Bloggang.com : วิปครีมรสมะนาว - Hong Kong 2009 : ข้ามเรือไปฮ่องกง - The Peak

Hong Kong 2009 : ข้ามเรือไปฮ่องกง - The Peak - SOL

: ที่เที่ยว
Hong Kong 2009 : ข้ามเรือไปฮ่องกง - The Peak - SOL
Hong Kong 2009 : Repluse bay / Snoopy World / วัดหวังต้าเซียน / Mongkok
Hong Kong 2009 : รถไฟ สายดิสนีย์ /Ngong Ping 360'
Macau 2009 : วัดอาม่า/เซนาโด้/โคโลอาน

: ที่นอน
Hongkong : Yes Inn Hostel
Hongkong : King Wah Guesthouse
Macau : Royal Hotel Macau

ทริปนี้ออกเดินทางไปกับหางแดงค่ะ เครื่องออก 7.00 ถึง มาเก๊า 10.30 ตามเวลามาเก๊า (เวลาเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมงนะคะ)

จากสภาพอากาศที่เช็คมาจากเมืองไทย 14-17 องศา เตรียมเสื้อแจ็คเก็ตบาง ๆไว้กันหนาว แต่ว่าพอลงจากเครื่องปุ๊ป!! โอ้วววว หนาววอ่ะ

จากนั้นทุกคนก้อถ่ายรูปกันแชะๆแต่พอเรายกกล้องขึ้นมาถ่ายบ้าง+ก้อมีเจ้าหน้าที่เดินมา+ยกมือแล้วชี้มาที่เรา"You No!!!Can not" O_0 เอาละสิตูถ่ายไม่ได้หรอเนี่ย เกิดรัยขึ้นชั้นจะโดนจับไปสอบสวนรึเปล่าไม่ได้มาสืบราชการลับรัยนะ คนอื่นถ่ายไม่เห็นว่ารัยอ่ะ จนเพื่อนทักว่า " เค้าบอกว่า No canon ป่าว แกต้องซื้อยี่ห้ออื่นมาใช่แระนะ" เป็นงั้นไปตรู
จากนั้นผ่าน ตม.มาปุ๊ป เราเลี้ยวขวาไปขึ้นรถฟรีไปเวเนเชียน เผื่อนั่งรถฟรีไปท่าเรือ Cotai Jet อีกที ค่ะ

จะถึงเวเนเชี่ยนที่ Main Lobby จุดนี้ใครจะเที่ยวเวเนเชี่ยนก่อน ก้อฝากกระเป๋าไว้ได้เลยค่ะ แล้วบอกเค้าว่าจะไปรับกระเป๋าที่ West Lobby แต่เราจะมุ่งหน้าไปฮ่องกงเลย ก้อเลยแบกกระเป๋ากันไป ที่ West Lobby เลยค่ะ พอถึงแล้วก้อสามารถซื้อตั๋วเรือได้ที่นั่นเลย จากนั้นก้อขึ้นรถฟรีของเวเนเชียน ไปท่าเรือค่ะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก้อมาถึงฮ่องกงแล้วค่ะ เรือจะมาจอดที่ตึก Shuntak ซึ่ง MTR สถานี Sheungwan อยู่ค่ะ

เรานั่ง MRT สายสีน้ำเงิน มาลงที่ Fortress Hill Exit B เพื่อมาที่พัก ที่ Yes Inn ค่ะ ดูรีวิวห้องพักได้ ที่ีนี่

The Peak เป็นอีกที่ในฮ่องกง ที่หมายมั่นไว้ ว่าต้องมาให้ได้เพราะนอกจากจะได้มาชมวิวของฮ่องกงกันแล้ว การเดินทางมาที่นี่ ยังพิเศษสุด ๆ คือ มีนั่งรถเมลล์แบบเปิดประทุนให้ชมวิว และ ยังต้องขึ้น Peak Tram ซึ่งเป็นรถรางที่จะพาเราขึ้นไปอีก เพราะงั้นไม่ไปไม่ได้แล้ว

หลังจากที่วันนี้ช่วงเช้าเราก้อได้ลัลลา อยู่ฝั่งฮ่องกงอยู่แล้ว การเดินทางในวันนี้เราเลย นั่ง MTR มาลง สถานี Central แล้วไปออก Exit K ค่ะ พอออกมาได้ ก้อจะเจอ ธนาคาร HSBC ก้อเดินทะลุ ๆ เข้าไปในตัวตึก แล้วข้ามถนนไปอีก ตามป้าย Peak Tram ไปค่ะแล้วก้อเดินเลียบ ถนนไปเรื่อย ๆ ก้อเห็น ป้าย Peak Tram อยู่ข้างหน้าแล้วค่ะ

อีกวิธีการเดินทางมาที่นี่ ก้อคือ MTR ลง Central Exit F ที่ตึก IFC 2 แล้วก้อให้เดินไปแถวที่ ท่าเรือสตาร์เฟอร์รี่ แล้วมองหาป้ายรถ สาย 15C ซึ่งมีทั้งแบบรถเปิดประทุน และแบบ ธรรมดานะคะ จะพาเราไปจอดที่ทาง ขึ้น Peak Tram กับ สาย 15 คือ ขึ้นเขาไปด้านบนเลยไม่ต้องขึ้น Peak Tram

หากเรามีบัตร Octopus อยู่แล้วไม่ต้องไปเข้าแถวซื้อตั๋วอีกนะคะเดินเลยเข้าไปตรงทางเข้าแล้ว เอาบัตรไปแปะได้เลยค่ะ แต่ว่าพอเข้าไปแล้วก้อต้องไปเข้าแถวรอขึ้น Tram อีกที

พอขึ้นไปเราจะได้เห็นตึกมันเอียงแปลก ๆ อิอิ สนุกดี ไม่นานก้อมาถึงแล้วค่ะ เราก้อเดินไปเรื่อย จะเป็นห้างนะคะ แต่เราไม่ได้ดูอะไรมากเรา ก้อเดินขึ้นไปดูวิวเลย 20 HKD วิวสวยมาก ๆ แต่ถ้าไม่อยากเสียตังค์ก้อมีที่ให้ดูวิวเหมือนกันแต่ไม่สวยเท่าค่ะ
เพิ่มเติมค่ะ ค่าขึ้น Peak Tram 22 HKD แต่ถ้าเราใช้ขากลับด้วย จะคิดขากลับ 11 HKD

มองไป เห็นตึกชื่อดังของฮ่องกง เยอะแยะเลย อย่าง IFC ค่ะ ที่นี่ เพื่อนๆ บางคนอาจจะจัดโปรแกรม มาตอนบ่าย ๆ ถึงเย็น ๆ เพื่อ ดูแสงสีเสียงบนนี้เลยก้อจะได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง แต่จะไม่ได้ยินเสียงนะคะ เห็นแต่แสงสีอย่างเดียว เค้าว่าสวยดีเหมือนกันค่ะ แต่เรา ขอชมแบบเต็มรูปแบบดีกว่า

ขากลับเราตั้งใจกันไว้ว่าจะ กลับสาย 15 C แบบ เปิดประทุนค่ะ จะได้ครบสูตร รอสักพักสาย 15C ก้อมาแล้ว แต่ว่าฝนดันตกปรอยๆ ไอ้เราก้อยากจะทำชิลๆ ชมวิววะหน่อย แต่นะพวกเรา ไม่มีหวั่นอยู่แล้ว ฝนตกก้อตกไปไม่แคร์ซะอย่าง การขึ้นก้อใช้บัตรเบ่งได้เหมือนเดิมค่ะ สะดวกดีจริงๆ บ้านเราน่าจะมีบ้าง

ซึ่งรถคันนี้จะไปจอดแถวๆ ท่าเรือระหว่าง Pier 6-7 ค่ะ

ดินเข้าไปเลยค่ะ ใช้เจ้าบัตรปลาหมึกเหมือนเดิม แหม สะดวกจริง ๆ ประมาณ 5 นาทีค่ะ ถึงแล้วให้เดินเลียบอ่าวไปเรื่อยๆ จะเจอหอนาฬิกาค่ะ

The Symphony of Light เป็นอีกเป้าหมายนึงที่เราคิดว่าจะต้องไปดูให้ได้ เพราะจากที่หาข้อมูลมานั้น ที่นี่เป็นการโชว์แสงสีเสียงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก Guinness World Records เลยทีเดียว ซึ่งสามารถชมได้บริเวณฝั่ง จิมซ่าจุ่ย โดยมีจุดชมการแสดงอยู่แถวๆ Avenue of Star , โรงแรมอินเตอร์คอนฯ, Clock Tower หรือใครเลือกที่จะนั่งเรือชมก้อได้ค่ะ เราเดินไปดู SOL กัน แถวๆ หน้าโรงแรมอินเตอร์คอนค่ะ ใช้เวลาเล่นประมาณ 20 นาทีได้

การแสดง จะเริ่มประมาณ 20.00 น. หรือ 08.00 PM. นั่นเอง ซึ่งเคยมีเพื่อนที่นั่นเล่าให้ฟังว่า ที่ฮ่องกงนี่เค้าจะเชื่อเรื่องหลักฮวงจุ้ยกันมาก โดยการเปิดไฟตามตึกต่าง ๆ นั้นก้อเป็นวิธีการในการเสริมฮวงจุ้ย ให้มีแต่ความเจริืญ มั่งคั่งมากขึ้นๆ ซึ่งเราว่าก้อได้ผลนะ อย่างน้อย ๆ ในแง่ ของการท่องเที่ยว ที่นี่ ก้อเป็นอีกที่นึงที่นักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ จัดลงในโปรแกรม กันทั้งนั้น รวมทั้ง ย่าน จิมซ่าจุ่ย ก้อเป็นย่านที่คึกคัก และ เจริญมาก ๆ เลย อย่างที่เราเดิน นี่ ก้อมี ห้างดังๆ หลายห้าง โรงแรมระดับห้าดาว มากมาย เลยทีเดียว
พวกเรา มาถึงก่อน สองทุ่ม ก้อแวะหาอะไรรองท้องกันก่อน ค่อยเดินไปจับจองหาที่นั่งดีๆ ค่ะ ระหว่างทางก้อจะมีบริการรับถ่ายภาพ มากมาย แต่เราไม่สนอ่ะ ถ่ายสวยแต่ไม่ใช่ฝีมือเราเอง ก้อไม่รู้เอาไปทำมัย เอาละค่ะ ตอนนี้ ก้อใกล้ได้เวลาแล้ว ตึกต่าง ๆ ก้อพร้อมเปิดไฟไว้รอนั่งท่องเที่ยวอยู่แล้วค่ะ ซึ่งเค้าจะมีบรรยายเสียงภาษาอังกฤษ วัน จันทร์ พุธ ศุกร์ ค่ะ โดยก่อนเริ่มแสดงเนี่ย เค้าก้อจะมีบรรยายก่อนค่ะ แล้วก้อแนะนำตัวนักแสดง อิอิ จริงๆ ก้อคือ แนะนำแตะละตึกหล่ะค่ะ แล้วตึกนั้นๆ ก้อจะมีไฟกระพริบ ๆ เหมือนว่าจะแนะนำตัวกับนักท่องเที่ยว 55 ซึ่ง การแสดงแสงสี ประกอบเพลงนี้ จะแบ่ง เป็นช่วง 5 ช่วง ตามนี้ค่ะ Awakening, Energy, Heritage,Partnership และจบโชว์สุดท้ายด้วย The Final แต่ว่าเค้าก้อจะไล่แสดงไปรวดเดียวจบเลย ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีได้ค่ะ

ตลอด ระยะเวลา 15 นาที ที่ดูโชว์ รู้สึกถึงความอลังการเลยค่ะ ทั้งการยิ่งแสงเลเซอร์ ไฟตามตึกต่าง ที่เหมือนเต้นไปพร้อมกันจังหวะของดนตรี รวมทั้งแสงสะท้อนลงบนผิวน้ำเบื้องล่าง ไม่น่าแปลกใจเลย ฮ่องกงเจริญมากขนาดนี้ ขนาดหน้ามรสุมของเค้า ยังจัดงานเซลล์ทั้งเกาะให้เหล่าขาช๊อปเอาเงินไปให้ได้เลย T_T ................ว่าแล้วก้ออยากไปช่วงเซลล์บ้างเหมือนกัน 55 ไปละลายทรัพย์ซะหน่อย...

จะ 3 ทุ่มหล่ะ เริ่มหิวไปหารัยกิน Tshim sha tsui ดีกว่า เราก้อเดินเลาะ ไปค่ะ เวลาจะข้ามถนน ลองมองหาอุโมงค์ใต้ดินค่ะ เพราะ ที่ฮ่องกง เค้าจะไม่ค่อยมี สะพานลอย มันเลยทำให้บ้านเค้าดูทิวทัศน์สวยนะคะวันนี้จะไปกินร้าน Relax for a While เดินไปตามถนน Nathan ทางขวามือจะมืซอยอยู่ จะเห็นป้าย Kimberley Road เดินเข้าไปเดินไปนิดเดียวก้อเจอแล้ว อ้อ ระหว่างทางผ่านตึกChungking Mansion ด้วยค่ะ เราว่าแถวนั้นคนผิดดำเยอะนะ