Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

ภาพที่ไร้เสียง - FALL ON YOUR KNEES






ชื่อเรื่อง : ภาพที่ไร้เสียง ( Fall on Your Knees )
ผู้แต่ง : แอน-มารี แมคโดนัล
ผู้แปล : ปัทมา อินทรรักษา
จำนวนหน้า 644 หน้า
ราคาปก 423 บาท


โปรยปกหลัง...


“ภาพที่ไร้เสียง” เป็นเรื่องราวของความลับในครอบครัว
ความรู้สึกผิด การล้างแค้น ปาฏิหาริย์ และความรักที่ไม่มีวันตาย
เรื่องราวของเด็กสาวสี่คนที่แตกต่างกันอย่างที่สุด
ซึ่งมี “พ่อ” เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในชีวิต

เหตุการณ์ที่ครอบครัวไพเพอร์ประสบทั้งเหลือเชื่อและน่าตื่นเต้น
แต่ละบทแต่ละตอนนำมาซึ่งเรื่องประหลาดใจและการหักมุมที่ไม่ซ้ำแบบ
ชวนให้ติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...เพราะอะไร...
และเรื่องราวทั้งหมดมีความหมายว่าอย่างไร
เพราะไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เราเห็น
และไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เราคาดว่าจะเป็น

สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ คือเมื่ออ่านหนังสือเรื่องนี้จบ
คุณจะจดจำ
‘สี่สาวตระกูลไพเพอร์’ ไปได้อีกนาน




~~~~~~~~~~




เรื่องนี้เป็นหนังสือที่ได้รับรางวัล Commonwealth Writers’ Prize, CAA Harlequin Literary Award และ Dartmouth Book Award แถมยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอื่นๆ อีกหลายรางวัลนะคะ


บางส่วนจากคำนำผู้แปล...


...คนบางคนเกิดมาเพื่อเดินไปตามเส้นทางที่มีผู้กำหนดไว้ให้ บางคนเกิดมาและดำเนินชีวิตไปตามครรลองที่ตนเองได้รับการสั่งสอนมาว่าถูกต้อง บางคนเกิดมาเพื่อเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง จะถูกหรือผิดก็อยู่ที่ตนเอง และบางคนเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตตนเองไถ่บาปที่ผู้อื่นก่อไว้...


เรื่องราวของเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1898 เมื่อเจมส์ ไพเพอร์ เด็กหนุ่มซึ่งมีอาชีพรับปรับเสียงเปียโนได้พบกับแมทีเรีย มาห์มุด ขณะที่เขาไปปรับแต่งเสียงเปียนโนที่บ้านของเธอ ตอนนั้นเขาอายุสิบแปดปี ในขณะที่เธออายุยังไม่ถึงสิบสามปีดีด้วยซ้ำ ทั้งสองคนตกหลุมรักกันก่อนจะหนีตามกันในเวลาถัดมา

ชีวิตจริงไม่เหมือนเทพนิยาย...เมื่อมิสเตอร์มาห์มุดตามทั้งคู่จนพบ และจัดการทุกอย่างตามที่เขาเห็นสมควร แน่นอนว่าแมทีเรียถูกตัดขาดจากครอบครัว ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังหนึ่งใกล้กับชายฝั่งแอตแลนติก

ผู้เขียนเอ่ยถึงบ้านหลังนี้ว่า...บ้านสองชั้นสีขาวหลังใหญ่ที่มีห้องใต้หลังคา และถึงแม้ว่าบ้านหลังนั้นจะใหม่ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ต้องคำสาป...

โดยส่วนตัวแล้ว...ธารไม่เชื่อเรื่องภูติผีหรือคำสาป แต่ธารก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า...บางทีนั่นอาจจะเป็นคำบอกใบ้ ถึงชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตของครอบครัวไพเพอร์ที่ดีที่สุดก็เป็นได้

แมทีเรียและเจมส์มีลูกด้วยกันสามคนคือแคธรีน เมอร์เซดิส และฟรานเชส ก่อนที่ลิลี่จะถือกำเนิดขึ้นจากความผิดพลาดของพระผู้เป็นเจ้า พร้อมๆ กับการจากไปของแคธรีน และแมทีเรียในเวลาถัดมา

แล้วสามสาวไพเพอร์ที่เหลือ ก็ใช้ชีวิตอยู่กับเจมส์ที่บ้านหลังนั้นด้วยชะตาชีวิตที่เรียกได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง...

(ขออนุญาตไม่เอ่ยถึงเรื่องราวของสาวสาวในตอนหลังนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าธารสปอยเสียหมด)



~~~~~~~~~~




ไม่อยากสารภาพเลยค่ะว่า...ธารตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้มาเพราะความเข้าใจผิด คิดว่าเป็นหนังสือในชุด Unputdownable Mystery น่ะค่ะ พอลงมืออ่านไปแล้วถึงจะรู้ว่าไม่ใช่...แต่ก็วางไม่ลงอยู่ดี

การเล่าเรื่องของผู้เขียนเป็นไปแบบเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ทำให้ธารรู้สึกว่าถูกหนังสือเล่มนี้ดึงดูดคือบรรยากาศภายในเรื่องค่ะ ความเป็นดราม่าที่ชัดเจนมากๆ ทำให้ไม่อยากจะละสายตาไปจากตัวละครต่างๆ ภายในเรื่องเลยล่ะค่ะ

ทั้งความคาดหวังของเจมส์ที่มีต่อแมทีเรีย ซึ่งต่อมากลับกลายเป็นความคาดหวังที่มีต่อลูกสาวอย่างแคธรีน ที่นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นปีศาจร้ายในใจ...



...ความสิ้นหวังและความหวาดระแวงไปจนถึงความรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นของแมทีเรีย

...ชีวิตที่เหมือนฝันของแคธรีนที่จู่ๆ ก็ดับวูบลงไปโดยไม่มีใครรู้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง(จนกระทั่งท้ายเรื่อง)

...ความยึดมั่นถือมั่นและความพยายามที่จะปฏิเสธความจริงของเมอร์เซดิส

...ความดันทุรังและการถวิลหาซึ่งความรักของฟรานเชส

และความอ่อนเยาว์ทว่าเข้มแข็งอยู่ในทีของลิลลี่...




ทุกตัวละครล้วนมีเสน่ห์ในตัวเอง แม้ว่าธารจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำบางอย่างของตัวละครภายในเรื่อง แต่แทนที่จะรู้สึกไม่ดีต่อพวกเขา ธารกลับพยายามที่จะมองหาเหตุผลเพื่อที่จะเข้าใจเขาให้มากขึ้นในฐานะที่เป็นปุถุชน

...เรื่องบางอย่างอาจจะดูผิดในสายตาใครบางคน แต่สำหรับเจ้าตัวแล้วมันย่อมมีเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกทำแบบนั้น เพราะหากเราเป็นเขา...ภายใต้สถานการณ์และการถูกกล่อมเกลาในแบบเดียวกัน เราก็อาจจะตัดสินใจทำแบบเดียวกันก็ได้...

ธารเองถึงกับพยายามเอาใจช่วย ให้เขาสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่เลวร้ายไปด้วยทุกครั้ง (แม้มันจะไม่เป็นไปตามที่เราแอบคาดหวังเลยสักครั้งก็ตาม)

ตอนที่อ่านเรื่องนี้จบ...นอกจากความรู้สึกหม่นเศร้าที่ยังอวลอยู่ในอก ยังมีคำถามต่างๆ อีกมากมายตามมา...

อย่างแรกเลยคือ...เราจะสามารถจัดเรื่องนี้ให้เป็นปัญหาสังคมอย่างหนึ่ง(เช่น ปัญหาครอบครัว)ได้หรือเปล่า? ทำไมทั้งๆ ที่คนในสังคมหลายคนมองเห็นความผิดปกติ แต่กลับไม่มีใครคิดจะทำอะไร เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย? การปล่อยให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไปตามครรลองของมันเอง เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือสำหรับคนในสังคม?

ความนิ่งเฉยของสังคม(ในเรื่อง)ทำให้ธารอดนึกเลยมาถึงสังคม(ไทย)ในยุคปัจจุบันไม่ได้

ธารคิดว่า...มันคงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าหากเราลืมบทบาทที่เราควรมีต่อเพื่อนบ้านและคนในชุมชนไปเสียแล้ว

สุดท้ายนี้...ถึงแม้ว่าธารจะไม่ถึงกับน้ำตาซึมไปกับเรื่องนี้ แต่ก็อยากจะขอเตือนว่า...คนที่ไม่ชอบเรื่องเศร้าคงต้องทำใจก่อนอ่านด้วยนะคะ


...แล้วคุณจะจดจำ ‘สี่สาวตระกูลไพเพอร์’ ไปได้อีกนาน...





 

Create Date : 17 สิงหาคม 2552
4 comments
Last Update : 18 สิงหาคม 2552 3:24:34 น.
Counter : 1219 Pageviews.

 

เอารีวิวเรื่องนี้มาแปะ สืบเนื่องมาจากโครงการ RRR ในห้องสมุดค่ะ
เห็นเพื่อนๆ หลายคนร่วมแบ่งปันความรู้สึกดีๆ จากการอ่านแล้วรู้สึกอดไม่ได้
ต้องมารีวิวกับเขามั่ง ทั้งที่งานจะทับหัวตายอยู่รอมมะร่อ

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
แถมยังไม่ได้อัพบล็อกบอกเล่าเก้าสิบไรทั้งนั้น
เรื่องของเรื่องก็คืองานธารเยอะขึ้นแหละค่ะ
ทั้งในส่วนของงานประจำและความรับผิดชอบต่อครอบครัว

ธารปลูกบ้านหลังเล็กๆ ให้น้องชายน่ะค่ะ
และถึงแม้ว่ามันไม่ใหญ่โตอะไร
แต่ขึ้นชื่อว่า 'บ้าน' ก็กินทั้งแรงกายแรงใจไปเยอะเลยล่ะค่ะ

ส่วนเรื่องนิยาย "หัวใจในไอหมอก"
ธารกำลังใช้ความพยายามในการเขียนอยู่นะคะ
หวังว่าอีกไม่นานจะมาลงได้ตามเดิม
อดใจรอกันสักหน่อยนะคะ

คิดถึงเพื่อนๆ ชาวบล็อกทุกท่านนะคะ
ไว้มีเวลาคงจะมีโอกาสได้ไปเยี่นมเยือนบ้านต่างๆ อีกครั้ง

คิดถึงทุกท่านนะคะ
^^

 

โดย: ธาร นาวา 18 สิงหาคม 2552 3:05:35 น.  

 

เรื่องนี้..เหมือนว่าจะได้อ่านที่กระทู้ไปสองครั้งแล้ว
รีวิวสองคนก็สองแบบ ไม่เหมือนกันเท่าไหร่ แต่ใจความก็ไม่ต่าง
อ่านแล้วน่าสนใจค่ะ จดรายชื่อเอาไว้ซักพักมาแล้ว..
น่าอ่านดี...อะไรเบาๆ ฮาๆก็ชอบนะ แต่ว่าดราม่าหนักแบบนี้ เราชอบมากกว่า

นิยาย..รอให้คุณธารมาเขียนต่อค่ะ
อ่านไปยังไม่ถึงตอนที่ยี่สิบเลย แบบว่าเห็นดองตอนที่ยี่สิบสี่มานาน
ก็เลยใจเย็น..มารออ่านรวดเดียวดีกว่า..ว่าแต่ว่า อย่าลืมคุณน้าเรนะคะ

 

โดย: nikanda 18 สิงหาคม 2552 5:13:32 น.  

 

สวัสดีค่ะ ที่จริงคุยในกระทู้แล้ว มาคุยที่บล็อกอีกที แหะๆ

ชอบนะคะ รู้สึกสะเทือนใจและคิดเลยว่า มนุษย์เราต้องถูกทดสอบในความเป็นมนุษย์ที่แท้เสมอเลยใช่มั้ย?

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 18 สิงหาคม 2552 11:04:25 น.  

 

ผมอ่านเรื่องนี้นานแล้วแต่ก้อรู้สึกงงตอนท้ายอยากให้เล่าย่อๆช่วงท้ายๆหน่อยได้มั้ยคับงงตอนที่เจมส์ไปพบแคทรีนนอนอยู่กับเพื่อนๆคนนึง...แล้วยังไงต่อ--รบกวนด้วยคับ

 

โดย: ออมคับแวะมาทักทาย IP: 183.89.83.126 30 กรกฎาคม 2553 20:27:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธาร นาวา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จากสายธารลำเล็กๆ
หลอมรวมเป็นกระแสธาราอันกว้างใหญ่
หลั่งริน...ไหลระเรื่อย...
นำพาเอาความชุ่มชื้นฉ่ำเย็นมาสู่หัวใจผู้คน

ลายปากกา
Friends' blogs
[Add ธาร นาวา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.