เมษายน 2553

 
 
 
 
2
3
4
6
10
11
12
13
14
15
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
สัญญาข้อที่ 11


เช้าวันต่อมาไอริณไปทำงานในตอนเช้า
เสื้อผ้าที่เธอตัดเย็บถูกนำมาแสดงหน้าร้าน ไอริณได้แต่ตื่นเต้นที่ฝีมือของเธอจะถูกขายที่ต่างเมืองแบบนี้ เกาหลีขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแฟชั่น ถ้าเธอตามที่นี่ได้ทันนั่นก็แสดงว่าฝีมือเธอได้ก้าวมาได้อีกขั้นหนึ่งแล้ว และเธออยากจะก้าวข้ามที่นี่ไปอีกขั้น
วันแรกนี้มีลูกค้าสนอกสนใจมากมาย เด็กที่ร้านเองก็ชื่นชมฝีมือเธอ
เย็นนั้นไอริณจึงแวะเอาชุดที่เธอได้เลือกเอาไว้ให้มิร่าและฮูนามินไปให้ทั้งสองที่บ้าน
“สวยจังเลยจ๊ะ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะฝีมือดีขนาดนี้” มิร่าเอ่ยชม
ฮูนามินเอาชุดแซคไปลอง
“เป็นไงบ้างคะคุณแม่” เธอถาม
ชุดสีเขียวเปลือกไม้ไล่ลูกเล่นด้วยดอกไม้สีเปลือกไม้ดูเข้ากันดีขับกับผิวขาวของฮูนามินยิ่งดูดีใหญ่
“สวยมากเลยจ๊ะ ฮูนามินใส่แล้วเหมาะมากๆ”
“ฝีมือดีมากเลยนะ อย่างนี้ร้านเราคงจะไปได้ดีมาก” เธอชม
“ค่ะ ฉันจะพยายามค่ะพี่ คุณแม่” ทั้งสามสาวหัวเราะชอบใจ
เย็นนั้นไอริณทานข้าวที่บ้านแม่สามีก่อนจะกลับบ้าน
“แล้วแดเนียลจะกลับวันไหนล่ะ” มิร่าถาม
“คงจะกลับคืนนี้ค่ะ”
“ที่จริงเธอน่าจะไปกับเขานะ ไปเที่ยวด้วยจะได้รู้จักเกาหลีมากขึ้น”
“เออ....ก็เขาไปทำงานกันนิคะ ฉันเกรงใจค่ะ”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย ดาราหลายคนเขาก็พาครอบครัวเขาไปไหนมาไหนด้วยบ่อย”
“เขาไม่กลัวเรตติ้งตกหรือคะคุณแม่”
“555....เธอนี่ เข้าใจพูดนะ เรื่องนั้นแม่ก็ไม่แน่ใจหรอก เรตตงเรตติ้งอะไรนั่นแม่ไม่ค่อยสนใจเพราะแดเนียลเขามีแม่ยกเยอะ เพื่อนๆ ของแม่ต่างก็ชอบเขาเยอะออก”
“ออ.....” เธอเออออไปกับมิร่าแม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าแดเนียลจะโด่งดังขนาดไหน
เย็นนั้นฮูนามินเป็นคนไปส่งเธอที่บ้าน
“เธอน่าจะค้างที่บ้านกับเรานะ เพราะคุณพ่อกับโจฮานก็ไม่อยู่”
“แดเนียลอาจจะกลับมาคืนนี้ค่ะ ฉันกลัวเขาจะตกใจที่ไม่เห็นฉัน”
“ฮืม.....คงจะใช่นะเพราะวันก่อนที่เธอไม่อยู่บ้านเขาก็โทรไปถามฉันเหมือนกัน…ยังไงถ้าจะไปไหนก็โทรบอกเขาด้วยก็แล้วกัน”
“ค่ะพี่ ขอบคุณค่ะที่มาส่ง”
ไอริณเข้าบ้านมืดแล้วแต่แดเนียลยังไม่กลับ เธอเอาผ้าออกมานั่งออกแบบรอเขา
แดเนียลกลับมาดึกมากแล้ว
“ผมกลับมาแล้ว”
“มาแล้วเหรอคะ” เธอเดินออกไปรับเขาท่าทางดีใจที่เขากลับมา
“ทานอะไรหรือยังคะ” เธอถาม
“ยังเลย” สายตาเขาดูเหน็ดเหนื่อย ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟา ไอริณรินน้ำเย็นๆมาให้ทาน
“งั้นกินบะหมี่ไหม” เธอถาม
“นี่คุณจะให้ผมทานบะหมี่ ทั้งที่เหนื่อยๆ แบบนี้น่ะ”
“ก็นี่มันดึกแล้ว....เฮอะน่าเดี๋ยวฉันจะทำสุดฝีมือเลยนะ”
พูดแล้วเธอก็หายเข้าไปในครัว
ไม่ถึง 15 นาที บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แดเนียลรู้จักก็ปรากฏตรงหน้า
“นี่อะไรน่ะ”
“ก็บะหมี่ไง ไม่เคยทานแบบนี้เหรอ ทานสิ อร่อยนะ”
ชายหนุ่มเขี่ยบะหมี่อย่างแปลกใจ มีไข่ เต้าหู้ เห็ด หมูบดและผักกาด ผสมอยู่ในชามบะหมี่ด้วย
“กินได้นะ”เขาถาม
“งั้นเอามานี่” หญิงสาวแย่งจะทานเอง
“ม่ายๆๆๆ” เขาแย่งคืนแล้วรีบกินอย่างรวดเร็ว
“ฮืม...” เสียงอู้อี้จากปากเขาจะด้วยเพราะหิวมากหรือว่าอร่อยก็สุดจะเดา
“เป็นไงคะ”
“อร่อยดี” เขาตอบ ไอริณได้แต่อมยิ้ม
“คุณทำบะหมี่ได้แปลกจริงๆ”
“ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน เวลาฉันต้มบะหมี่ทานฉันก็ใส่ของพวกนี้ลงไปด้วย เพราะลำพังแค่เส้นบะหมี่ก็ไม่ค่อยมีสารอาหารอะไรมากอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ
“แดเนียล ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ”
“ฮือ....”
“ฉันจะไปเรียนภาษาเกาหลีค่ะ”
“ฮืม..ก็ดีนิ จะได้คุยกับใครๆเขารู้เรื่อง”
“ก็แหง๋....ล่ะเวลาที่คุณด่าฉันด้วยภาษาเกาหลีฉันจะได้รู้ไง”
“นิคุณ....ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ผมไม่เคยด่าคุณซะหน่อย”
“ทำไมจะไม่เคยล่ะ ยัยหนอนเอย ยัยบ๊องเอย แล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก”
ชายหนุ่มถียงไม่ออกยัดบะหมี่ใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
“อ้อ....เดี๋ยวฉันจะไปนอนแล้วนะเพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปหาครูแต่เช้าคุณช่วยเก็บชามด้วยก็แล้วกันนะ” เธอสั่งแล้ววิ่งหายขึ้นบ้านไป
แดเนียลได้แต่มองตามแล้วบ่นพรึมพรำแต่เขาก็หันไปสนใจบะหมี่แทน

แดเนียลไปส่งไอริณตามที่เธอแจ้งที่อยู่ของครูสอนภาษาให้
“ครูผู้หญิงหรือผู้ชาย”เขาถาม
“ฉันไม่แน่ใจหรอกค่ะ”
“ผมรู้จักครูสอนภาษาเกาหลีเยอะนะ ผมก็เคยเข้าคอร์สมาก่อนคุณจะลองเรียนที่เดียวกันกับผมไหมล่ะ”
“ไม่เอา ก็คนที่สอนฉันเขาเป็นคนไทย เขาสามารถคุยภาษาไทยกับฉันได้ เวลาที่ฉันไม่เข้าใจเขาจะได้อธิบายเป็นภาษาไทย ถ้าครูของคุณก็คงเป็นคนเกาหลีล่ะสิ แบบนั้นจะคุยกันรู้เรื่องไหมล่ะ”
“ฮืม.....ก็ตามใจจะให้ผมรอไหม”
“คงไม่นานหรอก แค่มาลงทะเบียนแล้วเอาคอร์สเรียนกลับ คุณรอฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่เคยมาแถวนี้ฉันกลัวหลงทาง” เธอทำหน้าอ้อน
ชายหนุ่มนึกขัน
“เฮอะ.....อย่างคุณน่ะไปทางไหนก็ชอบหลงทางอยู่แล้ว”
“เชอะ......ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยนินา” เธอบ่นก่อนจะลงรถ
หญิงสาวเดินเข้าไปข้างใน
“ขอโทษนะคะดิฉันมาติดต่อเรื่องเรียนภาษาเกาหลีค่ะ” เธอสอบถามเจ้าหน้าที่
“คุณเป็นคนไทยหรือเปล่าคะ” เขาถามเจ้าหน้าที่ซึ่งก็ยิ้มต้อนรับเธอ
“ค่ะ ฉันเป็นคนไทย”
“ดีจริง...”
“สนใจคอร์สไหนคะ”
“ฉันต้องการเรียนทุกวันค่ะ หลัง 5 โมงเย็น”
“ก็มีคอร์ส 3 เดือนค่ะ เรียนทุกวัน 5 โมงครึ่ง – 6 โมงครึ่ง หยุดวันอาทิตย์ อาจารย์สอนเป็นคนไทย หนุ่มหล่อนักการฑูตด้วยนะคะ ในชั้นนี้รับแค่ 10 คนค่ะ เพื่อให้ทุกคนเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว”
“อ้อค่ะ....ตกลงเอาคอร์สนี้ค่ะ เท่าไหร่คะ”
“คอร์สละ 5.5 พันล้านวอน ค่ะ”
“โอ้วว...” หญิงสาวทำตาโต บ่นพรึมพรำอยู่คนเดียวแต่ก็ควักตังจ่ายค่าเรียนไป
“เริ่มเรียนอาทิตย์หน้านะคะ นี่หนังสือและตารางเรียนค่ะ”
หญิงสาวรับมาแล้วเดินกลับไปขึ้นรถ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“ค่าคอร์สเรียนตั้ง 5.5 พันล้านวอนเลยนะคะ” เธอบอกเขา
“ไม่เท่าไหร่หรอกน่ะ เป็นการซื้อความฉลาดให้กับชีวิต”
“นี่คุณหาว่าฉันโง่หรือไงคะ”
“เปล่า” ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มอารมณ์ดี
เมื่อมาถึงร้านไอริณยังคงนั่งออกแบบเสื้อผ้าสำหรับเดือนแห่งความรักที่กำลังจะมาถึงแล้ว
“อาทิตย์หน้าแล้วซินะ ช่วงนี้สีที่สดใส อย่างชมพูและสีฟ้า หรือไม่ก็น่าจะเอาสีเขียวสดใสมาช่วงแต่งแต้ม เอหรือจะเป็นสีเหลืองดี….ทำไมฉันเป็นคนหลายใจแบบนี้” เธอใช้สองมือตบที่หัวตัวเองเบาๆ
มองออกไปข้างนอกยามนี้ฝนหลงฤดูก็โปรยปรายลงมาอย่างมีปี่มีขลุ่ยทั้งที่แดดยังจ้าอยู่ ไอริณเห็นแสงของรุ้ง 7 สีฉายตามละอองฝน นอกจากนั้นรุ้งกินน้ำยังเกิดการหักแหแสงจนเกิดรุ้งกินน้ำอีกเส้นหนึ่ง
“ว้าวววว...สวยจริงๆ อึม...ใช่สินะ สีรุ้ง 2 เส้น” เธอเหมือนมีความคิดเกิดขึ้นแล้วลงมือวางเส้นลงบนกระดาษออกแบบ

ไม่นานนักชุดที่เธอออกแบบเอาไว้ก็ถูกมาแขวนประดับหน้าร้าน ชุดที่เธอออกแบบมีทั้งสำหรับผู้หญิงและชายเข้าคู่กัน แต่ละชุดจะมีสีและเอกลักษณ์เฉพาะเข้าคู่กันเรียงรายราวกับรุ้งกินน้ำ ซึ่งสาวๆ ก็ให้ความสนใจมาก รวมทั้งหนุ่มๆที่แฟนอยากจะให้มีชุดที่เข้าคู่กันไว้
ไอริณเดินเข้าไปในห้องตัดเย็บหยิบเสื้อสีขาวตัวหนึ่งลองทาบกับตัวซึ่งมันก็ดูตัวใหญ่กว่าเธอมาก 1 ตัว และอีก 1 ตัว พอดีกับตัวเธอ ไอริณใช้เศษผ้าเล็กๆมาตัดเป็นรูปต้นไม้หัวใจแล้วเย็บลงบนเสื้อทั้ง2 ตัวนั้น ข้างล่างเธอปักซื่อของเธอที่เสื้อตัวใหญ่ ส่วนตัวเล็กเธอปักแค่อักษรดีเอาไว้
ถึงวันวาเลนไทน์ที่ห้างต่างก็คึกคักกับการจัดงานแสดงของคู่รักดารา มีดารามาร่วมงานมากมาย ส่วนแดเนียลเองก็มีงานเช่นกันแต่ของเขาจัดงานเดินแบบที่ห้างอื่นซึ่งเขาบอกว่าจะแวะมาหาเธอในตอนเย็น
ไอริณตกแต่งร้านด้วยดอกไม้อย่างสวยงามเธอแวะดูงานแฟชั่นที่จัดที่ห้างเพื่อดูเป็นไอเดีย ซึ่งเจ้าของงานที่มาจัดที่นี่คือนาตาลีนั่นเองแต่ทั้งสองไม่รู้จักกันจึงไม่ได้สนใจกัน ไอริณใส่เสื้อยืดต้นไม้หัวใจสีรุ้งที่มีอีกษรตัวดีเล็กๆใต้ต้นไม้
นาตาลีมองเสื้อตัวนั้นอย่างสนใจ ไอริณเองก็มองเธออย่างสนใจเช่นกัน ผู้หญิงหน้าฝรั่งคมเข้ม รูปร่างของเธอดีมากเหมือนดาราฝรั่งที่มีเนื้อนมได้รูปซึ่งหนุ่มๆ ชอบใจรูปร่างแบบนั้น
ไอริณกลับมาที่ร้านซึ่งที่นั่นเด็กๆในร้านกำลังง่วนกับการเลือกเสื้อผ้าให้กับลูกค้า ซึ่งเทศกาลวาเลนไทน์นี้เธอได้ให้เสื้อสีชมพูปักด้วยต้นไม้รูปหัวใจสีขาวแก่ทุกคนและปีกชื่อร้านเสื้อเอาไว้ด้วย
แดเนียลโทรมาว่าเขากำลังจะมาหาเธอ ซึ่งเขาได้นัดเจอกับเธอที่ร้านอาหารที่ชั้นบน หญิงสาวเข้ามาเอากระเป๋าแล้วออกไป
“เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ” เธอบอกเด็กๆ
ก่อนจะเดินขึ้นบันไดเลื่อนเมื่อเธอหันลงมาลองที่ลานกลางห้างที่เป็นสถานที่จัดแฟชั่นโชว์นั้นเธอก็เห็นแดเนียลกับหญิงสาวแสนสวยที่เธอชื่นชมก่อนหน้านี้กำลังยืนกอดกันกลมกลางเวทีอย่างกับคู่รัก เธอจูบที่แก้มชายหนุ่มและมองเขาด้วยสายตาที่หยาดเยิ้ม
ไอริณตะลึงนิ่งเมื่อมองเห็นภาพนั้นใจเธอสั่นแทบจะเดินไม่ได้เธอเดินจากบันไดเลื่อนไปที่ร้านอาหารช้าๆ เธอเข้าไปในร้านสั่งน้ำชามาดื่มเพื่อเรียกสติกลับมาแต่มือไม้แธอกลับสั่น
“ทำไมฉันจะต้องรู้สึกอะไรด้วย” เธอต่อว่าตัวเองเบาๆ

นาตาลีกับแดเนียลกำลังยืนถ่ายแบบคู่กันบนเวที
“ขอบคุณคุณแดเนียลมากนะคะที่แวะมาทักทายเรา” เธอกล่าว
“บังเอิญผมแค่ผ่านมาเฉยๆครับ แต่คงต้องขอตัวแล้วครับ”
“คุณจะไปแล้วเหรอคะ ฉันตั้งใจว่าจะเลี้ยงขอบคุณซะหน่อย”
“เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธ
ดวงตาคมกริบหรี่มองเขา
“คุณนัดใครไว้หรือคะ” เธอเค้นถามเขาราวกับนักโทษ ซึ่งเธอมักจะทำแบบนี้เมื่อต้องการคำตอบในสิ่งที่สงสัย
“ครับ.....แล้วเจอกันใหม่นะครับ” ชายหนุ่มตอบแถมด้วยรอยยิ้มกว้าง
นาตาลีมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินจากเธอไปอย่างไม่ได้สนใจ
“ฉันจะไม่ให้คุณเดินจากฉันไปแบบนี้อีกแน่แดเนียล” เธอปรารภเอาไว้
ผ่านไปนานพอสมควรที่แดเนียลกว่าจะมาถึงไอริณ
“สั่งอาหารหรือยังครับ” เขาถาม
“ยังค่ะ ...ฉันไม่อยากจะทานแล้ว” เธอบอกเขา
แดเนียลได้แต่สบตาขุ่นเคืองอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าไอริณ”
“เปล่านิ ฉันไม่มีอะไร” เธอมักจะตอบคำถามกวนอารมณ์ของเขาเสมอ
ชายหนุ่มมองหญิงสาววันนี้เธอแต่งตัวแปลกๆ เธอรวบผมเอาไว้ที่กลางหลัง สวมเสื้อยืดสีขาวที่หน้าอกมีต้นไม้หัวใจสีรุ้ง ข้างๆกระถางต้นไม้มีอักษรตัวดีสีฟ้าปักเอาไว้ เธอดูหน้าเด็กลงกว่าเดิมมาก แตกต่างจากนักออกแบบที่เขาเคยเห็นทุกวัน ซึ่งเธอมักจะสวมเสื้อผ้าเนื้อดีที่ออกแบบเก๋ๆตามแบบของเธอมันทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงทำงาน
“วันนี้คุณดูแปลกจัง”
“ก็แหง๋ล่ะ........ก็ฉันมันคนแปลกสำหรับคุณอยู่แล้วนิ” แต่อารมณ์กวนของเธอก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มหยิบเอาเมนูขึ้นมาดู
“คุณจะทานอะไรครับ” เขาหันมาถาม
“ที่จริงวันแบบนี้คุณน่าจะไปดินเนอร์กับแฟนคุณมากกว่านะ” เธอไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักว่าทำไมจะต้องพูดแบบนั้นออกไปราวกับว่าตัวเองกำลังหึงผู้หญิงคนนั้น
“คุณพูดอะไรของคุณ วันนี้อารมณ์ไม่ดีหรือไง ขายเสื้อได้น้อยหรือเปล่า ดูหน้าคุณเครียดๆนะ”
“ฉันมันก็คนธรรมดา หน้าตาก็งั้นๆ จะสวยเฟอร์เฟคเหมือนนางแบบของคุณได้ยังไงล่ะ”
แดเนียลมองหน้ารูปไข่หน้าเธอแดงกล่ำเขาบอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะอะไร
“ฉันจะกลับแล้ว”
“แต่ผมยังไม่ได้ทานอะไรนะ”
“คุณก็ทานคนเดียวซิ” พูดแล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินหนีเอาดื้อๆ
แดเนียลร้องตามเสียงหลงเขารีบตามเธอออกมา
“ไอริณ รอผมก่อนสิ” เขาเข้ามาฉุดแขนเธอเอาไว้
“นี่คุณเกิดเพี้ยนอะไรของคุณขึ้นมาอีกล่ะ”
“ทำไม....ฉันมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว คุณยังไม่ชินอีกเหรอ”
“เฮ้อ.....อะไรของคุณเนี่ย นี่วันวาเลนไทนด์นะ เราต้องทำตัวดีๆ รักกันเข้าไว้สิ แล้วนี่อะไรทำหน้ายังกะยักษ์”
“อ้อ...ก็ฉันมันยักษ์นิ คุณจะมาสนใจทำไม” เธอสบัดแขนแล้วโยนกล่องของขวัญใส่เขา
ชายหนุ่มรับเอาไว้แทบไม่ทัน
“อะไรอีกล่ะ”
ไอริณวิ่งหนีเขาไป
ชายหนุ่มเปิดดูของในกล่องเขาเห็นเสื้อยืดสีขาวแบบเดียวกับที่ไอริณใส่อยู่ ก็ยิ้มออกมาแล้ววิ่งตามเธอไป
ทันเธอหน้าห้างเธอกำลังเรียกแท็กซี่อยู่
“ไอริณ....รอเดี๋ยวสิ ไอริณ” เขาเรียกเธอ แต่เธอก็ไม่สนใจขึ้นรถไปแล้ว
แดเนียลกลับไปเอารถที่ชั้นจอดรถแล้วรีบขับกลับบ้านทันที
เขามาถึงบ้านก่อนเธอแดเนียลจึงทำกับข้าวรอ
ไอริณมาถึงบ้านเจอชายหนุ่มรออยู่ก่อนแล้ว
“มาแล้วเหรอ”
“ฮืม...” เธอตอบแล้วเดินเลยจะขึ้นห้อง
“มาทานอะไรก่อนสิ” เขาบอก เธอไม่สนใจ
“คุณทำเสื้อคู่รักให้ผมเหรอ”
ไอริณหันมาสบตาเขา
“คู่รักอะไรกัน”
“ก็เสื้อที่คุณใส่อยู่กับที่เสื้อที่คุณให้ผมไงล่ะ มันเป็นเสื้อคู่รักใช่ไหม” เขาฉีกยิ้มกว้าง
“ใครบอกล่ะ มันเป็นเสื้อคู่แค้นต่างหาก” เธอเค้นเสียงตอบแล้วหมุนตัวกลับ
“ก็มันมีชื่อของคุณอยูที่เสื้อของผมนิ แลวก็มีชื่อผมที่เสื้อคุณด้วย”
ไอริณหันกลับมาอีกครั้งมองเขาตาเขียว
“ใครบอกคุณล่ะ เสื้อตัวนี้ไม่มีชื่อของคุณซะหน่อย”
ชายหนุ่มชี้ไปที่อักษรตัวดีที่ปีกอยู่ข้างกระถางราวกับจะถามเธอว่านั่นมันหมายความว่าอะไร เธอปิดมันแทบไม่ทัน
สุดท้ายไอริณต้องมานั่งทานอาหารกับเขาที่โต๊ะ
“เอ้า....ฉลองกันหน่อย” ชายหนุ่มยกแก้วไวน์ขึ้น
แล้วคะยั้นคะยอให้เธอยกด้วย
“ถ้าคุณเมาผมจะดูแลคุณเองนะ”
“เฮอะ...คุณนั่นแหล่ะตัวอันตราย”
ทั้งสองดื่มเยอะมากจนไอริณหน้าแดงกล่ำ
“ไอริณคุณน่ะเป็นคนที่ไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลยรู้ตัวหรือเปล่า”
“เฮ้.....คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน”
“ก็คุณน่ะ เป็นคนที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นเอาเสียเลย”
“ฉันว่าคุณต่างหากล่ะที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น”
“ที่จริงวันนี้ผมอยากจะพาคุณไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหาร ทานของอร่อย นั่งดูกรุงโซลในยามราตรี แต่คุณก็ทำเสียหมด”
“เฮอะ.....คุณไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ เพราะวันนี้คุณก็ทำสะเต๊กอร่อยมาก ฉันว่ามันอร่อยที่สุดในโลกเลย” เธอพูด
แดเนียลจับจ้องดวงหน้าที่แดงกล่ำเวลาเธอเมามักจะเป็นคนละคนไปเลย
“คอยดูนะแดเนียล ฉันนะจะหาแฟนมาให้คุณดู คุณจะได้ไม่ว่าฉันแบบนี้อีก”
“หา.........ว่าไงนะ” ชายหนุ่มแทบจะสร่างเมา
“ก็ฉันคิดมาตลอดเลย คุณชอบดูถูกชั้น หาว่าฉันเป็นผู้หญิงเย็นชามั่งล่ะ หาว่าฉันแย่มั่งล่ะ หุ่นก็ไม่ดี หน้าตาก็ไม่ดี แต่ฉันจะทำให้คุณเห็นว่าฉันน่ะเจ๋งกว่าที่คุณคิดอีก”
ชายหนุ่มไม่เข้าใจที่เธอพูดนัก
“อะไรของคุณ......ก็คุณมีแฟนอยู่แล้วนิ”เขาพูด
ไอริณทำหน้างง
“เฮอะ.....ฉันยังโสดนะ”
ชายหนุ่มเหลืออดเลยโผลงออกมา
“ผมก็เป็นแฟนคุณอยู่แล้ว”
“ฮ้า....ว่าไงนะ....ม่ายช่ายๆ.....เราน่ะเป็นแค่ในนามเท่านั้น ชีวิตจริงของเราต่างก็มีอิสระภาพที่จะหาคู่ชีวิตได้”
“ไม่ได้นะ” ชายหนุ่มตะคอกเสียงดัง
“ทำไมต้องตะคอกด้วยล่า” หญิงสาวเริ่มหูตาลาย
เธอรินไวน์ใส่แก้วแล้วกระดกจนหมด
ชายหนุ่มแย่งแก้วไปจากเธอ
“ไอริณคุณเมามากแล้วนะ”
แล้วเธอก็ฟุบลงกับโต๊ะไป
“จะหาแฟนเหรอ ยัยบ๊องเอ้ย” เขาบ่นพรึมพรำ แล้วอุ้มเธอขึ้นไปนอน เขามองหมอนอิงที่วางอยู่บนเตียงนอนเธออย่างสนใจ
“หมอนแปลกๆออกแบบลายใหม่เหรอ” เขาหยิบมันขึ้นมาดู
พอเพ่งดูชัดๆ เขาจับหน้าจับตาตัวเองก็มันเหมือนหน้าเขายังกะแกะ
“ฮืม...ยัยตัวแสบ” เขาบ่นพรึมพรำคนเดียว

วันนี้ไอริณไปเรียนภาษาเกาหลีเป็นวันแรกคนส่วนใหญ่ที่มาเรียนเป็นนักเรียนไทยในเกาหลีและบางคนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ไอริณทักทายคนที่นั่งข้างเธออย่างเป็นกันเอง
เมื่อครูที่ทำหน้าที่สอนภาษาเข้ามาในห้องเธอตกใจรีบเอาหนังสือปิดหน้า เพราะเขาคือปุราณนั่นเอง ซึ่งเขาก็เห็นเธอและก็ดีใจเช่นกัน หลังเลิกเรียนเขาเข้ามาคุยกับเธอ
“ดีใจจังที่คุณมาเป็นลูกศิษย์ผม” เขาบอก
“ค่ะ บังเอิญจังนะคะ ไม่ยักรู้ว่าคุณก็เป็นครูด้วย”
“ครับ ผมก็แค่อยากจะช่วยน้องๆนักเรียนที่นี่ครับ ส่วนใหญ่มีคนที่เข้าใจภาษาเกาหลีน้อย ยิ่งเป็นคนไทยด้วยแล้วผมก็แค่อยากจะถ่ายทอดความรู้ให้ทุกคน ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณอยากจะเรียนไม่งั้นผมจะคิดพิเศษเลย” เขายิ้มอารมณ์ดี
“อ๋อ...ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวหัวเราะ
“แล้วนี่ คุณจะกลับเลยหรือเปล่าครับ”
“ค่ะ....”
“งั้นผมไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะฉันมีธุระที่อื่นด้วยค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ
“อ้อ...งั้นคราวหน้าเราไปทานข้าวที่ร้านคุณญาอีกนะครับ”
“ค่ะ แล้วฉันจะเลี้ยงคุณเอง”
ปุราณมองตามหลังเธออย่างเสียดาย เธอยังคงวางตัวห่างจากเขาเท่าเดิม ระยะทางระหว่างเขากับเธอจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันบ้างหรือไม่นั้นก็สุดจะเดา
ไอริณแวะไปหาจิรัญญาเพื่อเอาเสื้อแบบใหม่ไปฝากเธอและชาอินด้วย
“อุ๊ย...สวยมากๆเลยนะคะ หนูอุณมีฝีมือดีจริงๆค่ะ”
“มีเสื้อของคุณซาง และ ฮวางมินด้วยนะคะ” เธอบอก
“ขอบใจมากเลยนะไอริณ”
จิรัญญาทำหมูแดดเดียวเลยแบ่งให้เธอไปทานที่บ้านด้วย
“ขอบคุณค่ะคุณอา”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ”
“อุณกับแดเนียลเป็นไงบ้างจ๊ะ เข้ากันได้ไหม”
“ค่ะ เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง อาจจะเข้าใจยากบ้างแต่เราก็เข้ากันได้ค่ะ”
“แล้วนี่คุณอติเทพเป็นยังไงบ้างล่ะ อาไม่ได้โทรหาเขาบ้างเลยตั้งแต่งานแต่งแล้ว”
“คุณพ่อสบายดีค่ะ อุณโทรหาท่านบ่อยๆ ตอนนี้น้าชมพาคุณพ่อไปเที่ยวฮ่องกงค่ะ เห็นบอกว่ามีงานเทศกาลผ้าทอที่นั่น”
“เหรอคะ ดูท่าทางสองคนนั้นจะรักกันมากนะคะ”
“ค่ะ...”
“อุณต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอขอลากลับ
“จ๊ะ....อาจะไปส่งหน้าบ้านนะจ๊ะ”
ไอริณกลับมาถึงบ้านไม่ดึกนัก แดเนียลนั่งดูทีวีอยู่
“กลับมาแล้วเหรอ” เขาหันมากล่าวต้อนรับเธอ
“นี่คุณ ตามธรรมเนียมของคนเกาหลีต้องบอกว่า ฉันกลับมาแล้วค่ะ สิ” เขาดุเธอที่ยังทำหน้าเหรอหรา
“อ่อ...ฮืม.....ฉันกลับมาแล้วค่ะ” เธอเอ่ยบ้าง ชายหนุ่มยิ้ม
“ผมเตรียมอาหารเอาไว้แล้ว มาทานกันเถอะ” เขารีบกุลีกุจอเชิญเธอนั่งลง
“คุณไม่มีงานเหรอคะ ทำไมวันนี้กลับเร็ว”
“ฮืม.....ก็ผมจะต้องทำหน้าที่ตามสัญญาที่เรามีให้กันไง” เขาเอ่ย
“เชอะ....อย่ามาพูดดีหน่อยเลย” เธอแขวะให้แล้วก้มหน้าทานอาหาร
แดเนียลได้แต่อมยิ้ม เขาบอกเธอไม่ได้หรอกว่าทำไมเขาถึงอยากกลับบ้านทุกวัน เขาอยากกลับมาทำอาหารให้เธอทาน เขาอยากมานั่งทานข้าวกับเธอทุกวัน อยากคุยกับเธอ หาเรื่องทะเลาะกันก็ยังดี ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นตอนไหนก็ไม่รู้
“ผมมีอะไรจะให้คุณด้วยนะ”
“อะไรเหรอคะ”
“ก็ของขวัญวันวาเลนไทน์ไงล่ะ”
“นั่นมันเมื่อวานต่างหาก และไม่เห็นจำเป็นต้องให้นินา ก็เราไม่ใช่คู่รักกัน”
“นี่คุณอย่าพูดให้เสียบรรยากาศหน่อยเลยน่า ก็ผมตั้งใจที่จะให้คุณ” เขาเริ่มยั้วะ
“อยากให้ก็ให้ซิไม่เห็นต้องตะคอกเลย” ใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายมักยั่วโทสะชายหนุ่มได้ดี
“คุณนิ...จริงๆเลย”
หลังอาหารทั้งสองมานั่งที่โซฟาแดเนียลยื่นกล่องของขวัญให้กับเธอ
“อะไรเหรอ”
“เปิดดูสิ”
ไอริณเปิดกล่องของขวัญข้างในมีชุดฮันบกสีท้องทะเลอยู่ในนั้น
“เฮ้อ....นี่มันอะไรกัน”
“ชุดฮันบกไงล่ะ เป็นชุดประจำชาติของเกาหลี ก็คุณบอกว่าคุณอยากจะได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้อะไรคุณดี เสื้อผ้าคุณก็สวยๆเยอะแล้ว เครื่องประดับคุณก็ไม่ชอบใส่ ผมก็เลยเลือกเอาชุดฮันบกนี่แหล่ะ เพราะคุณเป็นคนเกาหลีแล้วนะ”
“ฮ้า....แล้วฉันจะได้ใส่ไหมล่ะคะ ฉันจะใส่ได้ตอนไหน”
“อาทิตย์หน้าเราจะไปบ้านคุณยายที่เขาอันดง เราจะไปไหว้บรรพบุรุษซึ่งคุณจะต้องได้ใส่มัน”
ไอริณตาโต
“ไหว้บรรพบุรุษเหรอคะ”
“ใช่ก็เป็นธรรมเนียมของคนเกาหลีทายาทประจำตระกูลจะต้องจัดพิธีไหว้บรรพบุรุษเพื่อรำลึกถึงพระคุณของเหล่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เราไปกันทุกปี คุณแม่ท่านจะพาพวกเราไปเยื่อมคุณยาย แม้เราจะไม่ใช่ทายาทผู้สืบทอดแต่พวกเราก็ต้องไป”
“แต่ฉันใส่ไม่เป็นเลยนะ”
“ผมจะใส่ให้คุณเองก็ได้” สายตาเจ้าเล่ห์จับจ้อง จนไอริณต้องฟาดด้วยกล่องของขวัญ
“เชอะ....ฉันให้คุณแม่สอนฉันเองก็ได้ย่ะ”
แดเนียลได้แต่หัวเราะอารมณ์ดี
“อ้อ....มีอีกเรื่อง...”
“อะไรคะ”
“ข้อตกลงของเรา คุณเพิ่มข้อตกลงตามอำเภอใจโดยไม่ปรึกษาผมเลยสักคำ แบบนี้ถือว่าเป็นโมฆะ”
“เฮอะ...จะเป็นโมฆะได้ยังไงกันล่ะ มันมีลายเซ็นต์ของคุณอยู่นะ” พูดแล้วคนเจ้าเล่ห์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นห้อง
“นี่คุณขี้โกงที่สุดเลยนะ” ชายหนุ่มโวยวาย
“คุณจะพูดอย่างนี้ไม่ได้นะ เพราะลายเซ็นต์นั่นเป็นของจริง ดังนั้นก็แสดงว่าคุณยอมรับข้อตกลงนั้นแล้ว คุณจะต้องปฏิบัติตามนั้น” ร่างเล็กย่างสามขุ่มเข้ามาใกล้
“ไม่งั้นคุณนั่นแหล่ะที่เป็นคนผิดข้อตกลง ฉันมีสทธิที่จะฟ้องคุณได้แน่นอน” พูดเสร็จเธอก็วิ่งขึ้นห้องนอนและลองเอาเสื้อมาลองทาบตัวเองอย่างร่าเริง ปล่อยให้แดเนียลได้แต่บ่นอยู่คนเดียว
ดึกมากแล้วแดเนียลรอจนไอริณหลับไปเขาแอบย่องเข้ามาในห้องนอนของเธอค้นหาสมุดโน๊ตที่เธอได้เขียนสัญญาเอาไว้ ไอริณเอาไว้ในลิ้นชักเขาเอามันออกมาแล้วยิ้มอย่างมีชัยก่อนจะย่องออกจากห้องมาเงียบๆ
แดเนียลกลับห้องของเขา
“ไอริณ...ผมจะทำให้คุณรู้ว่า คุณไม่มีวันชนะผมได้”
แดเนียลเขียนข้อตกลงเพิ่มลงไปอีก 2 ข้อ แล้วเอาสัญญานั่นไปถ่ายเอกสารไว้ แล้วเอากลับไปคืนเธอที่เดิม
รุ่งเช้าไอริณนั่งรอเขาอยู่ด้านล่างชายหนุ่มเดินลงมาอย่างอารมณ์ดีแล้วทั้งสองก็ทานข้าวด้วยกัน
ไอริณได้แต่แปลกใจที่เขาดูแปลกๆกว่าทุกวัน
“วันนี้ดูอารมณ์ดีจังเลยนะ” เธอถามเขา
“แน่นอนอยู่แล้ว” เขาฉีกยิ้มอย่างมีเลศนัย ไอริณได้แต่บอกกับว่าเองว่ามันต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ
เมื่อรถมาจอดหน้าห้างไอริณหันไปเอ่ยขอบคุณเขาแต่เขาก็ล็อครถเอาไว้ไม่ให้เธอลง
“เอ๊ะ.....คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ”
เขาชี้ที่แก้มเขาแต่เธอก็ยังหน้างงไม่เข้าใจภาษาเขาอยู่ดี
“คะ อะไรของคุณน่ะ”
ไอริณไม่สนใจก้าวลงจากรถเฉยเลย ชายหนุ่มรีบลงตามคว้าข้อมือเธอหมุนกลับมาอุ้มมือใหญ่ประคองหน้าเธอเอาไว้ริมฝีปากอุ่นบรจบลงอย่างนิ่มนวล ไอริณตะลึงนึ่งใจเต้นแรง หายใจอ่อนระทวนอยู่กับอกเขา รสหวานแปลกๆแผ่ซ่านไปทั้งกาย เธอโดนเขาขโมยจูบเป็นครั้งที่สองอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อได้สติก็ผลักเขาออกทันที
“คุณทำอะไรของคุณฮ้า...นี่มันหน้าห้างนะ” เธอตะคอกเขาเสียงหลง
แต่ชายหนุ่มก็ทำหน้าไม่สนใจ
“ก็ตามสัญญาข้อที่ 11 คุณจะต้องจูบผมทุกวันไงล่ะ อ้าๆๆ…ผมไปล่ะ” เขาหัวเราะร่าเริงอย่างผู้มีชัย ปล่อยไอริณเต้นเป็นเจ้าเข้าอยู่คนเดียว
“สัญญาบ้าบออะไรกัน” เธอเดินบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
เมื่อมาถึงร้านเธอนั่งคิดทบทวนอย่างหัวเสียแต่พอนึกถึงรสจูบเมื่อครู่ก็ทำเอาใจหวั่นไหว
“บ้าเอ้ยคิดถึงมันทำไมนะ” พูดแล้วก็เอาทิชชู่มาเช็ดปากเป็นการใหญ่
“สัญญา…” ไอริณรีบครวญหาสมุดโน๊ตของเธอเมื่อเปิดดูเธอก็ตะลึกตาโตเพราะสัญญาได้มีข้อ 11-12 เพิ่มมา
“ข้อ 11. ไอริณจะต้องจูบแดเนียลทุกวัน
ข้อ 12 เมื่อไอริณทำผิดจะถูกทำโทษจากแดเนียล
ทำโทษเหรอ คุณกล้าดียังไงถึงได้ทำแบบนี้”
ไอริณรีบกดมือถือหาแดเนียลทันที
แดเนียลกำลังขับรถอยู่กลางถนน
“ว่าไงจ๊ะ” เสียงเขายั่วยวนอารมณ์อย่างดี
“นี่คุณ กล้าดียังไงมาเขียนอะไรเพิ่มตามใจชอบแบบนี้”
“อ้า...อะไรนะ อ้อ..สัญญานั่นเหรอ” เขาทำเสียงใสซื่อ
“คุณร้ายกาจมากเลยนะ คุณไม่มีสิทธิที่จะทำแบบนี้ คุณมันขี้ขลาด” เธอด่าเขาเป็นชุด
แดเนียลได้แต่หัวเราะร่วน
“แหม๋ นิดหน่อยน่านะ ทีคุณยังเพิ่มมาตั้ง 5 ข้อเลย ผมเพิ่มแค่ 2 ข้อเองนะครับ”
“ไม่ได้ สัญญาของคุณเป็นโมฆะ”
“อะๆๆ คุณพูดอย่างนี้ไม่ได้นะ สัญญาที่มีรายเซ็นต์ถือว่าถูกต้องทางกฎหมายนะครับ”
“บ้าที่สุด...คุณมันพวกโรคจิต”
“อ่ะ อะไรนะ...ผมไม่ได้ยินเลย สงสัญญาณไม่ดี ฮัลโหล ฮัลโหล้....” ชายหนุ่มรีบวางหูไป แล้วขับรถต่อไปอย่างมีความสุข
ส่วนไอริณได้แต่หยิบหมอนอิงขึ้นมาบี้อย่างโมโห
“แดเนียล..........นายตายแน่” หน้าตาเธอโกรธเคืองสุดๆ ราวกับจะฉีกหมอนเป็นชิ้นๆ
แดเนียลถึงบริษัทด้วยอารมณ์ที่ร่าเริงจนเพื่อนๆต่างแปลกใจ
“วันนี้อารมณ์ดีจริงนะแดเนียล”
“ครับ....พี่ครับ....ผมดูดีไหม”
“ฮืม....”
“อย่างผมเนี่ย...สาวๆชอบไหม”
“ฮืม....นายน่ะเฟอร์เฟคแมนเชียวนะ มีอะไรหรือเปล่าถามแปลกๆ”
ผู้จัดการมองหน้าเขาราวจะค้นหาความจริงเจอแต่สายตาคมเข้มที่ยิ้มอย่างเป็นสุข
“ผมกำลังตกหลุมรัก” เขาตอบอายๆ
“5555.....นายน่ะนะ พิลึกจริง ไปตกหลุมรักใครล่ะ นายเพิ่งจะแต่งงานนะ” โจหัวเราะขำขณะยกกาแฟขึ้นดื่ม
“ภรรยาผมเอง”
โจเกือบจะสำลักกาแฟ
“นายนิพิลึกจริง ตกหลุมรักภรรยาตัวเอง”
“อืม....ก็เราไม่ได้รักกันตั้งแต่ทีแรกนิ แต่ตอนนี้ผมก็ชักจะเริ่มชอบเธอแล้ว พี่ช่วยผมคิดหน่อยสิผมต้องยังไงถึงจะทำให้เธอสนใจผมบ้าง” เขาปรึกษาหารือทันที
“นี่ๆๆ อะไรกันนายน่ะเสือผู้หญิงตัวยงเลยนะ ทำไมจะต้องมากลายเป็นแมวน้อยๆ หรือว่าเธอมีอะไรเจ๋งมากๆ จนทำให้นายกลายพันธุ์”
เขาพยักหน้าหงิกๆ
“นายนี่เหลือเชื่อจริงๆ ไม่เหลือลายเลยนะ มันจะยากตรงไหนกับ ภรรยาของตัวเองนายก็ปล้ำซะก็หมดเรื่อง”
แดเนียลทำหน้ายุ่ง
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะพี่ เธอน่ะเข้าใกล้ก็ลำบาก ผมยังใจเต้นทุกทีที่เข้าใกล้เธอเลย เธอเป็นคนน่ารัก บ้างานไปหน่อย และขี้โมโห แต่ก็หายโกรธเร็วเป็นบ้า บางทีก็ชอบโวยวายใส่ผม แต่บางครั้งแต่ก็นิ่งเงียบซะจนน่ากลัว เห็นอย่างนั้นเธอทำกับข้าวเก่งนะ เธอชอบทำกับข้าวไทยอร่อยมากๆเลย” แดเนียลอมยิ้มมีความสุข
“โอโฮ....ฉันไม่อยากจะเชื่อหูเลยนะ”ฮุน โจทำหน้าเหลือเชื่อ
“ปกตินายน่ะทุกทีเห็นไล่ล่าสาวๆมาค่อนเมือง”
“พี่ก็พูดไป ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย” ชายหนุ่มเริ่มเหลืออดกับการวิจารย์ของผู้จัดการส่วนตัว
“ผู้หญิงน่ะชอบผู้ชายใจดี อบอุ่น เป็นที่พึ่งได้ แค่นี้แหล่ะ 100ทั้ง100 ก็ใจอ่อนทุกราย”
แดเนียลพยักหน้าเห็นด้วย
“ฮืม....ได้ข่าวว่าเดือนหน้าจะเดินทางไปถ่ายทำหนังสั้นที่ดูไบรไม่ใช่เหรอ”
“ใช่....แต่เห็นทางผู้ใหญ่บอกว่าอาจจะเลื่อน เพราะดาราอีกหลายคนคิวไม่ว่างครับ”
“ฮึม....นายก็ลองพาเธอไปด้วยสิ”
“มันก็แหง๋อยู่แล้วพี่”
ไอริณไปเรียนภาษาเกาหลีในตอนเย็นวันนั้น ดูเธอตั้งอกตั้งใจเรียนมากแค่ 2 อาทิตย์เธอก็สามารถพูดได้บ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ฟังเข้าใจดีมากนักเธอยังไม่สามารถที่จะสนทนาเป็นเรื่องราวได้
“คุณเก่งจริงๆนะครับ เรียนไม่กี่วันก็พูดได้แล้ว”
ปุราณเอ่ยชม
“วันนี้ทานข้าวกันดีไหมครับ” เขาเอ่ยปากชวน
ไอริณมองนาฬิกาข้อมือ
“ขอโทษนะคะ ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะ” ดวงตากลมโตสบตาเขาแล้วรีบเก็บของบนโต๊ะอย่างเร่งรีบ
“มีนัดเหรอครับ”
“ค่ะวันนี้ฉันมีนัดกับเจ้าแมวที่บ้านค่ะ เราจะไปหาแม่เขาด้วยกัน”
“ฮ้า.......ไปบ้านของแมวเหรอครับ”
“ค่ะ ถ้าฉันเลทล่ะก็คงโดนเขาทำโทษแน่ๆเลย”
“ครับ งั้นก็โชคดีครับ...เออ...แล้ววันอาทิตย์คุณว่างไหมครับ”
“วันอาทิคย์นี้เหรอคะ......อ๋อ...แมวของฉันบอกว่าจะพาไปหุบเขาอันดงค่ะ คุณทราบไหมคะว่ามันอยู่ที่ไหน”
“ทางเหนือครับ ที่นั่นสวยมากนะครับ แต่ไกลมาก คุณจะไปเหรอครับ”
“ค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ไอริณรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปอย่างเร่งรีบเพราะแดเนียลมารอเธออยู่หน้าโรงเรียนแล้ว
“ช้าจริงๆเลยนะคุณ” เขาต่อว่าเธอ
“ก็ใครบอกให้คุณมาก่อนล่ะ ก็ฉันบอกแล้วว่าฉันเลิกเรียน 6 โมงครึ่ง” เธอตอบโต้เขา
แดเนียลรีบออกรถไปทันที
ปุราณออกมาไม่ทันเห็นไอริณเขาได้แต่สงสัยว่าเธอหายไปไหนอย่างรวดเร็วนัก
ทั้งสองจัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเดินทางไปสมทบกับมิร่าที่บ้าน
“คุณแม่คะ หนูอยากให้คุณแม่ช่วยสอนวิธีใส่ชุดฮันบกหน่อยค่ะ” ไอริณกระซิบมิร่า
“ฮ้า.ๆๆๆ...ได้สิ มานี่มา” นางพาเธอเข้าไปในห้อง
“ไหนล่ะชุดของเธอ”
“นี่ค่ะคุณแม่”
“แม่เองก็ตั้งใจจะหาชุดสวยๆให้เธอเหมือนกันนะ แล้วนี่ไปซื้อที่ไหนล่ะเนื้อผ้าสวยมากเลย”
“อ้อ....แดเนียลเขาให้ค่ะ”
“555....”มิร่าหัวเราะอารมณ์ดี
“ปกติเจ้านั่นน่ะไม่เคยซื้อชุดฮันบกให้กับสาวๆเลยนะ แปลกจริงไหมล่ะ”
“ค่ะ”
“สีล้วนแบบนี้เขาเอาไว้ใส่ออกงาน และเพื่อบอกรู้ว่าผู้ใส่น่ะไม่ใช่สาวอีกต่อไป”
“หมายความว่าไงหรือคะคุณแม่” เธอถามอย่างงงงัน
“ก็หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้วน่ะสิ”
ไอริณได้แต่ขบเขี้ยวอย่างโมโหชายหนุ่ม
“นี่เราต้องใส่ข้างในก่อนแล้วก็ใส่เสื้อคลุมแล้วผูกโบว์แบบนี้จ๊ะ” มิร่าสอนลูกสะไภ้ใส่เรียบร้อยแล้ว
“ฮืม....สวยมากเลย” เธอเอ่ยชม
ไอริณเพ่งพิศตัวเองหน้ากระจกอย่างแปลกๆ เธอยิ้มอย่างยินดี
เมื่อออกมาอวดกับแดเนียลเขาได้แต่แอบชมเธอที่แต่งชุดฮันบกได้สวยมากเขาเองก็ใส่ชุดฮันบกสีเดียวกันกับเธอเช่นกัน
เมื่อทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อยดีแล้วก็ออกเดินทางไปที่บ้านของยายที่หุบเขาโชอุนทันที
ร่วม 4 ชั่วโมงที่ออกเดินทางผ่านหมู่บ้านและเมืองต่างๆมาหลายเมือง ไอริณได้แต่ตื่นเต้นกับทิวทัศน์รอบตัว
“เป็นไงบ้างไอริณ.....ดูคุณตื่นเต้นจังเลยนะ” แดเนียลถาม เขาเอารถมาเอง ส่วนพ่อกับแม่ โจฮานและฮูนามินนั่งรถตู้อีกคัน
“ก็ใช่น่ะสิที่นี่สวยจัง ดูสิ นั่นต้นอะไรคะ ซากุระเหรอคะที่กำลังออกดอกตูม” เธอชี้ต้นไม้ข้างทาง
“ใช่แล้วซากุระป่าน่ะ กำลังจะออกดอก”
“ที่นั่นไกลมากไหมคะ เราจะถึงหรือยังคะ”
“อีก 10 นาทีก็ถึงแล้วล่ะ” เขาบอก
เมื่อมาถึงบ้านของยายตามที่ชายหนุ่มบอกเธอ
ไอริณยืนเคว้งอยู่ทางเข้าบ้านเธอหมุนตัวไปรอบทิศ
“นี่บ้านเหรอคะแดเนียล” เธอถามชายหนุ่ม
เธอมองบ้านทรงโบราณแบบเกาหลีที่ปลูกบนเนินทางขึ้นเป็นหินที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงาม มันช่างใหญ่โตโอ่อ่าราวกับวังแบบโบราณที่เธอเคยเห็นในทีวี รอบตัวบ้านปลูกต้นไม้อย่างร่มรื่น กวาดสายตาดูแล้วน่าจะหลายไร่
“ฮืม...เป็นไง คุณชอบที่นี่ไหม”
“ฉันนึกว่าที่นี่เป็นวังซะอีกค่ะ”
แดเนียลขำกับท่าทางประหม่าของเธอ
“มาซิจับมือผมไว้ก็ได้ถ้าคุณกลัวน่ะนะ” เขายื่นมือมาให้เธอจับ
“ใครบอกว่าฉันกลัว ก็แค่ดีใจเท่านั้นเอง” เธอจับมือเขาเอาไว้แล้วเดินตามพ่อกับแม่และพี่ๆเข้าไป
เมื่อเข้ามาข้างในบ้านเป็นลานกลางเรือนถูกจัดสถานที่เอาไว้เพื่อให้ญาติมาร่วมงาน ส่วนเหล่าแม่งานก็จัดเตรียมของไหว้และอาหารไว้เลี้ยงทุกคน
“ท่าทางจะวุ่นแฮะ ฉันต้องทำอะไรบ้างคะแดเนียล”
“อยู่เฉยๆ น่ะดีที่สุดแล้ว” เขาบอก
ไอริณจึงนั่งร่วมพิธีอย่างนิ่งเงียบที่สุดแต่ก็คอยสังเกตพิธีการไปด้วย
ทายาทตระกูลทำการไหว้บรรพบุรุษกับท่านผู้อาวุโสเมื่อเสร็จงานแล้วทุกคนร่วมรับประทานอาหารกัน ลูกหลานเข้าไปคำนับผู้อาวุโสของตระกูล
แม่พาลูกๆและสามีไปพบคุณยาย
แดเนียลคำนับยายซึ่งไอริณก็ทำด้วยโดยมีแม่คอยสอน
“เฮอะๆๆ.”..ยายหัวเราะชอบใจ
“เมียแดเนียลดูไม่เบาเลยนะ” ยายพูด แดเนียลได้แต่หัวเราะชอบใจตาม
“แล้วนี่ชื่ออะไรล่ะแม่หนู” ยายหันมาถาม
ไอริณได้แต่หน้าเหรอเธอไม่ค่อยเข้าใจนักหันไปมองแดเนียล
“ชื่อไอริณครับคุณยาย เธอเป็นคนไทย เธอยังฟังภาษาเกาหลีไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดได้นิดหน่อย ตอนนี้เธอกำลังเรียนภาษาเกาหลีอยู่ครับ” เขาบอกยาย
“อ้าว...แล้วคุยรู้เรื่องได้ไงล่ะ แปลกจริงคู่นี้”
“เราก็พูดภาษาอังกฤษครับคุณยาย”
“555....ชีวิตก็มีเรื่องวิเศษแบบนี้แหล่ะ” ยายหัวเราะ
“คนหนึ่งเป็นคนเกาหลี พูดและฟังภาษาไทยไม่ได้ อีกคนเป็นคนไทย พูดและฟังภาษาเกาหลีไม่ได้ แต่พวกเธอก็อยู่ด้วยกันได้”
“ดูสิ..หน้าตาน่ารักจริงนะ คงจะแปลกใจล่ะสิ ชีวิตคนเกาหลีก็เป็นแบบนี้แหล่ะ” ยายพูดกับเธอพลางจับหน้าเชยคางหลานสะไภ้ดูอย่างชื่นชอบ แม้แม่หนูของเธอจะไม่ได้เข้าใจนัก แต่เธอก็ยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“แล้วฮูนามินล่ะได้ข่าวว่าเธอแท้งลูกอีกคนแล้วเหรอ”
“ค่ะ” ฮูนามินตอบ
“ไม่เป็นไรนะ แล้วค่อยมีใหม่ก็ได้”
“ฉันคงมีอีกไม่ได้แล้วค่ะคุณยายเพราะครรภ์เป็นพิษเลยต้องตัดมดลูกทิ้ง” เธอตอบหน้าเศร้า
“โอว...จริงเหรอ ยายเสียใจด้วยนะ เธอก็อย่าเศร้าใจไปล่ะเดี๋ยวสุขภาพจะย่ำแย่”
“ค่ะคุณยาย ตอนนี้ฉันก็เป็นแม่บ้านเต็มตัวคอยดูแลคุณพ่อกับคุณแม่และโจฮานค่ะ”
“ก็ดีๆ แล้วพ่อลูกเขยล่ะเป็นไงบ้าง ธุระกิจยังดีอยู่ไหม” ยายหันไปถามโทมัสกับมิร่า
“ดีค่ะคุณแม่ก็ได้พวกลูกๆ และลูกสะไภ้คอยช่วยเหลือ ทุกอย่างก็ดีค่ะ”
“ดีจริงๆ”
“เออ...แล้วนี่แดเนียลจะมีหลานให้ยายเมื่อไหร่ล่ะพ่อ...ยายก็แก่แล้วนะ เธอยังหนุ่มยังแน่นยังไงก็รีบๆมีหลานซะ”
แดเนียลหัวเราะ
“ครับคุณยาย...........ไม่ต้องกังวลครับ”
ทุกคนต่างหัวเราะชอบใจมีเพียงไอริณที่ไม่เข้าใจคนเดียวแต่ก็แสร้งหัวเราะตาม
“แล้วนี่จะค้างที่นี่กันไหม” ยายถาม
“ฉันมีงานที่ต้องทำพรุ่งนี้ค่ะคุณแม่เลยต้องรีบกลับ”
“ฮ้า.....พวกเธอนี่จริงๆเลยนะ ปีหนึ่งจะแวะมาที่ก็รีบกลับกัน”
“แต่แดเนียลจะค้างค่ะคุณแม่”
แดเนียลหันไปมองแม่
“ฮ้า....”
“ใช่ไหมลูก ค้างกับยายนะ พาไอริณมาทั้งทีให้เขาได้รู้จักครอบครัวเราให้มากกว่านี้ซิ” แม่ขยิบตาให้
แดเนียลต้องเออออไปด้วย แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็ดีเหมือนกัน
บ่ายนั้นพ่อกับแม่ ฮูนามินและโจฮานต่างพากันเดินทางกลับ ไอริณได้แต่สงสัยว่าทำไมแดเนียลไม่พาเธอกลับบ้างเขาพาเธอไปเดินเล่นรอบบ้าน
“แดเนียลเราไม่กลับบ้านเหรอคะ”
“ไม่...วันนี้เราจะค้างที่นี่กัน”
“หา....ค้างที่นี่เหรอ”
“ใช่....แล้วคืนนี้นะจะมีการดื่มให้กับบรรพบุรุษเราจะดื่มกันทั้งคืนเลย ลูกหลานผู้หญิงก็จะมีการแสดงด้วย”
“แสดงอะไรคะ”
“ก็อาจจะเล่นพิณ รำกลอง อะไรประมาณนี้แหล่ะ”
ไอริณได้แต่พยักหน้างง
แดเนียลพาเธอเดินเล่นหลังบ้าน บริเวณนั้นมีโอ่งทั้งใบเล็กใบใหญ่วางเรียงรายกันหลายใบ
“โอวว....นั่นโอ่งซอสใช่ไหมคะ”
เธอร้องอย่างดื่นเต้นพลางชี้ให้ชายหนุ่มดู
“ใช่....คุณรู้ได้ยังไง”
“ฉันดูในทีวีน่ะสิ พวกละครเกาหลีหลายเรื่องเหมือนกันที่มีบ้านในชนบทจะหมักซอสทานเอง เขาจะหมักใส่โอ่งแบบนี้แหล่ะ”
“ฮืม...” ชายหนุ่มนึกชมว่าเธอก็เก่งแฮะ
“คนไทยเขาก็หมักปลาใส่โอ่งแบบนี้นะ เขาเรียกว่าปลาร้า กลิ่นของมันแรงน่าดูเลยล่ะ”
“จะว่าไปวัฒนธรรมของเกาหลีกับของไทยก็ไม่ต่างกันเลยนะคะ คนไทยก็มีพิธีกรรมไหว้บรรพบุรุษเช่นเดียวกัน คนที่อยู่จะทำการไหว้และระลึกถึงคนที่ล่วงลับไปแล้ว และเรายังมีอีกเทศกาลหนึ่งคือเทศกาลสงกรานต์นั่นเอง ที่ลูกหลานจะต้องเดินทางกลับบ้านเพื่อรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในตระกูลท่านก็จะให้พรลูกหลาน พวกเราทำกันมาแบบนี้จนเป็นประเพณี”
“ฮืม....ที่คุณเคยเล่าให้ผมฟังแล้ว คุณจะพาผมกลับบ้านเทศกาลสงกรานต์ใช่ไหม”
“ฮืม.....แต่คุณจะไปเมืองไทยได้เหรอ ช่วงนั้นร้อนมากเลยนะ” เธอถาม
“ได้สิ…ทำไมผมถึงจะไปไม่ได้ล่ะ”
“ก็คุณแพ้อากาศที่เมืองไทยนิ”
“มันก็ครั้งแรก ผมน่ะมีภูคุ้มกันแล้วนะ” เขาตอบพลางเบ่งกล้ามให้ดูเพื่อยืนยันว่าตัวเองแข็งแรงแล้ว
“เชอะ...ถ้าต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มอีก ฉันจะหัวเราะให้ดู” หญิงสาวปรามาส ชายหนุ่มได้แต่อมยิ้ม
แดเนียลพาไอริณเดินเที่ยวเสร็จเธอเข้าไปดูแม่งานเตรียมของสำหรับเลี้ยงแขกในตอนเย็นยายมานั่งคุมงานอยู่
“อ้าว....แม่หนูเข้ามาซิ” ยายเรียก
ไอริณเข้าไปดูยายที่กำลังจะทำข้าวทอดสูตรดั้งเดิมของเกาหลีอย่างสนใจเธอช่วยงานเล็กๆน้อยๆในครัว ส่วนแดเนียลเมื่อเห็นว่าเธอเข้ากับคนอื่นได้ก็แอบปลีกตัวไปรวมกับผู้ชายเพื่อพูดคุยกันเรื่องงาน
ตกเย็นเด็กๆเริ่มงานแสดงเล็กๆน้อยๆ ไอริณต่างก็สนุกไปกับคนอื่นๆด้วยแม้ว่าเธอจะคุยกับใครไม่ได้เลย
คืนนั้นแดเนียลดื่มกับกลุ่มผู้ชายจนเมามากจนต้องช่วยกันพยุงเขาเข้าห้อง
ไอริณนั่งมองเขาพลางส่ายหัว
“เฮอะ...คุณทำไมต้องดื่มขนาดนี้ด้วยนะ” เธอบ่นพลางห่มผ้าให้เขา
“แล้วฉันต้องนอนตรงนี้กับคุณเนี่ยนะ” เธอบ่นอีกหนแล้วล้มตัวลงนอน
แดเนียลนอนกลิ้งมากอดก่ายเธอ
ไอริณพยายามที่จะแยกเขาออกจากร่างเธอแต่ก็เป็นการยากที่คนร่างบอบบางน้ำหนักแค่ 45 จะสามารถยกคนร่างใหญ่น้ำหนักตั้ง 83 ออกจากตัวได้ จนเธอหมดความพยายามและทั้งเหนื่อยจนเผลอหลับไปในตอนดึก



Create Date : 05 เมษายน 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 7:38:03 น.
Counter : 768 Pageviews.

2 comments
  
สนุกดีค่ะ ต่อเร็ว นะ จะรอ ^^
โดย: popy IP: 158.108.169.215 วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:16:49:44 น.
  
น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ

น่าติดตามมาก ลุ้นๆๆๆๆ
โดย: kate IP: 192.168.0.4, 61.47.26.153 วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:17:17:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]