เมษายน 2553

 
 
 
 
2
3
4
6
10
11
12
13
14
15
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
สัญญานะ.....ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป



รุ่งเช้าแดเนียลทำกับข้าวรอเธอแต่เช้า ไอริณไม่ได้พูดอะไรกับเขานั่งทานข้าวนิ่ง แม้เขาจะพยายามชวนเธอคุยก็ตามที หลังอาหารเขาก็จัดการเก็บกวาดโต๊ะอย่างเรียบร้อยพร้อมกับงานบ้าน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ไอริณไม่มีโปรแกรมทำอะไรที่ไหนจึงอยู่ที่บ้านแดเนียลคอยวนเวียนช่วยเธอทำงานบ้านจนน่ารำคาญใจ เสียงออดหน้าบ้านดัง แดเนียลทำเป็นไม่สนใจ ไอริณจึงไปเปิดดูเป็นเด็กส่งของมาส่งช่อดอกไม้ให้เธอ เธอหันมามองเขาอย่างหาเรื่อง เธอเอามันไปโยนที่โต๊ะอย่างไม่สนใจแล้วหนีเข้าห้องไปทันที
แดเนียลพยายามหาหนทางที่จะง้อไอริณแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะเธอไม่ยอมพูดอะไรกับเขาเลย
วันต่อมาไอริณยังไปทำงานแต่เช้าโดยไม่ได้สนใจจะทำอาหารให้แดเนียล
ตอนเย็นเขาไปหาเธอที่ห้างแต่เธอก็ยังทำหมางเมินกับเขาเหมือนเคยเธอเดินจากเขาไปเมื่อเห็นปุราณที่กำลังยืนรออยู่หน้าร้าน แดเนียลวิ่งเข้ามาฉุดแขนเธอเอาไว้เขานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ไอริณตกใจกับการกระทำของเขา
“ไอริณผมขอโทษ ผมขอโทษที่เข้าใจคุณผิด ผมขอโทษที่ทำให้คุณร้องไห้ คุณ...อย่าไปกับเขาเลยนะ อยู่กับผมเถอะ” เขาร้องไห้ออกมา
ผู้คนเดินในห้างต่างก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว ไอริณเห็นท่าจะไม่ดี
“ลุกเถอะค่ะ คนมองกันใหญ่แล้วนะ”
“ก็บอกก่อนสิว่าคุณยกโทษให้ผมแล้ว บอกก่อนสิ” เขารบเร้า
“ก็ได้ๆ ฉันยกโทษให้” เธอจำตอบอย่างขอไปที
แดเนียลลุกขึ้นยืนอย่างดีใจดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น
“ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ผมสัญญา” เขาบอกเธอด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
ปุราณมองภาพนั้นอย่างเศร้าใจก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ

วันหนึ่งอติเทพโทรมาบอกลูกสาวว่ามีงานจัดแสดงงานออกแบบผ้าพืนเมืองที่เมืองไทยอาทิตย์หน้า พ่อจึงโทรมาชวนเธอให้กลับไปดูงานเธอตอบตกลงทันที

เธอตั้งใจจะบอกแดเนียลเรื่องที่จะต้องไปเมืองไทยเย็นนี้แต่เขาก็กลับบ้านดึก ไอริณอยู่รอเขากลับมาจนเกือบเที่ยงคืน เขากลับมาท่าทางดูเมามาด้วย
“คุณไปดื่มมาหรือไงคะ...จะเอาน้ำสักแก้วไหม”
“ก็ดี”
ไอริณเอาน้ำมาให้เขาที๋โซฟา
“แดเนียลฉันจะกลับเมืองไทยสักอาทิตย์นะคะ” เธอบอกเขา
แทบสร่างเมา
“คุณจะไปทำไม จู่ๆก็ไป จะไปกับใคร” เขาถามอย่างร้อนรนกลัวว่าเธอจะทิ้งเขาไป
“ไปคนเดียว......ทำไมเหรอ”
“ไม่ได้ไปกับหมอนั่นนะ”
“กับใคร หมอนั่นน่ะคนไหนกัน คุณคิดเลอะเทอะใหญ่แล้ว” ไอริณชักจะเริ่มไม่พอใจที่โดนกล่าวหา
“หรือคุณจะแอบไปไหนกับเขาสองต่อสอง” เขาพาล
จนไอริณชักจะโมโห
“เกินไปแล้วนะ คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ฉันจะไปดูงานกับคุณพ่อ ท่านโทรชวนฉัน ฉันไม่ได้ไปกับใครทั้งนั้นแหล่ะ พูดยังกะคุณจะไปกับฉันได้ยังงั้นแหล่ะ” เธอพูดอย่างโมโหก่อนจะเดินขึ้นบ้านไป
วันเดินทางมาถึงแดเนียลไปส่งเธอที่สนามบินทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกัน
“แล้วคุณจะกลับวันไหน” เขาถาม
“อาทิตย์หนึ่งฉันก็จะกลับ” เธอตอบคำแล้วลงรถไป
แดเนียลลงรถได้แต่มองตามหลังไปโดยที่เธอไม่หันกลับมาเลย

ไอริณไปดูงานที่จัดอย่างยิ่งใหญ่มีหลากหลายแบบมากมายที่นำมาจัดแสดง
ส่วนแดเนียลอยู่คนเดียวที่บ้านดูไม่ค่อยมีกระจิตกระใจเท่าไหร่บ้านมันดูเงียบเหงาไม่มีใครคอยทะเลาะ ต้องทำกับข้าวทานคนเดียวทำความสะอาดบ้านคนเดียว บางทีเขาเผลอคิดว่าไอริณอยู่ด้วยทั้งที่จริงไม่มีเลย
“หมู่นี้ดูนายหน้าตาไม่ค่อยดีเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า ทะเลาะกับน้องสะไภ้เหรอ”
“เปล่าหรอก เธอไม่อยู่เธอกลับเมืองไทย”
“ฮ้า...ทำไมล่ะทะเลาะกันหรือเปล่า”
“เปล่าเธอไปดูงาน”
“งั้นช่วงนี้นายก็โสดสิ ไปหาอะไรดื่มกันไหม”
“ไม่ล่ะ ผมอยากพักผ่อน”
ฮุน โจมองตามร่างที่ดูไม่มีชีวิตชีวาของแดเนียลแล้วได้แต่ส่ายหน้าเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
กลับถึงบ้านเขาจอดรถเอาไว้พอหันไปเห็นหมอนของไอริณก็ถอนใจ
“ยัยหนอนเอ๊ย...” เขาเรียกฉายาที่เขาตั้งให้เธอแล้วบี้หัวมันเล่นก่อนจะลงจากรถ
เขาต้องแปลกใจที่พบปุราณมาดักรอหน้าบ้าน
“คุณมาทำไม” แดเนียลถาม
“ไอริณ....เธอไม่ไปที่ร้านหลายวันแล้วผมเป็นห่วงก็เลยมาดู”
“เฮอะ...เธอไม่อยู่หรอกไปเมืองไทย”
“ไปทำไมเหรอครับ?” เขาถามอย่างสงสัย
แดเนียลททำหน้างุนงง
“เขาไม่ได้บอกคุณเหรอ”
“เปล่า?”
“เธอไปดูงาน”
ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างหยั่งเชิงปุราณเดินจะไปขึ้นรถ
“เดี๋ยว” แดเนียลเรียกเขาไว้
“เข้าไปข้างในก่อนสิ” เขาเอ่ยปากชวน ปุราณทำหน้าไม่เข้าใจนักที่จู่ๆแดเนียลก็ชวนเขาเข้าบ้าน
แดเนียลชวนปุราณนั่งดื่มด้วยกัน
ปุราณเข้าไปในบ้านเขามองรูปแต่งงานของไอริณกับแดเนียลแล้วทำหน้าเศร้า
“รูปที่เราแต่งกันที่เมืองไทยน่ะ ผมดูดีไหม” แดเนียลถามเขา
ปุราณพยักหน้าแกนๆ เขาอยากจะถามว่าชวนเขาเข้ามาดื่มทำไม
“คุณชอบไอริณจริงๆหรือ” เขาถาม
“แล้วคุณล่ะ” ปุราณย้อนกลับ
แดเนียลทำหน้าคิด
“คุณเป็นดารา หน้าตาดี สาวๆลุมล้อม คุณจริงใจกับเธอหรือเปล่า” เขาถามย้ำ
“นั่นมันเรื่องของผม” เขาตอบยั่วอีกฝ่ายก่อนจะกระดกแก้วเข้าปาก
“แล้วคุณล่ะ”
“มันก็เรื่องของผมเหมือนกัน” ปุราณย้อน
“เราแต่งงานกันแล้วนะ คุณไม่น่ามายุ่งกับเธอ”
“ผมจะรอเธอ เมื่อคุณปล่อยมือจากเธอเมื่อไหร่ ผมจะดูแลเธอเอง”
แดเนียลยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างท้าทาย
“ไม่มีวันซะล่ะ”
ดวงตาที่ประสานกันนั้นช่างมุ่งมั่นเหลือเกิน
ทั้งสองนั่งดื่มด้วยกันจนดึกดื่นทั้งที่สายตาต่างห่ำหันกันอย่างนั้นในที่สุดปุราณก็ขอตัวกลับไปเมื่อเห็นว่าเมามากแล้ว
รุ่งเช้าแดเนียลไปที่บริษัทเขายืนดูโทรศัพย์มือถือแล้วก็บ่น
“ทำไมไม่โทรมานะยัยแม่หนอน ไปก็ตั้งหลายวันจะโทรหาสักหน่อยก็ไม่ได้ ค่าโทรมันแพงนักหรือไง” เขาปิดโทรศัพย์ลงอย่างโมโห พอดีนาตาลีเข้ามาคุยงานกับผู้จัดโฆษณาที่นี่เห็นเขาเข้า
“ไฮ แดเนียล” เธอเอ่ยทัก
“ไฮ” เขาเงยหน้าขึ้นมาทัก
ทั้งสองไปนั่งดื่มกันต่อ
“หมู่นี้ดูคุณไม่ค่อยสดชื่นเลยนะคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับไม่มีอะไร”
“เออ...ภรรยาของคุณเป็นไงบ้างคะ”
“ก็ดีครับ เธอก็สนุกกับการทำงาน”
“แหม ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพล์บอยอย่างคุณจะแต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาแบบนั้น พวกคุณเข้ากันได้ดีไหม”
“ฮึ...ก็คงเป็นบุพเพสันนิวาสมั้งครับ” เขาตอบ
นาตาลีได้แต่เก็บความริษยาเอาไว้เงียบๆ
“เออ....พรุ่งนี้ฉันจะเดินทางไปญี่ปุ่นค่ะ คุณช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหมคะ”
“พรุ่งนี้ผมมีธุระครับ”
นาตาลีซ่อนความผิดหวังเอาไว้ดูชายหนุ่มไม่เหลือเยื่อใยให้กับเธอจริงๆเลย

รุ่งเช้าแดเนียลไปที่สนามบินแต่เช้าเขายืนรออยู่ด้านนอกทางที่คนเข้าออกต้องเดินผ่าน เพราะกลัวว่าคนจะเห็นเขาและกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ตาคอยชะเง้อมองช่องขาเข้าอย่างใจจดใจจ่อ
พอดีกับที่นาตาลีเองก็กำลังจะเดินทางออกพอดีเห็นเขาเข้าและเธอก็จำได้
“แดเนียล...คุณมาที่นี่ด้วยหรือคะ” เธอแอบดีใจนึกว่าเขาจะมาส่งเธอ
ชายหนุ่มหันไปมองเธอแล้วยิ้มให้ แต่พอเขาหันมาเห็นคนร่างบอบบางที่กำลังเดินลากกระเป๋ามาเท่านั้นแหล่ะก็รีบวิ่งตัวปลิวไปอย่างดีใจทันที
แต่พอไปถึงก็รีบปรับสีหน้าว่าไม่ได้ดีใจที่เธอกลับมา ไอริณยิ้มที่เห็นเขา
“คุณมารับฉันเหรอคะ” แกล้งถามคนหน้าตูม
แต่พอเห็นนาตาลีที่ยืนดูอยู่ข้างหลังเธอก็เคืองใจทันที แกล้งกระโดดกอดคอแดเนียลชายหนุ่มแอบยิ้มได้ทีหอมแก้มเธอ ไอริณผละออกทันที
“นี่คุณขี้โกง” เธอทำหน้าขึงขัง
“คุณไม่อยู่ตั้งหลายวันลืมไปแล้วหรือไง เป็นการลงโทษที่คุณต้องให้ผมอยู่คนเดียวแล้วยังไม่โทรมาหาอีก” เขาต่อว่าเธอ
ไอริณโต้แย้งไม่ออกทำน้าตูมเดินตามเขาที่ลากกระเป๋านำหน้าไป นาตาลีมองทั้งสองคนอย่างไม่พอใจนัก
แดเนียลนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะให้เธอทาน ไอริณทานอย่างอร่อย
“คุณอยู่คนเดียวเป็นไงบ้าง ไม่ทำความสะอาดบ้านเลยล่ะสิ บ้านถึงได้รกอย่างนี้”
“ก็ผมไม่มีเวลาทำนิ”
“เหงามั้ย” สายตาอยากรู้จับจ้อง
“เฮอะ....ก็ลองมาอยู่คนเดียวดูสิ”
“คุณนะจะรู้สึกอะไร ดีซะอีกล่ะมั้งที่ฉันไม่อยู่ ไม่มีคนชวนทะเลาะ” เธอต่อว่า
ดูหน้าเขาเศร้าไปนิดหนึ่ง
“เปล่าหรอก.....ผมคิดถึงคุณมากเลยนะ” เขาอ้อมแอ้มตอบ
ไอริณมองหน้า แดเนียลกลัวเสียฟอร์มเลยรีบกลบเกลื่อน
“ผมหมายถึงไม่มีคนทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้ทาน ไม่มีคนชวนทะเลาะด้วย บ้านมันก็เลยดูเงียบๆ”
“โธ่ คุณก็ทำเองสิตามสัญญาเราต้องทำกันคนละครึ่งนะ”
“ก็ผมงานยุ่งนิ” เขาแย้ง
เย็นนั้นเธอจึงต้องจัดการกับบ้านที่รกรุงรังทันที ซึ่งแดเนียลก็คอยช่วยเหลือ ทั้งสองดูมีความสุขที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังจากห่างกันไปเป็นอาทิตย์ แดเนียลลอบมองหญิงสาวร่างเล็กในชุดกันเปื้อนสีหวานๆ เธอมักอยู่ตรงนี้ทุกวัน เขาเคยชินที่เห็นเธออยู่ตรงนี้ทุกวัน เขาอยากจะเห็นเธออยู่ที่นี่ทุกวัน และเขาเองก็มีความสุขที่ได้มองดูเธอแบบนี้ทุกวัน เขาเริ่มจะรู้ตัวว่าขาดเธอไม่ได้เมื่อวันที่เธอไม่อยู่นี่เอง มันไม่ใช่คนที่พูดคุยกันได้ ทะเลาะกันได้ ทำกับข้าวให้ทานได้ แต่เธอสำคัญกว่าทุกสิ่งนั้น เขาไม่อาจจะทำทุกสิ่งนั้นคนเดียวได้อีกแล้ว
ไอริณหันมามองร่างสูงใหญ่ในชุดกันเปื้อนสีเขียวที่ยืนจ้องเธอราวกับรูปปั้น สายตาที่มองเธออย่างอ่อนโยน อบอุ่นและนุ่มนวล มันช่างไม่เหมือนวันแรกที่เจอกันเลย ผู้ชายที่เธอพยายามหนีเขาสุดชีวิต แต่กลับต้องเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันราวพรหมลิขิต ผู้ชายที่เธอคิดว่าชีวิตนี้คงไม่อาจจะได้พบเจอ
“แดเนียล” เธอเรียกเขาเบาๆ
เขายังคงนิ่งทำตาสวนฝันมองเธออยู่แบบนั้น จนไอริณขำ เธอหยิกแก้มเขาเบาๆ เขาจึงรู้สึกตัว ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด
“ถ้าขี้เกียจก็ไม่ต้องทำหรอกนะคะ ฉันทำคนเดียวได้”
“ก็เราสัญญากันแล้วนิ ผมจะต้องช่วยคุณทำงาน ผมจะปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆทำงานคนเดียวได้ยังไงกัน”
“เพิ่งจะคิดได้หรือไงกัน” เธอเหน็บ
“เย็นนี้เราไปทานข้าวข้างนอกกันนะ คุณอยากทานอะไร”
ไอริณหันมามองหน้าคมที่ทำกรุ่มกริ่มอย่างไม่อยากจะวางใจนัก ดูเขาเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากเลยตั้งแต่เธอกลับมาจากเมืองไทยครั้งนี้
“จะจีบฉันหรือไง” เธออดแขวะเขาไม่ได้
“ใครบอก...... ก็ผมขี้เกียจทำกับข้าว ไปร้านคุณจิรัญญาก็ได้นะ”
“แล้วคุณไม่มีงานเหรอคะ”
เขาไม่ตอบหันไปเช็ดกระจกฮัมเพลงอารมณ์ดี
ตอนเย็นชายหนุ่มแต่งตัวหล่อเฟี้ยวรอไอริณอยู่ด้านล่างเมื่อเธอเดินลงมาเขาก็กางข้อศอกให้เธอเดินเกาะอย่างกับคู่รัก เขายังเปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถอีกต่างหาก
เมื่อไปถึงร้านจิรัญญา ไอริณก็แปลกใจมากที่ร้านดูเงียบไม่มีแขกเลย แต่ร้านถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้และเทียนที่จุดหลากสีอย่างโรแมนติด ไอริณยืนตะลึงอยู่หน้าร้าน ในร้านมีโต๊ะแค่เพียงโต๊ะเดียวที่ถูกจัดไว้ บนโต๊ะมีเชิงเทียนอันใหญ่ตั้งไว้ แดเนียลพาเธอไปนั่งลงเรียบร้อย
ไอริณมองไปรอบทิศ
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ” เธอถามเขามองหน้าคนเจ้าเล่ห์อย่างจะหาความจริงแต่เขาก็ทำเฉยเมย
จิรัญญาเดินออกมารับออเดอร์
“อาญาคะ นี่มันอะไรกันคะ” เธอถาม
แต่จิรัญญาก็ได้เพียงแต่ยิ้มกางเมนูให้เธอดู
“วันนี้เราจะจัดเมนูที่พิเศษสุดสำหรับแขกพิเศษทั้งสองค่ะ” เธอบอก
ไอริณยังงงไม่หาย
แดเนียลสั่งอาหารสำหรับเขาและเธอเรียบร้อยแล้ว แดเนียลหยิบกุหลาบแดงในแจกัญส่งให้เธอ ไอริณดมและยิ้มให้เขาอย่างน่ารัก
ข้างนอกปุราณกำลังแอบมองทั้งสองอย่างเจ็บปวดใจ
อาหารนำมาเสริฟเรียบร้อยแล้ว
“ไอริณ อาทิตย์หน้าจะมีถ่ายแบบที่อเมริกา เป็นคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้”
ไอริณทำหน้ายุ่งเหยิงพลางคิดว่าหน้าหนาวที่อเมริกามันก็ต้องหนามมากๆ ไม่ใช่เหรอ
“ผมอยากให้คุณไปด้วย ไปกับผมนะ” เขาชวน
“ทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วยคะ” เธอถามอย่างสงสัย
“ก็คุณบอกเองนิว่าจะไปกับผมทุกที่ที่ผมไป” เขาแย้ง
“ฉันบอกเมื่อไหร่กัน”
“ก็เมื่อตอนงานวันเกิดคุณแม่ไงล่ะ”
ไอริณนิ่งคิด เธอนึกว่าเขาจะไม่ได้จริงจังกับมันเพราะเธอแค่อยากจะหาข้อแก้ตัวเพื่อไม่ให้มิร่ามาวุ่นวายกับพวกเธอมาก
“ก็ดูก่อนว่างานยุ่งไหม”
แดเนียลแอบแยกเขี้ยวใส่กับท่าทางไม่ยินดียินร้ายของเธอ
ไอริณขอตัวไปห้องน้ำ เมื่อไปหาจิรัญญาในครัว เพื่อเอาของฝากจากเมืองไทยไปให้เธอด้วย
“อาญาคะ” เธอเรียกจิรัญญาที่กำลังเตรียมของหวานอยู่
“ว่าไงสเต๊กปลาอร่อยไหม?”
“มันอะไรกันคะ หนูงงไปหมดแล้ว”
“ก็แดเนียลน่ะสิ วันนี้เขาจองร้านเพื่อจัดเซอร์ไฟรส์หนูอุณ เขาอยากให้หนูมีความสุขค่ะ พวกเธอสองคนดีกันแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ...เราไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย”
“ดีแล้วล่ะ ยังไงพวกเธอน่ะดีกันให้มากๆนะ ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดขงอคนเราก็คือช่วงที่ได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารักนี่แหล่ะ”
“ค่ะ” เธอรับกับคำสั่งสอนของผู้สูงวัย
ไอริณยิ้มอย่างดีใจเธอกลับมานั่งตรงหน้าแดเนียล
“เราจะไปไหนกันต่อดีคะ”
แดเนียลมองเธออย่างแปลกใจ
“จะฟังเพลงเพราะๆ หรือว่าเต้นรำก็ได้นะ คุณชอบไม่ใช่เหรอคะ”
แดเนียลยิ้มแม้จะไม่เข้าใจที่เธอดีกลับเขาแต่มันก็เป็นเรื่องดี เขาก็ชอบไอริณแบบที่เธอชอบเป็น เขาจึงพาเธอขับรถไปเรื่อยออกจากตัวเมืองไปไกล
“เราจะไปไหนกันคะ ออกจากตัวเมืองมาไกลแล้วนะ”
“ผมก็แค่จะพาคุณไปเต้นรำ”
เขาบอกเธอเพียงเท่านั้น แต่เธอก็นึกไม่ออกว่าเขาจะพาเธอไปเต้นรำที่ไหน จนรถมาจอดเทียบชายหาดที่หนึ่ง ชายหาดที่มีแสงไฟระยิบระยับ แดเนียลจูงมือเธอลงไปเขาบอกให้เธอถอดลองเท้า
“ลองเดินเท้าเปล่าดูสิ รับรองว่ามันสนุกมาเลยนะ”
ไอริณลองทำตามที่ชายหนุ่มบอกทั้งสองเดินบนชายหาดด้วยเท้าเปล่า อุ้มมือใหญ่กุมมือเธอไว้มั่นก่อนจะพาวิ่งฝ่าความมืดลงทะเลมีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่ชายหนุ่มเปิดทิ้งไว้ แดเนียลหยุดยืนกลางหาดเขาโค้งตัวลงและแบบมือเชิญหญิงสาว ไอริณขำก่อนจะวางมือบอบบางลงอุ้มมือใหญ่ ร่างทั้งสองเต้นรำเบาๆ ท่ามกลางเสียงคลื่นที่สัดฝั่ง และลมทะเลที่พัดผ่านมา ใต้แสงสีนวลของพระจันทร์ ไอริณได้แต่จับจ้องดวงหน้าคมที่มองเธออย่างหยาดเยิ้ม
“ใต้แสงดวงดาราพร่ายพร่าง มีเพียงต้นอ้อล้อลมเล่น และกิ่งดอกซากุระที่พริ้วไหว อยากให้เธอได้เชยชมมัน” เขาท่องบทกวีให้เธอฟัง
“ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ฮือ”
“คุณกำลังจะจีบฉันอยู่หรือเปล่าคะ”
“คุณเข้าข้างตัวเองอยู่หรือเปล่า ทำไมผมจะต้องทำแบบนั้นด้วย?”
“ก็คุณมองฉันแปลกๆ สายตาคุณมันหยาดเยิ้ม ราวกับกำลังมองดูหญิงอันเป็นที่รัก แถมยังพามาที่แบบนี้ มาเต้นรำใต้แสงดาว ทำราวกับว่าใต้ท้องฟ้าแห่งนี้มีเพียงเรา”
“คุณเองก็มองผมแบบนั้นเหมือนกันนะไอริณ” เสียงนุ่มๆกระซิบแผ่วในความมืด
ไอริณทำหน้ายู่ใส่เขาจึงดึงเธอเข้ามากอด
“ใต้แสงดาวที่พรายพร่างเธอจะรู้บ้างไหม ฉันเฝ้ารอเธอแหงนมองขึ้นมา บนฟากฟ้านั่นฉันหมายให้จันทร์อยู่เคียงดาว” เขายังท่องกวีต่อ ไอริณมองพระจันทร์ดวงโตที่ลอยเด่นบนฟ้า
“คุณเข้าใจบทกวีนี้ไหม”
ไอริณเงียบหน้าของเธอยังแนบอยู่ที่อกของเขา
“มันหมายความว่า ท้องฟ้าในยามค่ำคืนต้องมีพระจันทร์อยู่คู่กับดาวฉันท์ใดนั้น ฉันก็อยากจะให้เธออยู่เคียงข้างฉันเช่นนั้น” เขาดึงไอริณออกจากอก สายตาทั้งสองประสานกัน
“ไอริณคุณอยู่กับผมตลอดไปเถอะนะ ผมไม่อยากจะจากคุณไปไหนแล้ว ผมรู้ตัวว่าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากขาดคุณ ก็ตอนที่คุณไม่อยู่ รู้ไหมชีวิตผมมันเงียบเหงา มันว่างเปล่า เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น เหมือนลมหายใจเหือดแห้งไป ไม่มีชีวิตชีวาเลย ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ ดังนั้นได้โปรดใช้ชีวิตอยู่กับบผมตลอดไปเถอะนะ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวล
ไอริณนิ่งฟังด้วยหัวใจพองโต เธอเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันไม่รู้เริ่มเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่เธอก็อยากจะอยู่กับเขาแม้ว่ามันจะมีทั้งสุขและเจ็บปวดใจก็ตามที
“ก็ต้องดูก่อนว่าคุณจะทำตัวดีแค่ไหน จะทำฉันร้องไห้อีกไหม คุณจะเพล์บอยอีกหรือเปล่า อันนี้สำคัญ ฉันไม่ใช่คนที่อดทนพอที่จะทนเรื่องพวกนี้ได้นะ” เธอทำเสียงดุ
“สบายมาก” เขาตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ไอริณ.....ผมดีใจที่สุดเลย..” เขาเรียกชื่อเธอพร้อมกับยกตัวลอยอย่างอารมณ์ดียังไม่ทันที่หญิงสาวจะตั้งตัวได้แต่ร้องเสียงหลง
คืนนั้นทั้งสองกลับเข้าบ้านก็ดึกมากแล้วไอริณจับหมอนแดเนียลมาดึงหูเล่นก่อนจะนอน
ไอริณไปดูแลงานที่ร้านในตอนสายเพราะใกล้จะสิ้นเดือนเธอจึงมาตรวจสอบยอดการซื้อขาย ปุราณแวะมาหาเธอ
“คุณกลับเมืองไทยเหรอครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“ค่ะ....ฉันไม่ได้บอกคุณเลย” เธอเหมือนจะนึกได้
“ฉันเอาน้ำพริกมาฝากด้วยนะคะ” ไอริณสังเกตเห็นสีหน้าของปุราณไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“คุณปุราณมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
“ผม....ก็แค่คิดเรื่องของคุณ....คิดว่าทำไมผมไม่มีโอกาสดีๆบ้าง ผมเพียงอยากจะได้เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกับคุณ ปกป้องคุณ แต่ผมก็ไม่อาจจะทำได้”
สายตาที่จับจ้องเธอช่างแสนเศร้าและเงียบเหงาเกินที่ไอริณเองก็ไม่อาจจะรับรู้ว่ามันมากแค่ไหน
“แค่นี้ฉันก็รู้สึกดีใจมากค่ะคุณปุราณ คุณทำเพื่อฉันตั้งหลายอย่าง แค่เราได้เป็นเพื่อนกันก็ดีมากแล้วค่ะ”
“แค่เพื่อน...”
“ฉันขอโทษค่ะ”
“ผมเข้าใจดีแล้วครับ ผมอาจจะยังทำใจไม่ได้ แต่เชื่อเถอะอีกไม่นานมันคงดีขึ้นเอง”
ปุราณจากไปอย่างเงียบๆ
วันที่ต้องเดินทางไปอเมริกามาถึง มีดาราที่ร่วมเดินทางด้วยอีก 2-3 คน ผู้จัดการส่วนตัวของแต่ละคน ตากล้องและเจ้าหน้าที่ที่ร่วมงานอีก 3-4 คน ดาราสาว 1 ในนั้นคือ ยูกิ ดาราชาวญี่ปุ่นที่เคยเป็นข่าวกับแดเนียลมาก่อน ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับไอริณ ผู้หญิงที่แย่งแดเนียลไปจากอกเธอ เธอมองไอริณอย่างไม่เป็นมิตร ไอริณได้แต่สงสัยอยู่เงียบๆ
เมื่อเดินทางมาถึงอเมริกามีนาตาลีมารอรับอยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้มต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะไอริณเธอยิ้มอย่างเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็ตรงข้างกับไอริณที่มองด้วยสายตาเฉยเมย
ทุกคนขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางไปโรงแรมที่พัก
“ฉันเตรียมที่พักให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วนะคะ เป็นโรงแรมทางตอนเหนือ ช่วงนี้อากาศกำลังเย็น ได้บรรยากาศของฤดูหนาวนิดหน่อยค่ะ แต่ก็ยังดีที่ไม่มีหิมะตก”
“แต่ช่วงนี้ยังเป็นเดือนสิงหาคมเองนะครับ หิมะจะตกด้วยเหรอครับ”
“ก็ไม่แน่ค่ะ ช่วงนี้อากาศโลกแปรปรวญด้วย ไม่รู้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง วันนี้ฝนอาจจะตก พายุเข้า พรุ่งนี้แดดอาจจะออก วันมะรืน อาจจะมีลมหนาวเข้ามาก็ได้ค่ะ”
“คุณไอริณ...ชอบไหมคะ” เธอหันมาถามไอริณ
“ฉันเกิดที่เมืองร้อน ฉันชอบอากาศร้อนๆ มากกว่านะคะ”
“จริงเหรอคะ...555.....ต่างจากแดเนียลเลยนะคะ เขาชอบที่จะอยู่ในที่ๆหนาวเย็น เขาบอกว่ามันรู้สึกดี เมื่อได้อิงแอบกับใครสักคนค่ะ เขาเคยพูดแบบนั้นนะคะ” เธอหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ
ไอริณหันไปมองแดเนียลตาขวาง เขาได้แต่หลบตาเธอ
“แต่ก็แปลกนะคะ ที่พวกคุณสองคนอยู่ด้วยกันได้”
ทุกคนต่างก็เงียบมีเพียงเสียงของนาตาลีที่พร่ามอยู่คนเดียว
เมื่อมาถึงโรงแรมที่พักซึ่งตั้งเด่นบนภูเขาสูงด้านหลังมีแม่น้ำไหลผ่าน ตัวโรงแรมถูกออกแบบแบบสมัยเก่าดูสวยสง่าและลึกลับอยู่ในที นาตาลีเชิญทุกคนเข้าที่พัก แต่มีเพียงไอริณที่เธอไม่ได้เตรียมที่พักไว้ให้ เพราะไม่ทราบว่าจะร่วมเดินทางมาด้วย
“คุณสะดวกที่จะพักห้องเดียวกันกับเด็กในกองถ่ายไหมคะ”
เธอหมายถึงเด็กผู้หญิงที่ร่วมเดินทางมาด้วย 2 คน
แดเนียลเดินมาโอบไหล่ไอริณ
“ไม่รบกวนหรอกครับ เราจะเปิดห้องพักเอง เพราะเธอมาที่นี่เพราะผมอยากให้เธอมาด้วย ผมก็อยากจะให้เวลาอยู่กับเธอเป็นพิเศษหน่อย” เขาบอก
“แหม๋ น่าอิจฉาจังเลยนะคะ” ยูกิแทรกตัวมาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
แดเนียลไม่ได้สนใจทั้งสองสาวนักแม้พวกเธอจะมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ เขาหันไปสอบถามห้องพักที่จะเช็คอินท์กับเจ้าหน้าที่ของโรงแรม เมื่อได้ห้องก็มีเจ้าหน้าที่มาพาทั้งสองไป
“จะว่าไปผมก็อยากจะมีใครอยู่เป็นเพื่อนในเวลาแบบนี้เหมือนกันนะครับ” ฮุน โจ เอ่ยเหน็บทั้งสองสาวก่อนจะตามหลังไปอีกคน
เมื่อเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว
“ผมไม่ทราบมาก่อนว่านาตาลีเขาจะมาช่วยดูงานนี้ด้วย” เขารีบออกตัวกับไอริณ
แต่ดูเหมือนเธอจะทำหน้าเฉยเมยเปิดกระเป๋าเพื่อจัดเสื้อผ้าใส่ตู้
“ส่วนยูกิ เราก็แค่เพื่อนร่วมงานกัน”
ไอริณยังคงเงียบฟังตามเดิม
“คุณไม่คิดมากใช่ไหม” เขาถามเธอ
ไอริณหันมามองเขา
“ทำไมฉันต้องคิดมากด้วยล่ะ ก็คุณบอกฉันเองใช่เหรอ การเป็นดารามันลำบากแต่เป็นเมียดารามันลำบากกว่าตั้งเยอะ ทำไมฉันต้องมาคิดเรื่องพรรณนี้ด้วยล่ะ มีเรื่องอื่นให้คิดตั้งเยอะแยะ” เธอย้อนเขา
แดเนียลได้แต่อมยิ้มแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง
“คุณจะหึงสักหน่อยก็ได้นะ” เขาแกล้งแหย่
“เชอะ....อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”
แดเนียลหันไปเห็นหมอนแดเนียลในกระเป๋าไอริณ
“นี่คุณเอามาด้วยเหรอ”
“ฮืม....ก็ฉันต้องเห็นหน้าเขาทุกวันถึงจะนอนหลับ”
แดเนียลยิ้มฉุดเธอลงนอนกับเตียง
“แอบชอบผมอยู่ใช่ไหม” เขาคาดคั้น
“ฝันไปเถอะ.........หน้าอย่างคุณน่ะ ใครจะไปชอบลง”
ชายหนุ่มอดไม่ไหวเลยกลั่นแกล้งเธอจนเจ้าตัวร้องโอดโอยพยายามหนีแต่ก็หนีไม่พ้นอุ้มมือใหญ่
วันรุ่งขึ้นงานถ่ายแบบเริ่มดำเนินการเริ่มจากการถ่ายในโรงแรมก่อนชุดที่นาตาลีเตรียมมามีหลายชุดการถ่ายทำต้องการที่จะแสดงสวยงามของเสื้อผ้าและฤดูหนาวออกมางานจึงค่อนข้างล่าช้าและลายละเอียดมีมากมายจนกว่าจะถูกใจตากล้องวันแรกจึงถ่ายกันได้ไม่กี่ชุด
วันต่อมาเริ่มออกไปถ่ายกันด้านนอกบรรยากาศโดยรอบของโรงแรมสวยงามด้วยภูเขาและทิวทัศน์ ฟ้าที่นี่ค่อนข้างโล่งสอบถามจากคนพื้นที่แล้วยังเป็นฤดูฝน บางวันอาจจะมีฝนตกหนักได้
ยูกิพยายามที่จะเข้าใกล้แดเนียลแต่ก็ดูเหมือนชายหนุ่มจะพยายามออกห่างจากเธอ
“แดเนียล...ดูคุณเปลี่ยนไปเยอะนะคะ ตั้งแต่คุณแต่งงานก็ทำตัวห่างเหินจากฉันไป”
“ไม่เอาน่ายูกิ...เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ”
“จะว่าไปภรรยาคุณ เธอหน้าตาก็เรียบๆ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย คุณรักเธอจริงๆ เหรอ” ทั้งสองมองดูไอริณที่เดินป้วนเปี้ยนแถวๆกองถ่าย
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอกนะ”
“คุณเปลี่ยนไปเยอะจริงๆแหล่ะ คุณเคยบอกฉันว่าชอบผู้หญิงสวย เซ็กซี่”
“นั่นมันเมื่อก่อน คนเราเปลี่ยนกันได้ เมื่อเจอสิ่งที่ดีสำหรับเรา”
“เชอะ...ทีเมื่อก่อนคุณไม่เห็นพูดกับฉันแบบนี้เลยนะ” เธอทำหน้างอน
“ไม่เอาน่าอย่าทำแบบนั้นสิเดี๋ยวถ่ายรูปออกมาไม่สวยนะ”
ยูกิเลยแกล้งโอบและออเซาะแดเนียลเพื่อประชดไอริณ แต่มันก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ ผิดกับนาตาลีที่มองภาพเหล่านั้นอย่างเดือดดาษ
หลังเสร็จจากการถ่ายแบบวันนั้น แดเนียลชวนไอริณไปนั่งดูดาวที่ดาดฟ้าสองคน
“ที่นี่ดีจริงๆเลยนะ อากาศก็ไม่ถึงกับหนาวมากนัก”
“ก็มันเป็นฤดูฝนนิคะ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ก็ฉันถามคนแถวนี้”
“ฮ้า....คุณนิเก่งจริงๆ”
“ก็มันแน่อยู่แล้ว”
“ผมเป็นไงบ้างดูดีไหมเวลาถ่ายแบบ”
“ก็งั้นๆแหล่ะ..สู้..ลีจีฮุน ก็ไม่ได้” เธอตอบ
ชายหนุ่มแทบจะแยกเขี้ยวใส่ ผู้หญิงที่ชอบกวนประสาทเขาก็มีแต่เธอเท่านั้นแหล่ะ แดเนียลดึงเธอมากอด
“นั่นดาวลูกไก่” เธอร้องบอกพลางชี้มือบนท้องฟ้า
“ไหนๆๆ” เขามองหาอย่างอยากรู้
“คุณนิรู้อะไรมั่งไหม” เธอหันมาแขวะเขา
“ก็ผมไม่เก่งเหมือนคุณนิ”
ไอริณบ่นนิดหน่อยแต่ก็ชี้ชวนให้เขาดูกลุ่มดวงดาวอื่นๆที่เธอรู้จัก ทั้งสองยืนดูดาวด้วยกันอย่างมีความสุข
นาตาลีมองหาแดเนียลหลังอาหารค่ำเขาก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว เธอเดินตามหาเขาแต่ก็ไม่พบ แต่พบยูกิที่นั่งดื่มคนเดียวที่ล็อปบี้จึงเดินเข้าไปหา
“แหม๋ .... ฉันรู้สึกว่าคุณจะดูดีมากนะคะ ไม่ว่าจะชุดไหน”
ยูกิหันมามองแขกที่ไม่ได้รับเฉย
“ขอบคุณค่ะฉันต้องดูดีอยู่เสมอค่ะ” เธอหันมาคุยกับเธอแบบหยิ่งๆ จนนาตาลีหมั่นไส้
“ฉันเองก็เคยเห็นรูปคุณบ่อยๆ ดีใจมากเลยค่ะที่เราได้ร่วมงานกัน”
ดูเหมือนยูกิจะไม่ได้สนใจกับการคุยกับเธอ
“ถ้าจำไม่ผิดคุณคงเคยมีข่าวกับแดเนียลเมื่อปีที่แล้วใช่ไหมคะ” เธอเริ่มเรื่อง
ยูกิหันมามองเธออย่างไม่เป็นมิตรนัก
“คุณชอบเขามากไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมปล่อยเขาหลุดมือไปได้ล่ะ” สายตาของนางเสือจ้องประสานกับยูกิ ยูกิแม้จะงุนงงกับการเข้ามาของอีกฝ่ายแต่ก็พอที่จะเดาออกว่าเธอกำลังจะพูดอะไรต่อ
“นั่นเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน”
“คุณไม่คิดที่จะดึงเขากลับมาหาคุณเหรอ จะว่าไปแล้วคุณดูดีกว่าภรรยาเขาตั้งหลายร้อยเท่า ทั้งรูปร่าง หน้าตา คุณคิดว่าคนที่จะยืนเคียงข้างแดเนียลควรจะเป็นใคร”
ยูกิมองดวงตาที่ลุกโชนด้วยประกายไฟบางอย่างราวกับอยากจะค้นดูว่าเธอกำลังต้องการอะไรกันแน่
“ข้อนั้นมันอาจจะจริง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาเลือก ฉันเคารพการตัดสินใจของเขา เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน”
นาตาลีหัวเราะขบขัน
“คุณน่ะช่างเหมือนคนๆหนึ่งมากเลยนะ เอาล่ะถ้าหากคุณต้องการเขากลับมาเมื่อไหร่ก็บอกฉันนะคะ ฉันช่วยคุณได้” เธอพูดก่อนจะขอตัวไปปล่อยยูกิที่ยังไม่เข้าใจเธอนักนั่งดื่มต่อคนเดียว
วันต่อมาการถ่ายแบบต้องเดินทางออกไปถ่ายนอกสถานที่ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงาม ไอริณเอาโต๊ะเล็กๆ ไปนั่งดูข้างๆกองถ่าย เธอได้เด็กๆในกองถ่ายเป็นเพื่อนคุยแก้เหงา
ยูกิยังคงพยายามถ่ายภาพยั่วยวนแดเนียลตามเดิม แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์สำหรับไอริณ จนเธอล้มเลิกความคิดที่จะแกล้งไอริณไป เวลาพักเบรคแดเนียลเดินเข้ามาหาไอริณที่คอยเตรียมน้ำให้เขาดื่ม ตากล้องเห็นเป็นภาพที่น่ารักเลยถ่ายรูปเธอกับแดเนียลเอาไว้ และยังได้ขอให้เธอได้ร่วมการถ่ายแบบสัก 2-3 ภาพด้วย ทีแรกเธอไม่เห็นด้วยแต่ทางตากล้องขอร้องแดเนียลเขาเลยยอมและขอร้องเธออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงยอมถ่ายแบบด้วย
แดเนียลแสดงท่าทางและสีหน้าในการถ่ายภาพกับไอริณอย่างเป็นธรรมชาติมาก ไม่ว่าจะเป็นการมอง การโอบกอด ขโมยหอมแก้มเมื่อเธอเผลอ ทุกอย่างถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงาม
“คิดว่ามาถ่ายเวดดิ้งสตูดิโอกันหรือไง” ยูกิพูดกระแทกกระทั้นแล้วเดินไปหลบในรถตู้เพื่อเตรียมชุดต่อไป
ส่วนนาตาลีเองก็ไม่พอใจเดินกระฟัดกระเฟียดมานั่งที่โต๊ะของไอริณเธอเห็นสมุดบันทึกของไอริณจึงถือวิสาสะปิดอ่านโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่พอเห็นหน้าที่ไอริณกับแดเนียลเขียนสัญญาเอาไว้เท่านั้นเอง เธอก็มองทั้งคู่อย่างประสงค์ร้ายและกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างเหี้ยมโหด
“สำหรับการถ่ายรูปภาพแล้ว การที่ภาพจะดูดีและสวยนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็เกิดจากนายแบบนางแบบที่ดูดีและเป็นธรรมชาติมากๆ ผมดีใจมากเลยที่ได้ถ่ายรูปพวกคุณ” ช่างภาพบอกไอริณ
เธอได้แต่ยิ้มก่อนจะกลับมาที่เดิมแต่พอนั่งลงที่โต๊ะ เธอก็หาสมุดบันทึกของเธอมันหายไปจากโต๊ะ ไอริณจึงเดินหานึกว่าตัวเองอาจจะทำหล่นที่ไหนสักแห่ง การถ่ายภาพเสร็จตอนเย็น แดเนียลมองหาไอริณที่เดินหาของอย่างร้อนใจทั่วรถและกองถ่าย
“มีอะไรหรือเปล่าไอริณ?”
“สมุด....สมุดบันทึกของฉันหายค่ะ”
“สมุดบันทึกเหรอ...ทำหายตรงไหนหรือเปล่า”
“ฉันไม่แน่ใจค่ะ” เขาช่วยหาอีกคน
แต่ทางกองถ่ายบอกทุกคนให้เตรียมตัวกลับ
“ช่างมันเถอะไอริณ เดี๋ยวผมจะซื้อให้คุณใหม่”
“ไม่ได้นะคะ....” เธอตอบเขาอย่างร้อนรน
“ก็แค่สมุดธรรมดามันมีอะไรหรือไง”
“ก็ในนั้นมีสัญญาของเราไงคะ ถ้าใครเห็นเข้าล่ะก็แย่เลย”
แดเนียลมองซ้ายขวาหวังว่าจะเจอ มีนิ้วเรียวๆยื่นมันมาอยู่ตรงหน้าเขา
“ฉันเห็นมันหล่นตรงนี้ค่ะ คุณหามันอยู่หรือเปล่าคะ”
ไอริณรีบมารับมันไป
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้เปิดดูหรอกค่ะ เลยไม่รู้ว่าเป็นของใคร” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินไปรวมกับคณะกองถ่าย ไอริณมองตามอย่างไม่ไว้ใจนัก นาตาลีแอบกดมือถือดูรูปที่เธอถ่ายเอาไว้เป็นสัญญาที่ไอริณกับแดเนียลเขียนเอาไว้นั่นเอง เธอยิ้มอย่างสะใจที่จะสามารถหาทางให้ทั้งสองแยกทางกันได้
วันสุดท้ายของการถ่ายแบบมาถึงวันนี้ลมค่อนข้างแรงกองถ่ายจึงเปลี่ยนแผนจากการถ่ายข้างนอกมาถ่ายภายในโรงแรมแทน ไอริณกำลังเตรียมตัวเธอช่วยจัดเสื้อผ้าให้แดเนียล
“ผมดูดีมากไหมไอริณ?” เขาชอบถามแบบนี้กับเธอประจำ
“หน้าตาก็งั้นๆแหล่ะ ถามอยู่ได้” เธอตอบเขากวนๆ
แดเนียลคล้องผ้าพันคอที่เธอให้เขาเมื่อวันคริสมาสต์ที่คอของเธอ
“วันนี้ท่าทางฝนจะตก ลมข้างนอกแรงเชียว คุณหนาวไหม?”
“ไม่หรอกค่ะ”
แดเนียลยิ้มก่อนจะจูบที่หน้าผากเธอเบาๆ
ทั้งสองออกมาจากห้องเจอนาตาลี
“เรียบร้อยแล้วเหรอคะ….เมื่อคืนหลับสบายดีไหม?”
“ดีค่ะ แล้วคุณล่ะ”
“ดีมากค่ะ ฉันฝันดีมาก” เธอตอบอย่างมีเลศนัย
ทุกคนมารวมตัวกันที่ล็อปบี้ด้านล่าง ไอริณขอแดเนียลเดินดูของในโรงแรมเพราะเห็นมีร้านเสื้อผ้าน่าสนใจไม่น้อย เขาบอกให้เธอรีบกลับเพราะวันนี้ถ่ายไม่กี่รูปก็เสร็จแล้วเขาจะพาเธอไปฟังเพลงและเต้นรำก่อนที่จะเตรียมตัวเดินทางกลับเกาหลีในวันพรุ่งนี้เช้า
นาตาลีมองตามเธออย่างประสงค์ร้ายเมื่อเห็นไอริณเดินดูของเพียงคนเดียวเธอจึงเข้าไปหาไอริณและขอเวลานั่งคุยด้วย นาตาลีนัดไอริณมานั่งที่ห้องอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง
“ฉัน...รบกวนคุณมากไปไหมคะ”
“ไม่ค่ะ...คุณมีเรื่องอะไรคะ”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ...เรื่องขอแดเนียล” เธอเปิดเรื่องทันที
“คุณคงไม่ทราบว่าเราเคยเป็นคู่รักกัน”
“เรื่องนั้นฉันทราบแล้วค่ะ เขาเคยเล่าให้ฉันฟัง”
นาตาลีหัวเราะร่วน
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะ ว่าคุณจะใจกว้างพอที่จะรับฟังเรื่องของคนรักเก่าของสามีคุณได้”
“ก็ไม่เห็นแปลกนิคะ คนเราทุกคนต่างก็มีความหลังทั้งนั้น”
นาตาลีจับจ้องดวงตากลมโตที่จ้องประสานเธออย่างหนักแน่น
“แล้วเขาได้บอกคุณหรือเปล่าว่าเขารักฉันมากขนาดไหน?”
“ค่ะ...เขาบอก”
“เขาได้บอกคุณไหมล่ะคะ ว่าเขาสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉันเพียงคนเดียว”
ไอริณนิ่งเงียบ
“เขาสัญญาว่าจะรอฉัน และเราจะแต่งงานกันในวันที่ฉันไม่มีใคร...เขาได้บอกคุณไหม” เธอย้ำหนักแน่น
“เขายังรักฉันอยู่ แม้จะมีข่าวกับผู้หญิงมากมากมายแต่เขาก็ไม่เคยจริงจังกับใครก็เพราะเขายังรักและรอฉันอยู่ ไม่มีใครที่จะมาแทนที่ของฉันได้”
“คุณต้องการอะไรกันแน่” ไอริณเอ่ยทั้งที่ใจเริ่มสั่น
“ฉันรู้แล้วล่ะที่พวกคุณแต่งงานกันเพราะมีคำสัญญาเหลวไหลนั่น คุณอาจจะไม่ทราบว่าถ้าเรื่องพวกนี้เกิดหลุดออกไปถึงนักข่าวแล้วอาชีพดาราของแดเนียลต้องพังแน่ๆ” นาตาลีเริ่มเรื่องที่เธอคิดว่าตัวเองต้องเหนือกว่า
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะคะ” ไอริณเริ่มเป็นกังวล
“การโกหกเป็นเรื่องที่ทุกคนรับไม่ได้หรอกค่ะ คุณกล้าหลอกลวงประชาชนและครอบครัวของพวกคุณแบบนี้ ทุกคนไม่ให้อภัยคุณแน่”
“การเป็นดาราเป็นความฝันของแดเนียล ถ้ามันต้องพังลงไป เขาคงเสียใจมากๆแน่นอน คุณคิดดูให้ดีก็แล้วกัน ถ้าคุณยอมถอยออกจากเขาไปอย่างเงียบๆ เรื่องนี้ก็จะเป็นเพียงความลับระหว่างเราสองคน คุณอย่าคิดว่าตัวเองจะสามารถปกป้องเขาได้”
“คุณพูดเอาแต่ใจไปแล้วนะคะ”
“ทำไมคะ คุณคิดจะปกป้องเขางั้นหรือ เพราะอะไร...เพราะคุณรักเขางั้นหรือ?” เสียงแม่เสือถามอย่างเย้ยหยัน
“หรือคุณอยากจะเกาะเขาดัง...การเป็นเมียดาราก็มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคมเช่นเดียวกันนินา”
“เรื่องพวกนั้น มันไม่สำคัญหรอก”
นาตาลีเค้นเสียงหัวเราะ
“ฮืม....หรือเธออยากได้เงิน ได้สิเรื่องแค่นี้เอง”
ไอริณได้แต่นิ่งอึ้งที่ได้ยินเรื่องแบบนี้จากนาตาลี
“คุณอยากได้เขามากขนาดนั้นเลยหรือคะ” เธอถาม
“ใช่...ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าฉันควรจะมีใคร อีกแล้วนอกจากเขา ทีแรกรู้ว่าเขาแต่งงานไปแล้ว ฉันก็พยายามคิดหาวิธีที่จะดึงเขาออกมาจากคุณ ฉันอาจจะดูเลวร้ายมาก แต่ขอร้องล่ะ ฉันขอร้องโปรดคืนเขากลับมาให้ฉันเถอะนะ ฉันคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้หากต้องขาดเขาไป”
ไอริณนิ่งเงียบเธอเองนึกสะท้อนในอก เหมือนโดนมีดกรีดลงตรงกลางใจ
“คุณไม่เคยรักใครคงไม่ทราบหรอกนะคะว่าการที่ต้องสูญเสียคนรักไปทั้งทียังมีชีวิตอยู่นั้นมีเศร้าแค่ไหน” เธอพยายามบีบน้ำตาเพื่อเรียกร้องความเห็นใจของอีกฝ่าย
“ไม่หรอกชีวิตคนเราต้องอยู่ต่อไปแม้ไม่มีใคร” ไอริณเอ่ย
“เราควรที่จะรักตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นไหน”
นาตาลีจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เธอช่างมีจิตใจดุดหินผา ดูไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องใดเลย
“งั้นคุณก็คืนเขามาให้ฉันเสียสิ อย่าดึงดันเขาอยู่เลย เพราะสัญญาบ้าบอนั่นทำให้เขาต้องทนอยู่กับคุณ”
“เขาจะกลับไปหาคุณแน่ถ้าหากเขายังรักคุณอยู่ ฉันไม่คิดที่จะดึงเขาเอาไว้หรอก สัญญานั่นเขียนขึ้นมาเพื่อความสงบสุขในการใช้ชีวิตของเราสองคน มันไม่ใช่ข้อต่อรองอะไรทั้งนั้น ต่อไปนี้มันขึ้นอยู่กับคุณต่างหากว่าจะทำยังไงที่จะให้เขากลับไปหาคุณ” ไอริณพูดแล้วลุกขึ้นยืน เธอเหมือนไม่มีแรงที่จะเดินต่อไปด้วยซ้ำ
“ดีมากไอริณ เย็นนี้คุณควรที่จะคุยกับเขานะ”
ไอริณนิ่งเฉยไม่ได้ตอบโต้ แต่ก็ฝืนใจเดินจากนาตาลีไป ปล่อยให้แม่เสือร้ายยิ้มอย่างลิงโลดใจอยู่คนเดียว



Create Date : 16 เมษายน 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 7:36:05 น.
Counter : 852 Pageviews.

1 comments
  
มาเยือนกันจาก //www.thai-school.net/wanarat
โดย: พริกดิบ (พริกดิบ ) วันที่: 16 เมษายน 2553 เวลา:17:30:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]