Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

กม.ประกันเงินฝากมีผลบังคับใช้ เรียนรู้...วางแผนปรับตัวหรือยัง?

*นับจากวันที่ 11 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ประชาชนที่ยังยึดติดกับคำว่า 'แบงก์ล้มไม่ได้' คงต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เพราะจากนี้ไปธนาคารที่ไม่แข็งแรง ไม่มีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีพอ คงต้องล้มและปิดกิจการไป โดยจะไม่มีคำว่า 'ทางการเข้ามาอุ้ม' อีกต่อไป

     ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนที่มีเงินฝากกับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะที่มีมากกว่า 1 ล้านบาท จะต้องดูแลเงินฝากของตัวเองให้ดี ไม่ใช่ปล่อยทิ้งปล่อยขว้างเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

     แต่ไม่ได้หมายความว่า การดูแลเงินฝากของประชาชนจากทางการจะจบลงทันทีในวันที่ 11 สิงหาคม เพราะ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก จะยังให้การคุ้มครองเงินฝากที่ครอบคลุมทั้งธนาคารพาณิชย์ไทยและต่างประเทศ บริษัทเงินทุน (บง.) และบริษัทเครดิต ฟองซิเอร์ (บค.) เต็มจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยที่ปรากฏในบัญชีในปีแรกของการบังคับใช้กฎหมาย

จากนั้นจะค่อยๆ ลดจำนวนลง เริ่มจากปีที่ 2 จะคุ้มครองไม่เกิน 100 ล้านบาท ในแต่ละแห่ง และไม่เกิน 50 ล้านบาท ในปีที่ 3 ส่วนปีที่ 4 สถาบันคุ้มครองเงินฝากจะคุ้มครองไม่เกิน 10 ล้านบาท สุดท้ายจากปีที่ 5 เป็นต้นไป เงินฝากที่จะได้รับการคุ้มครองจากทางการในแต่ละบัญชีและแต่ละสถาบันการเงินจะไม่เกิน 1 ล้านบาทเท่านั้น

     จึงเป็นคำถามตามมาว่าหลังจากปีที่ 5 ไปแล้ว ผู้ที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท ควรจะบริหารจัดการอย่างไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละแห่งเองก็ตื่นตัวในเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ที่ประชาชนยังไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร

สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อระบบมากนัก เพราะปัจจุบันผู้ฝากเงินกว่า 98% เป็นรายย่อย ที่มีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท และมีผู้ฝากเงินเพียง 5,000 ราย หรือราว 0.005% เท่านั้น ที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท

ถึงแม้ผู้ฝากเงินรายใหญ่จะมีภาระเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะผู้ฝากเงินรายใหญ่ๆ มีความสามารถในการดูแลเงินฝากของตัวเองได้อยู่แล้ว และการดูแลเงินฝาก ยังเป็นการช่วยให้ระบบสถาบันการเงิน แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

     เรื่องนี้ นายพงศ์อดุล กฤษณะราช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ สายสถาบันการเงิน ธปท.ประเมินว่า ช่วงเวลา 15 วันก่อน พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากจะมีผลบังคับใช้ ยังไม่มีการถอนเงินจนผิดปกติ ส่วนหนึ่งเพราะหน่วยงานทางการกระจายข่าวให้ประชาชนรับทราบมาเป็นระยะๆ และในปีแรกก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงวงเงินที่จะคุ้มครอง จะต้องติดตามดูต่อไปอีก 15 วันหลังจากนี้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่

'เราคิดว่าหากเงินฝากธนาคารจะกระเพื่อม น่าจะเป็นช่วง 15 วันก่อนและหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่ยังไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติและน่าเป็นห่วง แต่ที่น่าห่วงน่าจะเป็นตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2552 ที่วงเงินที่คุ้มครองจะเหลือเพียง 100 ล้านบาท เราได้ให้สถาบันการเงินทำแผนรองรับว่า กรณีที่เลวร้ายคือประชาชนถอนเงินออกทั้งจำนวนจะรองรับสภาพคล่องอย่างไร หรือแค่ถอนส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท จะทำอย่างไร ที่เสนอมาก็จะเป็นการดูแลสภาพคล่องการระดมทุนเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น หาพันธมิตรใหม่ หรือกู้ยืมจากตลาดเงิน'

     สำหรับ บค.และ บง.ที่มีในระบบ 7 แห่งขณะนี้ คือ บง.กรุงเทพธนาทร บง.ฟินันซ่า บง.สินอุตสาหกรรม บง.แอ็ดวานซ์ บค.ลินน์ฟิลลิปส์ มาร์ทเก็จ บค.สหวิริยา และ บค.เอเชีย จะต้องทำการเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงิน (พีเอ็น) ของลูกค้ามาเป็นสมุดคู่ฝากหรือบัตรเงินฝากหรือใบรับฝากเงิน เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว พบว่าขณะนี้กว่า 90% ลูกค้าได้มาเปลี่ยนแล้ว ส่วนที่เหลือบริษัทเองได้พิมพ์ชื่อลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอให้ลูกค้ามาดำเนินการเท่านั้น

ในด้านตลาดทุน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยอมรับว่า พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 11 สิงหาคม จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประชาชนผู้ฝากเงินทั่วไปสนใจและตื่นตัวในการจัดการด้านการเงินและการลงทุน ขณะเดียวกันผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในระบบที่ยังอยู่ในระดับต่ำ สวนทางกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ประชาชนบางส่วนมองหาช่องทางการสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ การลงทุนในหลักทรัพย์ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ได้รับความสนใจ

     ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงมองเห็นโอกาสที่ดีที่จะให้การสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ เปิดให้มีการทำธุรกรรมผ่านสำนักงานสาขาของบริษัทที่ตั้งอยู่ในธนาคารพาณิชย์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการขยายฐานผู้ลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทหลักทรัพย์กับธนาคารพาณิชย์ จะเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะสามารถลดต้นทุนในการเปิดสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ และยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของธนาคารได้สะดวกยิ่งขึ้น ขณะที่ลูกค้าธนาคารเองจะได้รับความสะดวกในการทำธุรกรรมในตลาดทุนมากขึ้น

     ขณะที่นายพิชิต อัครทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เชื่อว่า ปีแรกของการบังคับใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มรองเงินฝาก จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ บลจ. ลูกค้ากองทุนน่าจะมีความเข้าใจมากกว่าลูกค้าเงินฝาก เพราะการลงทุนของกองทุนรวมจะมีรูปแบบคล้ายการคุ้มครองเงินอยู่แล้ว จะมีทั้งกองทุนที่คุ้มครองเงินต้น รับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ มีความคล่องตัว

การนำ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากมาใช้จะเป็นผลดีกับระบบกองทุนรวมอยู่แล้ว เพราะการคุ้มครองเงินฝากในธนาคารที่ลดลง จะทำให้การฝากเงิน จะขึ้นกับอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเป็นหลัก ประชาชนจะเลือกฝากเงินในธนาคารที่มีความมั่นคง ดังนั้น ธนาคารที่ความมั่นคงมีน้อยก็ต้องให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อดึงเงินฝาก ขณะที่เงินส่วนหนึ่งจะไหลมาที่กองทุน ดังนั้น ธนาคารที่มีระบบการบริหารจัดการที่ดีน่าจะได้เปรียบมากกว่า

     ถึงแม้ที่ผ่านมาสถาบันการเงินแต่ละแห่งพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจกับลูกค้าผ่านรูปแบบต่างๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจากการสอบถามประชาชนผู้ออมและนิติบุคคลหลายแห่ง ยังไม่รู้ว่ากฎหมายฉบับนี้จะกระทบต่อสิทธิของผู้ฝากอย่างไร เพราะที่ผ่านมาอาจละเลยต่อการทำความเข้าใจกับกฎหมาย แม้ทุกฝ่ายจะพยายามกระตุ้นให้ประชาชนทุกคนตื่นตัวกับความจำเป็นในการศึกษาความรู้ด้านการเงิน เพื่อสามารถวางแผนและจัดการการเงินส่วนบุคคลของตัวเองได้ต่อไป

     ทั้งนี้ ในหลายประเทศที่มีกฎหมายลักษณะเดียวกันนี้บังคับใช้ไปก่อนหน้าไทยหลายปี อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ก็ยังต้องเดินสายชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนจนถึงทุกวันนี้

นับจากนี้ไป ใครคิดจะฝากเงินก็ต้องวางแผนการออมให้ดีว่าจะแบ่งบัญชีไปฝากธนาคารและลงทุนด้านใดบ้าง โดยชั่งน้ำหนักเรื่องความมั่นคงของสถาบันการเงินแต่ละแห่งให้ดี


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนออนไลน์ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 หน้า 17

H O M E




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2551
0 comments
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 21:19:40 น.
Counter : 634 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.