ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
::.....ธารทับทิม บทที่ ๒.....::




Link ไปยังข้อความแนะนำเรื่องกับบทนำค่ะ


free glitter text and family website at FamilyLobby.com
lozocatlozocat



ธารทับทิม

บทที่ ๒


ผู้เขียน ศรีสุรางค์ ๒๕๕๒
สงวนลิขสิทธิ์






...นานมาแล้ว แสนนานเกินนับกาลเวลา ก่อนโลกนี้จะกลายมาเป็นดาวดวงหนึ่งซึ่งเย็นลง สมัยที่เทวานับหมื่นแสนผู้มีแสงในตัวเอง ล่องลอยอย่างมีความสุขเสรีไร้ขอบเขตคั่นอยู่ในจักรวาลอันไกลโพ้น ได้มาพบโลก ซึ่งในกาลนั้นยังคงเป็นดุจดั่งนามธรรมมากกว่ารูปธรรม ยังเป็นเพียงมวลสาร ซึ่งเกิดมีสิ่งนุ่มเบารสอร่อยลอยอยู่บนผิวหน้าของภาวะที่จะกลายมาเป็นมหาสมุทรแลพื้นดิน เหล่าเทวาได้ลองแตะนิ้วชิมรสสิ่งนุ่มเบานั้นเข้า และเกิดติดใจในรสชาติของง้วนดินนี้ขึ้นมา...

...เมื่อเทวาเหล่านั้นแตะกายชิมรสอันเลิศล้ำบนโลกเข้าแล้ว ก็ชวนกันมาอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ นานหลายชั่วชีวิต จนกระทั่งบังเกิดมีเมฆฝน ท้องฟ้า มหาสมุทร ผืนดินที่แข็งแรงกว่าเดิม มีต้นไม้และป่าเขา และเริ่มมีสัตว์ต่างๆ

...ในเวลานั้นเอง ชนผู้สืบเชื้อสายจากเทวาที่ค่อยกลายเป็นมนุษย์แล้ว เพราะมีกายหยาบขึ้น ยังมีอายุยืนยาวนานถึงหมื่นแสนปี ได้ตั้งหมู่บ้าน นิคม และเมืองน้อยๆ ของตนขึ้นมา

...เมืองน้อยๆ แต่ละเมืองมีชนผู้เก่งกล้ากว่าใครๆ ในด้านพลังทางจิต และฤทธิ์ทางใจ เป็นผู้นำ ผู้คุ้มครองผู้อื่นๆ ดุจดั่งว่าเป็นพระราชาและพระราชินีในเมืองน้อยๆ นั้น

...ชนเหล่านั้นเรียกเผ่าพงศ์ของตนว่า คาทิค พวกคาทิคมีหลายเมือง หากเมืองที่มีอำนาจมาก่อนเก่านั้นชื่อเมือง วาร์ พระราชาราชินีแห่งเมืองวาร์มีบารมีและเมตตามากนัก หากท่านทั้งสองก็มีอายุมากแล้ว เมื่อพระราชาป่วยหนัก และสิ้นพระชนม์ลง พระราชินีก็ตรมตรอมพระทัย

...ด้วยความรักผูกพันมานานเกือบแสนปี ทำให้พระราชินีโศกเศร้าจนสิ้นพระชนม์ตามไปในเวลาไม่นานด้วยกัน คงเหลือแต่เจ้าหญิงน้อยอยู่เพียงองค์เดียว

...เหล่านักบวชทั้งหลายพากันเสาะหาชายผู้ซึ่งจะมาเป็นพระสวามีของเจ้าหญิงน้อย ซึ่งได้กลายเป็นพระราชินีองค์ใหม่ พวกเขาได้ใช้สารพัดวิธี ที่จะมองหาว่าบุรุษผู้เป็นคู่ของเจ้าหญิงนั้นอยู่ที่ไหน และมองดูอนาคตว่า เขาจะเป็นคนดีหรือไม่ มีความสามารถมากเท่าใด และชีวิตอันยาวไกลของเจ้าหญิงของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่พวกเขาหวังหรือไร...แต่แล้วพวกเขากลับได้พบกับความจริงที่น่าใจหาย

...ชายหนุ่มคนหนึ่ง บุตรของผู้คงแก่เรียนอาศัยอยู่ในป่า ถือกำเนิดขึ้นมาก่อนเจ้าหญิงเพียงไม่กี่ฤดูฝน หากคนผู้นี้เก่งกาจและมีอำนาจมหาศาลอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งความสามารถแห่งจิตใจ การใช้เวทย์ มนต์ และการบันดาลด้วยใจโดยไม่ต้องใช้แม้เวทย์หรือมนต์ ไม่ต้องท่องบ่นอะไรเลย เพียงแค่นึกเท่านั้น ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างก็เป็นดั่งใจได้ ซึ่งนับเป็นอำนาจขั้นสูงที่สุดของพวกชาวคาทิค

...พวกนักบวชรู้สึกได้ว่า ชายหนุ่มผู้นี้มีอำนาจมากยิ่งกว่าพระราชาองค์ก่อน หรือองค์ใดๆ ที่ชาวคาทิคเคยจดจำได้ในประวัติอันยาวนาน

...ในเพลานี้ เขาได้เจริญวัยขึ้นเป็นบุรุษรูปงาม มีนิสัยเมตตาอารี จิตใจอ่อนโยน และไม่รู้ตนเลยว่าอำนาจทางใจซึ่งเขาใช้ได้ง่ายดายอยู่ทุกวันเวลาในพงไพรนั้น มากมายเพียงไร เขาช่างเป็นชายหนุ่มซึ่งเหมาะสมกับเจ้าหญิงองค์น้อยอย่างที่สุด หากไม่เพียงเพราะว่า เมื่อเหล่านักบวชทั้งหลายได้มองเหตุการณ์ไปในอนาคตแล้ว ต้องตื่นตระหนกตกใจอกสั่นขวัญแขวน

...โอ บรรพเทวะที่ปกป้องวาร์ ไยพวกท่านจึงโหดร้ายต่อสายโลหิตของพวกท่านเองเช่นนี้ ไยจึงไม่เมตตาต่อเจ้าหญิงพระองค์น้อยและราชาของพวกเรา

...โอ บรรพเทพที่คุ้มครองวาร์ โปรดอย่าให้นิมิตแห่งอนาคตนี้ได้กลายเป็นความจริงเลยตลอดกาลเวลาอันเป็นนิรันดร์



รอยรจนาถอนใจเมื่อวางพู่กันอันสุดท้ายซึ่งล้างแล้วเรียงกันเป็นระเบียบเพื่อผึ่งให้แห้งลง หญิงสาวลุกขึ้นมาล้างมือในอ่างเล็กใกล้หน้าต่าง ซึ่งกัณเป็นคนต่อท่อและติดตั้งให้ ถอดเสื้อคลุมซึ่งใช้กันเปื้อนออกแขวนไว้ที่ตะขอข้างผนัง

วันนี้เธอวาดรูปได้ไม่ดีเท่าที่ควร แรงใจไม่รู้หายไปไหนหมด

ร่างสมส่วนเต็มตึงในชุดกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวซึ่งพับไว้แค่ศอก ลุกขึ้นยืนบิดตัวขับไล่ความเมื่อยขบ มือเรียวเอื้อมไปปลดผ้าผูกผม ก่อนสะบัดให้เส้นผมยาวประไหล่ซึ่งรวบไว้สยายลงมา ใช้นิ้วสางผมตัวเองพลางนวดหนังศีรษะอย่างใจลอย

เธอฝันอีกแล้ว ฝันประหลาดและค่อนข้างน่ากลัว ถึงชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งถูกแทงด้วยมีดแหลมอันสวยงาม

หน้าผาอันเย็นเยียบ ดวงตาใสสีสวยราวกับแก้วมณีอันมีค่า และเลือดมากมายเหลือเกิน

เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาเปื้อนแก้ม และหัวใจเจ็บปวดรวดร้าว ทำไมกันนะ


‘...เกล็ดหิมะโปรยปรายแผ่วเบา
ท้องฟ้ายามค่ำไร้แสงดาว
ลมหนาวอันโหดร้ายได้มาเยือนหัวใจพี่แล้ว...เมื่อยามเจ้าจากไป...’


คำพูดพวกนี้มาจากไหนกัน คำพูดที่ไพเราะราวกับโคลงหรือลำนำที่จู่ๆ ก็ดังกังวานในสมองของเธอขึ้นมาเอง

รอยรจนาส่ายศีรษะพลางถอนใจ ไม่ค่อยมีสมาธิอย่างนี้ ไปรีดผ้าแล้วจัดของให้เข้าที่เข้าทางต่อดีกว่า กว่าจะถึงเวลาอาหารเย็นก็อีกตั้งนาน วันนี้กัณคงไม่มาทานด้วย เพราะเขาบอกว่าจะไปหาหลวงตาที่วัดในเมือง

หญิงสาวเดินออกจากห้องเล็กๆ ซึ่งมีหน้าต่างรอบด้านที่หล่อนใช้เป็นสตูดิโอส่วนตัวออกไปยังนอกชาน แตะดูเสื้อผ้าที่ตากไว้เห็นเริ่มแห้งแล้วก็เก็บตัวที่จะต้องรีดลงมาก่อน เดินเข้าไปในเรือนนอนแล้วดึงโต๊ะรีดผ้ากับเตารีดออกมาตั้ง พยายามไม่นึกถึงเรื่องราวในหนังสือที่ได้อ่านมาอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งชอบเข้ามารบกวนจิตใจในระยะนี้

เธอไม่น่าเก็บหนังสือเล่มนั้นไว้เลย รอยรจนาคิด สามวันถัดจากที่เธอเริ่มอ่านมันไปได้สองสามบท…มันน่ากลัว

สยดสยองน่าพรั่นพรึง น่าตื่นเต้นในความยิ่งใหญ่ และลึกซึ้งบีบคั้นจิตใจของเรื่องราว ที่เข้ามาจับจิตจับใจเธอจนวางไม่ลง ราวกับเรื่องราวของภูตพราย แม้ลึกลับน่าหวั่นกลัวสักเท่าใดกลับไม่อาจตัดใจไปจากเสน่ห์ที่ดึงดูดของหนังสือได้

เพียงอ่านไปไม่กี่บท หญิงสาวก็เริ่มจินตนาการเห็นภาพตามที่หนังสือได้บรรยายไว้ ถึงคำทำนายที่กลายเป็นจริงอย่างน่าขนพองสยองเกล้า ของผู้ทรงวิชาสูงสุดของชนเผ่าซึ่งเรียกขานกันว่า ที ออร์ คาทิค

เท่าที่อ่านดู คล้ายว่าพวกคาทิคนี้จะเป็นมนุษย์ที่อายุยืนราวหนึ่งหมื่นถึงแปดหมื่นปี อายุจะยาวหรือสั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นมีวิชามากเท่าไร คล้ายกับเรื่องราวของพ่อมดหรือผู้วิเศษ แต่ละคนจะเกิดมาพร้อมกับความสามารถและพรสวรรค์พื้นฐานไม่เท่ากัน หากสามารถฝึกฝนเพิ่มเติมได้

ผู้ที่ฝึกฝนจิตและธรรมชาติของตนจนเก่งกล้า จะมีอำนาจเหนือธรรมชาติ มีอายุยืนขึ้น และเป็นหนุ่มสาวเกือบตลอดอายุขัย โดยเฉพาะพวกพระหรือราชวงศ์นั้นอาจมีอายุยืนหลายหมื่นปี ละม้ายคล้ายคลึงกับตำนานเกี่ยวกับเรื่องวิชาธรที่เคยได้ยินมาว่า ฤๅษีฝึกตนจนมีวิชาแก่กล้าแล้วกลายเป็นวิชาธร หรือพิทยาธร ร่างกลายเป็นกึ่งเทพ และต้องไปอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ หากแต่พวกคาทิคในนิทานนี้ต่างออกไปอีกแนวหนึ่ง

เจ้าผู้ปกครองเมืองของพวกเขา หรือพระราชาราชินีสืบเชื้อสายกันมาจากตระกูลซึ่งมีเวทย์วิทยาสูงกว่าชนทั่วๆ ไป มีบ้างที่บางสมัยจะเกิดมีผู้ทรงวิชาเกิดขึ้นกับตระกูลชนบทนอกราชสำนักหรือราชบริพาร คนผู้มีความสามารถโดดเด่นเช่นนั้นก็มักจะเข้ามาร่วมกับชนชั้นปกครอง มีนักบวชผู้มีวิชาสูงจำนวนมากเป็นผู้คุ้มครองเมืองดุจดั่งนักรบประจำราชสำนัก

หากแต่พวกคาทิคไม่รบราเพื่อฆ่าฟันกัน ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขารบเพื่อทำลายความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในใจของใครคนหนึ่ง ซึ่งจิตใจถูกความโลภ หรือความริษยาพยาบาท โกรธแค้น เข้าครอบงำ จนทำอะไรชั่วร้ายขึ้น

นักบวชพวกนั้นจะเข้าไปช่วยคนจิตตกต่ำพวกนี้ โดยป้องกันความเสียหายซึ่งคนพวกนี้จะก่อขึ้น และนำทางจิตใจของเขาให้คืนสู่ความเป็นปกติ ซึ่งหากว่าไม่สามารถทำได้แล้ว คนผู้มีใจชั่วร้ายจะมีอายุสั้นลงอย่างรวดเร็วเพราะอารมณ์ที่ไม่ปกตินั้น และก็อาจไปทำร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ชีวิตได้หลายคน

เนื่องจากการเกิดของชาวคาทิคมีน้อยมากเช่นเดียวกับการตาย การสูญเสียชน ๑ ชีวิตไปย่อมเป็นการสูญเสียมากมาย

นอกจากนี้ชาวคาทิคยังต่อสู้กับธรรมชาติ คือความไม่สมดุลของฤดูกาลบางขณะ ซึ่งทำให้ชาวชนขาดแคลนอาหาร เนื่องจากไม่สามารถเพาะปลูก ความแห้งแล้งหรือความหนาวเกินไปในฤดูเหมันต์ที่ทำลายชีวิตพืชพรรณและสัตว์ต่างๆ

ชนชั้นปกครองอันได้แก่ พระราชา ราชินี นักบวชและอำมาตย์ จึงต่างมีหน้าที่ช่วยกันป้องกันภัยเหล่านี้ให้แก่หมู่ชนอันไม่หนาแน่นนักของพวกเขา

เมื่อแรก รอยรจนาคิดว่า เรื่องราวของมนุษย์ประหลาดในจินตนาการพวกนี้ น่าจะมีความสุขมากมาย เมื่อมีทุกข์น้อยและอายุยืนยาว แต่เมื่ออ่านต่อไปๆ เธอก็เริ่มรู้สึกถึงบางอย่าง ที่ไม่เคยคิดนึกมาก่อนเลย

เมื่อคนธรรมดามีอายุสั้นเพียงแค่หกสิบถึงร้อยปี มีอันต้องล้มหายตายจากพลัดพรากกัน พวกเราก็เศร้าเสียใจมากแล้ว ยามที่พ่อกับแม่จากเธอไปกะทันหัน ท่านผู้อยู่กับเธอ รักเธอใกล้ชิดเธอมายี่สิบกว่าปี ความผูกพันนั้นนำความวิโยคโศกเศร้ามาสู่เหลือจะกล่าว

เธอตกใจ เสียใจ ทำอะไรไม่ถูกอยู่เดือนกว่า และหลังจากนั้นก็มีแต่ความเหงาที่ไม่มีอะไรหรือใครจะมาทดแทนได้

เมื่อเธออ่านถึงเรื่องราวของคนประหลาดที่มีอายุยืนและไม่ค่อยป่วย ไม่ค่อยฆ่ากัน ไม่ค่อยตายง่ายๆ นี้ รอยรจนาก็อยากให้คนเป็นอย่างนั้นบ้าง ส่วนมากใจดีต่อกัน และไม่พลัดพรากจากกันไป แต่น่าเสียดาย แม้ชาวคาทิคมีน้อย เกิดน้อย และตายน้อย แต่พวกเขาก็ตาย

ชาวคาทิคส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชนธรรมดา จะมีอายุราวหนึ่งหมื่นถึงสองหมื่นปีเท่านั้น หากชนผู้มีอำนาจทางใจสูงเช่นพวกราชสำนักหรือพวกพระ เมื่อได้ฝึกฝนแล้วก็จะมีอายุยืนประมาณหกหมื่นถึงแปดหมื่นปี เมื่อพวกเขามีอายุได้ประมาณนั้น พวกเขาก็จะหมดอายุขัยลง

ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต พวกเขามักจะรู้สึกเพลีย ค่อยๆ อ่อนแรงลงเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะหลับไปและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เหลือทิ้งไว้เพียงซากศพซึ่งจะค่อยๆ กลายเป็นธาตุดิน หินทราย หรืออัญมณีเมื่อหลายราตรีผ่านไป

เมื่อเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นกับใครคนหนึ่งแล้ว คู่ของคนผู้นั้น ก็มักไม่อาจมีชีวิตอยู่อีกต่อไปได้

ในเมื่อคนรักซึ่งอยู่คู่เคียงกันมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ได้ผ่านทุกสุขกันไปมากกว่าหลายร้อยชีวิตของชาวมนุษย์อย่างเธอ พวกเขาย่อมผูกพันกันจนยากจะแยกออก เมื่อผู้ใดหมดอายุขัยจากไป ผู้ที่เหลือก็มักจะโศกเศร้าเสียสติและไม่อาจอยู่ต่อไปได้

หลายครั้งที่การตายของคนๆ หนึ่ง นำพามาซึ่งการตรอมใจจนเสียชีวิตตามไปของภรรยา สามี ลูก หรือบิดามารดาด้วย

ดังนี้ หนึ่งชีวิตของชาวคาทิคจึงมีความสำคัญและมีค่ามาก จนพวกเขาต้องพยายามต่อสู้ทุกวิธีเพื่อรักษาเอาไว้

นิทานเก่าแก่เรื่องนั้นเริ่มขึ้นเมื่อพระราชากับราชินีองค์ก่อนของอาณาจักรวาร์สิ้นพระชนม์ลงไปทั้งคู่ ด้วยความที่ทั้งสองมีราชธิดาเพียงองค์เดียว และรู้อยู่เป็นอย่างดีถึงความโศกเศร้าในการพลัดพราก เมื่อพระราชากับพระราชินีเริ่มสูงวัย ทั้งสององค์จึงแยกตนออกห่างจากเจ้าหญิงน้อย ไม่สนิทสนมด้วยมาก จนเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองจากไป เจ้าหญิงน้อยก็พอจะทนความเศร้าเสียใจอยู่เพียงลำพังได้

จากนั้นนิทานก็เริ่มเรื่องราวของคู่ของเจ้าหญิง ซึ่งเป็นชนในชั้นธรรมดา บิดาเป็นบัณฑิต ใช้ชีวิตอยู่ในป่า เมื่อพวกเขาใช้เวทย์ค้นหาจนได้พบชายหนุ่มผู้มีจิตใจบริสุทธิ์และอ่อนโยนผู้นั้นแล้ว พระนักบวชองค์หนึ่งในพระราชวังซึ่งสูงยศศักดิ์มากก็ได้ตรวจสอบอนาคตของเขากับเจ้าหญิงดู

ทันใดนั้น ท่านพระนักบวชผู้เก่งกาจต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ท่านได้ทำนายอนาคตของผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขา พร้อมทั้งเอื้อนเอ่ยอ้อนวอนด้วยความสิ้นหวัง ก่อนเป็นลมสลบสิ้นสมปฤดีไป


...บุรุษผู้ทรงวิทยาอันกล้าแกร่งผู้นั้นมีอำนาจอเนกอนันต์ เหนือกว่าพ่อมดหมอผีผู้ทรงเวทย์คนไหนๆ ยิ่งกว่านักบวชผู้สูงส่งที่สุดแห่งสามอาณาจักร เขายังมีอิทธิอำนาจเกินกว่ารานีผู้วิเศษแห่งอาณาจักรไทวเสียอีก ท่านผู้นั้นบังเกิดมาด้วยคุณวิเศษ ดุจดั่งเทพเบื้องบน มิว่าจะต้องการบันดาลสิ่งใด ท้องฟ้าหรือแผ่นดิน ลมหรือฝน เมฆหมอกหรือดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ก็ย่อมส่องสว่างฤๅอับแสงได้ดั่งใจทั้งสิ้น...

...เขาผู้จะมาเป็นพระราชาผู้เรืองนามของเรา เป็นขวัญ เป็นเกียรติ เป็นพลัง เป็นที่รวมความหวังและหัวใจของชาววาร์ทุกตน เป็นผู้มีความพิเศษซึ่งหาได้ยาก มีคุณสมบัติอันสูญหายไปหลายชั่วคนแล้วของพวกเรา

...เขาผู้นั้นจะเป็นอมตะไม่มีวันตาย และไม่เสื่อมสลายไป มีอายุยืนยิ่งกว่าใครๆ แม้ว่าเลือดจะได้ไหลหลั่งออกจากร่างลงแล้ว ยามเมื่อโลหิตแห้งลง มันก็จะกลายเป็นอัญมณี มีพลอยแดง โกเมน หรือทับทิมเป็นต้น เรี่ยรายกระจายลงในดิน...

...หากว่าจะมีผู้ใดต้องการประหัตประหารให้โลหิตของท่านผู้นั้นตกลงเพื่อต้องการแก้วมณีอันมีค่าแล้วไซร้ มิใช่ว่าคนธรรมดา หรือผู้ยิ่งวิทยาคุณ หรือราชวงศ์ผู้แก่วิชาจะสามารถทำได้ ย่อมต้องใช้อำนาจหรืออาวุธของผู้ที่เสมอกันด้วยคุณวิเศษที่ไม่มีอีกแล้ว ผู้หลั่งเลือดเป็นอัญมณีเช่นกันเท่านั้น จึงจะสามารถทำได้...

...โอ ช่างน่ากลัวนัก เหตุว่าท่านผู้ยิ่งเวทย์สูงสุดของเผ่าเราย่อมไม่อาจหลั่งเลือดลง เราย่อมไม่อาจสูญเสียท่านผู้ดุจดั่งดวงตาแห่งวันและดวงวิญญาณแห่งชีพของเราไปได้ ท่านผู้ยิ่งยงผู้จะครองเทพกษัตรีแห่งชาวเรา ท่านผู้มีนามดุจดังความมืด หากเป็นแสงสว่างไม่รู้สิ้นสุด...ท่านผู้มีนามว่า...อมาวสุ


รอยรจนาต้องสะบัดศีรษะขับไล่เรื่องราวในนิทานที่คอยมาวนเวียนอยู่ในสมองของเธอให้ออกไปเสียที แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายๆ

เธอเป็นอะไรนะ อยู่คนเดียวไม่ค่อยพูดคุยกับใครอื่นจนเหงามากกระมัง เพียงแค่เรื่องราวในนิทานก็เข้ามาสิงสู่อยู่ในจิตใจ คอยหลอนหลอกหล่อนทั้งวันทั้งคืน จะสลัดอย่างไรก็ไม่หลุดจากใจไปเสียที

หญิงสาวแขวนเสื้อตัวที่รีดเสร็จเข้าไว้ในตู้ ตั้งใจว่าจะต้องออกไปเที่ยวในเมือง ช้อปปิ้งหาซีดีเพลงใหม่ๆ มาฟังเวลาวาดภาพ หาละครชุดสนุกๆ มาดูในตอนค่ำ จะได้ไม่ว่างพอจะฟุ้งซ่าน และจะต้องเลิกอ่านนิทานบ้าๆ นี่สักที หล่อนตัดสินใจเด็ดขาดว่า พรุ่งนี้ละ พอกัณมาเธอจะเอาหนังสือเล่มนั้นให้เขาไปชั่งกิโลขายทันที

เอ...ไม่ดีกระมัง ทำไมจะต้องวานกัณด้วย เขายอมตัวมาให้เธอใช้จนลืมตัวไปสักหน่อยแล้ว อะไรๆ ก็กัณ เธอไม่ควรรบกวนเพื่อนหนุ่มให้มากเกินความจำเป็นไป ถึงแม้ว่ากัณจะเต็มใจและไม่คิดอะไรก็ตาม

กัณเป็นเพื่อนที่แสนดี นับตั้งแต่ได้พบกันในงานรับน้องของคณะ จนกระทั่งเรียนจบ เขาเป็นเพื่อนที่เสมอต้นเสมอปลาย สุภาพ มีน้ำใจ

กัณทำให้รอยรจนารู้สึกปลอดภัย ได้รับการคุ้มครองดูแลโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน แม้ว่าใครหลายคนที่คณะจะคิดว่าเธอกับเขารักกัน แต่ทั้งรอยรจนาและกัณฐัศว์เองรู้ดีว่าเราไม่ได้รักกันอย่างนั้น

ที่จริงหญิงสาวเคยคิดว่ากัณเป็นเกย์อยู่พักหนึ่งด้วยซ้ำไป จนกระทั่งเห็นเขาติดใจหญิงสาวสวยคนหนึ่งเมื่อตอนปีสอง แต่แล้วก็ไม่ได้ตามจีบจริงจัง กลับเลิกราไป เมื่อลองถาม กัณก็บอกว่า แค่ยังไม่เจอใครที่ถูกใจจริงๆ อยากอยู่สบายๆ ไม่คิดมากแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งตรงกันกับความคิดของรอยรจนา ทั้งสองจึงเป็นเพื่อนคู่หูกันมานับแต่นั้น

เพื่อนหนุ่มร่างใหญ่ราวกับนักเพาะกายของหล่อนดูจะมีภูมิต้านทานต่อความเป็นผู้หญิง และความงามของเธอที่ใครๆ ต่างพากันชื่นชม ส่วนรอยรจนาเองก็ไม่เคยคิดว่ากัณเป็นอื่น นอกจากเพื่อนหรือพี่ชายคนโต คอยกันท่าชายหนุ่มอื่นๆ ซึ่งเธอยังไม่ต้องการมีภาระวุ่นวายหัวใจให้ห่างเธอได้เป็นอย่างดี และช่วยเหลือทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอลำบากติดขัด ตั้งแต่เรื่องใหญ่ลงไปจนถึงเรื่องเล็กน้อย

แต่อีแค่เรื่องการกำจัดหนังสือหนึ่งเล่มนี้ เธอทำเองก็ได้ แค่เอามันไปเผาไฟ หรือทิ้งถังขยะก็ได้นี่นา รอยรจนารู้ตัวว่า ถ้าไม่กำจัดมันไปโดยเร็วและเด็ดขาดขนาดเอากลับมาไม่ได้แล้วละก็ เจ้าหนังสือเล่มนี้จะต้องดึงดูดหล่อนให้กลับไปอ่านมันอีกจนกระทั่งจบเล่มแน่นอน

ไม่ละ...แค่บทที่สี่ เธอก็หลอนมาพอแล้ว

เพราะเหตุไรรึ หญิงสาวจึงต้องเดือดร้อนใจกับหนังสือเล่มหนึ่งมากนัก หากมิใช่เพราะความฝันทุกคืนซึ่งเริ่มต้นขึ้นนับแต่เธอเริ่มอ่านหนังสือบทแรกในวันแรก ฝันอย่างไม่มีเหตุผลเลย ในเรื่องเดียวกัน ภาพเดียวกันฉายซ้ำๆ ในสมองยามหลับทุกคืนนับแต่นั้นมา

ในวันแรก ฝันดูไม่เกี่ยวข้องกันกับเนื้อหาในหนังสือเลย เพราะบทแรกที่เธออ่านกล่าวถึงชนชาวคาทิค อาณาจักร พระราชาราชินีกับเจ้าหญิงองค์น้อย หากในคืนนั้นหญิงสาวกลับฝันน่ากลัว ฝันถึงชายรูปงามผู้หนึ่งถูกฆาตกรรมโดยหญิงที่รักของเขา และเธอได้ฆ่าตัวตายตามไป

คืนที่สองและสามต่อมาก็ฝันเช่นเดิม ทุกครั้งหล่อนจะตื่นขึ้นมาด้วยความตระหนก เศร้าและเจ็บปวดมากเหลือเกิน อาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้ฝันจากไป แต่ในขณะเดียวกันก็หวั่นกลัวไม่อยากฝันอีก ไม่เข้าใจด้วยว่าเหตุไรจู่ๆ จึงเกิดฝันซ้ำๆ กันขึ้นมา

จนกระทั่งเมื่อเช้านี้เอง เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเปิดนิทานเล่มนั้นอ่านต่อในบทที่สี่ จึงได้พบกับข้อความซึ่งบรรยายภาพฝันของเธอออกมาเป็นอักษรอย่างแจ่มชัดน่าพรั่นพรึง

เหตุใดเธอจึงฝันถึงสิ่งที่ยังอ่านไม่ถึงตั้งแต่วันแรกที่เปิดหนังสือขึ้นมาล่ะ นั่นไม่น่าขนลุกหรอกหรือ เมื่อผสานกับเรื่องในภาพฝันเข้าแล้ว รอยรจนาก็ไม่อยากมีหนังสือเล่มนี้อยู่ในบ้านอีกต่อไป


...บนแผ่นผา ร่างทั้งร่างสิ้นแรงอ่อนล้า นอนทอดกาย...รอคอย

ทุกห้วงเวลานาทีที่ผ่านเชื่องช้าดุจนิรันดร์ในความรวดร้าวทรมาน

นานแสนนานผ่านไป รอยมีดยังคงกรีดลึก และไม่มีวี่แววว่าจะหาย ทั้งร่างอันเคยสง่างดงามจมอยู่ในบ่อของเหลวข้นสีแดงเข้มริมหน้าผาชันนั้นเอง ไหล่ข้างหนึ่งอิงอยู่เพียงครึ่งบนขอบหิน ขณะแขนซ้ายพาดออกไปสู่อากาศว่างเปล่า

ลมพัดเฉื่อยช้า อากาศละเอียดอ่อนและหนาวจับใจเมื่อหิมะเริ่มตก เป็นครั้งแรกในดินแดนแห่งวาร์ เงียบสงบไม่มีแม้เสียงใบไม้ไหว นอกจากเสียงหายใจแผ่วระโหยอ่อนเบา สลับกับเสียงเปาะแปะช้าๆ อย่างเสียงน้ำค้างใบไม้เมื่อคราวหลังฝน โดนลมร่วงหล่นลงสู่พื้น

เพียงแต่ฝนนี้มีสีแดง…

หยาดโลหิตสีสดไหลรินลงมาตามแขนข้างซ้ายซึ่งเคยปกคลุมด้วยเสื้อสีขาวทอไหมทอง ผ่านปลายนิ้วแต่ละนิ้ว ก่อนหยดลงบนลำธารเล็กๆ ซึ่งกำเนิดขึ้นที่ริมผาหินนั้นเอง

ทีละเล็กละน้อย หยดแล้วหยดเล่า จากปลายมือ จากเส้นผมดำยาวซึ่งเปียกชุ่ม จากปลายจมูกของผู้ที่นอนตะแคงศีรษะตกซบลงจากไหล่ ทุกครั้งที่ทรวงอกขยับขึ้นลงเพราะการหายใจ ก็ทำให้เลือดทะลักออกจากบาดแผลมาอีกเล็กน้อย

เสื้อคลุมยาวอันเคยงดงามประณีตเปรอะเปื้อนจนคล้ายมันกลายเป็นสีแดงคล้ำ

ลำธารเล็กๆ ของโลหิตรินลงตามร่องหิน เป็นสายน้อยๆ ไหลกระจายไปสู่ซอกผาซึ่งต่ำกว่า บางครั้งแตกสายออกจากกัน บางครั้งก็ไหลกลับมารวมกัน

เสียงลมหายใจแผ่วเชื่องช้าและอ่อนแรง

ดวงตาอันประกอบไปด้วยขนตายาวสีดำเสมือนสีผมซึ่งยาวสยายจนถึงบั้นเอวนั้น มิได้ปิดสนิทราวบุรุษเมื่อคราวมัจจุราชเยี่ยมกรายเข้ามาใกล้ หากปรือตาลืมค้างอยู่แค่ครึ่ง แก้วตาใสสีม่วงอ่อนดุจพลอยเหม่อมองต่ำลงไปยังหุบเหวด้านที่ธาราเลือดของเขาหลั่งลง ราวไร้ความรู้สึก

จิตใจของเขาลอยอยู่ไกลในห้วงคำนึง ซึ่งส่งกระแสวิงวอนอยู่ซ้ำๆ ราวท่องมนต์ว่า

...ปัณฑารีย์.....ซอร์โยของข้า

...กลับมา......รู้สึกตนแล้วกลับคืนมาสู่ข้า.....มิว่าจะนานเท่าใด.....

...กลับมา.....







lozocatlozocat




ตอนนี้ นิยายเรื่อง ธารทับทิม กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการผลิต นำตัวอย่างมาให้ทดลองอ่านกันดูค่ะ คงจะลงถึงบทที่ ๔ ก่อนหนังสือจะวางจำหน่ายนะคะ ^^






Create Date : 16 มกราคม 2553
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 10:04:38 น. 3 comments
Counter : 621 Pageviews.

 
ยินดีด้วยนะครับ
ที่หนังสือได้ตีพิมพ์อีกแล้วน่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:13:53:39 น.  

 
แย่แหล๋ว.. เข้ามาอ่านด้วยความดีใจผสมความอยากรู้

ทั้งๆที่รู้ว่าต้องทรมานด้วยความอยากอ่านตอนต่อไป

ยินดีกับเล่มใหม่ด้วยนะคะ ^^v


โดย: Ludwiga IP: 58.137.16.57 วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:18:44:18 น.  

 
emo

คุณ กะว่าก๋า - ขอบคุณค่า emo

คุณ Ludwiga - ขอบคุณค่ะ ที่แวะเข้ามาอ่าน emo


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:8:45:40 น.  

ศรีสุรางค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]












visit me at:
Srisurang's book recommendations, liked quotes, book clubs, book trivia, book lists (read shelf)




ประวัติผลงาน





สงวนลิขสิทธิ์

การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read

หัวใจที่ถูกจอง รักนี้ (ไม่) มีสตรอว์เบอร์รี รวมมิตรแต้พานิช มายานาง เจ้าดวงใจ คนในผ้าเหลือง A Man in Saffron Robes

More of Srisurang's books »
Book recommendations, book reviews, quotes, book clubs, book trivia, book lists

My Goodreads bookshelf

Dream Lake
Rose
เหยื่ออธรรม
ประมูลหัวใจ
Something About You
ปทมาศวรรย์
อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข
Celebrity in Death
The Madness of Lord Ian Mackenzie
รักหลงฤดู
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ เล่ม 1
จิตสดใสแม้กายพิการ
Love me, please...เพียงรักฝากใจ
พระสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค๑ และอรรถกถา Tipitaka The Pali Canon (Thai Translation) Book 15
Born in Sin
Dark Desire
ตุ๊กตา
นาคราช
ทวิภพ
Red River, Vol. 8


Srisurang's favorite books »
Friends' blogs
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.