sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
2 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 16 จุดเริ่ม



ณชนกจ้องผู้ชายร่างใหญ่ตรงหน้าตาเขม็งเพราะไม่วางใจนักว่าเจ้านั่นจะบ้าระห่ำขนาดไหน ธีรดลย์ที่แสบตาจนน้ำตาเล็ดยืดตัวเต็มความสูงลดมือที่ขยี้ตาลงและยกขึ้นเท้าสะเอว ดวงตาคู่เล็กหากมีเสน่ห์จนน่าหลงไหลไล่สายตามองเรือนร่างบอบบางอ้อนแอ้นอย่างใช้ความคิด....

“คุณเอานิ้วมาจิ้มตาผมแบบนั้นถ้าเกิดตาผมบอดขึ้นมาคุณจะทำยังไง”
ชายหนุ่มถามน้ำเสียงเอาเรื่อง

“คุณอยากบ้ากามทำไมล่ะถ้าตามันจะบอดก็สมควรแล้วนี่”
เสียงใสๆ สวนกลับพลางยักไหล่อย่างไม่แยแส

“ผมก็แค่พูดยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรเลยด้วยซ้ำ คุณมาทำร้ายผมแบบนี้มันไม่แฟร์เลยนะณชนก”

“ถ้าฉันไม่ปรามคุณฉันจะรู้ได้ยังไงว่าตัวฉันจะยังปลอดภัยดี” หญิงสาวปรายตามองคู่กรณีแววตาอ่อนลง

“ผมจะไปทำอะไรคุ๊ณ ทำยังกับตัวคุณมันมีอะไรน่าสนใจนักนี่ บอกตรงๆ แค่อยู่ใกล้ๆ ขนบนหัวก็ตั้งเป็นขนเม่นแล้ว” ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นอย่างเหลืออด

“คิดได้แบบนี้ก็ดีฉันจะได้รู้สึกปลอดภัย ฉันจะกลับแล้ว” ณชนกเชิดหน้าแล้วทำท่าจะเดินออกไป

“เดี๋ยวสิเมื่อกี้คุณบอกว่ามีอะไรจะคุยกับผมไม่ใช่เหรอ”

“ฉันแค่จะบอกว่าไม้สักทองที่คุณสั่ง ทางโรงเลื่อยแจ้งว่ามีปัญหาด้านการขนส่งบางทีอาจต้องใช้เวลาอีกเป็นอาทิตย์หรืออาจมากกว่านั้นกว่าของจะมาถึงครบตามจำนวน”

“อืม...แค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะบอก”

“แค่นี้แหละ....ฉันไปได้หรือยัง” ถามน้ำเสียงห้วนๆ

“ก็ไปสิมีใครมัดแขนมัดขาไว้หรือไง” เมื่ออดไม่ได้ธีรดลย์จึงออกปากไล่ เพราะสุดที่จะทนกับสภาพของหญิงสาวที่มันขัดอกขัดใจจนอยากมีมนต์วิเศษเสกให้เธอกลายเป็นผู้หญิงเต็มร้อยซะให้รู้แล้วรู้รอด

หญิงสาวไม่รีรออีกแม้เพียงเสี้ยววินาที เมื่ออีกคนเสือกไสไล่ส่งเธอจึงรีบหมุนตัวเดินตรงดิ่งไปที่ประตู มือเรียวสวยผลักบานประตูออกไปเร็วๆ

แอ๊ด....พอบานประตูเปิดอ้าหญิงสาวถึงกับผงะเซไปด้านหลังเล็กน้อย ดวงหน้าเรียวหากสวยเฉี่ยวตวัดกลับไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องด้วยแววตาตื่นตระหนก ชายหนุ่มเอียงหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเจ้าแต๋วแหววจอมซ่าส์

“ณชนกคุณเป็นอะไร?”

“ตอนนี้กี่โมงแล้ว” น้ำเสียงคนถามสั่นเล็กน้อย

“หกโมงเย็นทำไมเหรอ?” คนถามนิ่วหน้าอย่างสงสัย

“อะไรกันตอนที่ฉันมามันบ่ายสองไม่ใช่เหรอ?”

“เอ้า....มันจะแปลกอะไรก็คุณเล่นนอนหลับสบายมาตั้งหลายชั่วโมง”

“ไม่จริงฉันรู้สึกว่ามันแค่ไม่กี่นาที” ณชนกส่ายหน้าไปมา

“ไม่กี่นาทีบ้าอะไรคุณน่ะหลับสนิทไปตั้งนาน นานจนผมแทบผวากลัวว่าคุณไหมแก้วจะมาพาคุณไปอยู่ด้วย แล้วคุณจะตกใจอะไรนักหนาช่วงนี้มันปลายฝนต้นหนาวเวลามันเดินเร็วส่วนอากาศก็เย็นแล้วก็มืดเร็วมันเป็นเรื่องธรรมดาไม่เห็นมันจะแปลกอะไร”

“คนบนเรือนนี้ไม่ใช่ย่าไหมแก้ว” หญิงสาวโพล่งออกไป

“อะไรนะ?” ธีรดลย์ถึงกับหูผึ่ง

“เมื่อกี้ฉันเจอผู้หญิงคนที่เราเห็นคืนนั้น เธอบอกว่าเธอชื่อไหมงาม”

“อ้อ...ผมรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่คุณไหมแก้ว” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักเหมือนไม่ได้ประหลาดใจกับคำบอกเล่าซักเท่าไหร่

“อะไรนะ!” ณชนกหูผึ่งบ้าง

“ผมเคยเห็นคุณไหมแก้ว เธอสวยหวานกว่าคุณคนนั้นเยอะแต่รูปร่างบอบบางไม่ต่างกัน คุณเห็นผีนางรำคนนั้นอีกเหรอ ณชนกคุณอย่าบอกผมนะว่าคุณไปเจรจากับเธอมา” ชายหนุ่มถามสีหน้าหวาดๆ

“อือ....เธอบอกฉันว่าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไรซักอย่างนี่แหละ เธอกำลังพาฉันไปดูอะไรก็ไม่รู้ฉันกำลังเดินตามเธอไปแต่คุณก็มาเขย่าตัวฉันเสียก่อน”

“ณชนกคุณรีบขอบคุณผมเลย ดีนะที่ผมปลุกคุณก่อนไม่งั้นไม่อยากคิด คราวหน้าคราวหลังหัดปฏิเสธไว้บ้างก็ดีนะคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านคุณเขาไม่เคยสอนไว้หรือไงว่าเวลาผีชวนไปไหนห้ามไปเด็ดขาด”

ถึงคำพูดจะเหมือนตำหนิ แต่ในน้ำเสียงที่เปล่งออกไปฟังดูมีความห่วงใยเต็มล้นอยู่ในนั้น

“นาทีนั้นมันจะคิดได้ไหมล่ะขนาดฉันแขวนพระองค์เบ่อเร่อผีบ้านคุณยังไม่เผ่นเลย” หญิงสาวดึงสร้อยพระออกมาโชว์

“แค่องค์เดียวคิดเหรอว่าจะเอาอยู่ ดูของผมซะก่อนเป็นพวงขนาดนี้แม่ผีตนนั้นยังบอกเฉยว่าจะกลัวไปทำไม พระเจ้าก็เอาไม่อยู่ ผมเลยหมดหนทางที่จะไปหาของขลังเข้ามาเสริมทัพ” ธีรดลย์ชูสร้อยพระที่ห้อยหลวงพ่อสารพัดวัดขึ้นมาโชว์ออฟบ้าง

ณชนกยืนอึ้งแล้วหลุดขำออกมาก๊อกใหญ่ เมื่อเห็นหลวงพ่อองค์เล็กองค์ใหญ่แขวนหราอยู่เต็มคอของชายหนุ่ม “แขวนเยอะขนาดนั้นคอไม่หักตายก็นับว่าเป็นโชค” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเหน็บ

“แหมทำยังกับหลวงพ่อของคุณองค์เล็กนักนี่” ชายหนุ่มยัดหลวงพ่อทุกองค์ลงในเสื้อแล้วถามขึ้น

“คุณว่าคน เอ๊ย ผี ไม่ใช่สิวิญญาณของคนที่อยู่บ้านหลังนี้จะกลัวกระเทียมกับไม้กางเขนไหมฮึ”

“จะบ้ารึไงคิดอะไรพิสดาร บนเรือนนี่ผีไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดนี้มีเหรอจะกลัวอะไรแบบนั้น พวกเขาไม่ใช่ผีดูดเลือดของฝรั่งที่จะไม่ชอบกระเทียม”

“อ้าวก็ผมเห็นว่าเขาไม่กลัวพระ เราก็ต้องหาอย่างอื่นที่เขากลัวมาป้องกันตัวเองสิ ผีมันก็ต้องมีจุดอ่อนบ้างล่ะมันต้องมีสักอย่างแหละน่าที่ทำให้เขากลัว ดูอย่างคุณสิมีที่ไหนดวงดูดผีเป็นคนไม่ปกติยังไม่พอยังจะมีสัมผัสสยองอีกแน่ะ” ธีรดลย์ยังมั่วไม่เลิก

“เพ้อเจ้อ....คิดแต่ว่าคนอื่นผิดปกติไม่ลองก้มมองดูตัวเองบ้าง คุณน่ะยิ่งกว่าพวกไม่ปกติเสียอีกอยู่ได้ยังไงบนเรือนหลังนี้คนเดียว ตื่นเช้ามาเคยส่องดูผมในกระจกมั่งไหมไม่ใช่ล่วงจนจะโกร๋นหมดหัวแล้วเหรอ”

“ปากคุณนี่มัน....” ธีรดลย์ส่ายหน้าไปมาพลางทำเสียงจิ๊จ๊ะ

“มันอะไร? พูดให้สวยนะ” พอเห็นท่าทางเหมือนเปรี้ยวปากของอีกฝ่ายหญิงสาวก็เริ่มสำแดงเดช

“น่าจับเย็บซักสองชั้นแล้วเอากาวปิดทับอีกซักรอบ” ชายหนุ่มเสบอกเป็นอย่างอื่นเพราะไม่กล้าแม้แต่คิดจะกระโดดประกบปากแล้วลากลิ้นออกมาปลิ้นเล่น... หยึ๋ย...ถ้าเป็นหญิงแท้มันก็พอฝันแต่นี่สภาพเป็นแบบนี้.....แค่คิดขนหัวก็ชูสลอนเพราะความสยองจนเกินรับได้

“ปากคุณมันก็ดีเหลือรับฝากเย็บปากตัวเองบ้างก็ดี” บอกพลางกระทืบเท้าตึงตังแล้วพุ่งตัวออกไป

ร่างบอบบางชะงักกึกเมื่อขาข้างหนึ่งก้าวพ้นธรณีประตูมาได้เพียงข้างเดียว ใบหน้าเรียวสวยนิ่งงันแล้วค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นสายหมอกสีขาวพร่างพรายที่เกลื่อนกระจายปกคลุมไปทั่วลานมองแล้วคล้ายม่านบางๆ ที่ธรรมชาติสรรสร้างได้อย่างงดงาม

“คะ....คะ...คุณ” มือเรียวกวักเรียกตัวช่วยเดียวที่คิดได้อยู่ไหวๆ

“อะไร? ณชนกคุณเป็นอะไร” ธีรดลย์ก้าวเท้าเร็วๆ ไปหาร่างบอบบางที่กำลังสั่นเทาอยู่ตรงประตู

“นะ...นะ....นั่น” ใบหน้าเรียวสวยขาวซีดราวกระดาษ ขณะปากก็อ้าพะงาบๆ เหมือนกำลังตกใจสุดขีดกับสิ่งที่เห็นหญิงสาวชี้ไม้ชี้มือไปเบื้องหน้าจนคนที่เดินรี่เข้ามานึกสงสัย

“โอ๊ะ!....คุณพระ!” ธีรดลย์ถึงกับผงะแล้วผวาเข้ากอดรัดคนร่างเล็กอย่างลืมตัว

“โอ๊ย!!...คุณธีรดลย์คุณจะรัดฉันทำไมฉันหายใจไม่ออก” หญิงสาวดิ้นขยุกขยิกอยู่ในอกแกร่ง

“ณชนกคุณดูดพวกนั้นมาใช่ไหม? คุณไล่เขาไปเดี๋ยวนี้เลยนะ แค่หนึ่งผมก็ผวาจะแย่แต่นี่มันมากเกินไป ทำไมมันถึงมีเยอะแยะแบบนี้ คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย” ธีรดลย์จ้องไปที่กลางลานสีหน้าหวาดผวา ชายหนุ่มหน้าซีดปากสั่นเมื่อเห็นชัดๆว่าที่กลางลานกำลังคึกคักไปด้วยผู้คนนับยี่สิบชีวิต....ไม่สิวิญญาณนับยี่สิบตน.....

บรรยากาศโพล้เพล้เปลี่ยนผันจนย่ำค่ำอย่างรวดเร็ว แสงสีขาวจางๆ คล้ายหมอกควันที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณแบ่งกั้นโลกของอดีตและปัจจุบันเป็นดังม่านอันบางเบา ถึงแม้คนที่อยู่อีกฝากจะไม่ได้ก้าวล้ำเข้ามาหาแต่ก็ยังซ่อนแฝงไว้ซึ่งความความเคลือบแคลงและน่าหวาดเกรง

ธีรดลย์ยังไม่ยอมคลายวงแขนที่กำลังกอดรัดหญิงสาวออก ตรงกันข้ามเขากลับยิ่งรัดเธอแน่นขึ้นๆ จนหญิงสาวประท้วงด้วยกำปั้นน้อยๆ ซัดลงที่อกแรงๆ

“โอ๊ย!! คุณต่อยผมทำไมฮึ” ร่างสูงใหญ่ถึงกับสะดุ้งเฮือกจนลืมกลัวผีไปชั่วขณะเมื่อเจอหมัดหนักๆ ซัดลงบนอกจนจุกนิดๆ

“ก็คุณรัดฉันเป็นงูเหลือมแบบนี้ฉันก็หายใจไม่ออกน่ะสิ ผู้ชายอะไรตัวโตซะเปล่าเจอไปแค่นี้แต๋วแตกเลยหรือไง” ปรายตาตำหนิ

“พูดยังกับตัวเองไม่กลัวก็เห็นยืนสั่นเป็นเจ้าเข้า ผมรึอุตส่าห์สงเคราะห์ถ่ายเทความอบอุ่นไปให้ยังไม่เห็นว่าดีอีกเหรอ”

“ถึงฉันจะกลัวฉันก็ยังมีสติมากกว่าคุณก็แล้วกัน”

“มันก็แน่นะสิเพราะคุณดูดพวกนั้นมาไงสติถึงได้เต็มร้อยแบบนี้ ผู้หญิงอะไรน่าผวาชะมัดดวงดูดผีแบบนี้น่าจะไปทำอาชีพสัปเหร่อให้มันรู้แล้วรู้รอดไป” ชายหนุ่มประชดประชันน้ำเสียงกระแทกกระทั้น

“หนอย...ไอ้ตี๋นรกปากแบบนี้ก็เชิญอยู่กับผีไปคนเดียวเถอะ” ณชนกกระทืบเท้าลงบนหลังเท้าของเจ้าตี๋ปากมอมเต็มแรง แล้วตัดใจหลับหูหลับตาวิ่งพรวดเพื่อพุ่งข้ามธรณีประตูออกไป

“กรี๊ด!!”

“ณชนก!” ธีรดลย์ตะโกนเสียงตระหนกเมื่อเห็นคลื่นควันสีขาวเหมือนผืนม่านบางๆ กำลังโอบร่างบอบบางให้อยู่ในคลื่นควันขาวขุ่นแล้วทำท่าจะพัดพาเธอไปกับไอหนาว ชายหนุ่มกระโจนไขว่คว้าดึงรั้งกอดรัดเธอไว้กับตัว แต่หากพอเขาและเธอก้าวพ้นธรณีประตูอยู่ๆ ก็เหมือนกำลังถูกอะไรบางอย่างดูดดึงพวกเขาไปที่ไหนซักแห่ง

หญิงสาวกลั้นหายใจซบหน้ากับอกแกร่งเมื่อไอเย็นกำลังหมุนเป็นเกรียวอยู่รอบกาย....หนี....คือสิ่งเดียวที่คิดได้....แต่ดูเหมือนว่ามันจะทำได้ยากยิ่ง ร่างกายของเธอเหมือนถูกตรึงอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น....คล้ายกับคุ้นชินนักหนา......และโหยหาเหลือเกินกับไออุ่นที่อบอวลไปด้วยความรัก....

ณชนกหลับตาปี๋ทั้งกลั้นใจสวดมนต์ในบทที่พอจดจำได้เพื่อขออำนาจพระคุณศรีรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในยามนี้ หญิงสาวรวบรวมพละกำลังที่มีพยายามหลีกหนีจากคลื่นพลังบางอย่างที่กำลังฉุดกระชากพาเธอและเขาไปสู่ดินแดนแห่งใหม่.....

พลังงานและไอเย็นที่ทวีขึ้นมหาศาลดึงร่างบอบบางให้ข้ามผ่านสู่กาลเวลาที่หมุนกลับไปยัง....จุดเริ่ม.....จุดเริ่มแห่งชีวิต.......จุดเริ่มแห่งความพลัดพราก......และจุดเริ่มแห่งการรอคอย......

วูบหนึ่งในความรู้สึกทั้งสองเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ สรรพสิ่งรอบกายนิ่งสงบ เหมือนคนกำลังอยู่ในห้วงของนิทราอันล้ำลึกจนสุดหยั่ง.....ฝัน....มันคือความฝัน.....ความเงียบงันที่กำลังเผชิญช่างน่าฉงนใจ ดวงตาคู่สวยหลับพริ้ม แต่หากรับรู้ถึงไอเย็นของม่านหมอกบางๆ

****************

“ไหมแก้ว...” วงแขนแข็งแรงเกี่ยวกระหวัดกอดรัดเอวคอดบาง หญิงสาวผละออกจากกรอบหน้าต่างหมุนร่างหันเผชิญหน้า ใบหน้าสวยหวานแย้มยิ้มเมื่อนิ้วมืออุ่นหนาไล้ไปตามวงหน้าด้วยความคนึงหา ศีรษะได้รูปค่อยๆ โน้มกายเอนซบลงบนอกกว้าง ไออุ่นจากร่างกายแข็งแกร่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ซ่านกระจายมาจากร่างแกร่งกำยำช่างหอมหวนซ่านใจ

“เจ้าพี่กลับมาแล้วเหรอเจ้า” เสียงหวานเอื้อนเอ่ยอย่างยินดี

ณชนกเบิกตาโพลงเมื่อเห็นใบหน้าคร้ามคมโน้มลงมาช้าๆ ริมฝีปากหนาประกบลงบนเรียวปากของเธอ แล้วเกลี่ยไล้ไปมาอย่างถือสิทธิ์ หญิงสาวพยายามดิ้นรนหากร่างกายกลับเปิดรับความซาบซ่านของเรียวปากหยักหนา

ใบหน้าของเธอกำลังแย้มยิ้มๆ และหัวเราะเบาๆ กับอาการหยอกเอินจากจุมพิตอุ่นร้อนของชายแปลกหน้า หากความรู้สึกเธอกำลังต่อสู้ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดที่กำลังล่วงเกินอยู่

“เจ้าพี่กลับมาเหนื่อยๆ มีใครจัดน้ำจัดท่าต้อนรับหรือยังเจ้า”

“ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนพอมาเห็นหน้าเมียพี่ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะจ๊ะ” กระซิบบอกเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ปากหวานไม่เปลี่ยน” หลบตาเอียงอาย

“พี่คิดถึงไหมแก้ว คิดถึงจนแทบขาดใจ เมียจ๋า...ขอพี่ชื่นใจให้หายคิดถึงได้ไหม” มือหนาเชยคางมนขึ้นสบตา บอกเล่าน้ำเสียงออดอ้อนเป็นหนักหนาพลางแกะกระดุมเสื้อออกจากรังดุม

“ อย่า.....” หญิงสาวคว้าหมับลงบนข้อมือหนาพลางหลบตาอย่างเอียงอาย

“พี่คิดถึง....” ใบหน้าคร้ามคมแย้มยิ้มกระซิบเสียงพร่าแนบชิดติดริมฝีปากอิ่ม ก่อนตระหวัดร่างงามขึ้นแนบอกเดินดุ่มๆ ตรงไปที่เตียงกว้าง ชายหนุ่มวางร่างนุ่มนิ่งลงอย่างทะนุถนอม และประคองกอดร่างบอบบางด้วยแขนแกร่งข้างหนึ่งปลายนิ้วอุ่นร้อนไล่ปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายออกจากรังดุมด้วยความชำนาญแล้วค่อยๆ ไต่ไปตามสาบเสื้อที่แยกกว้างอย่างถือสิทธิ์

“แต่....” เรียวปากงามเผยออ้าประท้วงแต่กลับเป็นการเปิดทางให้ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ทาบทับลงมาแทรกซอนค้นหาความหลานล้ำซ่านใจ

.......ไม่....ไม่....อึดอัด...ช่วยด้วย...ปล่อยฉัน.....ปล่อยฉัน.....ณชนกพยายามหยัดกายตะโกนร้องขอหากแต่สิ่งที่โพล่งออกไปกลับกลายเป็นเพียงสามัญสำนึกที่กำลังล่องลอย.....

.....อืม....ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ซ้อนทับอยู่ในเรือนกายแกร่งของใครอีกคนครวญครางบางเบาเมื่อไฟราคะกำลังกระพือโหม เขาเหมือนกำลังหลับใหลแต่สามัญสำนึกกลับแผ่ซ่านอยู่ในห้วงแห่งตัณหาในสัมปชัญญะของใครอีกคน.....

เจ้าฟ้าครามจ้องใบหน้าสวยหวานที่แดงซ่านอยู่ใต้ร่างด้วยความเสน่หา ไหมแก้วช่างงดงามจนไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบเทียม “งามเหลือเกินเมียรักของพี่” มือหนาไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาวขณะเสียดสีกายแกร่งกับร่างบอบบางอย่างกระหาย ไฟแห่งปรารถนาที่ประทุเริ่มร้อนแรงขึ้นทุกขณะ

“ไหมงามของพี่” เจ้าหนุ่มพึมพำพลางซุกปลายจมูกโด่งคมสันไปตามซอกคองามระหง หญิงสาวแอ่นกายตอบรับกับไฟร้อนที่กำลังลามเลียไปตามเนื้อผิว ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไล้เคล้าคลึงปทุมถันคู่งามแผ่วเบา ร่างบางบิดเร่าเมื่อซิวหาร้อนแทรกซอนดูดดื่มสองเต้างามดังทารกน้อยที่ดูดดึงกลืนไล้อย่างหิวกระหายกษีรา * (น้ำนม) เป็นนักหนา

สัมปชัญญะของณชนกเตลิดไปไกลกับการปรนเปรอของชายหนุ่มจนแทบไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เธอกำลังถูกล่วงเกินจากชายแปลกหน้า ความรู้สึกของเธอเหมือนกำลังแบ่งข้าง....หนึ่งปฏิเสธ....แต่อีกหนึ่งกลับยินดี.....ความรู้สึกปฏิเสธพยายามห้ามปรามหลบลี้แต่ร่างกายกลับอิ่มเอมกลับรสรักที่อีกฝ่ายกำลังตักป้อน....

ฝ่ามือหนาสากลูบไล้น่องเนียนได้รูปเรื่อยขึ้นมาถึงขาอ่อนอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ที่เหลือให้หลุดออก ณชนกหลับตาปี๋ทั้งกรีดร้องเมื่อรับรู้ไออุ่นของกายแกร่งที่กำลังทาบทับลงมา.....

ณชนกพยายามเขยิบหนีแต่ร่างกายของเธอกลับแอ่นเย้าเชิญชวน สองมือเรียวเล็กพยายามยกขึ้นกางกั้นผลักไส แต่สิ่งที่รับรู้ได้คือเธอกำลังไล้มือไปตามแผ่นหลังเปล่าเปลือยหากกำยำ ใบหน้าสวยเฉี่ยวเหยเกอย่างหวาดกลัวแต่ดวงหน้าสวยหวานกลับแย้มยิ้มหวานละไมเหมือนพึงใจนักหนากับบทรักที่กำลังจะดำเนินไป

บทลำนำแห่งความใคร่ของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังบรรเลงอย่างรื่นรมย์ในขณะที่หญิงชายอีกคู่หนึ่งภายใต้สัมปชัญญะที่คล้ายหลุดลอยกำลังแตกซ่านไปกับความฝันแปลกประหลาดที่กำลังเผชิญ เสียงกระเส่าเร่าร้อนของคนทั้งสองขับกล่อมอย่างไพเราะคลอเคลียไปกับเสียงแผ่วเบาของสายลมที่กำลังพัดพลิ้วยอดไม้อยู่ไกลๆ สองร่างกระหวัดรัดเกี่ยวมอบความสุขอันหวานล้ำให้แก่กันและกันอย่างลึกซึ้ง

ชายหนุ่มโอบกอดแนบชิดหมายมอบความหฤหรรษ์ให้หญิงงามตรึงใจในรสรัก ไออุ่นจากอกแกร่งแผ่ซ่านไปทั้งความรู้สึก วงแขนแข็งแรงโอบรัดร่างบางให้แนบชิดด้วยความเสน่หา ใบหน้าคร้ามคมแย้มยิ้มเมื่อเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของหญิงงามแว่วแผ่วอยู่ข้างหู ปลายจมูกโด่งเป็นสันซุกไซ้ไปทั่วทั้งเรือนร่างที่หอมกรุ่นราวกลีบกุหลาบจากสรวงสวรรค์

หญิงสาวร่างบางน้อมรับกับความสุขอันหอมหวานอย่างยินดี มือบางไขว่คว้าบีบคลึงกอดรัดกายแกร่งอย่างลืมตัว เม็ดเหงื่อบางๆ ผุดซึมตามไรผมของหญิงสาวเมื่อร่างกายใกล้เหยียบย่างขึ้นสู่ภูผาสูง

“ไหมแก้วของพี่....พี่รักเจ้าเหลือเกิน” เสียงเข้มของชายหนุ่มพ่นเพ้อเมื่อความสุขในลำนำแห่งรักกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าแรงขยับแห่งจังหวะลำนำที่เร่งร้อนรุกเร้าจนหญิงสาวครวญครางอย่างเป็นสุข ดวงตาคู่งามหลับพริ้มเมื่อร่างกายโผนทะยานขึ้นสู่ที่สูงจนสั่นเกร็งไปทั้งร่างด้วยความสุขล้นที่เอิบอิ่มเต็มหัวใจ

ร่างแกร่งกำยำตอกย้ำจังหวะลำนำแห่งรักบทสุดท้ายที่คลอเคล้ากับเสียงครวญกระเส่าด้วยอารมณ์ปรารถนาที่เดินทางถึงขีดสุด พร้อมปลดปล่อยรสรักแผ่ซ่านไปทั่วอณูสู่กายหญิง...

เมื่อบทลำนำยุติลงหนึ่งหญิงปวดร้าวเมื่อกายสาวถูกรังแก....หากหญิงหนึ่งกลับสุขล้นกับรสรักที่สัมผัสด้วยหัวใจ....หนึ่งชายอิ่มเปรมเกษมสันต์กับไอรักที่พ้นผ่าน.....หากหนึ่งชายกลับสั่นไหวกับนินทราอันแสนหวานและนิมิตงดงามที่เผชิญ....




Create Date : 02 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2552 13:30:31 น. 6 comments
Counter : 534 Pageviews.

 
ตอนนี้แฟนๆ ไม่โหวต ไม่เม้น ไม่ยอมนะคะ อิอิ ตอนนี้เขียนสดๆ ร้อนๆ แถมเขียนขณะตัวเองเดี้ยงอีกต่างหาก ฮ่าๆ เมื่อวานขี่มอร์ไซด์อยู่ดีๆ ก็มีรถอีกคันมาเฉี่ยวซะงั้น ทั้งถ่อสังขารไปช่วยทำเวทีงานลอยกระทง ทั้งไม่เจียมสังขารเขียนนิยายให้แฟนๆ ที่รักยิ่งอีก ตอนนี้เดี้ยงไปแล้วคร๊าบบบบ.......เฮ้ออนาถแท้.... แต่จะปั่นใฟ้ชนิดบ่หยั่นกับอะไร ......สังขารไม่ให้แต่ใจรักค่า


โดย: sansook วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:28:52 น.  

 
ลุ้นสุดๆ เลยค่ะ สนุกจริงๆ ค่า


โดย: tuk_ora วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:52:33 น.  

 
สวัสดีครับคุณแสงสุข

ขอให้หายจากอาการบาดเจ็บเร็วๆนะครับ

ชื่นชมกับความตั้งมั่น และตั้งใจในการทำงานครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:04:15 น.  

 
ขอให้หายเร็วๆนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

เอ..ถ้าสองคนนี้ออกมาจากโลกนั้นแล้ว
จะมองหน้ากันได้ไหมเนี่ย คิดว่าณชาคงกรี๊ดแทบแตก
อายไปเลย ส่วนตาดลนี่ท่าทางจะหน้าหนาคงไม่เป็นไร 555


โดย: karaked IP: 68.105.5.210 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:2:46:55 น.  

 
อ้าว.. พิมพ์ตกไปค่ะ ณชาคงกรี๊ดบ้านแทบแตก
ดีไม่พาเอาตาดลเลือดอาบ


โดย: karaked IP: 68.105.5.210 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:2:49:29 น.  

 
หายไวๆๆๆๆ นะค้า

ใครนะใครชั่งกล้ามาชนพี่เอ๋ได้

ยังงัยก็ห่วงสุขภาพตัวเองบ้างนะค่ะ เป็นห่วง

จุ๊บุ๊ๆๆๆๆ


โดย: น้องเอ๋ IP: 61.47.26.155 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:08:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.