ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
::.....ธารทับทิม บทที่ ๓.....::




Link ไปยังข้อความแนะนำเรื่องกับบทนำค่ะ


free glitter text and family website at FamilyLobby.com
lozocatlozocat



ธารทับทิม

บทที่ ๓


ผู้เขียน ศรีสุรางค์ ๒๕๕๒
สงวนลิขสิทธิ์






รอยรจนาใจสั่น เธอไม่เคยนึกเห็นภาพอะไรที่ทั้งน่าสยดสยองและสวยงามจนลืมไม่ลงแบบนี้มาก่อนเลย สยดสยองเพราะเลือดมากมายเหลือเกิน ราวจะไหลไปไม่หมดสิ้น และสวยงามเพราะบุรุษผู้นอนลืมตาอยู่ในห้วงทรมานทั้งที่ยังไม่ตายนั้นช่างงดงามนักหนา งามไปทุกส่วน

‘...หยาดฝนรินลงจากยอดผา
ไร้ดวงใจเสมือนไร้วิญญาณ
หยาดฝนจากหัวใจพี่รินไหลไปเพื่อเจ้าผู้แสนห่างไกล...’


เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนผมยาวมากขนาดนั้น ผมยาวถึงเอว ดำสนิทเป็นมันวาว ทั้งที่เปียกชุ่มเป็นปอยๆ คลี่คลุมไหล่และหลัง ปกปิดใบหน้าบางส่วน กระนั้น รอยรูปจมูก ปาก คาง โดยเฉพาะดวงตา เหมาะเจาะราวกับเทพบรรจงปั้นไว้ เสียงท่องทวนเรียกหา ราวจะดังซ้ำอยู่ในใจเธอไม่จาง

มโนภาพชายหนุ่มรูปงามเหลือแสนนอนจมกองเลือดที่หยดลงหน้าผาเหมือนสายฝน สร้างลำธารสีแดงสายเล็กที่ไหลไปไม่สิ้นสุดมันน่ากลัวเกินไป กัดกร่อนหัวใจจากภายในจนรู้สึกราวโพรงใจกลายเป็นถ้ำสุดมืดมิดอันธกาล และหนาวจนทนไม่ไหว


‘...กลับมาหาพี่...ปัณฑารีย์...’


ไม่เอาแล้ว...น่ากลัวเหลือเกิน ถึงแม้หนังสือจะบรรยาย หากทำไมใจเธอจึงอุตริสร้างภาพตามได้ชัดเจนขนาดนั้น หนังสือบ้านั่นต้องมีวิญญาณสิงสู่อยู่แน่ๆ เลย

“รจ! รจนาจ๋า...อยู่รึเปล่า พี่เงาะกลับมาแล้วจ้า...”

รอยรจนาสะดุ้งด้วยความดีใจ รีบถอดปลั๊กเตารีด ผลุนผลันตัวปลิวออกไปที่นอกชาน

“กัณ! ทำไมกลับเร็วล่ะ ดีจัง ไม่ไปหาหลวงตาแล้วเหรอ”

ร่างสูงบึกบึนเหมือนนักรบโบราณก้าวขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ผิวเข้มกับผมหยักศกทำให้หล่อนอดนึกขำกับการเปรียบตนเองเป็นเจ้าเงาะอยู่นิดหน่อย แม้ว่ากัณจะไม่ได้หน้าตาน่าชังเลยสักน้อย

พอมีเพื่อน ความกลัวไร้สาระของเธอก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

“ไปมาแล้ว หลวงตาไม่อยู่ แต่เจอคนรู้จักน่ะ ได้รู้อะไรดีๆ มาด้วยซี”

เขาเดินไปเปิดตู้เย็นข้างหอนั่งออก หยิบน้ำอัดลมมาเปิดดื่มอย่างคนกันเอง นั่งลงที่ยกพื้นริมนอกชาน รอยรจนาพุ่งเข้าไปนั่งเคียง แทบจะเกยเข่าเขย่าแขนเพื่อนรักเพราะยังเสียวสยองจากภาพฝันซึ่งมาหลอกหลอนกันกลางวันแสกๆ อยู่เล็กน้อย หากกัณไม่ทันสังเกต ดื่มน้ำอัดลมเย็นเจี๊ยบแล้วเล่าต่อตาเป็นประกาย

“ผมไปเจอไอ้บี้มา เขาเป็นคนพาญี่ปุ่นไปหาถ้ำแถวๆ นี้ และก็ช่วยขออนุญาตเจ้าของสวนให้กับญี่ปุ่นที่พูดภาษาไทยไม่เป็นน่ะรจ รู้มั้ยเมื่อวานนี้ ญี่ปุ่นเปิดถ้ำที่สวนข้างเราได้แล้วนะ แต่เข้าไปแล้วไม่มีอะไรอยู่เลย บี้ก็เข้าไปกะเขาด้วย มันนั่งรอญี่ปุ่นขุดๆ คุ้ยๆ ดูถ้วยชามกับกองขยะที่ใครไม่รู้ทิ้งเอาไว้ในนั้น ถ่ายรูป แล้วก็กลับไป แต่ตอนบี้อยู่ที่นั่น มันว่าเห็นอะไรแวบๆ ก็เลยเก็บใส่กระเป๋ามา พอมาส่องไฟที่บ้านเห็นหินสีล่ะรจ เมื่อเช้าเขาเอามาให้ผมดู ถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นพลอย หรือแก้ว หรือเศษพลาสติก ผมก็เลยอาสาพาไปให้ร้านเพชรตรวจดู ปรากฏว่าอะไรรู้มั้ย”

กัณหัวเราะร่า

“มันเป็นทับทิมละรจ ของจริงเลยนะ เม็ดเท่าเมล็ดถั่วเขียวเอง แต่เป็นของจริง สีแดงเหมือนเลือดนกเลยละ”

รอยรจนาผงะ ถอยห่างออกจากเพื่อนชายโดยไม่รู้ตัว

“กัณว่าอะไรนะ” หล่อนกระซิบ

“เจ้าบี้มันเจอทับทิมในถ้ำ ถ้ำที่อยู่ห่างหลังบ้านเธอไปนิดเดียวนี่เอง ผมรีบแจ้นกลับมาจากร้านเพชรเลยนะ ไปเราไปดูกันเถอะ” เขาลุกขึ้นยืน “ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ นอกจากบี้คนเดียว มันยอมให้เราเข้าไปหาดูได้ แต่ต้องเก็บเงียบไว้แค่นี้ก่อน แค่ผมกับมันสองคน จนกว่าเราจะหากันพอใจแล้วค่อยบอกลุงเจ้าของสวน”

เมื่อเห็นรอยรจนายังนิ่งอึ้ง เขาก็เร่งเร้า

“ตะลึงอะไรล่ะรจ ไปหาพลอยกันนะ”

“ทะ...ทำอย่างงั้นมันจะถูกเหรอ ก็มัน...”

“เราแค่ไปดูๆ ไอ้ที่มันตกๆ อยู่เท่านั้นเอง คงจะขุดไม่ได้หรอก เผื่อได้มาสักเม็ดสองเม็ดเป็นที่ระลึกยังไงล่ะ พอลุงเค้ารู้แล้วเราก็อดแน่ๆ ละน่า สงสัยอาจไม่ได้มีโอกาสเข้าไปดูถ้ำเสียด้วยซ้ำ ไปกันเถอะนะรจ น่านะ ไปดูกับผมแป๊บเดียว”

“มะ...ไม่เอารจไม่อยากไป”

“ก็ผมไม่อยากไปคนเดียวนี่นา”

“ก็ชวนนายบี้อะไรนั่นไปซี” รอยรจนาปฏิเสธเสียงรัว

“บี้มันจะแอบมากลางคืน ไม่อยากให้ลุงรู้ แต่ผมกลัวตอนกลางคืน จะไปกลางวันนี่ละ ถ้าเจอลุงก็บอกว่า วันก่อนญี่ปุ่นถามทางมาดูถ้ำ ผมอยากดูมั่ง ขอลุงเข้าไปดูแกคงไม่สงสัยอะไร” เขายักไหล่ “แต่ลุงคงไม่รู้หรอก แกคงอยู่ในบ้าน ถ้ำอยู่ตั้งปลายสวนติดป่า”

“อยากได้ทับทิมขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ไม่มากเท่ากับได้เห็นมันอยู่ในถ้ำแบบจริงๆ หรอก น่าไปกับผมหน่อย ทีรจขอให้ผมทำโน่นนี่ให้ผมไม่เคยเกี่ยงเลยนะ แค่ไปเป็นเพื่อนผมใกล้ๆ แค่นี้ไม่ได้เลยเหรอ”

รอยรจนาอึ้ง ตอบไม่ออก ทำไมอะไรต่ออะไรจึงต้องมาประจวบเหมาะกันอย่างนี้ด้วยนะ



ในที่สุดหล่อนก็ต้องถือตะเกียงตามคนตัวโตแต่กลัวผีมาจนได้

หญิงสาวสวมรองเท้าผ้าใบให้รัดกุม ถอนใจเฮือกแล้วปลงว่า ตอนนี้ดวงเธอกำลังตกจึงฝันร้ายเรื่องพ่อมดโบราณตาสีม่วงที่หลั่งเลือดเป็นอัญมณีออกมาได้ ที่จริงในฝันเธอไม่เห็นธารเลือดกลายเป็นทับทิม แต่ในนิทานเคยบอกเอาไว้ ทำให้ใจที่คอยผวาของเธอเอามันมาโยงถึงกัน

แค่ฝันบ้าๆ บอๆ กับจินตนาการของศิลปินเอกน่า รอยรจนาล้อตัวเอง ไปดูถ้ำตื้นๆ ข้างบ้านกลางวันแสกๆ อย่างนี้จะมีอะไร เธอไม่ใช่คนขี้กลัวผีกับวิญญาณอย่างกัณสักหน่อยนี่นา

ถึงจะปลุกปลอบตัวเองว่าอย่างนั้น แต่แข้งขาก็ยังไม่วายสั่นเมื่อเดินผ่านสวนผลไม้มาจนถึงเชิงภูเขาเตี้ยๆ ที่สุดสวนมะปรางของลุงแตง

ที่รอบด้านนั้นมีต้นไม้ขึ้นครึ้ม เมื่อสุดสวนซึ่งค่อนข้างรก พันธุ์ไม้ป่าก็ขึ้นกันแน่นขนัด ตรงหน้าถ้ำมีร่องรอยการถางตัดต้นไม้พอประมาณ มองเห็นช่องแคบๆ ขนาดพอตัวคนลอดได้หายเช้าไปในซอกหิน มีเศษหินและดินที่ถูกสกัดทุบออกจากปากถ้ำกองอยู่ข้างๆ ไม่มากนัก

กัณที่ถือเสียมกับไฟฉายหยุดแล้วจุดตะเกียงน้ำมันขึ้น ส่งกลับมาให้เธอถือ แล้วเปิดไฟฉายกระบอกใหญ่ที่เขาเอามาด้วย

“เอาละผมจะนำเข้าไปก่อน คิดว่าคงไม่มีตัวอะไรอยู่ในนั้นหรอกเพราะพวกญี่ปุ่นเพิ่งมาเมื่อวานนี้เอง”

รอยรจนาพยักหน้า ก้าวตามเพื่อนตัวสูงใหญ่ซึ่งค่อยตะแคงตัวบีบกายผ่านช่องแคบๆ ที่ปากถ้ำเข้าไป

ภายในมืดและแคบมาก ประมาณสองสามเมตรถัดไปจึงค่อยกว้างขึ้นเป็นห้องโล่งขนาดไม่ใหญ่นัก รอบผนังถ้ำเป็นหินขรุขระ มองตามแสงไฟฉายที่กัณกราดส่องดูคล้ายไม่มีอะไรน่าสนใจอยู่เลย หินงอกหินย้อยก็แทบไม่มี ยกเว้นถ้วยชามกระเบื้องแตกๆ สองสามใบบนพื้นถ้ำ เศษกระป๋องขึ้นสนิมกับกิ่งไม้ไม่กี่ท่อนเท่านั้นเอง

กัณไม่สนใจสิ่งใดนอกจากกวาดไฟฉายไปตามพื้นริมผนังถ้ำ ค่อยๆ พิจารณาอย่างละเอียดไปช้าๆ

“บี้มันบอกผมว่าเจออยู่บนพื้นริมผนังถ้ำ” เขาพึมพำ ส่องดูเศษหินและกรวดทรายเรื่อยไป หยิบเม็ดที่สีเข้มขึ้นมาส่องดูบ้าง

“ผมไม่เคยรู้เลยนะว่า พื้นที่ลักษณะไหนจึงจะเป็นเหมืองแร่ เหมืองทอง หรือเหมืองเพชรพลอยพวกนี้ได้ แต่แถวกาญจน์ไปจนถึงพม่าเขาก็เคยพบพลอยกับทับทิมกันมากมาแต่สมัยก่อนแล้ว”

คนขี้กลัว พอได้หล่อนมาเป็นเพื่อนก็คล้ายลืมความกลัวไปชั่วคราว ตั้งอกตั้งใจหาทับทิมอย่างมุ่งมั่น ขณะที่รอยรจนาซึ่งไม่เคยเป็นหญิงขวัญอ่อนมาแต่ไหนแต่ไรเริ่มรู้สึกประสาทผวา

“อากาศอับจังเลยนะกัณ” หญิงสาวรำพึง เธอรู้สึกถึงความอึดอัดอบอ้าว รู้สึกไม่ชอบความมืดและสถานที่ทึบอับซึ่งทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวก

“รจไม่ชอบที่นี่เลย”

ลุงแตงเคยบอกว่า มีคนเจอผีแถวๆ หลังสวนนี่กันหลายคนแล้วด้วย หญิงสาวมองไปรอบๆ เท่าที่วงแสงตะเกียงจะส่องให้พอมองเห็นชัด สลับกับตรงที่กัณเดินฉายไฟฉายอยู่

“เร็วๆ เข้าเถอะ รจอยากรีบออกไปนะ”

กัณหันมามอง “รจจะรีบไปไหนกัน เราหาพลอยให้เจอกันคนละเม็ดก่อนน่าแล้วค่อยไป”

หัวใจของรอยรจนาบีบรัดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล หล่อนไม่ต้องการเจอพลอย ไม่ต้องการเจอทับทิมหรืออะไรทั้งนั้น เธออยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดต่างหาก ยิ่งถ้าไม่เจอทับทิมเลยสักเม็ดยิ่งดีใหญ่ ความรู้สึกว่าหินมีค่าสีแดงนี่จะเป็นหยดเลือดของใครสักคนทำให้เธอรู้สึกคลื่นเหียนวิงเวียนแทบจะทนไม่ได้

ภาพของผู้ชาย...หรือเจ้าชายผู้นั้นปรากฏในห้วงคำนึงอีกครั้ง ง่ายดายและชัดเจน พร้อมกับเสียงทุ้มพร่ำเรียกหา


“...ปัณฑารีย์...ซอร์โยของพี่...กลับมา...”


รอยรจนารู้สึกว่าลำคอเริ่มตีบตัน จมูกและดวงตาแสบร้อน เธอลูบแก้มที่มีน้ำตาหยาดเล็กหยดลงมา คิดโทษว่าคงจะเป็นเพราะควันจากน้ำมันตะเกียง ไม่ใช่เพราะความเศร้าหรอกนะ...ไม่ใช่

คนที่รักใครคนหนึ่งขนาดว่าถูกเธอฆ่าถึงอย่างนั้นแล้วยังเพรียกหา จะเจ็บปวดทรมานสักแค่ไหนกันนะ ในนิทานไม่รู้ว่าเขานอนอยู่นานเท่าไหร่ เธอไม่กล้าอ่านไปถึงตรงนั้น

กัณซึ่งใช้ปลายเสียมคุ้ยเขี่ยที่พื้นมุมหนึ่งอยู่อุทานออกมาเบาๆ

“นี่ไง!”

เขาหยิบกรวดสีเข้มเม็ดหนึ่งขึ้นส่องเข้ากับไฟฉาย

“ใช่แน่เลย สีแดง เหมือนที่บี้ให้ผมดูเลย รจมาดูนี่สิ” ใบหน้าตื่นเต้นดีใจหันมาเรียกเธอ “นี่ก็ใช่ละมัง นี่...นี่ด้วย”

เสียงหัวเราะห้าวๆ กังวานก้องถ้ำ

“โอ้โฮ เรารวยกันแน่แล้วรจ ทับทิมเม็ดกลมๆ เยอะแยะเลยตรงนี้ ยังกับใครมาทำถุงพลอยหกไว้แน่ะ ฮึ้ย ตรงนี้ดินปนทรายนิ่มด้วยนะ” เขาลงมือขุด ขณะรอยรจนามองพื้นกรวดสีเข้มนั้นแล้วนิ่งอึ้งเป็นอัมพาต หายใจแผ่วถี่ขึ้นราวคนจะเป็นลม

“เฮ้ย ใต้หินก้อนนี้ก็มีเพียบเลย”

แขนกำยำแข็งแรงปักเสียมลงไปงัดหินก้อนหนึ่งขนาดประมาณเท่าผลส้มเช้งริมผนังออกมา “จริงๆ ด้วยรจ สงสัยว่านี่มันจะเป็น...”

เสียงครืนสนั่นดังขึ้นกลบเสียงอุทานตกใจของเพื่อนหนุ่ม ผนังและพื้นถ้ำสั่นสะเทือนรุนแรง

รอยรจนากรีดเสียงร้องเมื่อเห็นก้อนหินเหนือขึ้นไปบนผนังถ้ำด้านนั้นหลุดร่วงถล่มลงมาใส่ร่างของกัณฐัศว์ ไฟฉายที่เขาถืออยู่หลุดมือหล่นลงดิน ฝุ่นฟุ้งกระจายตลบไปทั่วบริเวณ

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง รอยรจนามองไม่เห็นอะไรนอกจากกองหินกองใหญ่ตรงที่กัณเคยนั่งอยู่ และฝุ่นหนาราวม่านทึบ

“กัณ...กัณ!”

หญิงสาวถือตะเกียงถลาไปที่กองหิน เสียงครางแผ่วที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้เธอหันขวับไปมอง แล้วก็ต้องโล่งอกแทบร้องไห้ ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนหนุ่มนั่งเอามือป้องศีรษะอยู่อีกด้านหนึ่งของถ้ำ เนื้อตัวปกคลุมไปด้วยฝุ่นหินจนขาวไปหมด เหมือนโดนัทโรยน้ำตาลไอซิ่ง

เขาปัดเศษหินทรายออกจากผมและไหล่พลางสบถ

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย” รอยรจนาเสียงสั่น เข้าไปส่องตะเกียงตรวจดูความเสียหาย

“ไม่เป็นไร ดีนะที่กระโดดหนีทัน บ้าชะมัดเลย เกือบถูกฝังทั้งเป็นแล้วมั้ยล่ะ”

“ใช่สิ บ้าชะมัดเลย รจคิดแล้วเชียวว่าไม่ควรมา” เธอมองเศษหินก้อนใหญ่ๆ ที่ถล่มลงมาทับบริเวณที่กัณเจอพลอยเมื่อครู่จนมิดหมด

กัณฐัศว์ถอนใจเฮือก “เอาน่า ยังไงผมก็ได้ทับทิมมาตั้งหลายเม็ดก็แล้วกัน”

“หา ยังอุตส่าห์เก็บทันอีกเหรอเนี่ย”

เขาล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วแบมือให้ดู พลอยเม็ดเล็กที่ยังไม่เจียระไนเหมือนกรวดสีคล้ำสิบว่าเม็ดกลิ้งรวมกันอยู่ กัณยักคิ้วให้เธอ

“เอาละ ไม่ขุดแล้ว เราลองหาๆ เก็บๆ กันอีกนิดนะแล้วค่อยออกไป”

“แต่รจว่าเรารีบออกไปดีกว่านะกัณ เดี๋ยวมันเกิด...”

ยังไม่ทันจะทำนาย การถล่มก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หินก้อนใหญ่อีกก้อนหลุดร่วงจากผนังตรงที่พังเมื่อครู่เสียงดังสนั่น ตามด้วยก้อนเล็กก้อนน้อยพรูพราวลงมาตามเหมือนดินถล่ม

รอยรจนาร้องหวีด เธอและกัณฐัศว์ต่างกระโดดหนีไปอีกทางแล้วทรุดกายลงนั่งขดตัวกลมเอาแขนปิดศีรษะไว้จนกระทั่งเสียงหินที่ร่วงกราวตามหลังหยุดลง จากแสงตะเกียงมองไปเห็นผนังถ้ำตรงหน้าเกิดโพรงกว้างขึ้นมาอีกโพรงหนึ่ง อยู่สูงขึ้นไปจากกองหินที่ถล่มลงมา กว้างมากขนาดเกือบวาและสูงพอที่กัณจะเดินลอดเข้าไปได้เลยทีเดียว

สิ่งที่ทำให้รอยรจนากับชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่กับที่ แทนที่จะรีบร้อนลนลานคว้าตะเกียงแล้วเผ่นหนีออกจากถ้ำไปไม่เหลียวหลังก็คือภาพภายในของถ้ำใหม่ที่ปรากฏขึ้นแก่สายตา

แม้ในความสลัวรางท่ามกลางฝุ่นละอองซึ่งคงลอยอวลดุจม่าน ยังเห็นผนังของโพรงลึกแห่งใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ได้ชัด แสงวิบวับจากหินมีค่าสีแดงสะท้อนเป็นเงาปลาบตา

“โอ้ แม่เจ้า” กัณอุทานด้วยเสียงกระซิบ ราวเกรงว่าเสียงของเขาจะส่งความสั่นสะเทือนให้ถ้ำถล่มซ้ำอีกรอบ

“ผนังข้างในนั้นเป็นทับทิม”

รอยรจนาได้แต่นั่งตะลึงมองสิ่งอัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ

“มันเป็นทับทิมจริงๆ แน่เลยรจ” เพื่อนหนุ่มกล่าวราวเผลอตัว เขาหยิบตะเกียง ค่อยๆ ชูแสงสว่างสูงขึ้น จากโพรงในผนังเก่า มองเข้าไปเห็นห้องรูปโค้ง ดาดด้วยพลอยสีแดงเข้มระยิบระยับ

“ขอสักคนละกำเท่านั้นเอง เรารวยแน่ๆ”

“กะ...กัณ อย่าเข้าไปนะ”

รอยรจนาไม่อาจขยับจากที่ “นี่มัน...ผิดปกติมากๆ เลย...มันเหมือนในหนัง ไม่ใช่เรื่องจริง” หญิงสาวตะกุกตะกัก “เราอย่าเข้าไปนะ มันต้องอันตรายมากๆ เลย และถ้าเธอโลภ ก็อาจจะต้องตายแบบตัวประกอบในเรื่องอินเดียน่าโจนส์ไง”

กัณหันกลับมามองเธอ ใบหน้าเคลือบฝุ่นจนขาววอก ตัดกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังเบิกโตเหมือนมองสิ่งแปลก ตลกและน่าขำที่สุดอยู่ รอยรจนาก็ขำเช่นกัน ภาพของทับทิมทำให้เธอกับเขาลืมการหนีออกจากถ้ำไปได้ยังไง

“เราออกไปกันเถอะ”

“บ้าสิ นี่ไม่ใช่ในหนังนะ โอเค ผมไม่ได้จนขนาดจะต้องโลภมากอยากได้ทับทิมจนเสี่ยงชีวิต แต่นี่ก็ไม่ใช่ในหนังนะจะได้มีกับดักเอาไว้ฆ่าเราน่ะ”

“แค่ถ้ำที่ไม่มั่นคงก็ยิ่งกว่ากับดักแล้วละ”

“ถ้าเราออกไปแล้วถ้ำถล่ม เราอาจไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกเลยนะ”

“ถ้าเราไม่ออกไปแล้วถ้ำถล่ม เราก็จะไม่ได้ออกไปอีกเลยนะ”

กัณถอนหายใจเฮือกอย่างหมดแรง “ก็ได้ ขอผมแค่ห้าวินาที มากไปไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ค่อยลุกขึ้นยืน ก้าวเดินช้าๆ ไปหาโพรงใหม่นั่น”

“กัณ อย่านะ!”

“แค่ชะโงกดูเท่านั้นเองน่า เจ้าหญิง ผมเองก็ยังไม่อยากตายหรอกน่า” เขาก้าวขึ้นไปบนกองหินที่ทับถมกัน ปีนขึ้นไปเล็กน้อยเพื่อชะโงกมองเข้าไปในโพรงใหม่ ทันใดนั้นกัณก็ตัวแข็งหน้าซีดเผือด อุทานออกมายาวเหยียด

“...โอย ฉิบหายตายโหง นี่มันอะไรกันวะเนี่ย”

ตะเกียงในมือเขาสั่น รอยรจนาหนาวยะเยือก ค่อยๆ ลุกยืนก้าวเท้าตามชายหนุ่มไปในวงล้อมของแสงตะเกียง

ภายในห้องรูปโค้งดาดด้วยทับทิมสีเลือดนั้นมีศพหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่









lozocatlozocat




ตอนนี้ นิยายเรื่อง ธารทับทิม กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการผลิต นำตัวอย่างมาให้ทดลองอ่านกันดูค่ะ คงจะลงถึงบทที่ ๔ ก่อนหนังสือจะวางจำหน่ายนะคะ ^^




Create Date : 20 มกราคม 2553
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 10:02:44 น. 0 comments
Counter : 587 Pageviews.

ศรีสุรางค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]












visit me at:
Srisurang's book recommendations, liked quotes, book clubs, book trivia, book lists (read shelf)




ประวัติผลงาน





สงวนลิขสิทธิ์

การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read

หัวใจที่ถูกจอง รักนี้ (ไม่) มีสตรอว์เบอร์รี รวมมิตรแต้พานิช มายานาง เจ้าดวงใจ คนในผ้าเหลือง A Man in Saffron Robes

More of Srisurang's books »
Book recommendations, book reviews, quotes, book clubs, book trivia, book lists

My Goodreads bookshelf

Dream Lake
Rose
เหยื่ออธรรม
ประมูลหัวใจ
Something About You
ปทมาศวรรย์
อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข
Celebrity in Death
The Madness of Lord Ian Mackenzie
รักหลงฤดู
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ เล่ม 1
จิตสดใสแม้กายพิการ
Love me, please...เพียงรักฝากใจ
พระสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค๑ และอรรถกถา Tipitaka The Pali Canon (Thai Translation) Book 15
Born in Sin
Dark Desire
ตุ๊กตา
นาคราช
ทวิภพ
Red River, Vol. 8


Srisurang's favorite books »
Friends' blogs
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.