ย้ายป่าราบ หนีสภาใหม่เกียกกาย
ไม่เพียงจะเป็นประกาศสายฟ้าแลบเท่านั้น สำหรับพื้นที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่อยู่ดีๆ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติ งบประมาณให้กับสำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการจัดหาที่ดินก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,337 ล้านบาท
แต่ยังหมายถึงการหน่วงเหนี่ยวชักลากพื้นที่เป้าหมายหลายแห่งที่ผ่านมาหลายปีได้ถึงกาลจบสิ้น อาทิ พื้นที่ย่านคลองเตย ย่านชลประทาน ปากเกร็ด พื้นที่คลังแสงย่านติวานนท์ เป็นต้น
นายมานพ นพศิริกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนโยธินบูรณะ กล่าวว่า การสร้างรัฐสภามีข่าวมานานแล้วว่า ทางโรงเรียนโยธินฯจะต้องโดนเวนคืนที่ดิน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นที่ของหลวง
'ผมมองว่าหากมีการสร้างรัฐสภาจริงก็เห็นด้วยกับการสร้าง เราจะได้สภาที่ทันสมัยเป็นหน้าตาของประเทศ ใจผมชอบที่นี่ แต่หากต้องย้ายเพื่อประเทศชาติก็ต้องไป และผมเชื่อว่า ประชาชน ผู้ปกครอง เข้าใจว่ารัฐสภาต้องเป็นหน้าตาประเทศ'
ทั้งนี้ นายมานพย้ำว่า การจะย้ายโรงเรียนไปที่แห่งใหม่นั้น รัฐบาลต้องสร้างอาคารเรียน สาธารณูปโภคให้พร้อม
'โรงเรียนจะมีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าเดิม มีถนน 6 เลน ผมหวังเพียงว่าโรงเรียนเราจะมีระบบการสร้างอาคารเรียน มีการออกแบบให้ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเดิม มีการเชื่อมต่ออาคาร ห้องปฏิบัติการ ห้องกิจกรรมพิเศษ สื่ออุปกรณ์ ต้องได้ครบครัน รวมทั้งห้องสมุดเดี่ยว ห้องสมุดรวม'
'จิตใจผมในฐานะผู้บริหาร เรารักสถาบัน พี่น้องเรา แต่อย่าลืมว่าเราต้องรักประเทศชาติ นี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด หากสร้างรัฐสภาหมายถึงการสร้างประเทศชาติ อาคารรัฐสภาต้องสง่างาม ในฐานะ ผู้บริหารโรงเรียน ยินดีสนับสนุนองค์กรนิติบัญญัติให้มีความสง่างาม แม้กระเทือนใจที่ต้องย้าย แต่รักประเทศชาติต้องเหนือสิ่งอื่นใด ขอให้สร้างให้ดี ให้สง่างาม กระเทือนจิตใจเป็นเรื่องปุถุชน เหมือนเรามีบ้านหลังที่หนึ่ง ต่อไปอาจจะมีหลังที่ 2, 3 ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอให้เรามีความสุขก็พอ แล้วเราจะผลิตยุวชนชาติทั้งครูและเด็กที่มีคุณภาพออกไปสู่สังคมมากๆ นี่คือความสุขของโยธินฯ'
ด้านนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มหนึ่งกล่าวว่า ละแวกวัดสร้อยทอง รถติดมากอยู่แล้ว อีกทั้งสภาพแวดล้อมไม่เหมาะแก่การเรียน เพราะมีตลาด คลองน้ำเน่า และชุมชนแออัดสลัม
'ไม่อยากย้าย แต่ถ้าทำเพื่อชาติ เราขอโอกาสเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมได้หรือเปล่า วัดสร้อยทองน้ำท่วมทุกปี เพื่อนๆ หลายคนพอรู้ข่าวแล้วเลือดรักโรงเรียนแรง เพราะรู้ปุบปับทำใจไม่ทัน กลับบ้านไป พ่อแม่ถามคำแรกเลยว่า โรงเรียนโดนย้ายหรือ ย้ายโดยไม่ถามนักเรียนเลย แม้ว่าจะยังไม่ย้ายเร็วๆ นี้ พวกเราไม่ได้รับผลกระทบก็จริง แต่อีก 4-5 ปีข้างหน้า รุ่นน้องเราก็ต้องได้รับผลกระทบนั้นอยู่ดี'
นายทหารในบ้านพักข้าราชการ ร้อย.ม.(ลว.)1 พล.1 รอ. นายหนึ่งเล่าว่า อยู่มาตั้งแต่ปี 2522 ได้รู้ข่าวว่าจะมีการย้าย หากให้ย้ายก็ต้องไป
'รัฐสภาสร้างตรงไหนก็เหมาะ เพียงแต่อย่าให้เราเดือดร้อน เด็กๆ ไปโรงเรียนลำบาก เดินทางไกล เพราะถ้าย้ายโรงเรียนก็ต้องย้ายหมดทุกอย่าง'
'คุณเจี๊ยบ' ผู้อาศัยในบ้านพักขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะต้องย้ายไปอยู่ที่ไหน แต่ไม่อยากย้าย และไม่อยากให้รัฐสภามา เนื่องจากเป็นห่วงว่าการทำมาหากินต้องไปเริ่มต้นใหม่อาจจะลำบาก ถึงอย่างนั้นก็จะไม่ต่อต้าน เพราะพื้นที่ส่วนนี้เป็นของหลวง เป็นที่ราชการ ทำอะไรก็ลำบาก
งบประมาณ 4,337 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยที่ดินและค่าใช้จ่ายอื่น 4,027 ล้านบาท (จ่ายเงินชดเชยให้แก่กองทัพบก 3,925 ล้านบาท, ชดเชยสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 100 ล้านบาท และชดเชยกรมราชองครักษ์ 2 ล้านบาท), สำรวจและออกแบบอาคารรัฐสภา 200 ล้านบาท, การก่อสร้างอาคารทรงไทยเฉลิมพระเกียรติ พร้อมปรับปรุงพื้นที่ และภูมิสถาปัตย์ ค่าประกวดผังแม่บท 103 ล้านบาท, ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้าง 7 ล้านบาท
และต้องย้ายโรงเรียนขนส่งทางบกไปที่ติวานนท์, อาคารที่พักทหารราชองครักษ์ ไปที่ถนนศรีสมาน ใกล้กระทรวงกลาโหม, ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ 3 ไร่ ฝ่ายเกี่ยวข้องจะมีการจัดสรรให้ครบถ้วน
ขอขอบคุณ ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2551 หน้า 36
H O M E
Create Date : 09 สิงหาคม 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 9 สิงหาคม 2551 16:16:59 น. |
Counter : 711 Pageviews. |
|
|
|