เมษายน 2553

 
 
 
 
2
3
4
6
10
11
12
13
14
15
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ได้โปรด....อยู่กับผมเถอะนะ



เย็นนั้นไอริณนัดแดเนียลไปเจอกันที่ท่าน้ำด้านหลังของโรงแรม ยามเย็นลมหนาวพัดโชยมาพร้อมกับเมฆฝนที่มืดคลึ้มจับขอบฟ้าไกล พระอาทิตย์กำลังจะลับลาจากขอบฟ้ามันสะท้อนแสงจับรำไร ไอริณมองลำน้ำเส้นใหญ่ที่ไหลเรื่อยอย่างช้าๆ ดูมันสงบนิ่งอย่างไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งใดนัก ไกลห่างออกไปมีบ้านผู้คนตั้งเรียงรายตามขอบแนวตลิ่งเรือที่สัญจรในลำน้ำดูรีบเร่งเพราะเห็นเมฆฝนที่ตั้งเค้ามาแล้วท่าทางจะตกหนัก
ไอริณคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเธอกับแดเนียล มันมีทั้งความสุข และ ทุกข์ เกิดขึ้นมากมาย แต่มันก็ทำให้เธอได้เรียนรู้จักการได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตกับใครสักคน มือของเขาที่คอยกุมเธอเดินมันช่างอบอุ่นเหมือนกับพ่อที่ไม่เคยทิ้งให้เธอต้องโดดเดี่ยว เธอไม่เคยรู้สึกเหงาใจเลยแม้จะอยู่ไกลบ้าน เขาคอยเป็นเพื่อนเธอเสมอ ประสบการณ์แปลกๆ ที่ทำด้วยกันมันทำให้เธอสนุกมาก น้ำตาค่อยๆ ไหลรินอย่างไม่รู้ตัว ถึงเวลานี้เธอไม่อยากที่จะจากเขาไปเลย แดเนียลวิ่งหลบเม็ดฝนที่ค่อยๆ โปรยลงมา เขามองหาไอริณที่ท่าน้ำที่เธอบอกเขาให้มาพบ
“ไอริณ....” เขาร้องเรียกเธอเมื่อเห็นด้านหลังที่คุ้นเคยยืนอยู่ที่ท่าน้ำ
ไอริณหันไปมองตามเสียงเรียกชื่อเธอ แดเนียลตกใจมากที่เห็นตาเธอแดง
“คุณร้องไห้เหรอ”
“เปล่า...แค่มีอะไรเข้ามาเท่านั้นเอง” เธอรีบเบือนหน้าหลบเขา
“มีอะไรหรือเปล่าถึงได้นัดผมมาที่นี่ ดูสิ ฝนตกหนักมากเลย” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย เขามองดูสายฝนที่โปรยปรายลงมา
ไอริณยังนิ่งเงียบ เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเรื่องอย่างไรดี เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าการพูดเรื่องการเลิกกันกับแดเนียลจะเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับเธอไปได้
“แดเนียลคะ” เธอเรียกเขาแผ่วเบา
ชายหนุ่มหันมา
“คุณไม่หนาวเหรอ ปกติคุณไม่ชอบอากาศเย็นแบบนี้นี่นา” เขาหันมาถาม
ทั้งสองสบตากันเนินนาน แดเนียลเห็นแววตาที่จ้องลึกอย่างกังวลแล้วนึกแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าไอริณ” เขาเข้ามาใกล้ตัวเธอ
แต่ไอริณกลับถอยห่างออก
“แดเนียล คุณคิดไว้หรือยังว่าถ้าเราเลิกกันแล้วคุณจะทำยังไงกับชีวิต” เธอเริ่มเรื่อง
ชายหนุ่มจับจ้องดวงหน้าที่ดูตรึงเครียดอย่างสงสัย ปกตินิสัยเธอถึงจะไม่ใช่คนชอบแสดงสีหน้าดูโอเวอร์มากมาย แต่เธอก็ดูสดใสน่ารัก ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหนใบหน้าเธอมักจะดูเรียบเฉยราวกับคนไม่ได้คิดอะไร แม้จะดูเข้าใจยากว่าตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ไหน แต่เขาก็รู้สึกเคยชินกับมัน เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้ดูน่ากลัว ทั้งบางครั้งยังทำให้เขารู้สึกดีด้วยซ้ำไปที่ไม่ต้องเจอหน้ากากที่สวมทับใบหน้านั้น แต่เวลานี้เขารู้สึกเหมือนจะต้องเผชิญหน้ากับเลวร้ายอย่างไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน
“พูดแปลกๆ ก็คุณบอกว่าจะอยู่กับผมตลอดไปแล้วนิ จะมากลับคำหรือยังไง” เขาถามทำเสียงเหมือนไม่พอใจ
“ชีวิตไม่ได้แน่นอนเท่าไหร่นะ เราไม่ได้รักกันนิ ทำไมฉันจะต้องมาทิ้งชีวิตอยู่กับคุณด้วยล่ะ” น้ำเสียงที่เคยเฉยชาที่เขาเคยได้ยินประจำเอ่ยแบบนี้ออกมาฟังดูก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ครั้งนี้ทำไมเขารู้สึกว่าทั้งชาเย็นและไร้เยื่อใยยังไงยังงั้น
“คุณหมายความว่ายังไงกัน ผมไม่เข้าใจ”
ทั้งสองสบตากันอีกครั้งแดเนียลก้าวเข้าไปหาเธอ แต่เธอก็ก้าวถอยห่างออกไป เขามองกิริยานั้นอย่างสนเท่ห์
“คุณมีอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้องมาปั้นสีหน้ายังกะหนอนแช่แข็งและทำเสียงไร้เยื่อใยแบบนี้ ผมมันคนเข้าใจยาก” เขาทำเสียงดุดันราวกับตำรวจที่กำลังคาดคั้นความลับจากนักโทษ
“ฉัน.......” ไอริณติดอ่าง
“คุณจะมาแกล้งพูดโย้กโย้ เพื่ออะไร.... เพราะปุราณงั้นเหรอ ผมไม่ได้ชวนคุณมาที่นี่เพื่อมาให้คุณบอกเลิกกับผมหรอกนะ เข้าใจผิดแล้วไอริณ มันไม่มีทางหรอกนะ ที่ผมจะปล่อยคุณไป” เขาทำหน้าขึงขัง
ไอริณสับสนจนพูดไม่ออก
“ทำไมล่ะ พูดไม่ออกเลยเหรอ คุณช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์ มารยา เสียจริงๆ ที่ผ่านมาแกล้งทำดีให้ผมตายใจงั้นหรือ ทำไม ๆ “ เขาจับไหล่บางทั้งสองเขย่าอย่างรุนแรง
ไอริณน้ำตาคลอเธอไม่รู้จะหาทางออกให้กับสิ่งที่ติดอยู่ในใจได้ยังไง
“ใช่...แล้วจะทำไม” เธอสะบัดมือเขาออก แดเนียลตะลึงกับคำตอบที่เขาได้ฟังจากปากเธอ
“แดเนียล คะ.....” เสียงของนาตาลีดังฝ่าสายฝนมา
“คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ ทำไมทำหน้าซีเรียสจัง” หน้าตาใสซื่อยื่นเข้ามาถาม
“คุณ.....ทำได้ยังไง...” เขาเค้นเสียงออกมาจากปากอย่างซอกช้ำสุดหัวใจแล้วหันหลังจะออกเดิน
นาตาลีเม้มปากยิ้มอย่างสะใจแล้วหันวิ่งตามแดเนียลไป
ไอริณปิดหน้าร้องไห้เธอถอยหลังไปอย่างสิ้นหวังโดยไม่รู้ว่าพื้นตรงนั้นลื่นมากเมื่อโดนฝน เสียงฟ้าผ่าลงไม่ไกลนัก สิ้นเสียงฟ้าผ่าแดเนียลได้ยินเสียงของหนักที่หล่นลงน้ำตรงท่าน้ำที่เขาเพิ่งเดินจากมา
“ตูมมมม”
ชายหนุ่มหันกลับอย่างตกใจสุดชีวิตพลางครางชื่อคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อหันกลับไปมองแล้วไม่เห็นร่างของเธอ
“ไอริณ..ๆๆๆ” เขาร้องเรียกเธอเสียงหลงวิ่งกลับไปที่ท่าน้ำเห็นเพียงผ้าพันคอที่เกี่ยวกับกิ่งไว้อยู่ตรงนั้น
นาตาลีวิ่งตามเขามาเธอเกาะแขนเขาไว้
“แดเนียลคะ....”
เขาสะบัดแขนออกจากเกาะกุม สีหน้ามีแววร้อนใจ เขาวิ่งไปดูที่แม่น้ำเห็นร่างของไอริณกำลังลอยตามน้ำที่ไหลอย่างเชี่ยวกราก ชายหนุ่มออกวิ่งตามพรางร้องเรียกไอริณสุดเสียงอย่างตื่นตะหนก
นาตาลีตามเขาไปด้วย
“แดนียลคะคุณจะไปไหน ไปตามคนมาช่วยดีกว่าค่ะ ตอนนี้ฝนตกหนักนะคะ”
“คุณกลับไปก่อนเถอะ ช่วยไปตามใครก็ได้มาช่วยเราด้วย” เขารีบกระโดดลงตะลิ่งแล้ววิ่งตามไอริณที่ลอยไปตามน้ำอย่างรวดเร็ว นาตาลีสถบออกมากอย่างหัวเสียแล้วเธอก็วิ่งกลับโรงแรมไปตามคนมาช่วย
แดเนียลวิ่งตามตะลิ่งตาเฝ้ามองร่างของไอริณที่ลอยไปตามน้ำ ชายหนุ่มร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่งปากก็ร้องเรียกชื่อของเธอถึงแม้เธออาจจะไม่ได้ยิน พื้นดินริมตะลิ่งเป็นโขดหินลื่นเขาวิ่งตามอยากยากลำบาก ห่างจากโรงแรมไปไกลมากฝนที่กำลังตกก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แดเนียลเห็นเรือเล็กจอดอยู่ที่ท่าน้ำเขาจึงลงเรือแล้วออกไปทันทีเจ้าของท่าเรือเห็นร้องตามอย่างตกใจ
“คุณ........มันอันตรายนะ.....”
แต่แดเนียลก็ไม่ได้สนใจเขาออกแรงพายเรือแข่งกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ร่างของไอริณลอยไปติดกับท่าน้ำแห่งหนึ่งเข้าชายหนุ่มรีบพายเรือเข้าไปหาและคว้าเธอเอาไว้ ฝนที่ตกกระหน่ำกับกระแสน้ำที่รุนแรงเรือลำเล็กจึงจมลงแม่น้ำทันที แต่ชายหนุ่มก็กระเสือกกระสนขึ้นท่าน้ำแห่งนั้นได้ เขามองไปที่บ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ท่าน้ำนั้นแล้วอุ้มร่างของไอริณที่อ่อนปวกเปียกไปที่นั่นอย่างมีความหวัง

นาตาลีกลับโรงแรมเพื่อตามทุกคนมาช่วย แต่เจ้าหน้าที่ของโรงแรมห้ามให้ทุกคนออกจากโรงแรมเพราะพายุรุนแรงเกินไป ได้เพียงแต่แจ้งเหตุร้ายให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ช่วยติดตามให้
“เราต้องเสียใจจริงๆครับคุณนาตาลี ที่เราออกไปช่วยตามหาคุณแดเนียลกับคุณไอริณไม่ได้”
“ไม่ได้นะคะ เกิดเรื่องแบบนี้แล้วจะอยู่เฉยได้อย่างไรกัน” เธอต่อว่า
“ใจเย็นๆก่อนครับ....ตอนนี้เราแจ้งไปทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยแล้วอีกไม่นานพวกเขาจะมา”
“ไม่ได้นะคะ เราต้องออกไปช่วยพวกเขาเดี๋ยวนี้” เธอแย้ง
“ตอนนี้พายุรุนแรงมาเราคงต้องรอครับ”
ฮุน โจ เข้ามาดึงเธอออกไป
“ใจเย็นๆ เถอะนะคุณนาตาลี เราต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยเท่านั้นแหล่ะ”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแดเนียลล่ะ ฮือ....” นาตาลีร้องไห้ซบกับอกของฮุน โจ
“คงไม่หรอกครับ เรามาช่วยกันภาวนาให้เขาทั้งสองปลอดภัยกันเถอะครับ” เขาปลอบเธอทั้งที่จริงก็เป็นห่วงเช่นกัน

แดเนียลเคาะประตูบ้านหลังที่ตั้งอยู่ท่าเรือแห่งนั้นเขามาเปิดประตูให้อย่างแปลกใจที่มีแขกมาเยือนในยามนี้ แต่ก็ต้องตกใจที่พบชายหญิงเปียกปอนฝ่าพายุมา
“เข้ามาก่อนพ่อหนุ่ม” ชายสูงวัยเจ้าของบ้านเอ่ยต้อนรับอย่างใจดี
“มันอะไรกันนี่...พวกเธอถึงได้เปียกฝนราวกับลูกนกตกน้ำ”
“เธอตกน้ำครับ ตอนนี้ยังไม่ได้สติเลย” เขาอุ้มเธอเข้าบ้าน เจ้าของบ้านรีบไปหาผ้ามาให้
“แย่จังเลยนะ”
“ผมจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
“โอ้ว...ไม่ได้หรอกพ่อหนุ่ม ตอนนี้พายุรุนแรงมากเราคงออกไปไม่ได้ และอีกอย่างโรงพยาบาลก็อยู่ไกลมาก”
“แล้วเราจะช่วยเธอยังไงล่ะ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะ เธอจะตายไม่ได้ ดูสิตัวเธอเย็นเจี๊ยบไปหมดแล้ว” เขาถามอย่างร้อนใจ
“มันไม่มีทางเลือกนะ..นอกเสียจาก....”
“นอกเสียจาก...อะไร” แดเนียลเขย่าร่างของเจ้าของบ้านอย่างลืมตัวจนเขาตกใจ
“พ่อหนุ่มก็ต้องให้ความอบอุ่นเธอเสียสิ” ชายสูงวัยเอ่ย
“เดี๋ยวฉันจะหาเสื้อผ้ากับผ้าหนาๆมาให้เปลี่ยนนะ อ้อ.....คงรู้นะว่าต้องทำยังไง” ชายเจ้าของบ้านเอ่ยก่อนจะออกไปจากห้อง
ผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมงเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาถึงและเริ่มออกตามหาแดเนียลท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา

แดเนียลพลิกร่างนอนตะแคงข้างๆ ร่างของไอริณที่นอนแน่นิ่งหน้าเธอเริ่มมีสีเลือดเขากุมมือเธอขึ้นมาจุมพิษ มันไม่ได้เย็นซีดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“ไอริณ....อย่าเป็นอะไรนะ โปรดอยู่กับผมตลอดไปผมรู้แล้วว่าถ้าต้องเสียคุณไปชีวิตผมคงอยู่ต่อไปไม่ได้ ผมรักคุณ” เขาพรึมพรำเบาๆ กับคนที่นอนหลับแน่นิ่ง

คณะกู้ภัยออกตามหาแดเนียลและไอริณอย่างยากลำบากแต่ก็ไม่พบร่องลอยอะไรพวกเขากลับไปที่โรงแรม
“เราเสียใจด้วยที่ไม่พบล่องลอยของทั้งสองคนเลย”
“อะไรนะ ไม่จริงใช่ไหม ไม่จริง ไม่จริ๊ง” นาตาลีกรี๊ดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“แดเนียล......” เธอร้องไห้โฮอย่างเสียใจ
“เอาไว้พรุ่งนี้เช้าพายุจางแล้วเราจะกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง ตอนนี้มันอันตรายมากจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่ช่วยอะไรได้”
ฮุน โจ เอ่ยขอบคุณคณะกู้ภัยก่อนที่พวกเขาจะไปและคอยปลอบใจนาตาลี

รุ่งเช้าไอริณงัวเงียตื่นขึ้นมา อย่างแปลกใจกับสถานที่เห็นหน้าแดเนียลที่ยิ้มอยู่ข้างเตียง เขาเรียกเธออย่างดีใจ ไอริณลุกขึ้นนั่ง เขารีบประคองเธอไว้
“คุณไม่ต้องลุกหรอกนะ นอนพักเถอะ”
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณตกน้ำ ลอยมาไกลจากโรงแรมมาก และเมื่อคืนพายุหนักจนเรากลับโรงแรมไม่ได้”
“ใช่ฉันตกน้ำ ฉันคิดว่าฉันตายไปแล้วซะอีก ที่นั่นมันหนาวมาก หนาวจนฉันทนไม่ได้ แต่แล้วก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดเหมือนมีใครกำลังกอดฉันเอาไว้” เธอบอกเขา
แดเนียลยิ้มกุมมือเธอเอาไว้
“ผมดีใจมากที่คุณไม่เป็นไรแล้ว ผม.....ตกใจแทบแย่ตอนที่เห็นคุณตกน้ำ ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมคงขาดใจ” เขาเอ่ย ไอริณสบสายตาอบอุ่นคู่นั้น
“ไอริณ....ตอนที่ผมวิ่งตามคุณตลอดทาง ใจผมสั่น.... ผมกลัว.... หากผมช่วยคุณไม่ได้ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมถามตัวเองว่าจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีคุณ ผมตอบตัวเองว่าคงอยู่ไม่ได้ ผมต้องตายแน่ๆ คุณสำคัญกับผมมากเลยนะ ไอริณ ดังนั้น ต่อไปนี้อย่าพูดเรื่องเลิกอะไรนั่นอีกนะ” เขาพูดด้วยถ้อยคำที่สั่นเทาสายตาของเขาดูอ่อนหวานและแสนเศร้า จนไอริณหวั่นไหว
“ฉัน......”
ชายหนุ่มลูบแก้มของเธอพลางถอนใจอย่างโล่งอก
“ไอริณ....” เขาเหมือนมีเรื่องจะบอกกับเธอแต่ก็นิ่งเงียบไป
หญิงสาวมองดูตัวเธอที่นอนอยู่ภายใต้ผ้าห่ม หัวเธอหนักอึ่ง
“คุณจะทานอะไรไหม”
“เราต้องกลับวันนี้ไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามเขา
“ไม่เป็นไรหรอก เรากลับทีหลังเขาก็ได้ รอให้คุณหายดีก่อน”
“อย่าเลยค่ะ....เราน่าจะกลับพร้อมกับพวกเขานะคะ พวกเขาอาจจะเป็นห่วงเรากันอยู่”
“ก็ได้ ถ้าพายุหยุดเมื่อไหร่ผมจะพาคุณกลับโรงแรมทันที”

รุ่งเช้าพายุที่บ้าคลั่งทั้งคืนก็หยุดนิ่งลงพร้อมกับแดดทอแสงในยามเช้าที่อบอุ่น
ที่โรงแรมคณะกองถ่ายแบบรวมตัวกันที่ล็อบบี้พร้อมกับคณะกู้ภัยกำลังปรึกษาเรื่องที่จะออกตามหาแดเนียลกับไอริณกันต่อ
ขณะเดียวกันแดเนียลกับไอริณก็ลงจากรถของชายสูงวัยใจดีที่ให้ความช่วยเหลือทั้งสองเมื่อคืน
“ขอบคุณมากเลยนะครับลุง เอาไว้คราวหน้าผมจะมาตอบแทน”
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่มดูแลภรรยาให้ดีก็แล้วกันนะ ลุงไปล่ะ” ทั้งสามร่ำลากัน
แดนียลประคองไอริณเดินเข้าโรงแรมเมื่อทุกคนเจอกันนาตาลีก็แทบจะกระโดดเข้ามากอดเขา แต่เขากับเบี่ยงตัวหลบ
“ผมต้องพาไอริณไปพักก่อนนะครับ เธอยังเพลียๆ ท่าทางจะมีไข้ด้วย”
“ไปโรงพยาบาลดีไหมครับ จะได้ตรวจเช็คร่างกายไปด้วย”
“ไม่ล่ะค่ะ เรารีบกลับบ้านกันดีกว่านะคะ กำหนดการเราต้องกลับกันวันนี้นิคะ”
“ไปหาหมอหน่อยก็ดีนะครับ”
“ฉันอยากกลับบ้านเราค่ะ”
แดเนียลสบตาดวงโตที่เหนื่อยล้า
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เรากลับบ้านเรากันเถอะ” เขาดีใจที่เธอบอกว่าที่นั่นเป็นบ้านของเรา
นาตาลีมองกิริยาของทั้งคู่อย่างไม่พอใจนัก
แล้วคณะกองถ่ายก็เดินทางกลับเกาหลีอย่างปลอดภัย
แดเนียลพาไอริณไปหาหมอทันทีเมื่อถึงบ้านซึ่งเธอก็ยินยอมแต่โดยดี
“เธอปลอดภัยครับ ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนที่ไหน อาจจะแค่ปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง และอาจจะมีไข้นิดหน่อย พักผ่อนเยอะๆทานยาก็หาย” หมอแนะนำ
เมื่อทั้งสองกลับจากโรงพยาบาล แดเนียลก็เอาใจเธอทุกอย่าง เขาทำงานบ้านและให้เธอพักอยู่เฉยๆ ไอริณได้แต่นึกแปลกใจกับการเปลี่ยนไปของเขา
แดเนียลงดรับงานหลายวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับไอริณ
นาตาลีแวะมาที่บริษัทพบกับฮุน โจที่เดินอยู่ระเบียง
“สวัสดีค่ะคุณฮุน โจ.....สบายดีไหมคะ”
“ครับ แล้วคุณล่ะ”
“สบายดีค่ะ...แล้วนี่คุณยุ่งไหมคะ” เธอถามเขาแต่สายตากับกำลังมองหาใครบางคน
“ว่างครับ...ช่วงนี้ผมว่างมากเลย เพราะแดเนียลเขาลาหลายวัน ทำให้ผู้จัดการแบบผมต้องว่างงานได้ด้วย”
“เขาลาไปไหนคะ” เธอถามอย่างสงสัย
“ก็จะอะไรล่ะ พวกรักเมียจนเว่อร์ นี่ผมก็เพิ่งจะเห็นเขารักใครและแคร์ใครมากขนาดนี้แหล่ะครับ ก็เอาเถอะ เขาเองก็เพิ่งแต่งงานกันไม่นานมันก็เป็นเรื่องธรรมดา คุณไอริณเองก็ออกจะน่ารัก หมอนั่น จะทำอะไรก็เป็นต้องคิดถึงเธอก่อนทุกที มันน่าแปลกไหมล่ะครับ เสือผู้หญิงอย่างหมอนั่นจะมาแพ้ทางผู้หญิงเรียบร้อยแบบคุณไอริณได้” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วขอตัวไปทำงานต่อ
ปล่อยนาตาลีที่ยืนขุ่นเคืองใจอยู่คนเดียว
วันต่อมานาตาลีแอบไปพบไอริณที่ร้าน
“ฉันอยากจะได้คำตอบจากคุณเมื่อไหร่ที่คุณจะปล่อยแดเนียลสักที อย่าลืมนะว่าเรื่องที่พวกคุณสัญญากันเอาไว้ฉันรู้แล้ว”
“คุณอย่าวิตกไปเลย ฉันไม่เคยดึงเขาเอาไว้เลย คุณจะได้เขาไปเมื่อเขาอยากจะไปหาคุณทุกเมื่อ” เธอตอบหนักแน่น
“ก็ดี....” นาตาลีจ้องมองเธออย่างพยาบาท
“คุณก็คอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” น้ำเสียงเธอมุ่งร้ายอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ไอริณสะท้าน เธอลุกเดินจากไปอย่างไม่สนใจ

ไม่นานนักข่าวของแดเนียลที่ต้องการดังโดยแต่งงานกับสาวไทยเพื่อต้องการโปรโมตให้กับสตรูดิโอจัดหาคู่แห่งหนึ่ง การแต่งงานของทั้งสองเป็นเพียงแค่การหลอกลวงทุกคน ข่าวนี้ได้แพร่สะบัดขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เมื่อเขาเจอข่าวในตอนเช้าก็โมโหอย่างมากโทรหาฮุน โจเพื่อให้เขาช่วยหาต้นตอของข่าว ไอริณไม่รู้เรื่องนักเพราะเขาเก็บหนังสือพิมพ์ไม่ให้เธอเห็น
ในตอนสายไอริณไปทำงานที่ร้านบรรดาเด็กในร้านต่างมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ศุภาดาเข้ามาในตอนสายเธอถือหนังสือพิมพ์เข้ามาหาเธออย่างตื่นเต้น
“พี่อุณคะ ได้อ่านหนังสือพิมพ์ของเช้านี้หรือยังคะ” เธอถาม
“ยังเลยพี่ยังไม่เห็นหนังสือพิมพ์เลย ไม่รู้เด็กๆ เอาไปไว้ที่ไหนกัน” เธอตอบ
“มันมีข่าวของพี่ด้วยนะ นี่ไง” ดากางหนังสือพิมพ์ออกให้เธออ่าน
ไอริณรับมาอ่านอย่างงุนงง เมื่อจับประเด็นของข่าวได้เธอถึงกับหน้าถอดสี
“แดเนียล...” เธอครางชื่อเขาเบาๆ แล้วรีบออกจากที่ทำงานทันที

ไอริณไปหาแดเนียลที่ทำงานเขาเองก็แปลกใจที่พบเธอที่นี่
“แดเนียลคะ....”
“ช่างมันเถอะ คุณไม่ต้องสนใจหรอกนะ” เขาดึงเธอออกมาจากห้องทำงานพาเดินไปหามุมเงียบๆ คุยกัน
“แต่มันอาจจะส่งผลกระทบกับงานของคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อาชีพดารากับข่าวมันก็เป็นของคู่กัน คุณอย่าวิตกกังวลไปเลย”
“คุณรักอาชีพดารามากนี่คะ”
“ก็บอกแล้วว่าอย่างกังวลไปเลย” เขากุมพวงแก้มที่ดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดเอาไว้อย่างถนอม
“ทุกอย่างมันมีทางออกอยู่แล้วล่ะ ช่วงนี้คุณก็ไม่ต้องไปไหน อยู่ที่บ้าน เดี๋ยวผมจะจัดการทุกอย่างเอง”
“แต่ฉัน...” เธอพูดได้แค่นั้นแดเนียลก็ดึงเธอมากอดเอาไว้
“ไว้ใจผมเถอะเรื่องนี้เดี๋ยวมันก็จบ” เขาพูดอย่างมุ่งมั่นแต่แววตาก็กังวลไม่ต่างกัน
นาตาลีแอบดูทั้งคู่เงียบๆ ขบกรามแน่นคิดหาทางทำลายความรักของทั้งคู่
แดเนียลเดินไปส่งไอริณก็พบกับบรรดากองทัพนักข่าวที่ตั้งตาคอยสัมภาษณ์อยู่หน้าบริษัท เสียงนักข่าวถามเซ็งแซ่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นพลางเบียดเสียดกันเข้ามาจนชนไอริณล้มลง เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเข้ามาช่วยกันกองทัพนักข่าวออก
“แล้วผมจะให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ ตอนนี้พวกเราจะไม่ตอบคำถามใดๆนะครับ” แดเนียลบอกพวกเขา แต่ก็ไม่ทำให้หยุดความกระหายข่าวของพวกเขาได้
“คุณ รปภ ช่วยพาเธอไปส่งขึ้นรถด้วยครับ” เขาหันไปบอก รปภ ซึ่งก็รีบจัดการให้ทันที
ไอริณมองตามเขาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรได้ เมื่อขึ้นรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้วเธอหันไปมองนักข่าวที่ยังรุมชายหนุ่มอย่างเป็นห่วง แดเนียลเมื่อเห็นเธอปลอดภัยดีแล้วเขาก็รีบปลีกตัวขึ้นชั้นบนโดยมีเจ้าหน้าที่มาช่วย
ไอริณกลับไปถึงบ้านเธอได้แต่นั่งทบทวนเรื่องต่างๆที่ผ่านมาอย่างไม่สบายใจนัก
นาตาลีมาพบเธอที่บ้าน
“คุณก็เห็นใช่ไหมว่า คุณไม่สามารถช่วยเหลือแดเนียลได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบนี้แล้วคุณจะทำยังไง อย่าพยายามคิดว่าจะออกมาแก้ข่าวหรอกนะ เพราะการแก้ข่าวก็เหมือนกับการยอมรับ ทีนี้แหล่ะอานาคตการเป็นดาราของแดลเนียลก็จะพังทันที” เธอพูดอย่างผู้กุมชัยชนะ
“แค่คุณเดินออกไปจากเขาเงียบๆเท่านั้นเอง เรื่องเหล่านี้ก็จะยุติลงทันที คุณก็เลือกเอาแล้วกันนะ ไหนๆก็จะเลิกกันอยู่แล้วนี่นา ก็แค่เร็วกว่ากำหนดเท่านั้นเอง”
ไอริณคิดไคร่ครวญอยู่คนเดียวเงียบๆหลังจากที่นาตาลีไปแล้ว ปุราณแวะมาหาเธอที่บ้านหลังจากทราบข่าวแต่เห็นนาตาลีเพิ่งจะออกจากบ้านของเธอเท่านั้นเองเขาก็เปลี่ยนใจตามนาตาลีไป
คืนนั้นแดเนียลกลับดึกมากหลังจากที่ได้บทสรุปการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ เขาเห็นไอริณนั่งรอเขาอยู่
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“แดเนียลคะ....ฉัน...”
“ไม่เป็นไรหรอกนะ แค่ทุกคนเข้าใจผิด” เขาพูดให้กำลังใจ
“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะคะ พี่สะไภ้กับโจฮานด้วย พวกเขาจะรู้สึกยังไงคะ”
ชายหนุ่มอมยิ้มที่เห็นหน้าเศร้ามีใจห่วงใยครอบครัวของเขา
“พวกเขาชินแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้ผมก็มีข่าวไม่เว้นแต่ละวัน”
“แต่พวกเขาหวังอย่างมากว่าพวกเราจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ถ้าพวกเขารู้ว่าเราหลอกเขา ท่านคงจะเสียใจมาก ฉันไม่อยากให้พวกท่านต้องเสียใจค่ะ ฉันรักพวกท่าน”
เธอเอ่ยพลางซบหน้างกับฝ่ามือพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ตามมาแดเนียลดึงเธอมากอด
“พวกท่านจะดีใจมากหากเราจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ซะที”

ปุราณตามนาตาลีจนถึงโรงแรมของเธอเขาแอบตามจนถึงห้องพักนาตาลีตกใจมากเมื่อเปิดประตูเห็นเขามายืนอยู่หน้าห้อง เขาแทรกตัวเข้ามาห้องเธออย่างง่ายดาย
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง” เธอถามอย่างหวาดระแวง
“คุณไปทำอะไรที่บ้านของไอริณ” เขาถามเสียงดุหน้าขึงขัง
นาตาลีคิดหาทางเอาตัวรอด
“ก็แค่ไปปลอบใจเธอที่มีข่าวไม่ดีเท่านั้นเอง”
“แน่ใจเหรอ” ดูไม่อยากจะเชื่อใจนัก
“ก็ใช่สิ คุณก็น่าที่จะไปปลอบใจเธอเช่นกันนะ ถือว่าเป็นการทำคะแนน” เธอจีบปากจีบคอพูด
ปุราณย่างสามขุมเข้ามาหาจนเธอถอยกรูด
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“ก็แน่สิ...ทำไมฉันจะต้องไปเกี่ยวข้องด้วย ฉันจะไปทำอย่างนั้นทำไม ก็ฉันเป็นเพื่อนกับแดเนียล จะทำลายเพื่อนแบบนั้นได้ยังไงกัน” เธอรับปฎิเสธพันวัน
ปุราณจึงหยุดการข่มขู่
“ฉันแนะนำอย่างผู้หวังดีนะ เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะเข้าไปปลอบใจเธอ หากสองคนนั้นเลิกกันคุณจะได้มีหวังไง”
ปุราณตาลุกวาวบีบคางเธอแน่น
“คนที่มีหวังคือคุณต่างหากล่ะ ก็ไม่ใช่คุณหรอกหรือที่หวังในตัวแดเนียลมาตลอด คุณต้องการให้สองคนนั่นเลิกกันตั้งแต่ต้นแล้ว คุณมันจอมวางแผนอยู่แล้ว”
นาตาลีสบัดตัวจากการคุกคามตัวสั่นคว้าเอาแจกันใกล้มือมาถือเอาไว้
“อย่าเข้ามานะ....ไม่งั้นฉันทุบหัวนายแน่ นายมันโรคจิต ชีวิตนี้ก็อยู่เหี่ยวแห้งไปคนเดียวเถอะ รักเขาชอบเขาแต่ก็ทำตัวเป็นพ่อพระอยู่ได้ ไอ้บื่อ” เธอด่าทอเขาอย่างโกรธแค้นใจพลางทำท่าจะทุบจริงๆ จนปุราณต้องยอมถอยไปเอง
ปุราณอ่านข่าวหน้าหนึ่งในรถและถอนใจอย่างเป็นห่วงไอริณ

รุ่งเช้าแดเนียลแต่งตัวออกจากบ้านแต่เช้า ไอริณเข้ามาช่วยเขาแต่งตัว ใบหน้าเธอดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เอาน่าไอริณ วันนี้มันจะจบแล้วนะ คุณอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เขาโอบเธอเอาไว้
“คุณคอยดูดีๆนะ วันนี้ผมจะให้สัมภาษณ์ให้ทุกคนได้รู้เรื่องของเรา พวกเขาควรรู้เรื่องที่แท้จริงซะที”
ไอริณได้แต่พยักหน้าเธอส่งเขาขึ้นรถแล้วก็กลับเข้ามาในห้องเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแล้วเก็บลงกระเป๋าน้ำตาเธอไหลรินเมื่อหยิบหมอนแดเนียลขึ้นมากอดเอาไว้กับอก
ไอริณไปบ้านมิร่า ซึ่งเธอก็ได้พบกับใบหน้าที่บึ้งตึงของแม่สามี แต่ฮูนามินมีสีหน้าเห็นใจเธอ

“เธอยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ” นางต่อว่า
ไอริณก้มลงกราบมิร่าที่ทำท่าทีหมางเมินกับเธอ
“คุณแม่คะ หนูอยากให้คนที่เข้าใจเรามากที่สุดคือคุณแม่ คุณพ่อ และพี่ๆ เพราะทุกคนสำคัญกับเราที่สุด และไม่อยากที่จะให้ทุกคนเข้าใจผิด เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของหนูเองค่ะ หนูเป็นขอให้เขาทำสัญญาขึ้นมาเอง เราไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกหรือว่าหลอกทุกคนเลย หนูดีใจ ดีใจมากด้วยซ้ำที่ได้มาอยู่กับคุณแม่ มาอยู่ที่นี่ ทุกคนใจดีกับหนู และหนูก็รักทุกคน จนไม่อยากที่จะจากไปไหน อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากหัวเราะกับคุณแม่ นั่งทานข้าว ดูหนังกัน ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่หนูอยากจะทำกับคุณแม่ คุณพ่อ และก็พี่ๆ” น้ำตาเธอไหลอาบสองแก้ม
มิน่าเองก็เริ่มใจอ่อนพอเห็นลูกสะไภ้ร้องไห้ก็อดที่จะน้ำตาคลอไม่ได้แต่ก็มีทิฐิ
“เธอก็รู้ว่าฉันหวังกับเธอมากขนาดไหน ฉันอยากมีหลาน อยากให้พวกเธออยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่นี่อะไรพวกเธอหลอกฉัน”
“หนูผิดเองค่ะคุณแม่ หนูขอโทษ คุณแม่ให้อภัยด้วยนะคะ”เธอก้มลงขออภัยมิร่า
ฮูนามินเข้ามาจับเธฮลุกขึ้น
“คุณแม่คะเธอสำนึกผิดแล้วนะคะ ข่าวที่ออกมาก็เป็นเรื่องที่เลวร้ายแล้ว เราก็น่าที่จะเข้าใจพวกเขามากกว่าใครๆนะคะ เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าการแต่งงานของทั้งสองก็เพราะเขาเจอกันที่สตรูดิโอจัดหาคู่ เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรสักหน่อย”
“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่เรื่องที่พวกเธอทำสัญญาแยกห้องกันนอนอะไรนั่นล่ะ ฉันยอบรับไม่ได้หรอกนะ” นางเมินหน้าหนี
ฮูนามินหันมองหน้าน้องสะไภ้อย่างเห็นใจ
ไอริณคลานเข้ามากอดขามิร่า
“คุณแม่ขา...คุณแม่ยกโทษให้หนูเถอะนะคะ หนูผิดไปแล้วที่ทำสัญญาแบบนั้น และหนูก็ตั้งใจที่จะมาลาคุณแม่ หนูไม่อยากให้คุณแม่โกรธหนูทั้งที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
มิร่าตกใจกับการบอกกล่าวของลูกสะไภ้คนเล็กเธอจับร่างบางขึ้นมานั่งบนโซฟา
“อะไรนะ เธอพูดว่าไงนะ”
ไอริณสะอื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม
“หนูตั้งใจว่าจะมาขอโทษคุณแม่และก็ลาคุณแม่เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำเรื่องไม่ดี หนูจะขอกลับเมืองไทยเพื่อให้ข่าวที่เกิดขึ้นสงบลง”
“เธอจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ เธอคิดจะหนีปัญหาเหรอ ตอนนี้พวกเธอต้องอยู่ด้วยกันสิ” ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปทันทีเมื่อลูกสะไภ้ทำเหมือนจะเลิกกับลูกชายเธอ
“ใช่นะ ไอริณ เธอจะต้องอยู่สู้กับทุกอย่าง การหนีไปแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่ามันเป็นจริง”
“มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะ หลักฐานที่พวกเขาเอาออกมาโชว์ มันเป็นของจริง มันมีลายเซ็นต์ของเราด้วย”
“เราสามารถสร้างภาพกลบข่าวได้ ยังไงเธอก็ไม่ควรไป”
“คุณแม่ค่ะ ในเมื่อเรื่องกันเกิดขึ้นเพราะเราสองคน เราก็ต้องช่วยกันแก้ค่ะ จะปล่อยให้แดเนียลเขาต้องลำบากคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ เราอยู่ห่างกันสักพักข่าวอาจจะเงียบลงก็ได้นะคะ”
มิร่ากับฮูนามินสบตากันดูเหมือนการเปลี่ยนใจไอริณเป็นเรื่องยาก
“ก่อนหน้านี้หนูเคยตั้งใจไว้ว่าเราจะอยู่ด้วยกัน 1 ปี แล้วเลิกกัน แต่พอมาใช้ชีวิตอยู่กับเขาจริงๆ แดเนียลเป็นคนดี เขาไม่เคยทิ้งหนูให้ต้องลำบากอยู่เดียว เขาเป็นพื่อนที่ดี เป็นพ่อบ้านที่ดี และเป็นสามีที่ดี จนหนูอยากจะฉีกสัญญาบ้าๆ ที่เขียนเอาไว้ตั้งแต่ทีแรกทิ้งซะ และก็ใช้ชีวิตอยู่กับเขาตลอดไป แต่การใช้ชีวิตคู่มันก็มีเรื่องมากมายให้เราได้เจอและแก้ไข หนูจะปล่อยให้เขาต้องทุกข์ใจเพราะเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ หนูเองก็ทุกข์ใจที่ต้องจากเขาไปแต่สักวันมันจะต้องดีค่ะ หนูเชื่ออย่างนั้น” เธอพูดพร้อมน้ำตาที่รินไหล
มิร่าดึงเธอมากอด
“จะอย่างนั้นก็ได้ แม่ก็คงห้ามเธอไม่ได้ ยังไงแม่ก็จะรอเธออยู่ที่นี่นะ”
ไอริณปล่อยน้ำตาอาบไหล่อวบอิ่มของเธออย่างสุดกลั้น ฮูนามินมองอย่างเศร้าใจ

แดเนียลเปิดการสัมภาษณ์กับทุกสื่อที่มาในวันนี้
“เราจะไม่ตอบคำถามใดๆของทุกท่านนะครับเพื่อความสงบสุข โปรดให้ความร่วมมือด้วยนะครับ ดังนั้นอย่าตั้งคำถามใดๆทั้งนั้น” ฮุน โจ เอ่ยเปิดงานก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวขึ้นมาทุกคนต่างซุบซิบกันเสียงระงม
“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ด้วยนะครับ ผมแดเนียล โรลล์ จะขอเปิดใจพูดทุกสิ่งที่พวกคุณสงสัยกันมาตลอด เรื่องราวระหว่างผมกับภรรยานั้น อันที่จริง มันเกิดขึ้นที่ข้างถนน วันที่ผมวิ่งหนีเหล่าสาวๆ ไปอย่างสุดชีวิตจนชนกับเธอเข้า แล้วเราก็เกิดเรื่องเข้าใจผิดจนถูกจับเข้าสถานีตำรวจ” เขาขำเมื่อนึกถึงตอนนั้น
“ไม่รู้เธอจะจำได้หรือเปล่า วันนั้นผมไปส่งเธอที่โรงแรม เธอได้ทำพาสปอร์ตหล่นในรถแท็กซี่ ทีแรกผมนึกว่าเธออ่อยผมหรือเปล่า แต่ก็เปล่า เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นดารา และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของพรมหลิขิตของเรา”
“เธอต้องอยู่ที่เกาหลีเป็นเวลา 10 วันเพื่อทำพาสปอร์ตใหม่ และผมเองก็ตามหาเธอเพื่อเอาพาสปอร์ตคืนแต่เราก็คลาดกันทุกที จนวันหนึ่งผมไปถ่ายหนังแถวสตรูดิโอจัดหาคู่ ผมซื้อตั๋วทางเดินห้องพรหมลิขิตเพื่อหลบบรรดาแฟนคลับ บังเอิญ...ไม่ใช่สิ เพราะพรหมลิขิตมีจริง ผมได้พบเธอในทางเดินที่นำเราไปสู่การพบกับ พรหมลิขิตเธอมีด้ายสีแดงที่นิ้วก้อย ผมมองเห็น และเป็นเส้นเดียวกับที่ผูกที่นี้ก้อยของผม” เขาชูนิ้วมือข้างซ้ายขึ้น
“และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ผมจะได้มีเธอในชีวิตจนถึงวันนี้ แต่เธอก็เขียนสัญญาขึ้นมา เพราะเธอยังไม่มั่นใจในตัวผม และเราเองก็ยังไม่รู้จักกันดีพอ แต่ในวันนี้ผมมั่นใจ ว่าที่ผ่านมานั้นมันวิเศษแค่ไหนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเธอ ผมไม่รู้หรอกว่าประทับใจเธอตรงไหน? แต่รู้เพียงแต่ว่าชอบทุกๆอย่างที่เป็นเธอ มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวอยู่สักหน่อยที่ผมจะดึงเธอมาใช้ชีวิตอยู่กับผมตลอดไป ขอให้ทุกคนโปรดเข้าใจและเห็นใจพวกเรา ผมไม่เคยที่จะนำเรื่องนี้มาเป็นเครื่องมือโปรโมตให้ชีวิตเด่นดังกว่าที่เป็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพรหมลิขิต....ที่ทำให้เราเดินทางมาพบกันที่นี่ และมีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกให้เธอรู้ ก็คือผมรักเธอ...” ชายหนุ่มพูดด้วยความหนักแน่นและมั่นคง

ขณะเดียวกันไอริณกำลังเก็บของใส่กระเป๋าช้าอย่างอย่างเศร้าใจ เธอหยิบหมอนแดเนียลที่เธอชอบทำร้ายมันเป็นประจำขึ้นมามองแล้วยิ้มทั้งน้ำตา มองดูเตียงนอนอย่างอาลัย เดินออกจากห้อง มองไปทางห้องแดเนียลที่อยู่ตรงข้าม เธอเข้าไปในนั้น มองดูรูปแต่งงานของเธอกับเขาที่แขวนอยู่ผนังห้อง และที่หัวเตียงเขาก็ยังมีรูปเธอที่เขาแอบถ่ายตอนไปไหว้บรรพบุรุษที่หุบเขาอันดง มันเป็นชุดฮันบกชุดแรกที่เธอได้จากเขา ไอริณหยิบมันขึ้นมาดูเธอปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มแล้ววางมันลงตามเดิม ลงมาจากชั้นบนมองดูห้องรับแขกกับห้องครัว มันก็ยิ่งทำให้เธอเศร้าใจ ภาพเธอกับเขาที่ทำอะไรด้วยกันปรากฏอยู่ตรงนั้นเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นาน ไอริณลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้าน เธอหันหลังมองมันแล้ว มองอีกจนขึ้นรถแท็กซี่จากไป

บรรดานักข่าวต่างเงียบงัน จนฮุน โจปรบมือขึ้นทำลายความเงียบนั้น ทุกคนปรบมือตาม ชายหนุ่มยิ้มอย่างยินดี มีเพียงนาตาลีที่ยืนกอดอกอยู่ข้างเวทีอย่างไม่ชอบใจ แต่เมื่อเธอรับโทรศัพย์จากสายที่รายงานเธอมาเท่านั้นก็ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
เมื่อแดเนียลออกจากเวที ฮุน โจเข้ามายินดีกับการแถลงข่าววันนี้เขาพูดได้ดีมากและดูเหมือนทุกคนจะพูดกันไปในทางที่ดี แดเนียลได้แต่ยืนยิ้ม นาตาลีวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขา
“แดเนียลคะ แย่แล้วค่ะ มีคนแจ้งมาว่าพบไอริณที่สนามบินกับคุณปุราณ ท่าทางเขาทั้งสองจะเดินทางไปด้วยกันค่ะ”
แดเนียลได้รับข่าวเขานิ่งงันอย่างคาดไม่ถึงนักแล้วออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ฮุน โจวิ่งตามมาตะโกนถามเขาว่าจะไปไหน
“ผมจะไปที่สนามบิน” เขาตอบขณะขึ้นรถ
“ใจเย็นๆนะคงไม่มีอะไรหรอก” ฮุน โจเอ่ย
“คงไม่มีอะไรหรอก เธอจะไปที่สนามบินทำไม” แดเนียลใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายก็แล้วกัน”
นาตาลีที่ตามมาอีกคน
“ฉันขอไปด้วยนะคะ” เธอก้าวขึ้นข้างคนขับทันที
แดเนียลขับรถเร็วอย่างใจร้อน
“เอ่อ ไม่รู้ว่าฉันจะเล่าให้คุณฟังดีไหมคะ” นาตาลีเอ่ยทำลายความเงียบหลังจากที่ทุกคนต่างใจจดจ่อกับจุดมุ่งหมายจนเกินไป
“จากแหล่งข่าวเขาบอกมาว่า ข่าวทั้งหมดที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโปรโมตการแต่งงาน การทำสัญญาระหว่างคุณกับไอริณ และการสร้างข่าวเพื่อต้องการดัง ไอริณเธอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด
แดเนียลจอดรถอย่างรวดเร็วเมื่อเจอไฟแดงจนทั้งสองที่นั่งมาด้วยหัวทิ่ม
“ที่ฉันพูดเนี่ยไม่ต้องการให้พวกคุณเข้าใจกันผิดนะคะ” เธอแสร้งทำสีหน้าและน้ำเสียงสำนึกผิด
แดเนียลมองเส้นทางข้างหน้าอย่างฝ่ามัว
“เขาจะทำอย่างนั้นทำไม?” เขาถามเสียงสั่นพร้อมอารมณ์ฟุ้งซ่าน
“เพราะคุณปุราณค่ะ เขากำลังจะเดินทางไปเมืองไทยด้วยกัน คุณคงไม่ทราบว่าเขาทั้งสองแอบชอบกันอยู่” นาตาลีสร้างเรื่องโกหกได้แนบเนียน
แดเนียลหันมามองเธอ
“กล้าดียังไงถึงทำแบบนั้น?” สายตาที่แดงกล่ำอย่างโกรธสุดชีวิตพร้อมกับเสียงตะคอกที่ดุดันทำเอานาตาลีอกสั่นเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน
“ก็เขา...อยากจะไปใช้ชีวิตด้วยกันที่เมืองไทยนิคะ” เธอตอบเสียงสั่น
ฮุน โจเห็นอาการไม่ดี
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้งแดเนียล คุณไอริณคงไม่ใช่คนแบบนั้น นายใจเย็นๆก่อนนะ”
แดเนียลขบกรามแน่นจนเป็นสั่นนูน เขาออกรถอย่างเร็วจนผู้โดยสารทั้งสองเกือบตกเบาะ
“แดเนียลนายใจเย็นๆ ก่อนนะ นายอย่าขับรถเร็วจนเกินไป มันอันตราย” ฮุน โจตะโกนบอก
แต่ตอนนี้หูเขามันอื้อจนไม่ได้ยินข้อความเหล่านั้นแล้ว ใจของเขากำลังวิ่งไปที่สนามบินเร็วกว่ารถวิ่งเสียอีก เขาอยากจะไปเห็นกับตาว่ามันจริงหรือที่ไอริณกำลังจะทิ้งเขาไป มันเป็นเรื่องจริงหรือผู้หญิงที่เขาเพิ่งจะสารภาพรักต่อหน้าทุกคน กำลังจะไปกับผู้ชายอื่น แล้วที่เขาทำวันนี้มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยอย่างนั้นเชียว ความโกรธพุ่งมาจุกที่อกจนเขาตัวสั่นเทิ้ม ทุบพวงมาลัยอย่างโมโหเมื่อเจอไฟแดง นาตาลีได้แต่แอบยิ้มที่แผนการของเธอสำเร็จไปอีกขั้น
เมื่อมาถึงสนามบินแดเนียลลงจากรถได้ก็วิ่งสุดชีวิต ตามองหาผู้หญิงไทยรูปร่างบอบบางที่คุ้นตา เขาตะโกนเรียกชื่อเธออย่างไม่อายใคร ฮุน โจกับนาตาลีวิ่งตาม เขาทันได้เห็นหลังไอริณที่กำลังเดินเข้าประตูผู้โดยสารขาออกไปแล้วเขาเห็นหลังผู้ชายที่เดินข้างๆเธอ เขายังคิดว่าเป็นปุราณแต่ที่จริงแล้วเป็นนักศึกษาไทยที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านแดเนียลล้มลงคุกเข่าอยู่ตรงนั้นแดเนียลยังตะโกนหาไอริณอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนหันมามองเขาอย่างแปลกใจและตกใจ ฮุน โจวิ่งเข้าไปฉุดเขา
“แดเนียลใจเย็นๆ คนมองกันใหญ่แล้วกลับเถอะ เดี๋ยวตกเป็นข่าว” ฮุน โจเข้ามาฉุดเขาออกไป นาตาลีเข้ามาช่วยพยุงเขาอีกแรงแล้วทั้งสองก็พาชายหนุ่มมาขึ้นรถจนได้
แดเนียลนั่งเบาะหลังอย่างหมดอาลัยตาอยาก ทุกคนต่างเงียบ ฮุน โจขับรถเรื่อยๆ
“เออ...แดเนียลคะ...ฉันว่าคุณไอริณคงมีเหตุผลของเธอนะคะ”
“ลงไป...” เขาออกปากไล่เธอทันที จนเธอตกใจ
“คุณอย่าเข้าใจเธอผิดเลยนะคะ” นาตาลียังแสร้งทำหน้าผู้ดีพูดปลอบเขา
“ไป๋......ไปให้พ้น...”
“ไม่เอาน่าแดเนียล นายใจเย็นๆก่อนนะ” ฮุน โจพูดอีกคน
“จอดรถเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่ง
“ฉันบอกให้จอดรถ...” เขาตะคอกเสียงดังจนฮุน โจจำต้องจอดรถข้างทาง
แดเนียลลงจากรถแล้วเดินหนีไปทันทีมิใยที่นาตาลีจะลงจากรถและเรียกเขาไว้ก็ตาม ฮุน โจต้องลงมาฉุดเธอกลับขึ้นรถ
“ปล่อยเขาไปเถอะครับ ตอนนี้เขาคงอยากจะอยู่คนเดียว”
“แต่...”
“เถอะครับ” เขาขอร้องเธอ นาตาลีจึงจำยอมตามนั้นแม้จะพยายามมองตามหลังของแดเนียลที่เดินหายไปแล้วก็ตามที
แดเนียลเดีนไปเรื่อยๆ อย่างคนอารมณ์ร้าย แตะต่อยกับกำแพงข้างทางเหมือนคนบ้า หลายคนที่จำเขาได้ต่างชี้ชวนให้ดูว่าเป็นเขา ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจใคร ชายหนุ่มเดินมานานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ จนพระอาทิตย์ลับฟ้าไปรอบกายตอนนี้แสงไฟตามท้องถนนและบ้านเรือนเริ่มเปิดขึ้นมา เขาก็ยังคงเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาเขาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอและไหล แดเนียลปาดมันทิ้งไป
เขานึกย้อนถึงวันเวลาที่เคยมีไอริณอยู่ด้วย คิดถึงสีหน้ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แม้กระทั่งหน้าตาเหยเกเวลาที่เธอชอบทำ มันยิ่งตอกย้ำรอยกรีดในหัวใจเขาจนเจ็บปวด ชายหนุ่มต่อยกำแพงข้างทางจนมือแตกมันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไร เท่ากับความเจ็บในใจ
จนเกือบเที่ยงคืนเขากลับมาถึงบ้านอย่างอ่อนแรงเห็นบ้านที่ปิดสนิทเงียบไม่มีคนแล้วใจหาย เดินเข้าไปในบ้านมองไปรอบห้องที่ว่างเปล่า มองดูรูปแต่งงานที่วางอยู่ข้างบันไดขึ้นห้องเขาเดินเข้าไปลูบภาพของไอริณช้าๆ มองขึ้นไปชั้นบนเดินไปที่ห้องของเธอคิดว่าเธออาจจะยังอยู่ในนั้น แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเพราะเวลานี้ไม่มีเงาของเธอแล้ว เขาเห็นสมุดบันทึกของเธอวางอยู่บนโต๊ะ ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาอ่าน
“ถึงแดเนียล....
ฉันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฉันเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรคุณได้ ที่ผ่านมาฉันขอบคุณคุณมากที่เป็นทั้งเพื่อน พี่ และสามีที่ดีของฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมเรื่องของเราในช่วงเวลานี้ไป รวมทั้งคุณพ่อ คุณแม่และพี่ๆ ฉันชอบพวกท่านมาก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นฉันเสียใจมากฉันไม่อยากให้ทุกคนต้องเสียใจเพราะฉัน ดังนั้นฉันขอไปจากทุกคนเอง คุณไม่ต้องตามหาฉันหรอกค่ะ ขอให้คุณเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี ฉันขอให้คุณผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้
ไอริณ”
แดเนียลขย้ำมันทิ้งอย่างโกรธแค้น
“เธอจะพูดอย่างนี้ทำไมไอริณ.....คุณเข้ามาในชีวิตผม คุณทำให้ฉผมรัก แล้วคุณก็ทิ้งผมไป คุณปล่อยให้ผมต้องอยู่กับความเสียใจคนเดียว...คุณมันเห็นแก่ตัวที่สุด” เขาขว้างสมุดเข้าข้างฝาอย่างแรงพร้อมกับนั่งลงร้องไห้อย่างเสียใจ

รุ่งเช้ามิร่ามาหาแดเนียลแต่เช้า นางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเขานอนกอดขวดเหล้าที่ห้องรับแขก
“แดเนียลนี่.....แดเนียล....ทำไมกินเหล้ามากมายขนาดนี้ล่ะ” นางเขย่าตัวลูก
แดเนียลลืมตาขึ้นมาดู
“แม่เองเหรอ...แม่มาทำไม”
“ก็มาดูน่ะสิ ไอริณ..บอกว่าจะกลับเมืองไทย จริงเหรอ?” มิร่าถามพลางมองหาลูกสะไภ้
“เออะ....คงจริงมั้ง”เขาตอบแล้วลุกโซเซไปหาเหล้าขวดใหม่
“แล้วนี่อะไรของแก...เลิกกินได้แล้ว” นางเข้าไปยื้อขวดเหล้าจากแดเนียล
“แกจะกินอะไรขนาดนี้”
“ผมจะกินให้มันเมาไปเลย แม่ไม่ต้องมาสนหรอก”
“แกจะกินไปเพื่ออะไร...ฉันไม่ให้แกกิน ดูสิสภาพดูไม่ได้เลยนะ” นางแย่งขวดเหล้ามากอดไว้
แดเนียลเห็นไม่เป็นท่าเลยหันไปหาขวดใหม่แทน แต่ก็โดนมิร่าแย่งมาอีก
“แม่..........อย่ามายุ่งกับผมจะดีกว่า” เขาหันมาต่อว่า
“แกนิ...” นางเหลืออดเลยเขกหัวลูกชาย 1 ที จนแดเนียลร้อง จากนั้นก็จิกหัวลากออกมาจากครัว นางทุบตีเขา
“แม่...แม่ตีผมทำไม” แดเนียลร้องโอดโอย
จนในที่สุดเขาก็นั่งคุกเข่าสำนึกผิดตรงหน้าแม่
“แกจะมาทำตัวแบบนี้ไม่ได้นะ ไปตามเขาสิ ถึงเขาจะไปแกก็ไปตามเขากลับมาสิ”
“ทำไมผมต้องไปตามด้วยล่ะ เขาอยากไปเองนิครับ”
“ใครบอกว่าเขาอยากไป”
“เขาเอง...เขาทิ้งผมไปเองนะ เขาต้องการไปเอง”
“นี่ฟังแม่นะ....แม่อยากให้แกไปตามเขา เรื่องพวกนี้มันก็เป็นแค่ข่าว ไอริณเขายังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ แกจะต้องช่วยทำให้เธอเข้าใจ”
“มันเป็นความต้องการเขาเองนะแม่ และอีกอย่างเขาไม่น่าทิ้งผมในเวลาแบบนี้” เขาพูดหน้าเศร้า จนมิร่าสะเทือนใจ
“ยังไงก็ลองคุยกับเขาก่อนสิ”
“ผมจะไม่กลับไปหาเขาอีก เพราะเขาเลือกที่จะเดินจากผมเอง” ชายหนุ่มคิดถึงคำพูดของนาตาลีที่ว่าเธอเดินทางกลับเมืองไทยกับปุราณแล้วมันเจ็บแปปที่อกทันที
มิร่าเลยกลับไปอย่างผิดหวังที่พูดกับลูกชายไม่สำเร็จ.........
แดเนียลมองดูบ้านที่มันว่างเปล่า อยู่คนเดียวแล้วทนไม่ได้ เพราะเขามักจะเผลอคิดว่าไอริณอยู่ตรงที่ที่เธอเคยอยู่ จะเหลียวมองไปทางไหนเขาก็เห็นภาพเก่าๆที่เคยมีเธออยู่ตรงนั้น จะทำอะไรก็ยังคงมีเธอมาวนเวียนไม่หาย เขาเจ็บปวดใจกับการคิดถึงเธอและการทรยศของเธอ สุดที่จะทนเขาจึงย้ายไปอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มปล่อยตัวทรุดโทรมจนไม่เหลือเคร้าของดาราหนุ่มผู้โด่งดัง



Create Date : 17 เมษายน 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 7:35:49 น.
Counter : 911 Pageviews.

1 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]