หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ
90710 ปิดโรงเรียน...กวดวิชา

ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง . . .

เมื่อมีอะไรมาขวาง ก็ต้องขว้าง เผื่อมันจะสะเทือนบ้าง แต่ก็กลัวมันกระเด็นกลับมาเหมือนกัน


หุบเขาคนโฉด, ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง, หวัด2009, ปิดโรงเรียนกวดวิชา

google swine2009

ปิดโรงเรียนกวดวิชา


โรงเรียนกวดวิชาเหมือนเป็นปัจจัยที่ 7 ของนักเรียนมัธยมปลายในยุคนี้ เพราะว่าปัจจัยที่ 5 ของพวกเขาก็ต้องเป็น มือถือ + iPhone + iPod และปัจจัยที่ 6 ก็ต้องเป็นคอมพิวเตอร์ (มี internet high-speed พ่วงมาด้วย)
เหตุผลที่ว่าทำไมเรียนในโรงเรียนถึงไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องที่เถียงกันจนมีเรื่อง แล้วก็มันก็ไม่ได้เรื่องจริงๆ ผู้ปกครองก็อยากให้ลูกเรียนเสริม กลัวลูกคนอื่นได้เปรียบกว่า ส่วนครูก็บอกว่าพวกเราสอนดีแล้ว ตำราก็มีเนื้อหาครบถ้วน (แต่ไหงแจกชีทเสริมเป็นร้อยๆหน้าหละอาจารย์)
สำหรับคนเคยมีลูกเล็กๆอย่างผม บอกตามตรงว่า ผมก็อยู่ฝ่ายสนับสนุนให้ลูกไปเรียนพิเศษ ไอ้พวกเริงระบำ ดีดเปียนโน วาดรูป เตะบอลล์ ว่ายน้ำ ผมก็ขอหลบๆไปก่อนนะ อยากให้ลูกเก่งภาษาฝรั่งมากกว่า (นานาจิตตังนะครับ)

ที่ต้องให้ไปเรียนวันหยุดก็เพราะ ไม่เช่นนั้น เจ้าจอคอมฯ มันจะดูดกินวิญญาณของเด็กเป็นวันๆไปจนสมองฝ่อไปหมด การให้เด็กๆออกไปทำกิจกรรมร่วมกับมวลมนุษย์เสียบ้างก็ดี อย่างน้อยก็ได้พูดกับคน ไม่ใช่มองแต่หน้าจอ
ดีไม่ดี เห็นลูกเล่นคอมฯเงียบๆอยู่ที่บ้าน ดันแอบแชทกับพวกมิจฉาชีพหรือ 18 มงกุฎ โจรจะเข้าบ้านไม่รู้ตัวนะคุณ อีกอย่างนะครับ ท่าน รมต.กระทรวงศึกษา ท่านทราบหรือไม่ว่า ก่อนการสอบไล่ 1 สัปดาห์
มีหลาย(พัน)โรงเรียนที่สอนไม่ทัน สาเหตุนั้น ท่านต้องส่งสายลับไปสอบถามเอาเอง แต่ผมพอจะรู้มาว่า พวกตารางสอนของนักเรียน เขาชอบเอาวิชาหนักๆมาไว้ตอนบ่ายๆ แถมอัดเป็น 2 คาบควบ
พอครูไม่มาสอน ครูป่วย ครูติดประชุม เด็กโดดเรียน เด็กขาดเรียน มันก็เลยมาบวกกันเป็นเรียนไม่รู้เรื่อง และตอนบ่ายๆนี้ก็ชอบมีกิจกรรมของโรงเรียน บางโรงเรียนมีกิจกรรมตอนเช้า ตอนบ่ายก็ให้เด็กนอนเล่นในห้องเรียนซะงั๊น
ตอนเที่ยงก็ไม่ยอมให้กลับบ้าน เพราะเด็กมันจะรีบวิ่งเข้าห้างฯหรือโรงหนัง แทนที่จะกลับบ้าน ช่วยๆกันหน่อยนะท่าน เยาวชนไทยมันห่วยลงๆ คนสอนก็อ่อนปวกเปียก สอนหนักยืนทั้งวันรายได้ติ๊ดเดียว เฮ้อ....

จากหวัดหมู หวัดเม็ก หวัดใหม่ หวัด2009 จนมาถึงการปิดโรงเรียนกวดวิชา

เมื่อวานดูข่าวเรื่องไข้หวัด2009 ยิ่งตามข่าวก็ยิ่งเกิด 2 อารมณ์ที่เข้มข้น
อย่างแรกก็คือ เป็นห่วงว่า จะมีคนตายกลายเป็นหลักร้อย ไม่ใช่คนหรือสองคนอย่างที่เคยทราบข่าวมาเมื่อเดือนก่อนๆ
ส่วนอีกอารมณ์ ก็คือ รำคาญคนที่คุณก็รู้ว่าเขาเป็นใคร ที่ชอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เวลาให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ หลักการดี คารมดีซะอย่าง
ตอนแรกก็บอกว่า ยังไม่ต้องตกใจ เพราะยังไม่มาถึงเอเชีย พอมาถึงเอเชีย ก็บอกว่ายังไม่รุนแรง เพราะยังไม่ได้เข้าประเทศเรา ต่อมามีคนป่วยในประเทศ ก็บอกว่าเรามีการป้องกันคัดแยกผู้ป่วยเมื่อมาถึงสนามบิน
แต่ข้อมูลจริงๆ มีทีวีบางช่องแอบไปเจาะข่าวมาว่า ช่วงแรกๆก็มีอุปกรณ์แค่บางแห่ง ยังต้องรอการเอามาติดตั้งอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ไหนยังโลเทคอยู่ ก็ให้ใช้วิธีสอบถามคน และสุ่มวัดอุณหภูมิเอาเอง
และบางสนามบิน เสียบปลั๊กใช้งานกับเครื่องสแกนทั้งวันทั้งคืน พอใช้ไปนาน 3-4 วัน เครื่องมันก็เจ้ง แถมไม่มีอะไหล่จะเปลี่ยน สนามบินก็ทำเนียน เอากล้องมาวางหลอกตาเฉยๆ ผมว่าคงไม่จริงกระมัง

เครื่องสแกนความร้อนต่อมาพอมีคนติดเชื้อเป็นสิบ ก็มาบอกว่าไม่ต้องกังวลอะไร เราควบคุมคนป่วยไว้หมดแล้ว
พอมีคนเป็นมากขึ้นๆ และก็ตายมากขึ้นๆ อีทีนี้ก็ออกมาบอกว่า เรามีแพทย์ ยาและหน้ากากอนามัยพร้อม
แต่ในตลาดจริงๆ หน้ากากรุ่นที่ใช้งานได้ มันขายหมดไปตั้งแต่ตอนที่หมีแพนด้าคลอดลูกไปแล้ว เจ้านายที่บริษัทเพื่อนผมเขารีบสั่งการให้แผนกจัดซื้อไปหาซื้อหน้ากากอย่างดีมาแจกพนักงาน
เพราะเขามีพวกฝรั่งที่มาจากต่างประเทศเดินเข้าออกอ๊อฟฟิซทุกวัน เขากลัวลูกค้าจะตาย ไม่ใช่พนักงานจะติดหวัด 555 พวกฝ่ายจัดซื้อไปหาซื้อของมา 2-3 วัน ก็ไม่ได้เลย ของหมด ขาดส่ง ต้องให้เด็กส่งเอกสารไปขอซื้อที่องค์การของรัฐแห่งหนึ่ง แต่เขาขายแพงกว่าร้านขายส่งหน้า รพ.จุฬาเสียอีก คงเป็นเพราะใช้วัสดุอย่างดีมั๊ง หุหุ
เด็กมันกำเงินไปพันเดียว มันก็อยากจะซื้อตามจำนวนที่นายสั่ง ก็เลยไปกด ATM เอาเงินตัวเองออกมาซื้อให้บริษัทไปก่อน
พอกลับมาถึงบริษัท เรื่องก็.....พลิก ฝ่ายบัญชีบอกว่าเกินงบที่นายใหญ่บอกไว้ เสือกทำเกินหน้าที่ ให้ฝ่ายจัดซื้อรับเอามาเท่าที่วงเงินอนุมัติเท่านั้น ไอ้เด็กส่งเอกสารน้ำตาคลอเบ้า ขนาดมันเรียนจบช่างกลมา เคยตีกับคนเป็นร้อย เคยโดยรุมกระทืบ
มันยังไม่เคยเสียน้ำตา พอมาเจอเรื่องนี้ มันเดินคอตกเป็นหมาโดนสิบล้อเหยียบหัวไปเลย คนในบริษัท(แม้แต่คุณป้าแม่บ้าน) เลยต้องชวนกันลงขันช่วยกันซื้อหน้ากาก เพื่อเอาเงินไปซื้อหน้ากากเฮงซวยจากเด็กคนนั้น พวกหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ไม่มีใครยอมช่วยซื้อ เพราะเกรงกลัวพี่ใหญ่ของฝ่ายบัญชี(ซึ่งเป็นญาติเจ้าของบริษัท)จะมองว่า มีการก่อม๊อบ หรือสุมหัวนินทาเธอ
ดูพวกเขาคิดกันได้ไง แต่ละคนอายุก็วัยใกล้เกษียณ ด้วยกันทั้งนั้น แต่ยังกลัวเก้าอี้หลุดตูดกันอยู่ได้

หวัด2009 ก็เดินหน้าฆ่าคนไม่ยอมหยุด
พอมีเด็กตาย นายคนนั้นก็หายหน้าไปจากจอทีวีอยู่ช่วงหนึ่ง ปล่อยให้สารพัดผู้รู้ ออกมาพูดตามช่องต่างๆทุกวัน ผู้รู้บางท่านก็กล้าที่จะบอกว่า ถ้ามันไม่ร้ายแรงจริงๆ WHO คงไม่เพิ่มความน่ากลัวของมันไปอยู่ที่ระดับ 6 หรอก
เมื่อวานก่อน พี่ชายคนนั้นก็ออกมาพูดอีกว่า อัตราการตายยังไม่ถึง 1.5 ไม่ต้องห่วง มันเป็นเรื่องของตัวเลข เราทำละเอียดเกินไป เลยได้ข้อมูลมาเยอะ อ้าว....ท่าน ฟังแล้วก็เจ็บแปลบๆในปอดข้างขวาขึ้นมาทันที ใครอยากให้ลูกตัวเองตายกันบ้าง?
พอมาถึง ณ เพลานี้ ก็สั่งให้ปิดโรงเรียนกวดวิชา 15 วัน และเตรียมจะปิดร้านเน็ทเป็นรายต่อไปแหงมๆ ผมก็เดือดปุดๆขึ้นมาอีกทีว่า ทำไมไม่แก้ปัญหาอย่างเมืองนอก ทำไมไม่ทำอย่างเม็กซิโก จีน หรือ ญี่ปุ่น ...ฯ
ทำไม ไม่ปิดประเทศ แล้วล้างทำความสะอาดใหญ่ พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคมัน ทั่วประเทศเลย ออกกฎให้ใครเข้าที่ชุมชนหนาแน่น หรือโดยสารพาหนะสาธารณะ ต้องคาดหน้ากาก ทำกันทั้งประเทศ ทุกคนก็ไม่เขิน และทุกคนก็อยากทำ แต่ทุกวันนี้ใครทำ โดนหาว่าเป็นโรค หรือไม่ก็โดนด่าว่าบ้า ถ้าท่านเจ้านายต้องการจะหยุดการแพร่ของไข้หวัด2009 มันก็ต้องทำการใหญ่นะครับ ไม่ใช่หยุดกันเป็นส่วนๆ คนละทีสองทีแบบนี้ ผมว่ามันต้องเล่นกันทั้งระบบ หยุดมันแค่ 5-7 วัน บอกผู้คนให้นอนเล่นเร้นกายอยู่กันแต่ในบ้าน ทำความสะอาดทุกที่ ที่ไหนมีคนอยู่เยอะๆ ที่ไหนหมักเหม็นเรื่องอากาศอับๆชื้นๆ ห้างร้านใหญ่ๆก็ปิดทำความสะอาด

ผมเองก็เป็นห่วงพวกที่ไม่แยแสสังคมเหมือนกัน เขาให้อยู่บ้าน พี่ก็คงจะออกไปเที่ยว ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่กลัวตาย ใช้ชีวิตไม่ระวัง ไม่ห่วงตัวเอง แถมไม่ห่วงชาวบ้านกันบ้างเลย บางคนยังมาพ่นควันให้เด็กตาดำๆดมนิโคตินเล่นก็มี แต่เวลาที่ตัวเองต้องตาย กลับหาวิธีที่จะอยู่ต่อให้ได้ วิ่งหาหมอกันตาเหลือก หาแม้กระทั้งหมอผี โรคภัยไข้เจ็บมันไม่เลือกคนรวยหรือจนหรอกครับ ยิ่งบริษัทใหญ่ๆ ใช้แอร์รวม เดี๋ยวก็ได้ตายกันยกบริษัท เป็นเจ้านายก็ตายได้

หน้ากากเมื่อคราวที่ผู้ชายอายุ 45 ปี ได้เป็นหวัด2009 ตายที่โรงพยาบาลราชวิถี เมื่อสัปดาห์ก่อน
มีนักข่าวทะลึ่งไปสอบถามญาติของคนตายว่า หน่วยงานของรัฐได้เข้ามาทำอะไรกับเรื่องนี้บ้าง คำตอบที่ได้เหมือนกับว่า เราอยู่ในเมืองตุ๊กตา หรือเมืองของเล่น เสียจริงๆ ไม่มีการฉีดพ่นยาที่ทำงานของคุณคนนี้ ไม่มีการฉีดพ่นยาที่พักอาศัยของคุณคนนี้ ไม่มีการเรียกคนใกล้ชิดของคุณคนนี้มาตรวจเชื้อหวัด หรือให้รายงานตัวทุกๆ 3 วัน 7 วัน เออ...เชื่อแล้วหละ ว่ามันไม่น่าต้องห่วงอะไรเลย ชิลๆ ไม่น่ากลัว ผมต้องขอบอกนักข่าวท่านนั้นว่า "อย่าทะลึ่ง"

เพราะผมมีพ่อ-แม่ มีพี่-น้อง มีภรรยาใหญ่-น้อย มีลูก-หลาน มีเพื่อนเป็น-ตาย(ถึงจะไม่มากก็ตาม) ผมก็อดที่จะเป็นห่วงพวกเขาไม่ได้ ถ้าพวกเขาป่วยแล้วหายได้เองก็แล้วไป แต่ถ้าเขาเป็นพวกกลุ่มเสี่ยง คือ มีโรคประจำตัว หรือสุขภาพไม่ดี อันนี้น่าเป็นห่วง และก็ไม่อยากรับข่าวงานศพของใครเลยนะ ขี้เกียจใส่ชุดดำ ใส่แล้วไม่หล่อ ส่วนชุดขาวก็ซักยาก เลอะง่าย หุหุ

ทางออกและวิธีแก้ไขเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ในระดับที่คนอย่างผมจะไปเที่ยวบอกใครเขาได้ แค่กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาด คาดหน้ากากเมื่อไม่สบายหรือในที่ชุมชนอยู่หลายคน บอกไปใครจะเชื่อผม ต่างคนต่างทำก็พอแล้ว ผมทำ คุณไม่ทำ ไม่แน่ผมอาจจะเป็นหวัดตายเสียเองก็ได้ 555 ส่วนใครอยากจะให้ปิดโรงเรียน ปิดสถานกวดวิชา ปิดโรงหนัง ปิดห้างสรรพสินค้า ปิดโรงพยาบาล ...ฯ ก็เป็นเรื่องที่ผู้บริหารประเทศต้องเอาสมองมาคิดแทนการเลี่ยงตอบไปวันๆแบบนี้

อย่างปิดโรงเรียนกวดวิชานี่ ผมว่ามันก็มีส่วนถูก แต่กระทรวงศึกษาฯดันยังจะให้เด็กไปสอบ GAT+ PAT ในวันเสาร์อาทิตย์นี้เหมือนเดิม อะไรกันฟระ แล้วเด็กมันจะไม่เอาโรคไปฝากกันหรือไง? มันจะไม่ระบาดหรือไง? พอสอบใหญ่ๆเสร็จไปแล้ว ถึงให้เปิดโรงเรียนกวดวิชาในสัปดาห์ต่อมา เด็กที่ไหนมันจะไปเรียนกวดวิชาย้อนหลัง ต้องมีพวกโดดเรียนเยอะแน่นอนงานนี้

พวกที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ หรือพวกเรียนไม่ทันเพื่อน แล้วไม่ได้ชอบอ่านทบทวน ไม่ไปติวก่อนสอบ มันก็ตายล่วงหน้าไปแล้วนะซิ เฮ้อ....เรื่องของชาวบ้านทำไมเราต้องเอามาบ่นด้วยนะ ใครรู้เขาจะรังเกียจเอา ไม่เอาแล้วหละ ต้องบอกตัวเองเสียใหม่ว่า ใครจะเป็นอะไรก็ช่างหัวมัน ขอให้ฉันได้กินอิ่ม นอนหลับ โทรศัพท์หากิ๊ก ทั้งวันจะดีกว่า

หักมุมมาฝอยเรื่องตัวเองดีกว่า
เมื่อวันเสาร์ก็ทำบุญให้พ่อที่บ้านตัวเอง ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อย มีญาติมาจากอ.พิมาย จ.นครราชสีมา 3-4 คนด้วย วันนั้นผมยังดีใจที่เขาอุตส่าห์นั่งรถทัวร์ 3-4 ชั่วโมงมาร่วมทำบุญ แถมต้องค้างอีก 2 คืน ผมก็บอกไปแล้วว่าแค่วันเผาก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว แหม..ขอบคุณๆๆๆๆ
พอตอนเช้าวันนี้มาเจอข่าว ไข้หวัดใหญ่ระบาดที่พิมาย มีการปิดโรงเรียน.... ก็อยากจะโทรทางไกลไปด่าเขาว่า พวกแกมาทำไม ???? แถมดันเอาลูกแกที่เรียนโรงเรียนที่มีโรคมานั่งเล่นกับลูกฉันอีกด้วย คราวหลังไม่ต้องมานับญาติกับฉันอีกนะ
คิดแล้วก็ไม่กล้าทำหรอก เพราะตัวคนดีข้างใน มันบอกว่าไม่ต้องทำ 555


เด็กน้อยขว้างไข่ใส่กำแพง
zOOmzERo




Create Date : 10 กรกฎาคม 2552
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:39:05 น. 4 comments
Counter : 849 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะพี่ชาย น้องสาวคนสวย หุ่นดีมาแว๊ว งิงิ

แวะมาทักทายเฉย ๆ ค่ะ ยังไม่ได้อ่านน้า เพราะกะลังมึนและอึ้ง กับการโดนก๊อปปี้ blog เค้าปาย แล้วม่ามี credit แงงงง เสียจายจังเยย เค้าพิมพ์ตั้ง 2 เดือนนะ งิ

ปายร้องไห้ต่อ กระซิก ๆ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวคนสวย (http://beee.bloggang.com) IP: 124.121.111.170 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:11:43 น.  

 


ก๊อกๆๆ...เพิ่งพิมพ์ใบปลิวเสร็จ แปะบ้านนี้บ้านแรกเลย..


โดย: ดราก้อนวี วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:39:15 น.  

 
ลูกสมุน(ไพร)หมายเลขศูนย์ ยินดีรับใช้ขอรับนายท่าน
มีกิจอันใด โปรดเร่งสั่งการลงมาได้ในบัดเดี๋ยวนี้
บ่าวยินดีจะข้ามน้ำข้ามทะเล
รับใช้สนองพระเดชพระคุณท่านอย่างมิกลัวตายขอรับ


โดย: zoomzero วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:39:17 น.  

 
ฮาโหล ซาหวัดดีคร้าพี่ชาย กลับจากกาญฯ มาแระคร้า กลับมาวันอาทิตย์เที่ยงคืนกว่า ๆ แระ ไปโน่นก็อากาศน๊าว หนาว ฝนตกด้วย กลางคืนอากาศเย็นมากมาย นั่งรถตู้ก็แอร์เย็น ขึ้นแท๊กซี่ก็โดนเป่าแอร์อีก อ๋อย ตอนนี้เลยกลายร่างเป็นน้องปอย เลือกจีเน็ตค่ะ ไปแว๊ว งุงิ เสียงแหบอย่างแรง ไอจนเหนื่อยรุย

แต่ไปคราวนี้สนุกมากค่ะ ทั้งได้บุญ ได้เที่ยว ได้เพื่อนใหม่มากมากเลยค่ะ งิงิ ได้แวะเที่ยวมาหลายทีค่ะหลังจากเสร็จภารกิจที่ทองผาภูมิแล้วก็ไปโน่นเลย สังขละบุรี ตะวันตกสุดของไทย สุดเขตชายแดนไทย-พม่า ได้ไปทั้งพุทธคยา ที่จำลองมาจากอินเดีย (รึเปล่า) แล้วก็วัดหลวงพ่ออุตตมะ ไปสะพานไม้โบราณ ไปดูแถวหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง ชาวมอญ แถว ๆ สะพานไม้นั่นแหล่ะค่ะ มีทริปนั่งเรือไปชมเมืองบาดาลด้วย แต่ใช้เวลาเป็นชม.เลย ก็เลยไม่ได้ไป ได้แวะไหวพระอยู่ 3-4 วัดค่ะ ^_^

อยู่ที่โน่นจะบอกว่าทุกคนต้อนรับดีมาก ๆ โรงเรียนมีบริการข้าวปลาอาหารอิ่มหนำทุกมื้อจนเกรงใจเลย ว่าตกลงเรามาช่วยเขา หรือมาให้เขาเลี้ยงข้าวหว่า *-* เงาะทองผาภูมิเป็นสิบ ๆ เข่ง นั่งกินนอนกิน อุอุ ม่ายอ้วนก๊ะมะรุ๊จาว่าไงแระ งุงิ

หือ อะไรนะคะ ทวงของฝากเหรอ ม่ายมีง่ะ เพราะรู้ว่าพี่ชายม่ายมีเวลาหนีเมียมาเจอ อิอิ (โบ้ยไปโน่นเรย) ไม่ช่ายไรหรอก มานมะมีอะไรเปงของฝากเลยง่า มีขายแต่พวกเครื่องประดับ อะไรพวกนี้เยอะแยะมากมาย แล้วก็พวกแป้งพม่า อุอุ พี่ชายจะเอามั๊ยอ่ะคะ เผื่อจะขาวขึ้นมามั่งงิ คิคิ

โม้เยอะแระ ไปบ้านอื่นต่อดีกว่า คิดถึงนะคะ จุ๊บ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:08:06 น.  

zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.