ทุกวันที่ 23 ตุลาคม มีประเพณีสำคัญที่เหล่านิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งชายหญิงจำนวนกว่าพันคน ไปถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าบริเวณลานพระราชวังดุสิต เนื่องในวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพนิสิตชายหญิงในชุดเครื่องแบบพระราชทาน หมอบกราบอย่างเรียบร้อยและพร้อมเพรียงนั้น เป็นที่ประทับใจของคนไทยทุกคน

ขอบคุณภาพจาก FB ChulalongkornUniversity

ขอบคุณภาพจาก FB ChulalongkornUniversity        "ประเพณีการถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า" หรือประเพณีการถวายบังคมและวางพวงมาลาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากที่พระบรมชนกนาถผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยเสด็จสวรรคต ได้มีพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า เพื่อแสดงความจงรักภักดี ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2455 ซึ่งตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคลของพระองค์ ปีต่อมามีพระบรมราชานุญาตให้เปลี่ยนวันถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้ามาเป็นวันที่ 23 ตุลาคมและถือเป็นประเพณีที่ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน                สำหรับพระบรมรูปทรงม้า เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่ราษฎรพร้อมใจกันสมทบทุนก่อสร้างเพื่อทูลเกล้าถวายเป็นอนุสรณ์แห่งการเฉลิมฉลองการดำรงสิริราชสมบัติครบ 40 ปีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีที่มาจากเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างการเสด็จฯ เยือนทวีปยุโรปเป็นครั้งที่ 2 ทรงสนพระราชหฤทัยพระบรมรูปทรงม้าของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งตั้งอยู่กลางลานกว้างหน้าพระราชวัง                ต่อมาในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีกรรมการจัดการ โดยมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว) เป็นนายกของคณะกรรมการจัดการ ในการนี้ ได้มีการชักชวนให้ราษฎรทั่วพระราชอาณาจักรบริจาคทรัพย์ตามกำลังเพื่อนำเงินทูลเกล้าฯ ถวายในการสนองพระเดชพระคุณเป็นการเฉลิมพระขวัญ

ขอบคุณภาพจาก FB ChulalongkornUniversity

ขอบคุณภาพจาก FB ChulalongkornUniversity          ในการหล่อพระบรมรูปทรงม้า มีการตกลงว่าจ้างช่างหล่อโลหะชื่อ ซูซเซอเฟรสฟองเดอร์ส (Susse Fres Fondeurs) ให้เป็นผู้หล่อพระบรมรูปขึ้น ประกอบด้วยพระบรมรูปขนาดใหญ่สำหรับประดิษฐาน โดยมีขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเท่าครึ่ง ทรงฉลองพระองค์เครื่องยศจอมพลทหาร ประทับหลังม้าพระที่นั่ง พระหัตถ์ขวาพาดอยู่บนหลังม้า ทรงถือคฑาจอมทัพช้างสามเศียร พระหัตถ์ซ้ายรั้งบังเหียน มีพระกระบี่ห้อยอยู่ข้างซ้าย พระบรมรูปทรงม้าหล่อด้วยสัมฤทธิ์หรือทองบรอนซ์ และพระบรมรูปจำลองขนาดเล็กสำหรับจำหน่าย                เมื่อรวมเงินเรี่ยรายตามกำลังและใจสมัครจากราษฎรไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติทุกชาติทุกภาษาทั่วพระราชอาณาจักร ปรากฏว่าได้ยอดเงินรวมแล้วมากกว่า 1,000,000 บาท ซึ่งเกินกว่างบประมาณที่จะใช้สร้างพระบรมรูปถึง 5 เท่า จึงมีพระราชดำรัสให้นำเงินที่เหลือจากการสร้างพระบรมรูปรวม 862,455 บาท ฝากไว้ที่กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ

ขอบคุณภาพจาก FB ChulalongkornUniversity

ขอบคุณภาพจาก FB ChulalongkornUniversity          ในปี 2455 หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริในเรื่องการจัดตั้งสถาบันการศึกษาสอนวิทยาการต่างๆ สำหรับส่งคนไปรับราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ตามพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นเป็น โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงเป็นองค์ราชูปถัมภกแห่งโรงเรียน และพระราชทานเงินบริจาคที่เหลือจากการสร้างพระบรมรูปทรงม้าทั้งหมดเป็นทุนในการบริหารจัดการโรงเรียน ซึ่งต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นเป็น“จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2459                ด้วยเหตุนี้ การร่วมพิธีถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า ณ ลานพระราชวังดุสิต ของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงแสดงให้เห็นถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่มีพระราชดำริอันกว้างไกลในการส่งเสริมการศึกษา และทรงสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศ รวมทั้งเงินทุนที่ได้มาจากประชาชนทุกหมู่เหล่าพร้อมใจกันบริจาค เพื่อแสดงความจงรักภักดีในการเฉลิมพระขวัญพระปิยมหาราชของชาวไทย ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาพระราชทานกลับคืนให้แก่ราษฎรด้วยการตั้งสถาบันการศึกษา เพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษาเล่าเรียนสืบต่อไป

ขอบคุณภาพจาก FB ChulalongkornUniversity          สำหรับในวันที่ 23 ตุลาคม 2555 ถือเป็นวาระครบรอบ 101 ปี แห่งพิธีการถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า จึงเป็นโอกาสอันดีที่ชาวจุฬาฯ จะพร้อมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวทิตา สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ ตลอดจนตระหนักว่าพระบรมรูปทรงม้ากับชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน ด้วยกำเนิดจากความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ และแสดงออกถึงความจงรักภักดีของราษฎรทุกชนชั้น ทุกชาติศาสนา ดังนั้นนิสิต คณาจารย์ และบุคลากรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงควรภาคภูมิใจ สร้างสรรค์ชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้า เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์จักรี และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ

Create Date : 23 ตุลาคม 2555
Last Update : 23 ตุลาคม 2555 9:38:14 น.		0 comments
Counter : 1312 Pageviews.
Share Tweet