|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
การสังเกต คำสมาส ที่เกิดจากวิธีสมาสและวิธีสนธิ |
|
วิธีการสังเกต คำสมาสที่เกิดจากวิธี สมาสและวิธีสนธิ
การเขียนเรื่อง วิธีการสังเกต คำสมาสที่เกิดจากวิธี สมาสและวิธีสนธิ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่คุณ "เด็กเรียน" เขียนขอมา ซึ่งขอมาพร้อมกับเรื่อง การสังเกตคำบาลี- สันสกฤต ฉันจึงได้เขียนเรื่องนี้ให้ คุณ "เด็กเรียน"ตามคำขอ หวังว่า คงจะได้อ่านและมีประโยชน์แก่ผู้อ่านโดยทั่วไปอีกทางหนึ่งด้วยนะคะ
ดังที่ฉันได้กล่าวมาแล้วใน เรื่อง การสังเกตคำบาลี- สันสกฤตแล้วว่า เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นฐานความรู้ที่จะนำไปสู่การสังเกตคำสมาสที่เกิดจากวิธีสมาสและวิธีสนธิ กล่าวคือ คำสมาส ต้องเกิดจากการนำคำบาลี-สันสกฤต ตั้งแต่สองคำขึ้นไปมารวมกันแล้วเกิดความหมายใหม่ขึ้น โดยยังมีเค้าความหมายของคำเดิมอยู่
คำสมาสในภาษาบาลี-สันสกฤต เป็นการสร้างคำใหม่ขึ้นใช้วิธีหนึ่งในภาษา มี 2 วิธี 1. วิธีสมาส คือ การนำคำบาลี-สันสกฤต มาเรียงติดกันโดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปคำเดิม เช่น ทัศนะ สมาสกับคำ คติ เป็นทัศนคติ 2. วิธีสนธิ คือ การนำคำบาลี- สันสกฤตมาเชื่อมติดกัน จะมีบางส่วนของคำกลืนเสียงหายไป กล่าวคือ รูปคำที่สนธิเสร็จแล้วจะไม่เหมือนรูป คำก่อนการสนธิ เช่น มหา สนธิกับคำ โอฬาร เป็น มโหฬาร จะเห็นว่า ตัว อ ถูกกลืนเสียงไปอยู่กับคำว่า มหา เป็นต้น
การสังเกตคำสมาส 1.คำที่นำมาสมาสจะต้องมาจาก ภาษาบาลีหรือสันสกฤตเท่านั้น จะเป็นคำมาจากภาษาอื่นไม่ได้ เช่น อัคคีภัย เศวตฉัตร หัตถศึกษา เป็นต้น 2. คำสมาส เวลาอ่านออกเสียง ต้องอ่านออกเสียงสระของพยางค์สุดท้ายของคำแรก เช่น พุทธประวัติ อ่านว่า พุด-ทะ-ประ-หวัด อุบัติเหตุ อ่านว่า อุ-บัด-ติ-เหด 3.คำสมาสส่วนมากจะเรียงคำหลักไว้ข้างหลัง คำขยายไว้ข้างหน้า ต่างกับคำประสม ที่มักจะเรียงคำหลักไว้ข้างหน้า คำขยายไว้ข้างหลัง เช่น มหาบุรุษ แปลว่า บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ สัตวแพทย์ แปลว่า หมอรักษาสัตว์ หมายเหตุ มียกเว้นบางคำ ที่เป็นคำหลักทั้งสองคำ ไม่มีคำขยาย จึงแปลจากหน้าไปหลังหรือแปลจากหลังไปหน้าก็ได้ เช่น บุตรภรรยา แปลว่า บุตรและภรรยาหรือภรรยาและบุตร ทาสกรรมกร แปลว่า ทาสและกรรมการ หรือ กรรมกรและทาส สมณพราหมณ์ แปลว่า สมณะและพราหมณ์หรือ พราหมณ์และสมณะ 4. เมื่อสมาสแล้วเกิดความหมาย หลายลักษณะ ดังนี้ 4.1 เกิดความหมายใหม่ เช่น สหัส (พันหนึ่ง) รังสี เป็น สหัสรังสี แปลว่า ดวงอาทิตย์ ทิพย์ (เป็นของเทวดา) รส เป็น ทิพยรส แปลว่า รสเลิศ
4.2 มีความหมายเหมือนเดิม คือ สมาสแ้ล้วมักจะมีความหมายรวมของคำที่นำมาสมาสกัน โดยคำที่นำมาสมาสกันนั้น จะมีความสัมพันธ์ทางความหมายต่าง ๆ กัน เช่น ครุ (ครู) ศาสตร์ (วิชา) เป็น ครุศาสตร์ แปลว่า การเล่าเรียนเกี่ยวกับครู ราช (พระราชา) บุตร(ลูก) เป็น ราชบุตร โอสแห่งพระราชา
4.3 มีความหมายอยู่ที่คำใดคำหนึ่ง เช่น มนุษย์ชาติ แปลว่า มนุษย์ อรัญประเทศ แปลว่า ป่า
5. คำที่มาจากภาษาบาลี สันสกฤต ที่มีคำว่า "พระ" นำหน้า คำนั้นถือว่าเป็นคำสมาสด้วย เช่น พระกร พระกัณฐ์ 6. คำหน้าของคำสมาสที่นำมาสมาส ถ้ามี การันต์หรือประวิสรรชนีย์ เมื่อสมาสแล้ว ต้องตัด การันต์หรือตัววิสรรชนีย์ออกด้วย เช่น คำว่า แพทย์ สมาสกับคำว่า ศาสตร์ เป็น แพทยศาสตร์ ศิลปะ สมาสกับคำว่า กรรม เป็น ศิลปกรรม เป็นต้น วิธีการสังเกตคำ สมาส ที่เกิดจากวิธี สนธิ
การสนธิ จะทำให้ตัวอักษรของคำน้อยลง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการแต่งคำประพันธ์ และทำให้รูปคำดูสละสลวยขึ้น วิธีการสร้างคำสมาสด้วยวิธีสนธิที่ใช้อยู่ในภาษาไทย มีหลักคล้ายกับการสร้างคำสมาส คือ ต้องเป็นคำมาจากภาษาบาลี-สันสกฤตเท่านั้น วิธีสนธิ มี 3 วิธี คือ 1. สระสนธิ หมายถึง การเชื่อมเสียงสระหลังของคำหน้ากับสระหน้าของคำหลัง ให้กลมกลืนกัน การสนธิด้วยวิธีนี้ มีใช้ในภาษาไทยมากที่สุด หัวใจของการสนธิวิธีนี้ คือ คำหลังที่นำมาสนธิกับคำหน้า จะต้องขึ้นต้นด้วย ตัว "อ" เสมอ และเมื่อสนธิแล้ว จะได้สระตัวหลังเสมอ ตัว "อ" จะลบหายไป ดังตัวอย่างดังนี้ 1.1 ถ้าตัวหน้าเป็น สระ อะ หรือ สระ อา สนธิกับคำหลังจะเป็นสระอะไรก็ได้ สนธิแล้วจะได้สระของตัวหลัง เช่น
วิทยะ + อาลัย เป็น วิทยาลัย มหา + อรรณพ เป็น มหรรณพ คช + อินทร์ เป็น คชินทร์ ราช + อุปถัมภ์ เป็น ราชูปถัมภ์ พุทธ + โอวาท เป็น พุทโธวาท โภค + ไอศูรย์ เป็น โภไคศูรย์ อน + เอก เป็น อเนก
1.2 ถ้าคำหน้าเป็นสระ อิ หรือ อี สนธิกับคำหลัง ซึ่งเป็นสระ อิ หรือ อี เมื่อสนธิแล้ว จะได้สระตัวหลัง เช่น
อริ + อินทร์ เป็น อรินทร์ ไพรี + อินทร์ เป็น ไพรินทร์
1.3 ถ้าคำหน้าเป็นสระอิ หรือ อี สนธิกับคำหลังที่ไม่ใช่สระ อิ หรือ อี จะต้องเปลี่ยน สระ อิ หรือ สระ อี เป็นพยัญชนะ ตัว "ย" เสียก่อน แล้วจึงสนธิกับสระตัวหลังตามกฎ 1.1 เช่น
มติ + อธิบาย เป็น มตย + อธิบาย เป็น มัตยาธิบาย สามัคคี + อาจารย์ เป็น สามัคคย + อาจารย์ เป็น สามัคยาจารย์
หมายเหตุ มีบางคำที่ไม่เป็นไปตามกฎข้อบังคับนี้ เช่น หัตถี + อาจารย์ เป็น หัตถาจารย์ ศักดิ + อานุภาพ เป็น ศักดานุภาพ ราชินี +อุปถัมภ์ เป็น ราชินูปถัมภ์
1.4 ถ้าคำหน้าเป็นสระอุหรือสระอู สนธิกับคำหลังที่เป็นสระอุ หรือ สระอู เมื่อสนธิแล้วจะไ้ด้สระตัวหลัง เช่น
ครุ +อุปกรณ์ เป็น ครุปกรณ์ จตุ + อุปาทาน เป็น จตุปาทาน
1.5 ถ้าคำหน้าเป็นสระอุ หรือ อู สนธิกับคำหลังที่ไม่ใช่สระ อุ หรือ อู จะต้องเปลี่ยน สระ อุ หรือ สระ อู เป็นพยัญชนะ ตัว "ว" เสียก่อน แล้วจึงสนธิกับสระตัวหลังตามกฎ 1.1 เช่น
จักขุ + อาพาธ เป็น จักขว + อาพาธ เป็น จักขวาพาธ ธนู + อาคม เป็น ธนว + อาคม เป็น ธันวาคม
2. พยัญชนะสนธิ หมายถึง การเชื่อมเสียงพยัญชนะสุดท้ายของคำหน้ากับพยัญชนะหรือสระหน้าของคำหลัง พยัญชนะสนธิเป็นวิธีรวมศัพท์ในภาษาสันสกฤต ส่วนภาษาบาลีไม่มีวิธีนี้ วิธีนี้ไทยรับเอาคำที่ภาษาสันสกฤตสนธิเรียบร้อยแล้วมาใช้ แต่นำมาใช้เป็นจำนวนน้อย นำมาเฉพาะคำที่ลงท้ายพยัญชนะ "น" และ "ส" เวลาสนธิ ให้ลบ ตัว "น" ทิ้ง ส่วน "ส" ให้เปลี่ยนเป็นสระ "โอ" แต่ "ส" อุปสรรค "ทุส" อุปสรรค และ "นิส" อุปสรรค ให้เปลี่ยนเป็น "ร" เช่น
รหสฺ + ฐาน เป็น รโหฐาน นิสฺ + ภัย เป็น นิรภัย ทุสฺ + ชน เป็น ทุรชน
หมายเหตุ พยัญชนะสนธิจะแตกต่างจากสระสนธิ คือ พยางค์สุดท้ายของคำหน้าจะเป็นพยัญชนะ ไม่ใช่สระ และคำขึ้นต้นของคำหลัง จะไม่ต้องขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ "อ" แต่จะต้องขึ้นต้นด้วย พยัญชนะตัวอื่น ๆ
3. นิคหิตสนธิ หมายถึง การเชื่อมคำที่คำหน้าขึ้นต้นด้วย นิคหิต หรือพยางค์ท้ายของคำหน้า ขึ้นต้นด้วยนิคหิตแล้วไปสนธิกับคำหลัง มีวิธีการสนธิ 3 วิธี ดังนี้
3.1 ถ้านิคหิตสนธิกับคำหลังที่เป็นพยัญชนะวรรค ให้แปลงเป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของวรรคนั้น เช่น
สํ + คม (ค อยู่ในวรรค ก พยัญชนะสุดท้ายของวรรค ก คือ ง เป็น สังคม สํ + ชาติ (ช อยู่ในวรรค จ พยัญชนะสุดท้ายของวรรค จ คือ ญ ) เป็น สัญชาติ
3.2 ถ้า นิคหิตสนธิกับคำหลังที่เป็นพยัญชนะเศษวรรค ให้แปลงนิคหิต เป็น "ง" แล้วจึง สนธิกัน เช่น สํ +โยค (ย เป็นพยัญชนะเศษวรรค) เป็น สังโยค สํ + หรณ์ ( ห เป็นพยัญชนะเศษวรรค) เป็น สังหรณ์
3.3 ถ้านิคหิตสนธิกับคำหลัง ที่ขึ้นต้นด้วย สระ ให้แปลง นิคหิตเป็นพยัญชนะ ตัว "ม" แล้วจึงสนธิแบบสระสนธิ เช่น
สํ + อุทัย เป็น สม + อุทัย เป็น สมุทัย สํ + อิทธิ เป็น สม + อิทธิ เป็น สมิทธิ
(งานเขียนชิ้นนี้ ฉันนสรุปย่อมาจากหนังสือ เรื่อง "คู่มือ เตรียมสอบ วิชาภาษาไทย สำหรับบุคคลทั่วไปและข้าราชการตำรวจทุกระดับ" ซึ่งเป็นหนังสือของฉันเองที่พิมพ์ออกจำหน่าย ค่ะ)
Create Date : 06 พฤษภาคม 2555 |
|
45 comments |
Last Update : 21 มกราคม 2558 20:16:12 น. |
Counter : 68273 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ice IP: 223.204.243.134 24 พฤษภาคม 2555 20:51:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องมีนรามอินทรา พวว 19 คร้ IP: 115.67.128.19 10 มิถุนายน 2555 12:05:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไข่ไก่ IP: 223.207.38.172 19 มิถุนายน 2555 20:15:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ่าด้า IP: 118.172.92.203 22 มิถุนายน 2555 9:53:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: เม IP: 110.171.23.111 29 มิถุนายน 2555 9:45:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: มินและกี้ IP: 101.51.175.147 25 สิงหาคม 2555 12:00:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: pfhoowee;_@hotmail.com IP: 61.19.65.225 4 กันยายน 2555 20:13:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: Gift_1140@hotmail.com IP: 182.232.87.154 19 กันยายน 2555 21:37:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจี๊ยบ IP: 58.97.84.16 20 กันยายน 2555 17:21:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: jj IP: 58.97.84.16 23 กันยายน 2555 12:52:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: jj (เจี๊ยบ) IP: 58.97.84.16 25 กันยายน 2555 11:25:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: 2563 IP: 101.51.46.180 4 ตุลาคม 2555 19:44:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: 2563 IP: 101.51.46.178 9 ตุลาคม 2555 21:18:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: กฤติกานต์กุล ม่วงทอง IP: 27.55.205.116 29 กรกฎาคม 2556 16:32:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจมนายม IP: 182.53.58.229 21 สิงหาคม 2556 20:21:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องพิม IP: 61.19.82.26 23 สิงหาคม 2556 8:17:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: phet IP: 182.52.125.154 18 กันยายน 2556 18:02:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: พด IP: 171.7.46.148 2 มกราคม 2557 19:44:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิภาดาร์ IP: 171.96.31.12 9 มกราคม 2557 21:51:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิภาดาร์ IP: 115.87.64.90 15 มกราคม 2557 21:01:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: นันทิการต์ IP: 49.230.96.34 18 มกราคม 2557 18:57:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณัฐกานต์ IP: 183.89.120.251 26 กุมภาพันธ์ 2557 19:07:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: อาจารย์สุวิมล (อาจารย์สุวิมล ) 27 กุมภาพันธ์ 2557 10:53:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: เต้ IP: 110.168.84.154 3 ธันวาคม 2557 22:12:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้นเทพแสง IP: 202.129.48.195 10 กุมภาพันธ์ 2559 15:42:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: calius de latium IP: 202.129.48.195 10 กุมภาพันธ์ 2559 15:43:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: พิชญา IP: 118.172.122.49 18 กรกฎาคม 2559 11:08:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: พิชญา IP: 118.172.122.49 18 กรกฎาคม 2559 11:08:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลา IP: 192.95.30.51 31 กรกฎาคม 2559 23:46:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลา IP: 192.95.30.51 3 สิงหาคม 2559 14:01:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลา IP: 192.95.30.51 3 สิงหาคม 2559 14:01:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: kratingtone IP: 202.29.177.47 8 กุมภาพันธ์ 2560 11:10:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมาน้อย IP: 1.46.158.228 27 กุมภาพันธ์ 2560 8:23:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| Smember | | ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]
|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
|
|