หากมาถึง “สิงคโปร์” แล้ว จะไม่กล่าวถึง ย่าน “Marina Bay” ก้อคงจะแปลกๆ ใช่มั๊ยคะ เพราะที่นี่ เป็นย่านที่นักท่องเที่ยว รู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญ ๆ ที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว  อย่าง  เจ้าเมอร์ไลอ้อนตัวโตพ่นน้ำ เป็นต้น

มาเริ่มออกเที่ยวกันเลยดีกว่าค่ะ  เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้าและเลือกใช้บริการรถไฟใต้ดิน  นั่งไปลง สถานี Raffles Place ค่ะ  พอพ้นสถานีปุ๊ป ก้อพบกับตึกสูงๆ มากมายซึ่ง แตกต่างกับย่านไชน่าทาวน์ที่เราพักมากกๆ   เพราะย่านนี้ถือเป็นย่านศูนย์กลางทางการเงินของประเทศทีเดียว เราจึงเห็นอาคารของธนาคารต่างๆ อยู่ในย่านนี้ค่ะ

จากนั้นเราก้อเดินไปทาง โรงแรม ฟูลเลอร์ตัน ซึ่งถือว่าเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่หรูหรามากในสิงคโปร์ สร้างตามสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก  โดยที่นี่ใช้เป็นที่ทำการไปรษณีย์มาก่อนนะคะ  ก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็นโรงแรมในปี ค.ศ. 2000 และรอบๆ บริเวณโรงแรม ยังมี รูปหล่อทองแดง  ขนาดเท่าตัวคนจริงๆ  อยู่โดยรอบ  อย่างเช่น รูปปั้นเด็ก กระโดดน้ำเล่น อยู่นี้ ถือว่าเหมือนจริงมากๆ ค่ะ

ดูสิคะเหมือนมากจริงๆ  เจ้าน้องชายยังนึกซน  ไปถ่ายรูปจะกระโดดน้ำกะเค้าด้วย ^^

ใกล้ๆ กับโรงแรม ก้อจะเป็น Cavenagh Bridge  หรือ สะพาน คาเวนาห์ ซึ่งเป็นสะพานเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1868  และสะพานได้ถูกสร้างขึ้นที่สก็อตแลนด์เชียวนะคะ   แต่นำมาประกอบที่สิงคโปร์   เพื่อแก้ปัญหาด้านการจราจรของประเทศค่ะ แต่ปัจจุบันนี้ห้ามรถยนต์วิ่งผ่านแล้วนะคะ

ซึ่งที่นี่ ก้อนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกจุดนึงที่ไม่ควรพลาดค่ะ  เพราะนอกจากจะถ่ายรูปสวยแล้ว   ยังสามารถข้ามไปเที่ยวสถานที่ต่างๆอีกฝั่ง ได้อีก เช่น

The Art House เป็นที่แสดงงานศิลปะ ดนตรี ค่ะ  ซึ่งก่อนจะมาเป็นอาคารที่แสดงด้านศิลปะ  ก้อเป็นรัฐสภามาก่อนนะคะ   และอีกอย่างที่สำคัญที่ต้องเยี่ยมชมนะคะ  คือ รูปปั้นช้าง ที่ รัชกาลที่ 5 พระราชทานเป็นที่ระลึกเมื่อครั้งเสด็จเยือนสิงคโปร์ในปี ค.ศ. 1871  ค่ะ

Victoria Theatre & Memorial Hall เป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ต ละครเวที และวงออร์เคสตราของสิงคโปรค่ะ

Parliament Hose เป็นอาคารรัฐสภาหลังใหม่ค่ะ   แต่ไม่สามารถเข้าชมด้านในได้นะคะ

Sir Stamford Raffles เป็นรูปปั้นของท่านเซอร์แสตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์  เพื่อแสดงต่ำแหน่งที่ท่านได้เหยียบแผ่นดินสิงคโปร์เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1819

Asian Civilisations Museum พิพิธภัณฑ์อารยธรรมเอเชีย เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ของอินเดีย จีน เอเชียอาคเนย์ และชาวอิสลามโดยนำเสนอแบบ อินเตอร์แอ็คทีฟค่ะ  (มีค่าเข้าด้วยนะคะ)

แต่หากเราเดินเลียบ โรงแรมฟลูเลอร์ตัน มาเรื่อยๆ แล้วมุดใต้สะพานซะหนึ่งรอบ เราก้อจะไปถึง เมอร์ไลอ้อน ค่ะ  แต่แหม  ขนาดใต้สะพานเค้ายังดูดีเลยนะคะ  อยากให้บ้านเราเป็นแบบนี้บ้างจัง   มีร้านกาแฟน่ารัก ๆ ใ้ห้เราได้นั่งพักขา คลายร้อน กันด้วย

Merlion รูปปั้นสิงโต ครึ่งปลา พ่นน้ำได้ แต่เดิมเป็นเพียงแค่ สัญลักษณ์ ของการส่งเสริมการท่องเที่ยว  แต่ด้วยยเอกลักษณ์ที่แปลกตาทำให้นักท่องเที่ยวต่างจดจำ  เพราะเท่าที่ดูๆ แล้วนักท่องเที่ยวหลายๆ คน ต่างจะต้องมาถ่ายรูปคู่กับเจ้าสิงโตนี่  บ้างก้อทำท่า อ้าปากเหมือนกินน้ำจาก  เจ้าเมอร์ไลออน  ดูแล้วขำๆ ดีค่ะ  เจ้าน้องชายเรา ถึงกับเอาบ้าง ขอกะเค้าซะรูปนึง  จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ต่อมา เมอร์ไลออนจะถูกกำหนดให้เป็น สัญลักษณ์ของประเทศ ซึ่งเมอร์ไลออน  ที่สิงคโปร์นี่มีทั้งหมด 3 ตัวนะคะ  ถ้าเพื่อน ๆ จำได้ และได้ชม ตอน Sentosa ที่เราพาไปเที่ยวแล้ว จะพบว่าเราได้พาไปชม เมอร์ไลออนตัวใหญ่  มาแล้ว 1 ตัว    แต่เมอร์ไลออน  อีก 2 ตัว  ก้อตั้งอยู่บริเวณ Marina bay แห่งนี้คะ

ตัวแรก ที่พ่นน้ำอยู่บริเวณปากแม่น้ำ  มีความสูง 8.6 เมตร หนัก 70  ตัน ทำด้วยซีเมนต์ฟอนดู

ตัวที่สอง อยู่ใกล้ๆ กัน  กับตัวแรก สูง 2 เมตร หนัก  3 ตัน

ซึ่งออกแบบโดย ฟราเซอร์ บรูนเนอร์ และสร้างโดย ลิมนังเส็ง  แต่หากเหนื่อยๆ ร้อน ๆ อยากนั่งพัก  แถวนั้นก้อมีร้านกาแฟน่ารักๆ ให้นั่งได้พักขาพักเหนื่อยกันด้วยค่ะ

หนื่อยรึยังคะ  แหม ที่สิงคโปร์นี่ มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ มากมายเลยค่ะ   เดินเล่นกันเพลินๆ  ถ่ายรูปสวยๆ แต่ดูจาก สถานที่ท่องเที่ยว ที่ผ่านมาแล้วเนี่ย คนสิงคโปร์ ช่างเป็นคน สุนทรีย์จริงๆ นะคะ  มีทั้งโรงละคร  งานศิลปะ  ต่างๆ มากมาย  สมแล้วกับเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลายนะคะ

เอาหล่ะค่ะ ตอนนี้ ให้โอกาสนั่งพักขากันซะหน่อย ก่อนจะพาเดินต่อไปนะคะ