ประหยัดค่ารถไฟด้วย Railcard
ประหยัดค่ารถไฟด้วย Railcard
จากตอนที่แล้วเราได้ให้คำแนะนำในการจองตั๋วรถไฟออนไลน์กันไปแล้ว และได้กล่าวถึง Railcard ไปหลายครั้ง ในตอนนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Railcard กัน ว่ามันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับการเดินทางด้วยรถไฟ (จริงๆแล้วมันยังเอาไปช่วยลดราคาพาหนะอื่นๆได้อีกด้วย เช่น รสบัส หรือ Tube ในลอนดอน)
เรามารู้จัก Railcard กันแบบคร่าวๆก่อน
- Railcard คืออะไร??? Railcard คือบัตรส่วนลดที่ใช้ในการจองตั๋วรถไฟ คล้ายๆกับบัตรสมาชิกร้านอาหารต่างๆในไทยที่ได้รับสิทธิพิเศษในการลดราคา ดังนั้น มันก็คือบัตรสมาชิกสำหรับการใช้รถไฟของอังกฤษนั้นเอง โดยบัตร Railcard นี้จะช่วยลดราคาค่ารถไฟไปได้ถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว ซึ่งช่วยให้การเดินทางของเราประหยัดมากขึ้น แต่การทำบัตร Railcard จะมีค่าใช้จ่ายในการทำบัตร และบัตรจะมีอายุ 1 ปี แต่ถ้าเทียบค่าทำบัตรกับส่วนลดที่จะได้รับในเวลา 1 ปีนั้น มันก็สุดแสนจะคุ้มค่า อย่างไรก็ตามบัตรนี้ต่างจากบัตรสมาชิกร้านอาหารตรงที่ "ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้" คนที่จะทำบัตรได้จะต้องมีคุณสมบัตรตรงตามที่บัตรแต่ละประเภทกำหนด นอกจากนี้บัตรยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆอีก สามารถดูรายละเอียดได้ในเว็บไซด์ //www.railcard.co.uk/
- ประเภทของ Railcard บัตร Railcard มีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ 1. 16-25 Railcard สำหรับคนที่มีอายุตั้งแต่ 16-25 ปี แต่ทั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษาเต็มเวลาสามารถทำได้แม้ว่าจะมีอายุเกินนี้แล้วก็ตาม โดยที่ต้องมีหลักฐานยืนยันการเป็นนักศึกษา (ประเภทนี้คือประเภทที่เราจะพูดถึงกัน เพราะนักศึกษาต่างชาติอย่างเราก็ใ้ช้ได้) ราคา 30 ปอนด์ต่อปี 2. Two Together Railcard สำหรับคนสองคนที่เดินทางด้วยกัน โดยทุกครั้งที่จะใช้บัตรนี้ในการลดราคาจะต้องเป็นการเดินทางพร้อมกัน ซึ่งมีอายุ 16 ปีขึ้นไป ราคา 30 ปอนด์ต่อปี 3. Family & Friends Railcard ประเภทนี้สำหรับการเดินทางที่มีเด็กอายุ 5-15 ปีเดินทางด้วย โดยสามารถใช้ได้สูงสุดที่ ผู้ใหญ่ 4 คนและเด็ก 4 คน ราคา 30 ปอนด์ต่อปี และ 70 ปอนด์ต่อ 3 ปี 4. Senior Railcard สำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้น ราคา 30 ปอนด์ต่อปี และ 70 ปอนด์ต่อ 3 ปี 5. Disabled person Railcard บัตรประเภทนี้สำหรับคนพิการซึ่งเดินทางด้วยรถไฟลำบาก ราคา 20 ปอนด์ต่อปี และ 54 ปอนด์ต่อ 3 ปี
เราก็ได้รู้จัก Railcard กันแล้ว ทีนี้จะมาเล่าถึงการทำบัตรสำหรับนักศึกษาต่างชาติอย่างเราที่จะนำมันมาเป็นตัวช่วยในการตะลุยสหราชอาณาจักรกัน โดยบัตรประเภทที่จะเลือกทำก็คือ 16-25 Railcard
การทำบัตรนั้นก็ไม่ยากโดยสามารถทำแบบออนไลน์หรือไปกรอกใบสมัครที่สถานีรถไฟก็ได้ แต่เราจะอธิบายถึงการไปสมัครที่สถานีซึ่งเป็นวิธีที่เราเลือกทำ เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวกกว่าสำหรับการเป็นนักศึกษาแบบเต็มเวลา (Full-Time Study) ซึ่งมีอายุเกินแล้ว โดยอายุนั้นจะนับจนถึงวันเกิดอายุครบ 26 ปี จึงจะถือว่าอายุเกินแล้ว
สิ่งที่ต้องเตรียมไปสำหรับการทำบัตร คือ รูปถ่ายหน้าตรงเหมือนการทำบัตรทั่วๆไป พาสปอร์ต และหลักฐานแสดงว่าเราเป็นนักศึกษาเต็มเวลา สำหรับหลักฐานนี้มี 2 อย่างที่ยอมรับสำหรับการสมัครที่เราเคยใช้ คือ บัตร International Student Identity Card หรือ ISIC (ตัวอย่างตามรูป) ซึ่งบัตรนี้เราสามารถทำไปจากที่ไทยก็ได้ แต่การทำไปจากที่ไทยจะต้องระวังปัญหาในเรื่องลักษณะการติดรูปในบัตร คือของไทยจะเป็นลักษณะบัตรที่เอารูปมาติดทีหลังแล้วปิดสติกเกอร์ทับ (ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเปลี่ยนไปหรือยังนะคะ) แต่ของในอังกฤษจะเป็นลักษณะรูปที่ปรินท์ติดกับบัตรมาเลย ที่ต้องเตือนไว้เพราะของเราโดนปัญหาตอนไปสมัครครั้งแรกว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมรับบัตรของเรา แต่สุดท้ายก็คุยกันจนเขายอมรับ บัตร ISIC นี้ทำได้ที่ STA ซึ่งสามารถใช้แทนบัตรนักเรียนได้ด้วย และหลักฐานอีกอย่างที่ใช้ได้ คือ ลายเซ็นต์และตราประทับรับรองจากมหาวิทยาลัย ซึ่งเราจะต้องนำใบสมัครไปให้ทางมหาวิทยาลัยรับรองให้ได้
เมื่อเตรียมหลักฐานและกรอกแบบฟอร์มการสมัคร (ไปหยิบได้เลยที่หน้าห้องจำหน่ายตั๋วของสถานี จะเป็นลักษณะแผ่นพับสีส้ม) เรียบร้อยแล้ว ก็นำเอกสารทั้งหมดรวมทั้งเงินค่าสมัครไปยื่นที่ช่องจำหน่ายตั๋วของสถานีได้เลย ต้องสังเกตสักนิดว่าการไปสมัครนั้นจะต้องไปยื่นเคาน์เตอร์ที่กำหนดไว้ โดยทั่วไปก็คือเคาน์เตอร์ที่ไม่ใช่ส่วนขายตั๋วเดินทางที่เดินทางในวันนั้น เจ้าหน้าที่จะทำการออกบัตรให้ โดยบัตร Railcard ที่ได้รับจะมีสองส่วน เราต้องเก็บเอาไว้ด้วยกัน คือส่วนแรกจะเป็นข้อมูลส่วนตัวและมีการติดรูป มีหมายเลข Railcard อีกส่วนจะแสดงวันหมดอายุของบัตรและข้อมูลต่างๆ บัตรจะคล้ายๆในรูปด้านล่าง ตอนเราไปทำเจ้าหน้าที่จะเอาบัตรทั้ง 2 ใบใส่มาในซองเก็บบัตรให้เรียบร้อยเลย ซึ่งมันทำให้การพกสะดวกขึ้น เพราะบัตรก็เป็นกระดาษแข็งธรรมดาที่เปียกก็ยุ่ยแล้ว แต่เพื่อนๆบางคนที่ไปสมัครก็ไม่ได้ซองนี้มาด้วย อันนี้ไม่รู้ขึ้นกับดวงหรือเปล่า
นอกจากบัตรทั้งสองใบแล้ว เจ้าหน้าที่จะคืนชิ้นส่วนหนึ่งของใบสมัครมาด้วย เป็นลักษณะเหมือนหลักฐานการสมัคร ซึ่งถ้าบัตรเราหาย เราสามารถนำเอกสารส่วนนี้ไปขอทำบัตรใหม่ได้ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการออกบัตรใหม่ด้วย เพราะฉะนั้นเก็บมันเอาไว้ให้ดีด้วย
เมื่อได้บัตร Railcard มาแล้วก็อย่าลืมที่จะเลือกแสดงว่ามี Railcard ในการจองตั๋วรถไฟทุกครั้งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจองออนลไน์หรือหน้าเคาน์เตอร์ก็ใช้ได้เหมือนกัน และในการเดินทางก็อย่าลืมพกบัตรไปแสดงพร้อมกับตั๋วรถไฟด้วย เพราะถ้าไม่มีบัตรแสดงให้นายตรวจบนรถไฟดูแล้วล่ะก็จ่ายเงินเพิ่มสถานเดียวเลย และที่สำคัญเป็นราคาขณะเดินทางเสียด้วย ซึ่งมันจะแพงกว่าราคาที่ซื้อล่วงหน้าอย่างมากเลย
และอย่างที่บอกไปตอนแรกแล้วว่าบัตร Railcard นี้นอกจากจะเอาไปลดราคาค่าตั๋วรถไฟได้แล้ว ยังสามารถนำไปใช้ลดค่าเดินทางอื่นๆได้อีกด้วย เราจะขอยกตัวอย่างส่วนที่เคยใช้สำหรับ 16-25 Railcard นะคะ
อย่างแรกเลยที่ถือว่าเป็นส่วนลดในการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ Tube ในลอนดอน โดยนำบัตร Railcard ไปผูกกับบัตร Oyster ซึ่งเป็นบัตรเติมเงินสำหรับใช้บริการขนส่งมวลชนของลอนดอน โดยในตอนเปิดใช้บริการบัตร Oyster นั้นให้แสดงบัตร Railcard แก่พนักงานด้วย สำหรับการลดราคานั้นจะเป็นการลดราคาตั๋ววัน (One-day Ticket)
และอีกอย่างที่เคยนำไปใช้คือตอนไปซื้อ Ride Cornwall ซึ่งเป็นตั๋วที่ใช้สำหรับเที่ยวในย่าน Cornwall โดยใช้ได้ทั้งรถบัสและรถไฟผ่านในเวลา 1 วัน สามารถซื้อบนรถบัสของ Cornwall หรือสถานีรถไฟ โดยยืนบัตร Railcard เผื่อรับส่วนลด
การประหยัดค่าเดินทางด้วย Railcard ภายในสหราชอาณาจักรเป็นทริกเล็กๆที่สามารถช่วยให้เราใช้เงินในการท่องเที่ยวได้น้อยลง หรือเพิ่มทริปการเดินทางให้มากขึ้นด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวนะคะ
Create Date : 30 กันยายน 2557 |
|
1 comments |
Last Update : 4 ตุลาคม 2557 14:31:18 น. |
Counter : 4446 Pageviews. |
|
|
|
เพิ่งใช้ครั้งแรกยังไม่รู้ว่าใช้ยังไง ยังไงตอบกลับด่วนนะคะ
ขอบคุณคะ