มาจองรถไฟเที่ยวอังกฤษกันดีกว่า
มาจองรถไฟเที่ยวอังกฤษกันดีกว่า
วิธีการเดินทางที่นิยมกันมากที่สุดอย่างหนึ่งของเกาะอังกฤษ คือ การเดินทางด้วยรถไฟ ด้วยการให้บริการครอบคลุมทั้งประเทศ ตั้งแต่ทางตอนเหนือของสก็อตแลนด์ไปถึงใต้สุดอย่างเขต Cornwall (อาจจะมีบางเมืองที่รถไฟไม่ถึง แต่ก็สามารถเดินทางด้วยรถบัสจากสถานีรถไฟใกล้เคียงไปได้) โดยราคาค่าโดยสารอาจจะสูงกว่ารถบัส แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่า อีกทั้งหากเราจองในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือมีบัตร Railcard ประเภทต่างๆก็มีส่วนลดในการจองอีกด้วย
วิธีการจองรถไฟที่สะดวกที่สุด คือ การจองออนไลน์ แต่รถไฟของอังกฤษนั้นจะบริหารงานด้วยหลายบริษัทโดยส่วนใหญ่จะแยกตามภูมิภาค ซึ่งเป็นโครงข่ายที่เชื่อมโยงกัน ดังนั้นเว็บไซด์ที่เข้าไปตรวจสอบง่ายและครบถ้วนที่สุดก็คือ //www.nationalrail.co.uk/ นั้นเอง ซึ่งจะมีหน้าตาดังรูป
โดยในส่วน Train times & tickets บนพื้นสีฟ้า คือส่วนที่ใช้ในการค้นหาตารางเวลาและราคาของเที่ยวรถไฟที่เราต้องการ โดยเลือกสถานีเริ่มต้นและปลายทาง วันที่และเวลา โดยเราสามารถเลือกแบบเที่ยวเดียวหรือแบบไปกลับก็ได้ นอกจากนี้ยังมีออฟชั่นเสริมให้เลือก นั่นคือ ส่วนสำหรับใส่จำนวนผู้โดยสารที่ต้องการ, Railcard เพื่อให้ได้ส่วนลดราคา และเลือกเส้นทางการเดินทางที่ต้องการ เช่น ผ่านเมืองหรือสถานีใดเป็นกรณีพิเศษ และในส่วนด้านขวานั้นเพื่อสมาชิกของเว็บไซด์ทำการล็อกอินหรือสมัครสมาชิก (ส่วนนี้เราไม่ได้สมัครสมาชิกค่ะ เลยไม่แน่ใจว่าได้อะไรบ้าง แต่น่าจะมีการแจ้งโปรโมชั่นต่างๆ)
การกรอกข้อมูลค้นหาก็ทำได้ดังรูป ซึ่งเราจะเลือกจากเมืองนิวคาสเซิลไปยังลอนดอน และวันเวลาให้ครบด้วยหลังจากนั้นกด "Go"
ซึ่งทางเว็บไซด์จะแสดงเที่ยวการเดินทางและราคา จะเห็นได้ว่าราคาในแต่ละเที่ยวการเดินทางจะไม่เท่ากัน เนื่องจากเวลาการเดินทางในประเทศอังกฤษจะมีผลกับราคาอย่างมาก หรือถ้าช่วงเวลาเร่งด่วน ราคาตั๋วจะสูงขึ้น และยังมีราคาที่แบ่งตามคลาสด้วย นอกจากนี้แล้วในกรณีซื้อตั๋วไป-กลับยังมีให้เลือกแบบ ไปและกลับแยกกัน (2 singles) ซึ่งจะระบุเที่ยวอย่างไม่ชัดเจน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (นอกจากทิ้งตั๋วแล้วซื้อใหม่ ถ้าพลาดไป) หรือประเภทไปกลับ (Return) โดยตั๋วประเภทนี้เที่ยวกลับจะเป็นแบบเปิด คือ สามารถขึ้นขบวนไหนในเส้นทางนั้นก็ได้ โดยไม่กำหนดเวลา แต่จะจองที่นั่งไม่ได้ หรือหากอยากจองที่นั่งก็ทำได้เช่นเดียวกับแบบ Single แต่ถ้าพลาดเที่ยวที่จองไว้ก็ยังสามารถขึ้นขบวนอื่นได้ แต่จะไม่ได้ที่นั่งที่จองเท่านั้นเอง
เรามีเทคนิคเล็กน้อยสำหรับการเลือกประเภทตั๋ว ถ้าเราจองตั๋วล่วงหน้านาน ราคาตั๋วแบบ 2 singles จะถูกกว่า แต่ถ้าเวลาที่จองใกล้กับเวลาเดินทางราคาตั๋วแบบ Return จะถูกกว่าตั๋วแบบ 2 singles ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับเราว่าต้องการแบบไหน
เมื่อเราเลือกเที่ยวที่ต้องการไปแล้ว และอยากกลับไปแก้ไขก็สามารถทำได้ดังรูปนี้ค่ะ ใครมี Railcard อย่าลืมใส่ให้ครบถ้วนนะคะ เพราะส่วนลดมันเยอะจริงๆ อย่างเช่น Railcard สำหรับเยาวชนและนักศึกษา ลดราคาถึง 1/3 เลยทีเดียว (เดี๋ยวเราจะมาอธิบายเรื่อง Railcard กันอีกทีนะคะ) แต่ถ้าไม่ต้องการแก้ไขก็สามารถเลือก "Buy Now" เพื่อไปขั้นตอนต่อไปได้เลย และเว็บจะลิ้งค์ไปยังถ้าเว็บผู้ให้บริการโดยตรงเลย อย่างเช่นในตัวอย่างนี้ การจองจะลิ้งค์ต่อไปยังผู้ให้บริการ คือ East Coast
จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนสำหรับการเลือกที่นั่ง สำหรับคนซื้อตั๋วแบบ Return ก็สามารถเลือกที่ั่นั่งได้ แต่..แต่..แต่...ขอเน้นย้ำไว้เลยว่า สามารถเลือกได้โดยกำหนดเวลาและวันที่ชัดเจน คือถ้าพลาดเที่ยวนั้นไปแล้ว ตั๋วของคุณจะสามารถใช้เดินทางได้จนกว่าจะหมดอายุ แต่จะไม่สามารถเลือกที่นั่งได้อีกแล้ว
การเลือกที่นั่งนั้นจะเลือกตามความต้องการของเรา มีทั้งแบบนั่งหันหน้าตามทางรถวิ่งหรือหันหลัง นั่งติดหน้าต่างหรือทางเดิน เป็นแบบที่นั่งแยกหรือแบบโต๊ะ (ที่นั่งแบบเดียวก็คือเป็นเบาะคู่ แต่ถ้าแบบโต๊ะคือ เบาะคู่สองเบาะหันหน้าเข้าหากันโดยมีโต๊ะตรงกลาง แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าเราจะได้ที่นั่งตามที่ต้องการหรือไม่ เพราะทั้งนี้ขึ้นกับที่นั่งที่เหลือว่างด้วย และหากใครต้องการนั่งแบบสงบๆ ก็มีตู้แบบ Quiet ให้เลือก (แต่ตั้งแต่นั่งมา ไม่เห็นมันจะเงียบตรงไหนเลย คือถ้าเจอคนกลุ่มใหญ่ขึ้นมาแล้วเลือกมานั่งห้องนี้ก็ไม่มีทางที่จะได้นั่งเงียบๆ แต่ในทางกลับกันถ้าเราจองกลุ่มใหญ่ๆ และเลือกตู้ Quiet เว็บก็จะแจ้งให้เรายืนยันว่าจะเอาตู้นี้จริงๆ) นอกจากนี้ยังสามารถเลือกความช่วยเหลืออื่นๆได้หากต้องการ
จากนั้นก็จะให้เราเลือกวิธีการจัดส่งตั๋ว ซึ่งมีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งส่วนใหญ่แบบฟรีมันก็สะดวกดี โดยเฉพาะการไปรับที่สถานี ไม่ต้องงงว่าอุตส่าห์ซื้อออนไลน์แล้วทำไมต้องไปรับตั๋วที่สถานีอีก การซื้อออนไลน์จะได้ราคาที่ประหยัดกว่า และการไปรับที่สถานีจะเป็นตู้อัตโนมัติ ซึ่งเราไม่ต้องเสียเวลาไปต่อแถวซื้อ เพียงแค่นำบัตรเครดิตหรือเดบิตที่ใช้ชำระค่าบริการไปใส่ที่ตู้ กดเลขการจอง แค่นั้นก็เรียบร้อยในการรับตั๋ว
ทางด้านขวาของขั้นตอนนี้ เราสามารถเข้าไปเช็คที่นั่งของเราได้ว่าเป็นตามต้องการหรือไม่ หากยังไม่พอใจก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้หากยังมีที่ว่างอยู่ โดยสามารถเลือกดูได้ทุกตู้
หากทุกอย่างยืนยันก็ทำการตรวจสอบข้อมูลการจอง เที่ยวการเดินทาง ที่นั่งให้เรียบร้อยก่อนจะทำการจ่ายเงิน
การชำระเงินก็ไม่ยุ่งยากอะไร กรอกเลขบัตรเครดิตหรือเดบิต และข้อมูลให้ครบตามรายการ แล้วยืนยันการซื้อได้เลย แต่อย่าลืมว่าบัตรที่ใช้ในการซื้อตั๋วนี้จะต้องนำติดตัวไปในการเดินทางด้วย เพราะหากต้องไปรับตั๋วที่สถานีก็ต้องใช้บัตร และหากปรินท์ตั๋วเองจากบ้าน ก็จะต้องใช้บัตรยืนยันกับเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจตั๋วบนรถไฟ แต่ในกรณีปรินท์ตั๋วเอง อาจจะเลือกให้เอกสารอื่นในการยืนยันได้ เช่า ID หรือ พาสปอร์ต เป็นต้น
หากตรวจสอบเรียบร้อยก็ทำการชำระเงินได้เลย เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้วก็จะได้รับเลขการจองมา แต่ถ้าปรินท์เองจะได้รับอีเมล์ตั๋วตามมาภายในหนึ่งชั่วโมงหลังการจ่ายเงิน
เท่านี้ก็เรียบร้อยสำหรับการจองตั๋วรถไฟของอังกฤษ ตอนนี้จะขอเล่าแค่ขั้นตอนการจองเท่านั้น และนี่เป็นตัวอย่างตั๋วรถไฟของอังกฤษ แต่ในภาพนี้เป็นตั๋วที่ไปซื้อที่สถานีในวันเดินทางเลย ทำให้ไม่มีการจองที่นั่ง (เพราะเป็นการเดินทางแค่ใกล้ๆ เลยไม่ได้จองล่วงหน้า) แต่ถ้ามีการจองที่นั่ง จะมีตั๋วอีกใบที่ระบุที่นั่งของเรา แต่ไม่ใช่ตั๋วที่ใช้เดินทางได้ เราต้องยื่นใบที่นั่งพร้อมกับตั๋วที่แสดงเที่ยวการเดินทางที่มีราคา
แต่เดี๋ยวจะมาเล่าทริกเล็กๆน้อยๆที่ช่วยให้การซื้อตั๋วของเราประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะการทำ Railcard ซึ่งจำเป็นมากๆ โดยเฉพาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา
| Create Date : 18 กันยายน 2557 |
| Last Update : 4 ตุลาคม 2557 14:08:07 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1879 Pageviews. |
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
