ขอบคุณ มติชนออนไลน์
สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
|
เวียนมาบรรจบอีกครั้งสำหรับ"วันนักเขียน" ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่าตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี
นอกจากกิจกรรมทำบุญในช่วงเช้า ตกเย็นมีงานเลี้ยงสังสรรค์ของผู้คนแวดวงวรรณกรรมแล้ว ยังมีพิธีมอบรางวัล "ศรีบูรพา" ให้กับศิลปิน นักคิด นักเขียน และนักหนังสือพิมพ์ ผู้มีผลงานอันทรงคุณค่า มีชีวิตที่เป็นแบบอย่าง
"รางวัลศรีบูรพา" ก่อตั้งโดย "กองทุนศรีบูรพา" เพื่อรำลึกและเผยแพร่เกียรติประวัติของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ "ศรีบูรพา" นักประชาธิปไตย นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
สำหรับปีนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติคือ "ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์" นักวิชาการด้านสันติวิธี หัวหน้าสาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้มีผลงานมากมาย ทั้งงานแปล, บทความทางวิชาการ และบทความทั่วไป
อาทิ ความรุนแรงกับการจัดการ "ความจริง" : ปัตตานีในรอบกึ่งศตวรรษ, ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน แปลจาก The Alchemist (อัลเชมิสต์) ของ เปาโล โคเอลโย, อาวุธมีชีวิต? แนวคิดเชิงวิพากษ์ว่าด้วยความรุนแรง, อารยะขัดขืน, การเมืองมนุษย์, ราวกับมีคำตอบ, มีกรอบไม่มีเส้น, ถึงเว้นไม่เห็นวรรค เป็นต้น
"มติชน" เรียบเรียงบางตอนจาก "วารสารกองทุนศรีบูรพา" ซึ่ง "ฆัสรา ขมะวรรณ มุกดาวิจิตร" ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) พูดคุยกับนักเขียนรางวัลศรีบูรพาคนล่าสุดไว้อย่างน่าสนใจ
เรื่องการได้รับรางวัลนี้ ศ.ดร.ชัยวัฒน์เล่าให้ฟังอย่างมีอารมณ์ขันว่า สำหรับตนเองถ้าจะเข้าข่าย ก็คงตรงกับคำว่า "คิด" กับ "เขียน" เป็นคนที่คิดตลอดทั้งวัน เรื่องการเขียน ที่กล่าวว่า "จำเป็นต้องเขียน" นั้น มาจากเงื่อนไขของความโกรธ ยกตัวอย่างกรณีทาลิบันทำลายพระพุทธรูปในอัฟกานิสถาน หรืออย่างชิ้นล่าสุดที่เขียนก็เกิดจากเหตุระเบิดที่ยะลา
เขียนสิ่งที่โกรธกับการกระทำเหล่านี้ออกมาเป็นการแสดงความคิดเห็นผ่านตัวอักษร
ผู้สัมภาษณ์ถามตอนหนึ่งว่า"ทำใจยังไงกับความโกรธของบางคน เมื่อเราไม่ทำหรือไม่พูดแบบที่เขาคาดหวัง?"
ศ.ดร.ชัยวัฒน์ตอบว่า "เรามีสมมติฐานซึ่งมันอาจจะผิดนะ ว่าพวกมันโกรธเราเพราะว่าพวกมันรักเรา เลยอยากให้เราอยู่ข้างมันน่ะ ผมก็เลยไม่ค่อยได้โกรธอะไรใครว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ แต่ว่าอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจและสำคัญคือ
เราไม่ได้เกิดมาจากไม้กระบอก เรามีครอบครัว มีญาติพี่น้อง และบางทีสิ่งที่เขาคาดหวังนี่ก็มีเหมือนกัน เราก็ต้องต่อรองชีวิตท่ามกลาง force (ฟอร์ซ) เหล่านี้ซึ่งพิสดารพันลึกมาก ซึ่งพวกนั้นก็ต้องเข้ามาด้วย เพราะชีวิตเราไม่ได้มีแต่นักศึกษา ไม่ได้มีแต่วงวิชาการ ของพวกนี้มันประกอบกัน มันก็ยืนอย่างที่ยืน ก็ถูกด่ามั่งไม่ถูกมั่งก็เป็นธรรมดา"
ศ.ดร.ชัยวัฒน์เป็นมุสลิม แต่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง ท่ามกลางผู้คนมีความเชื่อที่หลากหลาย
ตอนหนึ่งเมื่อถามว่า "อาจารย์อยู่ได้ยังไงท่ามกลางผู้คนซึ่งไม่อ่อนไหวกับความแตกต่างของเรา เช่น สมมุติคนก็รู้ว่าเราเป็นมุสลิมแล้วยังมานั่งกินอาหารบางอย่างต่อหน้าเรา แบบนี้คิดยังไง?"
นักเขียนรางวัลศรีบูรพาคนล่าสุด ตอบว่า ตัวเองไม่รู้สึก เป็นพื้นฐานที่มาจากครอบครัว เล็กๆ พ่อจับเข้าเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ทั้งที่มีโรงเรียนมุสลิมอยู่ แต่พ่อไม่อยากให้เข้า และก็ไม่กลัวลูกไปเข้ารีต เพราะอยู่กับครอบครัว มีโอกาสได้คุยกับพ่อเยอะเรื่องความเป็นมุสลิม
"ถ้าเราเป็นตัวของเราเองพอสมควร แล้วข้างในเข้มแข็งพอสมควร สำหรับเรื่องพวกนี้ ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเท่าไหร่ และคนอื่นพอเขาเห็นว่าเราเข้มแข็งพอสมควร เขาก็เคารพในสิ่งที่เราเป็น ความเคารพไม่ได้มาจากการอ่อนหรือยอมของเรา แต่มาจากการที่เขาเห็นว่าเราเป็นอย่างนี้
"ตอนแรกๆ ก็อาจจะเอาอาหารบางชนิดมาล้อ แต่พอเห็นว่าเราเอาจริงมันก็เลิกล้อ เขาก็เคารพ แถมคอยปกป้องเราเสียอีก แต่ว่าในทางศาสนานี่ เขาก็จะว่าไม่ดี อย่างเช่นเพื่อนกินเหล้าเราจะไปไหม
ตัวเราน่ะไป แต่คนที่เขารู้ศาสนาก็จะพูดว่าไม่ควรอยู่ในกลุ่มของคนที่ทำสิ่งเหล่านี้เพราะมันไม่ถูก แต่เราพยายามจะคิดว่าไม่ถูกเพราะอะไร ไม่ถูกเพราะเขากลัวว่าเราจะโอนเอนไปตาม แต่เราไม่โอนน่ะ เราไม่รู้สึกอย่างนั้น"
เกี่ยวกับตัวตนของนักเขียนรางวัลศรีบูรพาคนล่าสุด ศ.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์ร่วมคณะที่ มธ. เคยเขียนว่า อาจารย์ชัยวัฒน์เป็นคนมองโลกในแง่ดี ดังนั้น ผู้สัมภาษณ์จึงถามว่า เรื่องนี้ "มีลิมิตกับผู้คนบ้างไหม?"
นักวิชาการด้านสันติวิธีตอบอย่างน่าฟัง
"คนที่เราเกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วยเกือบจะทั้งหมด มันเป็นคนที่สมมุติมีอะไรผิดพลาด ถ้าเราทำผิดต่อเขา เขาทำผิดกับเรา เราอภัยได้น่ะ บนฐานคิดที่ว่าเขามีมุมอื่นซึ่งเราไม่เห็น แล้วเหตุผลที่เขาทำอย่างนี้กับเรามันเป็นอย่างอื่น เราก็เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยโกรธ เพราะฉะนั้นมันจึงกลับกลายเป็นว่าเพราะเราไม่รู้จักเขาพอไง พื้นที่ในการที่จะ forgive (ฟอร์กีฟ) เลยเยอะ แต่ถ้าเรารู้จักเขามาก พื้นที่มันอาจจะน้อยลง"
เกี่ยวกับเรื่องการเขียน นอกจากงานบทความทั่วไป บทความวิชาการ งานแปล ศ.ดร.ชัยวัฒน์บอกว่า งานที่ยังไม่ได้เขียนและอยากเขียนคือนิยาย
โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับคนที่รู้จักอย่าง ลูกศิษย์
นี่คือ "นักเขียนรางวัลศรีบูรพา" คนล่าสุด
คือนักวิชาการ นักคิด นักเขียน ผู้เป็นเสาหลักของสังคมไทยอีกคนหนึ่ง
หน้า 9 มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 5 พ.ค. 2555