สุภารัตถะ บล็อก
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 กันยายน 2548
 
All Blogs
 

เหตุใดเห็นความจริงไม่เท่ากัน


ความน่าจะแปลกของคนที่มีดวงตาเท่ากันสองดวง กลับรับรู้ได้ต่างกัน เห็นภาพเหตุการณ์เหมือนกันก็จริง แต่การรับรู้และการเข้าใจนั้นจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาอีกที

เมื่อตาเห็นสมองรับรู้ วิเคราะห์สิ่งที่เห็นด้วยความรู้ความจำที่สะสม ประมวลออกมาเป็นความนึกคิดแล้ว กลับยังแตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่นนั้นสิ่งที่เห็น..ใช่ความจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นความจริงทำไมเห็นต่างกัน และคิดต่างกัน

ความจริงเห็นได้ด้วยดวงตาหรือไม่ คนตาบอดเห็นความจริงได้ไหม…??

เคยอ่านนิยายที่เขียนถึงพิธีกรรมการเปิดตาที่สามของพระทิเบต เพื่อเห็นได้มากกว่าสองตา หรือไม่ก็เคยอ่านคนที่ฝึกสมาธิจนตาที่สามเปิด หรือไม่ก็คนมีของเก่ามาเยอะประมาณนั้น เขาสามารถเห็นโลกอีกมิติได้ แต่การเข้าไปเห็นที่มากว่าสองตา แล้วต้องกลับมาผ่านกระบวนการรับรู้ ตีความ เพื่อสรุปวิเคราะห์สิ่งที่เห็นนั้นออกมา จะลึกซึ้งกว่าสองตาที่มีอยู่แน่ไปทุกคนหรือเปล่า? ตรงนี้ล่ะที่น่าสนใจ อะไรกันที่ทำให้เห็นความจริงได้กันแน่.

ไม่ว่าสองตาหรือตาที่สาม ถ้าไม่มีตาปัญญานั้น การเห็นมากรับรู้มาก จะทำให้เข้าใจมากได้ทุกคนหรือเปล่า หากไม่มีปัญญาไตร่ตรองพิจารณา

แม้ความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา แต่ทำไมพวกเราจึงถูกมายาปิดบัง เราทุกคนเห็นภาพไปตามที่ตนเองคิดเท่านั้นหรือ ความคิดเรามีปัญญาขนาดไหน ทำไมผู้หญิงคนหนึ่งที่เราเห็น บางคนรู้สึกได้ลึกๆ ว่าเป็นคนอย่างไรทั้งที่ยังไม่ได้รู้จักกัน คนมีตาที่สามกลับบอกว่าเป็นนางฟ้าเพราะเธอเป็นคนดีมีรังสีสว่างไสว ทำไมพระป่าบอกว่าเป็นแค่โครงกระดูก ไม่รู้ว่าเป็นหญิงชายหรอก.. อะไรคือความจริง??

เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเสวนาธรรมของพระธิเบตกับท่านกฤษณะมูรติ หัวข้อที่ว่าจิตมีการพัฒนาหรือไม่พัฒนา ในการก้าวไปสู่การเห็นความจริงแท้หรือบรรลุธรรม

ความคิดของพระธิเบตน่าสนใจมาก ที่กล่าวว่า จิตนั้นมีกระบวนการเรียนรู้ เมื่อเผชิญความทุกข์ ย่อมเรียนรู้ต่อหนทางให้หลุดไปจากทุกข์ ทำความดีและค่อยๆ ก้าวหน้าในธรรม นี่เป็นความจริงระดับหนึ่งที่น่าศึกษา

แต่พออ่านทัศนะวิจิตรของท่านกฤษณะมูรติ ถึงกับโพล่ง จิตไม่มีการพัฒนา ถ้าพัฒนากันได้ ทุกจิตอาจเริ่มจากความไม่รู้ ค่อยๆ รู้ และไปถึงที่สุดของความรู้ไม่ต่างกัน อย่างนั้นทุกจิตน่าจะใช้เวลาเท่าๆ กัน ..จากความไม่รู้ไปสู่ความรู้คือการบรรลุธรรม?

..ทำให้นึกถึงผู้คนที่ได้ดิบได้ดีแล้ว มีฐานะบ้าง การศึกษาดีบ้าง มีหน้าที่การงานดีบ้าง รูปร่างหน้าตาดีบ้าง บางทีกลับเป็นผลร้ายไป สนุกไปกับโอกาสที่เข้าไปข้องกับความหลงของตัณหาราคะ และความน่าสนุกของชีวิตที่รายล้อมอยู่ ส่วนผู้ที่ตกยากลำบาก หาเช้ากินค่ำ เป็นทุกข์ กลับคิดถึงคุณงามความดี แต่ทว่าหากลืมตาอ้าปากได้ขึ้นมา จะมีสักกี่คนที่เจียมตัวได้ดุจเดิม ทำให้เข้าใจเรื่องความหลงของจิตขึ้นมาทันใด ขึ้นๆ ลงๆ อยู่อย่างนี้เป็นส่วนใหญ่ ตกอยู่ในโลกสาม สวรรค์ โลก นรก วนเวียนยาวนาน เวลาตกก็สำนึกทำความดีบ้าง เวลาขึ้นจะมีสักกี่คนที่ไม่หลงระเริงไป

ถึงจุดนี้ ระลึกถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธะขึ้นมา ใครกันที่จะไม่ตกล่วงมีแต่จะก้าวขึ้นไปสู่จุดหลุดจากทุกข์ได้ ก็คงเป็นอริยะผู้เห็นทางแล้ว ซึ่งมีแต่จะสูงขึ้นไปไม่หวนต่ำลง มีสติปัญญาที่จะสะกัดความตกล่วงลงสู่ภูมิที่ต่ำได้ เป็นผู้มีปัญญารู้ว่าไหนใช่ทางไหนไม่ใช่ทางแล้ว

จิตไม่มีการพัฒนา ไม่ใช่ค่อยๆ เรียนรู้และจะบรรลุธรรมในที่สุด ความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปริยัติหรือความรู้ทางโลกล้วนเกิดขึ้นจากความจดจำ อาจมาจากการฟัง อ่าน หรือผ่านประสบการณ์ ส่วนความจริงนั้น เป็นภาวะฉับพลัน…ที่ยุติความจำ ความคิด ความเชื่อ หรือการปรุงแต่งของจิตลง ทันทีทันใด.. เข้าไปรับรู้สภาวะจริงๆ

ส่วนทางนั้นก็คือการรักษาสติ (สติปัญฐานสี่ หรือมรรคมีองค์แปด) นั่นเอง ยิ่งมีสติต่อเนื่องเท่าไร ความจริงก็ยิ่งปรากฏให้เห็นในระดับตามกำลังของปัญญา ยิ่งอยู่กับปัจจุบันขณะมากเท่าไร อดีตอนาคตก็ยิ่งดับลง (ความคิดปรุงแต่งดับ) จนความจริงสูงสุดอาจปรากฏชัดอยู่ตรงหน้า..




 

Create Date : 20 กันยายน 2548
19 comments
Last Update : 20 กันยายน 2548 6:16:11 น.
Counter : 1546 Pageviews.

 

จิตไม่นิ่ง ย่อมเห็นคนอื่นไปตามที่ตัวเองคิด ไม่ใช่ที่เขาเป็น
จิตนิ่ง ย่อมเห็นคนอื่นตามที่เขาเป็น ไม่ใช่ตามที่เขาอยากให้เป็น

บรรดาลูกใหม่ของพ่อน้องโจ
เลข 6 เป็นเลขของความรัก

 

โดย: suparatta 20 กันยายน 2548 6:45:38 น.  

 

ชอบคำพุดในคอมเม็นต์นี้จังเลยค่ะ จะได้รู้ว่าจิตเรานิ่งรึเปล่า

ลูกพ่อน้องโจน่ารักจริงๆ

 

โดย: ป้ามด 20 กันยายน 2548 9:30:32 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณสุภาฯ

รักดีชอบรูปนี้มากค่ะ

ดูแล้วบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกแบบไหน

เห็นตาลูกหมาแล้ว หลายอารมณ์รวมกัน


 

โดย: รักดี 20 กันยายน 2548 9:56:39 น.  

 

เลข 6 เป็นเลขของความสวยงาม ศิลปะและความรักจริง ๆ ค่ะ

คนที่นำมาปล่อยคง ใช้เลข 0 มฤตยู ในการคิดและกระทำลงไปนะคะ

 

โดย: มีอมยิ้ม 20 กันยายน 2548 10:03:19 น.  

 

มายามีมาก สติมีน้อยก็กลายเป็นหลงใหลไปเลยล่ะค่ะเลยทำให้สิ่งที่เรามีเหมือนๆ กันเกิดความแตกต่าง

 

โดย: JewNid 20 กันยายน 2548 12:50:59 น.  

 

สนใจเรื่องสติปัฐฐาน ลองดูที่www.dhammahome.com

 

โดย: oklah IP: 203.209.122.244 20 กันยายน 2548 14:34:11 น.  

 

ลึกซึ้ง ๆ

 

โดย: Bluejade 21 กันยายน 2548 5:16:33 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่สุภาฯ

ที่ถามไว้ในบล้อกว่า คุณหมาน่าจะคุยอะไรกัน
มีอมยิ้มขอตอบว่า " เป็นมนุษย์มันดีกว่าตรงไหน " มั้งคะ . . .

 

โดย: มีอมยิ้ม 21 กันยายน 2548 5:32:13 น.  

 

มาขอบคุณที่ให้กำลังใจครับ ตอนนี้หมาๆทั้งหมดอ้วนท้วนสมบูรณ์แข็งแรง และได้รับการดูแลอย่างดี จากแม่ของผมและผมครับ ตอนนี้เริ่มมีคนมาขอดูๆหมาและจะขอไปเลี้ยงบ้างละครับ ถึงจะไม่มีใครเอาไปเลี้ยง ผมก็คงจะเลี้ยงเค้าเอง ไม่อยากเอาไปปล่อยสร้างภาระให้คนอื่นเหมือนคนที่เอาหมามาปล่อยที่บ้านผมน่ะครับ ถ้าผมทำอย่างนั้นผมก็คงเลวไม่ต่างจากคนที่เอาหมามาปล่อยเลยครับ

 

โดย: พ่อน้องโจ 21 กันยายน 2548 12:15:56 น.  

 

หวัดดีครับ..

รอรับหนังสืออยู่ครับ..

ขอบคุณนะครับ

 

โดย: เชสเตอร์ 21 กันยายน 2548 17:38:05 น.  

 

สาธุค่ะ
กว่าจะเห็นทุกอย่างจริงแท้ ต้องผ่านอุปสรรค มายาแห่งกิเลสมากมาย

 

โดย: กิ่งไม้ไทย 21 กันยายน 2548 23:26:06 น.  

 

อย่าอยู่อย่างอยาก มันคือกิเลส
อยู่กับต้นไม้ ดอกไม้ เหล่าแมลงและหมาซนๆ มีความสุขตามอัตภาพ ดีกว่าโลดแล่นในยุทธจักร ต่อหน้ายกมือไหว้ ลับหลังอีกอย่าง

Back to the basic ค่ะ

 

โดย: ป้าแจ๋วแหวว 22 กันยายน 2548 18:36:37 น.  

 

หวัดดีครับ..ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วนะครับ

ขอบคุณมากๆ..

อ่านเรื่องแรกแล้วงงๆ..แต่เรื่องที่สองเริ่มเก็ทแล้วล่ะ..

ขอบคุณอีกที..ที่เขียนหนังสือดีๆให้อ่านนะครับ

 

โดย: เชสเตอร์ 23 กันยายน 2548 14:32:31 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณสุภาฯ

อยากจะเรียกพี่สุภาฯ แต่เกรงใจค่ะ

เรื่องวิจารณ์ เป็นของชอบอยู่แล้วค่ะ

กลัวแต่ว่า คนเขียนจะหมดกำลังใจซะก่อน

เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆ ( ยังบ้า Full Houseอยู่ )

ยังไงก็พักผ่อนบ้างนะคะ

รักดีไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

ว่าจะว่าจะเหมือนกันค่ะ

พี่เค้าดุรักดีทุกวันเหมือนกัน แต่รักดีดื้อเองค่ะ

 

โดย: รักดี 23 กันยายน 2548 16:14:38 น.  

 

สวัสดีค่ะ

มีความสุขในวันอาทิตย์นะคะ


 

โดย: รักดี 25 กันยายน 2548 8:43:48 น.  

 


พยายามมีสติ....
แต่ใจมันไม่ค่อยจะนิ่ง คิด คิดเซี๊ยจริงจริง

 

โดย: yyswim 27 กันยายน 2548 13:53:55 น.  

 

ขอบคุณป้ามด
มีแต่คนหลงนะ คุณจิ๋วนิด หลงแต่พองาม ก็ยังหนุกๆ นะ หลงมากก็แย่หน่อย
สุนัขที่บล๊อกมีอมยิ้ม พูดถูก มนุษย์ยุคนี้ อาจแย่กว่าหมาแร็ววว
ขอบคุณคุณoklah
กว่าจะเห็นจริงต้องผ่านอุปสรรคมายา จริงจ้าคุณกิ่งไม่ไทย
พ่อน้องโจ ลูกยิ่งมาก ยิ่งเซ็กส์ซี่นะ (แปลว่าฉลาดมั่ก)
คืนสู่สามัญ อิจฉาป้าแจ๋วแหวว
เชสเตอร์รับให้ได้นะ อย่าให้เค้าส่งคืนมาอีก
บลูเจด .. จขบ ว่าเป็นคนเขียนอะไรสั้นมั่กแล้วนะ คุณสั้นกว่าอีก
รักดี ออกกำลังกายเถิด จะเกิดผล
yy ใจมันไม่นิ่ง ก็เอาเข้าช่องแช่แข็งดิ

 

โดย: suparatta 28 กันยายน 2548 14:14:53 น.  

 

ขอบคุณที่แวะไปบล๊อกผมเด้อ

 

โดย: Bluejade 29 กันยายน 2548 6:32:29 น.  

 


เข้ามาเยี่ยมอีกวัน ได้ปล่าว

 

โดย: yyswim 30 กันยายน 2548 10:56:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


suparatta
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร..
..ท่านนาคารชุนะ..
วิภาษวิธี..เกริ่นนำ..ตอนจบ..

๐ สมุดเยี่ยมและบ่นได้..
**ทางลัด**
๐ สารบัญทักทาย(ทั้งหมด)
๐ ชวนคุย&ฟังเพลงปี48(ทั้งหมด)
๐ นอนดูจันทร์..(ส่วนตัว)

**log in หน่อยน่า..



Google.co.th
Friends' blogs
[Add suparatta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.