เมษายน 2553

 
 
 
 
2
3
4
6
10
11
12
13
14
15
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ผมจะยอมทำตามข้อตกลง


รุ่งเช้าไอริณตื่นนอนออกมาจากห้องเธอชะเง้อดูหน้าประตูที่ยังไม่เปิดแต่ก็ผิดหวังเมื่อมันปิดสนิท เธอจึงจัดแจงทำกับข้าวเอาไว้รอแดเนียลที่ยังหลับอยู่ และเก็บเสื้อผ้ามาซักจนเสร็จ เช็ดถูบ้านจนเอี่ยม แดเนียลนอนนิ่งบนโซฟาแอบดูได้แต่อมยิ้มที่เห็นคนร่างเล็กอยู่ในชุดกันเปื้อนเก็บกวาดบ้าน จนเกือบ 10 โมง เขาทำเป็นตื่นไอริณวิ่งมานั่งลงข้างๆ
“แดเนียล วันนี้ก็ครบ 3 วันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมพี่คุณถึงไม่มาเปิดบ้านซะทีล่ะ”
“เออ...นั่นน่ะซินะ นี่มันกี่โมงแล้วนี่” เขาทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง
“มันจะ 10 โมงแล้วนะ”
“ทำไมเขาไม่มาสักทีนะ” ชายหนุ่มบ่นแล้วเดินไปที่ประตูทำเป็นบิดลูกปิดแต่ก็ยังปิดสนิท
“เขาจะลืมหรือเปล่านะ”
“นั่นนะสิ คุณลองโทรไปตามเขาหน่อยสิคะ”
“ฮืม...ใช่ๆ เขาอาจจะลืม” เขาทำเป็นเออออไปกับเธอ
แดเนียลหยิบโทรศัพย์ต่อสายถึงพี่ชาย
“ฮัลโล...โจฮานเหรอ ตอนนี้นายอยู่ไหนน่ะ”
“หา....อยู่ปูซานเหรอจะกลับพรุ่งนี้ โอเคๆๆ”
ชายหนุ่มวางสายโทรศัพย์หันมาหาหญิงสาว
“เขาไปปูซานจะกลับพรุ่งนี้ เขาจะมาเปิดบ้านให้เราพรุ่งนี้” เขาตอบยิ้มๆ
แต่ไอริณทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“น่านะ อดทนอีก 1 วันก็จะได้ออกจากบ้านได้แล้วนะ” เขาปลอบ
“เฮอะ.....ฉันอยากจะบ้าตาย อ้า.....” เธอร้องเสียงดังอย่างอดกลั่นไม่อยู่
แดเนียลนั่งกินข้าวเงียบๆ
วันนั้นทั้งวันไอริณจึงเก็บกวาดบ้านและจัดบ้านใหม่โดยมีแดเนียลคอยช่วยอย่างสนุก ทั้งสองจึงเริ่มสนิทกันขึ้นมาเล็กน้อย
จนบ่ายเมื่อทั้งสองนั่งเหนื่อยหัวชนกัน
“ผมไม่คิดมาก่อนเลยนะว่างานบ้านมันจะเหนื่อยขนาดนี้” เขาหอบตัวโยน
“ต่อไปนายก็ต้องทำด้วยนะ จะให้ฉันทำคนเดียวไม่ไหวหรอก เพราะเราตกลงกันว่าจะทำงานบ้านกันคนละครึ่ง”
แดเนียลทำหน้างง
“ตกลงตอนไหนน่ะ ข้อนี้ผมไม่ได้เขียนนะ”
หญิงสาวทำหน้าเชิดเธอลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องหยิบเอาสมุดบันทึกที่เธอได้เขียนข้อตกลงกับแดเนียลออกมาเปิดอ่านให้เขาฟัง
“ข้อ1 เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันในทางพฤตินัย
ข้อ 2 เราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของแต่ละฝ่าย ทุกคนมีอิสระในการใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ข้อ 3 เราจะอยู่ที่เกาหลี แต่ไอริณสามารถกลับเมืองไทยได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
ข้อ 4 เมื่อเราหย่ากันแดเนียลจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับไอริณทุกเดือน
ข้อ 5 สัญญาฉบับนี้มีอายุแค่ 1 ปี หลังจากนั้นเราจะหย่าขาดจากกัน
ข้อ 6 ทั้ง 2 คนต้องแบ่งเบาภาระงานบ้านกันคนละครึ่ง”
“อะไรกันเราไม่ได้มีข้อ 6 นิ” แดเนียลแย้งพลางจะยื้อสมุดจากหญิงสาวแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ทำไมจะไม่มี”เธอทำเสียงดุ แล้วอ่านต่อ

“ข้อ 7 ไอริณจะต้องสามารถทำงานข้างนอกบ้านได้
ข้อ 8 เราจะต้องผลัดกันทำอาหารกันคนละมื้อ
ข้อ 9 ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของกันและกัน
ข้อ 10 เราจะต้องแยกห้องนอนกันโดยเด็ดขาด” เธอทำเสียงอย่างมีชัย
“นี่แหล่ะข้อตกลงของเรา”
“ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ข้อ 6-10 มันมาจากไหนกัน”
“ก็นี่ไงเราลงนามรับทราบกันแล้วทั้ง 2 ฝ่าย”
ไอริณกางสมุดบันทึกออกข้อ 6- 10 เป็นลายมือของเธอทั้งนั้น และลายเซ็นต์ของทั้งสองก็อยู่ข้างล่าง
“คุณนิมันจอมเจ้าเล่ห์จริงๆ”
“ใครเจ้าเล่ห์กันแน่ คุณต่างหากล่ะ ถ้าคุณไม่ไปหาฉันที่เมืองไทย เราก็คงไม่ต้องแต่งงานกันแบบนี้หรอก”
“ก็แล้วใครล่ะทำเรื่องยุ่งยากให้มันเกิด ใครให้คุณเข้าไปอยู่ในห้องพรหมลิขิตนั่น” ชายหนุ่มโต้แย้ง
“ก็ใครให้คุณมีด้ายสิแดงที่นิ้วก้อยล่ะ เราไม่ใช่คนรักกันนะทำไมต้องมาแต่งงานกันแบบนี้ด้วย” เธอพูดอย่างโมโหแล้ววิ่งเข้าห้องไป
แดเนียลได้แต่ปาหมอนลงพื้นอย่างหัวเสีย
ตอนเย็นชายหนุ่มตั้งโต๊ะอาหารเสร็จเดินไปที่หน้าห้องเคาะประตูเรียกหญิงสาวให้ออกมาทานข้าว
“ไอริณออกมาทานข้าวเถอะ คุณไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่กลางวันแล้วนะ”
“ฉันไม่หิว”
“ยังไงคุณก็ต้องทานข้าวนะ มันเป็นเวลาอาหารแล้ว อีกอย่างจะอยู่ในห้องทั้งวันอย่างนี้เหรอ”
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“ถ้าเผื่อพี่ผมมาผมจะไม่บอกคุณจริงๆนะถ้าหากคุณดื้ออย่างนี้”
หญิงสาวเดินมาเปิดประตู
“ไปทานข้าวเถอะผมเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
หญิงสาวจำยอมเดินไปนั่งทานข้าว ชาวหนุ่มทำข้าวหน้าหมูทอด พร้อมซุปเต้าฮู้
“ฉันไม่ค่อยชอบทานอาหารเกาหลี”
“พรุ่งนี้ผมจะทำสปาเก๊ตตี้ให้ทาน”
“ฉันไม่ชอบอาหารอิตาเลี่ยน” เธอพูดเอาแต่ใจ
“เฮอะ.....แล้วคุณอยากจะทานอะไรล่ะ ตกลงผมจะทำอาหารเย็นให้คุณทานทุกวัน โอเคไหม”
“คุณทำได้เหรอ” เธอถามอย่างเย็นชา
“ก็เราตกลงกันแล้วนิ”
แดเนียลไม่เข้าใจตัวเองนักหรอกตลอดชีวิต 26 ปี ของเขา มีแต่คนคอยเอาอกเอาใจ เขาไม่เคยยอมใคร แต่ทำไมหนนี้เขาต้องมายอมทุกข้อที่หญิงสาวเอ่ยมาแค่คำเดียว
“ผมจะช่วยคุณทำงานบ้าน เท่าที่ทำได้ คุณก็รู้ว่าดารางานยุ่งแค่ไหน”
“ใครขอร้องคุณล่ะ” เธอยังคงตอบแบบเย็นชา ก้มหน้ากินข้าวอย่างไม่สนใจ
ชายหนุ่มแทบอยากจะเขกหัวเธอให้หายแค้น
“คุณน่ะช่างเป็นผู้หญิงที่เอาใจยากจริงๆนะ”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ใครจะทำไม ฉันเคยอยู่คนเดียว ทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอด ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะทำอะไรยังไง”
ชายหนุ่มนิ่ง
“คุณไม่รู้เหรอไงว่าการมีชีวิตอยู่กับคนอื่นมันเป็นยังไง”
“ก็รู้ แต่ก็ไม่ใช่กับคุณ” เธอตอบหน้าตาเฉย
ชายหนุ่มแกล้งยกกำปั่นอยากจะต่อยเธอ
เธอก้มหน้าก้มตากินข้าวเหมือนจะหิวมากก็แน่ล่ะทั้งวันเธอเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา ชายหนุ่มมองอย่างเอ็นดู
“อร่อยไหม”
“ก็พอใช้ได้...ยังไงก็สู้อาหารไทยไม่ได้หรอก” เธอบอกเขา
“คุณอยู่คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว”
ไอริณนิ่งคิด
“ก็ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ก็ราวๆ 8-9 ปีได้มั้ง ที่ฉันแยกจากบ้านคุณพ่อออกมา แต่ฉันอยู่คนเดียวมาก่อนหน้านั้นอีก”
“ตั้งแต่คุณแม่คุณเสียเหรอครับ”
“ฮืม....ใช่ค่ะ ฉันไม่อยากทำตัวให้พ่อต้องเป็นห่วง ฉันเลยพยายามที่จะอยู่คนเดียวทำอะไรด้วยตัวเอง พ่อก็คอยเป็นกำลังใจให้เสมอ”
แดเนียลทึ่ง
“คุณไม่มีเพื่อนบ้างเลยหรือ”
“ก็มีแต่เราไม่ค่อยสนิทกันหรอก ตอน ม. ปลาย ฉันย้ายโรงเรียนตั้ง 2 ครั้ง ก็เลยไม่มีเพื่อนสนิท เรียนมหาลัยส่วนใหญ่อาจารย์จะมอบหมายงานให้ไปทำโครงงานมาส่งมากกว่า เวลาแลคเซอร์ก็น้อย ฉันก็เลยไม่รู้ว่าใครอยู่ห้องเดียวกับฉันบ้าง”
“คุณไม่เข้าเรียนหรือไง”
“ไม่...ส่วนใหญ่ฉันชอบทำโครงงานที่โรงงานของพ่อ ฉันจึงสนิทกับคนที่โรงงานมากกว่า”
แดเนียลได้แต่แปลกใจกับชีวิตของหญิงสาว เขาได้ยินเสียงความโดดเดี่ยวในหัวใจของเธอ ขณะที่เธอกลับแสดงสีหน้าเรียบเฉยต่อหน้าผู้คน
“ผมจะพาคุณเที่ยวเกาหลี คุณอยากจะไปไหนบ้างล่ะ”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าที่เกาหลีมีอะไรบ้างน่าสนใจ แต่เท่าที่ฉันดูซีรี่ย์นะ ฉันจำได้ว่าส่วนใหญ่เขาจะชอบไปซาวน่า เออ....เที่ยวสวนสนุก ฮืม...เที่ยวชมดอกซากุระ ร้องคาราโอเกะ .และก็มีหิมะด้วย แล้วมีที่ไหนอีกนะ”เธอทำหน้าครุ่นคิด
“แล้วผมจะพาคุณไป” ชายหนุ่มบอกเธอและราวกับจะสัญญากับตัวเองด้วย
“ฉันจะล้างจานให้เองนะ”
“ผมช่วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า คุณทำกับข้าวแล้วนิ”
บางครั้งเธอก็เป็นคนใจดีจนเขาคิดว่าเธอไม่น่าที่จะเป็นคนร้ายได้ แต่บางครั้งเธอก็มักทำบางสิ่งเพื่อปกปิดภายในที่โดดเดี่ยวเอาไว้
คืนนั้นทั้งสองนั่งดูซีรี่ย์ด้วยกันไอริณปลอกผลไม้มาทาน
“พระเอกคนนี้ฉันจำได้นะ ลี จีฮุน ฉันชอบเขามากเลยเขาดูดีมาก” เธอชมทำเสียงปลาบปลื้มสุดๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจบทสนทนาของตัวละครนัก
“แล้วผมดูดีไหม” ชายหนุ่มทำหน้าเท่ห์ให้เธอดู
“อย่างคุณน่ะ เฮอะ....ไม่รู้ว่าใครเขาจ้างได้ลง หน้าตาก็บ้านๆ การแสดงออกก็ทื่อๆ ไม่เป็นธรรมชาติเลยสักนิด”
แดเนียลทำหน้าผิดหวังกับคำวิจารณ์จนทำให้หญิงสาวขำ
“555...ฉันล้อเล่นน่า คุณก็โอเคนะ หน้าตาก็ใช้ได้ แปลกๆ แวกแนวหนุ่มเกาหลีดี รูปร่างก็หล่อล่ำ แบบที่ผู้หญิงๆ เขาชอบกันนั่นแหล่ะ”
“จริงหรอ”ชายหนุ่มยิ้ม
“จริ๊ง” หญิงสาวทำเสียงสูง
ชายหนุ่มขำกับมุขของเธอ
“ฮืม.....ไอริณสัญญาข้อที่ 7 คุณหมายความว่ายังไงเหรอ”
“อะไรเหรอ” เธอถามอย่างสงสัยทั้งที่ตัวเองเป็นคนเขียนสัญญาเอง
“ก็ที่ว่าคุณจะทำงานนอกบ้านไงล่ะ”
“อ๋อ.....ก็ฉันบอกคุณแล้วไงว่าฉันน่ะไม่ชอบอยู่เฉยๆ ถึงคุณจะเป็นดารามีเงินเยอะก็จริง แต่ดาราก็ใช่ว่าจะมีงานตลอดซะที่ไหน พอมีคลื่นลูกใหม่เข้ามาคุณก็ต้องตกกระป๋อง แล้วยังจะรายจ่ายเรื่องภาษี และการใช้จ่ายเรื่องเสื้อผ้าการกินอยู่อีกล่ะ มันน้อยซะที่ไหน แล้วจะให้ฉันมานั่งแบมือขอเงินคุณใช้น่ะ ฉันไม่ทำหรอก ฉันไม่ได้ง่อยเปลี้ยเสียขาซะหน่อย”
แดเนียลฟังหญิงสาวบรรยายอย่างแปลกประหลาดใจในความคิดของผู้หญิงคนนี้นัก มีผู้หญิงที่ไหนบ้างที่จะพยายามออกไปหางานทำนอกบ้าน 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงเกาหลีต้องการเป็นเพียงแม่บ้านที่ดีให้กับสามีทั้งนั้น หรือว่าผู้หญิงไทยมีความคิดที่แตกต่างกับผู้หญิงเกาหลีก็เป็นได้
“แต่คุณน่าจะอยู่บ้าน ทำงานบ้าน อย่างเดียวก็พอ”
“งานบ้านเราก็แบ่งกันคนละครึ่งแล้วยังไงล่ะ ทำไมคุณไม่อยากให้ฉันทำงานนอกบ้านเหรอ”
“ฮืม....ก็ผมสัญญากับพ่อคุณแล้วนิว่าจะดูแลคุณให้ดี”
“เฮอะ.....ถ้าเป็นคุณพ่อนะจะบอกว่าก็แล้วแต่ลูกจะตัดสินใจ พ่อฉันไม่ใจแคบแบบคุณหรอก”
“ผมไม่ได้ใจแคบนะ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่แต่งงานแล้วก็ต้องทำหน้าที่ของแม่บ้าน”
“นี่คุณ ที่คุณแต่งงานก็เพื่อหาเม่บ้านหรือยังไงคะ คุณไม่ต้องจริงจังกับเรื่องการแต่งงานของเรามากขนาดนั้นหรอกน่า”
“แต่ผมจริงจังกับคำสัญญากับพ่อตานะ” ชายหนุ่มพูดขึงขังจนหญิงสาวเงียบ
“ยังไงฉันก็อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้หรอก ฉันเป็นคนทำงาน ฉันทำงานตั้งแต่เรียนหนังสือยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ คุณพ่อสอนให้ฉันทำงาน และฉันก็ชอบทำงานเพราะคิดเสมอว่าจะต้องช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อ ท่านเหนื่อยมามากแล้ว แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้อยู่ช่วยท่าน” น้ำเสียงเธอดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มฟังแล้วใจอ่อน
“ผู้หญิงเกาหลีหลังแต่งงานเธอก็จะทำหน้าที่แม่บ้านดูแลสามีและลูก ส่วนเรื่องงานเป็นหน้าที่ของสามี” แดเนียลอธิบายให้เธอฟัง
“ฉันไม่อยากเป็นภาระของคุณนิคะ เราแต่งงานกันก็เพื่อไม่ต้องการให้ครอบครัวของพวกเราเกิดเรื่องไม่ดี ยังไงฉันก็อยากทำงานที่ฉันรักต่อไป มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุข”
ประโยคหลังเธอเอ่ยเบาๆ แดเนียลได้ยินเสียงร้องไห้เงียบๆ จากข้างในใจของเธอ เขาเอื้อมมืออยากจะโอบเธอมากอดเอาไว้แต่ก็หักใจ
“คุณอยากจะทำอะไรล่ะ”
“ตั้งแต่จำความได้ฉันเห็นแม่ชอบปักผ้าเป็นรูปต่างๆ ฉันไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรถึงได้ชอบเวลาที่เห็นแม่ตั้งหน้าตั้งตาออกแบบลายปัก แม่เคยออกแบบเสื้อผ้าตอนยังเด็ก ท่านทำได้สวยมาก ฉันเลยตั้งใจเอาไว้ว่าฉันจะเป็นนักออกแบบลายผ้า ฉันจึงเรียนออกแบบ และตั้งมั่นว่าจะต้องเป็นนักดีไซน์ให้ได้ในอนาคต”
แดเนียลฟังสิ่งที่เธอเอ่ยอย่างมุ่งมั่นนั้น
“คุณจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าเหมือนที่เมืองไทยก็ได้นะ พี่สะไภ้เองเขาก็มีร้านอยู่แล้วจะลองปรึกษาเขาดูก่อนก็ได้ ส่วนเงินลงทุนผมจะออกให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันก็พอมี”
“เปล่านะ ผมจะให้คุณกู้ก่อนต่างหากล่ะ”
“ฉันก็ไม่คิดจะเอาเงินคุณหรอกค่ะ” เธอค่อนขอด
“ผมเองน่ะ ก็มีความฝันอยากจะเป็นตากล้องมืออาชีพ ผมถึงเข้าเรียนที่โรงเรียนถ่ายภาพ และที่ผมเข้าวงการเองก็มีส่วนที่จะทำให้ผมก้าวตามความฝันผมให้เจอ เฮอะ....คนอาจจะมองว่าวงการนี้มันหลอกลวง แต่ที่จริงมันก็สอนอะไรเราเยอะ อย่างละครที่เราแสดง มันก็สะท้อนมาจากชีวิตและจิตใจของคน”
ไอริณสบตายาวรีที่จ้องมองเธอ
“ผมอยากจะให้คุณได้เปิดใจดูผมบ้าง มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอกนะ”
ไอริณทำหน้าไม่ถูกเมื่อใบหน้าคมเข้มโน้มเข้ามาใกล้เสียงลมหายใจและกลิ่นตัวที่หอมอ่อนชายเข้าจมูก
“เออ....มันดึกแล้วฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ” เธอรีบลุกจากแล้ววิ่งหายไป
แดเนียลได้แต่อมยิ้ม
รุ่งเช้าไอริณตื่นก่อนแดเนียลเธอรีบเข้าครัวทำกับข้าวและเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อยตอนสายออดหน้าบ้านดัง เธอแปลกใจที่มีคนมาหาแต่เช้าพอมาดูที่มอนิเตอร์เห็นโจฮานยืนอยู่หน้าที่มาพร้อมของฝาก
“ห้า...พี่โจฮาน” เธอร้องออกมาอย่างดีใจ
“แดเนียล...พี่โจฮานมาแล้ว” เธอหันไปเรียกชายหนุ่มเขางัวเงียมาดู
“อะ นี่โจฮานจริงๆด้วย” เขาทำท่าทางตื่นเต้น
เมื่อเปิดประตูให้
“สวัสดีค่ะพี่ ฉันดีใจจริงๆที่พี่มา”
“เป็นไงไอริณสบายดีไหม”
“สบายดีค่ะ นี่อะไรคะ”
“ยาบำรุงคุณแม่ฝากมาให้น่ะ”
“คุณแม่ฝากมาให้เหรอครับ........แม้ดีจริงๆ” ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นดีใจ
“เข้ามาข้างในก่อนนะครับพี่” ชายหนุ่มเข้าไปกอดพี่
“พี่น่าจะมาเย็นๆ นะเนี่ย” เขากระซิบกระซาบกับพี่
“นายเพิ่งจะตื่นเหรอแดเนียล”
“อ้อ...ใช่ครับเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย”
“ฉันบอกนายแล้วนะว่าอย่าหักโหมดูหน้าสิมันฟ้องนะว่าใช้แรงเยอะ”
ไอริณเอียงหูฟังแต่ก็ไม่ค่อยเขาใจบทสนทนานัก เธอยกน้ำมาเสริฟโจฮาน
“555....น้องสะไภ้ชอบที่นี่ไหม” เขาหันมาถาม
“ฉันไม่ค่อยชอบอากาศหนาวหรอกค่ะ ฉันเกิดที่เมืองร้อน ปีหนึ่งจะหนาวก็แค่ 1 เดือน แต่ก็ยังไม่หนาวเท่าที่นี่เลยค่ะ”
“แต่ท่าทางเธอก็สบายดีนะคงไม่หนาวเท่าไหร่ใช่ไหม”
“คะ” เธอถามอย่างงง
“อ่อ...แน่นอนน่าที่นอนเราอุ่นดี เออ...ว่าแต่พี่รีบหรือเปล่าล่ะทานข้าวด้วยกันก่อนนะ”
แดเนียลรีบตัดบท
โจฮานมองดูนาฬิกา
“ฉันต้องไปแล้วล่ะเพราะนัดลูกค้าไว้ตอน 10 โมง”
“น่าจะทานข้าวด้วยกันก่อนนะคะ”
“เอาไว้คราวน้าจะพาฮูนามินมาทานด้วยนะ แต่วันนี้ต้องขอตัวก่อนนะ”
“ฝากบอกแม่ด้วยล่ะกันเดี๋ยวผมจะพาไอริณไปหา”
“ฮืม...ไปล่ะ”
ทั้งสองออกมาส่งโจฮานที่หน้าบ้านด้วยกัน
“เดินทางดีๆ นะคะพี่”
“รักษาสุขภาพด้วยนะ แล้วเจอกัน ไปนะแดเนียล”
“ครับ”
เมื่อรถของโจฮานไปแล้ว ไอริณยืนสูดอากาศนอกบ้านอย่างสุขใจ
“อิสระภาพที่รอคอย” เธอทำหน้าอย่างเป็นสุขจนแดเนียลหมั่นใส้
ทั้งสองนั่งทานข้าวเช้าด้วยกัน
“วันนี้ผมคงต้องเข้าไปที่บริษัทหน่อยนะครับ เผื่อผู้จัดการจะมีงานอะไรแจ้ง”
“ค่ะ”
“คุณอยู่บ้านอย่าออกไปไหนล่ะ”
“ทำไม กลัวว่าฉันจะหนีกลับเมืองไทยหรือยังไง”
“ฮืม...ผมกลัวคุณหลงทางต่างหากล่ะ ที่เราเจอกันก็เพราะคุณหลงทางนะ” ชายหนุ่มซ้ำเติม
หญิงสาวทำหน้าจะกินเลือดกินเลือดเขา
“แต่ฉันอยากจะไปหาอาญาค่ะ ฉันอยากจะเจอชาอินด้วย” เธอบอก
“ก็ได้เดี๋ยมผมจะไปส่ง”
“แต่พรุ่งนี้เราคงต้องไปพบคุณพ่อกับคุณแม่ ตามธรรมเนียมหลังแต่งงานลูกเขยลูกสะไภ้ต้องไปเคารพพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย เราต้องเตรียมของไปให้ท่าน เดี๋ยวตอนเย็นผมจะไปรับ เราจะไปซื้อของกัน”
“เราต้องเตรียมอะไรให้ท่านคะ”
“ก็เป็นพวกของขวัญ”
“ทำอาหาร หรือพวกขนมได้ไหมคะ”
“คุณจะทำเหรอครับ”
“ใช่ ฉันว่าฉันจะทำขนมไทยให้ท่านลองทาน ฉันว่าฉันจะลองทำที่ร้านอาญาก็ดีนะ”
“ฮืม......”
ตอนสายแดเนียลไปส่งไอริณที่ร้านอาหารไทยจิรัญญาแล้วส่วนตัวเขาไปทำงาน
จิรัญญาดีใจมากที่ไอริณแวะมาหา
“วันนี้ชาอินกับสามีเขาไปทำงานกันแล้วล่ะ” เธอบอก
“แล้วหนูอุณล่ะเป็นไงบ้าง”
“อุณเกือบจะตายค่ะอาญา ต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านตั้ง 5 วัน 5 คืน กว่าจะได้ออกมา เขาขังเราสองคนเอาไว้ในบ้านค่ะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ญาขัน
“แล้วนี่แดเนียลไปทำงานหรือเปล่า”
“ค่ะ เขาบอกว่าจะแวะไปดูตารางงานที่บริษัท และพรุ่งนี้ เขาจะพาไปหาพ่อกับแม่ที่บ้าน”
“ใช่ๆ ตามธรรมเนียมก็ต้องกลับไปทำความเคารพญาติผู้ใหญ่”
“อ้อ....อุณตั้งใจว่าจะทำขนมไทยไปเป็นของขวัญพวกท่านค่ะ อาญาคะ อุณขอใช้ครัวของอาหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิจ๊ะ”
ไอริณรู้สึกอบอุ่นกับการมาพบจิรัญญาทุกครั้ง เธอมีอะไรหลายอย่างคล้ายกับแม่ของไอริณ จึงทำให้เธอรู้สึกดีเหมือนได้อยู่กับแม่อีกครั้ง
“ว่าแต่อุณจะทำอะไรล่ะจ๊ะ”
“อุณว่าจะทำลูกชุบค่ะ อุณเคยทำให้คุณพ่อทาน ท่านชอบมากค่ะ”
“ใช่นะ คุณอติเทพชอบทานลูกชุบ” ใบหน้าเธอเอ่ยอย่างเป็นสุข
อุณต้องซื้อของตามรายการที่ต้องเตรียมซึ่งจิรัญญาก็ไปเป็นเพื่อน
“อาญารู้จักคุณพ่อนานแค่ไหนแล้วคะ”
“ก็ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยจ๊ะ”
“อาเรียนคณะเดียวกับคุณพ่อเหรออคะ” เธอถามอย่างสงสัย
“เปล่าหรอกจ๊ะ คุณอติเทพน่ะเรียนคณะวิศวะ แต่อาเรียนคหกรรม ที่จริงเราเรียนกันคนละที่ด้วยซ้ำแต่บังเอิญมาเจอกัน”
“เหรอคะ”
อุณนึกทบทวนความจำของเธอ จิรัญญานึกขัน
“อาจะคอยช่วยนะ”
“อาญาคอยดูนะคะ ว่าอุณจะพอเป็นมืออาชีพอย่างอาได้หรือเปล่า”
“จ้า”
อุณลงมือทำลูกชุบอย่างขมักเขม่นโดยมีจิรัญญาคอยให้คำแนะนำอยู่ไม่ห่างพอเธอทำเสร็จแล้วก็ได้ลูกชุบรูปร่างน่าตาน่าทาน มีทั้งแครอท พริก แตงโม แตงกวา องุ่น ส้ม สีสรรของมันน่าทานมาก จิรัญญาชิมแล้วชมว่าอร่อย เธอจึงแบ่งให้จิรัญญาให้ลูกค้าชิมด้วย
“รสชาติเหมือนกับที่แก้วทำเลย” จิรัญญาเอ่ย
“อารู้จักแม่ด้วยเหรอคะ” อุณถามอย่างสงสัย
“ที่จริง เราเป็นเพื่อนรักกันมากเลยล่ะจ๊ะ” เธอตอบยิ้มๆ และก่อนที่อุณจะถามอะไรต่อจิรัญญาเลยแบ่งใส่จานเล็กๆไปให้ลูกค้าโต๊ะหนึ่งทาน ลูกค้าต่างชอบใจชมว่าอร่อยกัน
ส่วนแดเนียลเมื่อเข้าบริษัทเพื่อนๆ ต่างฉลองการกลับมาและแสดงความยินดีกับการแต่งงานของเขา
“ขอบคุณครับ”
“ก็ขอให้นายมีความสุขมากๆนะ” ผู้จัดการส่วนตัวบอก
“เรามาฉลองให้กับพระเอกของเรากันเถอะ ขอให้เขาได้มีครอบครัวที่ดีมีความสุข”
“เฮ้”
ทุกคนร้องอย่างครื้นเครง

ตกเย็นแดเนียลมารับเธอที่ร้านของจิรัญญา
ไอริณร่ำลาจิรัญญา
“ถ้าชาอินว่างล่ะก็ อุณจะมาทานข้าวที่บ้านด้วยค่ะ”
“จ๊ะ กลับดีๆนะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับวันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกหนูอุณของอาเก่งอยู่แล้ว”
ไอริณขึ้นรถย่างอารมณ์ดี
“วันนี้ทำอะไรเหรอ” แดเนียลถามเมื่อเห็นของที่เธอถือขึ้นมาด้วย
“ขนมไทย ลูกชุบ”
“ลูกชุบ....” ชายหนุ่มทวนคำ
“มันเป็นยังไง”
“พรุ่งนี้ก็จะรู้เองแหล่ะ” เธอบอก
กลับถึงบ้านแดเนียลทำกับข้าวให้เธอทานแต่เธอบอกว่าเอาอาหารไทยมาจากร้านของจิรัญญาแล้ว
มีปลานึ่ง ผักพักบุ้งไฟแดง หมูแดดเดียว แกงจืดฟักยัดไส้ ชายหนุ่มลองชิม
“ฮืม...รสชาติแปลกๆดีนะ”
แต่เขาก็ทานอย่างอร่อย
รุ่งเช้าทั้งสองไปที่บ้านของชายหนุ่มแต่เช้า
ตามธรรมเนียมแล้วเธอจะต้องคำนับแบบโบราณแต่ด้วยความที่เป็นสะไภ้คนไทยไม่มีประเพณีแบบนั้นเธอจึงบอกแม่สามีกับพ่อเขาว่าคนไทยจะกราบแทนทั้งสองก็ไม่ว่าอะไรให้เธอก้มลงกราบที่เท้า
“แปลกๆนะส่วนมากคนเกาหลีจะกราบเฉพาะพระเท่านั้น” มิร่าพูด
“สำหรับคนไทยแล้ว พ่อกับแม่ และสามีก็เปรียบเสมือนพระของเรา ดังนั้นเราก็ต้องกราบค่ะ เพื่อเป็นศิริมงคลให้กับชีวิต”
“งั้นเหรอจ๊ะ”
“งั้นไอริณก็ต้องกราบแดเนียลด้วยไหม” นางถาม
“อ้อ...แต่กรณีนี้ สามีจะกราบภรรยาก็ได้ค่ะเพราะว่าฉันอายุมากกว่าเขา” เธอพูดหน้าตาเฉย
“งั้นแดเนียลก็ต้องกราบไอริณซิลูก เพื่อความเป็นศิริมงคล” มิร่าหันไปสั่งลูกชาย
แดเนียลได้แต่งง แยกเขี้ยวใส่เธอแต่ก็ต้องทำตามที่แม่บอก ไอริณยิ้มอย่างพึงใจและเธอก็ไหว้รับเขา
“อะไรล่ะนั่น” มิร่าถามถึงสิ่งที่เธอเตรียมมาให้
“ลูกชุบค่ะคุณแม่ เป็นขนมไทย” เธอบอก
“ทำเองเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ เมื่อวานนี้ทำทั้งวันเลยนะคะ คุณแม่ชิมซิคะ”
เธอยกให้มิร่าชิม
“อร่อยมากเลยจ๊ะ อร่อยค่ะคุณ” เธอหันไปบอกสามี
โทมัสลองชิมบ้างก็ชมว่าอร่อย ไอริณยิ้มหน้าบาน แดเนียลได้แต่นึกหมั่นไส้ แต่พอชิมกับเขาบ้างก็ชอบใจ
ฮูนามินกำลังตั้งโต๊ะอาหารเช้าอยู่ ไอริณเข้าไปช่วย
“พี่คะ ฉันช่วยนะ”
เธอเอาขนมไปจัดใส่จานและช่วยฮูนามินจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็เชิญทุกคนมาทานข้าว
“แม่ดีใจมากๆเลยนะที่เราได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้” นางเอ่ยอย่างยินดี
“ลูกสะไภ้แม่ทั้งสองก็น่ารัก”
“อ้อ....แม่จะตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ไอริณจะมีหลานให้แม่นะ”
ไอริณแทบจะสำลักข้าว ดีที่แดเนียลช่วยลูบหลัง
“ทานดีๆ หน่อยสิคุณ” เขาบ่นเบาๆ
“เอ่อ...ค่ะ”
“ตอนนี้คิดจะทำอะไรต่อ”
“หนูอยากจะเปิดร้านขายเสื้อเหมือนที่เมืองไทยค่ะ แต่คงจะหลังจากที่กลับจากเมืองไทยแล้ว ก็ว่าจะลองปรึกษาพี่สะไภ้ดูค่ะ” เธอบอก
“ที่จริงไอริณไม่ต้องทำงานนอกบ้านหรอกนะ อยู่เป็นแม่บ้านให้แดเนียลก็พอ”
“แต่อยู่เฉยๆก็อึดอัดค่ะคุณแม่”
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าว่างก็มาช่วยงานแม่ก็ได้นะ พ่อเขามีบริษัทเงินทุน เรื่องบัญชีการเงินพวกนี้ยังไม่มีคนดูแลจริงจังเลย” มิร่านำล่อง
ไอริณมองหน้าแดเนียลเกรงว่าฮูนามินจะน้อยใจที่มิร่าเอาใจเธอจนออกหน้า
“เออ.....เรื่องการเงินหนูไม่ค่อยถนัดค่ะ ถนัดเรื่องการออกแบบมากกว่า” เธอออกตัว
“แต่ยังไงก็อยากจะให้เป็นแม่บ้านดีกว่านะ”
“อ้อ....เรื่องนี้เราคุยกันแล้วครับแม่ เดี๋ยวผมจะจัดการเองครับ” แดเนียลตัดบท
หลังทานข้าวไอริณช่วยฮูนามินล้างจาน
“เออพี่สะไภ้คะ ที่จริงฉันก็ตั้งใจว่าจะมาปรึกษาเรื่องเปิดร้านเสื้อกับพี่เหมือนกันค่ะ” เธอชวนคุยเพราะเห็นฮูนามินเงียบๆตั้งแต่ทานข้าวแล้ว
“ฮืม....เธอไม่ได้สนใจงานบริษัทเหรอ” เธอถาม
“ไม่หรอกค่ะ ที่จริงฉันเรียนออกแบบมา และที่เมืองไทยก็มีร้านเสื้อที่นั่น พ่อฉันก็มีบริษัทผ้าส่งออกตอนนี้เศรษกิฐไม่ค่อยดีก็เลยเอาออกมาตัดเสื้อผ้าขาย ฉันชอบแบบนี้ค่ะพี่ ถ้าฉันจะมาเปิดร้านที่นี่จะเหมาะไหม หรือพี่คิดว่าไงคะช่วยแนะนำฉันหน่อยค่ะ” เธอพูดอย่างตั้งใจ
ฮูนามินหันมามอง
“ถ้าเธอชอบแบบนั้นจริงก็ดีเหมือนกัน จะมาเป็นคนออกแบบที่ร้านพี่ก็ได้ เพราะที่ร้านยังขาดคนออกแบบ ส่วนมากพี่จะรับมาจากร้านอื่นๆ ซึ่งบางทีมันก็หลากหลายจนเกินไป ยังไม่ถูกใจลูกค้าเท่าที่ควรนัก” เธอพูดอย่างใจดี ไอริณยิ้มที่เธอเข้าใจ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ พี่จะให้เงินเดือนฉันเท่าไหร่ก็ได้นะคะ อย่างน้อยก็คงจะดีกว่าให้ฉันรับเงินจากแดเนียล” ฮูนามินขำเธอ
“เงินสามีก็เหมือนเงินเรานั่นแหล่ะ หน้าที่ของภรรยาก็คือการดูแลเรื่องบ้าน เรื่องเงินที่สามีหามาได้ สิ่งเหล่านี้สามีจะชื่นชมยินดีและรักเราเป็นการตอบแทน” เธอสอน
“ค่ะพี่”
แดเนียลได้แต่แอบตระแคงหูฟังสองสาวคุยกัน
ออกจากบ้านแม่แดเนียลตั้งใจจะพาเธอไปเที่ยวต่อ
“ที่จริงคุณไม่เห็นจำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้านก็ได้นะ เป็นแม่บ้านอย่างที่คุณแม่พูดก็ดีแล้ว”
“เราคุยกันแล้วนะ ตามสัญญาข้อ 7 ที่ระบุเอาไว้ และอีกอย่างฉันคุยกับพี่สะไภ้แล้ว เธอจะจ้างฉันไปออกแบบเสื้อที่ร้านเธอ”
“ฮ้า...” ชายหนุ่มหยุดรถอย่างรวดเร็วจนไอริณหน้าคะมำ
“โอ๊ย....อีตาบ้า จู่ๆ นายด็หยุดรถแบบนี้อันตรายนะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เขาเอื้อมมือไปจับที่หัว เธอสบัดมือเขาออก
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ถ้าคุณอยากจะได้เงินเดี๋ยวผมจะจ่ายเป็นเงินเดือนให้ทุกเดือนก็ได้”
“ฉันไม่ต้องการเงินคุณ คุณจะจ้างฉันเฝ้าบ้านเหมือนกับหมาหรือไง”
“ใครว่า คุเหมือนหนอนมากกว่า”
“ฮ้า....อะไรนะ”
“หนอนไง ชอบกระดืบๆ” เขาทำหน้าล้อเลียนยั่งโมโหเธอ
หญิงสาวคว้ากล่องทิชชูพาดที่หน้าเขา
“โอ๊ย....”
“จำไว้อย่ามาเรียกฉันแบบนี้อีก”

แดเนียลพาเธอมาที่สวนสนุกเขาพาเธอเที่ยวสวนสนุกเธอตื่นเต้นมาก
“คุณไม่เคยเที่ยวสวนสนุกล่ะซิ ที่เมืองไทยมีไหม?”
“มีสิ สวนสนุกเอาไว้สำหรับเด็กๆ เที่ยว”
“คนโตแล้วก็เที่ยวได้” ชายหนุ่มแย้งแล้วจูงเธอขึ้นไวกิ้ง
บนนั้นหญิงสาวกรี๊ดร้องสุดชีวิต แต่มันก็ทำให้เธอเหมือนได้หลุดไปอีกโลกหนึ่ง
แดเนียลพาเธอเล่นม้าหมุน เสร็จแล้วพาไปเข้าบ้านผีสิง และในนั้นเธอตกใจถึงกับกระโดดกอดคอชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยทำให้เขาดีใจมาก แต่มารู้ตัวตอนออกเธอก็รีบผลักเขาออกห่าง
“คุณกอดผมเองนะ” เขาพูด
หญิงสาวได้แต่ตบหน้าลงโทษตัวเองเบาๆ ที่ทำผิดแบบนี้
สุดท้ายเขาพาเธอมาที่ไอส์สเก็ต
“ฉันเล่นสเก็ตไม่เป็น” เธอบอก
“ฮะน่า เดี๋ยวผมสอนเอง”
แดเนียลสอนไอริณเล่นสเก็ตอย่างทุลักทุเลเพราะเธอเล่นไม่เป็นล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง
ขณะที่เล่นกันอยู่นั้นเด็กสาวกลุ่มหนึ่งจำแดเนียลได้ต่างกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่พร้อมกับเข้ามารุมล้อมเขาจนไอริณหลุดออกไปจากวงโคจร ไอริณยืนเคว้งอย่างไม่รู้จะทำยังไง แดเนียลได้แต่ชะเง้อมองอย่างเป็นห่วง แต่ก็ยังติดกลุ่มสาวๆที่ขอดึงเขาไปถ่ายรูปข้างๆสนาม แต่ที่แย่ที่สุดก็คือความเย็นที่ไอริณบอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว สาวๆที่วิ่งผ่านเธอเพื่อเข้าไปหาแดเนียลชนเธอจนเสียหลักล้มลง เธอเลยแกล้งสลบไป แดเนียลรีบเข้ามาดูเธออย่างตกใจ
“ไอริณๆๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” เขารีบอุ้มเธอออกจากตรงนั้นทันที
เจ้าหน้าที่มาดูเลยอนุญาติให้เข้าไปพักในห้องพิเศษของเจ้าหน้าที่ได้
ไอริณแกล้งหลับไปแดเนียลกุมมือเธอเอาไว้มือของเธอเย็นมากจนเขาใจคอไม่ดี เจ้าหน้าที่เอาผ้าห่มไฟฟ้ามาให้แดเนียลห่มให้เธอจนรู้สึกว่าตัวอุ่นขึ้นมาบ้าง ไอริณจึงรู้สึกตัว
“ไอริณ รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
“ฮืม....ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้น” เธอถามเมื่อเห็นสายตาที่เป็นห่วงเป็นใยของเขา
“ผมตกใจ กลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไป”
“ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่ทนอากาศหนาว”
“ผมขอโทษที่ดูแลคุณไม่ดี” เขาทำหน้าเสียใจ
ไอริณพลอยเศร้าไปด้วย
“คุณไม่ต้องขอโทษหรอกน่า ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คุณก็แค่อยากให้ฉันรู้สึกดีก็เท่านั้นเอง”
เธอปลอบเขา
“เรากลับกันเถอะฉันอยากกลับบ้าน” เธอบอกเขา
ชายหนุ่มเข้ามาพยุงเธอ
ทั้งสองขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเหลือ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันน่ะเป็นแฟนละครของคุณ ฉันก็แค่อยากจะอยู่ใกล้ๆคุณก็เท่านั้นเอง” หญิงสูงอายุเข้ามาดอดเขาอย่างดีใจ
“ยังไงก็ขอบคุณคุณป้ามากนะคะ” ไอริณเคานับเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกจ้า ว่าแต่เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ คราวหน้าก็มาอีกนะ” หญิงสูงวัยบอก
ทั้ง 3 โบกมือร่ำลากัน
ออกมาข้างนอกแดเนียลก็เจอกับกองทัพแฟนคลับอีกครั้งเขาจูงมือหญิงสาวออกวิ่งทันทีเมื่อทั้งสองมาถึงรถต่างก็หอบตัวโยนแดเนียลจึงรีบออกรถไปทันที
“เป็นดาราก็ใช่จะมีชีวิตที่สงบสุขนะ” ไอริณพูดเบาๆ
“แต่มันก็มีอะไรให้เราเรียนรู้มากมาย” แดเนียลบอกเธอ
“ทำไมคุณถึงอยากเป็นดาราคะแดเนียล”
“เพราะมันเป็นสิงที่ทำให้ผมทำความฝันให้สำเร็จนะสิ”
“ความฝันของคุณคืออะไรคะ”
“ผมอยากจะเป็นตากล้อง ผมจึงเข้ามาทำงานในวงการนี้ อาจจะเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาผมดีจึงทำให้เป็นที่สนใจของบริษัทหลายค่าย เริ่มแรกผมก็เริ่มด้วยการเป็นนายแบบก่อนหลังจากนั้นเขาก็สนใจให้ผมมาเทสหน้ากล้องลองงานแสดงดู”
“คุณเคยดูซีรี่ย์ที่ผมแสดงไหมล่ะ” เขาถาม
หญิงสาวแกล้งเชไช
“ฉันไม่ค่อยชอบดูละครเท่าไหร่หรอก”
“ก็คุณเอาแต่ทำงานนิ คุณนะบ้างานเกินไปแล้วนะ”
“มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ก็เหมือนคุณนั่นแหล่ะที่ชอบงานแสดง”
“ฮืม...ก็คงจะเหมือนกันมั้ง”
เย็นนั้นแดเนียลทำกับข้าวให้เธอทาน
“การมีชิวิตก็เป็นเรื่องยากจริงๆแหล่ะ ดูซิอย่างเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกัน” เขาพูดเมื่อมานั่งลง
ตรงข้ามเธอ
“นั่นน่ะสินะ เราต้องอยู่ด้วยกันตั้ง 1 ปีแหน่ะ”
“เพราะงั้นเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักกันให้มากกว่านี้ เรามาฉลองให้กับจุดเริ่มต้นของเรากันดีไหม”
ชายหนุ่มพูดแล้วลุกไปหยิบแชมเปญในตู้เย็นพร้อมแก้วอีก 2 ใบมาริน
“เราต้องอยู่ด้วยกันไม่เห็นจะเป็นเรื่องดีซะหน่อย ทำไมต้องฉลองด้วยล่ะ”
“แฮ...คุณจะคิดแบบนั้นได้ยังไงกันไอริณ ยังไงเขาก็รู้ว่าเราแต่งงานกันแล้วนะ”
“ฮือ...ก็ใช่สิ ฉันต้องอยู่กับคุณตั้ง 1 ปีแน่ะ แค่คิดก็เศร้ายังไงไม่รู้”
“เฮอะน่า....ผมไม่ได้น่ากลัวซะหน่อย สาวๆที่ไหนก็อยากจะเป็นแฟนผมทั้งนั้น คุณควรจะดีใจนะ” ชาหนุ่มพูดติดตลก
“บ้าน่า หลงตัวเองชัดๆ อะไรเนี่ย”
“แชมเปญ เอ้า...ดื่ม” ชายหนุ่มยื่นให้เธอ
“ก็ฉันดื่มไม่เป็นคุณก็รู้นิ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ผมดูแลคุณเอง”
“คุณน่ากลัวยิ่งกว่าใครอีก” เธอรับมาแล้วลองจิบ
“ฮือ...อร่อยดีนิ ไม่ค่อยแรงเท่าไหร่”
“ใช่แล้วแชมเปญจะค่อนข้างหวาน ผู้หญิงดื่มได้ ถ้าดื่มไม่มากเกินไปก็ไม่เมาหรอก”
ไอริณพยักหน้ารับทราบ
คืนนั้นทั้งสองนั่งดื่มจนดึกเริ่มเมาทั้งคู่
“ผมเคยมีแฟนอยู่คนหนึ่งเธออยู่ที่อเมริกา เรารักกันมากแต่สุดท้ายก็เลิกกัน”
“ทำไมถึงเลิกล่ะคะ”
“เพราะความฝันของผม ผมจึงเดินทางกลับเกาหลี แต่เธอไม่สามารถมาอยู่ที่นี่ได้ เราจึงต้องเลิกกัน”
“คุณคงจะเสียใจมาก”
“ฮืม...ใช่แล้ว จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้รักใครอีก ผมไม่รู้ว่าจะรักใครมากอย่างนั้นได้อีกไหม”
ไอริณมองเสี้ยวหน้าที่เศร้าของชายหนุ่ม
“ถ้าพวกคุณเป็นเนื้อคู่กันสักวันก็จะเดินทางมาหากันเองแหล่ะ”
“นั่นน่ะสินะ ผมคิดว่าเราคงไม่ใช่เนื้อคู่กันมากกว่า ก็เลยต้องพลัดพรากจากกัน”
“คนที่เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันต่อให้อยู่กันแสนไกลยังไง สักวันหนึ่งเขาก็จะเดินทางมาหากันจนเจอนั่นแหล่ะคุณว่าไหม” แดเนียลหันไปถามคนที่นั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ แต่เธอก็หลับตาพริ้มไปเสียแล้ว
“มันก็คงจะเหมือนคุณกับผม ที่เราเดินทางมาพบกัน” เขาพูดเบาๆที่ข้างหูแม้รู้ว่าคนฟังคงไม่ได้ยิน
อุ้มมือใหญ่ช้อนร่างเล็กขึ้นเขาอุ้มแล้วพาเธอเข้าไปนอนในห้อง
รุ่งเช้าไอริณตื่นขึ้นมาปวดหัวอีกเช่นเคยแดเนียลเอาน้ำผึ้งผสมมะนาวมาให้เธอดื่ม
“ดื่มสิแล้วจะดีขึ้นการได้รับวิตามินซีจะช่วยทำให้ร่างกายเราสดชื่น” เขาบอก
“คุณมอมเหล้าฉันหรือไง” เธอบ่น
“ฮึ....ผมจะมอมเหล้าคุณทำไมกัน คิดว่าผมจะทำอะไรคุณอย่างนั้นเหรอ คิดมากไปได้ ก็บอกแล้วไม่สนผู้หญิงอย่างคุณหรอกน่า”
“เหอะ..ไม่สนก็ไม่สนสิ คิดว่าฉันสนใจคุณหรือไง คุณชอบหลงตัวเอง ฉันไม่ชอบผู้ชายแบบนี้หรอกนะ”
“คนเขาดูแลแทนที่จะขอบใจสักคำก็ไม่มี”
“ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณทำนิ”
สุดท้ายทั้งสองก็จบลงด้วยการถกเถียงกันเหมือนเคย



Create Date : 01 เมษายน 2553
Last Update : 1 เมษายน 2553 1:09:21 น.
Counter : 1023 Pageviews.

2 comments
  
โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:3:40:49 น.
  
โดย: thanitsita วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:19:03:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]