|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
รุ้งในเงาตะวัน ตอนที่ 1-2 (ความลับของสายรุ้งและดวงอาทิตย์)
"ความลับในสายรุ้ง"
รถเอสยูวีสีดำคันใหญ่ค่อยๆ คืบคลานไปตามถนนเล็กๆ สายนั้นอย่างช้าๆ ความแคบของถนนที่ไต่ไปตามไหล่เขายังผลให้ผู้โดยสารสองคนที่นั่งอยู่ทางตอนหลังแทบจะถอนหายใจออกมาทุกๆ ห้าวินาที
ผมไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมคุณถึงไม่ค่อยกลับบ้าน ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำทะเลเอ่ยกับหญิงสาวที่นั่งมาด้วยกันทางด้านหลัง
รุ่งกาลสบตาเจ้านายหนุ่มก่อนจะตวัดค้อนคมๆ ให้เขาแทนคำตอบเมื่อเห็นแววระริกขันในตาคู่นั้น เป็นเจ้านายกับลูกน้องกันมาเกือบสองปีทำไมเธอจะไม่รู้
...จะบอกว่าบ้านเราบ้านนอกล่ะสิ...
ฉันเตือนคุณแล้วว่าให้ลองไปดูทางแม่สลองก่อนคุณก็ไม่เชื่อ เธอตอบด้วยสีหน้าเคร่งๆ หางเสียงสะบัดงอนบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มจะขุ่นมัว
เจมส์หัวเราะร่วนกับกริยาค้อนควักของเลขานุการสาว
ผมเห็นว่า...คุณจะได้ถือโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านไปพร้อมๆ กันก็เท่านั้นเอง คราวนี้เขาตอบด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานมากขึ้น
รุ่งกาลถอนหายใจก่อนจะตอบออกมาเบาๆ
ขอบคุณค่ะ...บอส
ทว่าชายหนุ่มกลับเบะปากเมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวเขาในท้ายประโยค
สอนไม่รู้จักจำนะคุณนี่
ก็คุณเป็นเจ้านาย เธอแก้ตัวแทบจะทันที
ผมไม่ชอบให้ใครเรียกผมแบบนั้น มันฟังดูวางอำนาจเกินไป บ่นพร้อมกับชักสีหน้าที่ดูยังไงก็คล้ายเด็กโดนขัดใจไม่มีผิด
บอส แกล้งเรียกด้วยอารมณ์หมั่นไส้ตะหงิดๆ
เจมส์ เขาแก้
บอส
เจมส์
บอสสสสสสสสสสสสสสส เธอลากเสียง
เจมส์!!! คุณยังอยากทำงานที่ออแกนิกส์อยู่หรือเปล่าเนี่ย เจมส์ย้ำเสียงหนัก ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้ามาดร้าย
โอเคค่ะ เจมส์ก็เจมส์ รุ่งกาลยอมแพ้ในที่สุด
เท่านี้ก็หมดเรื่อง ชายหนุ่มบอกพร้อมกับพยักหน้าอย่างพึงใจ
รุ่งกาลพินิจสีหน้าที่แลดูผ่อนคลายลงของเจ้านายหนุ่ม เธอทำงานกับเขาปีนี้เป็นปีที่สองแล้ว ต้องเรียกได้ว่าเป็นโชคดีของเธอที่หันไปพบประกาศรับสมัครงานแผ่นนั้นเข้าโดยบังเอิญ...
~~~~~~~~~~
สภาพเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงที่รุ่งกาลสำเร็จการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้หญิงสาวต้องตระเวนหางานอยู่หลายเดือน ก่อนที่เธอจะมาพบกับป้ายประกาศรับสมัครงานที่ติดอยู่หน้าทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่งระหว่างที่เธอกำลังจะเดินกลับหอพัก
หญิงสาวมองมันด้วยความสนใจก่อนจะเข้าไปยืนอ่านใกล้ๆ
...ทำไมเธอไม่ทันสังเกตมาก่อนเลยว่า...บ้านหลังนี้เป็นสำนักงานบริษัท...ถามตัวเองในใจ
มาสมัครงานหรือเปล่าครับ เสียงห้าวที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เธอยกมือขึ้นกุมหน้าอก พร้อมกับผ่อนลมหายใจช้าๆ
เปล่าค่ะ ฉันแค่เดินผ่านมา อีกอย่างถึงฉันสมัครไปเขาก็คงไม่รับหรอกค่ะ เพราะวุฒิการศึกษาไม่ตรงกับที่เขาระบุไว้ รุ่งกาลตอบหลังจากหายตกใจแล้ว เธอมองคู่สนทนาด้วยสีหน้าประหลาดใจที่ปิดไม่มิด
...ผู้ชายชาวต่างชาติตรงหน้าไม่เพียงแต่หน้าตาดีแต่ยังพูดไทยชัดแจ๋ว...
ไม่ลองดูก่อนล่ะครับ ไหนๆ ก็ผ่านมาแล้ว ไม่ได้ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร เขาแนะนำด้วยสีหน้ายิ้มๆ ชวนให้รู้สึกคล้อยตาม
ก็จริง
รุ่งกาลนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปด้านใน โดยมีชายหนุ่มก้าวเท้าตามไปติดๆ
หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนที่ยืนคุยกับเธอเมื่อสักครู่จะเป็นถึงเจ้าของบริษัท เธอถูกส่งไปพบผู้จัดการฝ่ายธุระการที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลไปโดยปริยาย
หญิงสาวกรอกใบสมัครที่ได้รับมาจากหนุ่มใหญ่วัยกลางคนที่กำลังง่วนอยู่กับแฟ้มเอกสารขนาดใหญ่ไปเงียบๆ เธอได้ยินเสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นทว่าไม่ได้สนใจจะสังเกตท่าทีของคนที่รับสาย ได้ยินเพียงแต่เสียงนุ่มทุ้มที่รับคำว่า...ครับ...ครับ...ครับผม ติดกันไม่น้อยกว่าห้าครั้ง
ทันทีที่กรอกใบสมัครเสร็จ เธอก็หยิบเอกสารที่เตรียมไว้สำหรับการสมัครงานออกมาจัดเรียงแล้วแนบเข้าไปกับใบสมัคร คิดในใจว่า...เธอนี่บ้าจี้จริงๆ ที่เชื่อคำยุของคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกได้...
เสร็จแล้วค่ะ เธอเอ่ยกับคนที่นั่งตรงข้าม ทว่าแทนที่เขาจะรับเอกสารเธอไว้ หนุ่มใหญ่กลับบอกเธอให้ถือเอกสารไปยื่นอีกห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นสองของทาวน์เฮาส์แห่งนั้น ซึ่งเธอมารู้ทีหลังว่าเป็นห้องผู้จัดการใหญ่
หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวามองหาเลขาหน้าห้องอยู่ครู่ใหญ่แต่ไม่พบใคร จึงตัดสินใจทำใจดีสู้เสือยกมือเคาะประตูเบาๆ แล้วผลักเข้าไป
ขอประทานโทษค่ะ เธอเอ่ยก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นคนที่นั่งกอดอกอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง
เจมส์ยิ้มให้เธอพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
ดิฉันเอาเอกสารมาส่งค่ะ รุ่งกาลพยายามระงับความตื่นเต้นของตัวเองแล้วเอ่ยออกมา ในขณะที่เจมส์ยื่นมือออกไปตรงหน้าเพื่อรับเอกสาร
นั่งก่อนสิครับ
ขอบคุณค่ะ หญิงสาวนั่งมองเขาอ่านประวัติส่วนตัวของเธอด้วยความรู้สึกตุ้มๆ ต่อมๆ รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก ทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านไปแค่สองสามนาทีเท่านั้นเอง
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่อ่านผ่านตาไปอย่างลวกๆ
...วุฒิการศึกษาเธอไม่ตรงกับที่เขากำหนดไว้จริงๆ นั่นแหละ แต่ที่แน่ๆ คือเขาถูกชะตาเธอ...
คุณมีชื่อเล่นหรือเปล่ารุ่งกาล?
คุณคิดยังไงกับงานเลขานุการบ้าง?
คุณคิดว่าตัวเองพร้อมสำหรับงานนี้มากแค่ไหน?
เจมส์ป้อนคำถามเธออย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างพึงใจกับคำตอบส่วนใหญ่ของเธอก่อนจะถามคำถามสุดท้าย
พรุ่งนี้คุณคิดว่าจะมาทำงานได้ไหม?
รุ่งกาลอึ้งไปราวสองวินาทีก่อนจะตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ได้ค่ะ
งั้นก็...ยินดีต้อนรับสู่ออแกนิกส์ครับ
ออแกนิกส์เป็นบริษัทลูกที่แยกตัวออกมาจากบริษัทค้าส่งชาจีนรายใหญ่ของประเทศ ด้วยการหันมาเปิดตลาดสินค้าในกลุ่มของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และชาสมุนไพรที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี โดยอิงกับตลาดผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพด้วยการทำธรรมชาติบำบัด ซึ่งนั่นก็ทำให้ออแกนิกส์เติบโตจนกลายมาเป็นเจ้าของส่วนแบ่งใหญ่ทางการตลาดด้วยเวลาอันรวดเร็ว
สามเดือนสำหรับการเทรนงานและปรับตัวทำให้หญิงสาวเข้าใจความเอาจริงเอาจังที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์ง่ายๆ สบายๆ ของเจ้านายหนุ่มมากขึ้น ในขณะที่เจมส์เองก็พอใจกับความมุ่งมั่นและความทุ่มเทเอาใจใส่งานของรุ่งกาล
สองหนุ่มสาวจึงกลายเป็นเจ้านาย-เลขาที่เข้ากันได้ดี จนถึงขนาดมีการคาดหวังกันในหมู่พนักงานว่า...ตำแหน่งเลขานุการของรุ่งกาลอาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นในไม่ช้า
หากจนแล้วจนรอด...เวลาก็ผ่านไปจนเกือบสองปี โดยที่เธอยังคงกินตำแหน่งเลขานุการอยู่ตามเดิม
เจมส์เป็นเจ้านายที่เอาใจใส่ลูกน้องเป็นอย่างดี เขาไม่ชอบให้พนักงานของออแกนิกส์แทนตัวเขาด้วยสรรพนามว่า...เจ้านาย...บอส...หรือสรรพนามอื่นใดที่อาจจะมีความหมายเช่นเดียวกับคำเหล่านั้น
ดังนั้นพนักงานส่วนมากจึงเรียกเขาว่า...คุณเจมส์ หรือคนที่สนิทสนมกันมากหน่อยก็อาจจะเรียกเขาว่า...เจมส์...เฉยๆ ในขณะที่รุ่งกาลมักจะใช้ทั้งสองแบบแล้วแต่ว่าสถานการณ์ในตอนนั้นเป็นอย่างไร และในบางครั้งเธอก็แกล้งขานสรรพนามที่เขาไม่ชอบด้วยอารมณ์หมั่นไส้...อย่างเช่นในวันนี้
~~~~~~~~~~
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ อยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเส้นทางที่คดเคี้ยวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลี้ยวหักอย่างกระทันหัน เจมส์มองทรรศนียภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ
จากตำแหน่งที่รถวิ่งอยู่เส้นทางที่ทอดลงไปตามไหล่เขานั้นไม่ค่อยคดเคี้ยว และลาดชันเหมือนช่วงที่ผ่านมา ห่างออกไปไม่ไกลนักเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา แม้ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ เขาก็สามารถรู้ได้
...บ้านแม่ดอกเอื้อง...จุดหมายปลายทางในวันนี้
รุ่งกาลบอกให้คนขับรถแวะให้เธอเอาสัมภาระลงที่หน้าบ้าน ก่อนที่เธอจะนั่งรถต่อไปยังไร่แสงตะวันที่อยู่ห่างออกไปเพียงห้าร้อยเมตรพร้อมกับเจ้านายหนุ่ม
อันที่จริงคุณไม่ต้องไปกับผมก็ได้ พักให้หายเหนื่อยแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยเจอกัน เจมส์บอกเลขานุการสาวด้วยน้ำเสียงใส่ใจ
รุ้งมาทำงานนะคะคุณเจมส์ รุ่งกาลตอบเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังแบบเลขานุการเต็มขั้น
การเดินทางในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเจมส์ต้องการขยายปริมาณการรับซื้อออกไปเพื่อให้เพียงพอกับการเปิดตลาดต่างประเทศ และที่ไร่แสงตะวันก็มีการปลูกและผลิตชาสมุนไพรไร้สารพิษอยู่ก่อนแล้ว
ผมทราบครับคุณเลขา
แล้วทำไมถึงพูดยังกับว่า...รุ้งมาเที่ยวพักร้อนอย่างนั้นแหละ เอ่ยถามด้วยมาดที่ถ้าใครมาเห็นเข้าคงคิดว่า...เธอเป็นคุณครูเจ้าระเบียบมากกว่าเลขานุการสาว
ก็ถือโอกาสพักไปในตัวไง จริงสิ! ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาคุณยังไม่เคยพักร้อนเลยนี่นา
ทำยังไงได้ล่ะคะ ถ้ารุ้งหยุดตารางงานสารพัดของคุณมีหวังรวนจนสางไม่ออกแน่ หญิงสาวบอกเขาตามที่คิด
พูดแบบนี้แสดงว่าอยากได้ผู้ช่วยหรือไง? เจมส์ย้อนถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ กึ่งเล่นกึ่งจริง
ถ้าคุณจะใจดี... รุ่งกาลละคำท้ายประโยคไว้เพียงเท่านั้น เมื่อรถที่เธอและเจมส์โดยสารมาจากสนามบินจอดลงตรงหน้าอาคารครึ่งอิฐครึ่งไม้ในเขตไร่แสงตะวัน
รุ่งกาลลงจากรถ หญิงสาวก้าวเท้าไปยืนในร่มชายคาหน้าอาคารเพื่อหลบแดด โดยมีร่างสูงของเจมส์เดินตามมาสบทบในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา
ชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่สารถีกุลีกุจอยกกระเป๋าเสื้อผ้าของเจมส์ลงมา เขารีบส่ายศีรษะปฏิเสธเมื่อชายหนุ่มหยิบเอาธนบัตรสีแดงออกมาจากกระเป๋าเงินแล้วส่งให้
ผมคงรับไว้ไม่ได้หรอกครับ ขอบคุณครับ ร่างผอมเกร็งค้อมตัวลงก่อนจะกลับขึ้นไปบนรถแล้วขับออกไปอีกครั้ง
หญิงสาวที่มารอรับแขกจากกรุงเทพเป็นคนที่รุ่งกาลคุ้นเคยดี เพราะเคยเรียนหนังสือด้วยกันมา
สวัสดีค่ะ เธอยกมือไหว้เจมส์ก่อนจะหันมาทางรุ่งกาล
ไม่ต้องพิธีรีตองกับเราขนาดนั้นก็ได้ฤทัย หญิงสาวเอ่ยกับอดีตเพื่อนร่วมชั้น ที่เอ่ยชมเธอแทบจะทันที
รุ้งสวยขึ้นนะ...จำเกือบไม่ได้แน่ะ
ฤทัยก็เหมือนกันแหละ
แล้วสองสาวก็หัวเราะให้แก่กัน
~~~~~~~~~~
หนึ่งฤทัยพาเจมส์ไปยังห้องพักรับรองของไร่ พร้อมกับอธิบายถึงประวิติความเป็นมาของไร่แสงตะวันให้เขาฟังคร่าวๆ
ตอนแรกเราเปิดเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติเข้าพัก พอนานวันเข้าก็เริ่มเป็นที่รู้จักทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คุณแสงฉานที่เพิ่งมารับช่วงกิจการต่อเลยปรึกษากับชาวบ้านตั้งเป็นคณะกรรมการชุมชนขึ้นมา จัดรูปแบบเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยมีชุมชนชาวแม่ดอกเอื้องเป็นศูนย์กลาง นักท่องเที่ยวที่มาพักจะถูกจัดให้ไปค้างคืนกับบ้านที่เปิดรับเป็นโฮมสเตย์ตามความเหมาะสม อย่างทางไร่เองก็เปิดให้เข้าพักเพียงสองห้องนะคะ
กิจกรรมที่เราจัดให้นักท่องเที่ยวก็จะมีตั้งแต่ เดินป่าชมธรรมชาติ ตั้งแคมป์ไฟริมธารแม่ดอกเอื้อง ดูการทำไร่ชา-กาแฟ การทำเมี่ยงแบบโบราณ มีครอสสอนทำอาหารพื้นเมืองแบบง่ายๆ หรือถ้าหน่วยงานไหนสนใจวิธีการบริหารจัดการของชุมชนก็สามารถมาศึกษาดูงานได้ค่ะ หญิงสาวอธิบายคล่องแคล่ว ทำเอาคนฟังนอกจากจะฟังเพลินแล้วยังเผลอมองใบหน้าหวานๆ ตามแบบสาวเหนือตาไม่กระพริบ จนรุ่งกาลต้องรีบสะกิด
โอ๊ย! คุณหยิกผมทำไม? เจมส์สะดุ้ง ก่อนจะหันมากระซิบถามเลขานุการสาวเสียงขุ่น
ก็คุณเล่นจ้องเพื่อนฉันตาไม่กระพริบเสียขนาดนั้น รุ่งกาลกระซิบตอบเสียงเขียวไม่แพ้กัน
อ้าวเหรอ
หนึ่งฤทัยมองกริยาสนิทสนมของสองหนุ่มสาวด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนจะอธิบายต่อ
วันนี้คุณแสงฉานติดธุระในเมือง กว่าจะกลับคงค่ำๆ เลยให้ดิฉันทำหน้าที่รับรองคุณ ต้องขออภัยที่ทำให้ต้องรอนะคะ
ไม่เป็นไรครับ
หญิงสาวใช้กุญแจที่ถือติดมือมาไขประตูห้องแล้วเปิดออก เผยให้เห็นห้องนอนกว้างพอสมควร
เชิญค่ะ บอกพร้อมกับผายมือเข้าไปในห้อง
เจมส์มองห้องพักอย่างพึงใจ
ขาดเหลืออะไรบอกดิฉันได้โดยตรงนะคะ ข้างโทรศัพท์จะมีหมายเลยภายในกำกับไว้ค่ะ
ขอบคุณครับ เจมส์บอกก่อนจะยื่นมือออกไปรับกุญแจห้องที่เธอส่งไปให้
งั้นรุ้งขอตัวด้วยเลยนะคะคุณเจมส์ พบกันพรุ่งนี้ค่ะ รุ่งกาลบอกกับเจ้านายหนุ่มเสียงใส ก่อนจะก้าวเท้าตามเพื่อนสาวออกจากห้อง
พี่ไลท์สั่งไว้...ให้รุ้งพักห้องข้างๆ คุณป้ารวีนะจ๊ะ หนึ่งฤทัยหันมาบอกเพื่อนพลางทำท่าจะก้าวเท้าไปยังอีกฝากของตัวบ้านที่ปลูกเป็นอาคารชุดเรียงกันเป็นรูปตัวแอล ทว่ารุ่งกาลรีบส่ายหน้า
เราเอากระเป๋าลงที่บ้านหมดแล้ว อยากนอนกับแม่น่ะ ว่าแต่จะทำให้ฤทัยลำบากหรือเปล่า? ท้ายประโยคเอ่ยถามด้วยน้ำเสียห่วงใย
ไม่หรอก...ที่จัดแบบนี้เพราะเราจัดที่พักแยกฝั่งชาย-หญิง ตอนที่สั่งพี่ไลท์คงไม่คิดว่าเป็นรุ้ง แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราจัดการเอง คนเป็นเพื่อนอธิบายก่อนจะเอ่ยถาม
รุ้งจะรีบไปไหนหรือเปล่า? ถ้าไม่รีบจะชวนไปกินกาแฟด้วยกัน ไม่เจอกันมาตั้งนานขอเม้าท์ให้หายคิดถึงหน่อยเถอะ
ไม่จ้ะ
หนึ่งฤทัยหรี่ตามองเพื่อน
ไม่นี่แปลว่าไม่รีบ หรือว่าไม่ตกลง?
ไม่รีบจ้า แหม...เพื่อนเรากลายเป็นคนคิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
พูดแล้วจะหาว่านินทาเจ้านาย มาทางนี้ดีกว่า ว่าแล้วหนึ่งฤทัยก็คว้ามือเพื่อนสาวให้ก้าวตามเธอไป
~~~~~~~~~~
ร้านกาแฟสดเล็กๆ นั้นตั้งอยู่บนเนินค่อนไปทางด้านหน้าของไร่ สามารถมองเห็นหมู่บ้านได้แทบทุกหลังคาเรือนรวมทั้งบ้านของรุ่งกาลเองด้วย
กาแฟเย็นจ้ะ หนึ่งฤทัยบอกเด็กสาวที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่หลังเคาน์เตอร์แล้วจึงหันมาทางเพื่อนสาว รุ้งล่ะ?
กาแฟเย็นเหมือนกัน รุ่งกาลบอกเพื่อน หญิงสาวหยิบถุงคุ๊กกี้ที่วางเรียงอยู่บนมุมหนึ่งของเคาน์เตอร์ขึ้นมาดูด้วยความสนใจ
คุ๊กกี้ธัญพืชของน้าไข่น่ะ ลองชิมดูซีอร่อยนะ ไม่พูดเปล่าแต่ยังยัดขนมถุงนั้นใส่มือรุ่งกาลดื้อๆ ดาว...ลงบัญชีพี่ไลท์นะ
จะดีเหรอฤทัย
ดีแน่นอนจ้ะ ว่าแต่รุ้งเถอะมีแฟนหล่อขนาดนี้ทำไมพึ่งจะพามาโชว์ตัว
แฟนที่ไหน?
ก็คุณเจมส์...ไม่ใช่เหรอ?
เขาเป็นเจ้านาย รุ่งกาลย้ำเสียงหนักพร้อมกับส่ายหน้า
ก็เห็นสนิทกันนี่นา
ทำงานด้วยกันวันละสิบชั่วโมง สัปดาห์ละหกวันไม่รวมโอที ถ้าไม่สนิทก็แย่ล่ะ งานนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ จ้า เธออธิบายก่อนจะกลับมาเป็นฝ่ายเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้
พี่ไลท์กลับมานานแล้วเหรอฤทัย?
เอ๋!? นี่รุ้งไม่รู้หรอกหรือ...เมื่อก่อนเห็นสนิทกันจะตาย หนึ่งฤทัยถามกลับด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ตั้งแต่ไบร์ท...ไม่อยู่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันน่ะ
นั่นซีนะ คิดไปก็ใจหาย
...นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอไม่ค่อยกลับบ้าน...
สองสาวคุยกันด้วยเรื่องสรรพเพเหระอื่นๆ จนบ่ายแก่รุ่งกาลจึงขอตัวกลับบ้าน
เรากลับก่อนนะฤทัย
ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนล่ะ
หญิงสาวส่ายหน้า ไม่ล่ะ ขอบคุณมากที่เลี้ยงกาแฟ พรุ่งนี้เจอกันจ้ะ
จ้า
~~~~~~~~~~
รุ่งกาลก้าวเท้าช้าๆ ไปตามริมถนน ระยะทางจากไร่แสงตะวันกลับบ้านนั้นไม่ไกลนัก จริงๆ แล้วต้องเรียกว่า...ที่ดินบางส่วนของไร่แสงตะวันนั้นเคยอยู่ในความครอบครองของคุณตาของเธอมาก่อน
คุณพงษ์ บิดาของแสงฉานเป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนที่ย้ายมาจากจังหวัดทางภาคกลาง ก่อนจะตัดสินใจตั้งรกรากอยู่ที่บ้านแม่ดอกเอื้องด้วยการแต่งงานกับคุณรวีซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกเรียงพี่เรียงน้องกับมารดาของเธอ
ดังนั้นเมื่อคุณพงษ์ขอแบ่งซื้อที่ดินจากคุณตา ในฐานะที่เป็นญาติกันคุณตาจึงตัดแบ่งที่ดินบางส่วนให้ ก่อนที่คุณพงษ์จะหันมาทำสวนเมี่ยงเต็มตัวและขยายกิจการออกไปจนสามารถสร้างฐานะขึ้นมาได้อย่างเช่นปัจจุบัน
แสงฉานเป็นลูกชายคนโตของคุณพงษ์ เขามีน้องชายซึ่งอายุเท่าๆ กันกับเธออยู่อีกคนหนึ่งคือ...ตะวันฉาย ความที่บ้านอยู่ติดกันและเป็นญาติใกล้ชิดทำให้เธอสนิทกับสองพี่น้องราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน
เธอมักจะจับคู่เล่นกับตะวันฉาย บางครั้งก็ดีกัน...และบางทีก็ทะเลาะกันโดยมีแสงฉานรับหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยเพราะเป็นพี่ใหญ่ที่ต้องดูแลน้อง จนกระทั่งเขาต้องย้ายไปอยู่กับญาติในเมืองเพื่อเรียนต่อในระดับมัธยมทำให้เหลือแค่เธอกับตะวันฉายแค่สองคน
ตอนนั้นเธอเพิ่งจะเก้าขวบ วันนั้นเป็นวันเสาร์เธอกับตะวันฉายไม่ต้องไปโรงเรียนจึงมาขลุกเล่นด้วยกันตลอดทั้งเช้า อากาศวันนั้นค่อนข้างอึมครึม ฝนตกปรอยๆ ราวกับจะเป็นลางบอกเหตุถึงความสูญเสียที่กำลังคืบคลานเข้ามา...
หลังมื้ออาหารกลางวันผ่านพ้นไปสายฝนบางเบาที่แข่งกันโรยตัวลงมาจากฟากฟ้าก็หยุดลง ทิ้งไว้แต่ละไอหนักข้นของอากาศ ตะวันฉายที่เบื่อการเล่นในร่มเต็มที่จึงชวนเธอไปเล่นที่น้ำตกซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะไม่ชอบการอยู่ในร่มพอๆ กัน
แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...
เมื่อฝนที่ตกหนักในหุบเขาทางทิศเหนืออันเป็นต้นน้ำของธารแม่ดอกเอื้องนั้นมีปริมาณมากกว่าที่พระแม่ธรณีจะดูดซับเอาไว้ได้ทัน เสียงสะเทือนเลือนลั่นดังก้องป่า ก่อนที่น้ำป่าจะไหลบ่าพัดเอาทั้งเธอแหละตะวันฉายติดไปกับสายน้ำด้วย
ตะวันฉายถูกน้ำพัดไปหลายกิโลเมตร และจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ในขณะที่เธอรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ หากถึงกระนั้นเธอก็ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานร่วมเดือน ด้วยอาการปอดบวมอย่างรุนแรง
ทุกๆ คนพยายามปิดบังข่าวร้ายไม่ให้เธอได้รับรู้ จนกระทั่งเธอออกจากโรงพยาบาล การสูญเสียเพื่อนรักทำให้เธอซึมลงอย่างเห็นได้ชัด
จากเด็กหญิงแก่นเซี้ยว ร่าเริงสดใส กลับกลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา และฝันร้ายจนละเมอตื่นทุกคืน ท้ายที่สุด...คุณตาจึงออกปกาศิตให้แม่กับพ่อพาเธอย้ายไปอยู่ในเมือง เผื่อว่าเพื่อนใหม่...สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ จะทำให้อาการเธอดีขึ้น และมันก็เป็นจริงตามที่คุณตาคาดหวัง
...แต่นั่นก็ทำให้เธอและแสงฉานไกลห่างจากกันไปโดยปริยาย...
เธอรับรู้ข่าวคราวของเขาผ่านมารดาที่กลับไปเยี่ยมคุณตาทุกอาทิตย์
...ไลท์สอบเทียบได้ กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย...
...ไลท์สอบติดคณะอุตสาหกรรมเกษตรด้วย เก่งจริงๆ...
ตอนชายหนุ่มเรียนจบปริญญาตรีเธอเพิ่งจะขึ้นม.หก ทั้งๆ ที่เธอกับเขาอายุห่างกันแต่สามปี เธอไปงานรับปริญญาของเขา ทว่าความรู้สึกว่าเขาโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอมากทำให้เธอไม่อยากเข้าไปวุ่นวายใกล้ๆ
...กลัวเขาจะรำคาญ..
.และที่สำคัญคือ มีหญิงสาวในชุดนักศึกษาคนหนึ่งคอยตามเขาเป็นเงาอยู่แล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เธอคิดถึงแสงฉานเสมอ แต่สิ่งที่เธอทำได้ก็เพียงแต่เก็บความคิดถึงของตัวเองเอาไว้ในใจ
ภาพชายหนุ่มในชุดครุยรับปริญญาทำให้เธอทั้งรู้สึกดีใจและหวั่นไหว เธอวางรูปที่ถ่ายคู่กันในวันนั้นไว้บนหัวเตียง และอัดก็อปปี้เป็นภาพเล็กๆ ซ่อนไว้ในกระเป๋าเงิน
แสงฉานสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาได้ เธอจึงไม่ได้เจอเขาอีก ในวันที่เธอรับปริญญามีของขวัญกล่องใหญ่ส่งมาจากอเมริกา โดยมีคุณรวีเป็นผู้นำมาพร้อมกับการ์ดเล็กๆ
ยินดีด้วยครับ พี่ไลท์
ข้อความสั้นๆ ทำให้เธอยิ้มออกมาทั้งๆ ที่หัวใจวูบโหวง
...เขายังนึกถึงเธออยู่ แต่มันก็เย็นชาห่างเหินเหลือเกิน... สำหรับเธอแล้ว...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน...หัวใจเธอยังคงผูกพันอยู่กับเขา
...ผูกพัน...ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นการคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียวนั่นแหละ...
ข่าวคราวล่าสุดที่ได้รับรู้คือเขาแต่งงานกับสาวอเมริกันและคงจะสร้างครอบครัวอยู่ที่นั่น
...ไม่คิดว่าชีวิตแต่งงานของเขาจะแสนสั้น ก่อนที่เขาจะหย่าและกลับเมืองไทยมารับช่วงงานที่ไร่ต่อจากบิดา...
...ป่านนี้...พี่ไลท์คงลืมไปแล้วว่าเคยมีเธอเป็นน้องสาว...
...หลังจากหย่าแล้วพี่ไลท์จะมีใครอีกหรือเปล่านะ?...
...หรือจะเป็นเพื่อนเธอ...
...หนึ่งฤทัย?...
~~~~~~~~~~
"ความลับของดวงอาทิตย์"
แสงฉานเข้าบ้านก่อนพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นเสื้อยืดสีขาวที่ใส่ไว้ชั้นใน ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอกเพื่อคลายร้อน
อินสเป็คเตอร์*จากออแกนิกส์เป็นยังไงบ้างฤทัย ชายหนุ่มเอ่ยถามหนึ่งฤทัยที่เตรียมตัวพร้อมจะกลับบ้านหากยังรีรออยู่เพื่อรายงานถึงการทำงานตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทั้งที่เลยเวลาเลิกงานมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว
ระบบการทำงานแบบครอบครัวนอกจากจะทำให้ผู้ร่วมงานรู้สึกสบายใจแล้วในบางครั้งเมื่องานยังไม่เสร็จทุกคนก็จะอยู่ช่วยงานด้วยน้ำใจ ต่างจากระบบทุนนิยมของชาติตะวันตกที่ต่างคนต่างทำงานในส่วนของตน แทบไร้ซึ่งปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงานโดยสิ้นเชิง
คุณเจมส์พักห้องขาวค่ะ พี่ไลท์ต้องไม่เชื่อแน่ๆ เลยว่า...อินเสป็คเตอร์อีกคนเป็นใคร หญิงสาวตอบเจ้านายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสดใส
ใครหรือ?
รุ้งค่ะ โลกกลมจริงๆ เลยนะคะ
รุ้งไหน? แสงฉานขมวดคิ้ว หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะเอ่ยถาม ...นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขารู้จักใครที่ชื่อรุ้ง แถมยังเป็นคนที่หนึ่งฤทัยรู้จักคุ้นเคยอีกต่างหาก...
อ้าว! พี่ไลท์จำรุ้งไม่ได้เหรอคะ? เมื่อก่อนเล่นด้วยกันออกบ่อย จริงสิรายนั้นดูเหมือนจะสนิทกับไบร์ทมากกว่า
ชื่อน้องชายที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาวเรียกเอาความทรงจำเก่าๆ ของชายหนุ่มให้ผุดพรายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
...รุ้ง...รุ่งกาล!?...
...นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอ?...
ชายหนุ่มจำบทสนทนากับหนึ่งฤทัยในช่วงถัดมาแทบไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็กลับมาถึงห้องนอนแล้ว แสงฉานตรงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ ค้นลิ้นชักด้านล่างกุกกักอยู่พักใหญ่ก่อนจะพบสิ่งที่ต้องการ
เขากำลังจะดันลิ้นชักกลับพลันสายตาเหลือบไปเห็นกล่องโลหะขะมุกขะมอมกล่องเล็กๆ ที่ซุกตัวอยู่ในมุมก้นลิ้นชัก ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเปิดออกดู
แหวนพลาสติกวงเล็กๆ สองวงนอนนิ่งอยู่ในนั้น
ชายหนุ่มลุกจากที่พร้อมกล่องโลหะและกรอบรูปในมือ เขาทรุดตัวลงบนที่นอนทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงาน หยิบแหวนทั้งสองวงออกมาพินิจพิจารณา หัวแหวนพลาสติกสีฟ้าและสีขาวยังคงส่องประกายล้อแสงไฟ
...น่าแปลกที่กาลเวลาไม่ยักกะทำให้มันเสื่อมสภาพลงเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับความทรงจำที่ยังคงกระจ่างชัดอยู่ในใจ...
~~~~~~~~~~
ละครโทรทัศน์หลังข่าวซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น จบลงด้วยการแต่งงานของพระเอกนางเอกตามแบบพิธีทางคริสตศาสนา เจ้าบ่าว-เจ้าสาวในชุดสีขาวอันแสดงถึงความบริสุทธิ์สาบานถึงความรักอันเป็นนิรันดร์ต่อหน้าพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า ทำเอาเด็กผู้หญิงหลายคนฝันไฝ่อยากจะเป็นเจ้าสาวเฉกเช่นนางเอกสาวคนสวยบ้าง
เมื่อวัดประจำหมู่บ้านจัดงานเฉลิมฉลอง พ่อค้าแม่ค้าจากที่ต่างๆ พากันมาออกร้านขายของเป็นที่ครึกครื้น ในขณะที่เด็กๆ อย่างรุ่งกาลและตะวันฉายเองก็พลอยตื่นเต้นสนุกสนานไปด้วย สองคู่ซี้ชวนกันไปเที่ยวงานวันตั้งแต่วันเตรียมงานด้วยซ้ำ โดยมีเขาตามไปด้วยในฐานะพี่ชายที่ต้องคอยดูแลน้อง
แผงลอยขายเครื่องประดับจำพวกสร้อยคอ แหวน กำไลดูจะดึงดูดใจเด็กผู้หญิงอย่างรุ่งกาลได้ไม่ยากนัก
พี่ไลท์รุ้งจะเอาแหวน รุ้งจะแต่งงานเหมือนพี่ดาวในทีวี เธอบอกกับเขาก่อนจะเร่เข้าไปเลือกดูแหวนพลาสติกหัวสีต่างๆ ด้วยความสนใจ โดยมีตะวันฉายเข้าไปเลือกดูเป็นเพื่อน
แล้วรุ้งจะให้ใครเป็นเจ้าบ่าวล่ะ? คนเป็นเพื่อนเอ่ยถาม
รุ่งกาลทำท่าตรึกตรองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะบอกออกมา
ให้พี่ไลท์เป็นเจ้าบ่าว ให้ไบร์ทเป็นหลวงพ่อ
ให้เค้าเป็นเจ้าบ่าวไม่ได้เหรอ เค้าอยากเป็นพระเอก เด็กชายตะวันฉายต่อรอง
ก็ไบร์ทตัวเล็กนี่นา สู้กับผู้ร้ายไม่ชนะหรอก ต้องตัวโตๆ แบบพี่ไลท์ เด็กหญิงให้เหตุผล
เอางั้นก็ได้ คนเป็นเพื่อนยอมตามอย่างว่าง่าย เพราะฉากพระเอกถูกผู้ร้ายรุมทำร้ายก่อนตำรวจจะมานั้นดูไม่ค่อยประทับใจเขาเท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้...แสงฉานจึงต้องจ่ายเงินค่าแหวน แล้วกลับมาเล่นละครตามที่รุ่งกาลวาดฝันที่บ้าน
ผ้าปูโต๊ะในห้องรับแขกถูกเด็กหญิงรื้อออกมาจัดการทำเป็นเสื้อคลุมให้บาทหลวงจำเป็น ในขณะที่เจ้าตัวเองก็ใช้ผ้าปูที่นอนคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าต่างชุดเจ้าสาว
แล้วพี่ไลท์ไม่ต้องแต่งตัวเหรอ ตะวันฉายเอ่ยถามคนเจ้าความคิดที่ทำท่าคิดหนักเมื่อได้ยินคำถามนั้น
จริงสิ เจ้าบ่าวก็ต้องใส่สูทผูกเน็คไทร์เท่ๆ
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ไปค้นเสื้อกั๊กของผู้เป็นตามาให้เขาใส่ ติ๊ต่างว่าเป็นเสื้อสูทตัวเท่ ก่อนที่พิธีแต่งงานในจินตนาการจะเริ่มขึ้น คุณรวีที่เข้ามาพบเด็กๆ สามคนกำลังเล่นละครโรงเล็กโดยบังเอิญรีบคว้ากล้องถ่ายรูปมาเก็บภาพหลักฐานเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี
ภาพนั้นคงอยู่ในอัลบั้มเก่าๆ ที่ถูกเก็บรวมกันไว้ในห้องนอนน้องชาย ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับในอีกหนึ่งปีถัดมา
ในตอนนั้น...การแต่งงานแบบเด็กๆ กินเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็สิ้นสุดลง แล้วตะวันฉายและรุ่งกาลหาเรื่องอื่นๆ มาเล่นแทน เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทั้งตัวเขาเองและรุ่งกาลถอดแหวนออกจากนิ้วตอนไหน แต่คงเป็นตอนที่เล่นด้วยกันอยู่ในบ้านหลังนี้แหละ เลยมีคนเก็บแหวนทั้งสองวงใส่กล่องไว้ให้เขาได้นึกถึงภาพความทรงจำในตอนนั้น
~~~~~~~~~~
ชายหนุ่มเก็บแหวนลงกล่องตามเดิมก่อนจะวางกล่องใบนั้นลงบนตั่งเล็กข้างหัวนอน รอยยิ้มจางๆ แต้มอยู่บนใบหน้าคมคายขณะที่เขาพิจารณากรอบรูปในมือเป็นอันดับถัดมา
ในกรอบไม้สีขาวเรียบๆ สำหรับตั้งโต๊ะนั้น คือภาพเด็กสาวรวบผมเป็นหางม้าผูกโบว์สีขาวอันโตแลดูสดใสสมวัย เธอยืนเคียงข้างเขาที่อยู่ในชุดครุยวิทยฐานะก่อนจะเข้าสู่พิธีพระราชทานปริญญาบัตร รุ่งกาลหอบช่อดอกไม้อันโตไว้ในอ้อมแขนพลางส่งยิ้มร่าเริงให้กล้อง
เขาจำได้ว่ากว่าจะได้ภาพนี้ออกมา...ตากล้องต้องบอกให้ทั้งเขาและเธอขยับเข้าไปยืนชิดกันอยู่หลายครั้ง เมื่อต่างฝ่ายต่างทำท่าลังเลไม่แน่ใจว่าควรจะยืนใกล้กันในระดับไหนจึงจะ พอดี
...และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาพบเธอ...
ถึงตอนนี้...ภาพเด็กสาวในวันวานก็ยังคงกระจ่างชัดอยู่ในใจ เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กสาวแสนซนอย่างรุ่งกาลจะกลายมาเป็นอินสเป็คเตอร์บริษัทจัดจำหน่ายชาสมุนไพรรายใหญ่ได้อย่างไร
แต่ที่แน่ๆ คือ...ความคิดถึงที่ซุกตัวอยู่ในส่วนลึกของหัวใจดูเหมือนจะขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
...คิดถึงเธอเหลือเกิน...แสงฉานบอกตัวเองในใจ
~~~~~~~~~~
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่เด็กรับใช้จะเอ่ยเรียกเขาเป็นลำดับถัดมา
คุณไลท์คะ คุณผู้หญิงให้หนูมาเตือนว่า...ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ
ชายหนุ่มวางภาพในมือลงแล้วจึงตะโกนตอบออกไป
ได้ยินแล้ว ไปบอกคุณแม่ว่าฉันขอเวลาห้านาทีแล้วจะลงไป
แสงฉานลุกจากที่อย่างกระฉับกระเฉง เขาเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน ก่อนจะลงไปพบคนที่กำลังสำรวจห้องรับแขกเป็นการฆ่าเวลา
สวัสดีครับ เขาเอ่ยทักเจมส์เป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าตามมารยาทสากล
เจมส์ยื่นมือออกไปสัมผัสกับมือของแสงฉาน ทว่าเขากลับเอ่ยทักเจ้าบ้านเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ
สวัสดีครับคุณแสงฉาน บ้านคุณสวยมาก
ขอบคุณครับ ขอโทษที่ทำให้ต้องคอย เชิญทางนี้ดีกว่าครับ ชายหนุ่มผายมือไปด้านข้าง ก่อนจะเดินนำผู้มาเยือนไปยังห้องรับประทานอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัว
คุณพงษ์ และคุณรวีเข้าประจำที่โต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว
คุณเจมส์เจ้าของออแกนิกส์ที่จะมาอินสเป็คชาสมุนไพรของเราครับ แสงฉานแนะนำชายหนุ่มกับผู้สูงวัยกว่า ก่อนจะหันมาทางเจมส์ คุณพ่อ คุณแม่ผมครับ
เจมส์ยกมือไหว้ท่านทั้งสอง สวัสดีครับ
สวัสดีจ้ะ คุณพูดไทยเก่งจังเลย คุณรวีรับไหว้พร้อมกับเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
คุณแม่ผมเป็นคนไทยครับ เจมส์ตอบ
อาหารเย็นมื้อนั้นผ่านไปด้วยความรื่นเริงสนุกสนาน เพราะความง่ายๆ เป็นกันเองของเจมส์ เสร็จจากมื้ออาหารแสงฉานก็เอ่ยชวนบิดามารดาและเจมส์ให้ย้ายไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่น
คุณพงษ์ที่ดูจะถูกชะตาชายหนุ่มเป็นพิเศษถึงกับบ่นเสียดายเมื่อถึงเวลาที่ต่างคนควรจะแยกย้ายกันไปเข้านอน
รำคาญคนแก่หรือเปล่า นานๆ จะมีคนพูดจาถูกคอเลยชวนคุยเสียนาน
ไม่หรอกครับ คุยกับคุณพ่อผมได้ความรู้อีกเยอะเลย
แสงฉานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินสรรพนามที่เจมส์ใช้เรียกบิดาเขา ...ไม่บ่อยนักหรอกที่ผู้เป็นพ่อจะถูกใจใครจนถึงขนาดออกปากแทนตัวเองว่า...พ่อ...
เข้าใจพูดให้คนแก่ดีใจ
ผมพูดจริงๆ นะครับ เจมส์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำเอาคุณพงษ์หัวเราะร่าอย่างพึงใจ
~~~~~~~~~~
ผมเห็นรูปในห้องรับแขก เด็กผู้หญิงในรูปใช่รุ้งหรือเปล่าครับ? เจมส์เอ่ยถามเจ้าของบ้านระหว่างที่เดินไปยังปีกตึกที่จัดไว้เป็นห้องนอนของทั้งคู่
ครับ แสงฉานรับคำสั้นๆ
แสดงว่าคุณกับรุ้งก็ต้องสนิทกันน่ะสิครับ
เราเป็นญาติกันครับคำตอบยังคงสั้นดุจเดิม ทว่าดูเหมือนเจมส์จะไม่ทันจับสังเกต
อ้าว! อย่างนั้นหรอกหรือครับ ไม่เห็นรุ้งเล่าอะไรให้ฟังบ้างเลย ตอนที่ผมบอกว่าจะเลือกมาอินสเป็คที่นี่ก่อนก็ทำท่าเหมือนไม่อยากมา อย่างนี้สงสัยต้องหักเงินเดือนซะแล้ว ท้ายประโยคหมายมาดไม่จริงจังนัก
แสงฉานไม่ตอบคำปรารภนั้น ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในใจ ในยามที่ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยถึงผู้มีศักดิ์เป็นน้องด้วยน้ำเสียงและทีท่าสนิทสนม
...ท่าจะบ้า...เขาด่าตัวเองก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อมาเป็นเรื่องงานแทน
ปกติเราจะตั้งโต๊ะอาหารเช้าตอนเจ็ดโมงนะครับ แต่ถ้าคุณลงมาสายๆ ก็สั่งคนในบ้านได้
ไม่เป็นไรครับ ปกติผมตื่นเช้าอยู่แล้ว
ถ้าอย่างนั้นตอนสายผมจะพาไปชมไร่นะครับ ไม่ทราบคุณเจมส์นัดรุ้งไว้ตอนกี่โมง ผมจะได้กะเวลาถูก
ไม่เกินสองโมงเช้าก็คงจะมาแล้วล่ะครับ รายนั้นเขาขยัน...ไม่เคยมาสาย ไม่เคยขาด ไม่เคยลางานเลยสักที เจมส์เอ่ยถึงเลขานุการสาวด้วยน้ำเสียงชื่นชม
งั้นก็ดีเลยครับ เผื่อตอนบ่ายพอมีเวลาจะได้เลยไปน้ำตกกัน ไหนๆ ก็มาถึงที่แล้วลองเที่ยวแบบอีโคทัวริซึ่ม**สักหน่อยนะครับ แสงฉานตอบด้วยน้ำเสียงที่มีเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่ามันเพียงแต่ถูกปรับให้ฟังดูเป็นปกติเท่านั้นเอง
ได้ยินแบบนี้ชักอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ แล้วสิครับ เจมส์ตอบอย่างกระตือรือร้นขณะเปิดประตูห้องพัก
แสงฉานหยุดยืนส่งแขกพร้อมกับตอบสั้นๆ
พบกันพรุ่งนี้ครับ แล้วชายหนุ่มก็ก้าวเท้ายาวๆ จากไปยังห้องนอนของตัวเอง
~~~~~~~~~~
"ความลับของคนเขียน"
คราวนี้มายอมรับผิดแต่โดยดีค่ะ ว่าธารแอบโกงการบ้านด้วยการลงเรื่องแค่ "ครึ่งเดียว" เรื่องนี้จริงๆ แบ่งออกเป็นสามส่วนค่ะ part I : ความลับในสายรุ้ง part II : ความลับของดวงอาทิตย์ และ part III : ในแสงตะวันมีสายรุ้ง (ซึ่งยังเขียนไม่เสร็จค่ะ) ไม่คิดว่าจากเรื่องสั้นๆ มันจะกลายมาเป็นยาวย้วยได้ขนาดนี้ (นิสัยน้ำท่วมทุ่งแก้ไม่หาย) ต้องขอโทษที่ทำให้ต้องมาตามอ่านกันอีกรอบนะคะ สัญญาว่าจะพยายามมาลงให้ได้ไวที่สุดค่ะ
ขอบคุณ "โครงการถนนสายมิตรภาพ" ที่ทำให้ธารได้ทำในสิ่งที่อยากทำอีกเป็นครั้งสอง แล้วพบกันค่ะ ^^
Create Date : 27 เมษายน 2552 |
|
28 comments |
Last Update : 5 กันยายน 2552 17:15:35 น. |
Counter : 852 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แจงเองค่ะ IP: 93.144.18.69 27 เมษายน 2552 21:20:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeCoffee 27 เมษายน 2552 23:47:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: i_cOn IP: 140.116.189.144 28 เมษายน 2552 0:19:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: nikanda 28 เมษายน 2552 3:45:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: teansri 28 เมษายน 2552 5:13:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 28 เมษายน 2552 8:47:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชาจัง IP: 202.28.78.106 28 เมษายน 2552 14:53:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่ภูมิ (Artagold ) 28 เมษายน 2552 16:53:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 29 เมษายน 2552 7:36:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 29 เมษายน 2552 11:42:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: GoOsHa!R IP: 114.128.170.114 29 เมษายน 2552 23:09:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปณาลี 30 เมษายน 2552 23:28:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 1 พฤษภาคม 2552 16:35:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปณาลี 1 พฤษภาคม 2552 23:22:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 2 พฤษภาคม 2552 8:18:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าลิ โนโลโก้ IP: 85.129.90.98 3 พฤษภาคม 2552 9:23:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeCoffee 3 พฤษภาคม 2552 12:14:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: ธาร นาวา 3 พฤษภาคม 2552 15:09:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 6 พฤษภาคม 2552 20:03:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปณาลี 16 พฤษภาคม 2552 22:07:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: PiCorn (Camille) IP: 71.81.178.101 14 มิถุนายน 2553 1:01:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่ล็อคอินไม่ได้เลยค่ะ..