เมษายน 2553

 
 
 
 
2
3
4
6
10
11
12
13
14
15
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
เพราะผมเป็นสามีของคุณ



รุ่งเช้าไอริณตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของใครบางคนอยู่ข้างๆหู เธอนึกว่ากำลังฝันไปแน่ๆ แต่ทำไมเสียงนั่นถึงได้ดังชัดเจนยิ่งนัก เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาใบหน้าคมเข้มที่เธอคุ้นเคยดีก็แนบอยู่ที่แก้มซ้ายของเธอวงแขนกว้างโอบกอดเธอเอาไว้ซะแน่น มิน่าล่ะจะบอกว่าทั้งคืนเธอไม่รู้สึกว่ามันหนาวเลย หรือแทบจะหายใจไม่ค่อยออกก็ไม่ล่วงรู้ได้ เมื่อรู้สึกตัวไอริณทุบตีเขาเป็นการใหญ่
แดเนียลงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะแรงกำปั้นเล็กๆ เขาผละออกห่างจากเธอ
“ผมเปล่านะ” เขาปฏิเสธพัลวัน
“คุณมันจอมฉวยโอกาสจริงๆเลย” เธอต่อว่าเขา
“ใครล่ะ เมื่อคืนนี้ผมเมาจนไม่ได้สตินะ คุณต่างหากมั้งที่ทำมิดีมิร้ายกับผม”
“เชอะ ....รู้อย่างนี้ฉันให้คุณนอนข้างนอกก็ดีนะ” เธอพูดแล้วรีบลุกหนึไป
แดเนียลได้แต่อมยิ้มจับที่จมูกของตัวเองยังได้กลิ่นหอมๆของเธอติดอยู่ตรงปลายจมูก
แดเนียลตามไอริณเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ไอริณได้แต่มองเขาอย่างไม่ไว้วางใจนัก แดเนียลชี้ที่แก้มของเขาราวกำลังจะบอกเธอว่าตามสัญญานะ
ไอริณมองซ้ายมองขวา
“อะไรของคุณ”
“ฮืม....ก็ตามสัญญาไง หรือจะให้ผมเป็นคนทำ” เขาพูดพลางขยับจะเข้ามาใกล้
“อะๆๆ......ก็ได้” หญิงสาวหน้างอทันที
ไอริณค่อยๆ เข้าไปหาเขา แดเนียลย่อตัวลงมาให้ความสูงใกล้เคียงกับหญิงสาว ใบหน้ารูปไข่ค่อยๆเลื่อนเข้าไปหาแก้มซ้ายของชายหนุ่ม กลิ่นตัวหอมอ่อนๆของเขาลอยเข้าจมูกเธอ ยิ่งทำให้ใจเธอสั่นอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้เลย
“เร็วสิ” ชายหนุ่มเร่ง
เร็วเกินคาดคิดที่เธอเอาปลายจมูกเล็กชนที่แก้มเขาแล้วรีบถอยห่าง
“นี่คุณอย่างนั้นเขาเรียกจูบเหรอ”
“ก็ทำแบบนี้แหล่ะ” เธอแย้ง
“ไม่ได้.....ทำใหม่เดี๋ยวนี้เลย” ชายหนุ่มทำเสียงแข็งไม่ถูกใจ
“อะไรของคุณน่ะ”
“ฮึ....หรือจะให้ผมทำ” เขาทำท่าทางขึงขัง
“ก็ได้” ไอริณจำยอมเสียงอ่อน
เธอค่อยๆเลื่อนตัวเข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง ยิ่งใกล้เท่าไหร่เธอก็ยิ่งสั่นอย่างบอกไม่ถูก ไอริณหลับตาลงแดเนียลหันมามองเธอแล้วกอดเธอเอาไว้ริมฝีปากอุ่นก็บรรจบลงกับกลีบปากเรียวนุ่มของไอริณ ไอริณได้แต่ร้องอู้อี้เบาๆ แต่มันก็หายเข้าไปในลำคอ กลิ่นแอลกอฮอลล์อ่อนๆผสมเข้าไปด้วย เธอได้แต่หลับตานิ่งเผลอโอบคอเขาเอาไว้
เสียงประตูห้องน้ำเปิดทั้งสองผละออกห่างกัน
ยายแอบยิ้มที่มาขัดจังหวะของทั้งสอง
“อ่า อ้า...ตื่นกันแล้วเหรอ ยายขอโทษนะที่มาขัดจังหวะ” พูดแล้วก็รีบปิดประตูทันที
ไอริณหลบตาชายหนุ่มที่มองเธอเป็นประกายอย่างกับจะจูบเธอไปทั้งตัว เธอรีบออกจากห้องน้ำไปทันที
แดเนียลยิ้มอย่างมีชัยฮัมเพลงเบาๆแล้วตามเธอกลับมาที่ห้องช่วยเธอเก็บของใช้ใส่กระเป๋า
“เราน่าจะอยู่ที่นี่กันต่อสักวันหนึ่งนะ” เขาออกความเห็น
“คุณไม่มีงานหรือไงคะ”
“ฮ้า.....ก็คิดว่ามาฮันนิมูนไงล่ะ”
“เฮอะ....เราไปมาแล้วนะ คุณจำไม่ได้เหรอ”
“ไอริณเราไปเที่ยวเกาะกันดีไหม พรุ่งนี้ค่อยกลับนะ” เขาชวนแต่เธอก็ไม่เห็นด้วย
ทั้งสองไปลายายเพื่อเดินทางกลับโซล
“ยังไงก็มาเยี่ยมยายบ่อยๆนะ แดเนียล แม่หนู” ยายสั่ง
“ครับยาย”
ไอริณร่ำลายายแล้วตามชายหนุ่มกลับ
แดเนียลขับรถเขาเห็นไอริณนิ่งเงียบเขาเลยเปิดเพลงเบาๆฟัง ตลอดทางทั้งสองนิ่งเงียบไม่ได้คุยกันเลย เขาได้แต่สงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จนมาถึงบ้านเวลาบ่ายไอริณแต่งตัวออกจากบ้านเพื่อไปดูร้าน
“คุณยังจะไปทำงานอีกเหรอ” เขาถาม
“ใช่ แล้วเย็นนี้ค่อยเจอกันค่ะ”
แดเนียลไปส่งเธอที่ร้าน
ไอริณนั่งทำงานไปแต่ใจลอยจนเด็กในร้านสงสัย บางทีเหมือนเธอนั่งคิดอะไรจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางทีก็ถอนใจเฮือกใหญ่ บางทีก็หยิบหมอนอิงขึ้นมาดูแล้วก็บี้หมอนและก็บ่นเป็นภาษาไทย
“ฉันต้องบ้าไปแน่ๆเลย จะไปคิดถึงเขาทำไม” เธอส่ายหัวไปมาพอหันไปเจอเด็กๆที่แอบมองอยู่ก็ต้องรีบหลบหน้า
“คุณไอริณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ๋อ....เปล่าจ๊ะ”
ไอริณเดินไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารของห้าง เธอเดินผ่านประกาศการจัดแฟชั่นโชว์ในเดือนเมษายนนี้ให้ผู้สนใจส่งแบบเสื้อเข้าประกวดมีเงินรางวัลหลายพันล้านวอน ไอริณไม่รู้หรอกว่ามันแยะมากแค่ไหนเพราะเธอรู้จักแต่มูลค่าของเงินไทย เธอจึงหยิบเอาใบประกาศมาดูอย่างสนใจ
เย็นนั้นไอริณไปเรียนตามปกติปุราณสังเกตเห็นเธอผิดปกติ ดูเงียบๆและเหม่อหลายครั้งไม่ค่อยร่าเริงเหมือนก่อนก็แปลกใจ หลังเลิกเรียนเขาจึงเข้ามาคุยกับเธอ
“วันนี้ไปทานข้าวกันไหมครับ”
“คะ....”
“คุณเบี้ยวผมมาหลายครั้งแล้วนะครับ” เขาเหมือนจะเอ่ยต่อว่าเธอเพื่อไม่ให้หลีกเลี่ยงได้
“ก็ได้ค่ะ”
ปุราณพาเธอไปทานอาหารที่ร้านคุณจิรัญญา
“ผมอยากจะพาคุณไปทานร้านอาหารแพงๆกว่านี้บ้าง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะที่นี่ก็ดีแล้ว”
“ไปเที่ยวเป็นยังไงบ้างครับ”
“เที่ยวไหนเหรอคะ”
“ก็เห็นคุณบอกว่าจะพาแมวกลับบ้านของเขา”
“อ้อ....ค่ะก็ดีค่ะ ที่นั่นอากาศก็ดีค่ะ ต้นไม้สวยด้วยค่ะ”
“ดูคุณเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”
“ไม่นิคะ ฉันสบายดีค่ะ”
“ทะเลาะกับแมวมาหรือปล่าครับ” เขาพยายามถาม
“เปล่าค่ะ” ไอริณยิ้มให้เขาราวกับยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร
“มีอะไรก็บอกผมได้นะ”
“ค่ะ” เธอรับคำหนักแน่นเพื่อบอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ
อาหารมาเสริฟตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว เสียงโทรศัพย์ของไอริณดังขึ้นเธอขอรับสาย
“วันนี้ฉันจะทานข้าวข้างนอกนะ” เธอพูดกับปลายสาย
“คุณหาอะไรทานเองก็แล้วกัน” เธอพูดก่อนวางสาย
ปุราณได้แต่แปลกใจที่เธอพูดกับใครเป็นภาษาอังกฤษ
“มีใครรออยู่หรือเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ” เธอตอบเพียงเท่านั้นแล้วก็ทานข้าว
“ฮืม...อร่อยนะคะ ทานสิคะคุณปุราณ” เธอบอกเขา
ปุราณเก็บความสงสัยเอาไว้ เขาไม่สามารถเข้าใกล้เธอมากกว่านี้ได้เลย
หลังทานข้าวปุราณชวนเธอไปดื่มต่อแต่เธอปฏิเสธเขาจึงไปส่งเธอที่บ้าน เขาเห็นเธอมีสีหน้าเป็นกังวลเมื่อเจอสัญญาณไฟแดงที่สี่แยก
“คุณรีบหรือเปล่าครับ” เขาหันมาถาม
“คะ...ไม่หรอกค่ะ”
“แต่หน้าคุณมันฟ้องนะครับ”
“ฉันก็แค่เป็นห่วงแมว เขาจะหาอะไรทานหรือเปล่า”
“แมวหาอะไรทานได้เองหรือครับ” ชายหนุ่มขัน
“ค่ะ...เขาก็ชอบหาอะไรในครัวทานเอง”
ปุราณนึกถึงคำพูดที่เธอพูดทางโทรศัพย์
“แล้วแมวคุณชอบทานอะไรล่ะครับ”
“เขาชอบทานสะเต๊กค่ะ” เธอตอบ
ปุราณนิ่งคิด แมวของเธอคงจะรสนิยมดีแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ทานอะไรเหมือนคนแบบนี้
“แมวของคุณคงจะตัวโตมากสินะครับ” เขาถามเธอไปเรื่อยๆ
“ค่ะ เขาตัวโตมาก แต่บางทีก็ทำเหมือนตัวเองตัวเล็ก บางทีเขาก็ชอบทำอะไรเหมือนเด็ก บางทีเขาก็เอาแต่ใจ”
จู่ๆเธอก็พูดถึงแมวของเธอออกมาแต่สีหน้าของเธอดูมีความสุขเมื่อเอ่ยถึงแมว
“ท่าทางคุณจะสนิทกับแมวของคุณมากนะครับ”
“เราไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกัน” เธอตอบ
ปุราณได้แต่เก็บความสงสัยไว้เพียงลำพัง เขาอยากจะถามตรงๆกับเธอว่าเป็นแมวหรือว่าคนกันแน่
“เดี๋ยวผมไปส่งถึงบ้านเลยนะครับ” เขาลองเชิงถามเมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน
แต่เธอก็ปฏิเสธเขาเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรค่ะ...........ฉันจะเดินเข้าไป”
เธอบอกเขาเช่นนั้น ราวกับว่าเธอกลัวว่าจะมีใครเห็น
ไอริณลงจากรถของปุราณก็พอดีกับที่แดเนียลซึ่งยืนรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ทางเข้าหมู่บ้านหันมาเห็นเข้า เขามองเธออย่างไม่พอใจ
ไอริณขอบคุณปุราณที่มาส่งแล้วหันมาเจอแดเนียลที่มองเธออย่างไม่พอใจนักเขาตรงเข้ามาหาเธอแล้วฉุดเธอเดิน
ปุราณมองเห็นทางกระจกมองหลังแต่เขาก็จอดรถไม่ได้เพราะมีคันหลังตามมา
“โอ๊ย...ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ” ไอริณสะบัดแขนอย่างแรงแต่ก็ไม่หลุด
“ใคร ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร”
“ใครของคุณ.....ฉันบอกให้ปล่อยฉัน ฉันเจ็บ” ไอริณเริ่มร้อง
“ทำไมคุณต้องมากับเขา อย่าบอกนะว่าไปทานข้าวกันมา” เขาคาดคั้น
“คุณเป็นอะไรของคุณ ใช่ฉันไปกับเขา แล้วจะทำไม ปล่อยฉันนะ” ไอริณดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เป็นผลที่สุดเธอจึงกัดแขนเขา แดเนียลร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดจึงปลดปล่อยเธอได้ เมื่อเป็นอิสระไอริณก็วิ่งหนีเขาไปทันที
“อย่าหนีนะ ไอริณ” แดเนียลวิ่งกวดตาม
ปุราณหาที่จอดรถได้ก็รีบวิ่งกลับมาดูที่ป้ายรถเมลล์แต่ก็ไม่พบใครแล้ว เขาวิ่งไปดูทางเข้าหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบไอริณ จึงกลับไปแม้จะรู้สึกเป็นห่วง
ไอริณนั่งทายาที่แขนให้แดเนียลอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แดเนียลเองก็ทำหน้าบูดเบี้ยว
“ถ้าแผลผมอักเสบจะว่าไง”
“ดีเป็นบาทยักเลยยิ่งดี”
“นี่คุณจะเกินไปแล้วนะ คุณทำร้ายร่างกายผมขนาดนี้ เกิดมาก็เพิ่งจะมีนี่แหล่ะ”
“ก็ใครให้คุณมาจับฉันแน่นขนาดนั้น”
“ก็.....ก็...ผมหิวนิรอคุณตั้งนานก็ไม่กลับแล้วนี่อะไรไปทานข้าวกับผู้ชายอื่น” เขาไปน้ำขุ่นๆแล้วโยนความผิดให้กับเธอ
“ผู้ชายอื่นที่ไหน นั่นคุณปุราณ คุณก็เคยเห็นเขาแล้วนี่ที่ร้านฉัน เขาเป็นครูฉัน เราแค่ไปเลี้ยงกันนิดหน่อย”
“เชอะ...แล้วคุณก็ปล่อยให้ผมหิวจนตาลายอยู่คนเดียวนี่นะ คุณเป็นภรรยาประเภทไหนกัน หนีไปทานข้าวกับผู้ชายอื่นหน้าตาเฉย” ชายหนุ่มโมโหหนักเข้าไปอีก
“แล้วใครให้คุณรอละ ก็ฉันบอกแล้วจะทานข้าวข้างนอก โตจนป่านนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก แล้วทำไมไม่หาอะไรทานล่ะ” เธอโวยกลับ
“ก็ผมอยากจะทานข้าวกับคุณนิ” ทำเสียงอ่อน
ไอริณทั้งโมโหและหมั่นไส้ เธอเลยเข้าครัวทำอะไรให้เขาทาน
“คราวหน้าคุณอย่าไปทานข้าวข้างนอกอีกนะ ก็เราสัญญากันแล้วนิ”
“นี่ไม่มีสัญญาข้อไหนห้ามทานข้าวนอกบ้านนะ” ไอริณแย้ง
“ทำไม คุณชอบเขียนสัญญาตามอำเภอใจยิ่งกว่าฉันอีกนะ คนเรามันก็ต้องมีบ้าง ที่จะไปทานข้าวกับเพื่อน คุณเองก็เป็นดาราบางทีก็ต้องทานข้าวกับเพื่อนๆดาราด้วยกัน ทำไมไม่คิดบ้าง”
ชายหนุ่มแย้งไม่ออก
“และอีกอย่าง...ทำไมคุณจะต้องมาห้ามไม่ให้ฉันไปทานข้าวกับใคร คุณปุราณเขาเป็นคนดี เขาไม่คิดไม่ดีแบบคุณหรอก” เธอต่อว่า
แดเนียลกระแทกช้อนลงบนโต๊ะ
“ทำไมผมมันไม่ดีตรงไหน ทำไมจะต้องเอาไปเปรียบเทียบกับเขาด้วย”
“เขาเป็นคนสุภาพ ไม่เคยว่าฉัน ไม่เคยตะคอกใส่ฉัน เหมือนคุณ”
“ถ้าเขาดีนักก็ไปเป็นแฟนกับเขาซะสิ” แดเนียลเอ่ยอย่างลืมตัว
ไอริณอึ้งที่เขาพูดออกมาแบบนี้ เธอแม้มปากแน่น
“ก็ดี.....สักวันหนึ่งฉันจะให้เขามาเป็นแฟนฉันให้ได้” เธอพูดแล้วลุกวิ่งขึ้นชั้นบนไป
แดเนียลได้แต่อารมณ์เสียทานอะไรไม่ลง ส่วนไอริณก็กำลังอาระวาดกับหมอนอิงอย่างหัวเสียสุดๆ
รุ่งเช้าไอริณทำกับข้าวให้แดเนียลเหมือนเดิมแต่เธอก็ไม่อยู่ทานข้าวด้วยเธอไปทำงานแต่เช้า
“ทำไมต้องรีบไปด้วย ห้างมันเปิดแต่เช้าหรือไง” แดเนียลบ่นอย่างอารมณ์เสีย
ไอริณแวะไปหาจิรัญญาแต่เช้าจนเธอแปลกใจ
“ไอริณ มาหาอาแต่เช้าเชียว”
“อุณจะช่วยคุณอาจ่ายกับข้าวค่ะ”
“ดีเหมือนกันนะ”
แล้วทั้งสองสาวก็ไปเดินตลาดด้วยกัน จิรัญญาสังเกตเห็นเธอมีสีหน้าไม่ค่อยดี
“หนูอุณไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะหน้าตาไม่ค่อยดีเลย”
“เปล่าค่ะ ช่วงนี้งานที่ร้านยุ่งนิดหน่อย”
“ถ้างานยุ่งก็ไม่ต้องแวะมาหาอาก็ได้นะ”
“อุณก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศมั่งค่ะ เผื่อจะได้คิดงานดีๆบ้าง”
“กับแดเนียล เป็นยังไงบ้างจ๊ะ” นางลองเชิงถาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายนิ่งไป
“เข้ากันดีอยู่ใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ก็ดีแล้วล่ะ ชีวิตคู่มันก็มีทั้งสุขและทุกข์ให้เราร่วมกันเสพ ดูอย่างชาอินซิ สามวันดี สี่วันไข้ เดี๋ยวก็งอนกันบ้างเดี๋ยวก็ดีกัน มันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ เพราะคนเรามาจากคนละที่ ความต้องการต่างกัน เหตุผลต่างกันก็มีบ้างที่จะขัดแย้งจะให้มีแต่ความสุขมันก็ไม่ใช่ชีวิตคู่” นางเอ่ยเนิบช้าหวังว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
ไอริณได้แต่นิ่งฟัง
ไอริณครุ่นคิดถึงเรื่องระหว่างเธอกับแดเนียลทั้งวันจนเด็กในร้านต่างสงสัย วันก่อนหน้าตาเธอยังดูดีสดชื่น แต่มาวันนี้กับดูเศร้าใจอย่างไรไม่รู้ได้
“ที่จริงเราก็ไม่ใช่คู่ชีวิตกันจริงๆซะหน่อยทำไมเราจะต้องคิดมากด้วยนะ” ไอริณเอ่ยกับตัวเองราวกับจะบอกว่าอย่าบ้ามากไปกว่านี้
เธออยู่ที่ร้านจนดึกปุราณแวะมาหาเธอที่นั่น
“คุณปุราณ....มาทำไมคะ” เธอถามเขาอย่างตกใจที่เจอเขาที่นี่
“คุณไม่ไปเรียนผมก็นึกแปลกใจว่าเพราะอะไร และผมก็เป็นห่วงคุณด้วย เมื่อวานนี้ตอนที่คุณลงจากรถผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งเขากำลังฉุดคุณ เป็นเป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเข้ามาเพ่งพิศเธอใกล้ๆ
“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไร พอดีงานยุ่งฉันเลยไม่ได้ไปเรียนค่ะ” เธอตอบ
“แต่หน้าคุณไม่สบายเลยนะครับ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ” เขาพูดพลางเอื้อมมือแตะที่หน้าผาก
ยังไม่ทันที่ไอริณจะตอบประตูร้านก็ถูกผลักเข้ามาร่างสูงใหญ่มองมาที่ทั้งคู่อย่างไม่พอใจ
ปุราณคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นเขาที่ไหน พอนึกขึ้นได้ก็คือคนที่เขาเห็นกำลังฉุดไอริณอยู่
“จะกลับหรือยัง” เขาถามเสียงขุ่น
“ฉันต้องไปแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะที่แวะมาหา แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปเรียนนะคะ” เธอหันไปพูดกับปุราณก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าในห้องทำงาน
ทั้งสองหนุ่มจับจ้องกันอย่างลองเชิง ปุราณครุ่นคิดว่าเขาเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
ไอริณเดินออกมาอุ้มมือใหญ่คว้าข้อมือเธอออกเดินทันที ปุราณได้แต่มองตามอย่างสงสัยและไม่พอใจกับกิริยาของอีกฝ่าย
เมื่อเขาเดินออกมาจากร้านผ่านร้านน้ำหอมชื่อดังก็เห็นภาพชายหนุ่มคนเมื่อกี้เป็นแบบถ่ายคู่กับดาราสาวสวย
“หมอนั่นนินา” เขาอุทานกับตัวเอง
แดเนียลขับรถเร็วออกจากห้าง ไอริณได้แต่เป็นกังวลดูเขาไม่ค่อยมีกระจิตกระใจจะขับมันเท่าไหร่
“ขับรถแบบนี้มันอันตรายนะคะ ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็อย่าขับรถสิ” เธอเตือนเขา
“คุณจะคบกันกับเขาใช่ไหม”
“ใคร?”
“ก็ไอ้หมอนั่นไง”
“เฮอะ...ก็แล้วทำไมล่ะ คุณจะห้ามฉันหรือไง” เธอตอบกวนอารมณ์เขา
“คุณรู้จักเขาดีแล้วเหรอ”
“ก็ไม่หรอก แต่อีกหน่อยก็คงจะรู้จักกันดีกว่านี้แน่ ถ้าเราเปิดใจให้กัน” เธอแกล้งพูดไปตามเนื้อผ้า
“แล้วทำไม ถึงได้จับหน้าจับตากันด้วย ปกติคุณหวงเนื้อหวงตัวจะตาย” เขาพูดอย่างโมโหจนไอริณเองก็แปลกใจว่าทำไมเขาจะต้องโกรธเธอด้วย
“ทำไม คุณต้องพูดแบบนี้ด้วย ฉันไม่ใช่คนใจง่ายนะ หึงฉันหรือไง”
ชายหนุ่มปาดรถเข้าข้างทางฝนเริ่มลงเม็ด จนไอริณหัวคะมำ
“หึงคุณเหรอเข้าใจผิดหรือเปล่า คนอย่างคุณเหรอที่ผมจะหึง ไม่ใช่คนใจง่ายงั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่คนใจง่ายแล้วคุณจะโดนผมจูบเอาง่ายๆเหรอ แล้วคุณจะแต่งงานกับผมเอาง่ายๆแบบนี้เหรอไอริณ” เขาตะคอกใส่เธออย่างบ้าคลั่ง
ไอริณเหมือนถูกตบหน้าชา เธอตบหน้าเขาอย่างแรง
“ใช่ฉันมันคงใจง่าย ใจง่ายที่ยอมให้คุณจูบฉัน ใจง่ายที่แต่งงานกับคุณ ใจง่ายแล้วทำไม ไม่มีศักดิ์ศรีหรือไง ทำไมต้องมาว่าฉันขนาดนี้ ใช่ต่อไปฉันจะคบกับคุณปุราณ คุณไม่มีสิทธ์ที่จะมาว่าอะไรฉันทั้งนั้น” เสียงเธอสั่นเคลือพร้อมกับหยาดน้ำตาที่คลอเบ้า ไอริณลงจากรถท่ามกลางสายฝนที่โปรยลมาอย่างหนัก
แดเนียลเหมือนนึกขึ้นได้ว่าพูดแรงเกินไปเขาขับรถตามไอริณที่วิ่งท่ามกลางสายฝนเธอกำลังร้องไห้แดเนียลจอดรถแล้ววิ่งตาม
“ไอริณ.....ไอริณ...เดี๋ยวก่อน.....ไอริณผมขอโทษ” เขาตะโกนตามเธอแต่เธอก็ไม่ฟังเสียง
แดเนียลวิ่งตามเธอทันจับข้อมือเล็กเอาไว้ดึงเธอให้หันหน้ามาเผชิญกับเขา
“ไอริณ....ผมขอโทษนะ”
ดวงหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาและหยาดฝนมันช่างดูโหดร้ายสำหรับชีวิตของเธอนัก
“ไปให้พ้น...นับจากนี้เป็นต้นไป คุณกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” เธอสะบัดมืออย่างแรงแต่ก็ไม่หลุดพ้นจากการจับกุม
“ไอริณผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว คุณอย่าโกรธผมเลยนะ”
ไอริณพยายามที่จะสะบัดตัวให้เป็นอิสระแต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงใช้ส้นแหลมของรองเท้าช่วย เธอกระแทกน้ำหนักเต็มแรงลงที่เท้าของชายหนุ่มจนเขากระโดดตัวลอยอย่างเจ็บปวดจนปล่อยมือจากเธอ
ไอริณรีบโบกมือเรียกแท็กซี่ไปทันที ซึ่งก็ทำให้แดเนียลตามเธอไม่ทัน
ไอริณไปหาชาอินที่อพาสเม้นส์ของเธอ แม้ชาอินจะแปลกใจที่เธอมาหาในเวลานี้แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังร้องไห้อยู่เธอก็พาเธอเข้ามาและปลอบใจเธอ
ชาอินหาเสื้อผ้าของเธอมาให้เปลี่ยนและหาเครื่องดื่มร้อนๆมาให้
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” เธอถาม
ไอริณนิ่งมีเพียงน้ำตาที่ค่อยๆไหลอาบแก้ม
“แดเนียลใช่ไหม เขาทำอะไรเธอ”
หญิงสาวก็เอาแต่ร้องไห้จนชาอินจนใจได้แต่กอดเธอแล้วลูบหัวเบาๆ
“งั้นเธอก็พักก่อนก็แล้วกันนะ สบายใจแล้วค่อยเล่าให้ฉันฟัง”
ชาอินรอจนไอริณหลับแล้วเธอก็ปรึกษากับสามีว่าจะทำอย่างไรดี ซง อันโบแนะนำให้เธอโทรหาแดเนียล ชาอินเลยลองหาโทรศัพย์ไอริณในกระเป๋ากดหาเบอร์โทรของแดเนียล
แดเนียลตามไอริณไม่ทันเขาจึงไปนั่งดื่มคนเดียวที่ผลับแห่งหนึ่ง นาตาลีมาเที่ยวผลับกับเพื่อนเห็นเขาเข้าจึงแวะเข้ามาหา
“แดเนียล โอ้ว....ฉันดีใจจังที่เจอคุณ” นาตาลีเอ่ยอย่างตื่นเต้น
แต่อีกฝ่ายกับเฉยเมยหน้าตาก็ไม่สู้ดีนักบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี
แต่นาตาลีก็หยุดไม่ได้แล้วเธอก้าวเข้ามาหาเขา
“ขอฉันนั่งดื่มกับคุณนะคะ”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบเธอจึงมานั่งข้างๆ แล้วส่งเครื่องดื่มให้ตัวเอง
“วันนี้มีเรื่องกลุ้มเหรอคะ” เธอถามแต่เขาก็ไม่สนใจเธอซึ่งทำให้เธอไม่พอใจนัก เธอโน้มตัวเข้ามากอดคอเขา
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ” เธอทำเสียงเซ็กซี่
พอดีกับที่เสียงโทรศัพย์ดังขึ้นแดเนียลหยิบมาดูกำลังโชว์เบอร์ที่รัก นาตาลีมองอย่างสงสัย เขารีบรับและผละออกจากหญิงสาวทันที
“ฮัลโล ไอริณคุณอยู่ที่ไหนน่ะ”
“ฮัลโล...เออ แดเนียลคะ ฉันชาอินค่ะ ไอริณเธอมาหาฉันค่ะ ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยสบายด้วยนะคะ คุณช่วยมารับเธอหน่อย”
“ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มจับเสื้อคลุมได้ก็รีบออกไปทันที
ปล่อยให้นาตาลีมองตามอยากสงสัยและเสียดายที่วันนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าได้แลย
“ไอริณใครกันน่ะ” เธอถามตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่มีคำตอบ
แดเนียลมาที่อพาสเม้นส์ของชาอินตามที่เธอบอกเขาเข้าไปในห้องเห็นไอริณกำลังนอนซมอยู่บนที่นอน
“เธอตากฝนมาแถมยังร้องไห้อีก มีอะไรกันหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ ขอบคุณที่ดูแลเธอให้ผม” เขาเข้าไปช้อนร่างเธออุ้มขึ้นแล้วพากลับ
ไอริณตื่นขึ้นมาในตอนสายเธอปวดหัวอย่างหนักแต่พอลืมตาก็พบว่าแดเนียลกำลังนั่งเฝ้าเธออยู่
“เป็นไงบ้าง”
“ฮืม....ฉันยังไม่ตายหรอก”
“จะทานอะไรก่อนไหม” เขาถาม
ไอริณพยายามลุกขึ้นแดเนียลช่วยพยุง
“คุณจะลุกขึ้นมาทำไม นอนอยู่เฉยๆจะดีกว่านะ”
เธอสะบัดแขนเขาออก
“ปล่อยฉัน คุณอย่ามายุ่งอะไรกับชีวิตของฉัน”
“ไม่เอาน่า.....นอนเถอะ” ชายหนุ่มจับเธอนอนอย่างง่ายดาย
“คุณกินข้าวต้มเถอะแล้วก็ทานยาซะจะได้ดีขึ้น”
“ไม่ ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น” เธอดิ้นอยู่บนเตียง
“คุณจะกินดีๆหรือให้ผมป้อน” เขาเริ่มเสียงดุ
“ไม่ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น คุณออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ” เธอโวยวายใส่เขาพลางเอาหมอนทุบตีเขาจนนั่งอยู่ไม่ติดต้องหนีออกจากห้องแดเนียลทุบประตูเรียกให้เธอเปิดอย่างไรก็ไม่เป็นผล
ไอริณเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างเร่งด่วน พอเธอเปิดประตูออกมา ด้วยใบหน้าแดงกล่ำ
“คุณจะไปไหน”
“ก็ไปให้มันพ้นๆจากที่นี่ไงล่ะ ฉันคงอยู่กับคุณไม่ได้แล้ว ฉันเกลียดคุณ”
เธอลากกระเป๋าอย่างยากเย็นออกจากห้องแดเนียลยื้อเอาไว้
“ไม่ได้นะ คุณจะไปไม่ได้ ผมไม่ให้คุณไป”
“ทำไม คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาห้ามฉัน” เธอหันมาเผชิญหน้ากับเขาแต่เรี่ยวแรงจะยืนก็แทบไม่มีเธอจึงเซถลาไปแดเนียลคว้าตัวเอาไว้ทัน
“ปล่อยฉันนะ”
“อย่าดื้อสิ ไปนอนเถอะนะ” เขาอุ้มเธอไปนอนที่เตียง
“ผมขอโทษที่พูดแรงกับคุณแบบนั้น คุณยกโทษให้ผมเถอะนะ” เขาพูดอย่างสำนึกผิด
“คุณอย่าออกไปไหนเลยนะ”
“เชอะ.......มันมีความหมายอะไรกับคุณล่ะ”
“คุณนอนเถอะนะ” เขาห่มผ้าให้เธอ
แดเนียลอยู่ดูแลไอริณทั้งวันเขาโทรไปบอก ฮุน โจว่าเขาไปทำงานไม่ได้ขอเลื่อนงานทุกอย่างในวันนี้
“ไม่ได้หรอกนะ วันนี้นายต้องมีถ่ายแบบอีกทั้งงานละครอีกต้องเข้าฉากด้วย ดาราคนอื่นเขามากันหมดแล้ว นายไม่มาล่ะก็งานเสียแน่”
ไอริณแอบได้ยินเสียงโทรศัพย์ที่เขาคุยกันอย่างเคร่งเครียด
“คุณไปทำงานเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว ฉันอยู่คนเดียวได้” เธอบอกเขา
“ไม่หรอก ผมเป็นห่วงคุณนะ อีกอย่างถ้าคิดจะหนีผมไปล่ะ”
“เชอะ ฉันไม่ใช่เด็กๆนะ จะทำเรื่องแบบนั้น คุณอย่าให้เสียงานเพราะฉันเลย ฉันไม่สบายใจนะ” เธอบอก
“งั้นก็ได้ แล้วผมจะให้พี่สะไภ้มาอยู่เป็นเพื่อนนะ”
แดเนียลโทรไปขอให้ฮูนามินมาอยู่เป็นเพื่อนไอริณ ฮูนามินรีบมาที่บ้านทันที
ก่อนแดเนียลจะไปเขาก็กำชับให้เธอนอนมากๆ ไม่ต้องทำอะไรและห้ามคิดหนีออกจากบ้าน
“เป็นไงบ้างไอริณ”
“ฉันโอเคแล้วค่ะพี่สะไภ้ ไม่น่าลำบากเลยนะคะ”
“พี่ทำข้าวต้มมาฝากเธอด้วยนะ ทานเยอะๆจะได้หายไวๆ”
ฮูนามินจัดแจงเอาใส่ชามให้เธอ ไอริณทานอย่างลำบาก
“เธอคงจะเจ็บคอสินะ ไอริณ”
“ค่ะ”
“งั้นก็ทานน้ำมะนามผสมน้ำผึ้งนะ” ฮูนามินรีบจัดแจงทำให้เธอดื่มทันที
ไอริณได้แต่แอบดีใจที่พี่สะไภ้ใจดีกับเธอมาก
“ขอบคุณพี่มากเลยนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ปกติฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่มีใครคอยทำอะไรให้แบบนี้ เวลาไม่สบายด็ต้องดูแลตัวเอง”
“ฮืม...คนที่ห่วงเธอมากกว่าพี่น่ะ คือแดเนียลนะ เขาโทรไปตามพี่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
พูดไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพย์ก็ดังขึ้นเป็นเบอร์ของแดเนียลที่โทรเข้ามา
“ฮัลโล”
“คุณทานข้าวหรือยัง อย่าลืมทานยาด้วยนะ”
“ฉันเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงฉันหรอกนะคะ” เธอบอกเขา
“วันนี้ผมจะรีบกลับนะ”
“คุณทำงานเถอะ ไม่ต้องห่วง” ไอริณวางสายของเขาไปในใจก็แอบดีใจไม่น้อย
“เห็นไหมว่าเขาเป็นห่วงเธอแค่ไหน”
ฮูนามินสำทับ
เสียงออดหน้าบ้านดัง ฮูนามินไปดูให้
“ไปรษณีย์มาแน่ะ” เธอหันมาบอก
เมื่อเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ก็ขนกล่องใบใหญ่เข้ามา
“ของคุณไอริณครับ มาจากเมืองไทย” เจ้าหน้าที่บอก ไอริณจึงเดินไปดูพร้อมกับเซ็นต์รับของ
“...อะไรกันเนี่ยเยอะแยะไปหมดเลย” ฮูนามินถามอย่างสงสัย
ไอริณมองชื่อผู้ส่งเป็นชื่อของพ่อเธอ
“สงสัยคุณพ่อจะส่งผ้าลายใหม่ๆมาให้ค่ะ ฉันโทรไปบอกท่านให้ส่งมาให้ออกแบบรับเดือนมีนา”
เมื่อทั้งสองแกะกล่องออกดู มีรูปแต่งงานของไอริณกับแดเนียลที่ถ่ายที่เมืองไทยด้วย
“โอ้ว....สวยจังเลย” ฮูนามินร้องต่างตื่นเต้น
“ฉันอยากจะแต่งงานแบบเธอบ้างไอริณมีทั้งภาพถ่ายที่เกาหลีและแต่งชุดไทย” ฮูนามินหันไปมองภาพที่แขวนที่ผนังบ้านเป็นภาพที่ถ่ายที่สตูดิโอจัดหาคู่ที่จัดงานแต่งให้กับเธอ
“พวกเธอช่างเหมือนกับเทพนิยายเลยนะ ต่างคนอยู่กันแสนไกลได้เดินทางมาพบเจอกันได้ ช่างเป็นเรื่องที่วิเศษมาก ผู้หญิงทั้งโลกต่างก็ใฝ่ฝันที่จะพบความรักแบบนี้” ฮูนามินพูดพลางทำท่าทางชวนฝัน
“ฉันจะชวนโจฮานไปถ่ายสตูดิโอแบบนี้อีก เขาจะโอเคไหมนะ”
ไอริณได้แต่อมยิ้ม มองรูปที่พ่อส่งมาให้ เธอเห็นจดหมายที่แนบมาด้วยจึงเปิดอ่าน
“ไอริณลูกรัก
พ่อคิดถึงลูกทุกวันและได้แต่สวดมนต์อวยพรให้ลูกขอพ่อมีแต่ความสุข การใช้ชีวิตคู่มันคือจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งพ่อก็หวังว่าลูกจะมีชีวิตที่ดี แดเนียลคงจะให้ความรักกับลูกเช่นเดียวกับที่พ่อรัก หรือมากกว่าที่พ่อมี การที่ลูกต้องอยู่ไกลบ้านอาจจะลำบากใจ แต่ก็ขอให้เข้มแข็งเพราะสิ่งที่ลูกเลือกนั้นมันก็เหมือนพรวิเศษจากฟ้าที่ส่งมาให้
ของที่ลูกต้องการพ่อได้ส่งมาให้เรียบร้อยแล้ว อย่าทำงานจนลืมดูแลตัวเองนะ
รัก
จากพ่อ”

ไอริณได้แต่ยิ้มกับคำอวยพรที่พ่อเขียนมาให้
“ใช่สิพวกเธอแต่งงานกันมากี่วันแล้วนี่ ครบ 100 วันหรือยัง”
“เราแต่งงานครั้งแรกวันที่ 18.เดือนธันวา ก็อีกประมาณ 10 วันก็จะครบ 100 วันค่ะ ทำไมหรือคะ”
“คนเกาหลีมักจะมีของที่ระลึกเมื่อในเทศกาลต่างๆ เช่นคบกันมา 100 วันแล้ว เด็กอายุ 100 วัน ทำงานครบ 100 วัน แต่งงานครบ 100 วัน ที่จริงพวกเธอก็น่าจะทำอะไรที่พิเศษร่วมกันหน่อยสิ”
“อ้อ....คนไทยไม่มีหรอกค่ะ จะมีก็แต่การทำบุญศพ 100 วัน”
“งั้นเหรอ...” ฮูนามินทำหน้าแปลกใจกับความรู้ใหม่
“พี่ว่าเธอน่าจะทำอะไรให้แดเนียลนะเพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พิเศษของพวกเธอ” พี่สะไภ้แนะนำ
ไอริณครุ่นคิดจะว่าไปเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร และแดเนียลเองจะจำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

ตอนเย็นแดเนียลรีบกลับตามคำสัญญาฮูนามินเลยขอตัวกลับบ้านไป เขาทำอาหารเย็นให้เธอทาน
“คุณดีขึ้นแล้วใช่ไหม” เขาถาม
“ค่ะ..ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
ชายหนุ่มหันไปเห็นภาพแต่งงานชุดไทยที่ถูกวางไว้บนโต๊ะข้างบันไดขึ้นชั้นบน
“อ่ะนั้น..รูปแต่งงานของเราเหรอ”
“ค่ะ.........คุณพ่อส่งมาให้”
“ผมดูดีไหมเวลาใส่ชุดไทยแบบนั้น”
“ก็งั้นๆแหล่ะ” ไอริณแอบอมยิ้มแม้จะพูดขัดกับความเป็นจริง เพราะแดเนียลเขาดูสง่ามากแม้จะใส่ชุดอะไร
เหมือนชายหนุ่มจะรู้ว่าเธอพูดตรงกันข้าม ก็ผู้หญิงคนนี้มักปากกับใจไม่ค่อยตรงกัน เขารู้จักเธอมากขึ้นมาแล้ว
“พี่สะไภ้เขายังอยากจะถ่ายภาพสะตูดิโอเก็บเอาไว้เลยค่ะ เพราะเธอเห็นว่าเรามีรูปแต่งงานเยอะมากมาย ติดไว้ตามผนังบ้าน ราวกับว่าจะเอาไว้โชว์แขกว่าเราแต่งงานกัน”
“ก็ใช่น่ะสิ.....เราแต่งกันตั้ง 2 ครั้งเชียวนะ”
“ก็ไม่ได้แต่งกันจริงๆซะหน่อย” เธอแย้ง
“ไม่จริงยังไง ก็เราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะ คุณต้องเปลี่ยนนามสกุล ภัทรพล มาเป็น ไอริณ โรลล์” เขาชี้แจง ไอริณหน้าแดงต้องก้มหน้าซ่อนความเขินเอาไว้
“นามสกุลฉันเพราะดีอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย”
“กฏหมายไทยนิชักจะยังไงนะผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็ต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามีสิถึงจะถูก”
ไอริณนิ่งเงียบตักข้าวเข้าปาก ไม่ได้โต้แย้งอะไร
แดเนียลได้แต่อมยิ้ม
“ไอริณ...ผมขอโทษนะครับ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็ที่ผมว่าคุณแรงไปหน่อย คุณจะยกโทษให้ผมไหม”
“ไม่จำเป็นนิ” เธอตอบ
แดเนียลหน้าสลด
“ก็คุณขอโทษฉันตั้งหลายครั้งแล้วคุณจะขอโทษอีกทำไมกัน”
แดเนียลยิ้ม
“งั้นคุณก็ไม่โกรธผมแล้วใช่ไหม”
“เปล่าหรอก ฉันไม่ใช่คนใจง่ายนะ” เธอเสียงแข็ง
“ครับข้อนั้นผมทราบดี คนที่ใจง่ายมันผมเองต่างหาก เพราะตอนที่ผมขอคุณแต่งงานคุณก็ไม่ยอมซักทีแต่พอคุณขอผมแต่งงานแค่คำเดียวผมก็ตอบตกลงเลย เห็นไหมล่ะว่าผมใจง่ายแค่ไหน” ไอริณอมยิ้ม
“และอีกอย่างคุณก็ไม่ได้ต้องการที่จูบผมแต่เป็นผมเองที่เขียนสัญญาขึ้นมาเพื่อบังคับให้คุณทำ ทุกครั้งที่ผมจูบคุณก็เวลาที่คุณเผลอ แต่จริงๆแล้วผมก็อยากที่จะจูบคุณจริงๆ” เขาพูดเสียงอ่อนเมื่อเผยความจริงในใจ
ไอริณหัวใจเต้นแรงราวกับว่าเขากำลังจะจีบเธออยู่อย่างนั้นแหล่ะ
ส่วนแดเนียลเองก็พูดอะไรไม่ค่อยออก เขาเหมือนจะเสียความเป็นตัวของตัวเองเวลาที่จะพูดอะไรกับไอริณ เหมือนไม่ใช่เขาเลย
“ช่างมันเถอะ แต่คุณอย่าพูดแบบนี้อีกนะ”
“ได้ครับ ผมสัญญา” เขารับคำมั่นเหมาะ
คืนนั้นแดเนียลมาส่งเธอนอนเขาห่มผ้าให้เธอ
“พรุ่งนี้ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปทำงานนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกฉันไหวค่ะ”
เขาหันไปหยิบหมอนอิงที่วางอยู่ข้างๆ
“นี่คุณทำเหรอ” เขายิ้มขัน
“ผมใช่ไหม”
“ฮืม...” เธอยิ้มเช่นกัน
“คุณคงจะทำร้ายมันมากเลยล่ะสิ”
“ฮืม..” เธอรับคำ
แดเนียลปิดไฟหัวเตียงให้แล้วออกไปจากห้อง

รุ่งเช้าแดเนียลไปส่งไอริณที่ห้างเหมือนเคยก่อนลงจากรถไอริณพยายามทำใจกล้าหันไปหาแดเนียล
“แดเนียลคะ”
ชายหนุ่มหันมาสบตาเธอ ไอริณดึงหน้าเขาเข้ามาหอมฟอดใหญ่
“ขับรถดีๆ นะคะ” เธอบอกเขาก่อนลงจากรถ
แดเนียลได้แต่ตะลึงค้างแล้วร้องยะฮู้ออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะขับรถไปอย่างอารมณ์ดี
วันนั้นทั้งวันทั้งสองคนดูสดใสเป็นพิเศษจนทำให้คนรอบกายรู้สึกดีไปด้วย
“เป็นไงแดเนียลอารมณ์ดีเชียวนะ” ฮุน โจ ผู้จัดการเขาแซว
“มีอะไรพิเศษหรือเปล่า”
แดเนียลได้แต่ยิ้มหน้าบาน
“วันนี้เธอหอมแก้มผมด้วยแหล่ะ”
“ฮ้าๆๆ....นายนิทำเป็นเด็กไปได้ แค่ได้หอมแก้มก็ดีใจซะขนาดนี้ ถามจริงๆเถอะมีอะไรกันบ้างหรือยัง”
ชายหนุ่มส่ายหน้า
“อาร้าย...... พ่อหนุ่มเพล์บอยเรื่องแค่นี้ ถ้าจะให้ดีต้องมีอะไรกันเข้าใจมั้ย” พี่ชายชี้แนะ
ก็จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไรล่ะก็ไอริณตั้งใจหอมแก้มเขาเอง ที่ผ่านมามีแต่เขาเป็นฝ่ายบังคับเธอ
“พี่ไม่รู้หรอกว่ามันจะรู้สึกดีแต่ไหน” เขาลูบแก้มตัวเองอย่างมีความสุข
“เอ้อ....วันนี้นะมีงานใหม่ด้วยแหล่ะ เขาจะมีงานแฟชั่นใหญ่ในเดือนเมษายนนี้ เจ้าของงานเป็นมืออาชีพที่จัดงานมาแล้วทั่วโลกเลยนะ ได้ข่าวว่าเป็นสาวสวยเสียด้วย เขาอยากให้นายไปร่วมงานกับเขา ช่วงนี้เขากำลังเตรียมงานอยู่และมีงานเดินแบบเล็กๆ อยู่หลายที่ ฉันอยากให้นายรับงานนี้ด้วย เย็นนี้เขานัดไปคุยงานด้วย”
“ก็ไม่เลวนิพี่ โอเค แต่วันนี้มีเข้ากล้องฉากหนึ่งไม่รู้จะเสร็จตอนไหน”
“เดี๋ยวเดียวเองนะ”
หลังจากเสร็จงานถ่ายละคร ฮุน โจ พาแดเนียลไปแนะนำให้รู้จักกับคนที่เขาต้องการนายแบบ ซึ่งแดเนียลเองก็ตกใจที่พบว่าเป็นนาตาลี
“สวัสดีค่ะ” เธอเอ่ยทั้ง
ฮุน โจและแดเนียลทักทายเธอ
“ไม่นึกเลยว่าคุณจะมาตามที่เชิญ” เธอเอ่ยก่อน
“รู้จักกันด้วยหรือครับ” ฮุน โจ ถามอย่างสงสัย
“เราเป็นเพื่อนสมัยมัธยมที่อเมริกาค่ะ” เธอตอบ
“แม๋...อย่างนี้ก็ดีเลย ยิ่งจะทำงานกันง่ายขึ้นนะครับ”
“ค่ะ ฉันเองก็ฝันมานานแล้วว่าจะให้แดเนียลมาเดินแบบให้”
เธอยิ้มประกายตาสดใส
“เราพร้อมจะเคลียร์คิวให้ครับ” ฮุน โจ เจรจาทันที
“ต้นเดือนเมษาฉันจะมีประกวดเสื้อผ้าจากผู้มีฝีมือที่จะออกแบบมาประชันดันค่ะ และจะจัดแฟชั่นภายใต้คอนเซฟ ความสง่างามนิรันดร นั่นก็คือให้ใช้ความเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีถ่ายทอดออกมาทางผลงานที่นำเสนอ ต้องการให้นักออกแบบได้แสดงความงามของเกาหลีอย่างเต็มที่ค่ะ หลังจากนั้นก็จะนำเอาผลงานที่ชนะการประกวดออกโชว์ ไปทั้วโลก เพื่อนำรายได้เข้ากองทุนช่วยเหลือประเทศที่ด้อยโอกาสค่ะ”
“โอโฮ....คุณนาตาลีเนี่ยทั้งสวยทั้งใจงามเลยนะครับ” ฮุน โจเอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะ...สิ่งที่ฉันคิดถึงตอนนี้คือ นายแบบและนางแบบที่จะมาทำงานร่วมกับฉันค่ะ ฉันต้องการนายแบบที่ดูดีทุกโอกาส และนางแบบที่หน้าตาเก๋ สามารถใส่ชุดอะไรก็ดูดี ซึ่งในนั้นฉันก็คือถึงคุณค่ะ เพราะคุณคือคนที่ดูดีที่สุดในสายตาฉัน” ดวงตาสีน้ำข้าวจ้องมองเขาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
แต่ชายหนุ่มกลับนิ่งเฉย
“ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นผมอาจจะไม่ว่าง” เขาตอบโดยไม่ได้คิดนาน
“เฮ้ย....นายจะพูดแบบนั้นไม่ได้นะ โอกาสดีๆแบบนี้ มีไม่บ่อยนะ งานอินเตอร์ขนาดนี้ ดีไม่ดีต่างประเทศอาจจะสนใจฝีมือนายก็ได้" ฮุน โจ หันไปต่อว่าเล็กน้อย
“เอาไปคิดดูก่อนก็ได้ค่ะ เพราะมันเหลือเวลาอีก 1 เดือน แต่ฉันหวังว่าคุณคงไม่ปฏิเสธ” เธอวางหมากแกมบังคับเอาไว้
“ผมขอคิดดูอีกทีละกัน ผมขอตัวก่อนครับ ผมมีธุระ” พูดแล้วก็ลุกไปทันที
“แดเนียล....นายน่ะจะไปไหน....ไม่ได้มีนัดนิ” ฮุน โจเอ่ยตามหลังอย่างแปลกใจ
“ผมคงต้องไปก่อนนะครับคุณนาตาลี แล้วเจอกันใหม่” เขาหันมาเอ่ยลาหญิงสาว
“ค่ะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ”
ฮุน โจ วิ่งไล่ตามแดเนียลมาทันที่โรงจอดรถ
“อะไรของนายทำไมถึงปฏิเสธเขาไปแบบนั้น นายยังไม่รู้เลยว่าเดือนเมษาคิวจะว่างหรือเปล่า ทำไมถึงทำเหมือนไม่ค่อยชอบคุณนาตาลีด้วย ทั้งที่ดูเธอจะชอบนาย”
“ผมไม่อยากรับงานนี้เท่าไหร่” เขาตอบ
“นายแบบมีตั้งเยอะแยะ เธอก็ยังเลือกนาย นายยังจะปล่อยโอกาสดีๆ หลุดมือไปอีกเหรอ”
แดเนียลไม่ได้ตอบโต้อะไรเขาขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
ไอริณกำลังตรวจดูเสื้อผ้าที่เธอเพิ่งตัดเสร็จโดยเอาผ้าที่พ่อของเธอส่งมาให้ลองทำชุดสูทดูซึ่งมันก็ดูดีไม่น้อย ปุราณแวะมาหาเธอที่ร้าน
“อ้าว....คุณปุราณ” เธอหันไปเห็นชายหนุ่ม
“แวะมาเดินห้างเหรอคะ”
“เปล่าครับ ผมแวะมาหาคุณ เมื่อวานเห็นไม่มาทำงานและไม่ไปเรียนด้วย ผมเป็นห่วง” สายตาเขาดูอาทรเธอมากมาย
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง แล้วนี่ไม่ไปสอนเหรอคะ”
“ไปครับ คุณจะไปกับผมไหม”
“ไม่ค่ะ วันนี้ฉันคงต้องโดดเรียนนะคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เขาถามอย่างเป็นห่วง ก็พอดีที่แดเนียลเข้าร้านมา ทั้งสองจ้องมองกันอย่างหยังเชิง
ไอริณเห็นความตรึงเครียดเกิดขึ้นเธอจึงแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน
“แดเนียล นี่ครูที่สอนภาษาไทยให้กับฉัน เขาเป็นนักการฑูตไทยประจำประเทศเกาหลีค่ะ”
“คุณปุราณ นี่แดเนียล คุณเคยเห็นเขาไหมคะ เขาเป็นดารา”
ทั้งสองจับมือกันอย่างแกนๆ
“ผมเคยเห็นเขาบ่อยเหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“คุณดูดีกว่าในทีวีอีกนะครับ”
“ขอบคุณครับ เห็นไอริณพูดถึงคุณบ่อยๆ”
“เรารู้จักกันมานานแล้วครับ”
“ผมก็รู้จักเธอดีครับ เธอคือตัวอันตราย” เขาพูดแดกดัน
ไอริณมองอย่างไม่พอใจนัก ปุราณหันมามองเธอทีและแดเนียลที อยากจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง
“กลับกันได้แล้วนะแม่หนอน” เขาหันไปพูดกับเธอ
“แล้วผมจะช่วยสอนภาษาเกาหลีให้เธอเพิ่มเองนะครับ ขอบคุณ” เขาพูดอย่างกับเป็นเจ้าของเธออย่างนั้น
ไอริณเอ่ยลาปุราณ
เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนไอริณก็ต่อว่าเขาชุดใหญ่
“นี่คุณกล้าดีอย่างไรไปว่าฉันอย่างนั้น ฉันตัวอันตรายงั้นเหรอ แล้วคุณล่ะมันตัวอะไร ไม่โคตรอันตรายหรือไง”
“โคตรอันตรายงั้นเหรอ มันเป็นไง” เขางงกับภาษาของเธอ
“ซุปเปอร์อันตรายไงรู้จักไหม” เธอแดกดันเขา
“แล้วทำไมคุณจะต้องไปบอกเขาด้วยว่าจะสอนภาษาเกาหลีให้ฉัน ทำยังกะคุณเองพูดเก่งนักล่ะ”
“ก็เก่งกว่าคุณก็แล้วกัน”
“แล้วอย่างนี้เขาจะคิดว่าคุณกับฉันเป็นอะไรกันล่ะ”
“ก็เราเป็นอะไรกัน ผมก็สามีคุณไง”
“คุณห้ามไปพูดแบบนี้กับใครเขาอีกนะ อย่างนี้ฉันก็อดเดทกับหนุ่มๆน่ะสิ” เธอโวยวาย
“คุณไม่รู้หรือไงกฏหมายเกาหลีใครมีชู้ต้องโทษจำคุกเชียวนะ” เขาขู่เธอ
ไอริณเงียบอย่างจนมุม
“แต่คุณห้ามแสดงความเป็นเจ้าของฉันกับใครก็ตาม เข้าใจไหม คุณอย่ามาปิดกั้นโอกาสของฉัน” เธอเถียงเสียงอ่อน
แดเนียลหน้าสลดลงเขารู้สึกน้อยใจกับคำพูดที่โหดร้ายนั้น
“คุณคงจะสนใจเขาอยู่ใช่ไหม”
“เขาก็เป็นคนดี หน้าตาเขาก็ดี ดูสุภาพ ไม่เคยตะคอกฉัน ไม่เคยด่าฉัน เขาคอยช่วยเหลือฉันตั้งหลายอย่าง และเราก็เป็นคนไทยด้วยกันคุยกันรู้เรื่องดีด้วย” เธอพูดอย่างขัดเคืองใจ ก็แค่อยากจะเอาชนะแดเนียลเท่านั้น
“ก็ดี ถ้าไปกันได้ด้วยดีก็หายห่วง แต่หน้าอย่างคุณจะไปรู้อะไร คุณรู้หรือไงผู้ชายดีๆ เขาดูกันอย่างไร” แดเนียลเองก็เริ่มโกรธและพาล
“ก็คงจะไม่ใช่แบบคุณเนี่ยแหล่ะ คุณน่ะเจ้าชู้มีข่าวกับผู้หญิงไปทั่ว ใจร้ายทำฉันร้องไห้ คุณคงจะสนุกสินะที่ทำแบบนี้” เสียงเธอสะท้อนเข้าไปในอก ไอริณหันหน้ามองข้างทางแทน
ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ เธอพยายามอดกลั้นมันเอาไว้ ทั้งที่ไม่เข้าใจว่าทำไมแดเนียลจะต้องหาเรื่องทะเลาะกับเธอเพราะคนอื่นแบบนี้ เธอเงียบไปตลอดทางจนถึงบ้าน
พอกลับถึงบ้านเธอก็วิ่งขึ้นห้องและไม่ยอมลงมาอีกเลย
ส่วนแดเนียลอารมณ์ไม่ค่อยดีแล้วเขาก็นั่งดื่มคนเดียวจนดึก

รุ่งเช้ามิร่ามาที่บ้านแต่เช้าเพื่อเยี่ยมลูกสะไภ้เธอก็ตกใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าลูกชายกับลูกสะไภ้นอนกันคนละห้อง ทั้งสองจึงถูกเรียกตัวมาถามหาความจริง
“นี่พวกเธอแยกห้องกันนอนหรือนี่ โอ้ยฉันอยากจะบ้าตาย ทำไม...ทำไมพวกเธอถึงทำแบบนี้กันนะ” นางร้องอย่างผิดหวัง
“ทำไมแดเนียล บอกแม่มาสิ” นางทุบตีลูกชายตัวเองพลางร้องไห้
“แม่ทำผิดอะไร แม่บังคับลูกๆเหรอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ พวกเธอเข้ากันไม่ได้ พวกเธอมีปัญหากันใช่ไหม”
ไอริณเข้ามายื้อยุดฉุดแม่สามีออกแดเนียลได้แต่ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด
“อย่าค่ะคุณแม่ คุณแม่คะไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เราไม่ได้มีปัญหากัน เราเข้ากันด้วยดีค่ะ เพียงแต่ว่า...”
“ก็แล้วทำไมล่ะ แม่บังคับพวกเธอใช่ไหม พวกเธออึดอัดกันใช่ไหม” นางหันไปเล่นงานลูกอีกครั้ง
“คุณแม่ไม่ได้ผิดค่ะ เพียงแต่หนูไม่สบายก็เลยต้องแยกห้องกัน หนูกลัวว่าเขาจะติดไข้จากหนูค่ะ ถ้าหายดีแล้วก็จะกลับไปนอนด้วยกันค่ะ” เธอบอกมิร่า
มิร่าหยุดโวยวายหันมามองลูกสะไภ้
“ค่ะจริงคะ ใช่ไหมแดเนียล” เธอหันไปขยิบตาให้กับเขา
“ใช่ครับคุณแม่ ช่วงนี้เธอไม่ค่อยสบายคุณแม่ก็ทราบนิครับ ที่จริงเราก็ไม่อยากแยกห้องกันหรอก เธอหายเมื่อไหร่ผมจะกลับไปนอนด้วยครับ” เขากอดไอริณเอาไว้ทั้งสองหันมายิ้มให้กันหลอกๆ
“จริงนะ พวกเธอสองคนไม่ได้หลอกแม่นะ ถ้าแกหลอกแม่ แม่เอาแกตายแน่แดเนียล” นางหันไปคาดโทษลูกชาย ซึ่งเขาก็กลัวแม่มาก
“ครับคุณแม่” เขารับคำ
เมื่อแม่กลับไปในตอนสายทั้งสองนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยใจ ไอริณมองเขาอย่างงอนๆ เธอยังขุ่นเคืองใจกับเรื่องเมื่อวานอยู่ แม้เมื่อครู่นี้จะช่วยกันเอาตัวรอดมาได้ก็ตาม
“คุณอย่าคิดว่าฉันอยากจะนอนร่วมเตียงกับคุณนะ ยังไงเราก็ต้องแยกห้องกันเหมือนเดิม”
“เฮอะ.....แล้วใครเขาอยากจะนอนกับคุณล่ะ แม่หนอนแบนๆ คุณนะไม่ใช่สะเป็กของผม ดูสิหาความเซ็กซี่ก็ไม่เจอ คุณนั่นแหล่ะอย่าคิดเชียวที่จะมานอนห้องเดียวกับผม”
“อย่ามาหลงตัวเองหน่อยเลย”
ทั้งสองสะบัดหน้าใส่กัน



Create Date : 07 เมษายน 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 7:37:44 น.
Counter : 843 Pageviews.

1 comments
  
โดย: thanitsita วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:21:09:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]