเกิดมาไม่เคยมีเยื่อพรหมจรรย์ พี่ชายยังโม้ได้เลย
พี่ว่าอย่าเอามือปิดตา ปิดปากอยู่เลย เรื่องอะไรเราก็มีสิทธิ์ออกความเห็นได้
เอาประสบการณ์มาเล่าก็ได้ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเรื่องของตัวเอง
เป็นเรื่องของเพื่อนของญาติ ของใคร
ของดารา หรือของตัวละครในหนังสือนิยายก็ได้
พี่ชายไม่ได้อยากได้สาระอะไรหรอก
แต่แอบลุ้นว่าน่าจะให้คนอื่นมาอ่านแล้วเก็บไปคิดอีกระดับหนึ่งได้อีกที
แค่เปิดประเด็นแล้วพยายามมองออกไปในมุมที่กว้างออกไป หลุดกรอบออกไป
พี่ชายก็ถามตัวเองว่า ทำไมเหรอ...ผู้ชายเขียนเรื่อง VG ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ
มันผิดด้วยหรือ ก็เราหนีไม่พ้นเรื่องนี้ เกิดมาก็ผ่านทาง VG นี่แหละ
แล้วจะไปรังเกียจเรื่องนี้ทำไม (อันนี้หมายถึงตอบโจทย์ตัวเองนะ ไม่ได้ว่าใคร)

เรื่องมันอยู่ที่ว่าเขียนไปแล้ว ให้อะไรกับสังคมหรือโลกใบนี้บ้างตะหาก

Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF


โดย: zoomzero วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:34:04 น.  

 
To Mintiva
ตรุษจีนทีก็เหนื่อยกันทีนะ
สงสารสัตว์ที่ต้องมาโดนฆ่าเพื่อให้เจ้าบนสวรรค์ได้มีความสุข
ยังดีที่เทพเจ้าบางองค์ไม่ฉันเนื้อสัตว์ มิเช่นนั้นสัตว์จะต้องมาสังเวยอีกทวีคูณ

วันนี้หลังจากเอาคุณหนูออกจาก รพ.
ก็วุ่นวายเรื่องขับรถไปซื้อของเหมือนกัน
แต่เป็นผู้ชายก็ทำได้แค่ยกของและขับรถเท่านั้น
ข้าวของมันจะราคาแพงหรือถูก เฮียก็ไม่ทราบหรอก ใครจ่ายก็รับรู้ไป

พวกกระดาษที่เอามาไหว้นี่
ต้องใส่ถุงมือเวลาพับนะ
ใครจะว่าบ้าก็ช่างหัวมารดามัน
เพื่อนเฮียคนที่บ้านขายกระดาษพวกนี้
เดี๋ยวนี้เลิกขายไปแล้ว เพราะคนในบ้านเป็นมะเร็งกันเรียงหน้า
หมอบอกว่าในสีที่ทากระดาษเงินกระดาษทองมีสารตะกั่วและสารอันตรายหลายอย่าง
เวลาเผาก็ต้องยืนอยู่ทางต้นล้ม มิเช่นนั้นจะสูดควันพิษเข้าไป
เฮ้อ....ใครหนอช่างคิดได้ว่า เผาสิ่งของปลอมๆแล้ว วิญญาณคนตายจะได้รับ
นอกจากเป็นการสร้างมลพิษแล้ว
ยังเป็นการเร่งทำลายต้นไม้ที่เขาเอามาทำเยื่อกระดาษอีกด้วย

ต้นปีมีงานให้ประมูลทีละหลายๆที่ก็ดีแล้วหละ
พอกลางปี ปลายปี จะได้มีแรงดำเนินกิจการในปีต่อไป
เรื่องเอกสารนี้น่าปวดหัวนะ
ยิ่งได้ลูกน้องที่สมองตื้อ ไม่เข้าใจเรื่องการถ่ายเอกสาร ยิ่งเสียเวลา เสียของอีก
บางคนให้ถ่ายหน้าหลัง มันก็ถ่ายแบบแผ่นละหน้ามาให้ แฟ้มเลยหนาเป็นนิ้วๆเลย
ที่แสบที่เคยเจอมาก็คือ ดันเอาเอกสารตัวจริงไปเข้าเล่ม แล้วส่งให้ลูกค้าคนไหนก็ไม่รู้
ที่บริษัทเก็บตัวสำเนา ต้องวิ่งหาเอกสารต้นฉบับของจริงกันวุ่นวาย
เราด่ามัน นายเราก็มาด่าเราอีกที ด่ากันเป็นทอดๆ ไม่มีใครเห็นใจกัน
แต่เวลาเจอหน้า กลับยิ้มให้กัน เหอะ...สังคมซ่อนมีดในรอยยิ้มเป็นแบบนี้แหละนะ

นี่...อาหมวยเล็ก
ใครว่าเรามองต่างมุมกัน
ที่เขียนเรื่องนี้ก็เพราะสาเหตุที่ว่า
เมื่อก่อนพรหมจรรย์มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อสังคมมนุษย์
แต่ในปัจจุบันเรื่องนี้กลับไม่มีความสำคัญ แล้วยังกลับสร้างปัญหาให้กับสังคมอีกด้วย
เรื่องนี้มันบานปลายไปถึงเรื่อง คุณแม่ยังสาว
หรือ การท้องก่อนแต่ง อะไรๆที่เลวร้ายอีกหลายอย่าง
เฮียเตรียมเรื่องแนวนี้เอาไว้ใส่ใน comment อันต่อๆไปอีกเหมือนกัน
เมื่ออาหมวยเล็กคิดว่าเฮียไม่ได้คิดแบบอาหมวย เฮียเลยขอแบ่งมาเขียนตรงนี้ก็ได้

การที่ผู้ชายไม่ค่อยสนใจเรื่องความบริสุทธิ์ของฝ่ายหญิงในสังคมไทยในวันนี้
เลยกลายเป็นเส้นทางให้เด็กสาววัยรุ่นขาดเรื่องการรักนวลสงวนตัว หรือการปกป้องพรหมจรรย์ของตน
กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณะสุขเคยมีการทำ workshop ในประเด็นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
และได้คำพูดหนึ่งขึ้นมาว่า ความสามารถในการบอกปัดเพื่อรักษาความบริสุทธิ์(คือ ไม่ยอมเสียตัวให้ผู้ชาย)
เขาว่าเด็กสาววัยรุ่นของไทย ตั้งแต่สมัยก่อนโน้นแล้ว
ถูกห้ามเรื่องการคุยกันเรื่องเพศ อวัยวะเพศ การมีเพศสัมพันธ์ การคุมกำเนิด กามโรค ฯ
เรียกว่า สาวคนไหนเอามาคุย หรือทำท่าว่ารู้มาก ก็จะกลายเป็นเด็กแก่แดด คนกร้านโลกีย์ ฯ
ปัญหาที่ตามมาก็คือ เด็กสาวๆไม่รู้เรื่องของตัวเอง ไม่รู้วิธีป้องกันตัวเอง ไม่รู้วิธีปฏิเสธ หรือเลี่ยงไปในที่อันตราย
แต่การสัมมนาเรื่องนี้ก็ไม่ได้ก้าวหน้าเท่าไหร่ เพราะการรณรงค์ให้เด็กเรียนรู้เทคนิคการบอกหลีกเลี่ยงนั้น
ไม่มีหน่วยงานไหนอยากเอาไปทำ 555 ปาเทดทาย
เด็กสาววัยรุ่นไทยจึงง่ายที่จะถูกชักขวนให้ไปเสียสาวในจำนวนมากขึ้นๆทุกปีๆ

เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ
แต่มุมด้านร้ายของมัน จะให้เฮียยืนมองความล้มเหลวของเยาวชนไทยเฉยๆ มันทรมานนะ
เมื่อเด็กสาวเสียตัวไปแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือ การยอมมีอะไรๆกับแฟน
และก็มีอะไรๆกับชายคนใหม่ หรือชายไม่เลือกหน้า
ถ้าพวกเขารู้จักการป้องกันโรค การคุมกำเนิด มันก็พอไหวกับปัญหาเรื่องนี้
แต่ที่เห็นๆกันอยู่ก็คือ เด็กม.ต้น ท้อง แถมท้องไม่มีพ่ออีกต่างหาก

เรื่องที่ว่า ตกลงเฮียเป็นผู้ฉิงหรือปู้จาย 555
ตัวเอง...เค้าไปตอบหรอก หลอกให้ตัวเอง งงเล่น ดีกว่า 555
เฮ้อ...เฮียเป็นหญิงก็ได้ ถ้าอยากให้เป็น
แต่อยากให้มองกว้างออกไปว่า เฮียมีแม่เป็นผู้หญิง มีพี่สาวน้องสาวเป็นผู้หญิง
มีลูกสาวหลานสาวเป็นผู้หญิง มีเพื่อนเป็นผู้หญิง มีกิ๊กเป็นผู้หญิง ฯ
เรื่องวิ่งไปซื้อผ้าอนามัยสมัยเมืองไทยยังไม่มีห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น
เฮียวิ่งซื้อโกเต็กมาตั้งแต่เด็กๆ วันไหนฝนตกก็เอาถุงที่ห่อกล่องโกเต็กบังหัววิ่งตากฝนมา
แม่ก็ด่าว่าเอาของแบบนั้นไปไว้บนหัวได้ยังไง แต่ก็ไม่อธิบายว่ามันไม่ดียังไง
ทุกวันนี้ก็คิดว่าหัวสมองตัวเองฉลาดกว่าไอสะตายนิดๆนะ
คงเป็นเพราะพลังโกเต็กวิ่งเข้าสมองกระมัง 555

เฮียว่าการที่สังคมไม่ถือเรื่องพรหมจรรย์
กับเรื่อง ฟรีเซ็กส์ มันคนละประเด็นกัน
เรื่องราวอาจจะคล้ายๆกัน ทับซ้อนกัน
แต่ปลายทางแล้วมันให้ผลต่างกันเยอะมาก

เฮียว่าเรื่องการหย่าร้างทุกวันนี้มันมากมาย
ก็เพราะเรื่องการที่คนรุ่นใหม่ๆไม่สนใจว่าสาวบริสุทธิ์หรือเปล่านี่แหละเป็นส่วนเพิ่มเข้ามา
แต่ไม่ขอเถียงว่าจริยธรรมและศีลธรรมของผู้ชายก็เสื่อมถอย ความสำส่อนที่ไร้สามัญสำนึกของคุณสามีก็แย่จริงๆ ...
และที่โดดเด่นก็คือ เรื่องการศึกษาและความสามารถในการทำมาหากิน
ของผู้หญิงที่เพิ่มทวีมากขึ้น
มากจนเห็นผู้หญิงอยู่ในทุกธุรกิจ ทุกสาขาอาชีพ และได้เป็นเจ้านายของผู้ชายตัวใหญ่ๆ
เรื่องต่างๆเหล่านี้ก็เป็นแรงผลักดัน เป็นอำนาจ ที่ผู้หญิงกล้าที่จะเลี้ยงดูตัวเอง และคนในครอบครัว
โดยไม่ต้องง้อผู้ชายเหมือนในอดีต ไม่ต้องอยู่อย่างทาส หรือเป็นเบี้ยล่างของเพศชาย
หากแต่ว่าเมื่อผู้หญิงยิ่งแกร่งกล้า แต่กลับไร้ความเป็นกัลยาณี ไม่รู้จักการวางตัวที่ดี
โลกเรามันจะโกลาหลนะ

เอาเรื่องเศร้าๆสักเรื่องนะ
เฮียเคยไปงานศพของผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าที่การงานดีมาก
แถมไม่ชอบเที่ยว ไม่ชอบดื่ม เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง
เป็นคนหัวสมัยใหม่ มองโลกในแง่ดีไปซะทุกเรื่อง
เขาแต่งงานกับสาวสวยที่เป็นพนักงาน(บัญชี)ของสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
เพื่อนก็เคยเตือนว่าคนสวยเสน่ห์แรงแบบนี้จีบเล่นๆก็พอ แบบว่าได้แล้วก็ทิ้งดีกว่า เอาจริงเอาจัง
แต่หมอนี้กลับคิดว่าพบคนที่ใช่ เลยไม่ฟังใคร
หลังแต่งงานได้ไม่นานเขาก็หย่ากับภรรยา โดยไม่ยอมบอกว่าหย่าเพราะอะไร
ฝ่ายภรรยาก็ไม่ทราบว่าไปทำมาหากินที่ไหน
แต่ปีต่อมาเขาก็ออกจากงาน
และต่อมาไม่นานก็เสียชีวิต โดยคนในบริษัทกลุ่มหนึ่งทราบดีว่า เขาเป็น AIDS
เดือนสุดท้ายนั้น มีเพื่อนที่ทำงาน เป็นผู้ชายด้วยกันนี่แหละ เป็นเพื่อนรักกัน
ยอมเสียสละไปอยู่กับเขาที่บ้านเลยหละ
เพราะต้องอุ้มไปอาบน้ำ เอาเข้าห้องน้ำ
โลกเราก็ยังมีคนที่กล้าทำให้คนอื่นด้วยคำว่า เมตตา คำเดียวแท้ๆ ซึ่งจริงๆ
เหตุผลก็เพราะพ่อแม่ก็แก่แล้ว และเขาก็อาย ไม่กล้าจ้างคนมาดูแล
คือที่บ้านเขามีคนรับใช้นะ แต่เป็นผู้หญิงเลยทำอะไรให้แบบนั้นไม่ได้
คนที่เสียชีวิตนี่ก็เป็นเพื่อนของแฟนเฮีย ทำงานที่เดียวกัน เฮียก็รู้จักเขาประมาณหนึ่ง
คนที่ทำงานก็ช่วยกันซื้อของไปเยี่ยมตั้งแต่เขาลาออกจากงาน บางทีก็ให้เงินสดแบบลงขันกันเลยก็มี
ความจริงน่าจะโดนขอร้องให้ลาออกมากกว่า
หลายคนเดาว่าเขาติดโรคมาจากภรรยา
และประโยคเด็ดที่เขาเคยพูดเอาไว้กับเพื่อนๆก็คือ
เธอเป็นของใครฉันไม่ว่า ขอเพียงเป็นของข้า เท่านั้นก็พอ
เฮียก็คิดว่ามันก็เข้ากับประเด็นความคิดของผู้ชายหลายคน
ที่คิดว่าภรรยาเป็นสาวบริสุทธิ์หรือไม่ ฉันไม่สน แต่รายนี้โชคร้าย เจอสาวติดโรคร้ายมา

เฮียไม่ชอบเห็นภาพผู้หญิงสาวๆดื่มเหล้า สูบบุหรี่
อ่อยเหยื่อ-ล่าผู้ชาย ตามผับตามบาร์
ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนๆยอมทำทุกอย่างเพื่อคำว่า สนุกและฟรี
โดยไม่หวงตัว ไม่รักศักดิ์ศรีความเป็นหญิง
ก็แค่ไม่อยากเห็น ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก
พวกโคโยตี้สวยๆ เฮียก็ยังอยากได้เป็นกิ๊กอยู่เหมือนเดิม ยังเป็นคนบ้าตัณหาไม่เปลี่ยนแปลง

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:44:59 น.  

 

สาวโสดแต่ไม่เหลือ VG

หัวข้อนี้ไม่ได้หมายความอย่างที่ท่านคิดหรอกนะ
ใครคิดได้ก่อนว่าผมจะมองนอกกรอบอย่างไร
ถ้าทายถูก มาหอมแก้มผมได้เลย 555

ในสมัยโบราณ (คนแก่ก็ชอบอ้างโบร่ำโบราณเอาไว้ก่อน)
ครอบครัวเศรษฐีใหญ่ของเมืองๆหนึ่งในประเทศจีน
ท่านเศรษฐีมีลูกสาวอยู่หลายคน แค่คนโตนี่แหละที่ท่านรักมากที่สุด
ท่านเลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดี ให้การศึกษาต่างๆมากมาย โดยจ้างเฉพาะครูสตรีมาสอน
หรือไม่ก็ถ้าต้องเป็นครูผู้ชาย ในห้องก็จะต้องมีคนรับใช้อยู่ด้วยถึง 3-4 คน
เรียกว่า อยากให้ลูกสาวเป็นกุลสตรีที่เพรียบพร้อม
เมื่อลูกสาวได้วัย 16 ปี เศรษฐีก็ให้แม่สื่อหาสามีให้ลูกสาว
ซึ่งก็เป็นแม่ทัพหนุ่มลูกชายขุนนางชั้นเอกในวังหลวง
เรื่องก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี
แต่เรื่องนี้ หนีประเด็น พรหมจรรย์ ไปไหนไม่ได้
ถ้าคุณคาดเดาเอาไว้แม่น
ก็คงจะเดาได้ว่า ในวันส่งตัวเข้าหอนั้น เจ้าบ่าวพบว่าเจ้าสาวไม่ใช่สาวVG
เลยเกิดเรื่องราว ทะเลาะวิวาทใหญ่โต ระหว่างสองตระกูล
จริงๆแล้วคนจีนเขาก็มีเจ้าหน้าที่ตรวจเช็คความเป็น VG เหมือนกัน
แต่งานนี้สงสัยเพราะเชื่อใจกันมากๆเลยไม่มีการให้คนไปตรวจดูให้แน่นอน

มาดูว่าแล้วต้นเหตุมาจากอะไร
เรื่องที่ตัดทิ้งไปได้เลยก็คือ เรื่องชู้สาวกับชายหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นครู หรือคนรับใช้ ในบ้าน
แล้วทำไม เรื่องถึงเป็นอย่างนั้น
คำตอบก็คือ พี่เลี้ยงเป็นทอม เป็นดี้ ครับ
สาวๆพวกนี้คงเล่นอะไรกันเพลินเลยเถิดไปหน่อย
เลยทำกิจกรรมที่ส่งอะไรบางอย่างเข้าไปเจาะทำลายVG
แต่ยุคนั้นเรื่องรักร่วมเพศมีแล้ว แต่คนไม่ค่อยรู้ และไม่ยอมรับ

เข้าประเด็นตามหัวข้ออีกที
หญิงสาวโสด หญิงที่ไม่เคยแต่งงาน หญิงที่ไม่เคยคบผู้ชาย แต่ไม่มี VG
มีอีกประเภท ก็ด้วยเหตุผลแบบนี้
ดังนั้นนิยามว่าไม่เคยต้องมือชาย อาจจะไม่ได้หมายถึงว่ายังบริสุทธิ์อยู่นะคุณพี่

ในปัจจุบัน ชายรักชาย หญิงรักหญิง เป็นที่ยอมรับการมากขึ้น
เคยมีคนมาเล่าว่า ไปเจอหนุ่มวัยเจริญพันธ์นั่งดื่มสุราร่ำไห้กับเพื่อนว่าได้ภรรยาไม่ใช่สาวVG
เพื่อนฝูงก็ไม่เชื่อ เพราะรู้จักสาวคนนี้มานานกว่าเจ้าหนุ่มคนนี้เสียอีก
แถมยังรู้ด้วยว่าก่อนหน้าที่หล่อนเป็นพวกฉิ่งฉับรักหญิงด้วยกัน
กว่าจะมีคนคิดได้ว่า ก็จะบริสุทธิ์ผุดผ่องได้อย่างไร
ใครจะไปรู้ว่าโดนแฟนเก่าที่เป็นทอมทำอะไรเธอมาบ้าง
ชายหนุ่มเลยหายเมา รีบบึ่งรถกลับไปสวีทหวานกับภรรยา จนป่านนี้มีลูกไปแล้ว 2 คน
เฮ้อ...อะไรกันนักกันหนากับเรื่องสาวมือหนึ่ง สาวมือสองกันนักนะ พวกผู้ชาย

ผมเห็นดาราสาวคนหนึ่งประกาศว่าจะเป็นภรรยาคุณผู้หญิงท่านหนึ่งที่ท่าทางคงจะรวยมาก
ต้องบอกว่าเสียดายของเหมือนกัน ข้างบนก็อือ ข้างล่างก็อือ ....
เอ้อ...ฉิ่งฝั่งเพชร ช่างหาคำว่าให้กันได้ตรงดีจัง
แล้วแบบนี้เพชรจะไม่เข้าทำร้าย VG ของเธอหรอกเหรอ?



โดย: zoomzero วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:59:18 น.  

 
ซิงเจียอยู่อี่ ซิงนี้ฮวดใช่ ตั่วถั่ง ๆ นะคะพี่ชาย ^_^

หลังจากเมื่อวานนั่งพับกระดาษทั้งวัน วันนี้ตื่นมาไหว้เจ้า แล้วก็เผากระดาษเรียบร้อย งิงิ

แหม จะให้คุยจริง ๆ เหรอคะ อิอิ รู้แต่ว่าทำไม๊ ทำไม วาเลนไทน์ทีไรนะ ม่านรูดเต็มแต่วันทุ๊กทีเลย ตกลงเป็นวันแสดงความรักแบบไหนกันหว่า เหอะ ๆ

วันนี้น้องสาว น้องชาย เจ้าบอย กับเบลล์มาด้วยค่ะ บอยก็อุ้มลูกชายมาด้วย กำลังซนเลยเชียว รื้อข้าวของซะเละไปหมด แต่ว่าไปเด็ก ๆ นี่ดูยังไงก็น่ารักน่าฟัดนะคะ งิงิ พรุ่งนี้เยาวราชปิดถนนแล้ว สองวัน โดดงานดีมั๊ยน้าเดินทางลำบากมากมายเลย *-* พระเทพฯ เสด็จด้วยสิ

แวะมาส่งความคิดถึงเหมือนเดิมค่ะ ^_^ เดี๋ยววันนี้ว่าจะไปเดินสำเพ็งช๊อปปิ้งกะยัยเบลล์ซะหน่อย เฮ้ออ เจอหน้ากันทีไรชวนหาเรื่องเสียตังค์ตลอดเล้ยย กำเจง ๆ *-*


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 118.174.103.148 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:33:14 น.  

 
ซินเจีย ยู่อี้ ซินนี่ ฮวดไช้ & A Valentine's Day.
พี่ซูม ลืมวันเกิดน้องสาวไปเลยล่ะสิ ขนาดเรียกชื่อแล้ว ยังนึกไม่ออกอ่ะจิ ว่าน้องสาว เรียกชื่อทำไม

ฮืมมม.
เรื่อง ของพรหมจรรย์ ที่โดนสอนเอาไว้ว่าให้รักษาเอาไว้จนถึงวันแต่งงาน ก็เพราะเหตุนี้นี่แหล่ะ ที่ทำให้หญิงไทยหลายๆคน อกหัก จากคุณผู้ชายที่เห็นแก่ตัว (รอไม่ได้) เฮ้อ!
อย่างไรก็ตาม วัยอันไม่สมควรที่จะสูญเสียพรหมจรรย์ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ครู บาอาจารย์ ก็ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล อบรมลูกหลาน ให้มองโทษและปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา หากรักที่คิดสนุกหรือรักจริงจังแต่ยังไม่พร้อม

สึก เออ! ว่าแต่เจ้าของบล็อคฯ ต้องการรับสมัครศรีทนได้ เพิ่มเหรอคะ คริ คริ

พี่ เดิอนนี้ไม่เป็นไข้ทับฤดูแล้วน่ะคะ สงสัยร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้น มีแค่ปวดท้องเฉยๆค่ะ ทานยาพอนสแตนเม็ดสีเหลืองแก้ปวด ไปสองวันดีขึ้นค่ะ แต่ปากแห้งมากๆ ถุงน้ำร้อนว่าจะ ว่าจะ อยู่หลายครั้งแล้ว จะซื้อ แต่ยังไม่ได้ไปดูเลย
เอาหน้าท้องอัง อัง ลมจากฮีทเตอร์แบบตั้งโต๊ะ มันก็รู้โดนลมร้อนปะทะ วูบวาบดี พิมพ์มันในนี้ล่ะน่ะ ขี้เกียจพิมพ์อีเมล ง่วงนอนแล้วล่ะ สุข สดชื่น สมหวังตลอดไปน่ะคะ เฮง เฮง เฮง พร้อมด้วยสุขภาพแข็งแรงด้วยค่ะ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ!

จาก ผู้หญิง ที่หายาก หนึ่งในล้าน และ สวย งาม กิริยา วาจา ใจ คริ คริ


โดย: นกสีขาว IP: 79.65.41.113 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:05:09 น.  

 
To White Bird
555 มีการโวยออกอากาศด้วย
ป่านนี้ชื่อเสีย(ง)ของจอมมารฯป่นปี้เป็นผงพริกไทยหมดแล้ว อิอิ

ใครจะไปรู้หละ ว่ายังอยากให้อวยชัยให้พรอะไรกันอยู่
ก็เห็นว่า blog หุบเขาฯ ก็ไม่เข้ามาคุย
mail ก็ขาดการติดต่อไปนานนนนนนนนน
แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ใช้ mail อันไหนอยู่บ้าง
พี่ก็เลยนึกว่าป่านนี้คงจะสวีทหวานกับหวานใจ
จนลืมพญาแร้งพี่ชายใจหยาบไปซะแล้วนะซิ

จะว่าไปแล้ว พี่ก็ไปดูที่บ้านติ๊กมานะ
ไม่เห็นเขาตั้งกระทู้ให้เรา
พี่ก็เลยว่าสงสัยเราจะออกจากวงการแสดงไปแล้วนะซิ

การถูกทอดทิ้งนานๆ
บางที...คนเราก็อดที่จะคิดว่าเราเป็น "คนนอก" ไม่ได้หรอกนะ
ขอเวลาฟังเพลงประกอบซัก 20 วินาที
...
....
....
นิสัยถาวรอันเน่าเสียของพี่ก็คือ การชอบอยู่อย่างโดดเดี่ยวเอกา
เลยพลอยคิดว่า คนเราถ้าเขาไม่เข้ามาติดต่อ ก็แปลได้ 2 อย่าง คือ
1. ไม่มีความทุกข์
2. ไม่มีเราในใจ
เมื่อเอาสองความคิดโง่ๆมารวมกัน ก็เลยกลายเป็น นิ่งเฉยเฉื่อยแฉะ หุหุ

ในโลกอินเตอร์เน็ท การเกิดและตายนั้นไม่ได้บากเย็นเลย
แค่ไม่ติดต่อกัน แค่เปลี่ยนlogin name ใหม่
avatar ตัวนั้น มันก็ดับสูญไปแล้ว
อย่างวันนี้ มันก็ไม่มีตัว แอ่นโย้02 ที่แสนติงต๊องอีกแล้ว เห็นป๊ะ

อย่างนั้นเรื่องแรกก็คือ
ขออวยพรย้อนหลังไป 1 สัปดาห์
ขอให้น้องแอน มีความสุขมากๆ
ทั้งสุขกายและสุขใจ
โดยเฉพาะช่วงนี้ขอให้ร่ำรวย
พ้นภัย พ้นเคราะห์ ไม่มีศัตรูมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัว
และก็รีบมีข่าวดีให้พี่เสียที
ปีนี้ 2553 แล้วนะ อย่าเลื่อนอีกเลย

เรื่องเจ็บป่วย
พี่ก็ไม่ทราบหรอกนะว่าโรคของน้องจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อไหร่ อย่างไร
ถ้าตามที่พี่เขียนใน entry นี้ อย่างมีมูลความจริงบ้างนะ
การแต่งงาน มีครอบครัว อาจจะเป็นทางรักษาก็ได้นิ 555
แต่พี่ว่าทางที่ดีไปหาหมอสูติเสียบ้างก็ดี
เอาให้แน่ๆ เกิดหมอเขาพบอะไร ไม่เข้าท่า จะได้รักษาป้องกันได้ก่อน
เรื่องถุงน้ำร้อนนี้ช่างเป็นเรื่องที่คุยกันนานมากกกกเลยนะ 555

พี่ว่าพี่พบผู้หญิงที่ มีคุณสมบัติ 3 ประการนั้นแล้วหละ
หากแต่ว่า เมื่อพบ ก็ไม่ได้แปลว่า อยากครอบครอง นี่หน่า
คติบนหินก้อนหนึ่งที่หน้าผาเดียวดาย เขียนเอาไว้ว่า
....
ถ้าชอบ เจ้าก็จะอยาก ครอบครอง
ถ้ารัก เจ้าก็จะอยาก เสียสละ
...
นี่คงหมายถึงความต่างของคำว่า ชอบ และ รัก กระมัง

พี่เคยเขียนบอกคุณใบไม้มาเมื่อปีก่อน
ว่าคนเราเมื่อถึงวันหนึ่ง
เราก็จะรู้ว่า ยังมีคนที่เราพร้อมที่จะสละทุกอย่างเท่าที่เราทำได้ให้เขา
วันนี้เมื่อเอ่ยถึงเรื่องสัจจะธรรมของคำว่ารัก
พี่ก็มีข้อความที่จะส่งผ่านให้น้องแอน อีกเวอร์ชั่นต่อไปว่า
การเสียสละ การมอบให้ แล้วทำให้ผู้รับรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ
สู้ส่งใจไปให้เขาเสียดีกว่า ถ้าเขารู้ว่าเราเป็นห่วงเขาเสมอ
ทั้งสองฝ่ายย่อมมีความสุขสงบตราบนานแสนนาน

Happy วาเลนไทน์ นะ น้องแอน

Ref: นกสีขาว AnnEng DeepPink FF 14 93


โดย: zoomzero วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:45:54 น.  

 
To Beee Number One
ซิงเยียร์ แฮปปี้ ซิงมันนี้ มีเอามาให้ใช้ นะจ๊ะ

พับกระดาษเงิน-ทองแล้วอย่าลืมล้างมือให้สะอาดด้วย
สารก่อมะเร็งทั้งนั้น
พวกที่ไปไหว้เช็งเม้ง พอเผากระดาษเสร็จ
เอามือป้ายกางเกง
แล้วก็มานั่งทานไก่ต้มสับ เป็ดพะโล้ ฯ กันที่โรงทาน
เห็นแล้วอยากเข้าไปบอกเขาจังเลยว่า
เรื่องอนามัยเป็นเรื่องใหญ่
แต่ก็กลัวโดน คำไม่ชมเชยสวนกลับมานะดิ

เคยมีครั้งหนึ่ง ประมาณปี 42-43
ตอนนั้นเป็นตอนเช้า หน้าฝน
พี่ขับรถอยู่ในซอยสุขุมวิท 40
เห็นแม่ลูกเดินเอากระเป๋าคลุมบังหัวลูกสาววัยอนุบาล
สองคนนั้นเดินอยู่ช่วงกลางซอยมองเห็นได้ไม่ไกลนัก
ตอนนั้นฝนไม่ได้ตกหนักอะไร
ฝนตกมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ก็ยังลงพรำๆ แบบว่าเทวดายังเมาค้างไม่ยอมปิดก๊อกเสียที
น้ำในซอยก็เจิ่งนอง
พอดีพี่จะเลี้ยวซอยแยกที่ไปออกทางซอย 42
แม่ลูกสองคนนั้นเดินเลี้ยวไปก่อนหน้าพี่ประมาณ 10 วินาทีกว่าๆ แล้วหละ
ในใจพี่ก็คิดว่า ถ้ารับพวกเขาไปส่งคงเป็นวันที่ดีนะสำหรับวันนี้
พี่ก็เลี้ยวรถและก็เห็นว่าในซอยย่อยนั้น
น้ำก็ท่วมเป็นช่วงๆ หย่อมๆ
พี่เลยจอดรถ และลงมาถามว่า เรียนอยู่โรงเรียนอนุบาล.... ใช่หรือเปล่า
ติดรถผมไปลงปากซอยด้านโน้น เอามั๊ยครับ เดี๋ยวน้องจะเลอะน้ำกระเด็นนะครับ
ถ้าฝนลงอีก เดี๋ยวเด็กจะเป็นหวัดนะครับ
ก็พี่มองโลโก้ที่กระเป๋าของหนูน้อยคนนั้น เลยเอ่ยชื่อโรงเรียนได้ถูก

สิ่งที่แม่ลูกตอบสนองก็คือ
แม่เอาลูกมาไว้ข้างหลัง
และบอกว่า ไม่ต้อง
ส่วนลูกสาวแอบมองพี่จากชายกระโปรงของคุณแม่
แล้วถามแม่ว่า แม่จ๋า โจรเหรอ เค้าเป็นโจรใช่มั๊ย??
...
...
พี่รีบเดินกลับมาขึ้นรถ ทำหน้าไม่เป็นวัวเป็นโค เลยหละ
รู้สึกอายและเจ็บอย่างบอกไม่ถูก
สาบานกับตัวเองว่า
วันหน้า ถ้าได้ไปเจอคนกำลังจะตายอยู่ข้างถนนหนทาง
ก็จะไม่ยอมลงไปเจือกเป็นอันขาด
ไม่เอาแล้ว ตัวใครตัวมันเหอะ

มานึกถึงเรื่องนั้นในวันนี้
แล้วกลับรู้สึกขำๆ
สงสัยเราจะหล่อแบบน่ากลัวแบบที่เพื่อนเรามันชอบชมแน่ๆ

ฝากบอกเบลล์ด้วยว่า มีคนน่ารักๆแอบคิดถึง
แม้จะเป็นรักข้างเดียว และไม่เคยเจอตัวเป็นๆกันซะที
แต่ก็ยังรักนะ จุ๊บๆๆ

Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF


โดย: zoomzero วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:13:52 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

หวัดดีค่ะพี่ชาย
คิดถึงจังเยยอ่ะ..แต่ภารกิจมินอ่ะ
มันแบบว่ารัดหน้าท้อง ชีพจรลงพุงอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ลืมเล่าให้เฮียฟังว่า เมื่อคืนวันศุกร์มินโดนชนท้ายอ่ะ
คือกำลังจะเสียด่าน 15 บาท ขาออกแจ้งวัฒนะอ่ะ
รถก็ติดแสนจะติด ยังโดนชนท้ายได้อ่ะ
ว่าที่จริง มินก็ผิดเหมือนกันแหละค่ะ เพราะมือกะลังควานหา
หูเสียบมือถืออยู่ ตาก็ไม่ได้มองข้างหน้า ที่รถคันหน้าเลื่อนออกแล้วอ่ะ
คือเห็นแว๊บ ๆ ว่าเค้าออกตัว มินก็ปล่อยเบรค พอรถพุ่งก็ตกใจกลัวจะไปชนเขา เลยเหยียบเบรคกึ๊ก
รถกะบะข้างหลังเลยชนมินตูมเข้าให้ ตกใจเลยค่ะ ร้องกรี๊ดเลย แบบว่าตกใจอ่ะ
ก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุมาเป็น 10 ปีแล้วมั๊ง แต่เชื่อไม๊คะ พอลงไปดูนะ รถเป็นรอยขีด ๆ นิดเดียวจริง ๆ
วันนั้น เอารถคัมรี่บริษัทฯ กลับบ้าน เพราะวันเสาร์มินต้องไปไหว้ที่ office อยู่แล้ว และตอนเย็น ๆ นายก็นัดให้ไปทานข้าวกับเพื่อนแฟนเค้าอีกอ่ะ
ไอ้คนขับรถกะบะก็ดี๊ดี บอกผมผิดครับ แต่ผมมีประกันชั้นหนึ่ง เดี๋ยวผมเรียกประกันนะ
มินบอกคุณเซ็นต์ในฟอร์มยอมรับผิดให้ชั้นก่อนดีกว่า ชั้นขี้เกียจรอค่ะ มีธุระ เค้าก็รีบเซ็นต์ให้ พร้อมทั้งเอาสำเนาบัตรประชาชนให้มินด้วย
แปลกใจว่าชนตูม กระเด็นไปข้างหน้านิดนึงเลย แต่ ทำไมมันมีรอยไม่สมกับที่มินตกใจเลยอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เมื่อคืนไปทานที่กุ้งเต้น เกษตร นวมินทร์ ค่ะ อ๋อ เขาเลี้ยงวันเกิดค่ะพี่ชาย
มีทั้งดนตรีและเขาจ้างตลกมาเล่นด้วย นะคะ แปลกดี ไม่เคยไปงานลักษณะนี้เลยอ่ะ
พรุ่งนี้ กลางคืนก็ต้องไปฟังสวดคุณแม่เพื่อนอีก เพราะเพื่อน ๆ เป็นเจ้าภาพกันอ่ะค่ะ
เรื่องหน้าแตก สำหรับเรียกคนขึ้นรถเนี่ย มินว่า พวกผู้หญิงไม่น่าจะค่อยเจอกันเท่าไร เพราะโดยปกติจะไม่กล้าเรียกใครขึ้นรถอยู่แล้้ว
แต่ มินเคยเจอแบบนี้นะคะ ตอนไปทานฟ๊าสฟูู๊ดที่ห้างอ่ะ
จำได้ว่าที่เซ็นทรัลลาดพร้าว วันนั้น มินไปคนเดียวด้วย
ก็ได้นั่งโต๊ะแบบที่ 4 คน ค่ะ
มินนั่งของมินอยู่ก่อนคนเดียว เค้ามากันทีหลัง 2 คน มาถามมินว่า นั่งได้ไม๊ มินก็ว่า นั่งได้ เชิญค่ะ
เค้าก็มีถุงของมาซัก 2-3 ใบมั๊ง มาวางไว้บนโต๊ะถุงนึง บนเก้าอี้แบบว่าจองไว้อีก 2 ถุงมั๊ง
เค้าก็เดินกันไปซื้อคูปอง หายกันไป ซักเดี๋ยวก็กลับเอาจานข้าวมาวาง ซึ่งจริง ๆ มินก็ไม่ได้สนใจอาไรนัก
แต่ ที่มินตกใจก็คือ อยู่ ๆ เค้ารีบเดินเหมือนวิ่งกลับมาที่โต๊ะ ซึ่งมินเองก็บังเอิญหันไปเห็นเขาเข้าพอดี
คือ เขาไปซื้อน้ำค่ะ แล้ววางกระเป๋าตังค์ทิ้งไว้บนโต๊ะอ่ะ กระเป๋าตังค์นะคะ ไม่ใช่กระเป๋าถือ พี่แกมาถึงแบบว่า
พุ่งปรี๊ดเข้ามาหยิบกระเป๋าตังค์ พร้อมทั้งมองมินด้วย
มินเองก็ยังงง ๆ และ เพิ่งถึงบางอ้อว่า อ๋อ เขาลืมกระเป๋าตังค์ไว้บนโต๊ะเหรอ
พอเพื่อนเขามาถึง คือไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมั๊ง เพิ่งมาที่โต๊ะ เขาบอกเพื่อนเขาว่า ไปนั่งโต๊ะนู๊นเหอะ
แล้วเขาก็พากันย้ายของไป โดยที่ไม่ได้พูดอาไรกับมินซักคำ โต๊ะใหม่มันก็ถัดจากมินไปเยื้อง ๆ อ่ะค่ะ ไม่รู้นะคะ ถ้าถามมิน มินว่าใยคนนี้ไม่มีมารยาท ตอนมาจะนั่ง อ้าปากถามได้
แต่ตอนจะไป รวบข้าวของแล้วสะบัดไปแบบไม่มองเราซะด้วยซ้ำ
ถ้ามันไม่มีเรื่องที่เค้าลืมกระเป๋าตังค์ไว้ มินก็คงไม่เสียความรู้สึกมากขนาดนี้อ่ะ
วันนั้นยังคิด ๆ ว่า ถ้าเกิดใครเดินผ่านแล้วหยิบกระเป๋าตังค์เค้าไป มีหวังมินซวยเลย เพราะมิืนก็ไม่รู้ว่าเขาวางทิ้งไว้
จนที่หันไปเห็นเขารีบเดินจ้ำพรวดกลับมานั่นแหละค่ะ เฮ๊อ...
แต่ก็แป๊ป ๆ อ่ะนะ เพราะคิดให้ลึกจริง ๆ แล้ว ก็เข้าใจเค้าเหมือนกันเพราะข้างนอกอ่ะ
ถ้าไม่รู้จักกันแล้ว มันแทบจะไม่กล้าไว้วางใจใครเลย ขนาดมีคนยิ้มให้เราแท้ ๆ เรายังหันหน้า หันหลัง เลิกลัก ๆ
เอ..ตาคนนี้ยิ้มให้ใคร ยิ้มให้เราเหรอ เอ..แล้วรู้จักเราเหรอเนี่ย เอ หรือว่าลูกค้า(วะ)..ก็มินเอง ยังเป็นซะแบบนี้อ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
มินก็หาเรื่องคุยไปเรื่อยเปื่อยค่ะ อยากอยู่ฟังเพลงนาน ๆ อ่ะนะคะ ..ฮ่า ๆ ๆ จริง ๆ ด้วยค่ะ
เรื่องจากเอ็นทรีพี่ชายอ่ะ เราไม่ได้ขัดแย้งกันซะหน่อย มินไม่รอบคอบเองอ่ะ พอไปอ่านไปจนจบแล้ว นึกจะคุยประเด็นนี้มั่ง ดันผ่าไปมองตรงย่อหน้านั้นอีก เลยจับเอามาพูดอ่ะค่ะ
เข้าใจแล้ว ว่าไอ้คนที่สอบเกือบได้เนี่ย มันเป็นยังงี๊เองละมั๊งคะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. ขอให้เป็นปีแห่งความรักที่มีแต่ความสุข
โชคลาภ ทรัพย์สินเพิ่มพูนทวี มีแต่มหาเฮง นะคะเฮีย


โดย: มินทิวา วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:36:20 น.  

 
อ่านดูแล้ว
ท่านประมุข ชำนาญและเชี่ยวชาญการนี้เหลือเกิน นับถือๆ ว่าแต่ตัวท่านเสียก่อน พอดี หรือหลังวัยอันควรล่ะครับ?? 2เม้นหลังอ่านแล้วก็น่าคิด ตัวเรากำหนดสังคม หรือสังคมกำหนดตัวเรา ผมยังจำได้ช่วงปิดเทอมแต่ก่อนจะได้ไปพักบ้านญาติที่ต่างจังหวัด(LA) แต่ละบ้านเดินทะลุถึงกันได้หมด ไม่มีกำแพงกั้น เปิดปิดบ้านก็ง่ายๆ ล้วงมือไปเลื่อนไม้หรือเชือกก็ได้แล้ว ปัจจุบันกำแพงปูนทุกบ้านครับ -*-

VG เป็นแค่เครื่องมือครับ คนดีคนยึดถือก็เหมือนทาสของไอ้พวกเจ้าเล่ห์


โดย: อย่าตกเป็นทาสใดๆรวมทั้งใจเรา (ใบไม้ต้องลม) IP: 172.16.1.130, 61.7.175.46 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:17:28 น.  

 
ขอบคุณน่ะคะ พี่ซูมสำหรับคำอวยพรวันเกิด ไม่เคยลืมพี่ซูมหรอกคะ แต่แอนเป็นคนที่สาระน้อย
จะโพสอะไรแต่ล่ะครั้งก็ต้องตั้งใจมากๆ ส่วนใหญ่จะมีเวลาเข้ามาอ่านบล็อค ของพี่ก็หลังเลิกงานแล้ว มันช่วงดึกๆ ซึ่งสมองมันอ่อนหล้าไปแล้ว
แอนว่า แอนไม่เคยลืมบุญคุณของพี่หลายๆเรื่องน่ะ
ยังคิดอยู่เลยว่าอยากจะซื้ออะไรไปฝากพี่ดี เมื่อกลับไปholiday เมืองไทย จะซื้ออะไรไปฝากน้องบีดี เพราะน้องบีคงมีโอกาสได้ไปเจอพี่อยู่แล้ว

พี่ว่ามั้ย ความรัก ความห่วงใย ที่เรามอบให้แก่กันทุกวันนี้ มันมีความสุขดีน่ะ เพราะมันไม่มีความใคร่มาปะปน ไม่มีความรู้สึกว่าจะต้องเป็นเจ้าของและครอบครอง
ไม่ต้องเป็นห่วงด้วยว่าพรมจรรย์จะต้องสูญเสีย 555 ว่าไป๋!


โดย: นกสีขาว IP: 79.65.41.113 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:50:08 น.  

 
ในตอนนี้ ผมจะพาคุณว๊าบหรือจัมพ์แบบยานอวกาศในเรื่องสตาร์เทรค หรือสตาร์วอร์
หลังจากที่ผมพาความคิดของพวกคุณมาวนเวียนแถวหว่างขาของสตรีในช่วงแรกๆนานไปหน่อย
เราจะมองออกนอกกรอบของอวัยวะสงวนกันออกไป ดีกว่านะ
(แต่ก็ยังมีกลิ่นตกขาว คาวๆ ฉุยๆอยู่นะ อย่าคิดว่าสมองของผมจะคิดได้ไกล ได้บริสุทธิ์มากขนาดนั้น)

คำว่า พรหมจรรย์ นอกจากจะทำให้ผมคิดถึงคำว่า vergin แล้ว
ในทางศาสนา เขายังมีอีกคำคือ celibate ซึ่งแปลแบบดิบๆว่า โสด ไม่ยอมแต่งงาน
และก็หมายถึง บุคคลที่เราเรียกว่า พระ หรือ ชี
พวกคนหัวโบสถ์เขาจะทราบดีว่า คนเราย่อมหันมาถือพรหมจรรย์ได้ทุกเมื่อ
ก็แค่ ละเว้นเมถุน หรือรักษา chaster (พรหมจารี, บริสุทธิ์, ดีงาม)
ผู้หญิงหรือผู้ชายก็สามารถถือพรหมจรรย์ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสะอาดหมดจดอะไรมาก่อนเลย
ดังนั้นความคิดเรื่องพรหมจรรย์ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เข้มงวดแบบว่าสุดโต่ง
คนมีครอบครัวแล้ว ก็มาถือพรหมจรรย์ได้

การประพฤติพรหมจรรย์ เป็นการกั้นและทำลายกิเลสให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ
คุณจี๊ฟ jejeeppe เข้ามาเขียน comment เอาไว้ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภา
ผมก็ต้มน้ำชาร้อนๆเอาไว้รอคอยอยู่หลายวัน จนฟืนหมดไปหลายดุ้น
ผมเลยไม่อยากรอแล้วหละ ผมขอเขียนตอบคุณแบบนี้ก็แล้วกัน

พรหมจรรย์ หมายถึง การครองตนอย่างประเสริฐ (ไม่ใช่อย่างนายประเสริฐ คนขายก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยนะครับ)
โดยประพฤติตามแบบอย่าง “พรหม” หรือ “พราหมณ์” นั่นก็คือ Brahma
ผู้ประพฤติพรหม ส่วนใหญ่เราจะคิดว่า ก็แค่เรื่อง งดเว้นจากการเสพเมถุนอย่างเดียว
อ้า....แต่หลวงพ่อหลวงลุงหลวงตาหลวงปู่ ท่านสอนผมว่า
การถือเพศพรหมจรรย์นั้นมีวัตรปฏิบัติด้วยกัน 10 ประการ (สงสัยมั๊ยว่าทำไมน้อยจัง)

ในคัมภีร์มงคลทีปนี ซึ่งเป็นคัมภีร์อธิบายพระพุทธวจนะเรื่องมงคล ๓๘
ท่านบันทึกไว้ เขียนเป็นคำบาลีได้ดังนี้
“พรหมจะรยัง นามาะ ทานะ เวยยาวัจจะ ปัญจะสีละ อัปปะมัญญา เมถุนะวิระติ สะทาระสันโตสะ วิริยะ อุโปสะถังคะ อริยมัคคะ สาสะนะวะเสนะ ทะสะวิธัง โหติ”
แปลความว่า “ข้อวัตร ที่เรียกว่า พรหมจรรย์นั้น มี ๑๐ อย่าง” คือ
1.ทาน การทำทาน
2. เวยาวัจจะ ก็ประมาณพวกจัดอีเว้นงานบุญทั้งหลายนั่นแหละ แต่ลงลึก ขนาดดูแลลานวัด ถูพื้นโบสถ์ ฯ
3. เบญจศีล รักษาศีล 5 รวมทั้งต้องมีเบญจธรรมด้วย
4. เมตตาอัปปะมัญญา คือ เมตตา กรุณา มุทิตา ...
5. เมถุนวิรัติ งดเว้นเรื่องเมถุน คิดก็ไม่ได้ กระทำก็ไม่ได้ ต้องมีกามสังวร
6. สทารสันโดษ อันนี้ผมก็งงเพราะเขาแปลว่า พอใจการมีกามกับภรรยาของตนเพียงผู้เดียว ซึ่งงดเมถุน นี่ทำไมไม่งดให้หมด ข้อนี้มีคำอธิบายว่า ศีล 5 กับ อุโบสถศีล 8 นั้น เรื่องงดเว้นในกามนั้น เหมือนกับว่า อันหนึ่งเป็นของสงฆ์ อีกอันเป็นของฆราวาส อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ในสมองของผมก็ยังถกเถียงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้
7. วิริยะ มีความเพียรพยายามรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้
8. อุโบสถ รักษาอุโบสถศีล คือ ศีล 8 ดูแล้วซ้ำๆกับข้อ 6
9. อริยมรรค มีองค์ 8 โดยการรักษาศีล สมาธิ และปัญญา (ข้อนี้ก็ซ้ำเรื่องศีลอีกแล้ว)
10. ศาสนา เกี่ยวกับเรื่อง ปริยัติ+ปฏิบัติ=ปฏิเวธ
และนวังคสัตถสาสน์ แปลง่ายๆว่า ทำตัวให้ดีกว่าเหนือกว่าสัตว์เดรัจฉาน ด้วยการศึกษาและปฏิบัติธรรม

ถ้าเราถอยมายืนนอกเขตความเป็นศาสนิกชน
แล้วมองเข้าไปในศาสนาตามประสบการณ์ที่เราสั่งสมมา
เราจะเห็นว่า พรหมจรรย์นั้น เป็นของที่ขาดตกบกพร่องได้ เลิกถือได้ ถือใหม่ได้
หากแต่ว่าใครทำได้ รักษาได้ คนผู้นั้นจะได้พบความสุขอันแท้จริง

พระบวชใหม่โดนรับน้องวันแรกๆก็คือ
การสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
ในตำราเรียนของท่าน บทต้นๆก็เป็นเรื่อง สติ-สัมปชัญญะ
ย่อมแปลว่า การมีพรหมจรรย์ได้ คุณต้องระวังและรักษาให้ดี
ภาษาชาวบ้านจะเรียกว่า พระ(บวชใหม่)ท่านไปรับกัมมัฏฐานมา
ผมเห็นว่าเป็นการที่ท่านไปรับกรรมมากกว่า
แต่เป็น “กรรมดี” นะ

ของที่ต้องระวังในทางรูปธรรมก็คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ...
ไปรับกัมมัฏฐานมาแบบนามธรรมเฉยๆไม่ได้
กลับมานอนเปิด ipod ฟังในกุฏิไม่ได้ พระใหม่ต้องรีบปฏิบัติ
ศาสนาพุทธเป็นหนึ่งในศาสนาเรื่องการปฏิบัติอย่างมีปัญญา

ใครอยากเป็นผู้มีพรหมจรรย์ตามแบบพรหม หรือในศาสนาพุทธ
อย่างเพิ่งรีบปฏิบัติตาม 10 หัวข้อข้างต้นนี้ คุณควรจะเรียนรู้ก่อนว่า
พรหมจรรย์นั้นมีหลายระดับ ได้แก่
พรหมจรรย์ชั้นต้น
พรหมจรรย์ชั้นกลาง
พรหมจรรย์ชั้นสูง
และ พรหมจรรย์รวบยอด
ขืนเอา entry นี้ มาอธิบายธรรมแบบจริงๆจังๆ
ผมอาจจะเป็นบ้าไปก็ได้ เอาแค่พอให้พวกท่านไปต่อยอดเอาเองก็แล้วกัน
ผมเองก็เป็นได้แค่พวก ชั้นต้น
ทำได้แค่รักษาศีลห้า ทำทาน เลิกบ้าวัตถุ ทำตัวเป็นเวยยาวัจจกร ช่วยงานวัดเล็กๆน้อยๆ
ไปตามประสาคนแก่แต่กายแต่ใจยังหนุ่ม 555

ศีล นี่แหละเป็นของดี
เป็นเทคนิคการรักษาพรหมจรรย์ ทั้งทางโลกียะและทางโลกุตตระ
เวลาพระท่านให้ศีล ท่านจะว่าช่วงท้ายๆ มีเสียงว่า “สีเลนะ นิพพุติง ยันติ...”
ตรงนี้แหละคือ ประโยชน์ของการรักษาพรหมจรรย์
เพราะแปลว่า “ให้ถึงซึ่งความเยือกเย็น”


โดย: zoomzero วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:06:48 น.  

 
To WhiteBird
สงสัยต้องลัดคิวตอบน้องแอนน์ก่อนดีกว่า

พี่ว่าแอนน์ช่วยจูนมุมมองเรื่องเขียน comment ในบล็อกนี้ใหม่อีกนิดเหอะ
พี่ไม่ต้องการข้อความประเภทไอเดียนิว ไอคิวทูฮันเดร็ด อะไรอย่างนั้นหรอก
แค่เขียนว่า ร้อน หนาว สุข ทุกข์ ก็พอ
แต่ถ้าไม่บอกอะไรกันเลย
พี่ก็มีกฎของพี่ว่า คนมีแฟน เราจะไม่รบกวนกัน ปล่อยเขาไปดีกว่า
เพราะเจ๊าะแจ๊ะไปก็ไม่ได้กิน เรียกว่าเสียเวลา สู้ไปหากิ๊กสาวๆคุยดีกว่า 555

ชื่อ หุบเขาคนโฉด นี่ตั้งเพราะว่าอยากให้เขียนได้แบบดีสุดขั้วและชั่วสุดขีด
เขียนไม่ดี คนเขาก็ไม่ถือสา เพราะว่าภาพพจน์เป็นคนไม่ดี ไม่ว่ากันหรอก
เขียนดี คนเขาก็ไม่เชื่อ เพราะว่าจะไปรู้อะไร ที่เอามาก็ไปลอกเขามาทั้งนั้น สมองเรามันคิดไม่ได้หรอก
ก็แน่หละซิ ความรู้พวกนี้ ใครจะไปนั่งเทียนรู้เอง พี่ไม่ได้เป็นเซียนกลับชาติมาเกิดนี่หว่า
ทั้งรูปและข้อความ เมื่อก่อนเคยขโมยเขามา
วันนี้ก็ยังขโมยเขามา และก็ไม่ค่อยได้ให้ credit เจ้าของข้อมูลซักเท่าไหร่
ก็รอกรรมตามสนองไง จะได้มีคนเอารูปเอาข้อความของเราไปโพสต์ที่อื่นบ้าง ไงหละ คิดตามทันมั๊ย
เราเป็นพวกคนโฉดเขียนอะไรไป ไม่มีใครเขาว่าหรอก

พี่ว่าบรรยากาศที่นี่มันกันเอง ฮา ฮ่า ฮ้า
พวกคุณไม่คุยกันตรงๆ ก็คุยผ่านพี่ได้ หรือเปลี่ยนใจมาคุยกันเองหน้าไมค์ก็ได้ โอเคทั้งนั้น

คนเล่นเน็ทอย่างเดียวไม่เสียVG หรอก
แต่เล่นไปเล่นมา แล้วนัดเจอกันนี่นะซิ เอาVGไปให้ใครก็ไม่รู้ฟันเล่นมีมากต่อมากแล้ว
ภัย internet นี่น่ากลัวเหมือนกันนะ เหมือนคลื่นใต้น้ำ
เผลอแป็บเดียวก็กวาดความสาวของเยาวชนตัวน้อยๆไปหมดสิ้น
แอนน์ก็รู้ดีนี้ว่าหนุ่มคารมคมในเน็ทนั้นร้ายกาจแค่ไหน

ว่างๆแวะมาอีกนะ

Ref: นกสีขาว AnnEng DeepPink FF 14 93


โดย: zoomzero วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:17:53 น.  

 
To ใบไม้ต้องลม
คุณลีฟ(leaf) ที่นับถือ

555 555 555 และ 555
ชมกันหรือเหน็บแนมกันแน่ (ฟระ) 555

แหมเรื่องสามเหลี่ยมทองคำของสตรีเพศ
เป็นเรื่องน่าสนใจจะตายไป
เวลาที่เวทีไหนๆมีโคโยตี้เต้นชึ่งๆโป๊ะๆชึ่ง
ผมก็เห็นพวกผู้ชายยืนมองตรงนั้น ตาเป็นมันกันทุกคน

ถามเรื่องเสียVG
กะอยู่แล้วว่าต้องมีคนถาม
เรื่องอะไรจะบอก 555
เออนะ ครั้นจะบอกว่าเรายังโสดซิงๆ ใครจะไปเชื่อ
ครั้นมาเสียVG มาตอนอายุเท่าไหร
ขืนบอกไป อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศก็ได้
พอดีประเด็นนี้ผมเขียนเอาไว้พอดี
อย่างนั้นก็เอามาโพสต์ตอนนี้เลย



เสียตัว เขาใช้เฉพาะเพศ เท่านั้นหรือ?
====================
พอเอ่ยว่า "เสียตัว"
ผมมักจะคิดแค่ภาพผู้หญิงโดนผู้ชายล่วงเกิน
ภาพออกแนวที่ว่าผู้หญิงไม่ค่อยยินยอมนะ
แต่พอมานั่งนึกอีกที เฮ้อ...พวกที่เต็มใจก็มีไม่ใช่น้อย
และพวกที่ติดใจก็มีอีกเยอะ
อันนี้แหละที่น่าเป็นห่วงกว่าเรื่องเสียตัวก่อนวัยอันควร
เสียสาวไปแล้ว ดันติดอกติดใจ เลิกหวงตัวนี่แหละ

เรื่องผู้ชายเสียตัว คงไม่มีใครเขาพูดกัน
แต่เรื่อง ขึ้นครู
อันนี้กลายเป็นเรื่องฮาในวงสุราของพวกผู้ชาย

มีเรื่องจะเล่า
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ในคณะๆหนึ่ง เขาแบ่งเป็นกลุ่มๆ
ในเดือนแรกหลังเปิดเทอมแรกของปีการศึกษา
พวกรุ่นพี่จะจัดงาน GM Night
GM ก็ gentlemen ไม่ใข่ศัพท์พิศดารอะไร
แต่งานนี้ มีเหตุการณ์หลักอยู่ 2 อย่าง
อย่างแรก กรอกเหล้ารุ่นน้อง
อย่างที่สอง พาน้องไปขึ้นครู
คนเป็นพีรหัส หรือพี่เลี้ยงประจำตัวน้อง ต้องช่วยน้อง และออกเงินค่าอาหาร ค่าสุรา ค่านารี ให้น้อง
ตอนผมเป็นปีหนึ่ง ได้พี่รหัสคอทองแดง ผมเลยรอดเรื่องเมารากแตก
แถมรุ่นพี่นี่ สอนเทคนิคให้มากมาย ยังกับคัมภีร์กามสูตรเดินได้เลยหละ
แต่ตอนนั้นสมองมันไม่ค่อยฟังหรอก 555 ใจมันเต้น ตึ๊กๆๆๆๆๆ
พอไปถึงสถานที่ขึ้นครู ผมก็บอกว่าท้องเสีย แล้วก็หนีกลับบ้าน
เฮ้ยซ์ ไม่ได้โม้ เพราะสถานที่ไปนั้นมันบรรยากาศน่ากลัวไปหน่อย
วันหลังพวกผมไปกันเอง 555 แล้วก็กลายเป็นคนติดอ่างไปเลย

มาถึงเรื่องไม่ขำกันหน่อย
สมัยนี้ใครมีลูกชายหน้าตาดี นิสัยเรียบร้อย
ก็ต้องเป็นห่วง
เพราะครูอาจารย์ ตลอดจนเพื่อนผู้ชายของลูก อาจจะเป็นคนพวกชายรักชายก็ได้
ถ้าลูกชายโดนล่วงเกิน
งานนี้แหละที่ต้องไปแจ้งความว่า ผู้ชายเสียตัว ได้แล้วหละ

ยุคสมัยมันเปลี่ยนเรื่องราวได้มากมายจริงๆครับคุณใบไม้
เรื่องผู้ชายเสียตัวยังมีได้เลย
ส่วนเรื่องการสร้างรั้วรอบขอบชิดของคนต่างจังหวัด
อันนั้นผมก็ว่านิสัยคนเรามันแย่ลงมากๆ
ใครมีลูกสาวก็ต้องป้องกันภัย
ขนาดวัด งบประมาณอันแรกที่เขาเอาไปทำก็คือรั้วกันพื้นที่วัด
แทนที่จะเอาไปสร้างศาลา

Ref: ใบไม้ต้องลม SaddleBrown 8B 45 13




โดย: zoomzero วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:48:11 น.  

 
เรืองของมิน มีหลายประเด็น
ขอติดเอาไว้ก่อนนะ


โดย: zoomzero วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:49:19 น.  

 


Morning ค่ะ พี่ชาย
ตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:34:47 น.  

 
Morning Krab Nong Min
ตามมาส่งอาหมวยเล็กไปทำงาน
ชงโอวัลตินเผื่อเฮียด้วยนะ อิอิ



Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:51:13 น.  

 
To Mintiva

เรื่องแรก รถโดนชนท้าย
เป็นห่วง(มาก)นะจ๊ะ
วันนี้ก็วันที่ 4-5 หลังเหตุการณ์โดนชนก้น (แหม...อิจฉาคนได้ชนจัง 555)
ถ้าช่วงนี้มีปวดแขนปวดไหล่ อย่าใจเย็นนะ
เมื่อหลายปีก่อน คุณนายเจ้าของบ้านเล็กเขาก็เคยโดนชนท้าย
ช่วงชะลอรถลงสะพานข้ามแยก แต่ไม่ได้ขับเร็วมาก เพราะการจราจรยังติดๆขัดๆอยู่
เขาเล่าว่า โดนวีโก้เบรคดังเอี๊ยดแล้วก็รถของเขาก็กระเด้งไปข้างหน้า ไม่มีเสียงตูม
พอดีเป็นช่วงลงสะพานจะหมดแล้ว มีตำรวจประจำตรงนั้นอยู่หนึ่งนายพอดิบพอดี
เรื่องจึงเสร็จเร็ว ตำรวจแนะว่าต่างคนต่างมีประกัน แถมเป็นเจ้าเดียวกัน คุยกันเองก็แล้วกัน
เขาก็ทำวิธีเดียวกันกับอาหมวยเล็ก คือ น๊อกเอาท์เคลม ต่างคนต่างไปเคลม วีโก้ยอมรับผิด
แล้วเขาก็ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร กลับมาบ้านอาบน้ำกินนมนอนเหมือนวันปกติ
พอผ่านไปได้ 2-3 วัน ก็มีอาการเมื่อยคอ ปวดไหล่
คุณนายท่านก็คิดว่าคงจะเป็นเพราะนอนผิดท่า หรือ ตกหมอน
แต่ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์มันยังไม่ดีขึ้น เลยไปหาหมอ
งานนี้โดนเข้าเฝือกอ่อนที่คอ เพราะกระดูกคอเคลื่อน ใส่อยู่ 1 เดือนเลยนะ
เฮียต้องขับรถรับส่งให้ ทำงานหนัก ยกของหนักไม่ได้ ตอนกลางคืน...อดจู๋จี๋กันเลย 555
เรื่องบานปลายไปถึงว่าอาจจะต้องผ่าตัด (แต่ก็รอดพ้นการขึ้นเตียงผ่าตัดได้นะ คุณพระช่วยเอาไว้)
เรื่องประกันก็มีงี่เง่านิดหน่อย ตัวแทนมาพูดประมาณว่า เราเป็นโรคกระดูก ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ
นี่ขนาดเป็นเพื่อนซี้กันนะ พอมาขายประกัน เราก็ว่าช่วยๆกันไป ไม่กี่บาท คิดว่างดเที่ยวสักทริปเป็นเงินค่าประกัน
เราไม่อยากซื้อ เขาก็มาอ้อนวอนขอร้อง แล้วบอกว่าจะช่วยแบบเอ็กตร้าทุกเคส
ขนาดว่าสามารถเอาสำเนาใบเสร็จที่เราเบิกจากประกันเจ้าแรกไปแล้ว เขายังเอาไปเบิกประกันของเขาได้เลย
เรื่องนี้เขาทำให้กับเพื่อนอีกคน เฮียยังไปกินเลี้ยงจากเงินที่โกงเขามาได้เลย แต่พวกมันบอกว่าเป็นสิทธิ์ของเรา
ของเฮียไม่เคยมีเคสแบบนั้น เพราะไม่อยากโดนศาลฟ้องร้องย้อนหลัง
ไม่อยากนอนห้องขังห้องเดียวกันกับยายคนนั้น
(เอ้...พอนึกถึงรูปร่างเขา มันก็น่านอนกรงเดียวกันนะ อุ้ยซ์...น้ำลายไหล โค้งเป็นโค้ง...เว้าเป็นเว้า)
ความจริงตอนแรกนั้น น่าจะเอะใจว่า ยายคนนี้มันสวยแต่รูปแต่นิสัยเจ้าเล่ห์เกินมนุษย์ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะมีเพื่อนเลวๆ
และก็ผีเข้าผีออก เดี๋ยวรักองค์กร เดี๋ยวเอาเปรียบองค์กร ที่ตัวเองทำงานอยู่
อ้อ...มีของฝากจากเรื่องประกันนะ เพิ่งได้บทเรียนมาใหม่
คือเมื่อสัปดาห์ก่อน คุณหนูเข้า รพ. หมอบอกว่าเป็นกระเพาะและลำไส้อักเสบ
อาจจะมาจากอาหาร เครียด หรือทานอาหารไม่เป็นเวลา
คนที่ขายประกันพอทราบเรื่อง รีบโทรมาบอกว่า อย่าให้หมอเขียนคำว่า เครียด ในใบรับรองแพทย์นะ
มันว่าเบิกไม่ได้ เฮียก็งงว่า ทำไมฟระ คนเราป่วยไข้ได้เจ็บจากสภาพจิตใจมีปัญหา เบิกเงินไม่ได้หรือไง
แต่พอบอกหมอ หมอยิ้มๆ แล้วบอกว่า ผมทราบดี ผมเป็นหมอมาหลายปี "รบ"กับพวกประกันมาหลายยกแล้วครับ
ขนาดหมอยังใช้คำว่า "รบ" กับบริษัทประกัน โลกเรามันหมุนแบบไหนกันแน่
ประกัน มาจากความคิดว่าจะช่วยเราอย่างไรเมื่อเราต้องการเงินและเราเจ็บป่วยหรือตาย
แต่มาวันนี้เราต้องหาคนมาช่วยคิดว่าจะเบิกประกัน จะต้องสู้รบกับพวกมันอย่างไร
"เงินเราเอาไปง่าย เงินเจ้าวายร้ายให้เรายาก"

อาหมวยเป็นอย่างไรบ้าง?
ปวดตรงไหนหรือเปล่า?
ถ้ามีอะไรไม่ปกติ ต้องรีบไปหาหมอนะ
หาหมอหล่อๆก็ได้ เผื่อว่าปีนี้ คีลปิด เอ้ย คิวปิค อาจจะแผลศรรักปักกลางพุงหยุ่นๆก็ได้นะ 555

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:30:49 น.  

 
To Mintiva

เรื่องโทรศัพท์ขณะขับรถ
ตั้งแต่เขาว่ามีกฎหมายห้ามโทรศัพท์ตอนขับ(รถ)
เฮียก็เห็นคนเชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง แต่ไม่เคยเห็นใครโดนจับเลยนะ
แรกๆเฮียก็ไปหาสมอลทอล์กมาใช้ แต่มีปัญหาตอนลงจากรถ สายหูฟังกับสายเข็ดขัดนิรภัยมันชอบทะเลาะกัน
เสื้อผ้าก็เลยหลุดลุ่ย พออกมาจากรถ สภาพเฮียก็เลยเหมือนหมูถูกข่มขืน ทั้งยับ ทั้งชายหลุดขอบกางเกง
เลยหันมาเล่นของไฮเทค “บลูตุ๊ด”
แหม...มาดเท่ห์เก๋ไก๋ชะไนเดอร์เสียนี่กระไร
พวกกิ๊กสาวๆของเฮียบอกว่า ดูดี แมนมั๊กมากๆ
แต่ปัญหาคือแบตฯของหูฟังชอบหมด เพราะเฮียชอบฟังเพลงจากมือถือซะด้วย
พอจะโทรฯกันในรถจริงๆ ได้แค่ ฮา...ยังไม่ได้พูดว่า โหล เลย เสียงมันก็ขาดๆหายๆ
ต้องโทรแบบเก่าจนได้ อับอายน้องๆกระโปรงสั้นๆที่นั่งมาด้วยเสียนี่กระไร
เลยกลับมาใช้แบบโลว์เทคอย่างเดิม พะรุงพะรังแต่ก็ชัวร์ว่าใช้ได้

ความจริงของเก่า หรือน้ำพริกถ้วยเก่านี่มันก็ยังมีประโยชน์นะ
คนเราทำไมชอบไขว่คว้าหาของแปลกใหม่ให้ตัวเอง โดยไม่นึกถึงว่า ของเดิมก็ดีอยู่แล้ว
อย่างอาหมวยนี้ จะเลิกมองหาพี่ชายคนใหม่ได้หรือเปล่านะ
พี่ชายตรงนี้หนะ ถึงจะเป็นแบบพวกสายระโยงระยางน่ารำคาญ
แต่ก็ซื่อสัตย์ใช้งานได้เสมอนะคะ (แค่เพี้ยนแต่ยังไม่พัง) 555

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:47:36 น.  

 
To Mintiva

เรื่องโดนดูถูก
เราก็แค่เอามาแชร์เรื่องราวกันนะ ใครไม่เจออย่างเราก็ไม่รู้หรอกว่า
คำว่า “อกจะแตกตาย” มันเป็นอย่างไร
มันไม่รู้ว่าจะโทษใคร
โทษฟ้า โทษสวรรค์ โทษเทวดา
โทษที่ตัวเราดันสะเออะไปมีน้ำใจโดยไม่คิดให้รอบคอบ
โทษที่พวกเขาต้องหวาดระแวง เพราะคนในสังคมทุกวันนี้มันมีคนเลวมากกว่าคนดี

เมื่อวานเฮียไปกด ATM ที่ธนาคารสาขาย่อย ตั้งอยู่ในห้างฯ
เงินแค่หมื่นเดียวเอง จะเอาไปใช้หนี้เขา ไม่ใช่ค่าเทอมกิ๊กหรอกน่า ห้ามคิดแบบนั้นนะ
กดเสร็จก็ยืนนับแบงก์พัน แค่สิบใบ หนึ่ง สอง สาม .....เก้า สิบ ยังไม่ได้เอาเงินใส่กระเป๋า แค่กำไว้ในมือ
ตอนกดเงิน ก็ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย พอจะเดินย้ายมาอีกช่องเพื่อเอาบุ๊คเข้าเครื่องอัพเดทสมุดเงินฝาก
จะได้ดูว่าตัวเลขในสลิปกับในบุ๊คตรงกันหรือไม่ เพราะออมทรัพย์เล่มนี้ไม่ได้ฝากถอนมานานเหมือนกัน
จู่ๆ ก็มีผู้หญิงหน้าตาดี สะพายกระเป๋าถือใบใหญ่ๆ
และยังหอบถุงใส่ข้าวของพะรุงพะรัง (ถุงมีแบรนด์ด้วยนะ) ทำท่าจะมาแย่งเฮียอัพบุ๊คตัดหน้า
พอแขนชนแขน เธอหันมามอง เห็นหน้าเธอเข้าให้ โอ้ว...มายจ๊อด ท่านลอร์ดทอดกล้วย
สวยอะไรอย่างนี้ ยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า ตัวก็มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ว๊าวซซซ์
แล้วเธอก็ถามเฮียว่าขอแซงก่อนได้มั๊ย? หือ...ฟันสวยจัง เรียงเป็นเม็ดข้าวโพดเลย
ยังไม่ทันที่เฮียจะตอบเลย เขาก็บอกว่าไม่เป็นคะ
แล้วเธอก็ก้มล้วงของหยุกหยิกอยู่ข้างหลังเฮีย
ในสมองเฮียแว็บ ZAP!!!
เฮ้ย..มายังไง หน้าตาสะเป็คซะด้วย ขอเบอร์เลยดีมั๊ย หรือว่าชวนไปทานอะไรดี
แต่ก่อนที่งูบนหัวมันจะออกมาแลบลิ้นแผล็บๆ
เออ..เฮียว่าไอ้สมองที่ลามกๆนี่ มันน่าจะถูกฝังเอาไว้ใต้เอวนะ เพราะมันคิดได้ต๋ำตำตลอด 24 ชม เลย อิอิ
ฉับพลัน เฮียก็คิดว่า มันแปลกๆ เฮียเลยไม่เอาสมุดเงินฝากเข้าช่องรับ (insert) หยิบมาใส่กระเป๋าเสื้อ
แล้วก็นึกถึงเงินสิบใบในมือ เออ...ยังอยู่ ยังอยู่ แล้วก็กำเงินเอาไว้แน่น เหงื่อออกนิดๆ (ตกใจนิดหน่อย)
รีบคลำกระเป๋ากางเกง กระเป๋าตังค์ยังอยู่ มือถืออยู่ ...ไอ้นั่นก็ยังอยู่...
เฮียเลยทำทีเป็นเดินไปหยิบเอกสาร พวกใบกรอกฟอร์มตรงเคาท์เตอร์กลางธนาคาร
พอหันกลับมา สาวสวยคนนั้นก็เดินอยู่โน้น...สองร้อยลี้ ไกลๆโน้น แล้วก็หายตัวไปตรงมุมทางเดินโน้น
ในใจก็คิดว่าเรารอดพ้นภัย เราไหวตัวทันพวกมารร้าย
แต่อีกใจก็ถามตัวเองว่าเดี๋ยวนี้ต้องกลัวผู้หญิงหน้าตาดีๆแบบนี้ด้วยหรือ?
เธออาจจะลืมสมุดของเธอเอาไว้ในรถก็ได้ หรือวางทิ้งเอาไว้ที่โต๊ะอาหาร เลยรีบเดินไปหา มันก็เป็นไปได้
ทำไมเราดูถูกคนรอบตัวเรา ทั่งๆที่เราก็ไม่ชอบให้ใครดูถูกเราว่าเราเป็นคนร้าย เป็นคนเลว
ผู้หญิงคนนั้นเขาจะมาทำอะไรเรา กล้องวงจรปิดในห้างก็มีหลายตัว
ยิ่งตรงนี้เป็นธนาคาร ถึงจะเป็นสาขาย่อย ก็มีกล้อง มีรปภ.อีกคนอยู่ตรงนั้น
เฮียเดินกลับมาอัพเดทสมุดเงินฝาก คิดว่าจะไปหาอะไรดิบๆแพงๆทานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเสียหน่อย
เลยไม่เอาแล้ว โกรธตัวเองที่คิดชั่วๆ หวาดระแวงมากนัก
กลับไปบ้านไปต้มบะหมี่ถ้วยกินกับน้ำเปล่าดีกว่า
นี่แหลนะ ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:25:37 น.  

 
To Mintiva
เรื่องงานศพ

เมื่อปลายเดือนมกราคม เฮียก็ไปงานสวดศพคุณแม่ของพี่ที่ทำงานเก่ามาเหมือนกัน
ท่านสวดที่วัดธาตุทอง
ชื่อศาลายาวมากฟังไม่ทัน จดไม่ถูก รู้แต่ว่ามีคำว่า ล่ำซำ
พอไปถึงวัดก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
แต่ไม่ทันได้ทำอะไรเลย เพราะไม่มีจอดรถ หลายคนบ่นว่าน่าจะมา BTS
เจ้าหน้าที่ให้เราขับรถทะลุวัดเพื่อไปออกด้านหลังกุฏิเจ้าอาวาส (เข้าอธิบายอย่างนั้นนะ)
พอเลี้ยวซ้ายก็เห็นพี่สาวคนนั้นอยู่หน้าศาลา ก็โบกมือให้กัน รถข้างหลังตามมามากมายเลยไม่ทันได้พูดอะไร
เฮียก็ดีใจว่าเห็นศาลาแล้ว รู้แล้ว เดี๋ยวก็เดินมาถูก
แต่โอ้ท่านลอร์ดมันทอดกล้วย ขับเข้าไปลึกมากๆ
แถมยังอ้อมโค้งไปโค้งมา ผ่านคันกันถนนสูง ต้องค่อยขับช้าๆ
พอจอดรถเสร็จหาทางเดินไปศาลาไม่ถูก หลงทิศ เพราะมีศาลาบังหมดทุกทิศทาง แถมมีบ้านคนข้างในวัดอีกด้วย
เพราะช่วงนี้วัดธาตุทองมีการก่อสร้างอาคาร มีการกันรั้ว มีการวางวัสดุก่อสร้าง ตรงโน้นตรงนั้น
เฮียกับลูกทัวร์เดินหลงไปหลงมา
จนมีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินผ่านมา ท่านเลยเมตตาชี้ให้เดินไปทางข้างกุฏิพระ
ดีนะที่พอเดินไปได้สักครู่ หันหลังกลับมายังมีพระองค์นั้นยืนมองพวกเราอยู่

งานสวดศพก็ดีนะ
ไม่ใช่น่าไปเที่ยวแบบนั้น หมายถึงว่าเขาจัดงานดี
เขามีวงดนตรีไทยมาเล่นด้วย มีเครื่องสาย มีระนาดเล็กใหญ่ เสียงดังฟังชัดดี
ฟังแล้วเย็นจับใจ ผู้วายชนม์ท่านเป็นคนชอบดนตรีไทยมาก
ด้วยความสนิทกับญาติผู้ตายและการไม่ได้เจอกันนาน
เราก็เลยอยู่คุยกันหลังงานสวดอย่างไม่สนใจกาลเวลา

พอจะกลับ เฮียก็จะเดินไปเอารถ
พวกชาวคณะที่มาด้วยยังลิ้นระรัวคุยกันยังไม่หายมัน
พวกเขาเลยให้เฮียไปเอารถคนเดียว
ซึ่งเฮียก็เป็นแมนอยู่แล้ว ไม่กลัวเรื่องเดินคนเดียวหรอก
วัดนี้ก็เป็นวัดกลางกรุง แถมมีศาลาเป็นสิบๆ เปิดไฟให้สว่างพรึบ

แต่โอ้..อนิจจา ความคิดของคนเขลา
วัดเขาประหยัดไฟจ๊ะ พอศาลาไหนหมดกิจกรรม เขาก็เก็บของ ปิดประตู ปิดไฟ
ตอนนี้ทางเดินซึ่งเป็นถนนขนาดรถแล่นได้แค่ 1 คัน มันก็เลยมืดๆสลัวๆและ.....มืดมิด
สองข้างทางเห็นเป็นแต่บานประตู หน้าต่าง ซึ่งล้วนเป็นกระจกใส่เป็นส่วนใหญ่
มองเห็นด้านในชัดบ้างไม่ชัดบ้าง มีเงาแปลกในนั้น ต้องทำเป็นไม่เห็นซะ
ตอนนี้ขาเริ่มสั่น ปากเริ่มซีด หัวใจย้ายมาอยู่ที่สะดือ
เวลาเดินเหมือนหัวใจมันแกว่งตามพุงที่กระเพื่อม

ฉับพลัน!
ก็มีเสียงดังแกร็ก เห็นเงาตัวอะไรไม่ทราบเคลื่อนที่ออกจากโต๊ะหรือตู้อะไรนี่แหละ เร็วมาก
จิตฝ่ายสูงหรือซุปเปอร์อีโก้รีบออกมาบอกว่า มันคือสุนัข มันคงตกใจ ไม่ต้องกลัว มีสติเอาไว้
ไม่ต้องกลัวๆๆ ข้างในศาลาทุกศาลามีพระพุทธรูปอยู่ทุกหลัง
แต่เจ้าอีโก้อีกตัวมันแย่งชิงเตือนว่า ในนั้นก็มีหีบศพทุกหลังเหมือนกันนะเฮีย

ไม่เท่านั้น!
ดันมีกระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้ออะไรไม่รู้ ถ้ารู้จะไม่อุดหนุนมันเลย
กลิ้งเกร็งๆๆ อยู่ข้างหน้า
มันกลิ้งข้ามจากฝั่งถนนด้านขวามุ่งหน้าไปฝั่งถนนด้านซ้าย เหมือนจะหยอกเล่น
แต่...แม่ม....ดันวิ่งมาประมาณกลางถนนแล้วสะดุดเศษกรวด ทำให้มันเลี้ยวขวา
หันหน้ามาทางเฮีย โชว์ยี่ห้อหรา แต่แสงไม่พอเลยมองไม่เห็นว่าเป็นค่ายไหน
มันหยุดสงบนิ่งทันที เฮียเองก็หยุดเดินทันทีเหมือนมัน
ต่างคนต่างนิ่ง เป็นครั้งแรกที่กลัวกระป๋องน้ำอัดลม ช่างแมนจริงๆ

แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด...
มีลมกระโชกพัดมาทางด้านหลังเฮียวูบใหญ่
คือว่าถนนในวัดมันจะเหมือนตรอก มีอาคารหลังคาสูงๆขนาบทั้งสองด้าน
ลมที่ผ่านช่องนี้เลยพัดมาแรง เขาเรียกว่าช่องรีดลม
ไม่รู้ว่าพัดเข้ามาจากด้านถนนสุขุมวิทหรือเปล่า นั่นแน่..มีเวลาคิดไปได้นอกกรอบจนได้
แรงลมทำให้เจ้ากระป๋องกลิ้งหนีห่างออกจากตัวเฮียไปด้วยความเร็วปรี๊ด
ตอนนั้นเหตุการณ์มันต่อเนื่อง เหมือนว่ากระป๋องนั้นมันมีชีวิตจริง
เหมือนมันเป็นรถบังคับวิทยุ เฮียยังมองมันอีกทีเลยว่ามันเป็นรถบังคับวิทยุคันเล็กๆหรือเปล่า
ใจอีโก้ตัวเดิมมันก็รีบบอกก่อนเลยว่าน่าจะใช่ แม่เขาคงเอาถวายทำบุญเป็นของเล่นให้ลูกที่ตายไปกระมัง
โธ่...ไอ้บ้า คิดแบบนั้นตอนนี้ทำไม ฉี่จะราดอยู่แล้ว ไอ้ฟายเอ้ย

กระป๋องปีศาจวิ่งไปตามเส้นทางถนน ซึ่งมีการเอาปูนหรือยางมะตอยมาพอกเอาไว้เป็นคันกั้น เพื่อให้รถวิ่งช้าลง
ภาษาจราจรเขาเรียกว่าตัวหนอน แต่พอคิดคำว่า หนอน ใจมันก็คิดถึงหนอนที่อยู่ในโลงศพ และศพเน่าๆ
ตอนนี้จิตมันประสาทเตลิดไปถึงไหนๆก็ไม่รู้ ก้าวขาไปไหนก็ไม่ได้
จะพูดอะไรพล่อยๆอย่างที่ถนัดพูดเรื่อยเปื่อย ปากมันยังไม่ยอมขยับเลย
เจ้ากระป๋องมันกลิ้งขึ้นไปสันตัวหนอน แล้วก็หยุดนิ่งบนยอด มันไม่ยอมไหลข้ามไปอีกด้าน ลมก็หยุดพัด

ที่นี่แหละ...น่ากลัวสุดๆ
เจ้ากระป๋องไหลกลิ้งลงจากเนินตัวหนอน วิ่งเข้าหาเฮียด้วยความเร็วสูง
เฮียยืนแยกขาพอดี ก้าวขาไม่ออก ขาตายสนิท
เจ้ากระป๋องวิ่งผ่านกลางหว่างขาเฮียพอดิบพอดี
เฮียไม่กล้าหันไปมองข้างหลัง
ใจหนึ่งก็อยากจะกลับหลังหัน แล้ววิ่งไปหาเพื่อนที่ศาลา แต่ก็กลัวเสียฟอร์ม
อือ...จริงๆ กลัวเจ้ากระป๋องมากกว่า เพราะคิดว่าถ้าลมมาอีกทีมันคงวิ่งย้อนกลับมาอีกแน่

ข้างหน้าก็มืด ข้างหลังก็มีกระป๋องผีสิง
มองไปทางขวาเห็นแสงไฟจากกุฏิพระสว่างอยู่หลายหลัง
เอาหละหวา เดินไปทางนี้ดีกว่า เฮียก็เดินไปทางนั้น
แหม..ไฟที่ว่าคงเป็นไฟห้องน้ำ เพราะไม่ทันไร แสงไฟก็หายไปทีละดวง
คราวนี้ต้องเดินระวังมากกว่าเดิน แต่ก็ไม่ถึงกับมืดมิด
เดินเหยียบท่อประปาแทบล้ม ที่นี่เขาไม่เอาท่อฝังลงดินหรือไงนะ ปล่อยลอยเป็นงูอยู่ได้
งู...รีบก้มลงดู อย่ามีงูเลยนะ นะ นะ ต้องไม่มีงูนะ

เฮียเดินประมาณ 2 นาที ก็มาโผล่อีกทีข้างรั้วที่เขาก่อสร้าง มองไปข้างหน้าตัน ข้างขวาตัน รั้วสูงลิบ
เหลือด้านหลัง กับ ด้านซ้ายมือ ก็ต้องเลือกเดินไปทางซ้ายมือ เพราะไม่อยากย้อนกลับไปอีก เดี๋ยวก็หลงทางพอดี

หลุดจากตรงนั้นมาได้ เหงื่อท่วมกาย กางเกงเปียกก้นเลย ดีว่าฉี่ไม่ราด
เห็นแอคคอร์ดของเราแล้ว กดรีโมทปั๊บ เจ้าลูกชายก็กระพริบไฟขานรับ พ่อจ๋าๆ แว็บๆ
แต่พอเดินไปได้อีก 3 ก้าวจะถึงรถ ความทรงจำมันก็แว็บขึ้นมาทันทีทันใด
เพราะเมื่อนานมาแล้ว คุณพ่อเพื่อนที่ทำงานท่านหนึ่งต้องเก็บศพรอเผาที่วัดนี้
เธอเป็นผู้หญิง ต้องเอาดอกไม้มาไหว้พ่อเธอทุกวันศุกร์ เธอว่าวันเกิดหรือวันเสียของพ่อนี่แหละ จำไม่ได้แล้วหละ
ซึ่งซอยทางซ้ายมือนี่แหละ
ใช่เลยเป็นศูนย์รวมโลงที่เขาเก็บศพรอเผาในตอนนั้น ปัจจุบันน่าจะมีอาคารใหม่เรียบร้อยไปแล้ว (กระมัง)
ตอนนี้เกลียดตัวเองสุดๆ ทีเรื่องให้จำกลับลืม ที่เรื่องอยากให้ลืมกลับจำขึ้นมาได้
อยากจะเอายาแก้อัลไซเมอร์ไปโยนทิ้งแม่น้ำเสียจริงๆ อ๋อ...น้ำมันปลาน้ำลึกหนะ ไม่ใช่ยาหรอก

ตัดสินใจวิ่งเข้าไปในรถ
lockประตู
Startรถ
ซึ่งก็เป็นวันนั้นแหละที่รู้ว่า รถเราชักสตาร์ทติดยาก ต้องบิดลากกุญแจยาว
ไม่กล้าเปิดไฟหน้าก่อนสตาร์ท กลัวแบ็ตหมด เพราะเปลี่ยนมาเกือบ 2 ปีแล้ว
ขอบคุณนะครับ ท่านเจ้าที่เจ้าทางที่ทำให้รู้ว่ารถต้องเข้าศูนย์ซ่อมปั๊มป์ติ๊ก
พอขับรถออกมากได้ ก็เปิดหมด
ไฟหน้า
ไฟตัดหมอก
ไฟสูง
นี่ถ้ามีไฟฉายจะเปิดอีกอัน
ออกมารับพรรคพวก
มีคนถามว่าทำไมมาช้า เฮียไม่ตอบ
มีคนถามว่าทำไมหน้าซีด เฮียก็ไม่ตอบ
.....

เสร็จภาระกิจต่างๆ
ก่อนเข้านอน ไปสวดมนต์ที่ห้องพระ
นั่งสมาธิแป็บหนึ่ง คิดทบทวนเรื่องในวันนี้
แล้วก็ขำว่า เคยบอกคนอื่นว่าอยากเจอผี เพราะช่วงนี้ยากจนลงมาก
อยากคุยกับผี อยากเจรจาต่อรองเรื่องหวยงวดนี้
ตกลงจะออกเลขเบิ้ลหรือเลขเรียง เลขตรงๆมีมั๊ย เอาให้แน่ๆ จะได้ทำบุญไปให้
งานนี้ไม่เจออะไรเหนือธรรมชาติ แต่ก็หัวใจจะวายให้ได้
สงสัยเราจะแก่แล้วจริงๆ

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:08:17 น.  

 
เลือกเรื่องอินเทรนด์ของวันวาเลนไทน์มาพูดถึงซะด้วย ก็เดี๋ยวนี้พอถึงวันนี้ทีไร เห็นเขารณรงค์ไม่ให้วัยรุ่นเสียVG ก่อนวัยอันควรนี่นา เห็นคนสมัยนี้รักกันไวไฟ มาเร็ว เคลมเร็ว แต่น้องว่าสาวไทยส่วนใหญ่ก็ยังยึดมั่นกับขนบธรรมเนียมไทย ยังรักนวลสงวนตัวเยอะอยู่นะ แต่จะVGหรือไม่VG จิตใจน่าจะสำคัญกว่า

เรื่องรักษาVG ถ้าคิดแง่เดียวก็เหมือนผู้ชายเอาเปรียบ แต่มันก็ดีสำหรับผู้หญิงด้วยเหมือนกัน ป้องกันการตั้งท้องแบบไม่พึงประสงค์ได้ ทำให้รู้จักยับยั้งชั่งใจด้วย

ฮาคำพูดของเพื่อนหญิงของคุณพี่อ่ะ ไม่อยากเป็นสาวVGเพราะกลัวเป็นเมียคิงคอง เอิ๊กกกกก คิดได้ไงเนี่ย

สุขสันต์วันตรุษจีน ขอให้คุณพี่เฮง ๆ ไม่เจ็บไม่ไข้ มีแรงเขียนบล๊อคดี ๆ ให้อ่านไปอีกนาน ๆ ค่า


โดย: haiku วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:46:43 น.  

 
To haiku
To haiku
ขอบคุณมากครับน้องไฮก์สำหรับคำอวยพรวันตรุษจีน
อ้าว...คุณน้องว่าบล็อกอันนี้เป็นบล็อกดีๆไปแล้วเหรอ
ว้า....อย่างนั้นต้องเปลี่ยนแนวแล้วหละ กลัวได้รางวัลเหมือนใครก็ไม่รู้ 555

คอมเมนท์ของน้องไฮก์มีเหตุผลครับ
เรื่อง VG มีหลายประเด็น เราไม่น่าจะมาเน้นตรงวิธีปฏิบัติ หรือวิธีห้าม เพราะมันทำได้ไม่ง่ายๆ
หากแต่ว่าพี่แค่อยากให้สาวๆสมัยใหม่(ที่มีโอกาสได้อ่าน) มองกว้างๆอีกหน่อย
พวกคุณได้มันมาแล้ว ก็ควรอยู่กับมัน เข้าใจมัน และดูแลมัน
พฤติกรรมของมนุษย์ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
การรักษาVG เป็นเรื่องดี แต่ถ้าทำไม่ได้ แล้วจะต้องทำอย่างไร ตรงนี้อยากให้ช่วยกันคิดนิดหนึ่ง
อย่างเรื่องท้องไม่พึงประสงค์ที่น้องไฮก์คอมเมนท์ไว้ อันนี้เป็นประเด็นที่ดีมาก

รัฐเชื่อว่ากระแสคนไม่แคร์ VG มาแรงขึ้นเรื่อยๆ
รัฐห่วงเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยอันไม่สมควร
รัฐกลัวปัญหาประชาชนชั้นสอง ปัญหาครอบครัวแตกแยก ....
รัฐเลยเอาถุงยางไปแจกเยาวชนให้ใช้ฟรีตามจุดล่อแหลม หรือแหล่งรวมตัวของวัยรุ่น
พวกที่มองว่าห้ามไม่ได้ ก็กันเอาไว้ก่อน เป็นผลดีทั้งเรื่องท้องและเรื่องโรคติดต่อร้ายแรง
เรื่องก็ต้องมาลงที่ไหนๆก็ไหนๆ แจกเครื่องป้องกันมันเสียเลย
ดีกว่าเสียงให้มันท้อง เสียงให้เป็นเอดส์ น่าเสียดายชีวิตไร้เดียงสาเหล่านั้น
ส่วนพวกไม่เห็นด้วย ก็ว่า ชีโพรงให้กระรอก เด็กมันไม่คิด ก็เลยมาคิดเสียตัวในวันนั้นวันนี้
พี่ว่าเด็กไทยมันโตเร็วกว่าที่เราคิดอีกเยอะเลยนะ
เด็กผู้ชายได้ถุงยางมาฟรี 1 กล่อง มันคงไม่บ้าโทรฯหาสาว VG มาทดลองหรอก
ไอ้พวกที่มันหวังจะพรากVG มันคิดของมันอยู่แล้ว
องค์กรเขาให้คนมาแจกถุงยาง เขาก็แค่ไม่อยากให้พวกมันทำอะไรสิ้นคิดลงไปก็เท่านั้น

พี่คิดว่า ถ้าเขาแจกถุงยางกันโจ่งครึ่ม แจกเช้ากลางวันเย็น แจกมันทุกหนทุกแห่ง แบบนี้ซิว่า ยั่วยุ
แต่เขาได้ข้อมูลมาว่าวันวาเลนไทน์เด็กสาวเสียตัวกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ครั้นจะไปประกาศว่า อย่ายอมแฟนวันนั้นนะ ใครจะไปฟัง
เด็กวัยรุ่นในซอยบ้านพี่มันบอกว่า เสียตัววันวาเลนไทน์ เสียแล้วประทับใจ แฟนจะได้จำได้ หนะลุง
พี่ฟังแล้วอึ้งไปเลย
อึ้งที่มันเรียกเราว่าลุง แทนที่จะเรียกพี่ 555

Ref: ไฮกุ haiku DarkGreen 006400






โดย: zoomzero วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:40:33 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

afternoon ค่ะ เฮีย
ขอบคุณนะคะ ที่เตือนมินเรื่องเจ็บคอ เจ็บไหล่ อ่ะค่ะ
อยากให้มันเจ็บเหมือนกัน จะได้นอนพักยาว ๆ มั่ง
แต่มันก็อึดจัง เพราะไม่เป็นไรเลยค่ะ แค่ ตกใจเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องต่อจากนั้น มินให้ โอเปอเรชั่น ตามต่อค่ะ ไม่เกี่ยวกับมินแล้ว

เรื่องโทรศัพท์ตอนขับรถอ่ะ มินเคยโดนตำรวจเรียกด้วยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ตอนแรกก็จะออกใบสั่งให้ได้เลย แต่ อ้อนไปอ้อนมา ตื๊อไปตื๊อมา ก็โอเค
เค้าบอก ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะครับ มันเป็นอันตรายครับ
โอเค ๆ ๆ ค่ะ ขอโทษนะคร๊า คราวหลังจะไม่ทำอีกแล้วอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เลยตำรวจไปไม่ถึง 200 เมตร โทรอีกแล้วอ่ะจิ ฮ่า ๆ ๆ ก็ จะให้มินทำไง ช่วงเวลาที่จะโทรคุยได้นาน ๆ คือ ตอนที่อยู่ในรถเนี่ยแหละค่ะ
อยู่บริษัท ฯ ก็รับแต่โทรตลอด ไม่ก็มีเรื่องนั้น เรื่องนี้เยอะจัง
แล้ว ช่วงนี้ ก็ไม่รู้เป็นไร งานประมูล งานเปิดซอง มันเยอะจริง ๆ เลยค่ะ

ส่วนเรื่องหลังเนี่ย สิ่งที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้อ่ะ
โห..ไม่อยากบอกเลยว่า มินผ่านมาเยอะค่ะ
ออกตัวก่อนนะคะ ว่าไม่ได้เป็นผู้ที่พิเศษเหนือคนอื่นอาไรหรอก
แต่มักจะได้กลิ่นแปลก ๆ ประจำ มินจะสัมผัสได้จากกลิ่นค่ะ
เคยเหมือนกัน ที่เจอแบบของเฮียอ่ะ แต่ไม่ใช่เป็นกระป๋องนะ เป็นลูกสาเก โอ๊ย เรื่องเล่าเยอะค่ะ
แต่ มินขำกร๊ากเลยค่ะ กับเรื่องที่เฮียเล่าอ่ะ รู็และเข้าใจว่า
ถ้าเป็นในตอนนั้น มันขำไม่ออกหรอก
มินนะเคยกลัวจนแบบว่า ต้องรอให้มีคนเดินมาก่อน แล้วรีบทำเฉไฉเดินไปกับเขาอ่ะ
ระหว่างเดินก็ลุ้นให้ถึงรถเราก่อน แต่ เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอ่ะ
เดินตามไปได้แป๊ปเดียว เจือกถึงรถเขาก่อนแล้ว จะหันหลังกลับก็ใช่ที่ ต้องหลับหู หลับตา เดินสวดจนไปถึงรถก็เคยมาแล้ว
สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนที่วัดมงกุฏ ฟังสวดเสร็จแล้วก็ยังอยู่คุยกันอีก พวกเพื่อนมันจะไปกินข้าวต้มต่อกัน
แต่ มินหนนี้ ขอตัว เพราะตอนเช้าต้องมียื่นซองที่นึงแต่เช้า เอกสารก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อย
รถก็ดันไปจอดไว้หน้าวัด ริมถนนใหญ่ เพราะตอนมารู้สึกว่าลานจอดมันจะเต็มอ่ะค่ะ
มินเลยแยกกลับมาก่อนคนเดียว ก็อย่างที่เฮียบอกอ่ะนะ พอพระสวดเสร็จเดี๋ยวนี้ทางวัดเขาจะไล่ปิดไฟทันทีเลย
ขนาดจะซ้ายหันไปเข้าห้องน้ำ มองไปมืด ๆ ปิดไฟซะแล้ว มินยังไม่ไปเลยอ่ะ
ๆ เดินมาตามทางก็มี๊ด มืด เวลาที่มันมืด ๆ ใจมันก็คอยแต่จะคิดถึงแต่เรื่องผี ๆ อ่ะ
ทำใจดีสู้เสือ ได้ยินเสียงแกรก ๆ ข้างหลังอยู่เรื่อย มินก็ไม่กล้าหันไปมอง รีบเดินจ้ำพรวด ๆ
ก็ รู้สึกว่าเสียงนั้นตามมาติด ๆ สวดผิด สวดถูกเลยมิน เดินจนเกือบเหมือนวิ่งถึงรถ กำลังไขประตู อีตาลุงยื่นมือมาดึงประตูออกให้
โห..มินร้องวี๊ด ตกใจแทบช๊อคเลย ลุงแกคงเห็นมินตกใจ เลยรีบบอก ไม่ต้องกลัวหรอกหนู ในวัดในวา ที่ี่นี่ไม่เคยมีอาไรหรอกครับ
แหม..ถ้าเป็นรุ่นเดียวกัน สงสัยคงซัดซักเปรี้ยงเข้าให้แล้ว ..มินบอก ลุ๊ง หนูตกใจลุงนะ
ทำไม ลุงย่องมาเงียบ ๆ แบบนี้ แกบอก แกคอยเฝ้ารถที่มาจอดที่วัดอ่ะค่ะ ยิ่งจอดนอกวัดยิ่งต้องคอยดูแล
เมื่อก่อนกระทะล้อหาย ตรารถหาย แกก็เลยมาคอยเฝ้าให้....
ขึ้นทางด่วนมาตั้งพักใหญ่ ๆ มินยังไม่หายใจสั่นเลยเฮีย
เวลาที่กลัวนะ ก็อย่างที่เฮียทำนั่นแหละ มินก็เหมือนกันเลยค่ะ เปิดมันหมด ไฟทุกดวงที่มีอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
แต่่ มินอาจหนักกว่าหน่อยนึง ที่เปิดหน้าต่างคู่หน้ามันอีกด้วยอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
แต่ พอเลยช่วงที่กลัว ๆ ไปแล้วนะคะ ทั้งขำ ทั้งสมเพชตัวเองเลย โห..กลัวอาไรขนาดนี้เนี่ย
แต่ ถ้าใครไม่ได้อยู่ในโหมดอารมณ์นั้นนะ จะไม่มีวันรู้เลยอ่ะเน๊อะ ว่า่ไม๊คะ
เอ๊ย..เฮียจ๋า มินว่าเรายุติคุยเรื่องนี้ดีกว่านะ ยังไง ๆ เฮียก็มีเพื่อนอยู่เต็มบ้าน มินจิ home alone อีกแล้ว ดีไม่ดี เดี๋ยวอาจต้องเปิดไฟทั้งบ้านก็ได้นะคะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. ทานข้าวเย็นยังคะ วันนี้มินซื้อบะหมี่เข้ามา เดี๋ยวจะทานเผื่อนะ ก็เฮียชอบบะหมี่นี่นา อิอิ
ทานเยอะ ๆ นะคะ จะได้นอนหลับสบาย Goodnight จ้า


โดย: มินทิวา วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:37:03 น.  

 
VG กับสุขอนามัย

คนไม่มี VG อย่างเดี้ยนดันทะลึ่งมาเขียนเรื่องแบบนี้ได้ยังไง
เอ้า...ไหนๆ ก็ ไหนๆ

น่าสงสารหญิงไทยในอดีตนะตัวเอง
ก็อะไรเสียอีกหละ ก็เรื่องจุดสงวนหรือของสงวน นี่แหละ
ผู้ใหญ่ไม่เคยสอน แถมยังห้ามถาม ห้ามสนใจเรื่องแบบนี้
พอเป็นสาวก็เลยมีปัญหาบ้าง ไม่มีบ้าง ตามเวรตามกรรม
พวกฐานะดี เป็นอะไรนิดหน่อยก็ไปหาหมอ
ไม่รู้จักอวัยวะตัวเองก็ไม่เป็นไร ให้หมอดูแลให้ รักษาให้

ดีนะที่สมัยนี้มีวิชาสุขศึกษา มีการสอนเรื่องเพศศึกษา
แต่เออ...สมัยผมเรียน มันดันสอนพร้อมกันในห้องเดียวกัน
ก็โรงเรียนเป็นสหศึกษา เลยได้แต่ฟังกันเพลินๆ
ไม่มีใครกล้าถาม ถามมากอาจจะได้ฉายา ไอ้บ้ากาม ไปได้

คำว่า VG จะพ้องกับคำว่า ของสงวน
มันก็เลยต้องสงวนไปหมด
สงวนความคิด
สงวนความรู้ที่จะบอกกล่าวกัน
และที่น่ากังวลก็คือ อาจารย์เถื่อนอายุไม่ทันได้เป็นสาวเท่าไหร่ ที่ไม่รู้อะไรมากนัก
ฟังเขาเล่ามาผิดๆถูกๆ
แต่ดันเอาเรื่องเพี้ยนๆ เรื่องบ้าบออะไรๆ มาสอนเพื่อนพ้องน้องพี่นะซิ

ศัตรูตัวร้ายของ VG ไม่ใช่เจ้าจำปีหรอกของผู้ชายหรอกนะครับ
แต่เป็นเชื้อโรค เชื้อรา ความอับชื่น นี่แหละ มาเป็นตัวแรกๆ
สาวๆหลายคนไม่ทราบวิธีดูแล VG ของตัวเอง (แล้วให้นึกได้เลยว่าเธอก็ไม่มีทางสอนลูกสาวของเธอได้)
ในถ้ำของ VG มีตำนานแปลกๆที่คุณอาจจะไม่ทราบ (เว้นแต่คุณจะเป็นหมอสูติ)
แพทย์ได้ศึกษาแล้วพบว่าในอุโมงค์สงวนนั้น มีแบคทีเรีย ตัวเทพ หรือตัวประเสริฐ เรียกว่า แลคโตบาซิลลัส

Lactobacillus ที่บางท่านอาจจะเคยได้ยินว่า เฮ้ย..อยู่ในนมเปรี้ยวนี่หว่า
คำตอบคือ ใช่แล้ว แบคทีเรียชนิดนี้มีในร่างกายคนเรา 2 แห่ง ที่ทางเดินลำไส้ กับที่ ช่องคลอด
ประโยชน์อย่างหนึ่งทีทำรายได้มากมายก็คือ ใช้ในอุตสาหกรรมการทำนมเปรี้ยว และ โยเกิร์ต
แต่บอกก่อนนะว่ามันเป็นแลคโตฯคนละสายพันธุ์กัน หรือไม่
ต้องไปถามพวกเรียน food science เอาเอง ผมไม่บอกหรอกว่าเขาไปเอามาจากตรงไหน
เออ...แต่งานนี้ จะมีคนเลิกดื่มนมเปรี้ยวไปเลยหรือเปล่า
555 บล็อกห่วยๆแบบนี้ คงไม่มีใครอ่านมากมายหรอกนะ เขาคงไม่เจ้งหรอก 555
ถ้าคุณคิดมาก ผมจะบอกให้อีกก็ได้ว่า แลคโตฯนั้น มันยังอยู่ในพวก เนย, เบียร์, ไวน์, น้ำส้มสายชู, ช๊อกโกแล็ต,
กะหล่ำปลีดองของเยอรมัน ที่เรียกว่า sauerkraut
ใครเป็นแฟนขาหมูเยอรมัน คงเคยได้ลองทานผักดองของยุโรปแบบนี้มาแล้ว
เอาหละ..ก่อนที่จะออกไปทางรายการทำอาหารกัน ขอวกกลับเข้าเรื่องดีกว่า

ก่อนอื่นมาทบทวนข้อมูลกันก่อนว่า
ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าภายในอุโมงค์VG มีเพื่อนชื่อ แบคทีเรียสายพันธุ์แลตโตบาซิลลัส เป็นเหมือนทหารที่จงรักภักดี
ทำหน้าที่ดูแลรักษาถ้ำทองผ่องอำไพเอาไว้ให้สาวๆ
ผมเองไม่สามารถอธิบายได้ละเอียดเหมือนหมอสูตินะเพราะผมเป็นหมอเด็ก (เด็กมหาลัย เอ๊าะๆ หนะ)
เรื่องก็ประมาณว่า เมื่อชีวิตของสาวๆดำเนินไปในแต่ละวัน
ทหารแล็คโตจะเข้าจับกุมและทำการมัดตัวเจ้าเชื้อโรคเชื้อราต่างๆ
ระบบชลประทานในถ้ำก็จะมีช่วงที่มีการขับเมือกที่เรียกว่า ตกขาว ออกมา
ทางชีวเทคนิคของคนเรา มันจะมีกลไกการล้าง การทำความสะอาดของมัน ค่อนข้างสมบูรณ์
สาวๆที่ไม่ทราบอาจจะกังวลว่า เราผิดปกติหรือเปล่า เราไม่สะอาดหรือเปล่า เรื่องนี้คุณต้องไปถามหมอ อย่าเดา

ปัญหาในวันนี้ก็คือ เขามียาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นหรือน้ำยาล้าง VG ขาย
การโฆษณาก็คือการโฆษณา
หลักการง่ายๆ ถ้าไปคลินิกหมอสูติ ทำไมหมอไม่เอาสินค้าพวกนี้มาวางขาย
น่าคิดมั๊ยครับ สาวๆ
ก็เพราะคุณหมอท่านทราบดีว่า ร่างกายของคนเราที่ปกติ(เน้นว่า ที่ปกติ) สามารถคลีน VG ของตัวเองได้ 99.99%
แล้วน้ำยานี่ดีมั๊ย?
คำตอบคือ ดี
แต่...
แต่ว่าต้องใช้ให้เป็น ต้องใช้ให้พอเหมาะ ต้องใช้ชนิดนี้เซลล์ผิวอ่อนตรง VG ของคนๆนั้นจะรับได้
เพราะคนเราแพ้สารเคมีไม่เหมือนกัน สารเคมีของยุโรป อเมริกา บางอย่างก็ไม่เข้ากับผิวผู้หญิงไทย
ผมไม่ได้เป็นผู้หญิง ผมขอโบ้ยให้คุณไปถามผู้หญิงกันเองว่า เครื่องสำอางทางเอเชียกับทางยุโรป พวกคุณพอใจค่ายไหน?

การใช้น้ำยาแรงไป มีความเป็นกรดหรือด่างมากไป
การทำความสะอาดถี่ไป (ซึ่งก็น่าจะรู้นะว่า พวกที่ล้างบ่อยๆ นี่ไปทำกิจกรรมอะไรมามากมายซะเหลือเกินในหนึ่งวัน)
น้ำยาจะไปฆ่าทั้งเชื้อโรคและทหารองครักษ์ของคุณ
เมื่อเจ้าแลคโตฯพากันตายหมดกองทัพ
ภายใน 2-3 ชั่วโมง ข้าศึกตัวจริงจะจู่โจม VG ของคุณ อย่างไม่ปราณี
โรคภัยจะถามหา โดยเฉพาะ มะเร็ง

เรื่องนี้ไม่มีการยืนยันว่าห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาด VG ของคุณ
แต่โดยทฤษฎี แพทย์ไม่แนะนำคนไข้ในรายแข็งแรงปกติ
แพทย์จะแนะนำให้ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด จะเป็นน้ำเย็นอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่นก็ได้
ถ้าวันนั้นไปเล่นกีฬา มีเหงื่อเยอะ ไปลุยน้ำสกปรกมา หรือว่าใส่เสื้อผ้าอับชื้น เช่น ในฤดูฝน หรือไปเดินป่ามา ฯ ว๊อทเอเวอร์...
หรือว่า...สาวๆที่ชอบดม กกน ของตนเองเวลาอาบน้ำ 555
แล้วคิดว่าตัวเองไม่สะอาด ไม่มั่นใจ
แพทย์แนะนำให้ใช้ สบู่เหลว ชนิดอ่อนๆ ไม่ผสมสารเคมี เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล ยาสมุนไพร ...
ถ้าใจผมนะ ให้ใช้สบู่อาบน้ำเด็กแบบเหลว น่าจะโอเค

คราวนี้มาเรื่องค่อนข้างเขียนยาก เพราะเข้าแนวน่าเกลียดนิด ลามกหน่อยๆ
แต่มาถึงขั้นนี้ ไม่เขียนก็ไม่ได้
คือเรื่องนี้ไม่ค่อยเกิดในอดีต ไม่ค่อยเกิดในพื้นที่ชนบท แต่จะเกิดในเมืองที่เจริญ เมืองที่มีน้ำประปา
....เป็นเรื่องการทำความสะอาดVG ด้วยน้ำจากสายยางครับ
เรื่องนี้ดูแล้วน่าขำว่า ใครๆก็รู้ว่าจะทำอย่างไร
แต่เชื่อหรือไม่ว่า ทำกันผิดๆด้วยกันหลายคน
อย่างแรก ห้ามใช้สายชำระที่มีแรงดันสูง(เพราะติดตั้งผ่านเครื่องปั๊มป์น้ำกำลังแรงมากๆ) ฉีดเข้าไปตรงๆนานๆ
สายฝักบัวน่าจะเหมาะ แต่ก็ต้องระวังเรื่องขนาดของฝอยน้ำและแรงดันด้วย
ถ้าจะใช้สายชำระ ก็อาจจะต้องปรับวาล์วที่อยู่ติดกับกำแพงห้องน้ำ
แต่ถ้าบ้านคุณน้ำไหลเหมือนสุนัขฉี่ ก็ไม่ต้องห่วงอะไรเลย คิดว่าอ่านอะไรไปก็เอาไปทิ้งให้หมด

เทคนิคการล้างVG
มีด้วยนะ ซิบอกไห้ หลับตาพิมพ์ก็แล้วกัน
ให้ฉีดจากบนลงล่าง ไม่ใช่ล่างขึ้นบน ไม่ฉีดน้ำสวนแบบล้างกระป๋องหรือขวดน้ำเป็นอันขาด
ถ้าฉีดสวนตรงๆ แล้วน้ำมีแรงดันมาก คุณจะเสีย VG เพราะตัวคุณเอง ทำตัวคุณเอง

อันตรายสุดๆ
ช่วงที่คุณมีประจำเดือน การฉีดน้ำเพื่อทำความสะอาดอย่างไม่รู้เดียงสา
จะทำให้เกิดการไหลย้อนของเลือดเสียเข้าไปด้านในโพรงมดลูก
ทางกายภาพอธิบายว่า ในช่วงมีเมนท์ปากมดลูกจะเปิดมากกว่าปกติ
ธรรมชาติทำแบบนั้นเพื่อเร่งระบายเลือดเสียและส่วนอื่นให้ออกจากร่างกายโดยเร็ว
จึงเป็นระยะที่ติดเชื้อได้ง่าย

เทคนิคการเช็ด
โอ๊ย...เรื่องมากเนอะ ไม่อยากอ่านก็ข้ามๆไปเหอะ ผมก็ขี้เกียจพิมพ์เหมือนกัน
ต้องเช็ดให้เหมือนใบหน้าตัวเอง (ไม่ได้เว่อร์)
ทำให้เบาๆมือ ผิวหนังอาจะเป็นรอย หรือเป็นแผล
ท่านที่ใช้ผ้าเช็ดตัวหนาๆหยาบๆ จะทำให้เกิดรอยช้ำและอาจจะติดเชื้อได้ง่าย
ให้หาผ้าแห้งๆ ผ้าพวกผ้าขนหนูเนื้อดี ผ้าฝ้าย เนื้อนุ่มๆ
ปัญหาอยู่ที่ ผ้าที่ใช้ไม่ควรเป็นผ้าหมักหมม ผ้าอับชื้น
หมักหมมอย่างไร?
ก็พวกที่อยู่หอพัก มักจะตากผ้าในห้องน้ำที่ไม่มีแสงผ่าน
แพทย์แนะนำว่า ผ้าขนหนูที่เอามาเช็ดตรงนั้น ควรจะต้องตากแดด ให้ UV ได้ฆ่าเชื้อโรคบนผ้าเสียบ้าง
เหมือนว่ายุ่งยากนิ
แต่เรื่องอนามัย ถ้าไม่ดูแล พอตอนป่วย ทั้งอาย ทั้งเสียเงิน และอาจถึงตาย

ปัญหาที่ไม่น่าเล่า
อันนี้ก็ไม่อยากบอก แต่ก็ไม่อยากเอาไปทิ้ง
คือ ไม่ควรจะใช้แป้งฝุ่นโรยหรือทาที่ VG เพราะมันจะกลายเป็นก้อนๆ
แล้วอาจจะหลุดเข้าไปในถ้ำทองของคุณเอง (หรือลูกสาว) หมอบอกว่าอาจจะเป็นมะเร็งรังไข่
คุณอาจจะคิดว่าบ้า แต่เรื่องนี้ไม่ได้อธิบายกับสาวVG เพราะ VG จะทำหน้าที่คอยกันของแปลกปลอกได้ระดับหนึ่ง
แต่เป็นเรื่องของคุณผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
เพราะผู้ชายจะส่งสายลับไปที่รังไข่ของสาวๆ
กิจกรรมนั้นแหละที่พาเอาแป้งไปตกอยู่ด้านใน
แล้วเคยอ่านกันบ้างหรือไม่ว่าแป้งฝุ่นนั้นเขาใส่สารอะไรเอาไว้บ้าง

ของแถม...
ถ้าแพ้
ไม่ว่าจะแพ้เป็น กกน, เสื้อผ้าใส่นอน(แนะนำว่าอย่าใส่ กกน นอน), ผ้าอนามัย
ให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
หรือถามเภสัช(ตัวจริงๆ จบปริญญาจริงๆ นะ) เรื่องยาประเภท Triamcinolone 0.1%
อย่าเชื่อเพื่อนให้มากนัก อย่าลองน้ำยาอะไรแปลกๆ

ดีนะวันนี้ไม่เขียนเรื่องวิธีเลือกซื้อผ้าอนามัย 555
ใกล้จะเป็นตุ๊ดไปทุกวันแล้ว


โดย: zoomzero วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:25:01 น.  

 
VG กับ ฝนตก
เรื่องของVGกับฝน ไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องกันได้
แต่คนเรานั้น มีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด
ดั่งคำที่ว่า ฝนตกคนก็แช่ง ฝนแล้งคนก็ด่า
ประเทศทางเอเชียของเรามี 3 ฤดู คือ ร้อน ฝน หนาว
และคุณว่ามั๊ยว่าโลกเรา มันไม่มีอะไรเท่าเทียมกัน 100% หรอก
เพราะบ้านเมืองฝรั่งเขามี 4 ฤดู คือ ผลิ ร้อน ร่วง หนาว
จะเห็นว่าเมืองฝรั่งไม่มีหน้าฝน แต่ใครจะไปคิดว่า เขาไม่มีฝนตก
ม่ายช่ายเน้อ....บ้านเขามีฝนตกแน่นอน แต่ตกได้เกือบทุกฤดู แปลกใช่มั๊ย
ความจริงยังมีแปลกกว่านี่คือ ประเทศที่มีทะเลหรือมหาสมุทรอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของประเทศ
แบบนี้พอลมหนาวมาฝนก็ตก ลมร้อนมาฝนก็ตก เพราะน้ำทะเลมันมากับเมฆได้ทั้งปี อย่าง อินโดนิเซีย สิงคโปร ฯ เป็นต้น
ส่วนพวกเอสกีโม เขามีกี่ฤดูกันหนอ?????

มาเข้าประเด็นว่า ทำไม VG ถึงต้องไปยุ่งกันฝน
เรื่องนี้ก็เพราะมีคนเชื่อว่า สาวVG มีพลังสามารถห้ามฝนไม่ให้ตกได้
งานนี้เหมือนเรื่อง GT200 เพราะเป็นเรื่องเหนือวิทยาศาสตร์ที่จะอธิบายได้
แต่หลายคนบอกว่าได้ผลดีมาก
และอีกหลายคนบอกว่า ก็มันหน้าฝน ฝนมันก็ต้องตก แล้วจะบ้าไปห้ามมันทุกครั้งได้อย่างไร อิ๊โด้เอ้ย...
แต่มันมีเหตุที่เขาไม่อยากให้ฝนตกจริงๆ เพราะงานเขาจะล่ม เงินจะหายหดหมดสิ้นไปเปล่าๆ
โดยเฉพาะงานหลวง งานใหญ่ในอดีต ถ้าฝนตก ความวุ่นวายมันมากมาย เพราะเขาจัดกันกลางแจ้ง
และเขาก็ไม่มีไฟฟ้าเหมือนอย่างในปัจจุบันนี้ ยิ่งงานกลางคืนแล้วฝนตกหนัก
คนที่รับผิดชอบจัดงานนี่แหละ ต้องเดือดร้อน



วิธีการปักตะไคร้
เมื่อมีความจำเป็นที่จะยอมให้ฝนตกไม่ได้ ดังนั้นก็ต้องทำการ ห้ามฝน หรือ แปลงฝน
ผมเอาข้อมูลมาเฉพาะแถวๆประเทศแถวๆเอเชียอาคเนย์เท่านั้น ก็เมืองไทยบ้านเราไงหละ
ใครมีมากกว่านี้ก็ช่วยเอามาเล่าให้ฟังก็ได้
สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจก็คือ ไม่ทราบว่า ใครเป็นคนคิดวิธีนี้ แล้วเขาทำได้สำเร็จกันครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่
หากแต่ว่าเทคนิคนี้ต้องมีองค์ประกอบใหญ่ๆ อยู่ 2 สิ่ง คือ ตะไคร้ และ ผู้หญิง
แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยไปตามท้องถิ่นต่าง หรือตามความเชื่อจากปากคนที่บอกว่ารู้จริง ทำได้จริง
เรื่องตะไคร้ ก็คือตะไคร้ธรรมดา คือตะไคร้ทำกับข้าว หรือใครจะใช้ตะไคร้หอมแบบไล่ยุงก็ได้
ให้นำมา 3 ต้น ทำการล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปขุดหลุมเล็กๆ เอายอดหรือปลายฝังดิน เอาหัวหรือรากชี้ฟ้า
เมื่อเทวดามองมาเห็น ก็จะเข้าใจและระงับเจ้าหน้าที่มิให้ทำฝนบริเวณนั้น
เรื่องห้ามมีการเล่ามีการบอกเอาไว้ แต่หลังจากนั้นถ้าจะถอนแจ้งความหรือทำให้ฝนตกอีกที ไม่มีใครบอกว่าต้องทำอย่างไร
เรื่องที่สองก็คือ ผู้หญิง ซึ่งคุณอาจจะไม่เชื่อผมว่า เขาไม่ได้เน้นที่สาวVG อย่างเดียว เรียกว่างานนี้มีคู่แข่งเยอะ
หรือเรียกว่า มนุษย์นี้หาทางเลี่ยงบาลีได้เก่งเหมือนกัน
คือ ถ้าหาหญิงแบบนั้นไม่ได้ ก็หาอีกแบบ โดยบอกว่ามีอีกตำรา นั่น..พี่ไทย เก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรียนหนังสือในโรงเรียน 555
โดยทั่วไป คิดเหมือนๆกันก็คือ หาสาวVG สาวโสด ไม่ได้แต่งงาน (ซึ่งเจ้าตัวจะบอกว่า หนูยังไม่เคยคะ ทุกคน)
บางท้องถิ่นกำหนดให้ใช้ลูกสาวคนสุดท้องที่ยังไม่ได้แต่งงาน อีสานเรียกว่า สาวหล่า
บางตำราบอกว่า ต้องเป็นแม่หม้าย สามีตาย และยังไม่ได้แต่งงานใหม่
ทีนี้ปักได้กี่คน โดยทั่วไปไม่กำหนด เพราะว่าถ้าคนแรกปักแล้ว ฟ้ายังมืด ก็ต้องหากำลังเสริม
ดังนั้นหลังเวทีคอนเสิร์ทในต่างจังหวัด ท่านอาจจะได้ได้กอตะไคร้ขึ้นเป็นดงเป็นสวน อาจจะมีถึง 20 กอ
โดยเฉพาะงานมหาวิทยาลัยใหญ่ จะมีสาวๆโดนเกณฑ์มาปักเป็นตะไคร้เป็นโหลๆ



ข้อห้าม
ระหว่างงาน ห้ามคนปักตะไคร้อาบน้ำ ล้างหน้า (แต่เข้าห้องน้ำได้นะ)
เพราะถ้ามีคนอาบน้ำปั๊บ พิธีจะเสื่อมทันที
นี่ไง วิธีแก้ หรือถอนแจ้งความ ก็แค่ไปอาบน้ำ ฝนก็ตกต้องตามธรรมชาติได้แล้ว 555

จริงๆแล้ว หลักใหญ่ในสมัยก่อนนั้น
น่าจะเน้นที่ผู้หญิงที่มีความงดงาม มีศีล มีลักษณะสะอาดหมดจด ซึ่งอาจจะเป็นหญิงมีสามีก็ได้
แต่พอมาเล่นเรื่องสาวVG คนก็เลยจดจำแต่ลักษณะการไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก
เรียกว่า ยึดถือวิธีการ มากกว่า หลักการ
ตัวสาวVG อาจจะเป็นคนดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนัน หรือมีจิตใจโหดร้าย เดี่ยวนี้ไม่มีใครคิดแบบนั้นกันแล้ว
ขอแค่บอกว่า VG ก็เอามาปักตะไคร้ได้เลย
(ตำราห้ามฝน ยังมีอีกหลายวิธี ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสาว VG อย่างเดียว นะขอรับ)



VG และ เอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น
ข้อเขียนต่อไปนี้ สงสัยคงโดนตำรวจจับแน่ๆ ข้อหาพาดพิงให้เสียหาย
คุณรู้จักดาราสาวที่ชื่อ เอ๊ะ-อิศริยา หรือเปล่า?
ผลงานล่าสุดของเธอทางทีวี คือ เรื่อง กุหลาบซ้อนหนาม
เธอเป็นดาราสาวการศึกษาดีกรีปริญญาโท ม.ธรรมศาสตร์ เชียวหละ
ภาษาชาวบ้านว่า เกิดในตระกูลดี มีการศึกษา นิสัยเรียบร้อย หน้าตาสวย แบบนี้แหละ "อัญมณี"
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่เธอกำลังถ่ายละครเรื่องสาปภูษา (ละครผีๆสางๆ)
ซึ่งกองถ่ายต้องลุ้นเพราะมีฉาก outdoor เยอะมาก มีฉากย้อนยุค มีตลาดสดกลางแจ้ง บ้านกลางแจ้ง ฯ
ทุกครั้งที่ฝนทำท่าจะตก ปัญหาก็เกิดกับกองถ่ายละคร เรื่องแรกก็คือเรื่องแสงไม่พอ และเรื่องอื่นๆก็ตามมาอีก
พอฝนทำท่าจะเทจริงๆ ตอนนี้อุปกรณ์การถ่ายที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อกันน้ำ หรือถ่ายทำในน้ำ มันจะพัง
ดังนั้นจึงมีการวานบอกให้คุณเอ๊ะไปห้ามฝน
โดยทีมงานได้ให้เธอไปปักตะไคร้กลางแจ้ง
เพราะเธอมีภาพพจน์ว่าเป็นสาวVG ในยุคนี้ตัวจริง
แล้วเธอก็สามารถทำได้
นี่ถ้าปักแล้ว ฝนตกซู่ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำหน้าอย่างไร ใครจะคิดอย่างไร 555



ห้ามฝนยุค 2010
วันนี้...ถ้าจัดงานใหญ่แล้วไม่อยากให้ฝนตก
เดี๋ยวนี้เขาไม่ง้อสาว VG ให้มาปักตะไคร้กลางแจ้งอีกแล้ว
ตัวอย่าง ประเทศที่ประกาศตัวว่าไม่ง้อ(แบบว่าผมเดาเอาเองนะ) ก็คือ ประเทศจีน

ใครจะไปเชื่อว่า จีน ไม่ง้อพิธีทางจิตวิญญาณ
เพราะคนจีนนั้น ขึ้นชื่อเรื่องเชื่อถือโชคลาง ไสยศาสตร์ ดวงดาว ฮวงจุ้ย อำนาจลึกลับ ....
แต่วันนี้กลับเมินหน้าหนีเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
ไม่ใช่ว่าสมัยคอมมิวนิสต์รุ่งเรืองแล้ว พวกเขาสามารถล้างสมองคนรุ่นใหม่ได้ซะที่ไหน
คุณอาจจะได้ยินข่าวว่า พวกคอมมิวนิสต์เขาเคยเผาตำราทางศาสนา (บ้างว่า เผาวัด เผาโบสถ์ กันเลยนะ)
ห้ามคนสวดมนต์ ไหว้พระ เรียกว่า คอมมิวนิสต์ไม่ชอบศาสนา ก็ว่าได้
แต่รากเหง้าความเชื่อในเรื่องราวเป็นพันๆปี ยากที่จะล้างออกไปจากผืนแผ่นดินจีนได้
แล้วผมเอาอะไรที่ไหนมาโม้

นี่ไงหละ...Olympic 2008 หรือ ปักกิ่งเกมส์
ก่อนวันงานประมาณ 2 หรือ 3 วัน จีนได้ยิงจรวดขนาดเล็กซึ่งภายในบรรจุด้วยสารเคมีเช่นเดียวกับ
แนวความคิดขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ของเรา นั่นก็คือ การทำฝนเทียม
แต่ของไทยยังต้องอาศัยการเอาสารเคมีใส่เครื่องบินเล็ก แล้วนำไปโปรยดักหน้าดักหลัง ชั้นบนชั้นล่าง
ทำเทคนิคแซนด์วิช การบีบอัด การกดดัน ฯ จนเมฆยอมคายน้ำฝนออกมา
แต่ประเทศจีนใช้เทคโนโลยี่เต็มอัตราศึก เขาใช้ดาวเทียมทำการติดตามเมฆ ทำการพยากรณ์อากาศ
แล้วให้คอมพิวเตอร์สั่งให้จรวดบินไประเบิดกระจายสารเคมีได้ตามที่ๆเขาต้องการ แบบว่าได้ผล 99.99%
ฝนตก ตกแล้วตกอีก ตกจนพระพิรุณต้องแขวนป้าย "อั้วขอไปพักร้อนที่พัทยาก็ได้"
หากแต่ว่าวิธีนี้ ต้องเสียงบประมาณมากมาย
แต่อย่างว่า งานระดับชาติ งานระดับโลก
ถ้าท่านประธานหู (หู จิน เทา : 胡錦濤) สั่งว่า "ข้าพเจ้าไม่ต้องการให้ฝนตกในวันนั้น"
รัฐบาลจีนเขาทำได้จริงๆ
จะเห็นว่าจีนเปิดงานโอลิมปิค ไม่มีปัญหาเรื่องฟ้าฝน
นี่กระมังที่เป็นเหตุให้สาวจีนเริ่มชักจะไม่สนใจเรื่องการรักษา VG


โดย: zoomzero วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:03:15 น.  

 


หวัดดีค่ะเฮีย
ไม่แน่นา พอจบบล๊อคนี้แล้ว
อาจเผลอเรียกเฮียว่า อาเจ้ ก็ได้นะคะ ฮ่า ๆ ๆ
ก็ ผู้หญิงจริง ๆ ยังไม่รู้ลึก ๆ ขนาดนี้เลยอ่ะค่ะ อิอิ
กรณี คุณเอ๊ะ เนี่ย มิืนว่าเธอช่างกล้า..เหลือเกิน
ถึงจะมั่นอกมั่นใจว่าเป็นสาว vg ก็เหอะ
แต่ จะไปเอาอาไรแน่นอนกับธรรมชาติได้อ่ะ
เกิดปักไปแล้ว ฝนก็ยังตกลงมาอีก แล้วจะยังไงเนี่ย ..จ๊าก..
แต่ ถึงฝนจะตกลงมาโครมใหญ่
ถ้าเป็นมิน มินก็คงจะไม่เคลือบแคลงสงสัยอาไรในตัวเธอ
แต่ จะชื่นชมสปริต ความน่ารัก ความเสียสละของเธอมากกว่าอ่ะค่ะ
ปล. มินไม่ทานโอวัลติน ไมโล หรือพวกตระกูลนมทุกชนิดค่ะ
ทานไม่ได้อ่ะ มันจะเวียน ๆ หัว ๆ ไงไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่อยากจะดื่มมันอยู่เหมือนกัน เพราะรู้ว่่ามันมีประโยชน์อ่ะค่ะ
ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:4:32:49 น.  

 
อย่างนั้น ขอมาคอยที่ office
กับชาอังกฤษร้อนๆ 2 แก้วนะ




โดย: zoomzero วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:31:12 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

เพิ่งตื่นอีกรอบค่ะ อิอิ
เข้าไปนอนเมื่อตอนตีห้าครึ่งอ่ะ
จะทานชาที่บ้านมินดี หรือไปที่ทำงานดีคะ
ไปนู่นดีกว่า มีฟรุตทีหอม ๆ ด้วยค่ะ
good day นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:40:00 น.  

 
VG แท้ VS เทียม
=========


ในโลกใบนี้มีของดีก็ต้องมีของไม่ดี มีของแท้ก็ต้องมีของเทียม
ของเทียมใช่ว่าจะไม่ดี แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้ดีเหมือนของจริง
ของจริงต้องไม่สั่นไม่ไหว ของปลอมมันจะกระเด้งและกระด้าง จับแล้วก็รู้เอง
อย่างสาวประเภทสอง ดูซิๆ ถึงจะทำเทียมเลียนแบบสาวจริง
แต่ขอโทษ...สวยจริง สวยกว่าสาวหลายๆคน
สวยจนเฒ่าหัวงูอย่างกระผมต้องมองตาแป๋วมาแล้วเลยหละ ชิมิ ชิมะล่า?

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่คิดว่า VG เป็นเรื่องไม่สำคัญในสังคมปัจจุบัน
บทความตอนนี้อาจจะให้ข้อมูลอะไรบางอย่างกับคุณ และอาจจะทำให้คุณสับสนว่ายังมีกี่คนที่แคร์เรื่องนี้
ภาพรวมๆของความคิดเรื่องนี้อาจจะสรุปแบบว่า ไม่มีใครเขาบ้า เสาะหาสาวVG กันแล้วในสมัยนี้
แต่ภาพย่อยๆบางส่วน ยังคงมีคนยึดมั่นกับเรื่องนี้และซีเรียสมากเชียวหละท่าน

ตามที่ผมได้เคยเกริ่นเอาไว้ในตอนต้นๆ (ถ้ายังไม่ได้อ่าน ก็ช่วยถอยกลับไปอ่านข้างบนโน้นก็ได้นะ)
ปัจจุบันยังมีบางประเทศที่ยังเอาเรื่องสาวบริสุทธิ์มาคิดเป็นประเด็นใหญ่สำหรับการมีครอบครัวจริงๆนะครับ
เพราะสามีบางเชื้อชาติ เขาอยากได้สินค้า เอ้ย...ภรรยา เกรดเอ ใหม่แกะกล่อง เท่านั้น
บุบหรือชำรุดมา เขาไม่ฟังคำอธิบาย
มันมีเหตุผลของมัน อย่าง ชาติอาหลับ เออ..อาหรับ บางตระกูลเขามีที่มาของวงตระกูลสืบทอดมาเป็นร้อยๆปี
เขามีฐานะ เขามีเงิน(อันนี้แหละเหตุผลใหญ่)
พวกเศรษฐีหรือพวกชนชั้นสูงของเขาจึงยังคงถือจารีตนี้เอาไว้เหนียวแน่น
แปลกเน๊อะ มีเมียมากไม่ผิด มีเมียไม่VG ยอมไม่ได้
และอย่างที่เคยเล่าเอาไว้ว่า ในสมัยก่อน เขาฆ่าผู้หญิงที่ไม่ VG แต่ถูกส่งตัวมาเข้าหอ
ซึ่งผมก็ได้พยายามมองนอกกรอบให้คุณได้เห็นแล้วว่า
ผู้หญิงไม่มีเยื่อVG ไม่ได้แปลว่า เคยเสียตัว เสมอไป
แต่เรากำลังคุยกันในยุค 2010 ซึ่งคงกลับไปรักษาชีวิตคนในปี ค.ศ. 1010 เหล่านั้นไม่ได้
แต่ผมก็วิงวอนว่าต่อจากนี้ไป ขออย่าได้มีใครต้องตายเพราะเรื่องแค่ว่าเคยเสียตัวมาแล้ว
ผมยังคงอยากตำหนิคนบางคนในสมัยก่อนโน้นว่า รู้เรื่องพวกนี้ไม่จริง ไม่ศึกษา แต่ดันฆ่ากันได้จริงๆ

อย่างในประเทศจีน อันนี้แน่นอน!!!
สมัยก่อนพวกขุนนาง เศรษฐี และที่สำคัญที่สุดพระราชา หรือ ท่านอ๋อง-ฮ่องเต้ ทั้งหลาย
ไม่มีวันลดตัวไปเอาของเหลือจากใครมาหลับนอนให้ระคายเคืองช้างน้อยหรอก
แต่ก็ตลกที่ VG ของนางสนมและมเหสีในสมัยรัชกาลก่อนของตน ที่ยังมีเสน่ห์ยั่วยวนใจ เพราะคัดมาอย่างดี
ตนยังไปเอามาขึ้นเตียงได้ ขันทีในวังก็นินทากันไป แต่ถ้าพูดออกมา หัวก็ขาดกระเด็น หุหุ....
(เรื่องนี้ถ้าศึกษาดีๆ อาจจะพบว่า ท่านอ๋องน้อยได้ดอดมาจู๋จี๋กับสนมของพ่อตั้งแต่ตอนที่พ่อยังไม่ตายก็ได้นะ)

ในปัจจุบันเมืองจีนมีปัญหาด้านประชากร เพราะมีเป็นร้อยล้านคน
เรื่องประชากรเยอะเกินไปนั้น จริงๆเขาว่าไม่ใช่เรื่องวิกฤติเพราะเขาควบคุมได้ จีนทำได้ จีนเขาเก่ง
ท่านคงเคยได้ยินนโยบายลูกโทน หรือ One Child Policy ของประเทศจีนกันมาบ้าง
ตอนนี้ท่านผู้อ่านคนไหนคิดว่าผู้หญิงไม่ต่างกับผู้ชาย ผู้หญิงเท่าเทียมผู้ชาย ผมว่าคุณเจอข้อแย้งแล้วนะ
เพราะถ้าสามีภรรยาในเมืองจีนไปหาหมอแล้วทราบว่าทารกในครรภ์เป็นเพศหญิง พวกเขาจะ “ไม่เอามันไว้”
การไม่เอา ก็คือไม่ให้เธอเกิดมา แปลว่าต้องทำอย่างไร คุณก็เอามือกุมศีรษะแล้วคิดเอาเอง
ไม่บาปกระมัง แค่เอากระดาษไปเผาไหว้เจ้า 2-3 ห่อ ก็หมดบาปแล้ว (ลัทธิบ้าอะไร ศาสนาอะไร)

ความเชื่อว่า ลูกชาย คือสมบัติอันล้ำค่า คือมังกรทอง คือพญาเสือ ก็ว่ากันไป
ด้วยเหตุผลข้อแรกซึ่งเป็นข้ออ้างห่วยๆว่า เอาไว้สืบตระกูลหรือแซ่
เพราะอะไร ผมถึงว่าห่วย ก็เพราะว่า แซ่ของคนจีนมีไม่กี่ร้อย (ถึงร้อยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ) แต่คนจีนมีอยู่ทั่วโลก
แซ่ตั้ง แซ่เบ้ ...ฯลฯ ไม่มีวันหายไปจากโลกนี้ได้ง่ายๆ ลูกหลานมังกรไม่มีวันสาบสูญ
ประเด็นจริงๆก็คือว่า อยากให้ลูกชายเลี้ยงดูพวกตนตอนแก่เฒ่ามากกว่า
ทีนี้หนุ่มชาวจีนยุค 2010 จำต้องแบกภาระเลี้ยงตัวเอง
และเลี้ยงพ่อแม่
แล้วจะทำอย่างไร ถ้าคิดจะมี "ภรรยา"

เดี๋ยวนะ...อย่ารีบคิดว่า เขาต้องคิดมาก คิดนาน นั่งวางแผน และมองหาผู้หญิงที่ดีที่สุด จนเป็นไมเกรน
เพราะเปล่าเลย หนุ่มจีนมีปริมาณน้อยกว่าสาวจีน ผมว่าน่าจะถึง 1 ต่อ 4 ด้วยซ้ำ
ดังนั้นถ้ามองแบบโฉดๆ (แบบผมคนเดียวนะ)
ผมก็จะฟันสาวๆ 3 คนเล่นๆ แล้วค่อยไปหาสาวคนที่ 4 เพื่อแต่งงาน OK มั๊ย คิดแบบนี้ 555

ตอนนี้ประเทศจีนเดินหน้าเข้าสู้ประตูสากลมากขึ้น ไม่ว่าเรื่องการค้า การศึกษา และสิ่งบันเทิง
หนุ่มจีนที่มีการศึกษาดี หัดใช้สินค้ามียี่ห้อจากต่างประเทศ ทานอาหารต่างประเทศ
ดูหนัง ฟังเพลงฝรั่ง และติดนิสัยฟรีเซ็กส์มาด้วย (สงสัยดูทีวีผ่านดาวเทียมมากไปหน่อย)
ในขณะที่สาวจีนไม่อยากเป็นโสด ไม่อยากอยู่หมู่บ้านคานทองนิเวศน์
พวกเธอจึงต้องเปลี่ยนธรรมชาติของเธอ จากนิ่มๆติ๋มๆ เน้นเรื่องงานบ้านและทำอาหารอร่อยๆ
เธอต้องกลายมาเป็นนักล่าแทนพวกผู้ชาย งานนี้ไม่ใช่เรื่องล่าหาอาหาร แต่เป็นการล่าคู่ครอง ล่าสามี ล่าผู้ชาย ....
และเพราะว่าความกดดันต่างๆเหล่านี้ พวกเธอก็มันจะยอมยก VG ให้แฟนหนุ่ม ซึ่งเธอคิดว่าเป็นวิธีมัดใจเขาได้
ไปๆมาๆเรื่องไม่ลงตัว เพราะฝ่ายชายมีทางเลือกเยอะ
พลั้งเผลอไปได้ แฟนเป็นคนจีนตระกูลเดียวกันผม ก็คือพวก "หวัง ฟัน เจ้า" คือเจาะไข่ แล้วไม่รับผิดชอบ
สาวจีนที่บริสุทธิ์จริงๆมีน้อยคนอยู่แล้ว เลยมีน้อยลงไปอีก เพราะค่านิยมใหม่อันนี้
แต่ถ้าคุณไปพูดหรือเขียนว่า ในเมืองจีนหาคน VG แทบไม่ได้ คุณจะโดนเหล่าอาหมวยประชาทัณฑ์ทันที
เรื่องนี้ได้แต่เป็นความคิดที่ชักจะดังขึ้นเรื่อยไปทั่วประเทศ
ก็ขนาดหมีแพนด้ายังโดนบังคับให้เสียสาวตั้งแต่อายุน้อยๆเลย โธ่...โลกหนอโลก
สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆในจีน ผมว่าเขาก็คงจะระวังที่จะเอาเรื่องนี้มาวิจารณ์
เดี๋ยวพลเมืองหญิงของประเทศจะดูไม่ดีไม่งามไป
แต่เรื่องนี้ยังดำเนินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คุณปิดมันไม่ได้หรอก
แล้วมันมีอะไรที่เป็นเหตุการณ์ที่แสดงว่ามันชักจะวิกฤติ เดี๋ยวจะบอกให้ทราบ



ซ่อม VG
ซ่อมที่ว่านี้ไม่ใช่ ช้อนส้อมนะ ผมพิมพ์ไม่ผิดหรอก
ในทางการแพทย์เขามีศัพท์ของเขา แต่เราไม่ได้เป็นหมอ ผมเลยเขียนไม่เป็นหลักวิชาการเท่าไหร่
ใครอ่านอะไรตรงนี้ โปรดใช้วิจารณญาณมากๆนะครับ

สาวๆหรือผู้หญิงๆ มักจะเคยได้ยินคำว่า ผ่าตัดทำสาว หรือ รีแพร์ หรืออะไรที่หมายถึง ทำตรงนั้นให้ดีกว่าเก่า
แล้วก็จะมีอีกคำหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูด แต่มันสำคัญสำหรับสตรีบางคน ผมเรียกว่า ศัลยกรรมพรหมจรรย์
ซึ่งภาษาหมอเขาว่าอะไรผมไม่ชัวร์ เดี๋ยวเด็กๆมาอ่านแล้วเอาไปคิดว่าเป็นบทความสาระทางการแพทย์ไปจริงๆ
ผมของให้รหัส การทำสาวว่า RPVG
และการทำศัลยกรรมVG ว่า VG2T ก็แล้วกัน

ประเด็นเหตุผลปกติๆที่มีคนต้องพึงมีดหมอในเรื่อง ซ่อมVG หรือทำ RPVG ก็คือ
- การมีบุตรหลายคนและเป็นการคลอดแบบธรรมชาติ ทำให้กล้ามเนื้อแถวVG หย่อนตัว
- สตรีวัยยังสาว แต่ VG ผ่านศึกมาหนักหรือใช้งานแบบไม่ทะนุถนอม (เรื่องส่วนตัวของเขาหนะคุณ)
- เกิดการเปลี่ยนสภาพของมดลูก แล้วมีปัญหาการทำการบ้านกับสามี คือสามีบอกว่านี่ ของเธอมัน "ไม่โอเค" แล้วนะ
สามหลักใหญ่แบบนี้ ผู้หญิงเขาจะไปหาหมอ เพื่อปรึกษา และหมอมักจะแนะนำให้ทำ RPVG
และก็ไม่ทราบ ว่าเพราะคำพูดฮาๆของหมอ ว่า เหมือนของใหม่
หรือคำเล่าลือของเพื่อนๆ ว่าหมอคนนี้เก่งมาก เลยทำให้คนไข้หรือลูกค้าหลายคนที่ทำ RPVG
คิดว่าพอออกจากโรงพยาบาลมาได้ 6 สัปดาห์ สภาพเธอจะเหมือนได้ VG อันแรกอันเดิม กลับคืนมา

ถ้าผมบอกว่าไม่ใช่ พวกหมอคงจ้างชายชุดดำมายำผมแน่ๆ คุณที่ไปทำมาคงเริ่มไม่พอใจ
ผมเลยขอบอกว่าของใหม่ก็แค่ใกล้เคียงของจริงครับ
สาวVG ไม่มีวันทำใหม่ได้หรอก
เพราะคุณต้องได้หมอเก่งมากๆ อุปกรณ์ทันสมัย และสภาพVGของคุณต้องอยู่ในสภาพแบบที่มันน่าจะเป็นอีกด้วย
ซึ่งปัจจัยมันโดนจำกัดที่ เงิน ด้วยนะครับ
แต่ถ้าคุณเป็นสาวไฮโซที่มีช่วงล่างว่องไวตั้งแต่วัยสาว คุณก็คงจะบอกว่าก็ยังดีกว่าปล่อยให้เป็นแบบทุกวันนี้

ในหนังสือวาระสารวงการแพทย์บอกแค่ว่า การทำ RPVG ช่วยทำให้เพิ่มความมั่นใจ
และแก้ไขกล้ามเนื้อ ช่วยให้ช่องทางกระชับขึ้น ซึ่งน่าจะได้ผลในระดับที่น่าพอใจกันทุกฝ่าย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ด้วยนะ
งบประมาณอยู่ที่ 1 - 2 หมื่น ไม่รวมค่าห้องค่าเตียงค่ายา ไม่แน่ใจว่าต้องนอนกี่คืน อาจจะแค่ 2 วันก็ได้ (เดาเอานะ)
แต่จะเห็นว่าไม่ได้กล่าวถึง VG ว่าจะเป็นอย่างไรเลย ดังนั้นต้องอ่านต่อ

การทำ VG2T เป็น extra case ที่คุณต้องบอกหมอ และหมออาจจะปฏิเสธ
แต่ถ้าหมอบอก OK ก็ทำได้เลย
คุณก็ควรจะทราบว่ามันเป็นการผ่าตัดที่ทำไม่ได้เหมือนสาวอายุ 14 - 15 ปีหรอก (แต่มันต้องคุ้มซินะ)
แถมรอยเย็บนั้นมันยังเปราะบางมาก กรณีที่คุณไปเล่นกีฬาหรือทำท่าเกิน 180 องศา มันก็จะฉีกขาดได้ง่ายๆ
ผมขอแนะนำว่า เมื่อผ่าตัดเสร็จ รออีก 2 เดือนก็แต่งงานเลย แบบนี้พอจะคุ้มกับค่าผ่าตัด 2-3 หมื่นนะ
เรื่องผ่าตัด VG2T อาจจะนานเป็นชั่วโมงหรือไม่ถึง 10 นาที แล้วแต่ว่าสภาพVGของคุณ
ผมไม่แน่ใจว่า ผ่าเสร็จ นอนอ๊อฟเซิร์ฟอีก 2 ชม. แล้วเขาอาจจะปล่อยกลับบ้านเลยก็ได้นะ 555
ในบางรายร่างกายมันซ่อมแซมตัวเองเก่ง มันก็เลยส่งพังผืดพิเศษมาช่วยบริเวณVG
งานนี้เลยไม่มีเลือดตอนเข้าหอ เจ้าสาวต้องหายาแดง หรือเบตาดีนมาหยดบนผ้าปูที่นอนเอาเองก็แล้วกัน (แนะให้แล้วนะ)
Case ที่จะเกิดขึ้นนี้ ก็คือ ไม่สามารถให้คู่สมรสรู้ว่าเคยมีอะไรกับใครมาแล้ว นี่แหละ เป็นประเด็นที่ต้องมาหาหมอ

แถมหน่อย...ประเด็นที่ทำไมผมถึงว่าหมอไม่ยอมผ่าตัดทำ RPVG หรือ VG2T
เพราะถ้าหมอรู้จักคนไข้มากๆ (รู้เรื่องส่วนตัวเยอะๆ)
รู้ว่าจะผ่าตัด RPVG เพื่อไปทำอะไร ซึ่งมองแล้วน่าจะเป็นการปกปิดความจริง
หมอเขากลัวครับ
ไม่ได้กลัวไม่ได้เงิน แต่กลัวโดนฟ้องร่วม ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงครับ
เรื่องแบบนี้ในเมืองนอกมีการฟ้องร้องมาแล้ว
หมอโดนเล่นงานเรื่องไม่มีจรรยา โดนถอนใบอนุญาต สื่อเอามาเขียนด่า ซวยไปเลย
งานนี้ก็คงเพราะคนไข้ของหมอ ไม่ใช่สาวใหม่ถอดด้าม แต่ไปหลอกผู้ชายว่าเป็นของใหม่
และก็ยังมีเรื่องไม่ดีๆตามมาอีก เพราะอาจจะเป็นสนับสนุนการปกปิดเรื่องการพรากผู้เยาว์
เพราะคนไข้อาจจะเป็นแค่เด็กสาวๆที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ได้เงิน แต่ต้องเข้าคุก หมอเขาไม่อยากติดร่างแหคดีฉาวๆไปด้วยหรอก
ถึงบางคดีหมอไม่โดนฟ้องอะไร แต่พอข่าวแพร่ไปหมอก็เสียหาย
แต่ผมว่าถ้าเป็นเมืองไทย หมอคนนี้มีข่าวแบบนี้อาจจะดังก็ได้
ถึงจะผ่าแล้วโดนเจ้าบ่าวจับได้ แต่ก็อาจจะมีสาวแก่แม่หม้ายอยากใช้บริการกันบ้างก็ได้ 555

สรุปประเด็นที่เขียนหัวข้อนี้อีกที เพราะเขียนเล่นมากไปหน่อย
การทำรีแพร์กับการทำผ่าตัดVG คล้ายกันแต่ต่างวัตถุประสงค์และวิธีการ
แพทย์ได้รับการอบรมและมีจรรยาว่า การผ่าตัดเรื่องนี้ไม่สามารถใช้กับกรณีอันจะทำให้เกิดการหลอกลวง
หรือการส่งเสริมอาชีพขายบริการทางเพศ หรือการปกปิดคดีละเมิดทางเพศ
แพทย์จะพิจารณาในเรื่องการรักษาคนไข้ ในเรื่อง อาการซึมเศร้า กังวล หดหู่
ขาดความมั่นใจ มีปัญหาเรื่องการครองเรือน ไม่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างเป็นปกติ
ในบางรายคนไข้ไม่สามารถมีอะไรกับสามีได้เลย เพราะเกิดการปวดท้องน้อยมากในขณะทำเรื่องนั้น
ซึ่งปัญหามาจากกล้ามเนื้อผิดปกติ ปากมดลูกมีรูปร่างผิดปกติ แล้วพอมีการกดทับ ก็เจ็บมากๆ
ถ้าเป็นภรรยาพวกคนไม่มีเงินทอง คงต้องยอมทน หรือไม่ก็ต้องขอเลิกกับสามี
ดูแล้วเหมือนกับว่าหมอมองว่าการผ่าตัดถ้าทำให้คนไข้มีสภาพร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้น
ก็จะแนะนำและทำให้ แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องดูว่าคุณเดินเข้าไปโรงพยาบาลแบบไหน
แบบว่าสถานรับจ้างผ่าให้สวยตลอดตัว หมอแบบนั้นก็ค่อนข้างไม่ค่อยห้ามอะไรคุณหรอก
อยากทำอะไร เขาก็ทำให้ได้เลย



โมดิฟาย VG โดยไม่พึ่งหมอ
ผมมีทางเลือกให้ครับ ง่ายๆด้วย
คุณคงเคยได้ยินเรื่องครีมหน้าเด้ง ครีมยกใบหน้า หางตา อะไรทำนองนี้มาบ้างแล้ว
555 ผมมีครีมที่เรียกทางการค้าว่า Vergin Cream โอ้ย...จะแปลว่า ครีมVG เด้งได้หรือเปล่า (ยิ่งเขียนเรื่องนี้ยิ่งใกล้บ้า)
มีครีมแบบนี้ขายในเน็ท และร้านชื่อดังๆใน กทม. ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้า ซึ่งต้องอ่านฉลากกันดีๆ
สรรพคุณหรือครับ ใช้กับจุดซ้อนเร้นแค่ทาด้านนอกด้านในวันละ 1 ครั้งก่อนนอน
นอนหลับ นอนปกติ นอนคนเดียวเฉยๆนะ อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่หลับนอนแบบนั้น
ราคาหลอดละ 900 - 1,300 บาท
จุดขายเขาอยู่ที่ว่า
- ช่วยกระชับVG
- ระงับตกขาว
- ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์
ผมไม่เคยใช้เลยไม่ทราบว่าดีหรือไม่ 555
กิ๊กของผมก็ไม่เคยใช้ 555
จุดขายของเขาจริงๆ เขาได้ลูกค้าประเภทขี้กังวลเรื่องกลิ่น
แล้วพวกเธอก็เชื่อว่ามันใช้ได้ผลเรื่องอื่นๆที่ดูดีไปหมดอีกด้วย ราคาก็น่าลองเมื่อเทียบกับผ่าตัดด้วยเงินหมื่น
แต่ถ้าให้ผมคิดเรื่องนี้ ผมก็ว่ามันก็เหมือนกับเรื่องน้ำยาทำความสะอาดVG
คุณต้องระวังว่าจะไม่แพ้ และมันจะไม่ไปทำลายทหารองครักษ์ในVG ของคุณ
ส่วนเรื่อง ฟิตแอนด์เฟิร์ม คุณต้องถามแฟนคุณเอาเองนะฮ้า เดี้ยนไม่เกี่ยว อ้า ยะ



VG จีน
เขาว่าไม่ว่าอะไรในโลกนี้ คนจีนสามารถสร้างเลียนแบบได้
แต่จะใช้ได้ดีเหมือนกันหรือไม่ หรือเป็นอันตรายหรือเปล่า เรื่องนี้คนละส่วนกันเลย
อย่าง ไข่ปลอม คนจีนทำข้างนอกได้เหมือนมาก และยังเอาไปต้มหรือทอดก็ได้แต่มันไม่ใช่ไข่ กินไม่ได้
สาหร่ายปลอม จีนก็ทำได้ ทำขายเป็นอุตสาหกรรม มีคนกินแล้วติดคอ อาหารไม่ย่อยไม่รู้กี่พันกี่หมื่นคน
ไม่นานมานี้ จีนก็ทำนมปลอม ไม่ใช่นมสองเต้านะ แต่เป็นนมผงเด็ก ใส่เมลามีน กินเข้าไปเป็นมะเร็งไม่รู้ตัว
มาวันนี้ จีนก็ทำได้อีกแล้ว
จีนทำ VGเทียม ขายทั้งในและต่างประเทศ
ขายดีในประเทศไม่พอ ยังขายดีต่างประเทศอีกด้วย
สาวจีนหลายรายลองใช้แล้วบอกว่า แฟนจับไม่ได้ว่าเธอเคยเสียสาวมาแล้ว
เรื่องนี้ก็ต้องฟังหูไว้หู แต่ของเขาขายดี
การใช้งานก็แค่ ฉีกซอง ลอกกาว แล้วสอดใส่ลงไป ไม่ต้องมีเครื่องมือ
แต่ขอโทษนะ มีอนามัยหรือเปล่า?
เยื่อปลอมนั้นทำจากสารเคมี ยางสังเคราะห์ หรืออะไร
ถ้าหลุดเข้าไปข้างใน มันจะออกมาหรือเปล่า เสียวนะ เสียวไส้ อะดิ

ในกลุ่มประเทศ อย่างที่ผมเคยเกริ่นเอาไว้ เขายังซีเรียสเรื่องสาวVG
ท่าน ชีค ซาเยด อัสการ์ ผู้นำฝ่ายค้านในอียิปต์ ได้ออกมาประกาศห้ามสินค้าตัวนี้อย่างเด็ดขาด
เพราะทางประเทศอาหรับยอมรับให้มีเรื่องแบบนี้ไม่ได้
นี่ก็คงจะเป็นอีกโซนหนึ่งในโลกที่เราพอจะทราบว่า ยังมีคนเคร่งเรื่องนี้อยู่
และคงบอกให้รู้ว่าสินค้าจากเมืองจีนตัวนี้ท่าทางจะใช้ได้เหมือนของจริงซะแล้ว


ที่นี่ ดินแดนอาหรับ นี่แหละ คือ ต้นแหล่งแห่งคำว่า Honor Killing
(ซึ่งคำนี้มีที่มาทีไป รายละเอียดเป็นร้อยๆหน้า ผมเล่าไม่ยาวหรอก 555 เอาแค่น้ำจิ้มก็พอ)
มีผู้คนเอาคำนี้ไปใช้เป็นอำนาจเหนืออำนาจ โดยคนใช้เป็นครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าว หรือฝ่ายชาย
ในกรณีการแต่งงานที่มีการพบว่าเจ้าสาวมีรอยด่างพร้อย
พวกเขามีสิทธิ์สังหารหรือบังคับให้เจ้าสาวที่มีความไม่บริสุทธิ์ต้องปลิดชีพตนเอง

ผมขออธิบายเพิ่มตรงนี้ว่า เหตุการณ์แบบนี้ ต้องเรียกว่า Honor Suicides เพราะผู้หญิงจะต้องทำด้วยตัวเอง
ตามตำนานว่ามีมาตั้งแต่สมัยพวก Kurdish ในตุรกี ยุคดั้งเดิมโน้น
เจ้าสาว หรือสาวๆเหล่านี้เคร่งครัดมาก ปิดหน้า ปิดตา ไม่พบกับชายนอกตระกูล
ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีไม่งาม เธอจะต้องรับกรรมที่เธอได้ก่อ (หรือว่าไม่ได้ก่อก็ได้นะ)
และธรรมเนียมความคิดแบบนี้ก็เผยแพร่ต่อๆมาเรื่อยๆ
ประเด็นก็คือพวกเขาไม่อยากฆ่าคน เพราะจะเป็นบาปติดตัวพวกเขาไป
เลยให้คนบาปฆ่าตัวตายเอาเอง
แต่ทำไมพวกเขากลับไม่เลือกหนทางที่ว่า "พระเจ้าให้อภัย" ไว้ชีวิตคนด้วยกันอีก 1 ชีวิต

ไหนๆก็ไหนๆ แล้วขอออกนอกทางไปแล้ว ขออีกนิด
เนื่องจากการทำฮอร์เนอร์ซูอิดไซด์ ของคนที่นับถือศาสนาหนึ่ง(ขอไม่เอ่ยนามชื่อศาสนาดีกว่า)
เมื่อใครก็ตามไปร้องเรียนต่อผู้นำศาสนา หรือกลุ่มผู้ใหญ่ในตระกูล ว่าหญิงสาวผู้นี้มีมลทิน
คำสั่งให้ตายนี้มีความเป็นอาญาสิทธิ์ ใครขวางหรือห้ามก็ไม่ได้
มีผู้หญิงไม่ทราบว่าเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ต้องทำ Hornor Suicides ภายในกฎของ Hornor Killing
จนมาถึงประมาณปี 2009 มีข่าวการเรื่องสารภาพของผู้หญิงคนหนึ่งวัย 52 ปี
เธอชื่อ Samira Jassam เธอเคยเป็น the mother of the believers ในเมือง Diyala
เธอเป็นเหมือนผู้นำทางศาสนาที่เป็นหญิง ใครต่อใครในเมืองก็นับถือเธอ
ป้าคนนี้แหละที่เป็นคนส่งผู้หญิงที่มีระเบิดติดตัวแล้วเดินเข้าไปกดรีโมททำลายชีวิตคนและสถานที่ต่างๆ
คุณอาจจะคิดว่า ก็แค่สอนศาสนาแบบผิดมากๆ ล้างสมอง เพิ่มความเจ็บแค้นใส่เข้าไปในใจของเหล่าลูกศิษย์
แค่นี้ก็ทำได้ คุณว่าถ้าง่ายๆแบบนั้น แล้วผมเอามาเล่าทำไม ....คิดตามซิจ๊ะ

หลักการคิดของเธอง่ายๆ คือ ไปหาสาวบริสุทธิ์ชาวอีรักมา 80 คน นำมาเป็นลูกศิษย์ สอนเรื่องศาสนาให้
มอบความรัก ความเมตตาให้ ทำตัวเป็นเหมือนแม่พระมาโปรด
เหมือนสวรรค์ส่งเธอมาในยามสงครามระหว่างนิกายรุนแรง
แต่แม่พระคนนี้กลับวางแผนให้ผู้ชายเข้ามาข่มขื่นพวกลูกศิษย์
“ข่มขืน” จริงๆ ไม่ใช้ให้มาเป็นแฟนแล้วหลอกเจาะไข่แดง
แล้วแม่พระอย่างซามารา ก็ทำทีเป็นว่าจับได้ โกรธ และต้องการให้พวกเธอทำงานเพื่อล้างมลทิน
คุณป้ามหาภัยให้ลูกศิษย์ที่เป็นเหยื่อการข่มขืนไปทำงานให้เธอ
โดยการฆ่าตัวตายด้วยระเบิดพลีชีพ และไปทำในสถานที่เธอกำหนด ซึ่งคือชุมชนของคนอีกนิกาย
คุณป้าซามาราได้เปรียบตรงจุดที่ว่าเธอเป็นเหมือรแม่พระของพวกสาวๆ
คุณป้าบอกให้พวกสาวๆต้องทำ honor suicides ไปตายเพื่อพระเจ้า เพื่อจะได้ไปเกิดใหม่แล้วไม่มีมลทิน
ซามาราตัวจริงๆไม่ใช้คุณป้าที่สอนศาสนาด้วยความเมตตา
แต่เธอเป็นคนในกลุ่มผู้ก่อการร้ายฝ่ายที่นับถือนิกาย Sunni
จริงๆเรื่องนี้ ตอนแรกว่าจะเอามาตั้งว่า VG กับสงครามศาสนา
แต่กลัวว่าเขียนไม่ดี จะกลายเป็นเขียนทำลายศาสนาดีๆของเขาไป
เลยเอามาแปะไว้ตรงเรื่อง VG จีน นี่แหละ

ต้องขอบอกอีกทีว่า บทความนี้ไม่มีคุณค่าทางวิชาการแพทย์หรือเกี่ยวข้องการดูหมิ่นศาสนาใดๆ



โดย: zoomzero วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:45:34 น.  

 
Fake VG
=========

อันนี้เป็นวิชาการหน่อยนะ

เยื่อพรหมจรรย์เทียม หรือ Artificial Virginal Hymens เป็นสินค้าใหม่ที่ค่อนข้างกำลังขายดีในประเทศจีน
และเนื่องจากสินค้ามีหลายเกรด ผลลัพธ์ในด้านร้ายจึงมากกว่าผลของความต้องการของผู้ซื้อ
ผมเอาบทความจากหลายๆแหล่งมาเย็บเล่มรวมกันไว้ตรงนี้
ส่วนใหญ่จากเว็บ EastSouthWestNorth ในอินเตอร์เน็ทของประเทศจีน
ขอเชิญท่านได้ลองพิจารณาอ่านกันดู
เพราะว่าอีกไม่นานสินค้าตัวนี้คงจะเข้ามาในประเทศไทย เพราะข่าวเรื่องนี้ได้แพร่ไปทั่วโลกแล้ว
และก็ไม่ค่อยมีเสียงตอบรับออกมาจากรัฐบาลประเทศไหนว่าจะช่วยกันห้ามนำเข้าสินค้าตัวนี้
ยกเว้นก็จะมีกลุ่มประเทศอาหรับ และมุสลิม ที่ประกาศห้ามนำเข้าไปแล้ว

ก่อนหน้านี้ ประมาณ ค.ศ. 1990 ได้มีกระแสการทำศัลยกรรม
ซึ่งเรียกว่าทางการแพทย์ด้านนี้เขาเรียกว่า HRS ย่อมาจาก Hymen Repair Surgery
ในโลกนี้มีการให้บริการทางการแพทย์แบบนี้มานานและมีอยู่หลายประเทศ แต่ไม่ค่อยได้เป็นข่าวอะไร
เหตุผลคงเพราะความรู้และเทคโนโลยี่ด้านนี้ค่อนข้างปลอดภัยในประเทศที่เจริญแล้ว

ผมขอนำเรื่องน่าสนใจจากเมืองจีนมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน

ในประเทศจีน ประมาณปี 1997 ได้มีตัวเลขผู้เขาทำการ HRS ถึง 1,000 คน ต่อปี
ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวอายุไม่เกิน 30 ปีและ อายุน้อยที่สุดที่จดข้อมูลมาก็คือ 16 ปี
แรกเริ่มนั้นมีโรงพยาบาลดังๆให้บริการแบบนี้แค่ที่ ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เท่านั้น
ปัจจุบันมีการขยายธุรกิจด้านนี้เพิ่มขึ้น
พร้อมๆไปกับการเพิ่มของสถานบันเทิง และการเพิ่มยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล ....
แต่วันนี้ที่กวางเจ้าแห่งเดียวก็มีคนมาทำถึง 300 คนต่อปี
ที่หางโจ้วมีรายงานว่า สาวขายบริการบางคนมาทำการ HRS มากกว่า 8 ครั้งติดต่อกัน จนหมอบอกปฏิเสธการทำให้อีก
ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,000 - 3,000 หยวน
เอา 5 คูณ ได้เป็นเงินไทยไม่มาก
แต่อย่าลืมว่า ค่าครองชีพในจีนถูกมาก ค่าแรงวันหนึ่งไม่ถึง 150 บาท
เงินนี้จึงเป็นเงินมากเหมือนกันสำหรับคนจีน

การทำ HRS ยังมีแบบลักลอบกระทำโดยหมอเถื่อน หรือหมออันเดอร์กราวด์ อีกด้วย
หากว่ามีคนสามารถเอาตัวเลขในประเทศจีนมาโชว์ได้
ก็คงจะมีเจ้าบ่าวหลายหมื่นรายที่ต้องห่วงว่าเจ้าสาวของตนนั้น จะเป็นสาวแบบไหน
เรื่องนี้ถ้าคิดว่าVG ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อะไรๆมันก็ไม่เป็นแบบนี้




และในปี 2009 ก็มีคนประดิษฐ์ VGเทียมออกมาได้สำเร็จ
ซึ่งไม่ใช่ประเทศจีนหรอก
แต่เป็นญี่ปุ่น และเป็นสินค้าขายดีมาก แต่ราคายังแพงอยู่
ในญี่ปุ่นก็น่าจะเรื่องราวของสินค้าพวกนี้
แต่ประเทศนี้ด้านอุสาหกรรมท่องเที่ยวและบันเทิงของเขา มีของพวกนี้ขายมากมายหลายอย่าง
เลยกลายเป็นเรื่องไม่น่าเอามาคุยกันกระมัง

ต่อมาไม่นานนัก ก็มีนักก๊อปปี้ชาวจีนสามารถทำสินค้าเลียนแบบของญี่ปุ่นได้
คราวนี้เขาขายในราคาเพียง 260 หยวน
มีชื่อเรียกต่างๆกันหลายชื่อ เช่น Virtuous Girl Red (圣女红),
Night Red (夜红),
Artificial Hymen,
Artificial Vriginity, ....
สินค้าตัวนี้ใช้เวลาใส่ประมาณไม่เกิน 5 นาที
รับประกันความเหมือนและความปลอดภัย ทั้งยังประหยัดเงินได้มากกว่าผ่าตัดอีกด้วย
ภายในมีสารสีแดงสดบรรจุเอาไว้
เมื่อถูกกดทับ ถุงบางๆก็จะแตก น้ำสีแดงก็๋จะออกมา มีลักษณะเหมือนเลือดจริงๆ
มีคนโพสต์ข้อความในเน็ทเรื่องความสำเร็จในการใช้นี้มากมาย
แต่เป็นภาษาจีนนะ ผมอ่านไม่ออกหรอก ฟังเขาเล่ามาอีกที

มาลองดูด้านมืด หรือด้านที่ไม่พึงประสงค์
ลองดูตัวอย่างเหล่านี้นะ

รายแรก นส.ซุน กำลังจะเข้าหอกับแฟนซึ่งไม่ทราบว่าเธอนั้นเคยเสียสาวมาแล้ว
เพื่อนๆของเธอไปซื้อ VGเทียมมาให้เธอ
ในคืนเข้าหอ เหตุการณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดีทุกขั้นตอน
แต่เมื่อมาถึงตอนที่สารสีแดงแตกออกมา
กลิ่นของมันเหม็นมากๆ แต่สามีของเธอไม่ได้สงสัยอะไร
หลายวันต่อมานางซุน(ตอนนี้ไม่ได้เป็น นส. แล้ว) ปวดและคันในช่องVGมาก
เธอไปหาหมอ หมอบอกว่าท่อปัสสาวะติดเชื้อ เมื่อเธอเล่าความจริงให้ฟัง
หมอเลยลงความเห็นว่าสารสีแดงน่าจะไม่สะอาด และนำเชื่อโรคมาสู่ตัวเธอ
เธอเลยต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากเพื่อรักษา

รายที่สอง นส.หลิว เพิ่งจะเสียสาวให้แฟนเก่าไปเมื่อปีก่อน
ดันมาเจอชายคนใหม่ขอแต่งงาน ซึ่งเธอก็ไม่รีรอที่จะตอบตกลง
แต่เธอเชื่อแน่ว่าฝ่ายชายเคร่งเรื่องVGมากๆ
เธอเลยไปหาซื้อ VGเทียม มาใช้ในคืนส่งตัว
คืนนั้นเมื่อถึงเวลา เจ้าถุงแดงก็แตกออก และก็ส่งกลิ่นประหลาดออกมา
พอตอนเช้าเธอพบว่าเจ้า VGปลอมได้หลุดเข้าไปข้างในมดลูกของเธอ
เธอไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวความลับแตก กลัวสามีไม่พอใจ
เธอมีอาการเจ็บและปวดมดลูกอยู่ถึง 1 ปี
แต่เนื่องจากภรรยาไม่มีตั้งครรภ์เสียที สามีของเธอจึงให้เธอไปพบสูติ-นารีแพทย์
แพทย์ลงความเห็นว่าเพราะสารสีแดงที่ตกเข้าไปด้านในนั่นแหละ
ที่ทำให้เธอติดเชื้อและมีผลต่อรังไข่ของเธอ
ป่านนี้รักษาหมดเงินไปเท่าไหร่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน

รายที่สาม นส.จาง เป็นสาวสวยร้อนแรง
และเรียบร้อย ที่เรียบร้อยนะ เรียบร้อยโรงเรียนจีนในเรื่องอย่างว่าต่างหาก
คราวนี้เธอได้แต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่งในเซี่ยงไฮ้
ในช่วงก่อนวันวิวาห์เธอก็ไปหาซื้อ VGเทียม ราคาถึง 400 หยวน
เธออ่านคำแนะนำข้างกล่องอย่างดีจนเธอคิดว่าเธอเข้าใจ
แต่เธอน่าจะลืมลอกแผ่นอะไรออกไปก่อน หรืออย่างไรนี่หละ
เธอคิดว่าการติดตั้งสมบูรณ์แบบ
เมื่อออกจากห้องน้ำเธอก็ตรงไปที่เตียงทำหน้าที่ภรรยาสาวบริสุทธิ์ทันที
แต่ด้วยลีลายั่วยวนมากเกินไป
ขณะที่เธอก้มตัวอยู่บนเตียง VGเทียมก็หลุดออกมากองบนผ้าปูที่นอน
สามีเห็นเข้า เลยคว้าเอาไปดู
และก็โกรธมากที่รู้ว่าเธอพยายามปกปิดเรื่องนี้
งานวิวาห์เลยล่ม ฝ่ายชายขอหย่า ขอยกเลิกทุกอย่าง
เรื่องเอามาจาก East Asian Economic & Trade News เลยไม่ทราบว่า เป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะ
สงสัยจะเขียนแหย่ หรือประชด เรื่องของสาวหน้าสวยสมองกลวง เสียกระมัง

นี่เป็นแค่ตัวอย่างนิดหน่อยเท่านั้น
สิ่งที่ต้องลุ้นก็คือวัยรุ่นไทยที่กล้าใช้ของทุกอย่างในโลกนี้
แต่ไม่ค่อยจะได้อ่านคำเตือนอะไรกับเขานี่แหละ
จะต้องมากลายเป็นเหยื่อของสารพิษจากสินค้าตัวนี้



โดย: zoomzero วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:25:25 น.  

 
VG On Sales
========

ตอนต่อไปนี้จะเป็นมุมมองว่า ไม่ว่าใครจะคิดว่าVGสำคัญหรือไม่สำคัญ
แต่ที่แน่ๆVGมีค่า และ สามารถเอามาขายได้
และผู้ชายมีเงินหลายคนก็อยากได้

ภาคที่ 1 : On Earth
เรื่องแบบนี้ คุณๆท่านๆหลายคนคงจะขำที่ผมเอามาเขียน
เรื่องการกว้านซื้อเด็กสาวต่างจังหวัดเอามาให้เสี่ยบ้ากามในกรุงฯ
เรื่องแบบนี้มันมีมานานตั้ง 100 - 200 กว่าปีมาแล้ว
ในหนังในละคร ก็เอามาทำให้เราเห็นจนชินตาไปแล้ว

โดยเฉพาะคำว่า "ตกเขียว" อันมีความหมาย 2 นัย และมักจะคิดว่าเป็นแบบที่ไม่ดี
ตกเขียว ของเดิม หมายถึง วิธีการที่นายทุนให้เงินแก่ชาวนาหรือชาวไร่กู้เมื่อข้าวในนาลัดใบ(ออกยอดอ่อน ยังไม่เห็นยอดรวงเลย)
หรือลำไยที่เพิ่งจะมีลูกขนาดหัวแมลงวันแล้ว โดยตกลงกันว่าชาวนาชาวไร่จะให้ข้าวเปลือก
หรือลำไยแก่นายทุนแทนเงินหลังจากนวดข้าวแล้วหรือหลังจากเก็บลำไยได้แล้ว


ส่วนตกเขียว อีกความหมาย หมายถึง การที่พ่อแม่รับเงินจากนายทุนซึ่งจ่ายให้เป็นค่าตัวเด็กผู้หญิง
ซึ่งยังเรียนหนังสือไม่จบไว้ล่วงหน้า เมื่อเรียนจบ ทำบัตรประชาชนได้แล้ว
นายทุนจะมารับตัวเด็กไปเพื่อค้าประเวณี เป็นการใช้หนี้คืนให้แก่นายทุน ซึ่งเป็นการขายแบบที่ไม่มีวันล้างหนี้ได้หมดง่ายๆ
อันนี้เป็นเส้นทางของธุรกิจค้ามนุษย์หรือขายบริการทางเพศ


ปัจจุบันตกเขียวยังมีรูปแบบอีกแบบที่พัฒนาไปอีก เพราะสังคมเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง
นั่นก็คือ ตกเขียวทารก คือการขอซื้อเด็กที่ยังไม่ทันได้เกิดออกมาลืมตาดูโลกเลย
โดยมีค่าหัวตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ไปจนถึง 8 หมื่น ถ้าเจ้าหน้าที่กดดันมากราคาเด็กก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
เรื่องนี้มีที่มาจากการเปิดเผยของมูลนิธิกระจกเงา และเรื่องนี้ถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติไปแล้วอีกด้วย
ลักษณะการตกเขียวทารกมาจากการที่พนักงานสาวของธุรกิจประเภทคาราโอเกะบังหน้าและแอบค้าประเวณี
ซึ่งบางครั้งจะได้สาวที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการคุมกำเนิด บ้างก็หลับนอนกับผู้ชายโดยขาดสติเมามาย
แต่ปัจจุบันกลายเป็นจงให้ท้องไม่มีพ่อเสียมากกว่า
เพราะนายทุนฝั่งไทยพยายามหว่านล้อม โดยเอาเงินมาล่อใจ แม่ใจแตกและเป็นหนี้สินมากมายเหล่านี้

ธุรกิจแบบนี้ จะมีนายทุนทั้งฝ่ายไทยและมาเลเซียคอยสอดส่องร่วมมือกัน
มองหาหญิงที่ยอมตั้งครรภและมองหาคนที่อยากได้ลูกซึ่งเป็นชาวมาเลย์ไปพร้อมๆกัน
โดยมีการเสนอซื้อกันตามปกติประมาณหัวละ 2 หมื่นบาทเมื่อคลอดลูกปั๊บก็เอาเด็กไปเลย
หญิงมีครรภ์พอท้องได้ประมาณ 5 เดือนกว่าก็จะถูกพาไปไว้ในร้านทำงานเป็นแม่บ้านหรืองานเบา
ตำรวจมาก็ไม่รู้จะจับข้อหาอะไร แต่พิรุจอยู่ตรงทีมีคนท้องทำงานในสถานที่แบบนั้นหลายคน
นายหน้ามักจะให้เหตุผลว่าทำไปเพราะไม่อยากให้แม่ของเด็กทำแท้ง อยากให้เด็กลืมตาดูโลก
ฟังแล้วเหมือนกับว่าเป็นนักบุญคนหนึ่งเลยทีเดียว ก็พวกคุณวางแผนมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นนี่หว่า

กรณีหาสาวไทยมาตั้งท้องไม่ได้ นายหน้าจะใช้สาวพม่าแทน ซึ่งเริ่มจะเป็นที่นิยมมากขึ้น
สาเหตุที่ต่างชาติต้องการเด็กนั้น แรกๆก็คิดว่าจะเอาไปเป็นขอทาน เป็นแรงงาน เป็นคนเฝ้าสถานที่ ฯ
แต่ปัจจุบันเชื่อว่าเพราะกฎหมายของมาเลย์กำหนดให้คนที่ไม่มีทายาทสืบสกุล หมายถึง ไม่มีลูกแท้ๆ
เมื่อตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติจะต้องตกเป็นของหลวงหมด คือโดนริบเข้าคลังของรัฐ
ดังนั้นญาติๆจึงต้องหาคนมาเป็นตัวแทน หรือ นอมินีย์
เด็กเกิดมาก็เห็นหน้าพ่อแม่ใหม่ทันที ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ให้เรียกพ่อเรียกแม่ก็เรียกไปได้เรื่อย
แต่สุดท้ายญาติของเขาจะเมตตาปราณีเด็กต่างชาติคนนี้หรือไม่ มันเป็นอีกเรื่อง
ที่แปลกก็คือ ดินแดนมาเลเซียมีทางติดต่อกับประเทศได้หลายประเทศ
แล้วทำไมเขาถึงมาเอาเด็กจากเมืองไทยไปเลี้ยง
หลายคนเริ่มคิดว่าเป็นการสร้างพลเมืองรุ่นใหม่หรือเปล่าแล้วหละ
ถ้าขืนใจเย็นแบบนี้ ประเทศอาจจะถูกแบ่งแยกในอีก 30 - 40 ปีข้างหน้าก็ได้


กลับมาที่การขายตัวแบบไม่มีการตกเขียว
ปัจจุบันมีข่าวค้ามนุษย์ในประเทศเรามากมาย
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่ทุกวันนี้แหละ อยู่ทีเขาจะเอามาลงหนังสือพิมพ์หรือเปล่า
เช่นในปี 2548 มีข่าวลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ แม่ขายพรหมจรรย์ลูกใช้หนี้
กรณีเป็นเพราะเด็กสาวน่ารักวัย 16 ปี ได้มาบอกเพื่อนว่า ยินดีขายความบริสุทธิ์แลกเงินจำนวนหนึ่ง
ซึ่งผู้ได้รับข่าวมาก็เป็นสายสืบที่ทำงานอยู่ในแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่นที่เป็นกลุ่มเสี่ยงนี่แหละ
เธอบอกเพื่อนว่าต้องการเงินด่วน แม่เป็นหนี้มาก และแม่ก็ท้องได้ 5 เดือนกว่า ไม่มีงานทำ
เมื่อตำรวจทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วจึงวางแผนล่อซื้อบริการ
และก็แปลกใจที่เด็กสาวคนนี้เป็นเด็กที่มีความประพฤติดีมาโดยตลอด แต่งกายก็ใสๆซื่อๆ ไม่นาจะเป็นพวกใจแตก
เมื่อเข้าจับกุมและสอบสวนก็พบว่า เธอถูกแม่บังคับให้หาเงิน 25,000 บาท
เพื่อใช้หนี้ และแม่ก็ยังจะไปทำแท้งเด็กในครรภ์ตัวเองอีกด้วย (ทารก 6 เดือนแล้วนะ)
เด็กคนนี้ยังมีน้องชายอีก 2 คน คนสุดท้องมีลักษณะเอ๋อๆอีกต่างหาก น่าสงสารมาก
ตำรวจประสานงานส่งต่อให้นักสังคมสงเคราะห์มารับเด็กๆไปดูแล
ส่วนแม่เป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ โดนเจ้าหนี้อุ้มไปซ้อมจนน่วมไปแล้วกระมัง

ปัจจุบันพวกนายทุนค้ากามคงจะเลิกตกเขียวเด็กสาว ตจว. กันแล้ว
เพราะเด็กมันอยากขายตัวของมันเองกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงไม่อยากขาย พ่อแม่เลวๆบางคนก็อยากเอาลูกมาเดินแห่ขายเสียเอง
ก็ขนาดพระสงฆ์ยังยอมซื้อบริการจากเด็กที่แม่พามาส่งถึงกุฏิตอนกลางคืน
เรื่องแบบนี้ก็ยังเคยลงข่าวหน้าหนึ่งมาแล้ว
ขี้หมูขี้หมา สาวน้อยพวกนี้ เธอก็ขอเมืองมาเป็นโคโยตี้ คนชงเหล้าร้านคาราโอเกะ มาร์คกี้โต๊ะสนุก ...
ไม่ยอมทำนาอยู่ที่บ้านเกิดหรอก

ผมชอบมองสาวโรงงานนะ
ไม่ใช่มองเขา เพื่อจะเอามาทำมิดีมิร้าย หรือดูถูกว่าจน
แต่มองว่า ถึงการศึกษาไม่สูง ชาติกำเนิดไม่ได้มาจากวงศ์ตระกูลสูงส่งไฮโซ
แต่พวกเธอก็ยอมแลกแรงกายเพื่อให้ได้มาเพื่อเงินสุจริต
ไม่คิดขายนาผืนน้อยของเธอให้ใครง่ายๆ

สำหรับอาชีพหนึ่งที่มองแล้วก้ำกึ่ง ขาว เทา ดำ
ดูไม่ออกว่าเขาขายอะไรกันแน่ ก็คือ อาบอบนวด
โดยความหมายตรงๆก็คือ การอาบน้ำให้ผู้ใหญ่ที่อยากเป็นเด็ก แบบนี้น่าจะเป็นขายแรงงานแรงกาย
แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ชายเมา กับ ผู้หญิงนุ่งผ้าขนหนู มันจะไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า?
คุณลองหลับตา นึกภาพผมนั่งในอ่างในชุดวันเกิด แล้วพนมมือให้คนอาบน้ำให้อย่างเดียวได้มั๊ยหละ 555

ผมเคยเจอว่าบางหมู่บ้านในจังหวัดไกลๆเมืองหลวงของผมนี่แหละ
มีหลายครอบครัวที่ลูกสาวทำอาชีพเป็นหมอนวด สาวบาร์เบียร์ และภรรยาเช่า
ไม่มีใครนินทาว่าใคร ไม่มีใครเตือนใคร ว่าเป็นพวกทำอาชีพของคนไม่ดี
ซึ่งเมื่อก่อนลูกสาวกลับมาบ้านแต่ละที ต้องหลบๆซ่อนๆชาวบ้าน
แต่วันนี้ พอลูกสาวกลับบ้าน ก็จัดงานเลี้ยงเปิดเครื่องเสียงเครื่องไฟกันกระหึ่ม
คนเดินเข้าเดินออกเต็มบ้าน สั่งเบียร์สดมาเป็นถังๆเลย
ผมเคยไปงานเลี้ยงในบ้านแบบนี้มา คนเป็นแม่อารมณ์ดี มานั่งคุยกับผม
บอกว่า นังแดงมันรวยแล้วหละคุณซูม
ตอนนี้มันไปเมียญี่ปุ่น(ต้องแปลเอาเองว่า ภรรยาเช่าของนักธุรกิจญี่ปุ่น)
ผัวมันใจดี ให้เงินเดือนใช้เดือนละหลายหมื่น
ตอนนี้ป้าไม่มีหนี้สินอะไรกับใครเลย
ปีหน้ามันว่ามันจะมาซื้อนาของป้าคืนจากกำนันเขาแนะ
แล้วแกก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก มีกลิ่นลมหายใจเป็นเบียร์สดออกมาฉุยๆ

อือ...สังคมมองว่าทำอะไรก็ได้ขอให้รวย ก็เป็นอาชีพที่ดีไปหมด



ภาคที่ 2 : On Line
เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคไอที เป็นยุคดิจิตอล เป็นยุคอินเตอร์เน็ท
เลยเกิดเรื่องที่ไม่เคยมีมาตั้งแต่โลกใบนี้อุบัติขึ้นมา
นั้นก็คือ การประกาศขายVGทางอินเตอร์เน็ท
ผมว่าความจริงคงจะมีคนขายVG ด้วยวิธีนี้ไปหลายปีแล้ว
แต่ก็มีดังระเบิดไปทั่วโลกไซเบอร์ในช่วงนี่ซิน่าสนใจยิ่งนัก
ที่สนใจก็เพราะว่า แปลว่า VG ยังมีค่ามากๆ นะซิ
มาลองดูข่าวการขายVG กันดูนะ

- ปี 2008 นักศึกษาสาวจากสหรัฐอเมริกา นาตาลี ดีแลน ประกาศขาย VG ด้วยราคา 1 ล้านยูเอสดอลล่าร์
ผลการประมูลทาง Internet ออกมาว่าคนชนะเป็นนักธุรกิจชาวออสเตรเลีย ประมูลด้วยเงิน 5 ล้านดอลล่าร์
ตามข้อตกลง เขาจะได้นอนกับเธอเพียง 1 คืน เท่านั้น
และเธอก็ไม่ได้ชื่อจริงๆว่า นาตาลี ดีแลน แต่อย่างไร
เมื่อสื่อไปขอสัมภาษณ์เธอ ก็ถึงกับต้องอึ้งกันทั้งโลก เพราะสาวสวยคนนี้ มีพี่สาวทำงานใน
สถานที่ขายบริการทางเพศแบบถูกกฎหมายในรัฐเนวาดา แปลเป็นไทยว่า ซ่องนางโลมที่จ่ายเงินให้รัฐ
ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำพูดของเธอก่อนการประมูลจะปิดลง...
"ฉันไม่มานั่งคิดเรื่องศีลธรรมอะไรทั้งนั้นหรอก
ก็เราอยู่ในโลกแห่งทุนนิยมไม่ใช่หรือคะ?
ทำไมฉันถึงจะเอาพรหมจรรย์ของฉันเองมาเปลี่ยนเป็นทุนไม่ได้?
ฉันอยากเจอคนเข้ากันได้
ฉันจะประมูลจนกว่าจะเจอคนที่ฉันพอใจ"


- ปี 2008 นางแบบสาวอิตาลี ราฟเฟลล่า ฟีโก้ สาวสวย 20 ปี หุ่นดีมาก ตั้งราคา VG ของตัวเองเอาไว้ที่ 1 ล้านยูโร

- ปี 2009 ต้นปี น.ส. อลินา เพอร์เซีย นักศึกษาสาวโรมาเนียวัย 18 ปี ได้ประกาศประมูลขาย VG ทาง Internet
ประมูลสูงสุดเท่าไหร่ ไม่ทราบ รู้แต่ว่าเป็นนักธุรกิจชาวอิตาลี

- ปี 2009 ธันวาคม วัยรุ่นฮ่องกง ก็ประกาศขายVG ผ่านการประมูลออนไลน์ โดยเริ่มที่ราคา 10,000 เหรียญฮ่องกง
สุดท้ายผู้ชนะการประมูลคือผู้ใช้นามแฝงว่า Hysteric
ด้วยยอดเงิน 60,000 เหรียญ หรือ สองแสนหกหมื่นสามพันกว่าบาท
ทางตำรวจฮ่องกงออกมาแจ้งว่า เป็นการทำผิดกฎหมาย และหญิงสาวรายนี้โดนตำรวจเชิญตัวไปสอบสวน
ก็ไม่ทราบว่าคนชนะประมูลได้VG เธอไปก่อนตำรวจมา หรือ ยังค้างเติ่งรอเธออยู่ทุกวันนี้

- 2010 มกราคม : นักศึกษาสาวชาวนิวซีแลนด์ วัย 19 ปี เสนอประมูลขาย VG ทาง Internet
ผ่านเว็บชื่อ ineed.co.nz โดยใช้ชื่อนามแฝงว่า unigirl


ในวันนี้เรายังจะมานั่งมองว่าโลกเรามันแปลกไปเรื่อยๆแบบนี้หรือ
ผู้หญิงไม่รักนวลสงวนตัว และไม่แคร์สายตาใครๆ
แต่พอต้องเข้าพิธีการที่ต้องเป็นสาวบริสุทธิ์จริงๆ ก็วิ่งหาวิธีปลอมแปลงอวัยวะ
พวกที่สงวนของดีมานาน ก็อยากเอามาเสนอขาย แบบว่ามีเงินก็นอนกันได้
มันเป็นความคิดระหว่าง ว่า VG ของฉัน ฉันจะมอบให้ใครก็ได้
กับ ฉันจะขายใครก็ได้
เพราะว่าถ้าขาย ก็จะเป็นการผิดกฎหมายทันที
เพราะหลักกฎหมายประเทศไหนๆก็ต่อต้านการค้ามนุษย์
ซึ่งก็แปลว่า รังเกียจการค้าประเวณี
แต่วันนี้การค้าประเวณียังมีแบบที่ถูกกฎหมายได้เลย
อีกหน่อยการขายVG มันก็มีแบบถูกกฎหมายของมันได้
แล้วดูซิ ผู้หญิงนอนกับผู้ชายเพื่อแลกเงินตรา
ถ้าแบ่งเงินค่าค้าน้ำกามให้ให้รัฐ กลับถูกต้องตามกฎหมาย
ผมหมายถึงธุรกิจในเนวาดานะ ไม่ใช่เมืองของเรา



โดย: zoomzero วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:53:19 น.  

 
มาแล้วค่ะพี่ชาย ตรุษจีนนี้วุ่ยวายและเหนื่อยมั๊ยคะ นู๋มากมายเลยค่ะ ทั้งวุ่นวาย ทั้งเหนื่อย แล้วปิดท้ายด้วยเดินงานเยาวราช หน้าบ้านน่านแหล่ะ กับสามพี่น้อง สนุกสนานค่ะ อิอิ

วันนี้มาส่งข่าวค่ะ

//www.kantana.com/bbfc/viewtopic.php?f=2&t=41




โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (http://beee.bloggang.com) IP: 203.144.144.165 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:42:53 น.  

 


good evening ค่ะพี่ชาย


โดย: มินทิวา วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:29:59 น.  

 
To Beee Number One

ยายบี พอมาถึง
ก็ส่งข่าวเศร้ามาให้อ่านเลยนะ
พี่ไม่รู้จักเขาหรอก
สงสัยพอพี่เข้ามา เขาก็ออกไปแล้วมั๊ง
เลยไม่เจอกันเลย
และอีกอย่าง พี่ก็ไม่ใช่ BBFC เสียด้วย
คนอื่นเขามีรหัสกัน แต่พี่ไม่เคยมีนะ
แต่ก็ขอบคุณมากที่ส่งข่าวมา
ถ้าไม่บอกก็ไม่ทราบหรอก
เพราะ switch off ไปนานแล้ว


Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF


โดย: zoomzero วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:55:25 น.  

 
To Mintiva

อาหมวยเล็ก
เหนื่อยหละซิวันนี้
พักผ่อนให้หายเหนื่อยนะ
มานวดไหล่ให้ ฉื๊บ ฉื๊บ

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1



โดย: zoomzero วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:58:40 น.  

 
VG Certificate
========


เชื่อหรือไม่ว่าในโลกนี้มีการให้ประกาศนียบัตรว่าคุณคือสาวพรหมจรรย์ของประเทศ
ผมไปอ่านเจอมาในเว็บ //www.arunsawat.com/board/index.php?topic=1761.0
เลยเอามาเล่าให้ฟัง ทีแรกผมคิดว่าเป็นภาพขององค์การอนามัยหรือสมาคมสตรีเขาทำการ
สำรวจและให้คำแนะนำสตรีที่ย่างเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ แต่พอได้ข้อมูลเพิ่มจาก
- //mypetjawa.mu.nu/archives/194448.php
- //www.thaindian.com/newsportal/india-news/virgin-zulu-dancers-naked-bums-fall-prey-to-pervy-tourists_100107997.html
- //abyteofenews.wordpress.com/2009/09/22/1000-virgins-dance-naked-for-the-king/
และที่อื่นๆอีกหลายแห่ง เลยต้องยอมรับว่านี่คือเรื่องจริง

เขาว่านี่คือประเพณีฮาโลล่า (Hlola) หรือการตรวจสอบVG (Test of the Virginity)
เป็นประเพณีของคนในประเทศแถวแอฟริกาใต้
สาวๆจะถูกมารดาและผู้ใหญ่ในครอบครัวตรวจร่างกายมาก่อนรอบหนึ่ง (เพื่อกันหน้าแตก)
จากนั้นเมื่อมาถึงสถานที่ตรวจสอบ พวกเธอซึ่งต้องแต่งกายแบบสาวVG โบราณของเผ่าซูลู
คือเปลือยท่อนบน ใส่ลูกปัด สวมกระโปรงสั้น ไม่ใส่ชุดชั้นใน
พวกเธอจะต้องเดินเข้าไปให้ผู้ที่มีความรู้ด้านการตรวจความบริสุทธิ์
ผู้หญิงเหล่านี้จะมาจากคนมีตระกูลในราชวงศ์ แต่ไม่ได้เป็นหมอหรือพยาบาลแต่อย่างใด
การตรวจสอบก็ทำกันกลางแจ้งกันเลย
นอนหงายบนเสื่อ แยกขาออก
กรรมการก็จะใช้ทั้งตาดู และมือสำรวจ อย่างชำนาญ
เมื่อสอบผ่าน ก็จะมีการเจิมหน้าผากด้วยแป้ง
แล้วก็ยังมีการมอบใบรับประกันให้อีกด้วย

เข้าแถว


ตรวจสอบ


ผ่าน, เจิมหน้า


รับมอบใบรับประกัน




โดย: zoomzero วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:02:48 น.  

 
Zulu Virginity
========


ข้อมูลจาก //pilato.wordpress.com/2007/10/01/53/
และ //abyteofenews.wordpress.com/2009/09/22/1000-virgins-dance-naked-for-the-king/

ในแอฟริกาใต้มีชนเผ่าดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเผ่าหนึ่งชื่อว่า เผ่าซูลู (Zulu)
พวกซูลูเคยอยู่กันอย่างเป็นชนกลุ่มใหญ่ จนสามารถเรียกว่า อาณาจักรซูลู ก็ว่าได้
ปัจจุบันมีชาวซูลูประมาณ 11 ล้านคนอาศัยอยู่ในอเมริกาใต้
นอกจากนั้นก็มีที่ Zimbabwe, Zambia, และ Mozambique
ประมาณปี 1879 ซูลูรบชนะกองทหารอังกฤษ แต่ไม่กี่เดือนต่อมาอังกฤษก็มีชัยเหนือชนเผ่าซูลูทั้ง 18 เผ่า
เลยถูกแบ่งแยกเป็นเขตปกครอง 13 ส่วน

ในทุกๆปี ประมาณเดือนกันยายน จะมีสาวVG จำนวนมากบางปีถึง 3,000 คน
เดินทางไกลมาพบกัน ณ สถานที่ๆมีการกำหนดเอาไว้
ในปัจจุบันมีการประชุมประกอบพิธีกันที่มีชื่อเสียงคือ ที่พระราชวังโบราณชื่อ KwaNyokeni Palace
ซึ่งอยู่ในเมือง Nongoma, จังหวัด KwaZulu-Natal
สาวVG เหล่านี้จะแต่งกายด้วยสีที่ฉูดฉาดหลากสีคล้ายนกสวยงามในประเทศของเธอ
พวกเธอมาร่วมงานชื่อว่า Royal Reed Dance Festival หรือ Royal Cane Dance
หรือในภาษาซูลู หรือภาษา Bantu เขียนได้ว่า Umkhosi woMhalanga
กษัตริย์ซูลูที่พวกเขายกย่องมากเป็นเวลานานปีทรงมีพระนามว่า King Shaka (ช่วงปี ค.ศ. 1816)
ประเพณีเป็นการให้หญิงสาวVG ออกมาเต้นรำต่อพระราชาของพวกเขา
บางว่าเป็นการเลือกตัวมเหสีของพระราชาในวันนั้น
ประเพณีแบบนี้ได้กระทำสืบต่อมามากกว่าหนึ่งร้อยปี
ในพิธีนี้สาวๆจะต้องไปตัดต้นอ้อหรือต้นไผ่ในแม่น้ำมาคนละท่อนแล้วถือมาด้วย
พวกเธอจะต้องนำท่อนไม้นี้ไปถวายให้ถึงพระหัตถ์ของพระราชา
โดยมีความเชื่อว่าถ้าสาวคนไหนเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ไม้ของเธอก็จะหักก่อนถึงพระหัตถ์ของพระราชา








มีการกระทำที่แอบแฝงเป็นกลอุบายในงานพิธีเช่นนี้ เพราะ
สาวๆจะได้รับการอบรมจากเจ้าหญิงที่มีอายุซึ่งมาจากราชวงศ์ชั้นสูง
เธอจะสอนวิธีปฏิบัติตนเมื่อถึงวันที่ต้องถวายตัวให้พระราชา
เธอจะบอกว่าต้องเริ่มอย่างไร และปรนนิบัติอย่างไร จะเกิดอะไรในคืนนั้นบ้าง
นอกจากนั้นความรู้แบบนี้จะได้ทำการเผยแพร่ไปยังสาวๆคนอื่นๆที่ได้รับฟังอีกด้วย
เมื่อผ่านพิธีนี้ไป พวกเธอจะเข้าสู่ีวัยสาว เธอจะได้รับความรู้เรื่องการมีประจำเดือน
เธอจะได้รับคำแนะนำเพื่อให้เป็นภริยาที่ดี ทำหน้าที่ได้ถูกต้องครบถ้วน และรู้จักดูแลสุขอนามัยของตัวเอง



เนื่องจากชุดที่สาวซูลูใส่จะต้องเป็นลูกปัดและกระโปรงสั้นเท่านั้น
ทำให้นักท่องเที่ยวที่มีกล้องอันทันสมัยพยายามถ่ายภายขณะที่พวกเธอกระโดดเต้นรำ
และนำภาพไปเผยแพร่ในลักษณะดูหมิ่นมาหลายปีแล้ว
ดังนั้นในปี 2008 กษัตริย์ Goodwill Zweithini ทรงประกาศให้สาวVGในงานต้องแต่งกายให้มิดชิด
โดยจะต้องนุ่งโสร่ง และสวม กกน
และมีการบันทึกในช่วงสิบกว่าปีมานี้่ว่าในงานประเพณีแบบนี้
จะมีหญิงสาวถูกข่มขืน รุมโทรม หรือแม้แต่ฆ่าตาย จึงนับวันจะไม่ค่อยมีสาวๆมาร่วมงานสักเท่าไหร่
ตรงกันข้ามกับนักท่องเที่ยวลามกจากทั่วทุกมุมโลกกลับพยายามแห่กันมาดูมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อประเทศเจริญมากขึ้น แต่จารีตประเพณียังดำรงอยู่
คนต่างชาติเข้าไปเป็นนักท่องเที่ยวกันมากหน้าหลายตา
จึงมีภาพที่ค่อนข้างสร้างความเจ็บใจให้กับเจ้าของงานดังต่อไปนี้

ภาพนี้ตากล้องน่าจะเข้าไปหมายจะถ่ายภาพตอนที่เธอนอนถ่างขา แต่สาวคนนี้เห็นเสียก่อน



ภาพที่ตากล้ิองทำเป็นเนียน กวาดกล้ิองไปเรื่อย รอจังหวะสาวเผลอตอนถอดเสื้อออก ก็ได้รูปเปลือยอกของเธอมา



ขณะที่พวกเธอกำลังทำพิธีสวดมนต์ ช่างกล้องก็เข้าใกล้ทันที
จะเห็นว่ามีผู้ชายมามุงดู เหมือนดูการแสดงโชว์เปลือยอก โดยไม่ได้เคารพในพิธีการเลย



ขณะที่สาวๆเริ่มเต้นรำพร้อมๆกับสวดมนต์ไปด้วย
ทีนี้ตากล้องก็แค่รอเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็เก็บภาพทันทีแบบ macro



พวกผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง เขามาเพื่อร่วมพิธี หรือว่ามาดูอะไร



ดูกันชัดว่า สายตานั้นมันวาวแค่ไหน


ภาพที่ถูกนำไปเผยแพร่ในลักษณะลามกหรือดูหมิ่น
ถ้าถ่ายจากเลนส์ของตากล้องชายที่่หื่นกาม ก็น่าเห็นใจที่ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้
แค่คิดว่ามีผู้หญิงสาวที่บริสุทธิ์อยู่ตรงนั้นเป็นร้อยๆคน ใจก็เต้นตึกๆแล้ว
แล้วจะเสียใจกันแค่ไหนถ้าตากล้องเป็นผู้หญิง
ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้เดินเข้าไปได้ใกล้
แล้วก็เอารูปคนเพศเดียวกันมาประจาน
หรือทำให้คนเหยียดหยามสาวๆเหล่านี้
นี่ไม่ใช่งานแก้ผ้าปาร์ตี แต่เป็นพิธีศักดิ์ของชาวเผ่าซูลู เชียวนะ


โดย: zoomzero วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:27:28 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ี่ชาย
วาว...วันนี้ มินตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นเลยค่ะ
หายปวด หายเมื่อย นี่เองอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
วันนี้ มีลุ้นงานใหญ่ค่ะ ไม่เกินเที่ยงรู้ผล
ได้ก็น่าภูมิใจ ไม่ได้ก็ดีเหมือนกัน ไงก็ได้
เพราะถ้าำได้ การเงินคงต้องวิ่งหาเงินหัวฟูอีกเป็นแน่
วันเสาร์ (พรุ่งนี้) มินคงต้องไประยองค่ะ
พา HRM คนใหม่ไปแนะนำกับพวก พขร.ที่โน่น
อีตานี่ ตำแหน่งเรียกยากชะมัด
ทำไมต้อง ฮิวแมนรีโซส ด้วยก็ไม่รู้
เอาแค่ ผจก.บุคคล ก็พอแล้ว เขามาจากบริษัทฯ
ที่ทำแผงวงจรภายในคอมพ์ รายใหญ่ของประเทศเราค่ะ
เห็นว่า เออรี่ ได้เงินมาโข จากที่โน่นอ่ะ
บริษัทนั้นเขาก็เป็นลูกค้าเราอ่ะค่ะ
แต่ มีมาก็ดีเหมือนกัน ตำแหน่งนี้มันว่างตั้งปี
หลังจากป๋าหวาดเสียไปอ่ะ ไม่มีใครมาแทนที่
เขาเข้ามา ก็ฟิตเหลือเกิน รีเซ็ทโครงสร้างแผนผังใหม่หมด
เขาคงปวดหัวกับมินอยู่เหมือนกันอ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ
ก็ ไม่รู้จะวางมินไว้ตรงไหนอ่ะ ฝ่ายขายรึ การตลาดเหรอ
จัดซื้ออีก บุคคลก็เอี่ยว แถมหาวงเงินกู้ให้บริษัทฯ อีก
บอกแล้วว่า เจนเนอรัลเบ๊ เนี่ย มันก็แบบนี้หล่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. nobody nobody...but you.....stay beautiful อ่ะจ้า..ไปดีกว่า...ฮ่า ๆ ๆ


โดย: มินทิวา วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:43:31 น.  

 


สวัสดีตอนเย็นค่ะพี่ชาย
ทานข้าวเย็นหรือยังคะ
มินเพิ่งทานเสร็จก็กลับเข้าบ้านค่ะ
วันนี้ นัดเพื่อน ๆ ทานกันที่ซากุระ เซ็นทรัลลาดพร้าวอ่ะ
เพิ่งจะรู้ว่ามีแสต๊มป์ให้ด้วย วันนี้ได้ 3 ดวงอ่ะ
อาทิตย์ก่อน พาลูกค้าไปทานซากุระที่โรบินสันรัชดา
ไม่เห็นได้แสต๊มป์อาไรเนี่ยเลยอ่ะ
เขาเลยบอกให้มินเอาไปเสร็จกลับไปให้เขาสแต๊มป์ให้
ครบ 10 ช่องมีค่า 300 บาทค่ะ จะไปดีหรือไม่ไปดี คิดดูก่อนดีกว่า
ปล. ตกลงวันนี้ บริษัทฯ มินได้งานค่ะ ยังไม่ได้เซ็นตฺ์สัญญาเลย มินเรียกเพื่อนมันมากินข้าวด้วยแล้วอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
นอนหลับฝันดีนะคะ พรุ่งนี้อยากเบี้ยวจัง ขี้เกียจนั่งรถค่ะ ..


โดย: มินทิวา วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:16:02 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ชาย
เย๊ เย๊ ดีใจค่ะ วันนี้ไม่ต้องไประยองแล้ว
เมื่อคืนคิดวางแผนอยู่ตั้งนาน ว่าจะเบี้ยวยังไงอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เลยหักดิบมันดื้อ ๆ เนี่ยแหละ ว่าไม่ค่อยสบาย
ให้ไปกันเองแล้วกัน โืทรประสานงานไปทางนู๊นเรียบร้อยแล้วอ่ะ...
เขาก็ได้แต่เหวอ ๆ ครับ ๆ ...เอ้อ..โล่งไปอีกหนึ่ีง ฮ่า ๆ ๆ
2 อาทิตย์แล้ว ทีีไม่ได้ไปหาแม่เลยค่ะ วันนี้ต้องไปอ่ะ
คิดถึงทั้งแม่ ทั้งแกงเขียวหวานค่ะ (จะบอกว่าจริง ๆ ห่วงกินอ่ะค่ะเฮีย) ฮ่า ๆ ๆ
ปล. วันนี้วัน แฟมมิลี่ ของพี่ชาย นี่นา เที่ยวให้สนุก ทานให้อร่อย ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:4:58:00 น.  

 
เฮียจ๋า..
มินโดนสกัดกั้น ความคิดถึงซะแล้วอ่ะค่ะ
เมื่อกี๊ คุยนู่นคุยนี่ พอส่งแล้ว
เขาบอกว่ามินมีคำพูดที่ไม่เหมาะสม
ต้องให้เจ้าของบล๊อคพิจารณาก่อนอ่ะค่ะ
ช่วยรับไปพิจารณาด้วยนะคะ ว่านู๋พูดไม่เหมาะสมตรงไหน
หรือว่าจะหวานมากไป จนระบบมันหมั่นใส้ซะแล้วก็ไม่รู้อ่ะจิคะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. ถ้าอันนัิ้้้น ไม่ถึงเฮียจริง ๆ ขอย้ำตรงนี้อีกครั้งค่ะว่า
มีความสุขมาก ๆ นะคะ สำหรับ weekend นี้อ่ะ ...


โดย: มินทิวา วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:03:04 น.  

 
หวัดดีจ๊ะพี่ซูม

ใครจะว่ายังไงก็ไม่รู้ แต่น้องว่าบล๊อคคุณพี่ดีมากเลยค่ะ อ่านแล้วได้อะไรติดหัวออกไปทุกที ทั้งจากเนื้อหาในบล๊อคและเรื่องที่เพื่อนบล๊อคกะคุณพี่คุยกันด้วย เพราะงั้นไม่ต้องเปลี่ยนแนวหรอก ไม่แน่นะ วันดีคืนดีอาจได้รางวัลแบบไม่รู้ตัวอย่างน้องมั่งก็ได้ คริ คริ

คุณพี่อัพบล๊อคนี้แล้วต้องยกให้เป็นผู้ชำนาญการเรื่องVGไปเลยนะเนี่ย มีข้อมูลเพียบแถมหลากหลายอีกตะหาก ยุคนี้การสื่อสารมันกว้างไกล ถึงจะห้ามหรือมีกฏบังคับไว้ เด็กก็หาทางรู้จนได้นั่นแหละ บางทีรู้ดีกว่าผู้ใหญ่ซะอีก เรื่องแจกถุงยางคงเป็นการแก้ที่ปลายเหตุมากกว่า น่าจะปลูกฝังความคิดดี ๆ ให้กับเด็กน่าจะเวิร์คกว่า ถ้าเด็กมีความคิด จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมเลวร้ายยังไงก็จะประคองตัวได้มั่นคง ที่จริงวาเลนไทน์มีความหมายที่ดีมาก แต่พอมาถึงบ้านเรา ความหมายมากลายไปอย่างน่าเสียดาย

วันนี้เข้ามาแล้วถึงจะได้ยินเพลง ฟังแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Romeo and Juliet ได้ดูอยู่หลายเวอร์ชั่น แต่ชอบเวอร์ชั่นที่ Olivia เล่น(เก่าไปมั้ยเนี่ย ) จำชื่อพระเอกไม่ได้ซะแล้ว (ผิดปกติอย่างแรง เพราะทุกทีจะจำได้แต่ชื่อปู้จาย อิ อิ ) แต่คงเพราะนางเอกสวยมากกกก พระเอกก็หล่อมาก คู่นี้เคมีเข้ากันดี๊ดี






โดย: haiku วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:58:24 น.  

 


Beautiful Sunday ค่ะพี่ชาย
วันนี้ไปเที่ยวไหนกันเหรอ
มินจะได้หลับตาแล้วตามไปถูกอ่ะค่ะ
อิอิ มินล้อเล่นหรอกน่า ...
มองอยู่ไกล ๆ ก็ได้ค่ะ
ไปไหนแล้วมาเล่าสู่กันฟังมั่งนะ
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:17:24 น.  

 
To Mintiva
สวัสดี
สวัสดี
สวัสดี
สวัสดี
สวัสดี

เฮ้อ....ต้องสวัสดีหลายหนจัง
เอาแบบเหมือนเดิม ขอยกยอดไปตอบวันจันทร์ตอนว่างๆนะ
พวกที่พอจะตอบได้ไวๆก็มี

เรื่องโดนแบนด์
อันนี้มาจากคำว่า เ...ห...ว.....อ
เพราะถ้าเอา "สระเอ" ออก WM ท่านคิดว่า มินกำลังพูดถึงอุปกรณ์ฉิ้งฉ้องของมินเอง 555

เรื่อง ผจก.บุคคล
เฮียเจอเรื่องราวมามากมายทั้งในบริษัทตัวเอง
และก็ของลูกค้า เนื่องจากงานของเฮียก็ได้ไปเกี้ยวก้อยกับคนพวกนี้เกือบทุกบริษัท
หรือถ้าไม่เกี่ยวข้อง น้องๆในบริษัทก็เอามานินทาให้ฟัง
เพราะบุคลิกเฮียเหมือนตุ๊ดปากจัด ใครๆก็อยากเม้าท์ทูเม้าท์ด้วยทั้งนั้น 555

เรื่องประมูลงาน
ดีใจด้วยนะ ปีนี้โบนัสน่าจะงามนะ
เพิ่งเคยได้ยินร้านชื่อ ซากูระ
เฮียไม่เคยทานอาหารร้านนี้เลย
อาจจะเป็นเพราะเฮียทำอาชีพขี่ซาเล้งรับซื้อของเก่ามั๊ง
เลยไม่เคยพาลูกค้าไปทานอาหารดีๆแบบอาหมวย 555 (ไม่ได้ล้อเล่นนะ ว่าเสียดสีจริงๆ 555)
ในชีวิตเคยไปทานแค่ โออิชิ กับ ฟูจิ
ฟูจิ เมื่อมีบัตรแสตมป์ แลกเป็นเงินส่วนลดค่าอาหารได้
เดี๋ยวนี้ทำเป็นบัตรออนไลน์ วิธีใช้ก็เหมือนกับการแสตมป์

เรื่องเบี้ยวไม่ไประยอง
เออ...ไม่อยากให้เดินทางไกลเกือบทุกอาทิตย์แบบนี้เลยนะ
ผู้คนเดี๋ยวนี้มันขับรถเหมือนไม่ได้ทานนมคนแต่เป็นนมคูปรีย์หรือยังไงเนี่ยะ
มันแซงซ้ายแซงขวาราวกับว่ามีนัดกับยมบาล
ส่วนสองล้อเครื่องก็ขับปาดข้ามถนนเหมือนว่าในโลกนี้มีมันแค่คนเดียว
หรือว่ามันตาบอดตาใสหรือยังไง หมวกกันสมองกระจายมันก็ไม่ได้ใส่

เมื่อวานไปถ่ายรูป
มีญาติจะรับปริญญาโท
แต่ติดที่สมเด็จท่านทรงเลื่อนวันออกไปอีก
รอกันไม่ไหว หาสถานที่ถ่ายรูป แล้วก็ทานอาหารกันเลย
คือไม่ได้ยินดีกันมากหรอก แต่อยากกินฟรีกันมากกว่า
วันนี้ วันอาทิตย์ คงไม่ไปไหน
เมื่อวานไปรับคุณหนูจากบ้านริมน้ำมานอนที่บ้านเล็ก
อาจจะมีเซอร์ไพร์สไปหาวัดใส่บาตรตอนสายๆ
แต่คงไม่ไปไหนไกล เพราะเมือวานเดินไปเดินมาจนขาล้า ตามวัยคนชรา

ตอบคอมเม้นท์วันโน้นไม่ทัน
ไม่อย่างนั้นจะฝากทานแกงเขียวหวานหนึ่งคำซะหน่อย
แต่เมื่อวานเฮียทานปลากะพงทอดน้ำปลาเผื่ออาหมวยเล็กไปแล้วนะ
เค็ม...มั๊ยหละ

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:00:07 น.  

 
To Haiku
หวัดดีจ๋าดาร์ลิ้ง เอ้ย...น้องไฮก์

ขอบคุณสำหรับคำติชม
พี่จะขอเก็บเอาไว้ในซอกหลืบของดวงใจดวงที่5 ว่ายังมีคนชมเราอยู่
จริงๆปากก็ว่าไม่ต้องเชียร์ แต่ข้างในมันก็มองหาคำเชียร์อยู่ดี 555
ปากกับใจไม่ตรงกัน อะอะอะ

เรื่อง VG นั้นอยากให้มองว่าพี่พยายามแยกเป็น 3 แนว
คือเรื่องสุขอนามัยกายภาพแนวหนึ่ง
และแนวประเด็นปัญหาสังคมแนวหนึ่ง
ส่วนอันที่สามก็เป็นพวกเรื่องคิดนอกกรอบ
ใครชอบแนวไหนก็ comment มาคุยกันได้

และหากว่าใครมีความรู้เรื่อง VG แบบตัวจริงเสียงจริง
ก็อยากให้เขียนอะไรให้สังคมได้ทราบกันบ้าง
เพราะน้องๆที่ไร้เดียงสาบางคนกลายเป็นเหยื่อที่น่าสงสารในสังคมทุกวันนี้
ใครไม่กล้าคุย หรืออาย ก็เลี่ยงคุยในมุมมองแนวฮาๆขำๆก็ได้ เพราะ จขบ ก็เป็นคนลามกระดับอาจารย์เชียวหละ
อย่างรูปสาวๆVGเผ่าซูลูแบบไม่บังรูป ไม่เบลอตรงนั้นตรงนี้
ถ้าอยากได้ก็ขอมาได้ 555
หรือใครไม่สนใจประเด็นก็เข้ามาทักทายกันได้
บล็อกนี้ก็แบบนี้ มีทั้งโหด มัน ฮา ฉอเลาะ ปากร้าย ไปเรื่อยเปื่อย 555

มีคนคอมเมนท์เรื่อง Romeo Juliet สองคนแล้ว
เอาไว้ตอนท้ายพี่คงมีเรื่องผูกประเด็นหนังให้เกี่ยวกับหัวข้อ ให้อ่านให้คิดกันบ้างนิ

ขอบคุณอีกครั้ง


Ref: ไฮกุ haiku DarkGreen 00 64 00


โดย: zoomzero วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:38:16 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ชาย
เริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์
ด้วยความสดชื่น นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:49:14 น.  

 
To Mintiva
มอร์นิ่งอาหมวย

เรื่องของ HRM

มีความทรงจำหลายคนและหลายฉากหลายตอนเหลือเกิน
แต่เฮียจะยกตัวอย่างเป็นเรื่องๆให้อ่านนะ (อาจจะมีแค่เรื่องเดียว 555)

อันนี้เหตุเกิดที่โรงพยาบาลเอกชนชานเมืองหลวงของประเทศเรา
ซึ่งก็เป็น รพ.ขนาดกลาง บริหารงานโดย 2 คุณหมอสามีภรรยา
และก็มีผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นหมอเหมือนกัน แต่น่าจะเป็นแค่ในนามหรือเอาเงินมาฝากลงทุน
เพราะว่าหมอทั้งสองท่านดูแลทุกอย่าง 100%
ขนาดตอน 6 โมงเช้า คุณหมอสามียังมาเดินเปิดประตูส้วมทั้งหญิงและชายดูความสะอาดเลย
เฮียเคยทำงานดึกแล้วนอนค้างมันที่ รพ.นั้นแหละ
ประหยัดค่าแท็กซี่เพราะกลับไปตีสอง เจ็ดโมงก็ต้องมาอีกรอบ หมดเงิน 2 - 3 ร้อยฟรีๆทำไม
แถมเฮียยังสามารถเขียนใบเบิกค่าเดินทางได้ 2 เที่ยว ได้เงินมาซื้อขนมแจกสาวๆที่อ๊อฟฟิซได้อีกด้วย 555

คุณหมอหญิงท่านดูแลงานส่วนของฝ่ายบุคคลด้วย
แต่งานท่านช่างมากมาย หนักเข้ามีการขยายรพ. มีประชุมเยอะมาก
ท่านไม่มีเวลาดูแลเรื่องนี้ แต่พวกเด็กๆฝ่ายบัญชีก็ขยันขันแข็ง
หากแต่ว่าพอหัวไม่ส่าย ลำตัวก็นิ่ง หางก็ไม่ไหวติง
ปัญหาในแผนกบุคคลจึงเป็นดินพอกหางหมู ยุ่งเหยิงอิรุงตุงนังพันกันไปหมด
หมอหญิงเลยหาคนมาแทน และก็ได้เอาน้องสาวคนสุดท้องของเธอมาทำงานด้านนี้
สมมติว่าเธอชื่อ น.ส.สวิง ก็แล้วกันนะ
คุณสวิงเรียนหนังสืออย่างไรไม่ทราบเห็นว่าไปเรียนเมืองนอกได้ 6 เดือนแล้วเกิดเหงาคิดถึงบ้าน
เลยลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้านเฉยๆเป็นปี
สำนักข่าวนินทาฮาเฮรายงานว่า คุณสวิงกลับมาเพราะคิดถึงแฟน แต่ดันเจอว่าแฟนนอกใจ
เลยอกหัก ไม่เป็นอันกิน อันนอน อันเรียน อันทำมาหารับประทาน
พี่สาวเลยเห็นว่าเอามาทำงานใกล้ตัวนี่แหละดีที่สุด
แรกๆคุณสวิงก็ทำตามออร์เดอร์ต่างๆของหมอหญิงพี่สาวของตน
พูดง่ายๆก็คือ เซ็นชื่ออย่างเดียว ไม่ต้องใช้สมองมากเท่าไหร่
ตอนแรกคุณเธอก็บอกว่าไม่อยากทำ แค่ช่วยเล่นๆสัก 3-4 เดือนก็จะไปทำอย่างอื่น
แต่พอได้เป็น ผจก. ฝ่ายบุคคล รพ. ดังย่านชานเมือง
เวลามีงานอะไรใหญ่ ก็ต้องเป็นแม่งาน ได้เป็นคนพูดกล่าวโน่นกล่าวนี้
และเพราะว่าเธอไม่ได้ขี้เหร่เลย ออกจะสวย หมวยอินเตอร์อีกต่างหาก
หลังๆมาเธอเริ่มเป็นตัวของตัวเอง มีการจัดห้องทำงานใหม่ ยกเครื่องแบบล้างบางเฟอร์นิเจอร์กันเลย
เธอเริ่มจำหน้าคนได้หมดทั้งรพ. ไม่ว่าหมอแก่ หมอหนุ่ม พนักงานทุกแผนก ช่างซ่อม ไปจนถึง แม่บ้าน ทำความสะอาด

พอเวลาผ่านไป 1 ปี เธอก็ใหญ่เต็มตัว และเริ่มใหญ่คับพื้นที่
มีคนโดนเธอไล่ออกคิดจำนวนคนแล้วในเวลา 5 ปี ก็ยังไม่เท่ากับที่เธอเอาออกไปใน 1 ปี
และก็ไม่ได้มีคนใหม่ที่ดีกว่าคนเก่าเข้ามาเลย คุณภาพคนก็พอๆกัน
ปัญหามันอยู่ที่ระบบการทำงาน และอุปกรณ์การทำงาน ที่ไม่ค่อยจะทันสมัยต่างหาก
แต่คุณสวิง แกไม่ฟังอะไร แกเอาอารมณ์น้องสาวคนเล็กมาใช้ในที่ทำงานแบบ 100%
คนดีด้วยได้ขึ้นเงินเดือน ใครแข็งข้อ โดนย้ายแผนก เปลี่ยนเวลาเข้างาน และก็ตามด้วยการไล่ออก
สมัยโน่นไม่มีใครอยากไปฟ้องกรมแรงงานหรืออะไรให้วุ่นวายหรอก
ตัวเองเป็นลูกจ้างประจำหรือลูกจ้างรายวัน ตัวพวกเขาเองก็ยังงงอยู่เลย

ในรพ.จะมีกิจกรรมประหลาดอย่างหนึ่งก็คือ การรับเด็กผู้ช่วยพยาบาล
ซึ่งไม่ได้เป็นโรงเรียน ไม่ได้เป็นวิทยาลัย ไม่ได้เป็นสถานศึกษาใด
แค่รับคนมาแล้วก็ใช้ทำงาน แต่ไม่ให้เงินเดือน ให้แค่กินฟรี นอนฟรี
ทำอยู่ 6 เดือน ถ้าท่าทางดูดีก็รับ ถ้าไม่เอาไหนก็โบ้ย โดยบอกว่า สอบไม่ผ่าน
สมัยนั้นคนสมัครต้องเสียค่าสมัครและค่ากระดาษสอบ
โดนกันไปคนละ 500 บาท ซึ่งสมัยโน้นก็นับว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับคนจนๆนะ
รับสมัครกันทีเป็นพันคน แต่เอาแค่ 50 - 60 คน คิดแล้วแค่สมัคร รพ.ก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
แต่มองแบบเต็มรูปเงินของคนที่สอบข้อเขียนไม่ผ่าน ก็จะกลายเป็นน้ำเลี้ยงให้คนที่ได้เข้ารับการอบรมอีกที
หากแต่ว่ามองยาวออกไปอีก รพ.ได้แรงงานคนมา แต่ไม่ต้องจ้างให้เสียสตางค์
นี่คือ ความคิดของคุณสวิง และท่านเป็นคนแรกที่คิดเอาระบบการอบรมแบบนี้มาใช้ใน รพ. นี้เป็นคนแรก

ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ในหวอดหรือแผนกย่อยของรพ. ก็จะมีเด็กสาวๆพวกนี้ฝึกงานเต็มไปหมด
จนบางทีวันเสาร์-อาทิตย์ ตอนกลางคืน เหลือพยาบาลวิชาชีพจริงๆไม่ถึง 3 คน ก็มี
3 คนนี้ไม่ใช่ต่อ 1 แผนกนะ
3 คน ต่ือ 1 รพ. มีเตียงถึง 40 กว่าเตียง
ถ้ามีเหตุฉุกเฉินก็มักจะมีคนไข้ตายเสมอ
แล้วก็มีคนเอามานินทาว่า คนไข้ตายก่อนหมอมาเป็นชั่วโมงๆ
อ้อ..เดี๋ยวจะหาว่าแหกตา ใน ICU มีหมอนะจ๊ะ ไม่มีญาติคนไข้รายไหนสงสัยเรื่องนี้หรอก
แต่เรื่องจริง ความจริง มีพยาบาลตัวจริงหรือเปล่า ไม่อยากเซด
เดี๋่ยวตำรวจจะมาเชิญตัวเฮียไปสืบคดีย้อนหลัง 555

เรื่องเล่าก็มีเท่านี้ ไม่มีอะไรสำคัญเท่าไหร่ แค่อยากนินทาเขาเท่านั้น 555
ไม่ช่าย...แค่เฮียมีมุมมองว่า หน้า HRM มันสำคัญมาก เพราะมันเป็นการดูแลคน คนที่เป็นพลังงานของธุรกิจ
แต่ รพ. ดันเล่นเอาเด็กไม่เคยผ่านการเรียนด้านนี้มาเป็นนายคน อาศัยว่ามีญาติเป็นบิ๊กเฮดขององค์กร
อาหมวยเล็กเชื่อมั๊ยว่า แค่ 2-3 ปี เฮียกลับไปเซอร์วิชที่ รพ.นี้ เฮียหาคนเก่าๆแทบไม่เจอเลย
มีแต่คนใหม่ๆที่ได้รับการสอนจากคนเก่าแบบขาดๆหายๆ ผิดๆเลอะ จนมาถึงคนรุ่นที่ทำอะไรไมเป็น
เหมือนกลับมาเริ่มต้นที่ศูนย์

ในที่สุด รพ.นี้ก็ถูกเทคโอเวอร์ไป
ใครมาบริหารเฮียก็ไม่ทราบ
คุณสวิงไปอยู่ที่ไหน ได้สามีรวยหรือจน เฮียก็ไม่ทราบ
เฮียอยากทราบอย่างเดียวว่าตอนนี้แกไปทำงานเป็น HRM ที่ไหนหรือเปล่า 555

องค์กรที่ต้องดูแลพนักงาน เพราะเขาเปรียบเป็นทรัพย์สินที่มีชีวิตจิตใจ
หากว่าได้เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าที่ขาดคุณสมบัติของผู้นำที่ดี พวกจิตใจติงต๊อง
มันไม่ใช่แค่เรื่องไล่ออกหาใหม่ เรื่องของคนรวยที่ได้งานดีๆแล้วทำตามเกมของตัว
แต่พนักงานที่เขาโดนไล่ออก เขามีครอบครัวนะ มีพ่อมีแม่ บางคนมีคู่สมรส บางคนมีลูกมีหลาน
เล่นเอากระบือมาทำงาน แล้วทำให้คนปกติๆต้องมาเดินเตะฝุ่น เฮียว่ามันเฮงซว....ญ ฟระ
ขอขว้างไข่สัก 1 ฟอง

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:00:39 น.  

 

สวัสดีค่ะ พี่ซูม สาระความรู้เกี่ยวกับ vg เยอะมากมายเลยน่ะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ ว่างๆจะเข้ามาอ่านให้หมดค่ะ ตอนนี้ตีสามแล้วค่ะ พรุ่งนี้ว่างจะพิมพ์อีเมลหาพี่น่ะคะ พี่พักผ่อนบ้างน่ะ นั่งพิมพ์นานๆปวดหลังอีกมั้ยคะ ระวังด้วยน่ะ

ค่ำนี้รู้สึกเศร้าๆน่ะ น้ำตาซึมไปเหมือนกัน เพราะพี่ในbb ที่เพิ่งเสียไป แอน รู้จักค่ะ พี่แกเป็นคนดี มีน้ำใจสุดๆ เคยไปบ้านแก ตอนพบปะพี่น้องแฟนคลับหยินมี่ เค้าจัดกันที่นั่นแล้วก็ไปทานข้าวกันในกลุ่มด้วยกันหลายครั้ง อีกทั้งเคยไปทำบุญที่วัดด้วยกัน มันรู้สึกใจหายค่ะ พี่ซูม

ง่วงแล้วล่ะ



โดย: นกสีขาว IP: 79.66.33.16 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:10:13 น.  

 
To WhiteBird
สวัสดีครับน้องแอน (คงต้องบอกว่า Good Night ซินะ ตอนนี้ เพราะหลับไปแล้ว)
เอาเป็นเวลาเมืองไทยดีกว่า
Good Afternoon my dear oversea sister,

ความจริงแต่ละเรื่องใน Blog ของพี่
พี่ก็มีเรื่องคุยเยอะแยะนะ
อย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่า 3 มุมมอง เพราะพี่ชอบคิดแทนคนอื่นไง
แต่ส่วนใหญ่ เนื่องจากเราเป็นหนังทุนน้อย ขาดดาราเด่นๆ ขาดการประชาสัมพันธ์
หนังของเราเลยแห้งเป็นเนื้อสุนัขแดดเดียว
อย่างว่าหละนะ จะให้ผู้กำกับอย่างพี่
เที่ยวไปเยี่ยมบ้านคนทีละ 30-40 บล็อก ไม่ใช่นิสัยถาวร เลยไม่อยากทำ

ถ้าไม่เชื่อก็ลองย้อนไปดูเรื่องเก่าๆเมื่อปีก่อนดิ
จะเห็นว่าถ้ามีคนเข้ามาคอมเมนท์ตามประเด็นนั้นๆ
พี่ก็จะกลับไปงัดข้อมูลมาต่อยอดออกไป
แต่ความจริงขนาดเขียนวางยา กะว่าจะมีคนมาแย้งตรงนั้น
แล้วพี่ก็จะได้เอาข้อความสนับสนุนกับความคิดของผู้แย้งออกมาคอมเมนท์ร่วม
แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนั้นเลย

ถ้าเรื่องไหน สุนัขช่วยกันหอน บรู๋ๆ ระงมหุบเขา
พี่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อใหม่ เพราะความอับอายนั่นแหละ
แต่พอผ่านไปได้ปีกว่า เริ่มบรรลุธรรมข้อที่ว่า เราเป็นเรา
เราเขียนให้เราอ่านในแบบที่เราอยากให้เราอ่าน
เราเขียนแล้วเรามีความสุข เราได้บันทึกวันวานที่เราได้พบเห็นมา
เราได้สอดใส่ความคิดโง่ๆบ้าๆของเราเอาไว้ในบ้านของเรา
ไม่ได้ไปเที่ยวคอมเมนท์ให้เจ้าของบล็อกเขาต้องมานั่งเกร็งๆ
กลัวว่าคนจะคิดว่าเขาเป็นพวกไร้สมองเหมือนเรา แบบนั้นเป็นการทำลายชื่อพวกเขามากกว่า
ส่วนแขกท่านอื่น ถ้าเขาเข้ามาอ่าน
เขาเข้าใจ เขามีเมตตาจิต อยากสนทนากับเรา หวังให้เราได้เห็นธรรมเสียที
เราก็คุย แลกเปลี่ยนความคิดกันได้

วันนี้พี่ไม่อยากสร้างมิตร
และ
ก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับผู้ใด

บรรยากาศวันนี้ สบายใจดี ไม่ต้องห่วง อิอิ
อย่างน้อยก็มี 2 สาวชาวไทยแต่หัวใจอยู่กับหนุ่มเกาหลี เข้ามาคุยกันป่วนๆเล่น
และก็ยังมีหนุ่มหล่ออีกท่านสองท่านวนๆแวะเข้ามาอ่าน แต่อาจจะไม่อยากเขียนอะไรมากมาย
เลยเขียนออกของได้เยอะหน่อย ตอนนี้ก็จวนหมดไอเดียแล้วหละ
ส่วนน้องสาว 1, 2, 3 คน คนไหนไม่ว่าง ไม่มีเวลาเขียน ก็ไม่ได้ว่าอะไร
เงียบมา พี่ก็เงียบไป ก็เท่านั้น 555 เสียงมันจะได้เงียบเชียบไง

เรื่อง BBFC
อย่างที่พี่เขียนตอบน้องบีไปแล้ว
พี่เข้าไปเล่นบอร์ดนั้นก็เพราะอยากคุยกันผู้คนบนโลกอินเตอร์เน็ทก่อนที่จะตายไปโดยไม่มีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้
ตอนนั้นรายการมันก็เฟดลงไปแล้วด้วย
ส่วนเรื่องการเป็น Fanclub ของใคร การร่วมกิจกรรมมวลชน
หรือการมีรหัสทะเบียนผู้เป็นสาวกของบอร์ดกันตนา
ไม่มีใครเคยให้พี่
ไม่มีใครเคยดีใจที่พี่เขียนอะไรเอาไว้
ไม่มีใครห่วงเมื่อพี่หายหัวไป (คงไม่ต้องบอกว่ายกเว้นใครนะ)
พี่ก็เลยไม่ได้กลับไปอ่านข่าวส่วนตัว ส่วนหมู ส่วนรวม ของพวกเขา
เรียกว่า ลาขาด ง่ายๆดี

เรื่องคุณธิ
พี่ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร
พี่ไม่ได้เสียใจ (ขออภัย พี่ดัดจริตไม่เป็นนะ ขอโทษด้วย) เพราะไม่รู้จักเลย
พวกเขาไปสวดศพกันวันไหน หรือเผากันวันไหน วัดไหน ก็เป็นเรื่องของพวกเขา
คนที่มีเบอร์โทรฯพี่ ไม่มีใครโทรมาบอกแม้แต่คนเดียว
นี่ก็คงเป็นข้อยืนยันว่าสังคมเล็กๆใบนั้น มันไม่มีที่ว่างให้พี่เข้าไปอยู่ตั้งแต่ต้น
และพี่ก็เฉยๆ ไม่ได้อยากเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของสังคมไหนๆหรอก
อือ...ขวางโลก จังเลยนิ 555
ก็อย่างว่า จิ้งจอกหางด้วน ก็ต้องบอกว่า การไม่มีหางเป็นเรื่องดี
เพราะไปไหนมาไหนได้คล่อง หางไม่ไปพัยผูกกับกิ่งไม้ หรือก้านดอกไม้ที่สวยงาม

เรื่องคนตายแท้ๆ เขียนอะไรซะเหมือนไม่เคารพเขา
ก็ไม่รู้จักหนะ จะให้แกล้งบิ้วอารมณ์ทำเป็นเศร้าร่วมด้วยช่วยกันได้อย่างไรหละ
พี่ไม่ได้ว่าอะไรเขาเลย เขาก็คงไม่โกรธพี่หรอกนะ

เอาเป็นว่าน้องแอนกับแฟนรู้จักเขา
ก็มีสิทธิ์เศร้า
และพี่ก็เห็นว่าทั้งสองคนก็ได้เข้าไปไว้อาลัยพี่ธิเขาแล้วนี้
มาพร้อมกันเลยนะ สงสัยจะปราบคนเจ้าชู้ได้อยู่มือแล้วกระมัง
แบบนี้ก็ไม่ต้องใช้บริการตัวยุแยงอย่างพี่อีกแล้วหละ

Ref: นกสีขาว AnnEng DeepPink FF 14 93


โดย: zoomzero วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:53:16 น.  

 


หวัดดีค่ะพี่ชาย
วันนี้มาเซย์ ไฮ สายไปนิด นะคะ
เฮียคงทานกาแฟไปแล้วอ่ะนะ มินหน่ะไป 2 แก้วแล้วค่ะ
เรื่อง HRM อ่ะ จริง ๆ ในองค์กรใหญ่ ๆ มันจำเป็นต้องมีค่ะ
อย่างที่บริษัทฯ มินอ่ะ ช่วงที่ขาดมาปีนึงเนี่ย
รู้เลยว่ามันวุ่นวา่ยแค่ไหน ตอนแรกที่บริษัทฯ ก็คิดว่า
จะให้ คนที่เป็นรองขึ้นมาทำตำแหน่งนี้
แต่ รอ ๆ ๆ ดู ศักยภาพของเค้าแล้ว
มาประชุมประเมินกัน มันยังไม่ถึงขั้นค่ะ
เลยต้องรับคนใหม่อ่ะ คนนี้ อันที่จริงมินว่า
เขาก็ดีนะ ทันสมัย มีคอนเนคชั่นที่ดี และผ่านงาน
บริษัทฯ ที่ใหญ่ ๆ มากมาแล้ว ก็หวังจะให้เขาอยู่นาน ๆ อ่ะค่ะ
อ้าว..นายเรียกหาอีกแล้ว เดี่ยวมาคุยใหม่นะคะ
แหม..กำลังเพลิน ๆ เรียกจั๊ง...
ถ้านายอยู่ office เนี่ย มินต้องออกไปข้างนอกอ่ะนะ
เพราะถ้าอยู่เนี่ย พี่แกเรียกหาตลอดอ่ะ เฮ๊อ...
ปล. ทานกลางวันให้อร่อย นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:04:23 น.  

 
To Mintiva

ฮาโหย อาหมวยเล็ก

เอ้..เดี๋ยวนี้ ตั้งแต่ตรุษจีน ไหงเรียกเฮียเป็นพี่ชายไปแล้วหละ
ไม่เอานะ เค้าอยากเป็นอาเฮีย เพราะเสียงมันออกมาคล้ายๆชื่อ วรนุช อะ
ถ้าได้ ตั่วเฮีย นี่ยิ่งดี ฟังแล้วเหมือน ตัวเห...
อุ้ย...ขอโทษที่ไม่สุภาพแต่เช้า (ความจริงออกจะสายนะ)
คงเป็นเพราะว่าวันนี้หงุดหงิดผิดปกติไปหน่อยนะจ๊ะ

วันนี้เฮียไม่ได้ดื่มโกปี้เลย
จริงๆไม่ค่อยได้ดื่มพวกน้ำร้อนขมๆแบบนี้มานานเแล้ว
จะดื่มก็ต่อเมื่อมีคนซื้อมาให้ทานแก้วละ 25-45 บาท แบบนี้ดื่มได้
ช่วง 5 ปีมานี้เฮียดื่มโกปี้แล้ว ระบบย่อยอาหารมันแปรปรวนมาก
ยังสงสัยเลยว่าพวกที่เอากากกาแฟสวนทวารนั้น เขาทำได้อย่างไร
ที่เรียกว่า ดีทอกดีต๊อก อะไรทำนองนั้่น
ก็กาแฟธรรมดาๆ ยังมีคนแพ้ ทานแล้วใจสั่นเลย
เห็นเขาว่าดีนักดีหนา แต่ก็ไม่กล้าลองสักที
กลัวว่าถ้าเกิดอาการแพ้แล้วชักหัวใจวายคาห้องส้วม
คนมางานศพคงขำมากกว่าเศร้า 555
ตอนนี้เฮียหันมาบริโภคโอลิงติง หรือไม่ก็ ชาฝรั่งลิปตัด จ๊ะ
เช้านี้ทำข้าวต้มทานเลยงดเครื่องดื่ม จ๋อยเลย...

เมื่อวานคุณนายเจ้าของบ้านเอาซีวิคไปชนท้ายยารีดมาโครมใหญ่
อาการของคนขับไม่มีอะไร เห็นเขาว่าอย่างนั้นนะ แต่ต้องรอดูวันนี้อีกที
ส่วนรถ ตัวโลโก้ H ใหญ่ หายไปเลย
ประกันบอกว่า ไม่เป็นอะไรมาก
แต่โทษที หม้อน้ำแตก สตาร์ทไม่ได้ ต้องเอารถมายกไปเข้าศูนย์
รถสมัยนี้กันชนมันดีนะ มันเด้งออกมาเหมือนไม่ได้ชน
แต่เวลาที่ชน เหมือนมันไม่มีตัวตน เพราะคานหน้ายุบเข้าไปเกือบ 10 นิ้ว
เลยเอารูปมาให้ดูเป็นอุทาหรณ์ว่า อย่าขับรถโดยไม่ระวังคันหน้า
งานนี้คุณนายบอกว่า คันแรกเบรค คันยารีดเบรค แต่เจ้แกไม่ได้เบรค เลยเสยรวด
ประกันบอกว่า คันสุดท้ายจ่ายหมด
แหมเสียดายคันที่สี่เป็นทีน่า ดันเบรคอยู่ไม่โดนใครเลย
ประกันของเราเป็นแบบชั้น 1 ยี่ห้อบริษัทดัง แต่โทษทีเครื่องคอมฯเสีย เลยมาช้า
ประกันระดับชาวบ้าน มาเร็ว เคลมเร็ว แถมช่วยเข็นรถหลบข้างทางให้อีก
ปีหน้าท่าทางว่า คุณนายน่าจะเปลี่ยนเจ้าประกันเสียแล้วหละ

ดูแล้วไม่น่ามีอะไร แค่ฝากระโปรงสะดุ้ง โลโก้หาย




แต่ดูอีกที ป้ายทะเบียนงอหัก คงไปชนโดนเหล็กแกนอะไรสักอย่างของท้ายยารีด



มองหาหม้อน้ำไม่เจอ เห็นแค่ฝาเติม
ด้านล่าง แอบมองดูแล้ว แอร์ และอะไรอีกหลายอย่างโย้ไปหมด



แปลกที่ แอร์แบค ไม่ทำงาน

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:03:45 น.  

 
แวะมาขอบใจสำหรับข่าวสารของBBFCเราได้ไปเคารพศพพี่ธิมาแล้วเพราะวันรดน้ำศพยายเราก็เผาพอดีค่ะ แวะไปให้กำลังใจกันบ่อยๆๆๆนะค่ะ


โดย: priyavimol วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:50:12 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

หวัดดีค่ะเฮีย
ต้องเรียก พี่ชาย บ่อย ๆ เป็นการเตือนตัวเองไปในตัวด้วยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เรียกเฮีย ๆ ถึงมันจะความหมายเดียวกัน แต่ มันไม่เหมือนกันนี่คะ ฮ่า ๆ ๆ

แหม..คิดแล้วโมโหตัวเองเหมือนกันนะคะ
ก็เราสองคนจะ มีลางสังหรณ์ที่มันใกล้เคียงกันนี่นา
มินโดนชนท้ายเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ก็ลืมบอกเฮียไป ว่าให้ระวัง ๆ มั่งนา
ดันไปแจ๊กพ๊อตที่อาเจ๊ซะได้อ่ะนะ
หวังว่าเจ๊ คงไม่ตกใจมากเหมือนมินนะ
ของมินมันน้อยกว่าตั้งเยอะ แต่ มิืนจะตกใจมาก
ถ้าอาไรที่มันเกี่ยวกับรถชนโครม ๆ อ่ะค่ะ

ดีที่ไม่ค่อยเกิดบ่อย ๆ เคยโดนชนโครมเมื่อปี 39
สมัยนั้น เพิ่งออกป้ายแดงมา มินวิ่งไปทางที่จะไปวิชัยยุทธอ่ะ
ไอ้บ้าแท๊กซี่มันผ่าเหล็กกั้นรถไฟแบบพุ่งพรวดมาชนมินโครม
กลางสี่แยกที่มีดับเพลิงอ่ะค่ะ จำได้ว่าร้องกรี๊ดสุด ๆ เลย
แล้วเหมือนจะเป็นลมอ่ะ มันวิ๊บ ๆ วั๊บ ๆ หน้าจะมืดไงไม่รู้
รถมินเสียหายข้างหน้าไม่เยอะ เพราะมันเป็นเบ๊นซ์ E 220
แต่ แท๊กซี่มันงอเหมือนหักกลางเลย เพราะมันหมุนไปฟาด
เสาหัวมุมถนนพอดี ครั้งนั้นเป็นอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดที่เคยเจอค่ะ
จะไปเยี่ยมคนที่วิชัยยุทธ เลยต้องเข้าไปซะเอง แต่มินก็ไม่ได้เป็นอาไรมาก แค่ตกใจสุด ๆ เท่านั้นเอง
แท๊กซี่ ใบขับขี่ก็ไม่มี มีแต่ใบสั่ง มินสิ เสียฤกษ์หมดเลย รถก็เพิ่งออกมาได้ยังไม่ถึงเดือนเลย
สมัยนั้น ซื้อรถแถมประกันที่วิริยะให้ด้วย ตอนนั้นแถมให้ตั้ง 3 ปี มั๊งคะ...

ก็หวังว่า เจ๊ คงไม่เป้นไรมากนะคะ
ส่วนรถ ก็คงต้องเข้าศูนย์ซ่อมไปตามระเบียบ
แต่เฮียรู้ไม๊ว่า การที่เอารถเข้าศูนย์เวลา accident เนี่ย
มันจะใช้เวลาเป็น 2 เท่าของที่เราจะเอาไปเข้าอู่ประกันเลยค่ะ
เพราะบางศูนย์เนี่ย ที่เค้าโม้ว่าซ่อมห้างหรือซ่อมศูนย์เนี่ย
เค้าเอง ก็ส่งเข้่าอู่ที่เค้าคัดเลือกมาแล้ว เหมือนกันค่ะ
รอมารับไป และรอมาส่งกลับ ช่วงนี้ก็เสียเวลาไปหลายวันแล้วอ่ะนะมินว่า...

ปล. นึกว่าฟาดเคราะห์ไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวก็คงมีเรื่องดี ๆ เข้ามาอ่ะนะมินว่า...โอม เพี๊ยง..โชคดี ๆ ๆ ๆ นะคะ อิอิอิ


โดย: มินทิวา วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:43:46 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะเอีย
เรื่องรถฮอนด้า คงเรียบร้อยแล้วนะคะ
ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นนะ
เฮียไม่ดื่มกาแฟใช่ไม๊
งั๊น เอาโอวัลตินดีไม๊คะ อิอิ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:10:30 น.  

 

Romeo and Juliet

โรมิโอแอนด์จูเลียต เป็นบทละครแนวเศร้าหรือโศกนาฏกรรม อันเป็นผลงานสร้างชื่อเรื่องหนึ่งของนักประพันธ์ ชื่อก้องโลก วิลเลี่ยม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) โดยแต่งในปี ค.ศ. 1591 - 1595 (พ.ศ. 2134 - 2138) คำว่าละครโศกนาฏกรรม (Tragedy) หมายถึง ตอนท้ายเรื่องเป็นการจบแบบไม่สมหวังหวานชื่น ซึ่งต้องมีฉากการตายในตอนจบ และอาจจะแทรกเอาไว้ในช่วงต่างๆของเรื่องก็ได้ เรื่องราวจะหลอกล่อให้ผู้ชมเคลิบเคลิ้มมีความสุข สนุกสนาน แล้วก็หักมุม จนทำให้ผู้ชมต้องรู้สึกทรมานใจ และเสียน้ำตา โดยไม่ทันได้ตั้งตัว

เรื่องราวแบบนี้ ผมมักจะเรียกว่า ความรักที่ฟ้ากลั่นแกล้ง ซึ่งอาจจะใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งว่า Star-crossed Lovers หมายความว่า ดวงดาวได้กำหนดชีวิตของคนสองคนให้ต้องมาเจอกัน รักกัน และมีอุปสรรคขวางกัน ต่อให้ฝืน ทำดีไปอย่างไร ในที่สุด...ก็ไม่สมหวัง ต้องพลัดพรากจากกัน หรืออาจจะถึงขั้นตายจากกัน ทิ้งความรู้สึกว่าถูกพระเจ้า หรือเทพเบื้องบนกลั่นแกล้ง หรือไม่ยอมเห็นใจ ไม่เมตตาในความรักอันบริสุทธิ์

ผู้ที่แปลเรื่องนี้ เป็นภาษาไทยท่านแรกคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โดยได้ทรงแปล และจัดพิมพ์เอาไว้ในปี พ.ศ. 2465

บทละครเรื่องนี้ มองอย่างพิเคราะห์ ก็จะพบว่ามีครบทุกรส ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตของคนทั่วๆไป เรื่องรักแสนโรแมนติก ต่อสู้บู้ล้างผลาญ การปะทะคารมของคนต่างวรรณะ การทุกข์ระทมใจของคนอาภัพ ความขัดแย้งในด้านความคิดของคนแต่ละคน ...ฯ ใช่ว่าจะต้องร้องไห้ตลอดเรื่องเสียที่ไหน

เชกสเปียร์ไม่ได้คิดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง หากแต่ว่าข้อมูลมาก่อน เขาได้นำเรื่องเล่าโบราณหรือนิยายเก่าของชาวอิตาเลี่ยน ประมาณ 2 เรื่อง มาเป็นแนวในการเขียน คนแรกที่เคยมีบันทึกว่าน่าจะเป็นคนเขียนเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว ก็คือ Arthur Brooke ในปี ค.ศ. 1562 โดยใช้ชื่อหนังสือว่า The Tragically History of Romeus and Juliet และอีกคนก็คือ William Painter โดยเขียนเป็นชื่อเรื่อง Palace of Pleasure ในปี ค.ศ. 1582

ดังนั้นจะเห็นว่า ละครจะดังได้นั้นบางทีก็ต้องรอจังหวะและตัวบุคคลที่ผลักดันมันออกมาสู่สาธารณชนอีกด้วย ความสำเร็จในเรื่องนี้จึงต้องยกย่องให้เชกสเปียร์ เพราะเขานำมาปรับปรุงให้เข้ากับสมัยนิยมในตอนนั้น นักวิจารณ์รุ่นก่อนได้ชื่นชมบทละครนี้ว่า เป็นพรสวรรค์ของเชกสเปียร์ในการเขียนเรื่องได้เหมือนชีวิตของคนจริงในสังคมสมัยนั้น และจุดเด่นก็คือ การกำหนดจังหวะรับส่ง ระหว่างฉากตลกสนุกสนานกับฉากเศร้าอย่างเร้าใจ เขาเขียนเรื่องได้น่าติดตามมากกว่าคนอื่น นอกจากนี้ สำนวนบทพูดที่เป็นภาษากวีของตัวละครแต่ละตัวก็มีเอกลักษณ์แต่งต่างไปตามนิสัยและอารมณ์ของตัวละคร เชกสเปียร์เองก็สามารถสร้างความบันเทิงได้อย่างมืออาชีพจริงๆ

เนื้อเรื่องของ โรมิโอแอนด์จูเลียต ได้มีการปรับปรุงไปบ้าง เพื่อให้เหมาะกับละครเวที การแสดงร้องเพลงแบบโอเปร่า หรือการนำไปทำเป็นภาพยนตร์ ต้องบอกว่ามีหลากหลายเวอร์ชั่นมาก บุคคลที่มีชื่อเสียงในการปรับปรุงบทให้เหมาะสมกับยุคสมัย ก็ได้แก่ William Davenant, David Garrick, George Benda,…. และก็มีบางคนเปลี่ยนเนื้อเรื่องตอนจบให้เป็นแบบ Happy Ending ก็ยังเคยมี หากไม่มุ่งประเด็นไปที่เนื้อเรื่องมากนัก สิ่งที่มีค่ามากที่สุดก็คือ ชุดเสื้อผ้าและฉากที่ใช้ในการแสดงของตัวละคร ซึ่งนับว่ามีความสวยงามและให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์แฟชั่นในยุโรปในสมัยก่อนนั้น

เคยมีกิ๊กคนหนึ่ง(ของใครก็ไม่รู้) ได้มาถามผมว่า พี่ๆเรื่องโรมิโอกับจูเลียตนี่ เนื้อเรื่องเป็นยังไง? ทำไมคนเขาถึงว่า เป็นละครหรือหนังรักที่ดีมากๆ ผมก็เลยอธิบายแบบลวกๆ แบบว่าเนื้อยังไม่ทันสุก ก็ส่งให้น้องเขาเคี้ยวตุ้ยๆเลย โดยเล่าไปว่า ในประเทศอิตาลี สมัยโน้น น่าจะ 200 ปีมาแล้วมั๊ง ในเมืองๆหนึ่ง มีสองตระกูลใหญ่ไม่กินเส้นกัน ชอบทะเลาะกัน เป็นแบบนี้มาหลายช่วงคน วันหนึ่งบ้านนางเอก ที่ชื่อจูเลียตได้จัดงานเลี้ยงขึ้น มีแขกไปงานเยอะมาก และก็มีลูกชายคนหนึ่งของอีกตระกูลคู่แค้น ได้แอบเข้าไปเต้นรำในงาน แล้วก็ทั้งสองคนบังเอิญได้เต้นรำคู่กัน เลยเกิดการรักแรกพบ และก็ต่อมาอีก 2-3 วัน พวกเขาก็แอบไปแต่งงานกัน น้องชายนางเอกทราบเรื่องเลยไปอาละวาด พระเอกฆ่าน้องนางเอกตาย พระเอกเลยหนีออกจากเมืองไป พ่อนางเอกโมโหเรื่องนี้มาก เลยหาสามีให้นางเอก แต่นางเอกไม่ยอมแต่ง จึงไปหายาพิษแบบที่ว่าทำให้สลบไปเหมือนคนตาย เมื่อนางสลบไป คนในบ้านเลยเอาร่างเธอไปเก็บ เพื่อรอการฝัง ฝ่ายพระเอกทราบข่าวก็รีบมาดูศพนางเอก เมื่อคิดไม่ตกเลยเอามีดแทงตัวเองตาย นางเอกฟื้นขึ้นมาเห็นว่าพระเอกสิ้นลมหายใจไปแล้ว เลยไม่อยากอยู่ จึงเอามีดเล่มเดียวกันมาแทงตัวตายตามกันไป จบ

คนฟังก็ถามสวนมาทันทีว่า แค่นี่เหรอ ผู้หญิงเห็นผู้ชายแล้วชอบ เลยยอมเป็นภรรยา แบบว่าไม่กลัวพ่อแม่เสียใจ แล้วยังคิดสั้นแกล้งตาย ทำให้พ่อแม่เสียใจหนักเข้าไปอีก เพราะไม่อยากแต่งกันคนที่ไม่รัก ส่วนผู้ชายพอแฟนตาย ก็เลยตายตาม ไม่สนใจว่าพ่อแม่จะเสียใจขนาดไหน แล้วที่สุดนางเอกก็ฆ่าตัวตายสมใจจริงๆ มันดีตรงไหน?? ผมก็เลยอึกๆอักๆ เพราะชักจะคล้อยตามน้องเขา แต่ผมก็ยังหาคำตอบมาสวนไปว่า สมัยนั้นเรื่องคลุมถุงชนคงมีเยอะ ผู้คนเลยรู้สึกเข้าถึงความเจ็บปวดของละคร แต่ละครก็คือละคร ไม่ใช่เรื่องการสอนศาสนาเสียหน่อย คนฟังก็ยังทำหน้าว่า ไม่เห็นจะเก็ตเลย เออ...เด็กสมัยนี้ เขาชอบรักคิ๊กขุ กับบู้เอ็คชั่น มากกว่ากระมัง

คราวนี้ใครอยากรู้เรื่องมากกว่าคำว่าเขาเล่าว่า ก็ลองอ่านตรงนี้ได้ คือว่า เป็นเรื่องราวของความขัดแย้งของตระกูลใหญ่ 2 ตระกูล คือ มองตะคิว หรือ มองตากูส(Montagues) และ อีกตระกูลก็คือ คาปูเล็ต หรือ แคปเลต(Capulets) สำหรับสถานที่ในเรื่อง ก็คือ เมืองเวโรนา อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี สองตระกูลนี้อาจจะทำมาหากินขัดแย้งกัน หรือว่าเคยมีบรรพบุรุษมีเรื่องทะเลาะรุนแรง คงถึงกับเลือดตกยางออกกันแน่ๆ เลยโกรธกันเป็นร้อยๆปี กระมัง

ในวันหนึ่งท่านเค้านท์ปารีส เจ้านายชั้นสูงแห่งเมืองเวโรน่า ได้ทำการส่งคนมาสู่ขอ จูเลียต ลูกสาวของตระกูลคาปูเล็ต ไปเป็นภรรยาของตน แต่เจ้าบ้านหรือพ่อของจูเลียตได้ทัดทานเอาไว้ ด้วยเหตุผลบางอย่างเช่น ลูกสาวยังเด็กเกินไปอายุแค่ 13 ปีเอง ว่าที่พ่อตาอยากให้เจ้าชายทนรอไปอีก 2 ปี ถึงจะยอมให้แต่งงานกันได้ แต่บรรดาพี่เลี้ยง แม่นม และนายหญิงแห่งตระกูลคาปูเล็ต ต่างเห็นว่าเป็นคู่ที่เหมาะสม เลยช่วยกันพูดเกลี่ยกล่อมจูเลียตให้เตรียมใจเป็นภรรยาเจ้าชาย
แต่แล้ววันหนึ่งโรมิโอ หนุ่มน้อยรูปงามจากตระกูลมองตะคิวได้แอบเข้าไปเที่ยวในงานเลี้ยงของบ้านตระกูลคาปูเล็ต โดยไปเป็นแก็งค์ 3 ช่า ประกอบด้วย โรมิโอ, เบนโวลิโอ(เป็นญาติห่างๆ), และ เมอร์คิวติโอ(เป็นญาติสายตรง) ซึ่งตอนแรกสามหนุ่มตั้งใจจะไปดูหน้าสาวงามที่ชื่อ โรส์ลิน เท่านั้น และแล้วในงานก็มีการเต้นรำ จูเลียต สาวน้อยคนสวยของเจ้าของบ้าน ก็บังเอิญได้มาเต้นคู่กับโรมิโอ ด้วยความสามารถในการจีบหญิงของโรมิโอ เขาทำให้จูเลียตหลงรักเขาได้ในไม่กี่นาทีนั่นเอง

หลังงานเต้นรำ จูเลียตก็แทบคลั่งรักจนหัวใจจะระเบิด เธอเอาเรื่องที่ได้พบชายหนุ่มลึกลับมาเล่าให้แม่นมฟัง และในตอนนั้นโรมิโอก็ทนพิษรักไม่ไหว เลยแอบไปหาห้องนอนของจูเลียต และก็ได้ยินเสียงหญิงสาว พูดระบายความรักออกมา ฉากนี้นับเป็นอีกฉากเอกของวงการละคนเวที มีชื่อเรียกว่า “Bolcony Scene ”

ในวันรุ่งขึ้นหนุ่มสาวก็ได้แต่งงานกันและเป็นของกันและกัน โดยฝีมือการช่วยเหลือของพระที่ชื่อ ลอว์เรนซ์ (Friar Lawrence) เพราะท่านหวังว่าถ้าสองตระกูลนี้มีลูกหลานเป็นเลือดผสมของทั้งสองฝ่าย ปัญหาบาดหมางก็จะหมดไปในอนาคต

ไทบัท (Tybalt) ซึ่งเป็นญาติห่างๆคนหนึ่งของจูเลียต สืบจนรู้ว่าโรมิโอและพวกได้แอบเข้ามาในงานเต้นรำที่บ้านของตน เลยไปท้าดวลดาบกันโรมิโอ แต่โรมิโอคิดว่าเขาเป็นสามีของจูเลียต ไทบัทก็ต้องเป็นญาติของเขาด้วย เขาจึงไม่ยอมต่อสู้ เมอร์คิวทิโอไม่ชอบหน้าไทบัทอยู่เป็นทุน เลยขอสู้แทนโรมิโอ แต่เขาสู้ไม่ได้ โดนแทงและฟันไปหลายแผล โรมิโอเห็นว่า เมื่อรู้ผลแพ้ชนะแล้วทำไมต้องเอากันถึงตาย เขาจึงเข้าไปหยุดการประลอง ผลเลยทำให้เขาต้องประดาบกับไทบัท และได้พลั้งมือสังหารไทบัทตรงนั้น

เมื่อเรื่องไปถึงเจ้าเมือง ฝ่ายมองตากูสโต้แย้งว่าเป็นการสู้ป้องกันตัวกัน ไม่ใช่ฆาตกรรม เจ้าเมืองจึงสั่งเนรเทศโรมิโอ และห้ามกลับมาอีกเป็นอันขาด ในช่วงเวลานั้นโรมิโอกับจูเลียตต่างก็ใช้เวลาที่เหลือน้อย ตักตวงความรักกัน ฝ่ายพ่อของจูเลียตคิดว่าลูกสาวคงเศร้าใจจนหลบหน้าผู้คน เลยเอาแผนเรื่องแต่งงานออกมาปัดฝุ่น เพราะคิดว่าการแต่งงานจะทำให้จูเลียตหายเศร้าได้ จูเลียตพยายามไปอ้อนวอนแม่ให้ระงับเรื่องนี้ แต่ก็ถูกปฏิเสธ จูเลียตเลยไปปรึกษาหลวงพ่อลอเรนซ์ หลวงพ่อมีได้มอบยาสลบชนิดหนึ่งให้เธอ โดยบอกว่ามันจะออกฤทธิ์ทำให้หมดสติเหมือนคนตาย และท่านจะไปตามโรมิโอมารับเธอหนีออกจากเมืองอีกที

พอถึงคืนก่อนวันแต่งงาน 1 วัน จูเลียตก็ลงไปที่ห้องใต้ดินของบ้าน แล้วดื่มยาพิษ ทันทีที่ยาเข้าปากเธอก็หมดสติไปอย่างรวดเร็วมาก คนในตระกูลคาปูเล็ตเลยทิ้งศพเธอไว้ตรงนั้นเพื่อรอการเคลื่อนย้าย เรื่องนี้เป็นโศกนาฎกรรมตรงที่ว่า จดหมายลับของหลวงพ่อไปไม่ถึงมือโรมิโอ แต่เรื่องการกินยาพิษฆ่าตัวตายของจูเลียตไปถึงก่อน โรมิโอเสียใจมาก เขาอยากเห็นหน้าคนรักเป็นครั้งสุดท้าย เขาจึงตัดสินใจไปซื้อยาพิษจากชายคนหนึ่ง และเร่งรีบไปที่ห้องที่จูเลียตนอนสลบเหมือนคนไร้ลมหายใจ

แต่เขาเข้าไปในห้องนั้นไม่ได้เพราะ เคานท์ปารีสไม่ยอมให้เข้าไป ทั้งสองจึงต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือด โรมิโอสังหารท่านเคานท์ด้วยมีดดาบของเขา จากนั้นเขาก็ไปหาจูเลียต พูดจาบอกรักเธอและกล่าวคำเสียใจมากมาย สุดท้ายก็เปิดขวดยาพิษแล้วดื่มจนหมด จากนั้นก็ล้มลงกอดร่างของจูเลียต ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา จูเลียตก็ฟื้นขึ้น และพบกับร่างไร้วิญญาณของโรมิโอ ด้วยความเสียใจ เธอจึงคว้ามีดสั้นของโรมิโอแทงตัวเองตายตามเขาไป

การตายของหนุ่มสาว และว่าที่เจ้าบ่าว ถึงจะเป็นเรื่องเศร้า แต่อีกมุม มันกลับทำให้ความบาดหมางของสองตระกูล และอีกกลุ่มคนที่เป็นญาติของท่านเค้านท์ ต่างก็ประกาศยุติการเป็นอริศัตรูกันนับตั้งแต่วันนั้น

รัชกาลที่ 6 ทรงแต่งกลอน ในตอนต้นของบทละครนี้ เอาไว้ว่า
“สองตระกูลใหญ่ซึ่งมีเกียรติยศเสมอกัน
ณ เมืองเวโรนาอันเป็นฉากแห่งเรื่องนี้
ต่างสั่งสมความแค้นมาแต่หนหลัง ก่อให้เกิดโทสะใหม่
จนญาติวงศาพากันนองเลือดทั้งสิ้น”

สำหรับวงการภาพยนตร์ ผมจำได้ว่า มีเรื่อง โรมิโอแอนด์จูเลียต อยู่ 2 เรื่อง ต่างเวลากัน
เรื่องแรก หน้าปก เป็นรูปที่น้องไฮก์นำมาโพสต์เอาไว้ เป็นหนังในปี ค.ศ.1968 นำแสดงโดย Olivia Hussey และ Leonard Whiting พระเอกคนนี้เล่นหนังไม่มาก เดิมก่อนหน้านั้นเขาเล่นเรื่องในค่ายหนัง Walt Disney หลังจากนั้นอีกหลายปี ก็แสดงอีก 3-4 เรื่อง จนถึงปี 1973 ได้มาปรากฏตัวในหนังทีวี เรื่อง Frankenstein ดวงพระเอกเรื่องนี้คงไม่ดี เพราะว่าดวงของนางเอกนั้น ได้เล่นหนังถึง 50 เรื่อง(เป็นอย่างน้อย) คุณยายชาวเอเจนติน่า วัย 59 ท่านนี้ อยู่ในวงการมานานมาก ตามประสาจอมมาร ผมมองว่าฮัสสี่เป็นสาวน้อยร้อนแรงเพราะ เธอกล้าเล่นบทเลิว์ฟซีนตั้งแต่วัย 17 ปี และบทบนเตียงของหนังยุคนั้น ถ้าจะให้หนังฉายได้ นางเอกต้องยอมแก้หมดตัว ในเรื่องโรมิโอแอนด์จูเลียต ยอดผู้กำกับ นาม Franco Zeffirelli ไม่ได้ให้เธอโป้อะไรมากมาย แถมเขายังยอมเสียเวลาคัดเลือกเธอมาจากผู้สมัครร่วม 500 คน หลายคนจดจำว่าเธอหน้าตาดี รูปร่างดี แสดงได้สมบทบาท แต่อีกเรื่องที่เป็นพรสวรรค์ของเธอคือเสียงอันไพเราะ โดยเฉพาะการพากย์หนังการ์ตูน หรืออนิเมชั่น

เรื่องที่สอง ฉายในปี ค.ศ. 1996 นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio และ Claire Danes

ผมเคยดูมาแล้วทั้งสองเรื่อง รู้สึกว่าชอบหนังปี 1968 มากกว่า


โดย: zoomzero วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:23:11 น.  

 
To Mintiva
ฮาโหล
ฮาเหล

เรื่องรถ
เมื่อวานไปที่ศูนย์ ไปถอดตัว Easy Pass ที่หน้ากระจก
ทีแรกนึกว่าป่านนี้เขาคงเอาชิ้นส่วนด้านหน้าออกไปจนโหวงเหวง
แต่เหมือนที่น้องมินบอก คือ เขาไม่ทำอะไรมากมาย เขารอให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
เห็นแต่กระจังหน้าหายไป
คานหน้าบู้บี้
แต่ประกันไม่ยอมโทรมาแจ้งซ่อมต่อเนื่อง
เพราะว่าวันแรกเขาเขียนแค่ว่าตัวถังด้านหน้าบุบๆๆ ยุบๆๆๆ
แล้วเขาก็บอกว่าพอช่างที่ศูนย์ถอดออกมา อะไรต้องเปลี่ยนจะโทรมาบอก
เจ้าหน้าที่ประกันจะเข้ามาดูอีกคน
นี่แปลว่า ประกันยังไม่ได้เข้ามาทำอะไรเลย
อ้อ..ลืมไป ประกันมี 2 คน คนแรกขี่มอไซด์มาเขียนใบเคลมให้แล้วไป
อีกคนคือคนที่จะมาอนุมัติงานว่าอันไหนซ่อม อันไหนเปลี่ยน
คนนี้จะมาแค่วันพุธกับวันศุกร์ แต่ตอนนี้ขาดการติดต่อ

เรื่องตกใจ
เจ้บอกว่า ตกใจมาก คู่กรณี่ต้องมาเคาะกระจก เพราะคิดว่าสลบไป
เห็นทางเราไม่ยอมลงจากรถ
ถามไปถามมาก็บอกว่าจำไม่ได้ว่าเบรคหรือว่าไม่ได้เบรค
แต่เฮียดูจากหน้าตาของเจ้าสีวิ๊ก น่าจะตูมโดยไม่ได้แตะเบรคมากกว่า

เข็นรถ
คนใจดำนี่หาง่ายนะ
รถชนกัน พอเข็นรถเข้าไปขอฝากหน้าร้านแป็บหนึ่ง
เพราะหากเอาไว้บนถนน รถรามันจะติด
ธรรมดามันก็ไม่ค่อยจะเคลื่อนตัวอยู่แล้ว
เจ้าของเต้นท์รถที่อยู่ตรงนั้นกลับมาไล่ให้เอารถออกมาจอดขวางบยถนนอีก
อธิบายอย่างไรก็ไม่ยอม ทั้งๆที่ถนนเข้าเต้นท์ก็วิ่งได้ 3 เลน แท้ๆ
น่าจะเชิญมาหุบเขาคนโฉดจริงๆ

เรื่อง VG
สงสัยว่าจะจบดีกว่า นิ 555
อันไหนที่ยังกั๊กเอาไว้ก็เอาโยนทิ้งไปก็ได้
วันไหนบ้าๆค่อยเอามาเขียนใหม่

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:46:26 น.  

 

อยากจะบอกคนรักเรื่อง VG

ผมเป็นคนโชคดีเรื่องหนึ่ง ก็คือ เรื่องไม่ต้องกลัวว่าจะสดหรือไม่สด
เพราะผมไม่ต้องมาคิดมากว่าจะบอกแฟนตัวเองว่าเรายังบริสุทธิ์หรือเปล่า

555 ไม่จริงเลย
เพราะพอมีแฟน คำถามแรกที่โดนเต็มๆ ขณะที่เรากำลังทำมือเป็นปลาหมึกทะเลลึกนั้น
แฟนรุ่นแรกๆท่านหนึ่ง เคยถามพรวดเลยว่า เคยไปเที่ยวอย่างว่ามาหรือยัง?
น่าแปลกนะ เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ดันโดนผู้หญิงถามราวกับว่า เราเคยเสียตัวมาหรือยัง
แต่คนซื่ออย่างจอมมาร ก็ต้องบอกว่า ไม่เคย ซิครับ มันไม่มีคำอื่นในหัวเลย
จนถึงวันนี้ ถ้ามีคนมาถาม ก็ยังตอบเหมือนเดิมว่า ไม่เคย ไปไม่เป็นหรอก กลัวเป็นโรคตาย 555

มาเข้าประเด็น
ก่อนอื่นก็ต้องแยกผู้หญิงเป็น 2 ทีมเสียก่อน
ทีมแรกก็พวก ไม่เด่น หรือ maiden
ทีมที่สองก็คงต้องเรียกว่า เอ็มเอส เพราะเขาบอกว่าถ้าไม่รู้สถานะภาพสมรสของเธอให้เรียกชื่อเขียนชื่อเธอหลังคำว่า Ms

พวก ไม่เด่น คงไม่มีปัญหาในการบอกแฟนเรื่องว่าตัวเองใหม่เอี่ยมขนาดไหน
555 มองนอกกรอบดีกว่า
เชื่อมั๊ยว่า มีเรื่องทะเลาะกันมาแล้วในบางคู่
เพราะฝ่ายชายดันทำเป็นเล่น คิดว่าเธอพูดแหย่เล่นๆ เลยทำเป็นตลกไร้สาระ
ผลก็คือหล่อนโกรธ เพราะอ่านออกว่า โดนดูถูกว่าไม่ใช่สาวVG
อ้าว มนุษย์ ทำไมเรื่องมันซับซ้อนมากมายนัก
ยิ่งถ้าโดนแฟนหนุ่มพูดกวนๆมาว่า ขอผมพิสูจน์ได้มั๊ย
ถ้าอารมณ์นั้นคือการยอมของหล่อน ก็ไม่น่ามีปัญหา จู๋จี๋กันไป
แต่ถ้าเป็นอารมณ์ปี๊ดแตก งานนี้ก็คงต้องเคลียร์กันหัวแบะหน่อยหละคุณพี่

ส่วนไฮไลท์ของผมอยู่ที่กลุ่ม เอ็มเอส นี่แหละ
เพราะว่ายิ่งใกล้วันวิวาห์เข้าไป แต่แฟนหนุ่มก็ยังไม่ลงมือล่วงเกินเลย
ยิ่งทำให้คิดได้ว่าเขาคงเป็นพวกบูชาเจ้าสาวขาวสะอาดแน่ๆ
แต่หากว่าคิดลึกๆอีกที...ตุ๊ด หรือเปล่าฟระ
ระวังว่าเกมมันจะพลิกนะน้อง
มัวแต่เครียดเรื่อง VG ดันได้สามีเป็นหญิงไปซะได้

ที่นี้มาที่คำถามว่า จะต้องบอกเขาดีมั๊ย?
หรือว่า "รอ" ให้ส่งตัวก่อน
อะไรจะเกิดก็ขอให้มันเกิดวันนั้น

ผมลองคิดว่าถ้าผมเป็นพวกเอ็มเอส ผมจะคิดอย่างไร
มันก็ได้มา 2 แนวความคิด คือ
พอตกลงเป็นแฟนกันในวันแรก
ไม่ต้องรอให้ความรักมันเดินหน้ามากกว่านี้
เพราะไม่อยากทำให้คนรักเราเจ็บหากว่าเขาดันเป็นคนที่คิดแง่บวกมากๆแบบนั้น
น่าจะบอกไปเสียเลย
เล่าให้ฟังว่าเราไม่ใช่คนบริสุทธิ์อะไร เขาจะได้บอกมาเลยว่า รับได้หรือไม่ได้

แต่ในทางปฏิบัติ คุณอาจจะเจอคนที่ข้างนอกนิ่งๆแต่ข้างในร้อนดั่งไฟก็ได้
เขาอาจจะหลอกถามเราว่า กับใคร เมื่อไหร่ เราอาจจะเผลอเล่าหมดเปลือก
เขาอาจจะทำเป็นแฟร์ๆ หลอกถามว่า เดี๋ยวนี้ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหนอีกก็ได้
และเชื่อได้เลยว่า ผู้ชายธรรมดาๆ ต้องมีหึงและงี่เง่า กันแน่ๆ
แถมถ้าเขายอมผ่านเรื่องนี้ไป โดยหมดรักเรา
ก็ไม่รู้ว่า ทัศนะคติของเขา คิดว่าได้แฟนบริสุทธิ์จะแต่งงาน แต่ได้แฟนมือสองจะเอาเราไว้ใช้งาน

ดังนั้นเขาก็อาจจะกลายเป็นคนที่หวังเอาคืน ค่าลงทุน ค่าวันเวลาที่เขาเสียไปเพราะมาจีบเรา
กลายเป็นว่าใช้ประโยชน์จากเรา เป็นเครื่องระบาย หรือชดใช้ค่าตั๋วหนังไปเสียซะงั๊น
สุดท้ายพอทะเลาะกัน ฝ่ายชายก็งัดเอาเรื่องเสียตัวมาด่าประณามเรา
ยิ่งถ้าไม่ได้แต่งกัน คือ ต้องเลิกกันไป
แล้วความลับนี้จะไม่แพร่กระจายออกไปหรือ
ยิ่งถ้าคุณเป็นสาวที่มีหน้าที่การงานดี มีฐานะทางสังคม แบบนี้มันเสี่ยงไปหรือเปล่า
ผมว่า เราไม่บอกเขาดีกว่า
เออ...ไม่บอก กับ โกหก นี่ต่างกันตรงไหน?

อีกมุมคือ ไม่บอกอะไรฝ่ายชายเลยตลอดเวลาที่คบเป็นแฟนกัน
พอแต่งงานไป เขาพบว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
ก็ตั้งรับการทะเลาะกันไป
ต้องถามเขาว่าเขารักเราที่ร่างกายเท่านั้นหรือ
ถ้าเขายังประสาทเสียอยู่ ก็บอกเขาเลยว่า ไม่เป็นไร
ขอเวลาช่วงหนึ่งแล้วค่อยแยกทางกันก็ได้

ผมรู้จักสตรีเอ็มเอสท่านหนึ่ง
ผมว่าเป็นเพราะเขาบอกแฟนทุกคนเรื่องเสียVG
เลยทำให้แฟนแต่ละคนไม่คิดจะวางแผนเรื่องแต่งงานเลย
ทั้งๆที่มีบางคน ก่อนหน้านั้นขอให้เธอย้ายเข้ามาอยู่บ้านเขาเลยด้วยซ้ำไป
บางคนบอกว่า เขาจะไปขอกับพ่อแม่เลย
เรื่องงานแต่งใหญ่ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ขออยู่กันอย่างเปิดเผยก่อน
แล้วความรักของเธอหลายๆครั้งก็ต้องมีอันเลิกกันทุกที

พวกเจ้าบ่าวใจร้อน ที่รีบไปขอสาวสมัยนี้ ตามที่ผมพบมานะ (อาจจะไม่ได้แปลว่าทุกคน)
วันที่เขาไปบอกผู้ใหญ่ ก็แค่บอกให้ทราบ คงเพราะว่าไม่อยากหลบซ่อน
แล้วก็อาจจะมีการผูกข้อมือ ทำบุญกันขนาดมินิ พอเป็นพิธีก็ได้
ซึ่งผมก็เจอพวกญาติห่างๆของผม เขาก็ทำกันแบบนี้
คือบอกให้รู้เลยว่าจะไปอยู่กินด้วยกัน
แต่ยังยากจน ไม่มีปัญญาจัดงานแต่ง
พ่อแม่ก็กล้าบอกว่าไม่ยอม หรือบอกให้แต่งกับคนอื่น
ทั้งที่ใจก็อยากให้จัดงานแต่งตามประเพณี พ่อแม่จะได้มีหน้ามีตา
แต่คนมันจนหนะ จะให้ทำอย่างไร
เขาย้ายมาอยู่ด้วยกัน ประหยัดค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ... เงินก็เหลือเก็บมากขึ้น
ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมให้ย้ายไปอยู่ พวกเขาก็อยู่กันแบบเดิมนี่แหละ
แต่ก็ทำให้รู้ว่าเป็นแฟนกันนะ รับรองมีการไปมาหาสู่กันแน่
ถ้าผู้ใหญ่ยอม ฝ่ายชายก็มักจะให้ฝ่ายหญิงเพิ่มเงินที่ส่งให้พ่อแม่ตัวเอง
ผมมองแล้วเหมือนกับการขายลูกกินกรายๆ แต่งานนี้ลูกสาวเป็นเซลล์แมนเสียเอง
มองแบบนี้ ใครเขาก็ว่าผมดูถูกคนชัดๆ แต่มันอดคิดไม่ได้
เพราะมันมีเงินมาเกี่ยวข้องนี่แหละ

สมัยก่อนพวกนักศึกษาแถวหัวหมากมาอยู่หอรวมชายหญิงแถวละแวกบ้านผม
ผมก็เห็นว่าอยู่กันเป็นคู่นี่หว่า พอได้จังหวะดีๆ ผมก็สอดรู้สอดเห็น
เข้าไปถามว่าบอกพ่อแม่กันแล้วหรือยัง
เขาว่ายังไม่ได้บอกหรอก กลัวเขาไม่ยกลูกสาวให้ ตอนนี้อยู่กันเฉยๆ
พอเรียนจบก็หางานทำแล้วก็ค่อยไปขอลูกสาว จัดงานแต่งเล็กๆง่ายๆก็พอ
ผิดกับทุกวันนี้
ถ้าลูกสาวมีปัญญาหาทางเรียนเอง หางานทำเอง
ลูกสาวอยากทำอะไรก็ทำไปเลย
ขออย่างเดียวอย่าทะเลาะ แล้วโดนฝ่ายชายตบตีทำร้ายร่างกายกันก็แล้วกัน
ง่ายๆ ดี ชีวิตหนุ่มสาวสมัยนี้


เป็นไปได้มั๊ยว่า
มารยาหญิงนี้สามารถทำให้เจ้าบ่าวซื่อบื้อแยกไม่ออกว่าของใหม่กับของใช้แล้วเป็นอย่างไร
วางแผนมอมเหล้าเจ้าบ่าวคืนนั้นดีมั๊ย
พอเช้ามาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว
แต่ว่า ผมก็เคยเมายิ่งกว่าหมา และก็จำเรื่องคืนที่เมาได้หมดทุกเรื่องอีกต่างหาก
ไม่เห็นจะเหมือนในละครทีวีหลังข่าว ที่พวกผู้ชายโดนมอมเหล้าเลยหละ 555

เอาอย่างไร
จิตใจคน ยากที่จะคาดเดา
ความผิดคนอื่น แหม...มองว่าใหญ่หนักหนา
แต่พอตัวเองทำผิดบ้าง...ดันบอกว่าของธรรมชาติใครๆก็ทำแบบนั้นกันได้
เฮ้อ...ผู้ชายนะผู้ชาย



โดย: zoomzero วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:51:40 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ซูม ไม่ทราบว่าเห็นอีเมลบ้างแล้วยังคะ ส่งไปสองวันแล้วค่ะ ที่จริงต้นปีใหม่ก็เคยส่งไปแล้วน่ะคะ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสถามเลย ขอโทษคะ วันนี้มีเวลาน้อย ไว้คุยกันค่ะ

รักษาสุขภาพด้วย พี่ชาย


โดย: นกสีขาว IP: 79.65.110.218 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:59:27 น.  

 
To WhiteBird
น้องแอน
พี่ไม่ได้เล่นเอ็มหรือเปิดเมล์เป็นเวลานานนนนนนมากแล้วหละ
ตอนนี้ถึงเดือนจำศีล สงบเสงี่ยมเจียมตัว
ทำตัวเป็นชาลาวันมุดลงถ้ำไง 555

พี่ก็ขอให้น้องแอนมีความสุขทั้งกายและใจ
แลขอให้แฮปปี้ในความรักนะ
อีกไม่กี่เดือนก็กลับมาแล้วซิ
กลับมาปุ๊บ แต่งงานปั๊บเลยหรือเปล่า
อยากเห็นแหวนเพชรเม็ดโตจังเลย
สมัยพี่ มีเงินซื้อแค่แหวนทองเกลี้ยงๆเรียบๆ 555

Ref: นกสีขาว AnnEng DeepPink FF 14 93


โดย: zoomzero วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:05:29 น.  

 


หวัดดีค่ะเฮีย
ตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น
มีความสุขมาก ๆ นะคะ
อย่าลืมชวนคนใกล้ตัวไปทำบุญวันมาฆะ นะคะ
เรื่อง vg no comments ค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ฟังเฉย ๆ เก็บไว้เป็นความรู้จากอีกมุมองนึงดีกว่าอ่ะนะ
ในความเห็นส่วนตัวมินอ่ะ
ไม่คิดว่าเรื่องนั้น มันจะสำคัญมาก ๆ
จนทำให้เกิดปัญหาระหว่างคนที่รักกัน 2 คนอ่ะค่ะ
ถ้าเรื่องนั้น มันจะทำให้ความรักต้อง
มีรอยร้าวแล้วละก็ เค้าคนนั้นคงไม่คู่ควรพอ
ที่เราจะรักแล้วล่ะค่ะมินว่า..
อ้าว...ไหนว่าไม่อยากคอมเม๊นท์
เผลอเจ๋อ..เม๊นท์ไปซะแล้วอ่ะจิคะ ฮ่า ๆ ๆ


โดย: มินทิวา วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:33:48 น.  

 
To Mintiva

วันนี้ตื่นสายครับ ตื่น 8 โมงกว่า

GoodMorning จ้า
คนข้างๆตอนนี้ไม่มีหรอกจ้า เมื่อวานเฮียมานอนเฝ้าโกดังคนเดียว
ถ้าคนข้างๆของอาหมวย หมายถึงคุณนายเจ้าของบ้าน
วันนี้เขาไปโน่น ไปเที่ยวตลาดดอนหวาย
ไปทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดและเดินซื้อขนมกับญาติๆเขา

เฮียชวนไปวัดแล้ว เขาบอกว่า ใจคอไม่ดี
เลยไม่อยากไปไหน ยังไม่เดินทาง แต่ไหงไปดอนหวายได้
ก็แปลว่าไม่อยากให้เราไปด้วยนี่ฝ่า 555
ดีไม่มีเยื่อใยแบบนี้ เราจะได้ออกไปซ่าส์ได้เต็มเหนี่ยว

เฮียแอบได้ยินเขาโทรศัพท์ว่าวันเสาร์นี้จะไปอยุธยากับเพื่อนๆที่ทำงาน
เมื่อเช้าเฮียโทรไปถามว่า... ไม่กลัวกลับเข้ากทม ไม่ได้หรือไง
เขาก็งงว่า "ทำไมจะไม่ได้"
เฮียเลยถามว่า... รู้หรือเปล่าว่าวันนี้ศาลฎีฏาจะทำอะไร
เขาบอกว่า "อ๋อ...รู้" ... ถ้าวันนี้มีเรื่อง พรุ่งนี้ก็จะโทรไปยกเลิก
เฮียก็งงว่าแล้วถ้าเขายกพวกมากันวันเสาร์กัน
เจ้เขาจะไปอยู่ตรงไหน
ตกลงก็ยังอยากจะไปอยู่ดี เรื่องเที่ยวนี้งดไม่ได้เลย
แต่เขาว่าเขานัดกันไปไหว้พระ 9 วัดด้วยนะ
เฮียก็เลยไม่อยากขัด
แต่อดฉุนไม่ได้ว่า ทำไมไม่ชวนเราเลย

ช่วงนี้มีแต่ข่าวเจ็ดหมื่นกว่าล้าน ยึดๆๆๆ
จริงๆก็เงินของคนอื่นนะ แต่ทำไมคนชอบบอกว่าเงินของประเทศ
มีคนลุ้น มีคนบอกว่าจะต้องดีใจ มีคนบอกว่าจะต้องโมโห
ตอนที่น้องชายเฮียโดนจราจรจับ
เฮียก็ยังไม่เห็นว่าจะเสียดายเงินค่าปรับของเขาเลย
แม้แต่ตัวเองโดน ก็ยังยินดีจ่าย 1 พัน เพราะเราทำผิดจริง
แต่ก็มีคนที่พอโดนใบสั่ง ถึงขั้นกลับมาบ้าน ด่าพ่อล่อแม่ตำรวจท่านนั้น
แบบว่าด่าไปแช่งเขาไป อยากให้เขาโดนรถฝ่าไฟแดงชนตาย
เฮียนั่งฟังแล้วก็ ได้แต่ทำตัวเป็นเฟอร์นิเจอร์ เพราะคนด่าเป็นญาติเรา แค่ตำรวจไม่ได้เป็นอะไรกับเรา 555

เฮียว่าดีนะ ถ้ายึด "ซับ" กันได้ ผิดถูกช่างมันเพราะเมืองไทยมี 2 มตฐ. มาตั้งนานแล้ว
เฮียอยากให้พี่หล่อใหญ่ ทำเป็นกองทุนแจกเงินฟรีๆให้คนไทย
ให้คนละ 1 บาท ก็แค่ 65 ล้านบาท
คราวนี้ก็ออกเช็คให้คนละ 1 พันบาท ก็แค่ หกหมื่นห้าพันล้านบาทเอง ยังมีเงินเหลือซื้อ จีที200 ได้อีกหลายอัน
หรือจะแจกแบบครอบครัวๆละ 5 พัน ก็น่าจะได้
ใครเป็นโสดก็อดได้เงิน 555

เดี๋ยววันนี้คงจะปิดเอ็นทรี่นี้แล้วหละ
ขอรวบรวมข้อความในไฟล์คอนคลูสชั่นก่อน
ส่วนหัวข้อย่อยๆเรื่องอื่นๆ คงเก็บเข้าหิ้งไป

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:42:13 น.  

 

มอง VG ให้ใกล้ตัวด้วยมุมมองที่ไกลตา

หน้าสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดในเรื่องความคิดนะครับ

ถ้าผมยังค้างคาใจว่าจะมีคนกี่คนที่ยังเห็นว่า VG เป็นเรื่องสำคัญ
ก่อนอื่นผมคงต้องแบ่งคนออกเป็น 3 กลุ่ม
พวกแรก ก็คือ พวกผู้ชาย
พวกที่สอง ก็คือ พวกผู้หญิง และ
พวกที่สาม ก็คือ พวกข้ามเพศ หรือพวกไม่ถือเรื่องเพศเป็นสำคัญ
ซึ่งคำตอบก็คงเป็นไปตามสัดส่วนของคนที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้
พวกผู้ชายก็ยากที่จะเชื่อถือกับคำตอบเพราะปากบอกว่าไม่แคร์
แต่พอเจอว่าที่ดจ้าสาวที่ไม่สดซิงๆ จะทำได้อย่างที่บอกหรือเปล่า
โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ปัจจุบันจะมีสาวสมัยใหม่สไตล์ฝรั่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวเลขคนที่ห่วงใยอาทรเรื่อง VG คงจะน้อยลงไปกว่าที่ผมคาดไว้

คำตอบจะออกมาอย่างไร ผมก็ว่าผมไม่รู้จะรู้ไปทำไม 555
ใครแคร์มาก แคร์น้อย โลกมันก็คงหมุนของมันไปเรื่อยๆ
เพียงแต่ประเด็นของผมอยู่ที่ว่า ถ้าคุณคิดว่าVG มันไม่สำคัญ แล้วพวกคุณจะทำอะไรกับมัน
ใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย
ใช้อย่างไม่ระมัดระวัง
หรือเก็บเอาไว้ใช้กับคนที่โอเค
เก็บเอาไว้ให้เป็นสามีที่มาจากการแต่งงานเท่านั้น ...ฯ
ของมันไม่แน่, คุณอาจจะเป็นคนรักนวลสงวนตัวแต่เป็นคนที่ไม่แคร์ ไม่คิดมากในเรื่องVG ก็ได้
(ก็คงเป็นเพราะไม่มีใครมาหลอกคุณได้สำเร็จกระมัง 555)

ถ้าผมถามพวกคุณอีกคำถามว่า คุณนึกถึงอะไรอีกถ้าผมบอกประเด็นว่า "เยื่อพรหมจรรย์"
โดยมองได้ทั้งแง่ดีและแง่ร้าย

เงียบ......ฉี่......
เอาเป็นว่าเราไม่คุยกันก็ได้ 555

ผมเริ่มเขียนเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะคำว่า Valentine มันวิ่งมาชนสมองผมหรอก
ผมเขียนเพราะว่า ผมเห็นว่า VG นั้นมีความสำคัญจริงๆ
เมื่อพระเจ้าหรือธรรมชาติให้คุณมา ผมเชื่อว่าคุณก็ต้องทำหน้าที่ดูแลมันให้ดี
ทั้งดูแลเรื่องความสะอาดอนามัย และการนำมันไปใช้งาน
คุณควรจะรู้จัก VG ว่ามันพาเรื่องเดือนร้อนอะไรมาให้คุณได้บ้าง
มันทำให้คุณตายเพราะโรคมะเร็งจริงหรือไม่
มันทำให้คุณได้สามีที่ดีหรือไม่
มันเอาไปหาเงิน หาหน้าที่การงานที่ดีกว่าเดิม มันคุ้มที่จะแลกหรือไม่ ....

Conclusion ของผมใน comment นี้
ผมเขียนในมุมมองที่ไกลตัวพวกคุณมากๆ และคิดว่าคุณคงไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับผมในมุมมองนี้

ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นสาว เราอยากเสียตัวให้ใคร ในวันไหน เวลาไหน
ด้านมืด...คุณไม่อยากเสียตัวให้ชายคนไหน อ้าว...คำตอบเป็น ผมหรือนี่ หุหุ
คุณคงไม่อยากมอบมันให้กับชายที่เป็นจอมหลอกลวง พวกเสือผู้หญิง พวกเจ้าชู้ ...
แต่คุณก็ไม่มีปัญญารู้ได้ว่าเขาคือคนดีจริงๆหรือไม่ จนกว่าหางจิ้งจอกจะงอกออกมา

ดังนั้นจึงมีพวกคุณหลายคนที่ไม่ได้ชายคนแรกเป็นสามี หรือพ่อ(ที่ดี)ของลูก
คุณเลยมองVG ไปอีกมุมมอง เมื่อฉันไม่มีความสด ฉันก็ไม่ตาย...
....ฉันต้องอยู่ได้ คุณเริ่มไม่คิดมากเรื่องVGอีกต่อไป ผมเดาถูกหรือเปล่า?

แต่มีผู้หญิงอีกกลุ่มที่เขาเลือกไม่ได้
เขาถูกบังคับให้ขายพรหมจรรย์ ถูกล่อลวง(ทำร้ายร่างกาย) ในบางครั้งเสียให้มากกว่าชายหนึ่งคนในครั้งแรก
คุณว่าเรื่องแบบนี้น่าเศร้าหรือไม่กับชะตากรรมแบบนั้น
ทำไมมนุษย์ทำกับมนุษย์ได้ขนาดนี้
แต่ก็แปลกที่อาชีพขายบริการทางเพศ
หรือสาวกล้าสาวเปรี้ยว สาวที่เป็นนักล่าผู้ชาย เสือผู้ชาย กลับมีในโลกเพิ่มขึ้นมากมาย
มันคงต่างกันที่คนกลุ่มหนึ่งแค่สนุก แต่อีกกลุ่มสนุกหรือไม่ก็ไม่รู้แต่ฉันทำงานหาเงิน
ผมคิดว่าที่มีคนไม่แคร์เพราะมองว่าตัวเองไม่ได้ขาย แต่ทำเพราะธรรมชาติของตัวเองเรียกร้อง
ซึ่งคนเฒ่าคนแก่อย่างผม มองว่าอย่างไรก็ไม่สวยงาม และอดเป็นห่วงอนาคตของพวกเขาไม่ได้

หากแต่ถ้าคุณมองไกลตามผมให้ได้อีกนิด
มีผู้หญิงหลายคนที่เสียVG ให้กับคนที่เธอไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำ
มีหลายคนที่เสียVG ให้ญาติในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ลุง น้า อา พี่ชาย น้องชาย
แม่แต่คนที่เราไม่อยากจะเชื่อเช่น ปู่ ตา ก็ยังมีการกระทำโฉดๆของคนพวกนี้ให้เห็นกันในข่าว
และหนักหนาสาหัสที่คนที่ได้ชื่อว่า พ่อเลี้ยง สามีใหม่ของแม่ คนที่ลูกเลี้ยงยกมือไหว้
และก็สุดที่จะคิดเรื่องทุกข์ของความทรงจำของสาวคนที่โดน พ่อแท้ๆของตน กระทำการข่มขืนลูกสาวของตัวเองได้ลง
เหยื่อหลายคนเจอแบบนั้น จะไปบอกใครก็ไม่ได้ หนีไปก็ไม่ได้
บางคนอยู่เพราะไอ้สัตว์ป่ามันบอกว่าจะฆ่าแม่ ฆ่าน้อง หรือคนในบ้าน
เธอต้องทนรองรับความดิบแบบนั้นนับครั้งไม่ถ้วน จนบางคนก็ต้องตั้งท้องมีลูกซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของตัวเอง
เธอจะบอกลูกของเธออย่างไร?
เด็กคนนั้นจะอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไร?
กฎหมายทำอะไรเขาได้บ้าง?
ทำไปแล้วเรียกอะไรกลับคืนมาได้บ้าง?
ใครจะรักษาแผลใจให้พวกเขาได้บ้าง?

มุมมองเรื่องเพศของจอมมารเจ้าแห่งคนโฉด ในเรื่องVG นี้ ไม่ใช่เรื่องลามกตลกๆอย่างที่หลายท่านคิด
แต่มันเป็นการมองนรกในใจของคนที่โดนกระทำย่ำยี
เราจะหยุดหรือกำจัดเรื่องแบบนี้ได้หรือไม่
คำตอบคือ "ไม่ได้หรอก"
เพราะตราบใดที่พวกเรายังนั่งอม "สาก" เมื่อมีคนพูดเรื่องปัญหาเรื่องเพศ
หรือเมื่อเห็นคนถูกกระทำทารุณทางเพศ พวกเรากลับเฉยเมย เพราะไม่อยากหาเหาใส่หัว
ต้องรอจนกว่าเหาจะมากินหัวลูกหลานสาวๆในบ้านเสียก่อน
สมองของเรายังปิดกันการรับรู้ข่าวสารพวกนี้ พอเห็นข่าวข่มขืนก็มองข้ามตัวหนังสือไปเลย ก็สิทธิเสรีภาพนี่นะ
เราอายที่จะออกความเห็น เราอายที่จะเรียนรู้เรื่องพวกนี้ กลัวคนจะหาว่า สิบเอ็ด-รอ-ดอ
และเราโง่จนไม่สามารถบอกสอนเด็กสาวรุ่นใหม่ๆว่าควรดูแลตัวอย่างไร ระวังอย่างไร
สังคมเราก็ต่ำทรามลงไปเรื่อยแบบนี้
ปล่อยให้แต่ละคนเอาตัวรอดไปวันๆ
ไม่แคร์ชีวิตผู้อื่น แต่อยากให้ผู้อื่นแคร์ตัวเอง
เยี่ยมยอดไอ้จอร์จเอ้ย!!!



โดย: zoomzero วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:38:44 น.  

 


โดย: zoomzero วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:33:56 น.  

 
ในที่สุดความไฝ่ฝันของผู้ชายทั้งหลายก็มาตกอยู่ที่ผม
ผมคบกับแฟนผมมาก็นานแล้วแล้วผมก็รู้ว่าแฟนผมยังVGอยู่ด้วยแล้ว2-3วันที่ผ่านมาเราก็ได้มีอะไรกันแต่ก็ยังไม่สำเร็จเลยแต่เราก็ทำทุกอย่างเล่นกันทุกอย่างเหลืออยู่อย่างเดียว มันอยากมากเลยผมกลัวแฟนเจ็บด้วยสงสารแต่เราก็มีความสุขกันดีน่ะครับ และอีกอย่างเราสองคนก็sexจัดกันทั้งคู่ด้วยดีไหมล่ะคุณ
ผมเองก็ผ่านผู้หญิงมาเยอะนับเป็นสถิติได้เลยน่ะแต่ก็คงมาหยุดกันคนนี่แล้วล่ะครับเจอคนที่ใช่แล้วครับ
สุดท้ายก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับชีวิตsexน่ะครับ


โดย: bank_3bb IP: 124.157.137.67 วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:22:48:28 น.  

 
ไม่เชื่อหรอก คุณ แบ๊ง ว่า คุณ จะหยุดได้ อาจจะเป็นได้ ที่คุณหยุดได้ชั่วขณะ อาจจะ สัก ปี สองปี หรือ สามปี แต่ คุณ จะเป็นคนดี ตลอดชีวิต หรือถีงแม้คุณจะบอกว่าเจอคนที่ใช่แล้วจะหยุด ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง คุณ เคยเจ้าชู้ ผ่านผู้หญิงมาเยอะอย่างไร เมื่อหมดความอดทนต่อ ญ คนที่คุณว่าใช่คนนี้แล้ว คุณ ก็จะกลับเป็นชายเจ้าชู้เหมือนเดิม นี่ไม่ได้ว่าคุณน่ะ แต่จากประสบการณ์ ใครจะไปทนได้ คบกับแฟน แล้วไม่มีอะไรกัน สักวันคุณก็ต้องไปหาคนที่คุณ สามารถระบายความใคร่ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น คุณแบ๊ง คนเดิม ก็กลับมาอีกครั้ง


โดย: anonymus IP: 118.172.99.198 วันที่: 15 เมษายน 2553 เวลา:14:09:51 น.  

 
เพลงเพราะมาก
ความคิดดี
คงไม่ได้แล่นแบบนี้ตอนเมา
แบบสุนทรภู่
โลกนี้จะอยู่ไปอีกนานไหม
บางทีแค่ได้เจอความคิดดี ๆ ของใครบางคนก็คุ้มค่า


โดย: เมฆา IP: 125.24.98.110 วันที่: 13 มิถุนายน 2553 เวลา:12:08:52 น.  

zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
12 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.