|
23 มิถุนายน 2552
|
|
|
|
เวลาชีวิตน้อยนิดให้รีบทำดี
เวลาชีวิตน้อยนิดให้รีบทำดี
คนเราเกิดมามีกี่วันเชียว หนึ่งปีมีประมาณ 365 วัน ถ้า 10 ปี ก็ 3,650 วัน ถ้า 100 ปี ก็ 36,500 วัน แต่ส่วนใหญ่มันจะอยู่ไม่ถึง 100 ปีกันหรอก 50 ปีบ้าง 22 บ้าง 35 บ้าง แล้วแต่ใครจะใช้ชีวิตอย่างไร แล้ว ชีวิตเราแต่ละวันทำอะไรที่มันเป็นแก่นสารสาระบ้างหละ บ้างก็ไปดูหนัง ฟังเพลง ดูคอนเสิร์ต บ้างก็เที่ยวเตร่ บ้างก็ไปแย่งแฟนเขา บ้างก็ไปลักขโมยเขา บ้างก็ทำบุญ
ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามทั้งดีและชั่ว มันก็ต้องใช้เวลาทั้งนั้น
ผล ของการกระทำดีก็คือได้ผลเป็นความสุข ส่วนผลของความชั่วนั้นได้ผลเป็นความทุกข์ ทั้งดีและชั่วติดตัวเราไปได้ทุกที่ พอแตกกายทำลายขันธ์ไปสู่ปรโลกแล้ว มีสิ่งใดที่เรานำไปได้บ้าง
สิ่งที่เราโหยหามาทั้งชีวิต เช่น คนรักที่ดีเลิศหรู บ้านหลังละ 10 ล้าน ร ถคันละ 20 ล้าน ธุรกิจหมื่นล้าน ไขว่คว้าไปสารพัด บางทีตายก่อนยังไม่ได้ของพวกนั้น แล้วแต่ละวันเสียเวลาไปกับอะไร การต่อสู่แย่งชิงช่วงชิงในสังคมบ้าง บางอย่างได้มาโดยไม่ถูกต้องก็ได้บาปเป็นของแถมอีก พอได้มาแล้วก็ต้องมากังวลวิตกในการรักษาดูแลมันอีก แล้วมันสุขหรือมันทุกข์ มันได้ประโยชน์จากการเสียเวลาหรือ ได้มาแล้วมันไม่ตายหรือ
บ้างก็เอา เวลาแต่ละวันไปนินทาว่าร้าย ใส่ร้ายป้ายสี ตอหลก ตอแหล สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ทั้งๆที่นินทาเขาแล้ว ตัวเราเองไม่ได้ดีขึ้นเลย แล้วจะไปทำทำไมให้มันเสียเวลา
บ้างก็ไป ยื้อแย่งตบตี แฟน สามีชาวบ้าน เพื่อให้ได้มาซึ่งคนที่เรารักเราพอใจ ต่อให้ได้มาแล้วมันสุขแท้มั้ย สุขแค่สัมผัสชั่วครู่ชั่วคราว ลูกเมียเขาเป็นทุกข์เราได้บาปหาบเอากรรมอีก
สุขแค่ของภายนอก พอของภายนอกสนองตัณหาไม่ได้ก็ทุกข์ขึ้นมาอีก อยากจะถามว่าเวลาตายหาบเอาสามีไปด้วยได้มั้ย เวลาตายหอบเอาภรรยาไปด้วยหรือเปล่า เรามาคนเดียวไปคนเดียว แล้วจะไปเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแก่นสารพรรค์นั้นทำไมมากมาย
แก่น สารสาระของการมีชีวิต คือการใช้ประโยชน์ของชีวิตให้มากที่สุด แล้วจะใช้ประโยชน์อย่างไหนถึงจะดีที่สุด ก็ใช้มันทำดี ใช้เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน ก่อนที่กาลเวลาจะมาพรากให้เราทำไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่า วันพรุ่งนี้จะมีลมหายใจไหม เกิดครั้งหน้า จะไปไหน จะเสียเวลาอีกไหม ดังนั้นรีบทำดีให้ถึงพร้อมในกาลปัจจุบัน อย่ามัวผัดผ่อนกาลเวลา
เคยเจอมาก็มากท่าน ชอบผัดผ่อนกาลเวลา ชอบต่อรองเวลาทำดี ซึ่งทำดีนั้นผลมันเกิดขึ้นกับใคร กับตัวเราทั้งนั้น
บ้างก็อ้างว่า ใจพี่ไม่สงบ ร้อนรน ไม่อยากไหว้พระ สวดมนต์ กลัวไม่เหมาะสม พี่มีเรื่องวุ่นวายใจ ไม่อยากให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ อายท่าน
อยาก จะถามกลับไปจริงๆว่า แล้วไอ้ที่เราว้าวุ่นใจ หรือเป็นทุกข์ใจ เราไม่อายตัวเราเองบ้างหรือ ทำไมเราต้องเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร เคยคิดหาเหตุผลไหม บางทุกข์เพราะเอาใจเข้าไปยึด
จะสุขจะทุกข์มันอยู่ ที่ใจของเราว่ามันปลง มันยอมรับสภาพความเป็นจริงได้ไหม ไม่ใช่พลัดพรากจากของที่รัก ก็ทุกข์ ได้ในสิ่งที่ไม่รักก็ทุกข์ มีแล้วไม่ตอบสนองตัณหาก็ทุกข์ อย่าพยายามหาความทุกข์ใส่ชีวิตนักสิ หาความสุขจะดีกว่า ให้มันทุกข์เฉพาะทุกข์ประจำ ทุกข์ประจำคืออะไร เช่น หิว หนาว ร้อน อาการทางกาย ซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกข์ไหนเราหลีกหนีได้ เราก็หนีมันสิ อย่าเก็บเอามาทุกข์
ไม่ใช่เขามาด่าแค่วันเดียว เก็บเอาไปคิดมาก สามปี คิดฝังแค้น ทรมานอยู่นั่น คนด่าเขาได้กำไรเราแล้ว ด่าทีเดียวเกิดผล มันทุกข์ไปสามปี เขาด่าแล้วมีความสุข แต่เรามานั่งทุกข์อยู่คนเดียว มันคุ้มไหม ก็ทิ้งไปซะ อย่าไปสนใจ ดีมันก็ด่า ชั่วมันก็ด่า ขึ้นชื่อว่าอยู่ในโลก มันต้องมีของพวกนี้
ฉะนั้นแล้ว จงเลือกรับเอา สิ่งไหนดีก็เลือกเก็บเข้ามาในชีวิต อะไรไม่จำเป็นก็สละออก แล้ว รีบเร่งทำดี ทาน ศีล ภาวนา อะไรเป็นความดีให้รีบทำ แล้วมุ่งตรงต่อพระนิพพาน อย่ามัวมาไร้สาระ กับสิ่งที่จะทำให้เราจมทุกข์อยู่ร่ำไป
เกิดมาแต่ละชาติ ไม่มีชาติไหนไม่ร้องไห้ ไม่มีชาติไหนไม่เสียใจ สามี ภรรยา ลูกหลานเคยมีมันมาแทบทุกชาติ บ้านเรือน รถรา เคยมีมาหมด แล้วมันมีอะไรตามเรามาได้สักชาติไหม เกิดใหม่ทีก็มาตอแหลกันที ชาติที่แล้วแก่ ตายตอน 90 ปี พอตาย เกิดใหม่ได้ 2 เดือน แอ๊บแบ๊วตอแหล กันอีกแล้ว รีบรีบซะท่านทั้งหลาย รีบเร่งหนีจากกองทุกข์ ก่อนที่ความตายจะมาพรากไป
15 ธันวาคม 2551 ,ปาล์ม
//www.ponboon.com/forum/index.php/topic,485.0.html
Create Date : 23 มิถุนายน 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 23 มิถุนายน 2552 1:03:09 น. |
Counter : 481 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 23 มิถุนายน 2552 9:10:29 น. |
|
|
|
| |
|
|
รถขนของ |
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
http://www.ponboon.com นะ หิ เว เรนะ เวรานิ สัมมันตีธะ กุทาจะนัง อะเวเรนะ จะ สัมมันติ เอสะ ธัมโม สะนันตะโน ตัด คาถาตัดเวร จะช่วยตัดเวรจากเจ้ากรรมนายเวรที่หัวดื้อๆ อันนี้ขอให้ท่องทุกวัน.. พระคาถาแผ่เมตตาไปทั่วทั้ง 3 โลก นโม พุทธสิกขีพระพุทธเจ้า นโม สรรพพุทธานัง นโม สรรพธัมมานัง นโม สรรพสังฆานัง นโม อิติ อิติ โพธิสัตว์
โอม ฉัพพรรณรังสีพระพุทธเจ้า โอม ท่านท้าวจาตุรมหาพรหม โอม ท่านท้าวพยายมราช โอม ท่านท้าวสักกะเทวราช โอม ท่านท้าวจาตุรมหาราช ลูกขออุทิศส่วนกุศลด้วย อิทัง ปุญญะพะลัง
ผลบุญใดที่ลูกได้สั่งสมมารวมทั้งสวดพระนามพระผู้มีพระภาคเจ้า ลูกขอแผ่ส่วนกุศลไปกับฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการขององค์สมเด็จพระพิชิตมารศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
ขอได้โปรดดลบันดาลให้สรรพสัตว์ทั้งสามโลก เจ้ากรรมนายเวร และญาติมิตร มีความสุขสำเร็จในชีวิต ได้หลุดพ้นจากวัฎสงสาร โดยสิ้นเชิง ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ ลูกขอน้อมนอบนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก เจ้ากรรมนายเวรญาติมิตรและจิตลูกสว่างสะอาดสดใส หลุดพ้นไซร้สู่บ้านพระนิพพานพร้อมด้วยบริวารทุกท่านเทอญ สัมปะติจฉามิ สัมปะจิตฉามิ นิพพานสุขัง
จาก ธรรมประทานพร เล่ม ๔ __________________
การจะแก้ไขกรรม หรือแก้ไขดวงก็คือ การแก้เข้ามาในใจเรา แก้ไขความประพฤติ ถึงจะแก้กรรมเก่าได้ แต่ถ้ายังไม่เลิกนิสัยชั่วๆ มันก็ต้องทำกรรมชั่วอีกแหละ
กรรมใดผู้ทำ ทำด้วยความประณีต ผู้นั้นย่อมได้รับผลของกรรมอันประณีต กรรมใดผู้ทำ ทำด้วยความหยาบ ผู้นั้นย่อมได้รับผลของกรรมอันหยาบ
ดังนั้น :
บุญใดเป็นบุญอันประณีต ผู้นั้นย่อมได้รับผลบุญอันประณีต บุญใดเป็นบุญอันหยาบ ผู้นั้นย่อมได้รับผลบุญอันหยาบ
สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง แม้กระทำความผูกพันและหมายมั่นให้สิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบัน ก็เป็นไปไม่ได้ ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว โดยความไม่สมหวังตลอดไป อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้น เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน
อดีตปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย
|
|
|