|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
The Cycle บทที่ 6 - สู่ความลับ
บทที่ 6 - สู่ความลับ
วิชช์ก้าวปราดเลี้ยวมาตามทางเดินวนโค้งตามเส้นรอบรูปทรงกลมของอาคาร แต่แทนที่จะตรงไปยังทางออก เขากลับเลี้ยวเข้าในหลืบเล็กที่ดูเหมือนช่องเก็บของทึบตัน หมุนเกลียวเปิดแผงบังคับเล็กจิ๋วจนเกือบไม่อาจสังเกตเห็นที่ริมฝา และจับคลื่นแปรจนกระทั่งผนังตรงหน้าสลายตัวออก วินาทีถัดมาชายหนุ่มก็แทรกกายผ่านเข้าไปและผนังนั้นก็กลับปิดวืดเข้าเป็นเนื้อเดียวทันทีที่เขาก้าวพ้นรัศมีเพียงครึ่งเมตร
ชายหนุ่มหันกลับไปดูช่องทางที่กลับทึบตันด้านหลัง แล้วเขาก็เพียงก้าวต่อไปด้วยฝีเท้าที่เร่งเร็วขึ้นเมื่อระลึกได้ถึงคำของเดวิด
...พักผ่อน? ไม่...นี่ไม่ใช่เวลา พักผ่อน
...ถ้าเขากลับไปเวลานี้ ไม่ต้องสงสัยว่าเขาจะได้พักผ่อนแบบไหน คงไม่ผิดกับเจเน็ต เขารู้มากเกินไปแล้ว เกินขีดที่จะปล่อยไว้
...และเขารู้ นี่ถึงเวลาที่จะต้องกล้าลอง...ล้อเล่นกับสัญญาณอันตรายในสายตาของเดวิด ไวซ์!
ผนังโลหะตรงหน้าวิชช์สลายตัวออกเป็นช่อง เปิดทางให้เขาผ่านเข้าไปภายใน เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นห้องทำงานส่วนตัวในคอนโดมิเนียมของเดวิด โอ่อ่า กว้าง โล่ง แฝงเร้นทั้งความยิ่งใหญ่และความลึกลับด้วยผนังและเพดานโลหะซึ่งยามนี้เปิดออก เหลือเพียงครอบแก้วรูปโค้งอันเผยให้เห็นฟ้าหม่นมัวก่อนพระอาทิตย์ตก เป็นสีเหลืองส้มแก่ๆ ตัดกับเทาอมแดงและม่วงเข้มที่ขอบฟ้า ดูราวใครเอาสีเลือดช้ำๆ ไปปาดระบาย
อากาศยานรูปเรียวคล้ายไข่สีเงินยวงโฉบฉวัดเฉวียนอยู่เบื้องบน และที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานกลางห้อง คือร่างสูงสง่างามของเดวิด ไวซ์
เจ้าของห้องสะดุ้ง มองภาพคนที่ก้าวเข้ามาในห้องเหมือนไม่อยากเชื่อ ขณะที่ชายหนุ่มผู้ล่วงล้ำกลับมีท่าทีคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด เขาหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้...ไม่ใส่ใจรอคำอนุญาต ราวกับตนเป็นเจ้าของห้องเสียเอง มือทั้งสองประสานกันหลวมๆ ขายาวเหยียดออกไปข้างหน้าในอิริยาบถผ่อนคลาย แต่ขณะเดียวกันเดวิดสัมผัสได้ถึงความตื่นตัว เตรียมพร้อมรับมือซึ่งแฝงอยู่ในทุกอณู โดยเฉพาะในดวงตานิ่งสงบฉลาดเฉลียวที่มองเผินๆ ราวกับว่างเปล่าคู่นั้น
วิชช์
ที่สุดเดวิดก็เค้นคำทักทายออกมาได้สำเร็จ ยินดีที่ได้พบคุณ ไม่ได้คุยกันเสียนาน
ชายหนุ่มปาดนิ้วลงบนโต๊ะด้วยท่าทางเหมือนใจลอย หน้าคมเข้มไม่ได้เงยขึ้นมองเขาเมื่อฝ่ายนั้นตอบเรียบๆ
ครับ ทราบว่าคุณอยากพบผม เลยเข้ามาที่นี่
ข้างนอกปล่อยให้คุณเข้ามา?
ก็ไม่มีใครห้ามผม
เสียงนั้นเฉยเมย ไร้อารมณ์ราวไม่เห็นคำถามนั้นเป็นของแปลก และราวไม่เห็นการกระทำของตนเป็นเรื่องแปลก คำพูดของเขาทำให้ดวงตาสีฟ้าของอีกฝ่ายหรี่ลง และเดวิดก็เพียงพยักหน้า เอ่ยเรียบๆ เฉกกัน
คุณคงเพิ่งเห็นข้อความ
ครับ ผมเพิ่งเปิดคอมพิวเตอร์น่ะ
ให้ตาย มันโกหก...โกหกชัดๆ
...เขารู้...วันนั้นหมอนี่จงใจปิดคอมพิวเตอร์ ปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดหนีเขา!
เดวิดกลืนความขัดเคืองเอาไว้ภายในอย่างเงียบเชียบ ยามที่วิชช์เงยหน้าขึ้นเป็นครั้งแรกเหมือนจะจับความรู้สึกชิงชัง...หวาดระแวงที่หลั่งล้นออกไปได้ แต่ดวงตาสีเข้มซึ่งมองตรงมาของชายหนุ่มยังคงเยือกเย็นไร้อารมณ์ขณะเขาเอ่ยคำ...เรียบเรื่อย
ผมเห็นคุณจับภาพผมที่แล็บเสมือนด้วย
ผมดูแลโครงการคุณนะ อย่าลืมสิ
ครับ ผมทราบ
ในความเรียบ เงียบสงบ มัน...เหมือนซื่อ
แต่ขณะเดียวกัน ในดวงตาคู่นั้นกลับท้าทาย!
เดวิดพยายามสงบสติอารมณ์ขณะที่เขาถามขึ้นเหมือนอารีอารอบ
ข้อมูลที่ผมให้คุณไว้ไม่พออย่างนั้นหรือ คุณถึงต้องเข้ามาหาที่ห้องเก็บข้อมูล
ไม่เชิงหรอกครับ
วิชช์ตอบเรียบ ปลายนิ้วเขี่ยไปมาบนคอมพิวเตอร์มือถือที่เจ้าตัวดึงออกมาจากกระเป๋า และดวงตาก็หลุบกลับลงไปอีก เพ่งพินิจราวสิ่งที่ปรากฏบนจอเป็นสิ่งน่าสนใจเต็มประดา
ไม่ตรง...มากกว่า
ข้อมูลที่ผมให้ไป ตรวจสอบความถูกต้องได้เสมอ
คราวนี้ดวงตาคู่สีเข้มกลับตวัดขึ้นตาเขาสบแน่วทันทีเหมือนกัน น้ำเสียงที่เอ่ยคล้ายท้าทาย
ครับ แต่นั่นเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง ผมต้องการอีกครึ่ง
คุณรู้อะไรมากแค่ไหน?
วิชช์ยังไม่ลดสายตาลง ในดวงตาสีเข้มจัดนั้นฉายประกายอันบ่งบอกการตัดสินใจยามเขาเอ่ยตัดบทเสียดื้อๆ
ไม่มากหรอกครับ
ผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่คุณเข้าใจผิด วิชช์ คุณควรจะเชื่อฟังและทำตามคำสั่งผม อย่างไรผมก็เป็นผู้บังคับบัญชาของคุณ ตราบใดที่คุณยังทำงานให้กับ HEAS
มุมปากซึ่งกระตุกขึ้นนิดของชายหนุ่มมองคล้ายรอยยิ้มจางๆ เสียงเอ่ยเรียบเรื่อย...สงบจนฟังไม่น่าไว้วางใจในความรู้สึกของเดวิด
ผมทำงานให้กับความจริงเสมอครับ
ถูกแล้ว และ HEAS คือความจริงของยุคนี้ วิชช์ คุณก็รู้
ผมก็เคยคิดอย่างนั้นครับ เพียงแต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจ
คุณไม่มีเหตุผลที่จะไม่แน่ใจ ผมเชื่อมั่นคุณในฐานะนักวิทยาศาสตร์ อย่าทำให้ผมผิดหวังที่คุณใช้ความเชื่อมาตัดสิน
ผมใช้หลักฐานต่างหากครับ และหลักฐานที่ผมมี...ไม่ได้บอกเลยว่า HEAS อยู่บนรากของความจริง
สรุปว่า...คุณไม่เชื่อผม?
ผมจะเชื่อฟัง ในหน้าที่
คำตอบกำกวมยุติลงเพียงเท่านั้น และวิชช์ก็น้อมศีรษะลง ทิ้งคำสุดท้ายไว้ด้วยน้ำเสียงซึ่งไม่แปรไปแม้แต่นิดเดียว
ลาก่อนครับ
ชายหนุ่มค้อมกายลงอย่างนอบน้อม ก่อนเขาจะก้าวหายออกไป ผ่านผนังที่สลายตัวลงอีกครั้ง
เดวิดหน้าเคร่ง เขาเม้มปากเข้าแล้วจึงกดปุ่มหนึ่งที่ข้างโต๊ะอย่างตัดสินใจ เสียงวื้ดของกลไกบางอย่างทำงานและผนังด้านหนึ่งก็เปิดขึ้น มองเห็นหุ่นทรงคล้ายมนุษย์เข้าแถวรายเรียงเป็นตับ แต่ร่างแกร่งทั้งร่างคือโลหะแข็งเป็นเงาสีเงินประกับซ่อนอาวุธร้ายแทบทุกมุม ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดใน HEAS พยักหน้าก่อนจะสั่งเสียงเรียบ...เลือดเย็น
ติดตามผู้ล่วงล้ำเมื่อกี้... นิ้วเรียวยาวราวกับศิลปินเอกชี้ออกไปทางผนังด้านที่เป็นประตูซ่อน หาให้พบ แล้ว...ทำลายมัน!
**********
...ทำลายมัน!
วิชช์มองข้อความที่กะพริบถี่อยู่บนคอมพิวเตอร์มือถือ พิสูจน์ประสิทธิภาพตัวดักสัญญาณคำสั่งที่เขาเพิ่งติดตั้งในห้องเดวิดเมื่อครู่ แล้วเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกยาว มุมปากกระตุกเล็กน้อยคล้ายจะเป็นรอยยิ้ม...มอบให้กับความจุ้นจ้าน ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ ไม่ควรยุ่ง ของตนเอง
เขารู้ผลอยู่แล้ว เพียงปล่อยให้ตนเองถูกล่าได้สำเร็จ เขาจะสาบสูญ...สิ้นชื่อเสียยิ่งกว่าเจเน็ต ชไนเดอร์
และเดวิดก็ตัดสินใจลงมือ ล่า เร็วเสียยิ่งกว่าที่เขาคิด!
ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว ปัดความคิดทั้งหมดออกจากสมองยามที่เขาเคาะนิ้วถี่เป็นชุดลงไปบนนั้น ก่อนจะยัดคอมพิวเตอร์เล็กบางนั้นลึกลงที่ก้นกระเป๋า
แสงไฟฟ้าที่เรืองออกมาจากผนังทางเดินตรงหน้าเขากะพริบถี่ ก่อนจะดับพรึ่บ!
พร้อมกับที่หุ่นตัวแรกที่โผล่ออกมาจากหลืบทางเดินด้านหลัง เงื้อแขนที่ติดกระบอกปืนรังสีขึ้นจ่อ...กระตุกชะงัก!
วิชช์เหลียวกลับไปมอง แวบเดียว ครั้งเดียว ก่อนเขาจะออกวิ่งจนสุดฝีเท้าในความมืดนั้น ผ่านทางเดินวกวนสลับซับซ้อนอย่างแทบไม่รู้ทิศทางว่าตนเองอยู่ที่ไหน แสงเดียวที่เขาเห็นตรงหน้าคือแสงอันส่องผ่านช่องกระจกที่วางไว้เป็นช่วงๆ เหนือศีรษะเขา แสงที่แหวกผ่านท้องฟ้ามืดด้วยมลพิษของ ERA-R มาจากอาคารหลังอื่นซึ่งอยู่ในเครือข่ายโดมกระจกเครือข่ายเดียวกัน
...มืดเต็มที...
เสียงหึ่งของเครื่องยนต์ทำงานอยู่เบื้องบน เหนือศีรษะ ตามมาด้วยแสงสีฟ้าแปลบจ้าจากเบื้องหน้า แหวกความมืดเข้าตาเขา มันทำให้วิชช์สะดุ้งเฮือก ชายหนุ่มยกมือขึ้นป้องหน้าและทิ้งกายลงต่ำ พุ่งตัวหลบเข้าในหลืบทางเดินโค้งมนโดยอัตโนมัติ ไหล่กระแทกกับผนังโลหะเสียงเคร้งใหญ่ และความร้าวจากส่วนที่ถูกกระแทกก็แล่นเร็วขึ้นสู่ประสาท แต่ไม่เท่าความหวาดลึกอันแผ่ซ่าน...เมื่อสมองซึ่งสั่งการตามในวินาทีถัดมาบอกเขารวดเร็ว มันคือแสงส่องสำรวจของยานเดินอากาศชนิดติดอาวุธ!
เขาไม่ได้คุ้นเคยกับเทคโนโลยีการทหาร ไม่ได้อยู่ในสายงาน แต่อย่างน้อยเขาก็เคยศึกษาผ่านตาเพราะเห็นว่ามันน่าทึ่ง
...อาจจะดูเป็นการลงทุนที่มากเกินไป สำหรับฆ่านักวิทยาศาสตร์ที่มีแต่มือเปล่าๆ ไร้อาวุธคนเดียว...
แต่ถ้าคิดถึงว่าเดวิด ยอมรับ ความสามารถของเขาขนาดไหน และคิดถึงสิ่งที่ฝ่ายนั้นเคยทำเพื่อกำจัดแต่ละคนที่เคย รู้ มากไปละก็...วิชช์ต้องยอมรับเหมือนกัน ว่าเขาคงจะประเมินความ กล้าลงทุน ของชายคนนี้ต่ำนักไม่ได้แน่!
ชายหนุ่มพยุงตัวขึ้นยืน มือหนึ่งยังยันกับผนัง สายตาจับแน่วที่แสงสีฟ้าซึ่งตวัดสูงขึ้นไปอีกครั้ง ลมหายใจหอบถี่ และกระแสเลือดในกายก็สูบฉีดแรง เร็ว...
เขาอยากหลุดออกจากสถานการณ์ตรงนี้ อยากอย่างที่สุดที่จะทำอะไรสักอย่าง...ถ้าทำได้...เพื่อแก้ไขให้คนที่เขาต้องเผชิญไม่ใช่เดวิด ไวซ์
แต่สิ่งที่เขาทำได้จริงๆ ในยามนี้มีเพียงก้มหน้ากลับลงมา มองเส้นทางตรงหน้าซึ่งค่อยๆ เรืองแสงขึ้นมาทีละจุด... ทีละจุด ความสว่างอันหมายถึงอันตรายที่กระชั้นเข้ามาเบื้องหลัง เมื่อหุ่นสังหารเริ่มออกทำงานได้
...และความเป็นจริงก็เตือนเขา ว่าหนทางเดียวที่เหลือให้ทำคือ...
หนี!
**********
เสียงฝีเท้ากระแทกถี่แรงผ่านทางเดินอันสลับซับซ้อนด้วยรูปแบบแปลกประหลาด สะท้อนกับผนังโลหะได้ยินก้องในความเงียบ ตามมาด้วยเสียงวี้ด...ของเครื่องตรวจจับการบุกรุก วิชช์ชะงัก เงยหน้าสำรวจทิศทางพลางหอบหายใจถี่ เหงื่อหยดลงอาบข้างแก้ม และเขาก็ยกแขนขึ้นปาดไม่ให้มันเข้าตา ก่อนจะออกวิ่งต่อไปไม่หยุด โลกเริ่มหมุนติ้วพร่าพรายในสายตาขณะที่สมองอันร้าวจนแทบถึงจุดระเบิดไม่หยุดครุ่นคิด...
...เขาเพิ่งรู้สึก ใช่...ความรู้สึก...สัญชาตญาณที่ไม่ผ่านการปรุงของมนุษย์
เหนื่อยแทบขาดใจ...กลัว เกือบหมดหวัง!
...แต่...
ชายหนุ่มหยุดความคิดของตนลงเหมือนปิดสวิตช์เมื่อตนเองวิ่งมาตันที่สุดทางเดินคดโค้งเป็นทรงกระบอกครอบรอบตัว เพดานบางส่วนสูงราวสองเมตรสามสิบกระหนาบด้วยด้วยโครงท่อโลหะอีกชั้น เขาเหลียวมองเบื้องหลังปราดเดียวแล้วจึงกระชากตัวครอบแผงควบคุมที่ซ่อนริมฝาให้เปิดออก มือแข็งแรงเลื่อนขึ้นลงรัวนิ้วไม่ยอมหยุดบนแผงปุ่มนับสิบๆ อันจนเสียงหมุนหวีดของเกลียวโลหะเหนือศีรษะลั่นขึ้น เผยให้เห็นปล่องที่ซ้อนขึ้นไปจากเพดานอีกชั้น วิชช์รวบรวมแรงกระโดดคว้าโครงท่อ เกร็งแขนเหนี่ยวตัวเองเหวี่ยงขึ้นไปตามช่องเล็กๆ อันเปิดระบายสู่ระบบหมุนเวียนอากาศกลางของHEAS
...เขาจะไม่ยอมหมดหวัง จะไม่ยอมพิการอย่างเจเน็ต จะไม่ยอมตายอย่างโทมัส ลอเรนสัน!
ช่องลมที่เขาผ่านเข้าไปทั้งมืดและแคบเล็ก จนแทบทุกครั้งที่คลานลอดผ่าน ไหล่หรือศีรษะของเขาจะกระแทกโดนกับผนังโลหะเรียบสนิท ไอเย็นและอับซึ่งถูกส่งผ่านท่อเดียวกันนั้นแผ่ปะทะหน้า ให้ความรู้สึกอยากสำลัก แต่วิชช์ก็ทำได้เพียงยกมือขึ้นอุดปากชั่วอึดใจและกระดืบตัวผ่านต่อไปตามทางทอดยาวราวจะไม่มีที่สิ้นสุด
แสงสว่างเรืองตรงปลายของช่องปล่องโลหะเป็นสิ่งแรกที่ปะทะสายตาของเขาเข้า มันดูเป็นวงเหมือนช่องว่างขนาดใหญ่เมื่อมองครั้งแรก แต่เมื่อชายหนุ่มคืบเข้าไปใกล้และกะพริบตาเพ่ง ภาพนั้นกลับกลายเป็นสายแสงซึ่งถูกรีดเป็นเส้นลำเล็กตรงขนานกันไม่รู้กี่ร้อยเส้น ผ่านช่องตะแกรงโลหะถี่ๆ...บางแต่เหนียวตามเทคโนโลยีโลหะวิทยาอันก้าวไกล
...เหมือนลูกกรงคุก...ขัง
น่าแปลก เป็นครั้งแรก...ที่จากความเคยชิน...กึ่งจะชื่นชมที่เขาเป็นมาตลอดกับความก้าวหน้าทางวิทยาการ เขากลับนึกเกลียดโลกอันก้าวหน้าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากฝีมือของ HEAS ความเกลียดที่เขาไม่เคยสัมผัส และความคิด...ที่ไม่เคยแผ้วพานเข้ามาในสมองก่อนหน้านี้แม้แต่ครั้งเดียว
เขาเกลียด ERA-R... เกลียดสิ่งที่เขากำลังเผชิญ และสิ่งที่เขาเป็น
ตลอดมา เขาคิดว่าเขาอยู่อย่างมีอิสระ มีอภิสิทธิ์ แต่สภาพที่แท้กลับเป็นการถูกควบคุม ไม่มีสิทธิ์ก้าวออกนอกกรอบ หรือรู้เกินที่ควรรู้
เป็นชีวิตที่ไม่ผิดกับหุ่นยนต์ซึ่งย่างก้าวแต่ละก้าวเป็นไปตามคำสั่งที่ถูกป้อนให้ และวันไหนที่เขาตัดสินใจจะเดินออกนอกโปรแกรมที่ถูกป้อน...
...อนาคตที่จะได้อย่างแน่นอน ก็คือการถูกทำลาย!
ในห้วงความคิดนั้น สัมผัสหนึ่งของมือที่แตะลงกับพื้นของเขาปะทะเข้ากับรอยต่อหยาบๆ ของอะไรบางอย่าง และหัวใจของเขาก็โลดขึ้นด้วยความหวัง วิชช์สูดหายใจเข้า ตั้งสมาธิควานหาและปลายนิ้วของเขาก็คลำพบบางสิ่ง...คล้ายสลักเกลียวแข็งๆ
ชายหนุ่มไม่ได้ลังเล... เพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร กุญแจเปิดไปสู่สวรรค์ หรือนรก ก็ต้องเสี่ยง
เขาบิดสลักเกลียวนั้นสุดแรง
และพื้นท่อที่เขาหมอบอยู่ก็พลิกวูบลงด้านล่าง ปล่อยร่างของเขาลงจากความสูงไม่รู้กี่เมตร!
แทนที่แรงกระแทก กลับกลายเป็นการแตกกระจายของผิวน้ำ ก่อนเขาจะจมดิ่งลึกลงในความลึกราวไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่วมหลายวินาที กว่าเขาจะรู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน
สระเก็บน้ำขนาดใหญ่ ส่วนหนึ่งของระบบสกัดออกซิเจนสำหรับส่งผ่านสู่หมุนเวียนอากาศกลางของเพรสิเดนท์บิวล์ดิง
วิชช์รวบรวมสติ พุ่งตัวเองขึ้นสู่เบื้องบนก่อนจะลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าพร่าด้วยหยาดน้ำเสียจนสิ่งที่มองเห็นได้นั้นเป็นแค่แสงและเค้าโครงเลือนๆของห้องขนาดใหญ่ เขาสำลักเอาน้ำออกสองสามครั้ง ก่อนจะฝืนสูดลมหายใจเข้าในปอดเฮือกใหญ่ ปล่อยให้อากาศผ่านเข้ามาภายในร่างตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด
...วินาทีนั้นเอง ที่เสียงกรีดของสัญญาณตรวจจับส่งผ่านเข้ามาในประสาทหูของเขา!
ฉิบ!
ชายหนุ่มสบถเบา เสียงนั้นแทบจะไม่ผ่านออกมาด้วยในคอยังคงแสบระคายด้วยน้ำที่สำลักเข้าไป หากเขาก็ฝืนหลับตา...กดตัวเองจมลงอีกครั้งในผืนน้ำเย็นเฉียบ
วินาที...ผ่าน
นาที...ผ่าน
วิชช์ไม่อาจทำแม้ระบายอากาศภายในออกมา ด้วยฟองที่ปุดขึ้นไปบนผืนน้ำอาจหมายถึงชีวิต ลมหายใจอัดแน่นเจียนระเบิด ความรู้ทางชีววิทยาบอกเขา ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมมากๆ อาจทำให้หมดสติ...
น้ำทะลักพรวดเข้าในทางเดินหายใจเมื่อเขาปล่อยลมหายใจออกมาอย่างสุดกลั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองจมดิ่งลงสู่เบื้องล่าง น้ำยาฆ่าเชื้อที่ใส่เจือในน้ำกัดจมูกจนแสบ... สมองเกือบหยุดสั่งงาน หากมือยังคงควานเปะปะไปข้างหน้าเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนจะเอื้อมหาบางสิ่งที่อาจช่วยได้
...สิ่งที่สัมผัส...เพียงแผ่นพื้นเรียงเรียบลื่น ณ ก้นสุดของสระ...
วิชช์สำลักอีกครั้ง ปลายนิ้วที่ชักกลับชา...หมดเรี่ยวแรงจนต้องลากผ่านบนพื้น และ...สะดุดขอบเหลี่ยมๆ ของบางสิ่ง
ตาพร่ามัวของเขาแลเห็นได้เพียงแสงสีฟ้าใสกลืนกับสีของสายน้ำ และหูอื้อจัดนั้นก็ได้ยินเสียงหึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพิเศษอะไรสักอย่าง ในภาวะอย่างนี้...เขาแยกไม่ถูกว่ามันคืออะไร นอกจากความรู้สึกว่าบางสิ่งขยับไหว...
กระแสน้ำรอบตัวเขากระชากหมุนคว้างเป็นวงในทันทีนั้น แสงสีพรายรอบตัว...แล้วโลกทั้งหมดก็วูบ หาย!
Create Date : 19 เมษายน 2551 |
Last Update : 19 เมษายน 2551 21:13:34 น. |
|
1 comments
|
Counter : 279 Pageviews. |
|
|
|
โดย: nu_reader IP: 222.123.81.21 วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:43:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|