ข่าวสารยานยนต์ปน ๆ กัน เรื่องราวของ Chrysler, Proton และ Toyota

เรื่องแรก เรื่องของการขาย Chrysler จาก AutoNews ณ. 30 มีนาคม 2550 จากที่มีข่าวลือหนาหูว่า คนโน้น คนนี้จะซื้อ Chrysler จากกลุ่ม Daimler Chrysler หรือ DCX มาวันนี้บทสรุปก็ออกมาแล้ว นั่นคือ มีผู้เข้าร่วมแข่งขัน 3 ค่าย 3 ก๊ก ประมาณนั้น

กลุ่มแรก Blackstone Group
กลุ่มที่ 2 Cerberus Capital Management
สุดท้ายกับ Magna ผู้ผลิตชิ้นส่วนสัญชาติ แคนาดา

หง่า แล้ว GM ที่กระพือข่าวกันอยู่ช่วงนึงนั้นหายไปไหนซะล่ะ

GM ประกาศไม่เข้าร่วมแข่งขันในการประกวดราคารอบแรกไปซะแล้ว ตามข่าวนี้ จาก AutoNews 28 มีนาคม 2550
(ก็ว่าอยู่เหมือนกันแหละ เตี้ยอุ้มค่อม ทำไปทำไมเนาะ)

ข่าวต่อไป เรื่องราวของ Proton/VW อย่างที่เคยเกริ่นไว้ใน Blog ก่อน ๆ ว่า Proton ของมาเลเซียกำลังประสบปัญหา และต้องการ "Partnership" เพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยมีผู้ให้ความสนใจ เหล่ ๆ มาอยู่ 2 ค่าย คือ GM และ VW โดยค่ายหลังมีประเด็น และน้ำหนักมากกว่านั้น มาถึงตอนนี้เริ่มไม่แน่นอนเสียแล้ว ข่าวจาก AutoNews วันที่ 30 มีนาคม 2550 เรื่องของเรื่องคือ Volk เนี่ย แกอยากเข้ามาในอาเซียนมาก แต่คงไม่ถึงขั้นจับคู่กับ Proton ดังนั้น ตอนนี้ยังคงเหลือแค่ระดับสูง ๆ ที่คุย ๆ กันอยู่ แต่ในรายงานระบุไว้ว่า "Clearly, they don't want to pour any resources into turning Proton around," เอ่อ น่าจะตรงดีนะ ว่า สิ่งที่ Proton อยากได้ Volk ไม่อยากให้
ว่าแต่ ลองมาเมืองไทยดูมั่งสิครับ ค่ายรถยุโรปในเมืองไทยยังมีไม่เยอะ แถม segment ด้าน B Car กำลังจะเปิดตัวแคมเปญใหม่ ๆ อยู่ด้วย

ข่าวสุดท้าย ทิ้งทวนไว้กับ Toyota ว่า ตะแกประกาศพัฒนา Software และ ระบบปฏิบัติการสำหรับ ECU ด้วยตัวเอง โดยอาศัยความร่วมมือกับ Denso และ Aisin Seiki อ้างอิงข่าวนี้จาก Autonews 29 มีนาคม 2550

โดยสรุป ข่าวทั้ง 4 มีผลอะไรกับเรา

2 ข่าวแรก การลงเอยด้วยดีของ GM/Chrysler ออกมาแล้ว ดูท่าทาง GM คงยังไม่ไปซื้อ Chrysler ในช่วงนี้ จขบ. คิดว่า ยังไงคงยังไม่รู้ผลใด ๆ ทั้งสิ้นจนกว่า Chrysler จะได้เจ้าข้าวเจ้าของตัวจริง และได้นโยบายในเอเซีย และ อาเซียน ออกมาเป็นรูปธรรม เชื่อได้ว่า คนที่ซื้อไป คงต้องมองเอเซียในระดับนึงแน่นอน เหมือนหลาย ๆ คนที่มุ่งหน้ามาจีน อินเดีย ที่เป็นตลาดที่สด ใหม่ และมีกำลังซื้อที่น่าจะโอเค แต่หากมาอาเซียนแล้วล่ะก็ คู่แข่งที่น่ากลัวคงจะเป็น เวียดนามล่ะ ประเทศไทยเรามีโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แข็งเกร็ง (ไม่ใช่แข็งแกร่ง) ยังไม่บูรณาการเท่าที่ควร เรียกได้ว่า เจ้าของค่ายยกพลออกไปเมื่อไหร่ เราก็ไม่เหลือ ส่วนใหญ่ลงทุน แต่ไม่ลงมือพัฒนาคนให้เท่าไหร่ จะมีก็บางค่ายที่เปิดซะใหญ่โต ทั้งศูนย์การผลิต และศูนย์การพัฒนาคน (อย่างค่าย ต. ที่มีโรงงานใหญ่โตเป็นอาณาจักร แถวบ้านโพธิ์ไง ระบุชื่อตรง ๆ คงไม่ดีมั้ง หวังว่าคงเดากันไม่ออกน่อ อิอิ) การเมืองไทยยิ่งผันผวนอีก เฮ้อ น่าสงสารคนไทย ได้แต่หวังว่าแคมเปญ อีโคคาร์ ออกมาจะโดนใจหลาย ๆ คน

ข่าวที่ 3 คือ ข่าวของ Proton/Volk นั้น เห็นได้ชัดอยู่เหมือนกันว่า Volk เองก็ไม่ค่อยอยากใช้ตังค์เท่าไหร่ ไม่แน่ใจด้วยว่า การทำธุรกิจกับภาครัฐบาลจะเป็นยังไงในทรรศนะของเขา แต่คิดว่า ถ้านโยบายมองอาเซียน ยังอยู่ในใจของ VW แล้วล่ะก็ พี่ไทยเราก็อาจจะมีโอกาสกับเค้าเหมือนกัน คือ สรุปได้ว่า ตอนนี้ มีโอกาสการลงทุนมากมายมหาศาล กำลังหลั่งไหลมาสู่อาเซียน และเราก็เป็นหนึ่งในผู้มีโอกาสนั้น ๆ แต่อาจจะพลาด ถ้าภาคการเมือง และเศรษฐกิจมหภาคเราบริหารได้ไม่ดี

สุดท้าย ข่าวเรื่องการพัฒนาระบบปฏิบัติการของ Toyota นั้น เป็นไปตามการคาดการณ์ของ จขบ. เมื่อสมัยอ่านเจอเรื่องความร่วมมือของ Ford กับ Supplier ที่ตา Mulally ประกาศไว้ว่า จะมีความร่วมมือมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดตอนนี้คือ การพัฒนาระบบปฏิบัติการร่วมกันกับ Microsoft และจะพัฒนาระบบ Audio กับ Sony ในเวลาเดียวกันก็มองหาคนพัฒนาระบบเครื่องยนต์ ซึ่งก่อนหน้านั้นมีข่าวมาว่า GM เองได้คู่ขาพัฒนาเครื่องยนต์ไว้แล้ว สิ่งที่จขบ.สงสัยตอนนั้นคือ สังเกตว่า ค่ายต่างชาติ(ฝรั่ง อเมริกัน)ส่วนใหญ่จะหาความร่วมมือทางเทคโนโลยีจากผู้อื่นซะส่วนใหญ่ แต่สงกะสัยว่า ไม่ค่อยมีข่าวพวกญี่ปุ่นเท่าไหร่ สงสัยเขาจะทำกันเองล่ะมั้ง และนี่ก็เป็นข่าวที่ยืนยันความสงสัยนั้น สำคัญด้วยเหรอ ว่าจะต้องเป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้วยตัวเอง สำหรับผู้ซื้อ คงไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะคงได้รถ ไฮเทค อย่างใจ แต่สำหรับคู่แข่งกันคงมองกันออกว่า ขณะนี้ ความแข็งแรงทางด้านเทคโนโลยีของฝรั่ง เริ่มง่อนแง่นเต็มทน ในขณะที่ค่ายญี่ปุ่นก็เริ่มโตเอา โตเอาด้านนี้
ในอนาคต รถยนต์ Ford อาจจะต้องมีปุ่ม Ctrl, Alt และ Delete นะเนี่ย อิอิ

Create Date : 01 เมษายน 2550		1 comments
Last Update : 1 เมษายน 2550 14:09:15 น.
Counter : 458 Pageviews.
Share Tweet