มีนาคม 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
 
 
เรามาแต่งงานกันเถอะนะ


ขณะเดียวกันที่เมืองไทย อุณกลับมาทำงานปกติ เธอแวะไปดูงานที่โรงงานสิ่งทอของพ่อ ขณะที่เดินเช็คสต๊อคผ้าในโกดังอยู่นั้นม้วนผ้าที่ซ้อนกันไว้นั้นเกิดกลิ้งลงมาทับเธอ อุณเบี่ยงตัวหลบทันแต่เธอใช้มือขวายันเอาไว้มันจึงทับแขนเธอ คนงานได้ยินเสียงรีบเข้ามาช่วย โชคดีที่แค่กระดูกแขนขวาหักต้องเข้าเผือก
“ช่วงนี้เราเหมือนจะโชคไม่ค่อยดีเลยนะคะคุณ ทำบุญกันดีไหมคะ” ชมปรึกษากับสามี
“ไม่ว่าจะเป็นร้านพลอยที่โดยปล้น แล้วยังจะหนูอุณที่โดนม้วนผ้าทับอีก”
“ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวรออุณกลับบ้านก่อนแล้วเราค่อยไปทำบุญกัน”
“พรุ่งนี้อุณจะกลับแล้วค่ะคุณพ่อ”
“ฮืม......พ่อว่าอยู่ต่ออีกหน่อยก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันแค่นี้เอง”
“งั้นน้าจะไปเตรียมงานทำบุญพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ”
ชมบอกพ่อลูกแล้วก็ขอตัวไปอติเทพมองดูลูกสาวอย่างเห็นห่วง
“งั้นพ่อกลับล่ะนะลูก พรุ่งนี้พ่อจะมารับแต่เช้า”
“ค่ะ”

แดเนียลเข้านอนโรงพยาบาลเขาฟื้นขึ้นมาหลังจากที่สลบไป 1 วัน เขาฝันเห็นอุณ
แต่พอลืมตากลับเป็นแม่ของเขาที่เฝ้าอยู่
“แดเนียลฟื้นแล้ว” นางเอ่ยอย่างดีใจ
พ่อของเข้ารีบเข้ามาดู
“เป็นไงลูกชาย”
“โอเค.......ครับพ่อ”
“แม่ตกใจหมด เฮ้อ.....นึกว่าลูกจะเป็นอะไรมากซะอีก” แม่ถอนใจอย่างโล่งอก
“สมองยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า” พ่อแซว
“โอเค...ผมยังจำอะไรได้หมดครับ”
“ไม่รู้ว่าหมู่นี้ที่บ้านเราเป็นอะไรกันนะ มีแต่เรื่องไม่ดีเลยนะ” นางหันไปพูดกับสามี
“นั่นน่ะซิ.....ทั้งเรื่องลูกสะไภ้และ....แดเนียลอีก”
“เห็นทีเราต้องเข้าโบถ์กันมังแล้วนะคะคุณเผื่ออะไรจะดีขึ้น”
แดเนียลนิ่งฟังทั้งสองคุยกันเงียบๆ
“เอ่อ....พ่อครับ..แม่ครับ...”
“มีอะไรเหรอ” แม่เขาหันมาถาม
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มเปลี่ยนใจไม่บอก ด้วยกลัวว่าแม่จะเห็นว่าเขางมงาย

เช้าวันต่อมาพ่อมารับไอริณจากโรงพยาบาลเพื่อไปทำบุญที่ต่างจังหวัดทั้งครอบครัว
พ่อแอบเห็นสีหน้าลูกสาวที่ไม่ค่อยสบายใจนัก เห็นเธอเดินหลบไปที่ท่าน้ำอติเทพเลยตามไปคุยด้วย
“อุณ....ลูกเป็นอะไรหรือเปล่าพ่อเห็นหน้าลูกไม่ค่อยดีเลย”
“คุณพ่อคะ” อุณชั่งใจว่าจะเล่าเรื่องที่เธอเจอที่เกาหลีให้พ่อฟังดีไหม
“มีอะไรก็เล่ามาเถอะ ตั้งแต่เล็กจนโตอุณไม่เคยมีความลับกับพ่อนินา”
เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างอุ่นใจอย่างนั้น หญิงสาวเลยตัดสินใจที่จะบอกท่าน
“คือตอนที่อุณไปเกาหลี ช่วงที่รอพาสปอร์ตและไปพักกับอาญา ชาอินลูกสาวของอาญา ได้ชวนอุณไปเข้าสตูดิโอดูตัวค่ะ ที่นั่นถ้าผู้หญิงอายุถึงวัยที่ควรมีครอบครัวเขาจะมีพิธีดูตัวกันค่ะ และที่นั่นเป็นสตูดิโอที่ค่อยข้างศักดิ์สทธิ์ เขาให้ลูกค้าได้เข้าไปในห้องแห่งพรหมลิขิต ทางเดินข้างในคือทางที่จะทำให้เราได้พบกับเนื้อคู่ของตัวเอง และเมื่อเราได้เจอคู่ของเราแล้ว เราก็จะได้ออกมาทางประตูสวรรค์ และใครที่พบคู่นั้นในทุกคนต้องแต่งงานกับเขาหรือเธอ ถ้าคู่ไหนไม่แต่งถือว่าขัดกับโองการของสวรรค์ จะเกิดความหายนะกับครอบครัวค่ะ”
“แล้วอุณ.....ได้เข้าไปในนั้นหรือเปล่า”
“ค่ะ อุณเข้าไปในนั้นด้วยเพราะชาอินซื้อเพคเก็ตคู่”
“แล้วยังไง”
“เอ่อ....” อติเทพมองหน้าลูกสาวที่ยังไม่แน่ใจที่จะเอ่ยต่อ
“แล้วอุณก็ได้เจอผู้ชายคนหนึ่งในนั้น....ทางสตรูดิโอจะจัดงานให้เราในกลางเดือนหน้า ...แต่ ...อุณก็ไม่คิดที่จะแต่งงานกับเขานะคะพ่อ” เธอเอ่ยกลัวว่าพ่อจะไม่พอใจ
“คุณพ่อคะ อุณกลัวว่าคำที่แม่หมอเขาบอกว่าจะเกิดความหายนะกับครอบครัวค่ะ ทั้งเรื่องที่น้าชมโดยขโมยของที่ร้าน และอุณยังแขนหักอีก”
อติเทพมองสีหน้ากังวลของลูกสาว
“ฮืม......มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง มันอาจจะเป็นเรื่องไม่จริงก็ได้ อย่าคิดมากเลยลูก” พ่อปลอบใจ
“แต่อุณกลัวจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับพ่อและน้องโอมนิคะ”
“พ่อคิดว่ามันคงไม่มีอะไรหรอกน่า…..เรากลับกันเถอะ”
ว่าแล้วพ่อก็จูงมือลูกสาวกลับเข้าไปในวัดอีกที
เมื่อทั้ง 4 ขึ้นรถกลับแต่ปรากฎว่ารถสตาร์สไม่ติด เป็นเหตุให้จำเป็นต้องทิ้งรถเอาไว้ที่นั่นแล้วเรียกอู่มารับไปซ่อม ส่วนทั้ง 4 ต้องเดินทางด้วยรถทัวร์กลับบ้าน
“ฉันไม่คิดว่าทำบุญแล้วเราจะยังเจอเรื่องที่ไม่ดีอีกนะเนี่ย” พิศชมบ่นขณะขึ้นรถทัวร์
อุณสบตาพ่ออย่างเป็นกังกลท่านได้แต่ยิ้มให้กำลังใจเธอ

ขณะเดียวกันแดเนียลยังนอนอย่ที่โรงพยาบาลนั้นเมื่ออยู่กันลำพังกับแม่สองคนเขาก็ได้เล่าเรื่องไปพบอุณในห้องพรหมลิขิตให้แม่ฟัง
“ก็แล้วทำไมลูกไม่แต่งงานกับเธอล่ะ ลูกก็รู้นินา ว่าบริษัทนี้ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน”
“ผมไม่ทราบหรอกครับแม่”
“อีกอย่างเราก็ไม่ได้รักกันด้วย”
“เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นการลงโทษจากสวรรค์จริงๆก็ได้”
“แต่เธอกลับเมืองไทยไปแล้วนิครับ”
“เมืองไทยก็แค่นี้ตามเธอไปได้นินา...และอีกอย่างลูกจะต้องมีหลานให้แม่แทนโจฮานด้วยนะ ลูกต้องไปตามเธอที่เมืองไทยให้เร็วที่สุด” แม่ของเขาออกคำสั่งทันที
แดเนียลได้แต่กลุ้มใจอย่างหนัก
มีเสียงอึกทึกเกิดขึ้นที่หน้าห้องพักฟื้น นางมิร่าจึงไปดูพอเธอเปิดประตูแค่นั้นเองหญิงสาวแสนสวย 2 คนกำลังทะเลาะกันอยู่หน้าห้อง
ซึ่งก็คือนักแสดงสาวเพื่อนสาวของแดเนียลนั่นเอง แดเนียลมองเห็นแล้วส่ายหน้าอย่างรำคาญ
ทั้งสองทะเลาะกันเรื่องที่จะมาเฝ้าแดเนียล
“นี่เธอแดเนียลไม่ใช่ของเธอน่ะ อย่ามาแสดงการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาอย่างนี้”
“เธอก็เหมือนกันนั่นแหล่ะไม่มีสิทธิ์ที่จะทำตัวเป็นเจ้าของเขาเหมือนกัน…หน้าอย่างเธอไม่มีสิทธิ์นะรู้ไหม”
“ทำไมยะ นังตัวประกอบกล้าดียังไงมาว่าฉันได้”
“เชอะอย่างแกก็เป็นแค่นางเอกตกกระป๋องเท่านั้นเอง”
“กรี๊ดดดด นังบ้า”
ทั้งสองร้องกรี๊ดๆ เต้นแรงเต้นกาใส่กัน
“อะไรๆๆ หยุดนะนี่มันโรงพยาบาล” มิร่าเข้าไปห้ามทัพ
“ถอยไปนังแก่ ฉันจะตบมัน” เสียงของนางเอกสาวดังโหวกเหวกซึ่งไม่เหมือนภาพพจน์ของเธอในจอเสียเหลือเกิน
เมื่อมิร่าเข้าไปแยกจึงโดนลูกหลงเหวี่ยงไปชนกับประตู หัวฟาดจนคิ้วแตกเลือดไหล
“คุณแม่!!!” แดเนียลร้องเสียงหลง
ทั้งสองสาวเลยต้องหยุดตบตีกันหันมามองแดเนียลที่กระโดดจากเตียงมาดูอาการของมิร่า
“คุณแม่เหรอ!!!” ทั้งสองอุทานพร้อมกัน
แดเนียลโมโหถึงกับออกปากไล่ทั้งคู่ไปให้พ้น
แดเนียลรอแม่ที่ห้องฉุกเฉิน หมอเปิดประตูออกมาพร้อมกับพยาบาลที่เข็นแม่เขาบนเก็าอี้รถเข็นออกมาด้วย
“แม่เป็นยังไงบ้างครับ”
“คิ้วแตกเย็บไปตั้ง 5 เข็มแน่ะ”
เห็นสองสาวยืนหน้าจ๋อยอยู่ข้างหลัง
“เธอสองคนยังอยู่อีกเหรอเนี่ย”
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ฉันก็เป็นนังแกน่ะสิ” นางตอบอย่างโกรธ แล้วบอกพยาบาลให้เข็นรถพาไปที่ห้อง
สองแม่ลูกนอนพักที่ห้องเดียวกัน
แดเนียลมองดูแผ่นหลังแม่ที่นอนอยู่อีกเตียง
“แม่ครับ...ปวดแผลหรือเปล่าครับ”
เขาถามนางก็ยังเฉย เขารู้ว่าแม่กำลังโกรธ
พอดีพ่อเขาเดินเข้าประตูมามิร่าเลยลุกขึ้นนั่ง
“เป็นไงบ้างคุณ”
“ฉันจะกลับบ้านวันนี้ คุณคะพาฉันกลับบ้านวันนี้นะ”
“ฮึม.....ก็ได้ ดูท่าจะไม่เป็นไรมาก แล้วลูกล่ะแดเนียลจะกลับวันนี้หรือเปล่า”
“ครับพ่อ”
“แกต้องไปตามผู้หญิงคนนั้นกลับมานะ ไม่งั้นฉันจะไม่ให้แกเข้าบ้านแน่” แม่หันมาสั่งด้วยถ้อยคำประกาศิต พ่อได้แต่มองอย่างสงสาร
เมื่อกลับไปอยู่บ้านเย็นนั้นทีวีก็ออกข่าวที่มีดาราสาว 2 คนไปตบกันที่โรงพยาบาลเพราะแดเนียลเป็นเหตุให้แม่เขาต้องคิ้วแตกต้องเย็บแผลตั้ง 5 เข็ม
“เห็นไหมล่ะ ทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย มีข่าวกับสาวๆไปทั่ว ยังข่าวฉาวกับแม่สองคนนั้น ไม่ดีเลย แกจะต้องไปตามหาผู้หญิงคนนั้นและแต่งงานกับเธอซะ”
“แม่ครับผมจะไปตามหาเธอได้ยังไงล่ะเธอกลับเมืองไทยไปแล้วนะครับ อีกอย่างเราก็ไม่รู้จักกันดีเลยจะให้แต่งงานกัน”
“แกจะรอให้แม่แข้งขาหักก่อนหรือยังไงล่ะ แค่นี้ยังมีเรื่องร้ายๆ ไม่พออีกเหรอ ยังฮูนามินที่เสียลูกไป หัวแกก็แตกเพราะเล่นละครผิดคิว แล้วยังแม่ที่ต้องมาคิ้วแตกเพราะยัยดาราสองคนนี้อีก” แม่พูดอย่างโมโห
แดเนียลได้แต่ก็มหน้าพูดอะไรไม่ออก
ฮูนามินร้องไห้อย่างสะเทือนใจเมื่อคิดถึงเรื่องลูกเธอ
“พวกเราจะยอมรับเธอเหรอครับ เธอเป็นคนไทยนะครับ” เขาถาม
“ก็ยังดีกว่าที่แกจะไปคว้าเอาแม่ดารา ที่ร้องกรี๊ดๆ พวกนี้มาเป็นลูกสะไภ้แม่เสียอีก ทำไมเธอเป็นคนไทยแล้วจะยังไง แม่ก็เป็นคนเกาหลี พ่อแกเป็นคนอเมริกา เรายังแต่งงานกันได้เลย”
เขาเถียงแม่ไม่ออกเลย
“แกต้องรีบจัดการเรื่องนี้นะก่อนที่เราจะเดือนร้อนไปมากกว่านี้ การที่พี่สะไภ้เขาต้องเสียหลานไป แม่ถือว่าแกก็มีส่วนผิดที่นำความหายนะเข้ามา”
ฮูนามินยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก โจฮานจึงพาเธอเข้าไปในห้อง ส่วนแม่ก็ลุกเข้าห้องเช่นกันด้วยความโมโห
แดเนียลนั่งหน้าเศร้าอยู่คนเดียวพ่อเข้ามาปลอบใจ
“ฮึม.....แล้วแต่ลูกนะ ยังไงพ่อก็เชื่อใจลูก”
เขาได้แต่ถอนใจอย่างหนักหน่วง

ไอริณกำลังทานข้าวกับครอบครัวหลังจากกลับถึงบ้าน ทีวีกำลังออกข่าวของแดเนียลเธอมองดูอย่างสนใจ สีหน้าเธอเองก็เป็นกังวล
“ดาราเกาหลีคนนี้หล่อดีนะท่าจะเป็นลูกครึ่ง” พิศชมเอ่ย
“แต่ไม่น่ามีข่าวแบบนี้เลย”
อติเทพมองหน้าลูกสาวที่มีแววกังวลอยู่
“วันนี้จะค้างกับพ่อไหมลูก แขนก็เจ็บแบบนี้ไปอยู่คนเดียวเผื่อจะไม่สะดวก”
“ค่ะ คุณพ่อ”
“แล้วร้านเสื้อเป็นไงบ้าง ระวังหน่อยละกัน ร้านของน้าก็ขาดทุนไปแล้วเดือนนี้” พิศชมเอ่ยอย่างหัวเสีย
“ค่ะ ยังไงใกล้สิ้นปีงานเยอะ ลุกค้าก็เยอะอยู่เล้วคงไม่เป็นไรค่ะ”
ไอริณมองข่าวมีรูปแดเนียลพันแผลที่หัวด้วย เธอก็ได้แต่เป็นกังวล

ไอริณต้องค้างที่บ้านพ่อเป็นอาทิตย์จนกว่าแขนเธอจะถอดเผือกออก
ส่วนแดเนียลถูกกดดันจากแม่ให้รีบตามหาหญิงสาวและแต่งงานกับเธอ เขาไม่รู้จะตามได้อย่างไร แต่นึกขึ้นได้ว่าเคยเจอเธอที่ร้านอาหารไทยจึงไปที่นั่น
เขาขอพบจิรัญญา
“สวัสดีครับ”
“โอ้วว..แดเนียลมาทานอาหารหรือเปล่าจ๊ะ”
“ครับ...แต่ผมขอคุยด้วยหน่อยครับ”
เมื่อจิรัญญาจัดอาหารให้เขาเรียบร้อยนางจึงมานั่งเป็นเพื่อน
“แปลกใจจังคุณมาคนเดียว” เธอเอ่ยอย่างสงสัย
“คุณคงจะเห็นข่าวผมทางทีวีไปแล้ว”
“นั่นแหล่ะเป็นสาเหตุที่ผมต้องมาพบคุณ”
“มันเรื่องอะไรคะ” แววตาเธอสงสัย
“เรื่องผู้หญิงไทยที่เคยมาพักกับคุณไงครับ”
“อ๋อ....ไอริณนั่นน่ะเหรอ”
“คุณแม่ผมท่านทราบเรื่องนั้นแล้ว เลยบังคับให้ผมแต่งงานกับเธอให้ได้ เพราะช่วงนี้มีแต่เรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม”
“ค่ะ ฉันเองก็พอได้ข่าวมาบ้างแล้ว”
“คุณพอจะช่วยผมตามหาเธอได้ไหมครับ”
“ฮืม...ก็พอได้นะคะ เพราะดิฉันเป็นเพื่อนกับคุณพ่อของเธอสมัยเรียนหนังสืออยู่ ดิฉันมีที่อยู่กับเบอร์โทรของที่บ้านของเธอค่ะ”
“งั้นดีเลยครับ ผมขอหน่อยนะครับ” แดเนียลเอ่ยอย่างยินดี
เมื่อแดเนียลได้เบอร์โทรและที่อยู่ที่เมืองไทยจากจิรัญญาซึ่งที่อยู่นั้นเป็นที่อยู่บ้านพ่อของเธอ เขาจึงลองโทรหาเธอ

วันนั้นหญิงสาวออกไปทำงานแล้วมีเพียงพิศชมกับโอมที่เตรียมตัวไปโรงเรียน
“สวัสดีค่ะ” พิศชมรับสาย
แดเนียลตกใจนิดหน่อยแล้วเขาก็พูดเป็นภาษาอังกฤษกับเธอ พิศชมงงนิดหน่อยที่มีโทรศัพย์ชายหนุ่มพูดอังกฤษด้วยแต่เช้า
“ผมขอสายไอริณครับ”
“ไอริณไม่อยู่ค่ะ มีอะไรจะฝากไหมคะ” เธอนึกว่าอาจจะเป็นลูกค้าของไอริณ
“ผมมีเรื่องจะพูดกับเธอครับ มิทราบว่าคุณคือใคร”
“ฉันเป็นแม่ของเธอค่ะ”
แดเนียลนิ่งคิดแล้วจึงตัดสินใจที่จะคุยเรื่องนี้กับเธอ
“ฮืม.....ไอริณได้เล่าเรื่องของผมให้คุณฟังบ้างไหมครับ”
“เรื่องอะไรคะ” พิศชมสงสัยขึ้นมาทันที
“เรื่องที่เราต้องแต่งงานกันครับ”
“หา.....แต่งงานเหรอ ไม่นิคะ คุณเป็นใครกัน”
“ผม...เอ่อ....ผมเป็นคนที่เจอในห้องพรหมลิขิตครับ เราถูกกำหนดให้แต่งงานกันกลางเดือนหน้า ถ้าหากเราไม่แต่งงานกันจะเกิดความหายนะกับครอบครัวของเราทั้งคู่ครับ แต่เธอก็หนีกลับเมืองไทยไปซะก่อน”
“ฮา......” พิศชมตกใจกับเรื่องที่ได้ฟัง
“ถ้าหากพวกคุณไม่ยอมแต่งงานกันจะเกิดความหายนะงั้นหรือคะ”
“ครับ ดังนั้นผมจึงต้องไปตามเธอที่เมืองไทยเพื่อขอเธอแต่งงานครับ”
พิศชมวางโทรศัพย์จากชายหนุ่มอย่างร้อนใจเธอรีบไปหาสามีที่โรงงานสิ่งทอทันที
“คุณอติเทพคะ” เธอเปิดประตูเข้าห้องทำงานอย่างรีบร้อน
“มีอะไรเหรอมาถึงนี่” อติเทพมองภรรยาอย่างแปลกใจปกติเธอไม่เคยมาที่นี่เลย
“เรื่องของยัยอุณ”
“ยัยอุณ”
“เมื่อเช้ามีผู้ชายจากเกาหลีเขาโทรมาหาค่ะ เขาพูดเรื่องที่ไปเจออุณในห้องพรหมลิขิต แล้วทั้งสองก็ถูกกำหนดให้แต่งงานกัน ถ้าไม่แต่งจะเกิดความหายนะขึ้นกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย” พิศชมเอ่ยอย่างร้อนใจ
อติเทพตกใจกับข่าวที่ภรรยาเล่าให้ฟังแต่ก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“เหลวไหลน่ามีใครโทรมาอำคุณหรือเปล่า”
“คุณลองคิดดูนะคะ ตั้งแต่ยัยอุณกลับจากเกาหลี ร้านฉันก็โดนปล้น ยัยอุณก็โดนม้วนผ้าทับจนแขนหัก พอเราไปทำบุญรถเราก็ยังเสียที่วัดอีก แล้วก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นมาอีก”
“มันไม่มีอะไรหรอกน่ะ คุณไปเชื่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” อติเทพตัดบทภรรยาแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
“ผู้ชายคนนั้นเขาก็เล่านะคะว่า ครอบครัวเขาก็เกิดเรื่องเหมือนกัน พี่สะไภ้เขาตั้งท้องได้ 3 เดือนก็ต้องแท้งลูกเพราะครรภ์เป็นพิษเป็นเหตุให้เธอท้องไม่ได้อีก เขาเองก็หัวแตกเพราะโดนแจกัญฟาดหัว แม่เขาก็ชนประตูจนคิ้วแตก ยังไม่รู้อีกเลยนะว่าเราจะเจอเรื่องร้ายๆอะไรดี”
“หยุดพูดได้แล้วนะชม คุณจะมาพูดเรื่องแบบนี้กับผมอีก ผมไม่เชื่อ” เสียงสามีดุ
“คุณจะรอให้ตัวเองต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มก่อนหรือไง ถึงจะเชื่อ” นางไม่ยอมสามี
“ยังไงก็คิดถึงความรู้สึกของอุณบ้างลูกจะคิดยังไง จู่ๆจะให้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ผมคงทำไม่ได้หรอก”
พิศชมได้แต่ออกไปอย่างหัวเสียที่สามีไม่เชื่อ
นางจึงตรงไปที่ร้านเสื้อผ้าของไอริณ
“น้ารู้เรื่องของอุณที่เกาหลีแล้ว น้าเลยจะมาคุยกับเราว่าจะเอายังไง ผู้ชายคนนั้นเขาโทรมาคุยเรื่องแต่งงาน”
ไอริณตกใจอย่างมากกับเรื่องที่แม่เลี้ยงเอ่ยบอกเธอ
“คุณน้าได้คุยกับแดเนียลหรือคะ”
“ทำไมไม่บอกน้าสักคำล่ะ เรื่องแบบนี้ก็ควรให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้บ้าง”
“แต่อุณไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานนิคะ”
“มาถึงขั้นนี้แล้วอุณจะต้องคิดอีกทีแล้วล่ะ ตั้งแต่อุณกลับมาจากเกาหลีครอบครัวเราก็มีแต่เรื่องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้านน้าถูกขโมย อุณโดนม้วนผ้าหล่นทับ ยังจะเรื่องรถไปเสียที่วัดอีกทั้งที่เราก็ไปทำบุญมันน่าจะดีขึ้น และก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเราอีก” พิศชมเอ่ยแกมบังคับลูกเลี้ยง
“อุณคิดดูให้ดีนะ”
“อุณก็ไม่อยากให้ครอบครัวต้องมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นหรอกค่ะ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่นิคะ” เธอแย้ง
“แล้วอุณจะรอให้มันเกิดอะไรมากกว่านี้ล่ะ รอให้พ่อเธอน้องเธอ หรือน้า ที่จะต้องมีอันเป็นไปก่อน”
“น้าชม....”
เธอฟังถ้อยคำที่เย็นชาของแม่เลี้ยงแล้วสะเทือนใจ
พิศชมรู้ตัวว่าพูดเกินไป
“ยังไงอุณก็ช่วยคิดให้ดีเพื่อครอบครัวของเราด้วยก็แล้วกันนะ” นางพูดแล้วลุกออกไป
ไอริณร่างสั่นเทาหยาดน้ำตาคลอเป้า เธอสับสนและว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

วันต่อมาบริษัทของพ่อเธอเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจปั่นป่วนทำให้สถาบันการเงินบางรายไม่อนุมัติการกู้ยืมเพื่อไปเป็นเงินหมุนเวียน คนงานบางส่วนเริ่มระส่ำระส่ายกับสถานะการณ์ บางส่วนไม่ยอมมาทำงานทำให้การผลิตไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ อติเทพเครียดกับเรื่องนี้มาก พิศชมแวะไปหาเขาที่บริษัท
“คุณคะ” เธอเรียกสามีเมื่อเปิดประตูเข้าห้องทำงาน
“มีอะไรหรือเปล่า คุณถึงมาที่นี่”
“ตอนนี้เป็นไงบ้างคะ ให้ฉันช่วยอะไรไหม ฉันจะขายร้านเพชร พลอยมาช่วยคุณก็ได้” หน้าตาเธอเป็นห่วงสามีเป็นอย่างมาก
อติเทพหน้าตาเคร่งเครียดมากอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“ไม่ต้องหรอกครับเดี๋ยวผมหาทางออกของผมเอง ตอนนี้อุณก็กำลังคุยกับผู้จัดการทุกฝ่ายเตรียมรับสถานะการณ์ต่างๆ แล้ว” เขาพยายามพูดให้ภรรยาคลายวิตก
“ฉันหวังว่ามันคงไม่ร้ายแรงนะคะ”
อุณเปิดประตูเข้ามา
“น้าชมก็มาเหรอคะ”
“ว่าไงมั่งอุณ”
“ตอนนี้เราคงต้องหยุดผลิตสัก 2 วันก่อนค่ะคุณพ่อ แต่ยังให้ผู้จัดการทุกฝ่ายเข้าประชุมเร่วมกันเพื่อหาแนวทางต่อไป ช่วงนี้พนักงานยังสับสนอยู่ค่ะ ให้เขาพักสักสองวันก่อนคงดีขึ้นค่ะ”
“แต่อีกเดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้วมันก็ต้องได้หยุดกันอีก” พิศชมแย้ง
“ค่ะช่วงนั้นเราเองก็อาจจะต้องเพิ่มวันหยุดอีกนะคะ เพื่อเป็นการลดการผลิตไปด้วย”
“เป็นอย่างนี้เราอาจจะต้องเสียคนงานก็ได้นะ” นางยังชี้แจงต่อ
“เมื่อถึงตอนนั้นเราก็คงต้องซื้อใจคนที่เหลืออยู่ค่ะ อุณพอจะมีทางออกอยู่บ้างเหมือนกัน”
“ฮืม...ก็ดีอย่างน้อยเราไม่ถึงต้องปิดบริษัทลง” อติเทพพูดออกมาอย่างเบาใจ
“อุณเย็นนี้แวะไปหาพ่อด้วยนะ” เขาหันไปบอกลูกสาว
“ค่ะ.......อุณกลับก่อนนะคะ” เธอขอตัวกลับ
พิศชมอยู่คุยกับสามีต่อถึงสถานะการณ์บริษัทในช่วงนี้
“เนี่ยล่ะน้า.....ฉันว่าเป็นเพราะเรื่องของยัยอุณแน่เลย”
อติเทพทำหน้าไม่พอใจที่ภรรยาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น
“มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อยคุณอย่าเอามาปนกันสิ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว อุณนำความหายนะมาสู่ครอบครัวเรานะคะ เห็นมั้ยเพราะเขาไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นเราจึงต้องคำสาปจากสวรรค์”
“เหลวไหลมากไปแล้วนะคุณ”
“คุณลองคิดดูนะเรื่องต่างๆที่ผ่านมานั้นมันเกิดขึ้นหลังจากที่อุณกลับมาจากเกาหลีทั้งนั้น แล้วยังเรื่องบริษัทคุณอีก”
“เรื่องนี้มันเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจต่างหาก คุณอย่างพูดอย่างนี้เชียว อุณได้ยินจะเสียใจนะ”
“คุณน่ะมีอะไรก็เข้าข้างยัยอุณตลอดเลย คุณไม่คิดบ้างหรือไงคะว่าฉันก็ห่วงคุณเหมือนกัน ฉันเสียสละอะไรเพื่อพวกคุณบ้าง ทำไมคุณถึงไม่คิดว่าสิ่งที่ฉันแนะนำก็เพื่อคุณ ฉันไม่ต้องการเห็นครอบครัวเราหายนะนะคะ หรือคุณเลือกที่จะเก็บลูกเอาไว้ แล้วตัวเองต้องเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป” พิศชมเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจ
ไอริณนิ่งฟังน้ำตาไหลอยู่หน้าห้อง เธอเปิดประตูเข้ามา
“พ่อคะ น้าชมคะ อย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้อีกเลยค่ะ ยังไงอุณก็จะไม่ยอมให้บริษัทคุณพ่อต้องล้มละลายเป็นอันขาด และจะไม่ทำให้ครอบครัวเราแตกแยกด้วย”
“อุณ” ทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน
อุณออกจากห้องนั้นไปด้วยน้ำตา
อติเทพไม่พอใจภรรยาที่พูดรุนแรงอย่างนั้น

ตอนเย็นเมื่ออุณกลับถึงบ้านเธอต้องตกใจที่พบชายร่างสูงใหญ่ลากกระเป๋าเดินทางยืนอยู่หน้าบ้านพ่อเธอในมือเขากำลังดูกระดาษเขียนอะไรสักอย่างและกดออด 2-3 ที
“แดเนียล...” เธอเรียกเขา
ชายหนุ่มหันมามองเมื่อเห็นเป็นเธอก็ยิ้มอย่างยินดี
“ไอริณ ผมดีใจจังที่ได้พบคุณ”
เธอจึงพาเข้าบ้านเพื่อไปแนะนำให้พ่อกับแม่ให้รู้จัก
“แดเนียลค่ะ คุณพ่อ น้าชม”
“My father, My mother, Dannis”
อติเทพและพิศชมพิจารณาชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เหมือนน้าจะเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนนะ”
“เอ่อ...เขาเป็นดาราเกาหลีค่ะ”
“อ๋อใช่.....ใช่แล้วคุณคนที่แสดงหนังดึกๆช่อง 3 ที่ฉันดูทุกวันไงคะ” นางเอ่ยอย่างลิงโลดใจ
“ไม่คิดว่าตัวจริงจะหล่อขนาดนี้…โอววว...Nice to miss you Dannis” พิศชมหันไปพูดกับชายหนุ่มอย่างดีใจ
“ฮืม....เขามาทำอะไรที่นี่” อติเทพเอ่ยถามสีหน้าเคร่งเครียด
“ก็แหม๋คุณค่ะ...คุณยังจะถามอีกเขาก็ต้องมาหายัยอุณสิคะ”
“แล้วมาด้วยเรื่องอะไร” เสียงดุเข้มของผู้เป็นพ่อเอ่ย
พิศชมหันไปมาสามีอย่างขัดใจที่ทำให้เสียบรรยากาศ
“เขาก็คงจะมาคุยเรื่องแต่งงานล่ะมั้งคะ”
เธอหันไปพูดกับสามีเสียงเข้มเหมือนกัน
“ผมยังไม่คิดจะคุยเรื่องนี้หรอกนะ”
เขาตัดบท
“คุณนิก็แปลก มีผู้ชายดีๆ มาหาลูกทั้งคนยังจะมากีดกันอีก อยากจะปล่อยให้ลูกขึ้นคานหรือคะ” นางพูดแล้วค้อนอย่างไม่พอใจ
แดเนียลมองอย่างสงสัยกับการสนทนาของพ่อแม่ของหญิงสาว
“ไปทานข้าวดีกว่าค่ะ” พิศชมหันไปชวนแดเนียลแล้วลุกนำเขาไป
เขาหันไปมองหน้าอุณเธอพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เขาทำตามนั้น
เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร
“พี่อุณใครเหรอครับ”
“อ๋อเพื่อนพี่จ๊ะ ชื่อแดนนีส”
“แดเนียลนี่น้องชายฉันชื่อ โอม”
ทั้งสองจับมือกันอย่างเป็นมิตร
“Nice to miss you Dannis”
“Nice to miss you Ohm”
“เขาหล่อดีนะครับพี่”
พิศชมคอยดูแลชายหนุ่มเป็นอย่างดีจนเขารู้สึกอบอุ่นกับการต้อนรับของครอบครัวหญิงสาว
หลังทานอาหารเสร็จผู้ใหญ่นั่งดื่มชากันต่อที่ห้องนั่งเล่นโอมถูกไล่ให้เจ้าห้องอ่านหนังสือ
“ผมต้องขอโทษด้วยที่มาแบบกระทันหัน เพราะมีเรื่องสำคัญมากๆที่จะมาเรียนให้ท่านทั้งสองทราบ” ชายหนุ่มเปิดประเด็นสนทนากับผู้ใหญ่ทั้งสอง
ผู้ใหญ่ทั้งสองสบตากัน
“เรื่องของคุณคงจะสำคัญมาก” พิศชมลองเชิง
“ครับ” ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้
“ผมจะมาคุยเรื่องการแต่งงานระหว่างผมกับไอริณ”
อติเทพมองหน้าหล่อเหล่าของบุรุษตรงหน้า เขามีความกล้าหาญอยู่ไม่น้อยที่กล้ามาคุยเรื่องแบบนี้กับพ่อแม่ผู้หญิงซึ่งไม่เคยพบเจอกันมาก่อนเลย
“แต่งงานกันเหรอ” อติเทพถามกลับ
“คุณจะแต่งงานกับลูกสาวผมเหรอครับ” น้ำเสียงหนักแน่นของผู้สูงวัยเอ่ยอย่างน่าเกรงขาม
แดเนียลชักใจสั่น
“ครับ...ผมจะขอเธอแต่งงาน”
ไอริณได้แต่งนิ่งฟังเธอเองก็ไม่คิดว่าเขาเองจะกล้าพูด
“คุณคิดดีแล้วหรือถึงจะแต่งงานกับลูกสาวของผม คุณรู้จักเราดีพอที่จะขอเธอแต่งงานหรือ” เสียงของพ่อเธอยังหนักแน่น
แดเนียลกลืนน้ำลายลงคอเขากำลังเจอศึกหนัก เมื่อก่อนเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าการเข้าไปคุยกับพ่อของผู้หญิงมันจะดูเป็นเรื่องยากเพราะเขาเองก็เคยมีแฟนมาแล้วหลายคน พ่อของผู้หญิงทุกคนต่างก็ชอบเขา
แต่ครั้งนี้เหมือนเขากำลังเดินลงก้นเหวที่ไม่รู้เลยว่าชะตาชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร
“เรื่องนั้น...ผมกับเธออาจจะรู้จักกันเพียงไม่นานก็จริงอยู่ แต่ก็เชื่อว่ามันคงไม่ใช่ปัญหาถ้าหากเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยหัน”
“การใช้ชีวิตคู่คุณคิดว่ามันจะเหมือนกับการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของคุณอย่างนั้นหรือ”
“ผมคิดว่ามันคงไม่เหมือนกับที่ผ่านมาครับ”
“คุณคิดว่าแค่รวย มีชื่อเสียง มีหน้าตาทางสังคม จะทำให้ชีวิตลูกสาวผมมีความสุขหรือ”
เสียงอติเทพเรียบแต่นุ่มลึกอย่างน่ากลัว สองสาว สองวัย นิ่งฟังเงียบไม่กล้าเอ่ยความคิดอย่างไร เพราะการออกโรงของอติเทพในครั้งนี้ดูเขาน่ากลัวนัก
“สิ่งเหล่านั้นมันอาจจะเป็นส่วนนอกที่ทำให้ชีวิตเราดูดี แต่ครอบครัวเราต้องสำคัญกว่าครับ”
อติเทพนึกชมที่เขาตอบคำถามเขาได้อย่างฉะฉาน
“แล้วถ้าคุณเป็นผมจะกล้ายกลูกสาวให้กับผู้ชายที่ไหนที่เราไม่เคยรู้จักหรือเปล่าครับ”
“....เอ่อ.....” แดเนียลนิ่งอึ้งตอบไม่ได้
อติเทพเหมือนรู้ว่าเขาต้อนจนอีกฝ่ายจนมุมแล้ว
“เอ่อ...ฉันว่าเราให้เวลากับไอริณหน่อยไม่ดีกว่าเหรอคะคุณ” พิศชมแก้สถานการณ์
“ผมนึกชมคุณนะที่กล้ามาก คุณกล้ามาที่นี่ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะมาเจออะไร คุณกล้าเอ่ยปากขอแต่งงานกับลูกสาวผมแม้เราไม่เคยรู้จักกัน แต่ผมในฐานะคนเป็นพ่อ ยังไงซะชีวิตลูกทุกคนเป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องดูแล เพราะเขาคือสิ่งที่ผมรักมากที่สุด”
อติเทพเอ่ยอย่างราบเรียบแต่หนักแน่น แดเนียลนั่งนิ่งพูดไม่ออก
ไอริณน้ำตาคลออย่างสุดซึ้ง มีเพียงพิศชมที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“แต่ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับไอริณเขาจะตัดสินใจยังไง” ยังดีที่อติเทพยังไม่โหดร้ายกับเขานัก
“วันนี้คุณเดินทางมาเหนื่อยมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ บ้านผมอาจจะไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็ขอให้คุณพักให้สบายก็แล้วกันครับ”
“ขอบคุณครับ”
ไอริณพาชายหนุ่มไปห้องรับแขกที่จัดเอาไว้ที่จริงก็เป็นห้องนอนของเธอเอง
“คุณนอนที่ห้องนี้นะคะ”
ชายหนุ่มมองไปรอบห้องอย่างพิจารณาทุกอย่างตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีครีมอ่อนสบายตา โต๊ะเตียงจัดเข้าชุดกันอย่างสวยงาม
หญิงสาวเอาเสื้อผ้าเขาเก็บใส่ตู้ให้ และก็บอกว่าของอะไรที่ต้องใช้อยู่ตรงไหน
“แดเนียล เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้วนินา ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจ ในเมื่อคุณเองก็ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับฉันในตอนแรก” เธอเอ่ยกับเขา
“ผมจำเป็นต้องแต่งงานกับคุณ เพราะ.....”
“เพราะครอบครัวผมเจอเรื่องร้ายๆ จนคุณแม่ผมท่านโกรธมาก ท่านคิดว่าสาเหตุมาจากผม”
หญิงสาวนิ่งเธอเองก็ไม่ต่างจากเขานักพิศชมก็ปักใจอย่างนั้นเหมือนกัน
“ช่างมันเถอะ..เราค่อยคุยกันอีกทีกแล้วกัน คุณนอนที่นี่ก็แล้วกัน ฉันจะกลับบ้านฉัน พรุ่งนี้แล้วฉันจะมาหาคุณ”
“คุณไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันมีบ้านของฉันเอง อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักหรอก อีกอย่างคุณก็นอนห้องของฉันแล้ว ฉันก็จะกลับไปนอนที่บ้านฉัน”
“ห้องของคุณหรือครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างตื่นเต้น

ไอริณแวะไปที่ห้องของพ่อเพื่อบอกว่าเธอจะกลับไปนอนที่บ้าน
เธอได้ยินเสียงพ่อคุยกับพิศชม
“คุณไม่น่าพูดแบบนั้นกับแดเนียลเลยนะคะ ที่จริงน่าจะยกไอริณให้เขาไปเลย”
“เราเลิกพูกเรื่องนี้กันได้แล้ว คุณไม่ต้องยุ่งกับเรื่องนี้เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”
“ใช่สิ....ก็ฉันเป็นแค่แม่เลี้ยงนินา ฉันจะไปมีสิทธิ์อะไรในตัวลูกคุณ คุณรักไอริณมากจนไม่คิดถึงความรู้สึกของฉันบ้าง ฉันรักและเป็นห่วงคุณแค่ไหน ฉันกล้วจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับคุณ กับตาโอม แล้วอย่างนี้คุณก็ยังจะฉันทำยังไง หรือจะให้ฉันเป็นอะไรไปอีกคน คุณไม่ได้รักฉันเลยใช่ไหม” พิศชมสะอึกสะอื้นอย่างน้อยใจ
“พอได้แล้ว” เสียงอติเทพดุภรรยา
ไอริณน้ำตาคลอเธอเองก็ไม่สบายใจที่เห็นพ่อต้องทะเลาะกับพิศชมทุกวัน เธอจึงออกจากห้องของพ่อมาอย่างเงียบๆ
อติเทพได้ยินเสียงประตูปิดลงเขาหันไปมองรู้ว่าเป็นลูกสาว
“ไอริณ” เขาหันไปมองภรรยาอย่างไม่พอใจนักแล้วเดินตามออกมา
“อุณลูกจะไปไหน มันดึกแล้วนะ” เขาดึงแขนเล็กเอาไว้
ไอริณรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันมาหาพ่อทำหน้าปกติ
“อุณจะกลับบ้านค่ะ เพราะอุณให้แดเนียลเขานอนที่ห้องแล้ว”
พ่อมองหน้าเศร้ามีแววกังวลของลูกดึกไอริณเข้ามากอด
“ยังไงซะพ่อก็ให้ลูกตัดสินใจเองนะ ลูกโตแล้ว สิ่งเดียวที่พ่อจะบอกก็คือ พ่อรักลูกมาก”
ไอริณปล่อยหยาดน้ำตาไหลที่อกพ่อเธอ มันเหมือนน้ำเย็นที่หล่นลงมากลางทะเลทรายให้เธอได้อบอุ่นใจ
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
“อุณไปก่อนนะคะ”

หญิงสาวเตรียมขับรถออกจากบ้าน อติเทพเดินเข้าห้องเห็นภรรยานั่งหันหลังให้ประตูไหล่ทั้งสองข้างสั่นเทาเธอคงจะกำลังร้องไห้
พิศชมนั่งน้อยเนื้อต่ำใจที่เธอพูดอะไรสามีก็ไม่ฟังเธอบ้างเลย
“คุณ นอนเถอะมันดึกแล้วนะ”
เธอก็ยังเงียบ เขานั่งลงหันหลังให้ภรรยา
“ฉันไม่เข้าใจคุณเลย ทำไมคุณถึงไม่ฟังฉันบ้างเลยคะ ฉันพูดขนาดนี้ ฉันไม่ได้มีความสำคัญกับคุณเลยหรือยังไง”
ยามนี้เหมือนดั่งคลื่นแรงในทะเลมือพิศชมกำลังคลุ้มคลั่งหนัก
“คุณชมครับ คุณจำได้ไหมว่าเพราะอะไรผมถึงแต่งงานกับคุณ เพราะอะไรผมถึงเปิดใจรับคุณเข้ามา ทั้งที่คุณก็รู้ว่าผมรักภรรยาเก่าผมมากแค่ไหน ก็เพราะผมเคยบอกกับคุณว่าหากคุณรักลูกของผม ผมถึงจะยอมรับคุณ และคุณก็สามารถพิสูจน์ให้ผมได้เห็นว่าคุณสามารถเป็นแม่ของยัยอุณได้ คุณถึงได้ชนะใจของผม อุณเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของผม ในเมื่อผมยกสิ่งที่ผมรักที่สุดให้คุณดูแล นั่นก็หมายความว่าผมได้ไว้วางใจคุณแล้ว และคุณก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยตลอด 13 ปีที่ผ่านมา วันที่อุณกลับจากเกาหลี คุณเห็นลูกไหม ลูกกลับมาด้วยสายตามีแววกังวล สับสน แต่อุณกไม่ได้เอ่ยอะไรกับเรา ผมไม่สนใจว่าชีวิตผมต้องสูญเสียอะไรบ้าง แต่หน้าที่ของพ่อ คือเป็นที่พึงยามที่ลูกไร้ที่พักพึง คุณเองก็รู้ใช่ไหมว่าหน้าที่ของแม่ต้องทำอะไรบ้าง” น้ำเสียงอันอบอุ่นนิ่มนวลเอ่ยช้าๆ ทั้งสองนิ่ง
พิศชมเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา เหมือนได้สติ เธอทบทวนสิ่งที่สามีเอ่ย
“ฉันขอโทษค่ะ”
เธอหวนนึกถึงการพบกันครั้งแรกของเธอกับไอริณ ตอนนั้นเธอยังอายุประมาณ 27 ปี ส่วนไอริณ อายุ 10 ขวบ ไอริณพึ่งจะเสียแม่ไปไม่นานนัก เธอเป็นเด็กขี้แย ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเดิม เอาแต่เก็บตัวเงียบ มัก ถูกเพื่อนรังแกเป็นประจำ แต่เธอก็เป็นเด็กน่ารัก ไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้พ่อเธอฟัง ตอนนั้นเธอเพิ่งเริ่มติดต่อธุระกิจกับอติเทพยังไม่สนิทกันมากนัก พ่อลูกคู่นี้ดูสนิทสนมกันมาก อติเทพแก่กว่าเธอเกือบ 10 ปี พอไอริณอายุได้ 15 เธอกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น เด็กสาวที่อยู่อย่างไร้แม่มาแล้ว 5 ปี เธอจึงเป็นเด็กเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก เธอไม่ค่อยมีเพื่อน เลิกเรียนก็กลับบ้าน อติเทพรักลูกสาวคนนี้มากเขาไม่เคยคิดแต่งงานใหม่เพราะด้วยความที่รักภรรยาเก่ามากและเป็นห่วงความรู้สึกของไอริณ แต่พิศชมเองก็เริ่มรู้สึกว่ารักเขามากเธอจึงฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นให้ได้ ครั้งหนึ่งไอริณมีเรื่องกับเด็กผู้หญิงที่โรงเรียน อติเทพติดประชุมกับลูกค้าต่างประเทศเธอจึงอาสาไปพบครูที่โรงเรียนให้เองเมื่อไปถึงที่นั่น ไอริณนั่งน้ำตาคลอโดนผู้ปกครองของอีกฝ่ายด่าทอที่เป็นเด็กเกเรทำร้ายลูกของเขา ทั้งที่ทั้งสองก็หัวแตกเหมือนกัน พิศชมเห็นแล้วสงสารจับใจ
“เด็กไม่มีพ่อแม่สั่งสอนก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ”
“ขอโทษนะคะใครบอกว่าเธอไม่มีพ่อแม่สั่งสอน คุณพูดเกินไปแล้วนะคะ เด็กคนนี้เป็นลูกของฉันกรุณาขอโทษเราด้วย” เธอเข้าไปพูดด้วยความโมโหและอ้างไปว่าเป็นแม่ของไอริณ
ไอริณตกใจที่เห็นเธอมา
“น้าชม” เธอหันไปมอง พิศชมเดินเข้ามากอดเธอเอาไว้
“ลูกฉันก็หัวแตกเหมือนกัน ใครรับผิดชอบ อย่างนี้ต้องแจ้งความ โรงเรียนด้วยฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ฉันจะย้ายลูกฉันไปเรียนที่อื่นและฟ้องกระทรวงศึกษาว่าที่นี่ไม่ดูแลลูกฉันให้ดี แล้วยังปล่อยให้คนอื่นมาด่าลูกฉันด้วยถ้อยคำหยาบคายแบบนี้ ฉันจะฟ้องคุณด้วย” เธอพูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใคร และทำเหมือนไอริณเป็นลูกของเธอจริงๆ
“ลูกคุณน่ะผิดที่ผลักลูกฉันล้มจนหัวฟาดโต๊ะจนแตกแบบนี้”
“ลูกฉันก็หัวแตกเหมือนกัน ใช่ว่าหัวลูกคุณจะแตกคนเดียว” เธอขึ้นเสียงสูง
“คอยดูนะฉันจะจับพวกคุณเข้าตารางให้หมด”
“อ๋อ ก็เอาสิเป็นอะไร ใหญ่โตแค่ไหน บ้านเมืองเขามีความยุติธรรมพอ ไม่เข้าข้างคนเลวหรอก”
“ใครเขาเป็นคนเลวมิทราบคะ งั้นก็ดีไปคุยกันในศาลก็แล้วกัน” พิศชมเลือดขึ้นหน้ามองอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมเหมือนกัน ไอริณดึงเธอออกก่อนที่จะมีเรื่องกัน
ครูใหญ่ถึงกับหน้าถอดสี
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณ ค่อยๆพูกกันก่อน”
“คุณจะเอายังไงคะ ฉันจะไม่ให้ลูกฉันเรียนที่นี่แล้วค่ะ”
“ไป...ไอริณกลับบ้าน” เธอจูงแขนไอริณออกไป
“อ้อ....ฉันจะบอกสามีฉันให้ยกเลิกเงินสนับสนุนโรงเรียนด้วยนะคะ” เธอหันมาบอกครูใหญ่ก่อนออกจากประตูไป
ครูใหญ่ได้แต่หัวเสียอยู่อย่างนั้น
“น้าจะฟ้องพวกเขาจริงหรือคะ” ไอริณถามเธอขณะนั่งรถกลับ
“เปล่าหรอกน้าก็ขู่เขาไปอย่างนั้นแหล่ะก็น้าโกรธนิที่เขามาด่าหนูอย่างนั้น” เธอตอบ
ไอริณอุ่นใจขึ้นมาที่เธอถูกปกป้อง
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ....ที่น้าทำไปไม่ได้ต้องการแค่เอาชนะใจหนูหรอกนะ แต่น้าต้องการความถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่เมื่อเกิดปัญหาเราก็ต้องคุยกันดีๆ ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่มาใช้ถ้อยคำทำร้ายจิตใจกันแบบนี้”
ไอริณมองเสี้ยวหน้านิ่งของอีกฝ่ายอย่างชั่งใจเธอช่างเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญมากที่กล้ากระโดดเข้าวงโดยที่เธอไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างเพื่อช่วยคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกของเธอด้วยซ้ำ
“หนูอุณคงไม่ว่าอะไรนะที่น้าแอบอ้างว่าเป็นแม่ของหนู”
“ไม่หรอกค่ะ น้าชมทำดีที่สุดแล้ว”
ทั้งสองยิ้มให้กันเป็นครั้งแรก
และหลังจากนั้นไม่นานงานแต่งงานของอติเทพและพิศชมจึงเกิดขึ้น พิศชมทำหน้าที่ของแม่ด้วยดีเสมอมานับจากนั้น

แดเนียลแอบออกมาจากห้องหญิงสาว เขาออกมาทันได้เห็นไอริณกำลังขับรถจะออกจากบ้านไปเขาจึงวิ่งตาม
“ไอริณ”
รถที่วิ่งเข้าซอยสวนกับไอริณมองไม่เห็นชายหนุ่มที่วิ่งออกจากประตู เขาจึงโดนชนล้มลง
“โครมมมม” เสียงดังจนทำให้หญิงสาวหยุดรถแล้วมองกระจกหลังเห็นคนร่างสูงที่นอนนิ่งขาเขาเลยหน้ารถคันนั้นออกมา
พิศชมกับอติเทพที่กำลังจะนอนได้ยินเสียงก็ตกใจรีบออกมาดู
“ไอริณ...” พ่อเธอร้องเรียกขณะวิ่งออกมา
หญิงสาวเข้าไปประคองแดเนียลขึ้นเขาสลบไปแล้ว
“อุณเป็นอะไรหรือเปล่าลูก” พ่อตกใจมากที่เห็นเธอนั่งอยู่ข้างๆชายหนุ่ม
“พ่อคะ แดเนียลโดนรถชนค่ะ”
“ว้ายยย” พิศชมร้องเมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่มนอนจมกองเลือด
คนขับรถลงมาดูและช่วยพยุงชายหนุ่มขึ้นรถส่งโรงพยาบาล
ไอริณนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินอย่างร้อนใจมีอติเทพอยู่เป็นเพื่อนส่วนพิศชมเขาไล่กลับให้ไปอยู่เป็นเพื่อนโอมที่บ้าน
เจ้าของรถที่ชนชายหนุ่มขอรับผิดชอบเรื่องค่าพยาบาลทั้งหมดเธอเอ่ยขอบคุณเขาและให้เขากลับไปก่อน
“คุณอย่าเป็นอะไรนะแดเนียล....ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาลำบากที่นี่” เธอนึกโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุครั้งนี้
“มันไม่ใช่เพราะอุณหรอกนะ อย่าโทษตัวเองเลย” อติเทพนั่งลงข้างๆ แล้วดึงลูกสาวเข้ามากอด
“พ่อคะ อุณกลัวจังเลยค่ะ เพราะคำทำนายนั่นเราทั้งสองพยายามที่จะฝืนมัน”
“ช่างมันเถอะลูก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”
เธอกอดพ่อ ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านใจหัวใจยามที่เธอสับสนพ่อไม่เคยปล่อยมือให้เธอเดินเพียงลำพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“อุณขาดแม่ไปคนแล้ว พ่อจะทำหน้าที่เหล่านั้นให้ดีที่สุด” เขาเคยเอ่ยต่อหน้าหลุมศพของภรรยาที่เขารักมากที่สุดในชีวิตเอาไว้

“พ่อขา...ขอบคุณค่ะ” น้ำอุ่นๆไหลอาบแก้มเธออย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
เมื่อหมอออกมาจากห้องทั้งสองรีบเข้าไปถามอาการ
“คุณเป็นญาติของคนไข้ที่ถูกรถชนหรือครับ”
“ค่ะฉันเป็นเพื่อนเขา”
“ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้ว แค่กระดูที่นิ้วหัก 2 นิ้ว เขาคงใช้มือยันตอนรถชน แผลที่หัวก็ไม่ใหญ่มากเย็บไปแค่ 10 เข็มเอง ไม่มีอะไรน่าห่วงครับ”
“ขอบคุณค่ะหมอ”
ชายหนุ่มถูกเข็ญออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วตรงไปที่ห้องพักฟื้น
หญิงสาวตามไปเฝ้า
“คุณพ่อกลับเถอะค่ะ เอารถอุณกลับก็ได้”
“ลูกจะอยู่เฝ้าเขาหรือ”
“ค่ะ ก็เพราะเขามาหาอุณ เขาถึงได้รับอุบัติเหตุ อุณก็มีส่วนผิดที่ไม่ดูแลเขาให้ดีๆ คุณพ่อไม่ต้องห่วงค่ะ”
“อืม....งั้นพ่อกลับล่ะ”
พ่อพยักหน้าแล้วเดินออกไป
อุณนั่งลงข้างเตียงมองดูใบหน้ามีรอยฟกช้ำเล็กน้อยที่หัวมีผ้าพันเอาไว้อยู่ยามหลับเขาก็ยังดูดี ไอริณจับอุ้มมือใหญ่เอาไว้เขาจะรู้สึกยังไงบ้างนะ ที่ต้องมานอนเจ็บอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้ เธอกุมมือเอาไว้ถ่ายทอดความอบอุ่นให้เขาหวังว่าเขาคงไม่รู้สึกโดดเดี่ยวนัก เธอเผลอหลับที่ข้างเตียง
ตอนเช้าแดเนียลรู้สึกตัวตื่นนึกแปลกใจที่ตัวเองมานอนอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยคุ้นตามองไปรอบตัวเป็นห้องสีขาวเล็กๆ กลิ่นยาตลบอบอวนเขารู้สึกเจ็บที่แผลนึกได้ว่าตัวเองโดนรถชนเมื่อตอนดึกคืนที่ผ่าน มาหน้าบ้านไอริณ ข้างเตียงเขาเห็นหญิงผมยาวนอนกุมมือเขาอยู่ชายหนุ่มอมยิ้ม เขารู้สึกอุ่นใจที่เห็นเธออยู่ตรงนี้
“ไอริณ” เขาปลุกเธอ
หญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นมามองหน้าชายหนุ่มอย่างดีใจแต่พอนึกขึ้นได้ว่ากำลังกุมมือเขาอยู่ก็รีบสบัดออกทันทีเขาได้แต่ลูบมือตัวเอง
“คุณเป็นไงบ้าง เจ็บที่แผลไหม”
“นิดหน่อยครับ....คุณอยู่เฝ้าผมทั้งคืนเลยหรือ”
“ก็....”เธอหน้าแดงนิดหน่อยที่โดนสายตาเจ้าชู้จ้อง
“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณถูกรถชน”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย”
“ฉันไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่เลย ยังไงฉันก็อดโทษตัวเองไม่ได้”
แดเนียลพินิจมองรูปหน้าไข่ดวงตากลมโตของเธอ
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ” เขายิ้มเพื่อให้เธอคลายกังวล
หญิงสาวยิ้มอย่างน้อยเธอก็โล่งใจที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมากนัก
หมอมาดูอาการแดเนียลในตอนสายหญิงสาวสอบถามอาการเพิ่มเติม
“อีก 2-3 วัน ทำกายภาพกระดูกที่นิ้วได้ครับ เดี๋ยวก็หายเป็นปกติ ใช้งานได้ปกติ ส่วนแผลที่หัวระวังไม่ให้ติดเชื้อ แผลแห้งเร็วก็หายเองครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะหมอ”
เมื่อหมอดูอาการเสร็จก็ออกไป หญิงสาวช่วยป้อนอาหารและยาให้ชายหนุ่ม
หลังจากช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าช่วยแล้ว
“แดเนียลเดี๋ยวฉันขอตัวกลับบ้านไปอาบนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
“ครับ”
“คุณอยู่คนเดียวได้นะ”
“ครับ” ชายหนุ่มแอบยิ้มที่ไอริณดูเป็นห่วงเขา
เขาเห็นท่าทีใจดีเอื้ออาทรของเธอแล้วใจอ่อน
ไอริณกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเธอเสียงกดออดหน้าบ้านดังขึ้นหญิงสาวเดินออกไปดูเห็นเป็นพิศชมที่มาหาเธอ หญิงสาวเชิญแม่เลี้ยงเข้ามาในบ้าน
“น้าชมมีอะไรคะมาหาแต่เช้าเลย”
“น้ามีเรื่องจะคุยกับหนู”
หญิงสาวนำน้ำผลไม้มาให้อีกฝ่าย เธอดื่มมันแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ
“น้าต้องขอโทษด้วยที่พูดไม่ดีกับหนู ตอนนั้นน้าคิดมากและวิตกกังวลหลังจากที่รู้เรื่องจากแดเนียล น้ากลัวว่ามันจะเกิดเรื่องร้ายๆกับครอบครัวเราอีก จนน้าลืมคิดถึงความรู้สึกของหนูไป”
“หนูคงสับสน ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจทำยังไง แถมต้องมาโดนแรงกดดันจากน้าอีกหนูคงเสียใจมาก ยกโทษให้น้าด้วยนะ”
พิศชมเอ่ยก้มหน้านิ่ง
“น้าชม อุณไม่ได้เสียใจหรอกค่ะ และก็ไม่ได้โกรธน้าด้วย อุณรู้ว่าน้าคงเป็นห่วงทุกคนมาก น้าทำดีที่สุดแล้วค่ะ”
พิศชมเงยหน้าขึ้นมามองลูกเลี้ยง ไอริณมักจะพูดปลอบใจเธอแบบนี้เสมอเหมือนกับอติเทพ
“ไอริณ” เธอน้ำตาคลอลุกขึ้นมากอดลูกเลี้ยง
“น้าขอโทษนะ” เธอสะอื้น
“ค่ะ....” ไอริณยิ้มอย่างน้อยพิศชมก็ยังห่วงใยเธออยู่
“แล้วนี่อุณจะทำยังไงต่อไปล่ะ”
“อุณเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน....น้าไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทั้งเรื่องบริษัทคุณพ่อ และเรื่องงานแต่งงาน อุณจะจัดการทุกอย่างเอง”
ไอริณพูดอย่างหนักแน่น
ลูกสาวคนเดียวของอติเทพมีบุคลิคเหมือนกันทุกอย่าง เธอสืบเลือดเนื้อเชื้อไขเขามาทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใจคอ เป็นคนมีน้ำใจ อาทรคนอื่นเสมอ ฉลาด หลักแหลม การทำงานที่เด็ดขาดและหนักแน่น ตัดสินใจอะไรรวดเร็ว แต่เฉียบคม เธอเรียนรู้งานได้เร็วมาก ถูกสอนงานไม่นานเธอก็สามารถนั่งแท่นผู้จัดการได้สบายๆ จนพิศชมนึกชื่นชม

ตอนสายไอริณกลับไปหาแดเนียลที่โรงพยาบาลเห็นเขาหลับอยู่เธอเลยนั่งเฝ้าเขา
จนแดเนียลรู้สึกตัวอีกครั้งเขาเห็นร่างบางนั่งอยู่ที่ข้างเตียงเหมือนเคย
“คุณจะทานข้าวเที่ยงไหม” เธอถาม
“ผมยังไม่หิว”
“อืม.......ฉันมีเรื่องจะคุยคุณ”
แดเนียลมองดูดวงหน้านิ่งเงียบนั้น เขานึกใจหายกับเรื่องที่เธอกำลังจะเอ่ย
“คุณจะแต่งงานกับฉันไหม?”
“หา.....” เขาอุทานอย่างไม่เชื่อหูนัก
“เราแต่งงานกันเถอะ ฉันอยากจะยุติเรื่องต่างๆที่มันเกิดขึ้น หากว่าเราแต่งงานกันแล้วมันดีขึ้นจริง เราก็มาแต่งกันเถอะ”
“ออ...เออ” ชายหนุ่มติดอ่างไม่นึกมาก่อนเลยหญิงสาวจะเอ่ยกับเขาก่อนแบบนี้
“คุณคิดดีแล้วหรือครับ”
“แต่มีข้อแม้ว่า เราจะแต่งกันเฉพาะในนามเท่านั้น แต่เราทั้งสองไม่มีข้อผูกมัดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็มีอิสระ เมื่อครบ 1 ปีเราค่อยเลิกกัน”
เธอชี้แจงความคิดทั้งหมดให้เขาฟัง
“คุณคิดว่ายังไงบ้าง”
“เอ่อ ก็ดีครับ” สมองเขาไม่อาจจะสั่งการอะไรมากกว่าการยอมรับ
“เมื่อแต่งงานแล้วคุณต้องมาอยู่ที่เมืองไทยกับฉัน”
“ไม่ๆๆ ไม่ได้หรอก มาอยู่เมืองไทยผมจะทำอะไรอยู่ที่โน่นผมมีงานของผมอยู่แล้ว”
“ฉันจะไปอยู่ที่เกาหลีได้ยังไง ฉันไม่ชอบเมืองหนาว และฉันก็มีงานที่นี่แล้ว”
“แต่ตามธรรมเนียมเกาหลีผู้ชายจะเป็นคนเลี้ยงภรรยา”
“แต่นี่มันเป็นยุคไหนกันแล้ว คุณไม่ต้องพูดเรื่องโบราณแบบนี้หรอก” หญิงสาวเถียง
“แต่ผมเป็นดาราด้วย ที่นี่เขาคงไม่จ้างผมหรอก”
“คุณก็เลิกเป็นดาราสิ” เธอตอบโดยไม่สนใจอีกฝ่ายจะคิดยังไง
“คุณพูดแบบนี้จะเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า”
เธอนิ่งคิด
“แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันใหม่อีกทีก็แล้วกัน” เธอตัดบทก่อนที่จะเกิดการโต้แย้งกัน



Create Date : 29 มีนาคม 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 7:39:25 น.
Counter : 825 Pageviews.

2 comments
  
สะดุดตรงคำนี้ "เรามาแต่งงานกันเถอะนะ" เลยเข้ามาอ่าน พล๊อตน่าสนใจดีค่ะ ไว้จะตามอ่านนะคะ
โดย: แสนดีคนในพื้นที่ วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:8:43:13 น.
  
ขอบคุณจ้า
โดย: unitan วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:19:21:46 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]