สุภารัตถะ บล็อก
Group Blog
ระเบียงหน้าบ้าน
ธรรมเม้าท์ธรรมโม..(ฉบับทบทวนความคิด)
ห้องกวีจากเพื่อนหมีก
สารบัญทักทาย-hp
รวมงานขีดเขียน
อัศจรรย์ปกิณกะ
ชวนคุยชวนฟังเพลงปี 48
รวมเรื่องสั้น ผมคนปรกติ
รวมเรื่องสั้น คือมายาหรือสัจจา
บทความจุดประกายเซนในเมืองไทย
นอนดูจันทร์.. (ส่วนตัว)
<<
ตุลาคม 2548
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
4 ตุลาคม 2548
ความข้องของอริยะ
All Blogs
วิภาษวิธีของท่านนาคารชุนะ (ต่อ)
วิภาษวิธีของท่านนาคารชุนะ (..เกริ่นนำ..)
ท่านนาคารชุนะ
ในความหลง.. มีความรัก..
ความฝัน 16 ประการของพระเจ้าปเสนทิโกศล
นิพพานที่ไม่สนุก แต่สุขอย่างยิ่ง...
พูดง่าย ทำไม่ง่าย
มากกว่าความรัก... คือความรัก...
การบรรลุธรรม
คิดเป็น.. ดับได้..
วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร
ความข้องของอริยะ
เหตุใดเห็นความจริงไม่เท่ากัน
เ ห็ น ต า ม จ ริ ง
ไร้โลกไร้กาลเวลา
รอยยิ้มภายใน
..หนทางกลับบ้าน
แผนที่ชีวิต
ที่สุดของความเปลี่ยวเหงา.. คือการค้นพบ
สวัสดีเพื่อน..นายตายแล้ว??
เข้าพรรษา..งดเบียดเบียนตัวเอง
เบื่อด้วยการพิจารณา
อันว่า..ความเหงา ความเบื่อ..
สารนารถ เมืองแห่งปัญญา
มาฆบูชา วันแห่งรักแท้
เหตุที่คิดให้แปลกแยก
เราต่างมีพระเจ้าเป็นของตนเอง
จุดมุ่งหมายในชีวิต
ชีวิตไม่ง่าย
คนละโลก
ความข้องของอริยะ
ไม่เพียงปุถุชนเท่านั้นที่ยึดติดอัตตาและหนาไปด้วยกิเลส
..หากใครเคยอ่านหนังสือเรื่อง "ภูเขาพุทธธรรม" ของท่านอาจารย์พุทธทาส หรือ "ปรัชญาปารมิตาสูตร" คงจะทราบว่าแม้แต่พระอริยะก็ยังมีอวิชชาที่ขจัดไม่หมด
ถึงจะไม่ผิดศีลห้าอย่างหยาบเช่นปุถุชนที่ขาดสติรุนแรงได้ในบางครั้ง แต่ก็มีความข้องใจสงสัยอีกหลายๆ อย่าง และถึงกับหลงไปได้เมื่อยึดถือในอัตตาตัวตนขึ้นมา โดยจะเป็นเป็นไปตามระดับความหลงของตัวเองที่ทึกทักเอา
อย่าคิดเชียว ว่าอริยะจะรู้อะไรๆ ไปเสียหมด บางท่านที่วิ่งตามกระแสโลกชนิดไม่รู้ตัว แถมมีบริวารคอยปกป้องจนน่าเกลียดก็มีให้เห็นไม่น้อย
จะว่าไปแล้ว ก็มีกรณีพูดถึงพระอริยะกันอยู่บ่อยแม้ในพุทธกาลว่า ..อริยะจะรู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองเป็นอริยะขั้นใดหากไม่มีฌานอภิญญา คำตอบส่วนใหญ่ก็ปรากฏว่าน่าจะยากอยู่ที่จะรู้ได้ เพราะหากเป็นผู้มากไปด้วยกำลังสมาธิตัดนิวรณ์ได้ง่าย ก็ไม่ง่ายเหมือนกันที่จะเห็นสังโยชน์ที่เหลือ ด้วยกามตัณหาหรือความสะเทือนของจิตรบกวนท่านได้ยาก แม้แต่เรื่องของอายุก็เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้สับสน เพราะผู้สูงอายุนั้น กามและกิเลสบางตัวมันบางมันเหือดไปตามธรรมชาติเอง แต่ขาดไม่ขาดนั้นยังไม่แน่..
แต่ที่แน่ๆ ขั้นที่รู้ตัวง่ายที่สุดน่าจะเป็นขั้นพระอรหันต์ เพราะความขาดจากกิเลสนั้นมันชัด มันเบา มันไม่เหลือเยื่อใยของยางเหนียวแห่งกิเลส เป็นผู้ขาดจากวิบากกรรมใหม่ทั้งหลาย แม้จะเป็นอรหันต์ประเภทที่ยังมีเวทนาไม่ชัดเท่าประเภทที่ขาดจากเวทนา แต่เวทนาของพระอรหันต์นั้นมันบริสุทธิ์อยู่ในเจตนา
ส่วนอริยะขั้นอื่นๆ นั้น ตัดสินลำบากเอาการ รู้ตัวยากเอาการ ยิ่งอริยะผู้ยังไม่ทำลายอวิชชาให้สิ้นไปทั้งหมด กลับมาหลงตนว่าเป็นอริยะขั้นนั้นขั้นนี้ หรือบางทีถึงกับหลงว่าตนเป็นอรหันต์ ก็กลายเป็นปัญหาที่ผู้อื่นเข้าช่วยได้ยาก ธรรมก็จะไม่เจริญก้าวหน้าต่อเพราะมาติดขัดเอากับความหลงอยู่อย่างนั้น
การหลงไปในปัญญา..ทางทิเบตเรียกว่านรกวัชระ คือเป็นนรกสำหรับผู้มีปัญญาแต่เป็นปัญญาทางวิปัสสนูกิเลส เป็นปัญญาที่มีตัวตน มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะดึงตัวเองขึ้นมาให้ได้
เป็นเรื่องไม่แปลกเลย หากพระอรหันต์ผู้ทำลายกิเลสหมดสิ้นจะประกาศความหมดทุกข์ และแม้แต่ปุถุชนอวดอุตริบางคนจะมากล่าวอ้างว่าตนเป็นอรหันต์ ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะพวกต้มตุ๋นพวกนี้ทำเช่นนี้เป็นอาชีพอยู่โดยไม่หวั่นเกรงกรรมเลวอยู่แล้ว
แต่อริยะที่ยังพระเสขะโดยไม่ได้เป็นพระอเสขะ มาประกาศความเป็นอรหันต์นี่ซิ อุแม่เจ้า..!! เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าไม่คาดฝัน.. สมัยก่อน..อ่านภูเขาพุทธธรรม ก็คิดว่าความข้องของพระอริยะน่าจะเกี่ยวกับความสงสัยในข้อธรรมอยู่อีกหลายประการที่ตีไม่แตกกระมัง พอมาสัมผัสประเด็นที่พระอริยะบางท่านลุกมาประกาศความเป็นอรหันต์เอาดื้อๆ ความเข้าใจว่าตัวหมดกิเลสทั้งที่ไม่หมด ซ้ำหาญกล้าป่าวประกาศตัวว่าเป็นอรหันต์นั้น.. นี่ก็ล้วนเกิดเพราะเหตุจากตัวตนเอาเสียทั้งนั้น
ความติดของพระอริยะผู้ไม่ทะลวงฝ่าด่านกิเลสให้หมดไป แล้วยังติดกับดักความเป็นอริยะของตนโดยแทบไม่รู้ตัว คิดแล้วน่ากลัวนัก เพราะขนาดเป็นผู้เข้ากระแสรู้อยู่ว่าตัวตนเป็นมายา ยังหลุดจากตัวตนได้ยาก แสดงว่าเรื่องของอัตตานี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปล่อย แค่รู้ก็ใช่ว่าจะทำได้จริงจัง ต้องมีสติปัญญาและหมั่นภาวนาอยู่มิขาด โดยเฉพาะการสำรวจกิเลสตัวเอง แต่อย่างว่านะ ถ้าเขาเชื่อว่าเขาเป็นอริยะขั้นนั้นขั้นนี้ การเตือนจากผู้อื่นก็คงกระทำได้ยากยิ่ง
ในสมัยพุทธกาล ก็มีอยู่ที่บางท่านมีกำลังฌานแก่กล้ามีฤทธิ์อภิญญาและความสงบรำงับอย่างยิ่ง ขนาดเชื่อว่าตนเป็นอรหันต์จนถูกทดสอบจากใครต่อใครอยู่หลายครา ทั้งฟันแทงเผาไฟและอะไรอีกมากก็ไม่หวั่นไหวเลย จนกระทั่งมีพระรูปนึงเอาส้มเปรี้ยวจี๊ดมาปลอกต่อหน้า ปรากฏว่าท่านน้ำลายไหล จึงรู้ว่าตนนั้นยังไม่หมดไปซึ่งกิเลส
ส่วนใครที่ทึกทักเอาว่าการเข้าไปพบจิตเดิมได้แล้วตัวเองจะเป็นอรหันต์นั้น ไม่สำรวจว่ากิเลสของตนถูกทำลายไปเท่าใด ความติดในความเป็นอริยะนี้ก็ล้วนเป็นเรื่องของอัตตาตัวตนไม่ต่างจากผู้ติดดี ซึ่งยังมีลักษณะของทวิภาวะที่จะสำแดงเดชอีกขั้วออกมาให้เห็นได้ไม่ยากเย็น เมื่อความพึงพอใจถูกกระทบให้เป็นความไม่พอใจ จิตก็จะแสดงความขัดเคืองหงุดหงิดฟุ้งซ่านออกมา ถึงแม้จะกำหนดให้จิตกลับไปอยู่ที่สภาวะปกติได้เร็ว แต่ก็จะเห็นความไม่ขาดสิ้นเชิงของสังโยชน์ตัวเองได้ แต่จะมีปัญญารู้ตัวได้หรือไม่ว่าตัวเองนั้นยังไม่หลุดพ้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้ว และอรหันต์ชนิดแบบนี้คงไม่มีใครอยากเป็น
ดังที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นกิเลสของตนเมื่อออกจากฌาน และทรงทราบว่าภาวะสุขเช่นนั้นอยู่ได้แค่ชั่วคราว ไม่สามารถตัดขาดจากความทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง ท่านจึงค้นหาทางที่จะตัดกิเลสโดยราบคาบเป็นทางลัดหรือทางสายเอกสำหรับมนุษย์ คือสติปัฎฐานสี่ แม้แต่อานาปานสติก็อยู่ในฐานสี่นี่เช่นกัน
ผู้ที่ละสังโยชน์สิบ อยู่เหนือลักษณะทวิภาวะแล้วทั้งปวง เป็นผู้ลอยบุญลอยบาปดับขันธ์ปรินิพพาน คงไม่มีใครมาเรียกร้องการทำบุญ และก็คงจะมีแต่หน้าที่สอนสภาวะปรมัตถ์ซึ่งเข้าใจได้ยากเป็นหลัก ที่เหลือคงเป็นเรื่องของจริต
แล้วจะเรียบเรียงปรัชญาปารมิตาสูตรส่วนใจความหลักมาแปะ ขอติดไว้ก่อน
Create Date : 04 ตุลาคม 2548
Last Update : 5 ตุลาคม 2548 11:35:43 น.
16 comments
Counter : 1093 Pageviews.
Share
Tweet
ช่วงนี้หงุดหงิดพวกอริยะบางท่านขึ้นมาอ่ะ..
โดย:
suparatta
วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:19:54:33 น.
แวะมาอ่านด้วยครับ...
โดย:
**mp5**
วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:21:38:33 น.
โดย:
ปลาทูน่าในบ่อปลาพยูน
วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:21:48:31 น.
โดย:
เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า
วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:22:54:23 น.
อริยะ บางท่าน ยังละไม่ได้ซึ่งกิเลส
โดย:
อยู่ไกลบ้าน
วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:23:25:25 น.
สวัสดีค่ะ คุณสุภาฯ
ไปหงุดหงิดกับใครเหรอคะที่เป็นอริยะ
เรื่องบางอย่างของผู้อื่นก็ยากจะเข้าใจเหมือนกันนะคะ
อย่างเรื่องของรักดี
เชื่อว่า ไม่มีใครเข้าใจแน่นอน
บางครั้งอยากเล่าอยากพูด
แต่ก็เล่าหรือพูดให้เพื่อนๆในที่นี้ฟังไม่ได้อีก
ได้แต่เก็บความชอกช้ำไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียวเพื่อให้ผู้อื่นได้มีชีวิตที่เป็นสุข ภาวนาก็แต่ว่า อย่ามาทำร้ายรักดีได้อีก
โดย:
รักดี
วันที่: 5 ตุลาคม 2548 เวลา:16:00:55 น.
คุณพี่สุภาฯ
ขอดิก....ด่วนค่ะ
คำศัพท์แยะมาก หนูแปลไม่ออก
โดย:
มีอมยิ้ม
วันที่: 5 ตุลาคม 2548 เวลา:19:42:43 น.
แวะมาเยี่ยมจ้ะ
โดย: วิริยะ IP: 61.165.194.3 วันที่: 5 ตุลาคม 2548 เวลา:20:34:51 น.
**mp5**
ปลาทูน่าในบ่อปลาพยูน
บล๊อกปลาทูน่า..รอโหลดนานยังไง ก็ไม่มา สงสัยคอมพ์เก่าเกินไป
เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า
อยู่ไกลบ้าน
อิจฉาคนได้เที่ยว
รักดี
สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มีอมยิ้ม...
อริยะ มี 4 ขั้น คือโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์
พระอเสขะ หมดกิเลสแล้ว พระเสขะ ยังไม่หมด
จิตเดิม เป็นธรรมชาติแท้ของจิตที่ไม่มีกิเลส บางคนเรียกว่าใจ แล้วเรียกจิตที่ยังมีกิเลสว่าจิต
สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ทั้งหลายให้ผูกติดอยู่กับความทุกข์ทําให้ไม่สามารถสลัดหลุดออกมาได้ อันมี ๑๐ ประการ
1.สักกายทิฏฐิ 2.วิจิกิจฉา 3.สีลัพพตปรามาส 4.กามราคะ 5.ปฏิฆะ 6.รูปราคะ 7.อรูปราคะ 8.มานะ 9.อุทธัจจะ 10.อวิชชา
สังโยชน์ 10
โดย:
suparatta
วันที่: 5 ตุลาคม 2548 เวลา:20:35:37 น.
ขอบพระคุณคุณพี่สุภาฯ มากนะคะ
ทำให้มีอมยิ้ม มีวิจิกิจฉา ในเรื่องที่แปะไว้ด้านบน
ที่พี่สุภาฯ หลุดหงิด จะเรียกว่า ปฎิฆะ ได้ไหม๊คะ
โดย:
มีอมยิ้ม
วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:8:07:21 น.
ไม่ใช่ มีอมยิ้มมี จิ ... ต้องบอกว่า ทำให้ ละ น่าจะถูก
โดย:
มีอมยิ้ม
วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:8:09:11 น.
ยังขี้โกรธอีกด้วยง่ะ ถ้าไม่รู้จักธรรม คงฆ่าคนแน่ๆ ........
มีอมยิ้มละวิจิกิจฉาได้ อนุโมทนา
ว่าแต่แปลให้หน่อยนะ...
โดย:
suparatta
วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:8:41:34 น.
อิอิ
ละความลังเล สงสัย เพราะได้การชี้นำให้ไปอ่านจาก คุณพี่สุภาฯ ไงคะ
โดย:
มีอมยิ้ม
วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:10:51:20 น.
ให้เป็นกองหน้าค่ะพี่ ป่ามืดก็ตกนรกมาหลายรอบแล้วค่ะ แต่ก็ไม่เข็ดเสียที เอาเสียหน่อย
1..พระอริยะคือผู้ละ คงไม่หยิบยกตนขึ้นมาตั้งอีก เอามาตั้งอีกก็สมมุติใหม่อีก
2..พระอริยะคือผู้ถ่อมตน คงไม่ใช่วิสัยที่จะประกาศตน เป็นก็เป็นอยู่เงียบๆ
แค่นี้พอนะพี่ นี่ก็หลายกัปแล้วค่ะ
สาธุค่ะ
โดย:
ป่ามืด
วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:2:42:27 น.
ขุมที่มีเน็ตด้วย
คุณป่ามืดจะไปไหม...
โดย:
suparatta
วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:8:08:30 น.
โดย: 555 IP: 125.27.64.36 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:11:43:17 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
suparatta
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
..วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร..
..ท่านนาคารชุนะ..
วิภาษวิธี..
เกริ่นนำ..
ตอนจบ..
ู
๐ สมุดเยี่ยมและบ่นได้..
**ทางลัด**
๐ สารบัญทักทาย(ทั้งหมด)
๐ ชวนคุย&ฟังเพลงปี48(ทั้งหมด)
๐ นอนดูจันทร์..(ส่วนตัว)
**log in หน่อยน่า..
Google.co.th
เพื่อนบ้านบล๊อก
it ซียู
เกือกซ่าสีชมพู
เด็กชายหัวระเบิด
พ่อน้องโจ
Hello_Hello
grappa
rebel
รำเพย
แม่สาย
รักดี
ป้าแจ๋วแหวว
ป้าติ๋ว
ป้ามด
อยู่ไกลบ้าน
jan_tanoshii
เสมอกลาง
zaesun
พฤษภาคม 2510
JewNid
มuอมยิ้ม
หนี่หนีหนี้
ค้างคาวสาว
ระนาดแก้ว
yyswim
Bluejade
wbj
POL_US
thanawat_orf
arbel
WIWANDA
ฯคีตกาล
เจ้าชายไร้เงา
กาแฟสอง
{``-_-}{-``-}{-_-``}
Mint@da{-"-}
รัตน์ดา
ลูกป้ามล
ป่ามืด
ป่ารักน้ำ
กิ่งไม้ไทย
ปาลินารี
sevenlotus
pataree
*bonny
จันทร์น้อย
Friends' blogs
whitespace
วีรธรรม
sevenlotus
โสมรัศมี
ธรรมธาตุ
ชลสิทธิ์
Webmaster - BlogGang
[Add suparatta's blog to your web]
Links
วิทยาลัยวันศุกร์
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
. . อิ ส ร ช น . .
faylicity.com
sameway magazine
bookbyhand.com
ธรรมโฆษณ์ของท่านพุทธทาส
พุทธทาสศึกษา
budpage.com
สนทนากับท่านนัชฮันท์
เสขิยธรรม
การแปลงเพลงต่างๆ
ได้โปรด-อย่าเพิ่งฆ่าตัวตาย
ตรวจสลากออมสิน
olddreamz.com
รวมลิงค์มหัศจรรย์
thaifriendforum.blogspot
www.onopen.com
ปลาทองธรรม
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.